คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 : การรวมตัวอีกครั้ง
Chapter 3 : การรวมตัวอีกครั้ง
เอลรอนด์เดินมายังระเบียงทางเดิน และพบว่าพ่อมดขาวกำลังยืนแน่นิ่งดุจศิลาจำหลัก แกนดัลฟ์ผู้ทรงปัญญากำลังมองท้องนภากาศในยามราตรี ลมหายใจทอดยาวผ่านหนวดเราสีขาวโพลน พ่อมดหันมายิ้มให้เล็กน้อยแก่จอมพรายแห่งริเวนเดลล์ผู้งามสง่า
“ วันนี้ ดาราแห่งเออาเรนดิลแจ่มชัดกว่าที่เคยเป็น ท่านเอลรอนด์ ”
“ ข้ารู้ว่าท่านต้องกล่าวเช่นนี้ เสียดายจัง ” เอลรอนด์กล่าว “ ความจริง ข้าควรไปยังวาลินอร์ได้เสียนานแล้ว และข้าควรไปหาท่านพ่อท่านแม่ และก็ เคเลบรีอัน ภรรยาที่จากไปของข้า หรือบางที พวกเขาอาจจะจำข้ามิได้เสียเลย ” “ ไม่มีบิดามารดาผู้ใด ลืมบุตรธิดาของตนได้ลงหรอก ถึงท่านจะยอมให้อุนโดเมียล บุตรีของท่านสละความเป็นอมตะให้กับเอเลสซาร์ แน่นอน นางยังอยู่ในหัวใจของท่านเสมอ ตราบเท่าที่นางมีชีวิตอยู่ ” “ นางอยู่กับข้ามานานมาก และนางเป็นลูกที่รักข้าจากใจจริง นางไม่เคยโต้เถียงหรือขัดใจข้าเลย ยอมรับว่านางทระนงในเรื่องความรัก เช่นเดียวกับลูธิเอน บรรพชนของข้า แต่นางมีความทรงจำของข้าอยู่เต็มเปี่ยม อา..แกนดัลฟ์...หากว่าข้าจำบิดาบังเกิดเกล้าของตัวเองแทบไม่ได้เลย...”
“ ท่านมีส่วนคล้ายบิดาของท่าน ดาราแห่งผองชน เอลรอนด์ คือ ยอมเสียสละตนเพื่อหน้าที่ในมัชฌิมโลก เช่นเดียวกับอารากอร์น ” แกนดัลฟ์กล่าว แววตาสุกใสดังดวงดาวในเวลานี้
“ อารากอร์น เอเลสซาร์ หรือเจ้าหนูเอสเตลของข้า กล้าหาญและหัวรั้นเหมือนเอสรอสไม่มีผิด ”
จอมพรายถอนใจแผ่วเบา พลางนีกถึงพี่ชายฝาแฝดของตนที่ได้เลือกตนเองให้กลายเป็นมนุษย์ ความสัมพันธ์ของเขาและเอลรอส จบในวันนั้น เมื่อเอลรอส พี่ที่คอยปกป้องเขาในวัยเยาว์ พี่ที่คอยเป็นสหายร่วมศึกรับใช้กิล-กาลัด ก่อนที่จะทรงเถลิงราชย์เป็นกษัตริย์พรายโนลดอร์องค์สุดท้ายแห่งมัชฌิมโลก เอลรอสและเอลรอนด์ต่างได้รับพรจากเหล่าเทพวาลาร์ หลังจากที่บิดาของพวกเขาได้อุทิศตนเพื่อปราบปรามความโหดร้ายของมอร์กอธได้สำเร็จ
พรผู้เลือก....บุตรหลานของพวกเขาสามารถเลือกจะเป็นพรายและมนุษย์ได้ตามใจต้องการ
หากว่าเลือกได้เพียงครั้งเดียว ถ้าเลือเป็นพราย ลูกหลานของเขาจะเป็นอมตชนและสามารถเลือกเป็นสองเผ่าพันธุ์ พรายหรือมนุษย์ตามใจปรารถนา ถ้าเลือกเป็นมนุษย์ บุตรหลานจะเป็นมนุษย์ และไม่สามารถเลือกเป็นพรายได้อีกต่อไป...ด้วยเหตุนี้ เอลรอสผู้เลือเป็นมนุษย์และได้รับการตั้งตนให้เป็นกษัตริย์แห่งนูเมนอร์พระองค์แรก จนเมื่ออาณาจักรนูเมนอร์ล่มสลายไปแล้ว เอลรอนด์ก็ยังให้ความช่วยเหลือทายาทของเอลรอสเป็นเวลาหลายศตวรรษ แต่มีอารากอร์นเพียงผู้เดียวที่เขาเลี้ยงดูมาด้วยความรักเยี่ยงบิดาบังเกิดเกล้า
“ เอสเตล ทำให้ข้านึกถึงพี่เอลรอส เป็นกษัตริย์ผู้เปลี่ยนอนาคตและก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ บางทีข้าอยู่ในแผ่นดินมานานจนข้าหลงลืมไปบางอย่าง อาร์เวนเลือกที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปตราบที่นางกลายเป็นธุลี ส่วนลูกชายข้า เอลลาดาน เอลโรเฮียร์ พวกเขายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าจะติดตามข้าไปยังแดนนิรันดร์หรือไม่ ”
“ ท่านจะไม่เสียลูกชายฝาแฝดของท่าน พวกเขาเลือกท่าน เอลรอนด์ ” แกนดัลฟ์ตอบ
“ ยังดี ท่านพ่อจะได้เห็นหน้าหลานของท่านซักคน ข้ามีความลับที่ไม่อยากเล่าถึงให้ใครฟัง
คนที่รู้ก็มีเพียงท่านและคนไม่กี่คนในครอบครัว ”
แกนดัลฟ์นิ่งไปชั่วอึดใจเดียว “ เรื่องราวของเออาเรนดิล บิดาของท่าน ”
“ มันไม่ใช่ของวิเศษอะไรหรอก เลดี้กาลาเดรียลกล่าวกับข้า อดีตที่ห้วนคืนมาไม่ได้ แก้ไขไม่ได้ มันสูญเปล่าที่จะกลับไปทางเดิม ” ลอร์ดแห่งริเวนเดลล์ตอบเพียงเท่านี้
เสียงฝีเท้าดังตุบตับของฮอบบิทผู้หนึ่งวิ่งมาด้วยความรวดเร็ว แววตาของเขาลุกลนยิ่งนัก
“ แซมไวส์ แกมจี ” พ่อมดขาวอุทาน “ ทำไมเจ้ายังไม่นอนอีกล่ะ ”
ฮอบบิทหนุ่มร่างกลม ผมสีอ่อน ผู้ที่แสนจะชินกับอาการดุดันของแกนดัลฟ์ในเรื่องซุ่มซ่ามกับหน้าที่ต่างๆ แม้จะเสร็จสิ้นภารกิจทำลายแหวนไปตั้งหลายเดือนแล้ว
“ คุณแกนดัลฟ์ครับ ท่านเอลรอนด์ครับ มีเรื่องแล้วครับ ”
“ อะไรหรือ แซมไวส์ ”
“ คุณโฟรโด หายไปครับ ผมตามหาทั่วแล้ว ไม่มีใครเห็นคุณโฟรโดเลยครับ ”
“ อะไรนะ โฟรโดหายไปอย่างไร เมื่อครู่ เขายังอยู่ในห้องโถงของเขา ”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองกล่าว เอลรอนด์จึงก้าวฝีเท้าพรายของตนกลับไปยังห้องโถง
โดยมีแกนดัลฟ์และแซมตามมาด้วย และสิ่งที่พวกเขาพบคือ เศษกระดาษที่กระจายปลิวว่อน
ไปทั่วห้องโถง และสมุดบันทึกที่วางอยู่กลางห้องเท่านั้น ทำให้จอมพรายแห่งริเวนเดลล์
ผู้แสนเคร่งขรึมอุทานลั่นว่า
“ บันทึกของพ่อข้า ให้ตายสิ โฟรโด เจ้าทำอะไรลงไป ”
“ หมายความว่าไงครับ ท่านเอลรอนด์ ” แซมถามอีกครั้ง ด้วยความกังวลว่า ถ้าโฟรโดหายไปจริงๆ แซมจะไม่มีทางอภัยตัวเองอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน แล้วแกนดัลฟ์ตัดสินใจหยิบมันขึ้นมา และเอ่ยว่า...
“ สมุดเล่มนี้สินะ คือความลับของท่าน ”
“ ใช่ ”
แกนดัลฟ์พยักหน้ารับ “ ท่าทางเรื่องนี้จะสนุกไม่น้อยเสียแล้ว ”
พ่อมดขาวกล่าวพร้อมกับมองที่แซม และฮอบบิทหนุ่มก็รู้สึกว่า ภารกิจการเดินทางของเขายังดำเนินต่อไป...แล้วอีกเมื่อไหร่....
ดังนั้น เอลรอนด์จึงร่างจดหมายเพียงฉบับเดียวไปถึงกษัตริย์แห่งกอร์ดอร์เพื่อกลับมายังริเวนเดลล์อีกครั้ง โดยมีใจความว่า
ถึง เอสเตล ลูกรัก
พ่อมีงานบางอย่างที่ต้องให้เจ้ามาช่วยสะสาง พ่อรู้ว่าเรื่องนี้จะรบกวนใจของเจ้าและอาร์เวน แต่ว่า เรื่องนี้สำคัญและใช้เวลาไม่นานนัก มันเกี่ยวข้องกับโฟรโด ผู้ถือแหวนขอให้พวกเจ้ากลับมาทีอิมลาดริสด้วยเถิด
เอลรอนด์ ผู้ปกครองอิมราดริส ริเวนเดลล์
จอมพรายตนสุดท้ายแห่งมัชฌิมโลกตระหนักว่า ทางที่ดีในเวลานี้คือ ต้องบอกความจริงกับทุกคนด้วยวาจาของตนเอง...จังหวะนั้น บิลโบเดินก้าวมาหาจอมพรายร่างสูง ใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลด้วยความตกใจและหวาดหวั่นยิ่งนัก แล้วเขาก็ถามว่า
“ ท่านเอลรอนด์ หลานชายข้าจะได้กลับมาหรือไม่ครับ ”
“ โฟรโดจะกลับมาแน่นอน บิลโบ แต่ให้เวลาอีกซักพักก่อนเถิด ”
“ ที่ข้าต้องการถาม หลานข้าไปอยู่ในสมุดเล่มนั้นได้อย่างไร”
“ ข้าตอบเจ้าในเรื่องนี้ยังไม่ได้ บางทีข้าควรไปปรึกษาท่านหญิงแห่งไพรทองเสียก่อน นางรับรู้เรื่องนี้ดี และนางจะมีวิธีแก้ไขได้ เพราะว่าเหตุการณ์นี้ ข้าจนเกล้าจริงๆ ”
บิลโบจึงกลับไปนั่งปรับทุกข์กับฮอบบิทอีกสามคนที่เหลือ คือ แซม เมอร์รี่และปี๊ปปิ๊น
แน่นอนว่า พวกเขาเป็นกังวลนัก ยกเว้น ปิ๊ปปิ้นที่ยังใส่ใจกับน้ำชาสมุนไพรที่เขาจะนำกลับไปยังไชร์
“ ไม่ต้องห่วงหรอก ท่านลุง โฟรโดไม่ได้ไปไหน แค่หลุดไปในหนังสือ ”
แซมทำหน้าฉุนให้ปิ๊ปปิ๊น เมอร์รี่ผู้เป็นญาติสนิทจึงกระทุ้งไหล่ให้เขาระวังคำพูด
“ หนังสือเล่มนั้น เป็นบันทึกของท่านเออาเรนดิลจริงๆเหรอครับ และคุณโฟรโดล่ะ จะเป็นอย่างไร ข้าเป็นห่วงว่า เขาไม่มีอาวุธป้องกันตัว ดาบสติงก็อยู่ที่นี้ โธ่...”
เมอร์รี่ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “ ถ้าโฟรโดไปอยู่ที่กอนโดลินจริงๆ เขาเอาตัวรอดได้ หลงไปในหมู่เอลฟ์ไม่ใช่พวกออร์ค อีกอย่างโฟรโดพูดภาษาเควนยาได้ด้วย เขาไม่เป็นไรอะไรหรอก ”
แซมลุกขึ้นยืน สีหน้าบึ้งตึง
“ผมจะไปช่วยคุณโฟรโด ต่อให้เป็นตัวอันตรายที่ยิ่งกว่าแหวนหรือเจ้ากอลลัม ผมไม่มีทางให้ใครหรืออะไรมาทำร้ายคุณโฟรโด ”
“ ใจเย็นก่อนเถิด แซม ” ฮอบบิทผู้ชรากล่าว “ ที่ๆโฟรโดไป ไม่ใช่สถานที่ธรรมดานะ เป็นนครลับแล มีกษัตริย์ที่เป็นบรรพบุรุษของท่านเอลรอนด์เป็นผู้ปกครอง และบันทึกเล่มนั้น...เป็นสิ่งที่ไม่กี่อย่างที่ท่านเออาเรนดิลมอบให้กับท่านเอลรอนด์ ก่อนจากกันไป...ข้ารู้เท่านี้แหละ ”
“ ย้อนเวลาเหรอ ” เมอร์รี่ถาม “ ผมอยากย้อนเวลาไปตอนผมเด็กๆเหมือนกัน ช่วงเวลาที่แสนสุขสันต์ที่สุดของชีวิต แต่โฟรโดย้อนเวลาไปยังหลายพันปี ไม่รู้ว่าโลกในตอนนั้นจะเหมือนกับเวลานี้มั้ยนะ และมีของกินมากกว่าที่นี้มั้ย ”
ดวงตามีเปล่งประกายของสองหนุ่มฮอบบิท ชวนให้นึกถึงอดีตแสนไกลโพ้น ยามที่เอ้นท์ที่มีนามว่า “ ทรีเบียร์ด ” แล้วถึงเรื่องราวประหลาดและภาษาแปลกหูที่พวกเขาฟังมา
หากว่า แซมเป็นห่วงเจ้านายของตนอยู่ เขาเคยเชื่อว่า เวทมนตร์แห่งพรายมีอยู่จริง มาตั้งแต่เห็นพลังวิเศษในกระจกเงาแห่งกาลาเดียลแล้ว สิ่งที่เขาคิดว่าไม่มีวันได้เจอเขาก็พบมาหมดแล้ว ดังนั้น ฮอบบิทหนุ่มจึงภาวนาแค่ว่า อย่าให้คุณโฟรโดเป็นอะไร และให้เขาได้ไปสู่เวลานั้นได้ บางทีท่านลอร์ดเอลรอนด์กล่าวถูกต้องก็เป็นได้ว่า...
...ภารกิจของพันธมิตรแห่งแหวนยังไม่จบสิ้น...มันกำลังดำเนินต่อไป....
ความคิดเห็น