ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ LOTR & SIL Fic ] Once upon a time in The Hidden Kingdom

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : บันทึกของลอร์ดเอลรอนด์

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ค. 57


    Chapter 1 : บันทึกของลอร์ดเอลรอนด์

     

     

    หลังจากสงครามแหวนได้พ้นไป เหล่าเสรีชนแห่งมิดเดิลเอิร์ธต่างหลุดพ้นจากอำนาจมืดของ

     

    จอมมารเซารอนผู้ชั่วร้าย และผู้ถือแหวนก็ได้กลับมาเดินทางยังริเวนเดลล์

     

    โฟรโด แบ๊กกินส์ บัดนี้ได้รับขนานนามใหม่ว่า “ โฟรโด ผู้มีเก้านิ้ว ”

     

    จากการถูกกอลลัมกัดนิ้วที่เขาสวมแหวนวงนั้นก่อนมันจะตกลงไปยังภูมฤตยู

     

    แล้วแหวนเอกธำมรงค์ก็ถูกทำลาย หากว่าความชั่วร้ายนั้นยังจะคงอยู่หรือไม่ ?

     

    ~*~*~*~*~

     

     

    ณ คฤหาสน์ลาสต์โฮมลี่ เฮาส์ ที่พำนักของลอร์ดเอลรอนด์จอมพราย หนึ่งในพรายผู้ยิ่งใหญ่

     

    แห่งมิดเดิ้ลเอิร์ธยุคที่สาม

     

    ฮอบบิทหนุ่มยิงพิงเสาระเบียงที่อยู่ใกล้กับหอสมุดของคฤหาสน์แสนโอ่โถ่ง

     

    ดวงตาสีฟ้าใสกำลังจับจ้องไปที่สายน้ำตกที่สูงสุดของริเวนเดลล์ นิ้วเรียวของโฟรโดยัง

     

    ลูบสร้อยคอรูปดาราสีเงินที่ราชินีอาร์เวนเป็นผู้มอบให้เขา

     

    หลานข้า ” โฟรโดหันกลับไปมอง พลางยิ้มเล็กน้อย

     

    ลุงบิลโบ ลุงเป็นไงบ้างครับ ”

     

    หลังจากที่พ้นจากมนตราของแหวนเอก บิลโบ แบ๊กกินส์ก็กลายเป็นฮอบบิทร่างชรา

     

    ผมสีขาวโพลน หน้าตาเหี่ยวย่น ดูเงียบขรึมกว่าเดิมมาก มีเพียงดวงตาสีฟ้าที่คล้ายกับของ

     

    หลานชายเท่านั้น ยังส่งประกายว่าต้องการหาความรู้และเรื่องราวในตำนานโบราณของเหล่าพราย

     

    ลอร์ดเอลรอนด์เป็นสหายสนิทของฮอบบิทชราผู้นี้มาหลายปีแล้ว

     

    ดังนั้น บิลโบจะพำนักอาศัยไปอีกนานเท่าไรก็ย่อมได้

     

    ลุงยังเดินได้อยู่ เด็กน้อยเอ้ย...อา...” ฮอบบิทผู้เป็นลุงทรุดลงบนม้านั่งหินอ่อนสีเทา

     

    สังขารของลุงดูเหมือนไม่ค่อยดี ลุงเนี่ยอายุเท่าไรแล้วน่า...”

     

    สำหรับลุงแล้ว ลุงยังไม่อายุมาก จะว่าแปลกนะ ผมกลับรู้สึกว่า ลุงยังดูหนุ่มขึ้นมากกว่า

     

    อยู่ที่ไชร์ซะอีก ”

     

    บิลโบสะกิดแขนของหลาน “ เพราะลุงกินอาหารดีๆ จากท่านลอร์ดพรายหน้าบึ้งนั่นไง ”

     

    ฮ่า ๆ ” โฟรโดหัวเราะเสียงใส “ ลุงครับ ถ้าท่านลอร์ดเอลรอนด์มาได้ยินเข้าจะโกรธเอาได้นะ ”

     

    อา ไม่หรอกนา ท่านลอร์ดใจดีอยู่แล้ว แถมลุงยังเจอสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมาด้วยล่ะ ”

     

    โฟรโดรู้สึกไม่แน่ใจเมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นลุงฉายแววประหลาด

     

    แถมของที่ลุงบอกไปนั้นก็มาอยู่บนหน้าตักของเขาแล้ว

     

    สมุดบันทึกเหรอครับ ” ฮอบบิทหนุ่มก้มลงมองด้วยความประหลาดใจยิ่ง

     

    สมุดบันทึกเล่มนี้เป็นสมุดปกแข็งสีนำ้ตาล ปกแกะสลักด้วยไม้เบิร์ช มีลักษณะที่บ่งบอกว่า

     

    สมุดเล่มนี้มีอายุมาหลายชั่วอายุคนเป็นแน่ และมีตัวอักษรเทงวาร์ตวัดด้วยลายเส้นสีทอง

     

    เออาเรนดิล ” โฟรโดพึมพำ “ ลุงครับ...ลุงอยากบอกนะว่า...”

     

    บิลโบแตะนิ้วชี้บนริมฝีปากของตนเอง เป็นสัญญาณที่โฟรโดรู้ดีว่า ลุงให้เขาเงียบ

     

    อันที่จริง เขาเติบโตมากับลุงมาตั้งแต่อยู่ในไชร์พอที่จะเข้าใจแล้วว่า มันน่าตื่นเต้นไม่ใช่น้อย

     

    นี่ๆ ระหว่างที่เจ้าไปทำลายแหวน ลุงก็พบสมุดเล่มนี้ มันคือ อะไร เจ้าทายซิ ”

     

    มันก็คือ สมบัติของท่านบิดาของลอร์ดเอลรอนด์ แต่มันจะมีประโยชน์อะไร

     

    ลุงบิลโบ ผมว่าเราเอาไปคืนที่ห้องของท่านจอมพรายเถอะ ”

     

    เจ้าหลานคนนี้นะ ทำไมถึงซื่อไม่ยอมเปลี่ยน สมุดเล่มนี้อาจจะเป็นของวิเศษ

     

    ไม่ต่างจากขวดแก้วที่ท่านหญิงแห่งไพรทองประทานให้เจ้าก็เป็นได้ ”

     

    โฟรโดพยายามทักท้วงฮอบบิทผู้เป็นลุงของตน หากว่า เขาก็ได้เห็นร่างสูงในชุดสีแดงเข้ม

     

    ร่างสูงใหญ่ที่มีผมสีดำดังรัตติกาล และหน้าผากที่แสดงถึงปัญญาที่เต็มเปี่ยมผ่านมาหลายยุค

     

    หลายสมัย ดวงตาสีเทาวาววับดังมีดที่พร้อมฟาดฟันได้ทุกคราว

     

    ลอร์ดเอลรอนด์ ” โฟรโดอุทาน ฝ่ายบิลโบลุงชราของเขาก็ไม่น้อยหน้าที่จะทำหน้าตาซีดเซียว

     

    ขอประทานอภัยครับ ”

     

    จอมพรายแห่งริเวนเดลล์แสดงสีหน้าที่คาดเดาไม่ได้ว่าจะทำเช่นไรต่อไป

     

    หากเขาได้เห็นสมุดบันทึกเล่มนั้นอยู่กับโฟรโด จึงกวาดเรียวหัตถ์แกร่งออกมาจากผ้าคลุม

     

    ข้าขอสมุดเล่มนั้นคืนเถิด ”

     

    ฮอบบิทหนุ่มจึงยอมวางสมุดเล่มบันทึกนั้นคืนแต่โดยดี ฝ่ายบิลโบกลับทำหน้าฉุนคล้ายจะทักท้วง

     

    สมบัติบางอย่างของข้าถือว่าเป็นของที่ข้าคงต้องเก็บไว้กับตัว ไม่ควรปล่อยให้

     

    ฮอบบิทบางคนเข้าไปเล่นได้ ”

     

    เมื่อสายตาสีเทาคู่คมมองมาแบบเย็นชาเช่นนั้นแล้ว บิลโบก็โต้ตอบ

     

    อะไรของท่าน สมุดของท่านเออาเรนดิล มันก็เป็นสมุดเปล่าๆ ข้าจะเอามาให้หลานข้าใช้

     

    ทำไมจะไม่ได้เล่า...”

     

    สมบัติของบิดา คือ มรดกของข้า บิลโบ แบ๊กกินส์ นี้เป็นสิ่งหนึ่งที่บิดาของข้ามอบไว้ให้ก่อนที่

     

    ข้าจะจากข้ากับเอลรอสไป...ที่อื่น...”

     

    เอลรอส...โฟรโด นึกถึงพี่ชายฝาแฝดของเอลรอนด์ ผู้เป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรนูเมนอร์

     

    ที่ล่มสลายไปตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ยุคที่สาม แถมยังเป็ยบรรพบุรุษของอารากอร์น ซึ่งตอนนี้

     

    ได้เป็นราชาแห่งกอนดอร์ โดยมีอาร์เวนเป็นราชินีคู่พระทัยไปแล้ว

     

     

    โธ่เอ้ยๆ อีกไม่นาน ท่านก็ต้องกลับหาบิดาของท่านที่แดนนิรันดร์ แม้แต่ เอลลาดานและเอลโรเฮียร์

     

    ลูกชายทั้งสองของท่านด้วย ”

     

     

    จอมพรายแห่งริเวนเดลล์ดูจะไม่พอใจมากขึ้น แต่ก็ยังคงใบหน้านิ่งเรียบอยู่นั่นเอง

     

    เสียดายอย่างเดียว อาร์เวน อุลโดเมียล มิได้ตามข้าไป...”

     

    คราวนี้ท่านฮอบบิทชราบิลโบก็ถึงกับกล่าวคำใดออกจากริมฝีปากไม่ได้

     

    ฝ่ายโฟรโดเองก็รู้สึกคล้ายเช่นเดียวกัน...การอำลาจากบุตรสาวที่สละชีวิตอมตะเพื่อได้ครองคู่

     

    กับมนุษย์ ดูช่างไม่ต่างไปจากเจ้าหญิงลูธิเอนในยุคบรรพกาลเลย

     

    ข้ารู้ดีบางอย่างก็ลิขิตมิได้ ข้าเป็นเพเรเธล ( พรายกึ่งมนุษย์ ) ข้าเสียพี่ชายให้กับการเป็นมนุษย์

     

    มาตั้งหกพันปีมาแล้ว ไม่นานนี้ อาร์เวนก็เลือกความรักที่มีต่อ...เอสเตล...ไปเสียอีก...

     

     

    ไม่เป็นไรหรอก...อย่างไรเสีย เอสเตลก็คือ อารากอร์น และอารากอร์นก็คือ เอสเตล

     

    เขาจะดูแลอาร์เวนให้มีความสุข เพราะเขาพิสูจน์ตัวเองมาจนถึงขั้นนี้แล้ว...”

     

    เอลรอนด์มองยังโฟรโดอีกครั้ง “ เจ้าก็ด้วย โฟรโด ผู้ถือแหวน ”

     

    เอ้อใช่ๆ แหวน ” บิลโบกล่าวถึงมาด้วยสีหน้าแช่มชื่น “แหวนวงนั้นยังอยู่เปล่า หลานข้า ”

     

    ฮอบบิทหนุ่มจึงตอบไปเพียงว่า “ ผมทำมันหายไปแล้วล่ะครับลุง ”

     

    อาาา...ข้าเสียดายแทนจริงๆ ” บิลโบได้แต่บ่นพึมพำอยู่เช่นนั้น

     

     

     

     

    ท้องฟ้าได้ผลัดสีจากสีส้มอ่อนเจือแดงในยามตะวันตกดิน กลายเป็นสีดำแห่งรัตติกาล

     

    ที่ดวงดาวยังสะท้อนแสงและร้อยเรียงอยู่นับร้อยนับพันดวง

     

    ลอร์ดเอลรอนด์นำสมุดเล่มนั้นกลับมายังห้องพักที่ตนทำงานอยู่เป็นประจำ

     

    จอมพรายชายตามองขึ้นไปบนท้องนภาเผ่านหน้าต่างแก้วพื่อมองยังดวงดาราที่เปล่งแสงสว่าง

     

    ที่งดงามจรัสตามากที่สุด มากกว่าดวงดาวทุกดวง...

     

    ...ท่านพ่อ...อดา...อดา...ข้าก็ยังระลึกถึงท่าน และข้าก็รู้เสมอว่าท่านมองข้าอยู่

     

    ทันใดนั้นเอลรอนด์ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนึ่ง แล้วเขาก็เดาไม่ผิดหรอกว่า

     

    มันเป็นของฮอบบิทหนุ่ม ผู้ถือแหวน

     

    โฟรโด เจ้ากลับมาอีกรอบหรือ ” จอมพรายแห่งริเวนเดลล์เอ่ย โฟรโดจึงพยายามส่งยิ้มให้

     

    ฝีเท้าเดินมาใกล้ร่างสูงของเอลรอนด์ เขาจึงคำนับลงอย่างนอบน้อม

     

    ข้าขออภัยที่ลุงบิลโบหยิบสมุดของท่านไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ”

     

    ไม่เป็นไร ” จอมพรายผู้ปกครองยิ้มจางๆ “ ข้าก็ไม่ถือโกรธลุงเจ้าหรอก ข้าเก็บของไม่ดีเอง ”

     

    ดวงตาสีฟ้าใสของโฟรโดมองยังสมุดบันทึกเล่มนั้นอยู่ “ สมุดนี้เป็นของท่านเออาเรนดิลจริงๆเหรอฮะ

     

    ท่านเอลรอนด์ ”

     

    มันก็เป็นสิ่งของไม่กี่อย่างที่พ่อทิ้งไว้ เท่าที่รู้ พ่อข้าไม่ใช่คนที่ชอบหอบของไปมาหรอก

     

    เขาอยู่แต่บนเรือสีขาวของเขานั่นแหละ ”

     

    ข้าก็เสียใจ...ท่านต้องจากบิดามารดาไปตั้งแต่ยังเยาว์ ผมเข้าใจความรู้สึกท่านครับ ”

     

    เอลรอนด์หัวเราะเบาๆ “ มันคนละกรณีกัน เจ้าหนูเอ๋ย พ่อแม่เจ้าเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ

     

    แต่ข้ากลับต้องจากพ่อแม่ไป...ไม่สิ...พวกเขาต้องเลือกจากข้ากับพี่ชายไปเพื่อทำหน้าที่...”

     

    อีกไม่นานท่านจะได้กลับไปหาท่านเออาเรนดิลแล้ว บิดาของท่านรอท่านอยู่ที่แดนตะวันตก

     

    ท่านควรจะปิตียินดีมิใช่หรือครับ ”

     

    ฝ่ายจอมพรายแห่งอิมลาดริสกลับถอนหายใจ “ พ่อจะจำข้าได้มั้ย ข้าก็ไม่ทราบ ”

     

    แล้วท่านจำได้ท่านเออาเรนดิลได้มั้ยฮะ ” โฟรโดถาม

     

    มือเรียวแกร่งของเอลรอนด์กระชับสมุดบันทึกนั้นไว้แนบอก พลางยืนพิงหน้าต่างแก้ว

     

    สายตาสีเทาทอดยาวไปยังบนท้องฟ้า โฟรโดคิดว่า ท่านจอมพรายผู้ยิ่งใหญ่จะโกรธอีก

     

    หากผิดคาด เอลรอนด์กลับฉายรอยยิ้มที่แสดงถึงความสุขราวกับเด็กน้อยที่ได้ของขวัญวันเกิด

     

    ข้าจำได้ซิ ข้าจำได้ว่า พ่อมีดวงตาสีน้ำเงินเข้มสุกใส เส้นผมสีทองยุ่งเหยิงรอบใบหน้า

     

    และข้าจำน้ำเสียงของพ่อที่เรียกว่า “ รอนด์น้อยจ๊ะ มาหาอด๊าที ” หากว่า ข้าจำได้เพียงเท่านี้เอง ”

     

     

    โฟรโดเข้าใจดีว่า เวลานั้น ท่านจอมพรายยังเป็นเด็กน้อยที่ไม่รู้ความอะไรเลย

     

    หลังจากเมืองซิริออนที่ท่านเอลรอนด์ถือกำเนิดมาจนอายุได้ไม่ถึงห้าขวบปีนั้น

     

    ถูกโจมตีจากเหล่าบุตรแห่งเฟอานอร์ที่ต้องการซิลมาริลจากท่านหญิงเอลวิง

     

    ผู้เป็นภรรยาของเออาเรนดิล และเป็นมารดาของลอร์ดเอลรอนด์

     

    นางได้ละทิ้งบุตรฝาแฝดของนางไว้เบื้องหลัง ก่อนที่จะเลือกนำดวงมณีซิลมาริล

     

    ต้นเหตุแห่งความวุ่นวายทั้งมวลในยุคบรรพกาลเพื่อนำมันไปให้สามีของนางที่ล่องเรืออยู่กลางทะเล

     

    ตอนนี้ซิลมาริลดวงนั้นก็ได้อยู่ในความครองของเหล่าทวยเทพ และเออาเรนดิลก็ได้นำมัน

     

    ขึ้นสู่ท้องนภา โดยที่ประดับมันไว้บนหน้าผากของตน เขาได้ทำหน้าที่เป็น ดารานำทาง

     

    ของเหล่าพรายและมนุษย์มาถึงสองยุคแล้ว...และจะเป็นไปอีกชั่วกาลนาน...

     

    อดีตที่ผ่านมา ยามระลึกถึงก็ทำให้ข้ารู้สึกดีเหมือนกัน ” เอลรอนด์รำพึง

     

    ข้าก็...ดีใจที่ท่านระลึกถึงบิดาของท่านได้ แถมแสงดาราของท่านเออาเรนดิล

     

    ก็ได้ชั่วชีวิตข้าไว้ด้วย ” โฟรโดหยิบขวดแก้วที่เป็นของกำนัลจากเลดี้กาลาเดรียล

     

    เมื่อคราวไปพำนักที่ลอริเอน มันเป็นของขวัญล้ำค่าที่สุดในชีวิตของเขา

     

    เช่นเดียวกับแซม...

     

    เจ้าควรไปพักผ่อนเถอะ โฟรโด ป่านนี้แซมคงรอเจ้า ”

     

    จอมพรายได้เก็บสมุดบันทึกเล่มนั้นไว้ในลิ้นชักไม้ของตน

     

    เอลรอนด์วางเรียวมือของตนลงบนไหล่ข้างขวาของฮอบบิทหนุ่ม

     

    ดูแลขวดแก้วที่ได้รับจากเลดี้กาลาเดรียลให้ดีนะ ผู้ถือแหวน ”

     

    โฟรโดกำลังทำท่าว่าจะตามลอร์ดจอมพรายออกไปพร้อมกัน แต่ว่าฝีเท้ากลับรั้งเขาไว้

     

    ฮอบบิทหนุ่มจะกลับไปหาสมุดบันทึกเล่มนั้นอีกครั้ง

     

    ข้าอยากดูสมุดเล่มนั้น...”

     

    หลานชายของบิลโบนักเดินทางก็แอบไปหยิบสมุดบันทึกไม้นั้นขึ้นมา และนำมันกางออก

     

    ในสมุดนั้นว่างเปล่าไม่มีแม้แต่รอยขีดฆ่าอะไรทั้งนั้น โฟรโดคิดว่า อย่างน้อยผู้เป็นพ่อ

     

    ทิ้งมรดกไว้ให้ลูกชายทั้งคน ก็ต้องมีข้อความบ้างมิใช่เหรอ

     

    ฮอบบิทหนุ่มก็หยิบสมุดเล่มนั้นไปใกล้หน้าต่างแก้วเพื่อให้มองแสงดาวที่อยู่บนฟ้าได้ถนัดขึ้น

     

    ท่านเออาเรนดิล ! ” โฟรโดอุทานเบาๆ “ สมุดเล่มนี้เป็นของท่าน แต่ท่านเป็นบิดาของ

     

    ลอร์ดเอลรอนด์แท้ๆ เหตุใดท่านถึงไม่ทิ้งข้อความระลึกไว้ให้ผู้เป็นลูกของท่าน หรือท่านไม่ต้องการ

     

    จะบอกอะไรเลย...ได้...” ฮอบบิทหนุ่มก็แอบไปหยิบปากกาขนนกที่อยู่บนโต๊ะเอลรอนด์

     

    พร้อมกับจุ่มหมึกขึ้นเพื่อเขียนลงยังหน้ากระดาษที่เขาเปิด

     

    ข้าจะนำสมุดเล่มนี้ เป็นบันทึกของข้าก็ได้ ”

     

    เมื่อฮอบบิทหนุ่มแตะหมึกไปหยดหนึ่ง หมึกหยดนั้นก็หายไป โฟรโดตะลึงจังงัน

     

    เอ๊ะ ” เมื่อเขาพลิกไปอีกรอบ หยดหมึกนั้นก็ไม่ซึมกระดาษด้านหลังด้วย

     

    นี่เป็นเวทมนตร์โบราณของพรายงั้นเหรอ ”

     

    โฟรโดรู้สึกว่าตัวเองกำลังสั่นระริก หากว่าปากกาที่เขาเขียน

     

    กำลังจะพาเขาดำดิ่งลงเข้าหน้ากระดาษ เหมือนที่เขาเคยรู้สึกเหมือนมองกระจกเงาของ

     

    เลดี้กาลาเดรียล เขามองเห็นภาพทุกอย่างที่ดูประหลาดหมุนเคว้งคว้างไปหมด...

     

    เขาเห็นเมืองหนึ่งที่เป็นนครสีขาวคล้ายกับอาณาจักรกอนดอร์ มีปราการสีขาว

     

    เหมือนนครมินาสทิริธ แล้วแสงสว่างก็ออกมาทำให้เขาแสบตาจ้า

     

    โฟรโดอุทานร้องลั่นแล้วก็หมดสติไปทันที...

     

    ~*~*~*~*~*~

     

    ฮอบบิทจอมป่วนได้ออกโรงแล้วซะที บทนี้เหมือนจะนำไปยังที่ไหน

     

    คงต้องตามกันดูแล้วล่ะคัฟ...สหายนักอ่าน.. >O<

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×