คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : บันทึกของลอร์ดเอลรอนด์
Chapter 1 : บันทึกของลอร์ดเอลรอนด์
หลังจากสงครามแหวนได้พ้นไป เหล่าเสรีชนแห่งมิดเดิลเอิร์ธต่างหลุดพ้นจากอำนาจมืดของ
จอมมารเซารอนผู้ชั่วร้าย และผู้ถือแหวนก็ได้กลับมาเดินทางยังริเวนเดลล์
โฟรโด แบ๊กกินส์ บัดนี้ได้รับขนานนามใหม่ว่า “ โฟรโด ผู้มีเก้านิ้ว ”
จากการถูกกอลลัมกัดนิ้วที่เขาสวมแหวนวงนั้นก่อนมันจะตกลงไปยังภูมฤตยู
แล้วแหวนเอกธำมรงค์ก็ถูกทำลาย หากว่าความชั่วร้ายนั้นยังจะคงอยู่หรือไม่ ?
~*~*~*~*~
ณ คฤหาสน์ลาสต์โฮมลี่ เฮาส์ ที่พำนักของลอร์ดเอลรอนด์จอมพราย หนึ่งในพรายผู้ยิ่งใหญ่
แห่งมิดเดิ้ลเอิร์ธยุคที่สาม
ฮอบบิทหนุ่มยิงพิงเสาระเบียงที่อยู่ใกล้กับหอสมุดของคฤหาสน์แสนโอ่โถ่ง
ดวงตาสีฟ้าใสกำลังจับจ้องไปที่สายน้ำตกที่สูงสุดของริเวนเดลล์ นิ้วเรียวของโฟรโดยัง
ลูบสร้อยคอรูปดาราสีเงินที่ราชินีอาร์เวนเป็นผู้มอบให้เขา
“ หลานข้า ” โฟรโดหันกลับไปมอง พลางยิ้มเล็กน้อย
“ ลุงบิลโบ ลุงเป็นไงบ้างครับ ”
หลังจากที่พ้นจากมนตราของแหวนเอก บิลโบ แบ๊กกินส์ก็กลายเป็นฮอบบิทร่างชรา
ผมสีขาวโพลน หน้าตาเหี่ยวย่น ดูเงียบขรึมกว่าเดิมมาก มีเพียงดวงตาสีฟ้าที่คล้ายกับของ
หลานชายเท่านั้น ยังส่งประกายว่าต้องการหาความรู้และเรื่องราวในตำนานโบราณของเหล่าพราย
ลอร์ดเอลรอนด์เป็นสหายสนิทของฮอบบิทชราผู้นี้มาหลายปีแล้ว
ดังนั้น บิลโบจะพำนักอาศัยไปอีกนานเท่าไรก็ย่อมได้
“ ลุงยังเดินได้อยู่ เด็กน้อยเอ้ย...อา...” ฮอบบิทผู้เป็นลุงทรุดลงบนม้านั่งหินอ่อนสีเทา
“ สังขารของลุงดูเหมือนไม่ค่อยดี ลุงเนี่ยอายุเท่าไรแล้วน่า...”
“ สำหรับลุงแล้ว ลุงยังไม่อายุมาก จะว่าแปลกนะ ผมกลับรู้สึกว่า ลุงยังดูหนุ่มขึ้นมากกว่า
อยู่ที่ไชร์ซะอีก ”
บิลโบสะกิดแขนของหลาน “ เพราะลุงกินอาหารดีๆ จากท่านลอร์ดพรายหน้าบึ้งนั่นไง ”
“ ฮ่า ๆ ” โฟรโดหัวเราะเสียงใส “ ลุงครับ ถ้าท่านลอร์ดเอลรอนด์มาได้ยินเข้าจะโกรธเอาได้นะ ”
“ อา ไม่หรอกนา ท่านลอร์ดใจดีอยู่แล้ว แถมลุงยังเจอสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมาด้วยล่ะ ”
โฟรโดรู้สึกไม่แน่ใจเมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นลุงฉายแววประหลาด
แถมของที่ลุงบอกไปนั้นก็มาอยู่บนหน้าตักของเขาแล้ว
“ สมุดบันทึกเหรอครับ ” ฮอบบิทหนุ่มก้มลงมองด้วยความประหลาดใจยิ่ง
สมุดบันทึกเล่มนี้เป็นสมุดปกแข็งสีนำ้ตาล ปกแกะสลักด้วยไม้เบิร์ช มีลักษณะที่บ่งบอกว่า
สมุดเล่มนี้มีอายุมาหลายชั่วอายุคนเป็นแน่ และมีตัวอักษรเทงวาร์ตวัดด้วยลายเส้นสีทอง
“ เออาเรนดิล ” โฟรโดพึมพำ “ ลุงครับ...ลุงอยากบอกนะว่า...”
บิลโบแตะนิ้วชี้บนริมฝีปากของตนเอง เป็นสัญญาณที่โฟรโดรู้ดีว่า ลุงให้เขาเงียบ
อันที่จริง เขาเติบโตมากับลุงมาตั้งแต่อยู่ในไชร์พอที่จะเข้าใจแล้วว่า มันน่าตื่นเต้นไม่ใช่น้อย
“ นี่ๆ ระหว่างที่เจ้าไปทำลายแหวน ลุงก็พบสมุดเล่มนี้ มันคือ อะไร เจ้าทายซิ ”
“ มันก็คือ สมบัติของท่านบิดาของลอร์ดเอลรอนด์ แต่มันจะมีประโยชน์อะไร
ลุงบิลโบ ผมว่าเราเอาไปคืนที่ห้องของท่านจอมพรายเถอะ ”
“ เจ้าหลานคนนี้นะ ทำไมถึงซื่อไม่ยอมเปลี่ยน สมุดเล่มนี้อาจจะเป็นของวิเศษ
ไม่ต่างจากขวดแก้วที่ท่านหญิงแห่งไพรทองประทานให้เจ้าก็เป็นได้ ”
โฟรโดพยายามทักท้วงฮอบบิทผู้เป็นลุงของตน หากว่า เขาก็ได้เห็นร่างสูงในชุดสีแดงเข้ม
ร่างสูงใหญ่ที่มีผมสีดำดังรัตติกาล และหน้าผากที่แสดงถึงปัญญาที่เต็มเปี่ยมผ่านมาหลายยุค
หลายสมัย ดวงตาสีเทาวาววับดังมีดที่พร้อมฟาดฟันได้ทุกคราว
“ ลอร์ดเอลรอนด์ ” โฟรโดอุทาน ฝ่ายบิลโบลุงชราของเขาก็ไม่น้อยหน้าที่จะทำหน้าตาซีดเซียว
“ ขอประทานอภัยครับ ”
จอมพรายแห่งริเวนเดลล์แสดงสีหน้าที่คาดเดาไม่ได้ว่าจะทำเช่นไรต่อไป
หากเขาได้เห็นสมุดบันทึกเล่มนั้นอยู่กับโฟรโด จึงกวาดเรียวหัตถ์แกร่งออกมาจากผ้าคลุม
“ ข้าขอสมุดเล่มนั้นคืนเถิด ”
ฮอบบิทหนุ่มจึงยอมวางสมุดเล่มบันทึกนั้นคืนแต่โดยดี ฝ่ายบิลโบกลับทำหน้าฉุนคล้ายจะทักท้วง
“ สมบัติบางอย่างของข้าถือว่าเป็นของที่ข้าคงต้องเก็บไว้กับตัว ไม่ควรปล่อยให้
ฮอบบิทบางคนเข้าไปเล่นได้ ”
เมื่อสายตาสีเทาคู่คมมองมาแบบเย็นชาเช่นนั้นแล้ว บิลโบก็โต้ตอบ
“ อะไรของท่าน สมุดของท่านเออาเรนดิล มันก็เป็นสมุดเปล่าๆ ข้าจะเอามาให้หลานข้าใช้
ทำไมจะไม่ได้เล่า...”
“ สมบัติของบิดา คือ มรดกของข้า บิลโบ แบ๊กกินส์ นี้เป็นสิ่งหนึ่งที่บิดาของข้ามอบไว้ให้ก่อนที่
ข้าจะจากข้ากับเอลรอสไป...ที่อื่น...”
เอลรอส...โฟรโด นึกถึงพี่ชายฝาแฝดของเอลรอนด์ ผู้เป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรนูเมนอร์
ที่ล่มสลายไปตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ยุคที่สาม แถมยังเป็ยบรรพบุรุษของอารากอร์น ซึ่งตอนนี้
ได้เป็นราชาแห่งกอนดอร์ โดยมีอาร์เวนเป็นราชินีคู่พระทัยไปแล้ว
“ โธ่เอ้ยๆ อีกไม่นาน ท่านก็ต้องกลับหาบิดาของท่านที่แดนนิรันดร์ แม้แต่ เอลลาดานและเอลโรเฮียร์
ลูกชายทั้งสองของท่านด้วย ”
จอมพรายแห่งริเวนเดลล์ดูจะไม่พอใจมากขึ้น แต่ก็ยังคงใบหน้านิ่งเรียบอยู่นั่นเอง
“ เสียดายอย่างเดียว อาร์เวน อุลโดเมียล มิได้ตามข้าไป...”
คราวนี้ท่านฮอบบิทชราบิลโบก็ถึงกับกล่าวคำใดออกจากริมฝีปากไม่ได้
ฝ่ายโฟรโดเองก็รู้สึกคล้ายเช่นเดียวกัน...การอำลาจากบุตรสาวที่สละชีวิตอมตะเพื่อได้ครองคู่
กับมนุษย์ ดูช่างไม่ต่างไปจากเจ้าหญิงลูธิเอนในยุคบรรพกาลเลย
“ ข้ารู้ดีบางอย่างก็ลิขิตมิได้ ข้าเป็นเพเรเธล ( พรายกึ่งมนุษย์ ) ข้าเสียพี่ชายให้กับการเป็นมนุษย์
มาตั้งหกพันปีมาแล้ว ไม่นานนี้ อาร์เวนก็เลือกความรักที่มีต่อ...เอสเตล...ไปเสียอีก...
ไม่เป็นไรหรอก...อย่างไรเสีย เอสเตลก็คือ อารากอร์น และอารากอร์นก็คือ เอสเตล
เขาจะดูแลอาร์เวนให้มีความสุข เพราะเขาพิสูจน์ตัวเองมาจนถึงขั้นนี้แล้ว...”
เอลรอนด์มองยังโฟรโดอีกครั้ง “ เจ้าก็ด้วย โฟรโด ผู้ถือแหวน ”
“ เอ้อใช่ๆ แหวน ” บิลโบกล่าวถึงมาด้วยสีหน้าแช่มชื่น “แหวนวงนั้นยังอยู่เปล่า หลานข้า ”
ฮอบบิทหนุ่มจึงตอบไปเพียงว่า “ ผมทำมันหายไปแล้วล่ะครับลุง ”
“ อาาา...ข้าเสียดายแทนจริงๆ ” บิลโบได้แต่บ่นพึมพำอยู่เช่นนั้น
ท้องฟ้าได้ผลัดสีจากสีส้มอ่อนเจือแดงในยามตะวันตกดิน กลายเป็นสีดำแห่งรัตติกาล
ที่ดวงดาวยังสะท้อนแสงและร้อยเรียงอยู่นับร้อยนับพันดวง
ลอร์ดเอลรอนด์นำสมุดเล่มนั้นกลับมายังห้องพักที่ตนทำงานอยู่เป็นประจำ
จอมพรายชายตามองขึ้นไปบนท้องนภาเผ่านหน้าต่างแก้วพื่อมองยังดวงดาราที่เปล่งแสงสว่าง
ที่งดงามจรัสตามากที่สุด มากกว่าดวงดาวทุกดวง...
...ท่านพ่อ...อดา...อดา...ข้าก็ยังระลึกถึงท่าน และข้าก็รู้เสมอว่าท่านมองข้าอยู่
ทันใดนั้นเอลรอนด์ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนึ่ง แล้วเขาก็เดาไม่ผิดหรอกว่า
มันเป็นของฮอบบิทหนุ่ม ผู้ถือแหวน
“ โฟรโด เจ้ากลับมาอีกรอบหรือ ” จอมพรายแห่งริเวนเดลล์เอ่ย โฟรโดจึงพยายามส่งยิ้มให้
ฝีเท้าเดินมาใกล้ร่างสูงของเอลรอนด์ เขาจึงคำนับลงอย่างนอบน้อม
“ ข้าขออภัยที่ลุงบิลโบหยิบสมุดของท่านไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ”
“ ไม่เป็นไร ” จอมพรายผู้ปกครองยิ้มจางๆ “ ข้าก็ไม่ถือโกรธลุงเจ้าหรอก ข้าเก็บของไม่ดีเอง ”
ดวงตาสีฟ้าใสของโฟรโดมองยังสมุดบันทึกเล่มนั้นอยู่ “ สมุดนี้เป็นของท่านเออาเรนดิลจริงๆเหรอฮะ
ท่านเอลรอนด์ ”
“ มันก็เป็นสิ่งของไม่กี่อย่างที่พ่อทิ้งไว้ เท่าที่รู้ พ่อข้าไม่ใช่คนที่ชอบหอบของไปมาหรอก
เขาอยู่แต่บนเรือสีขาวของเขานั่นแหละ ”
“ ข้าก็เสียใจ...ท่านต้องจากบิดามารดาไปตั้งแต่ยังเยาว์ ผมเข้าใจความรู้สึกท่านครับ ”
เอลรอนด์หัวเราะเบาๆ “ มันคนละกรณีกัน เจ้าหนูเอ๋ย พ่อแม่เจ้าเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ
แต่ข้ากลับต้องจากพ่อแม่ไป...ไม่สิ...พวกเขาต้องเลือกจากข้ากับพี่ชายไปเพื่อทำหน้าที่...”
“ อีกไม่นานท่านจะได้กลับไปหาท่านเออาเรนดิลแล้ว บิดาของท่านรอท่านอยู่ที่แดนตะวันตก
ท่านควรจะปิตียินดีมิใช่หรือครับ ”
ฝ่ายจอมพรายแห่งอิมลาดริสกลับถอนหายใจ “ พ่อจะจำข้าได้มั้ย ข้าก็ไม่ทราบ ”
“ แล้วท่านจำได้ท่านเออาเรนดิลได้มั้ยฮะ ” โฟรโดถาม
มือเรียวแกร่งของเอลรอนด์กระชับสมุดบันทึกนั้นไว้แนบอก พลางยืนพิงหน้าต่างแก้ว
สายตาสีเทาทอดยาวไปยังบนท้องฟ้า โฟรโดคิดว่า ท่านจอมพรายผู้ยิ่งใหญ่จะโกรธอีก
หากผิดคาด เอลรอนด์กลับฉายรอยยิ้มที่แสดงถึงความสุขราวกับเด็กน้อยที่ได้ของขวัญวันเกิด
“ ข้าจำได้ซิ ข้าจำได้ว่า พ่อมีดวงตาสีน้ำเงินเข้มสุกใส เส้นผมสีทองยุ่งเหยิงรอบใบหน้า
และข้าจำน้ำเสียงของพ่อที่เรียกว่า “ รอนด์น้อยจ๊ะ มาหาอด๊าที ” หากว่า ข้าจำได้เพียงเท่านี้เอง ”
โฟรโดเข้าใจดีว่า เวลานั้น ท่านจอมพรายยังเป็นเด็กน้อยที่ไม่รู้ความอะไรเลย
หลังจากเมืองซิริออนที่ท่านเอลรอนด์ถือกำเนิดมาจนอายุได้ไม่ถึงห้าขวบปีนั้น
ถูกโจมตีจากเหล่าบุตรแห่งเฟอานอร์ที่ต้องการซิลมาริลจากท่านหญิงเอลวิง
ผู้เป็นภรรยาของเออาเรนดิล และเป็นมารดาของลอร์ดเอลรอนด์
นางได้ละทิ้งบุตรฝาแฝดของนางไว้เบื้องหลัง ก่อนที่จะเลือกนำดวงมณีซิลมาริล
ต้นเหตุแห่งความวุ่นวายทั้งมวลในยุคบรรพกาลเพื่อนำมันไปให้สามีของนางที่ล่องเรืออยู่กลางทะเล
ตอนนี้ซิลมาริลดวงนั้นก็ได้อยู่ในความครองของเหล่าทวยเทพ และเออาเรนดิลก็ได้นำมัน
ขึ้นสู่ท้องนภา โดยที่ประดับมันไว้บนหน้าผากของตน เขาได้ทำหน้าที่เป็น ดารานำทาง
ของเหล่าพรายและมนุษย์มาถึงสองยุคแล้ว...และจะเป็นไปอีกชั่วกาลนาน...
“ อดีตที่ผ่านมา ยามระลึกถึงก็ทำให้ข้ารู้สึกดีเหมือนกัน ” เอลรอนด์รำพึง
“ ข้าก็...ดีใจที่ท่านระลึกถึงบิดาของท่านได้ แถมแสงดาราของท่านเออาเรนดิล
ก็ได้ชั่วชีวิตข้าไว้ด้วย ” โฟรโดหยิบขวดแก้วที่เป็นของกำนัลจากเลดี้กาลาเดรียล
เมื่อคราวไปพำนักที่ลอริเอน มันเป็นของขวัญล้ำค่าที่สุดในชีวิตของเขา
เช่นเดียวกับแซม...
“ เจ้าควรไปพักผ่อนเถอะ โฟรโด ป่านนี้แซมคงรอเจ้า ”
จอมพรายได้เก็บสมุดบันทึกเล่มนั้นไว้ในลิ้นชักไม้ของตน
เอลรอนด์วางเรียวมือของตนลงบนไหล่ข้างขวาของฮอบบิทหนุ่ม
“ ดูแลขวดแก้วที่ได้รับจากเลดี้กาลาเดรียลให้ดีนะ ผู้ถือแหวน ”
โฟรโดกำลังทำท่าว่าจะตามลอร์ดจอมพรายออกไปพร้อมกัน แต่ว่าฝีเท้ากลับรั้งเขาไว้
ฮอบบิทหนุ่มจะกลับไปหาสมุดบันทึกเล่มนั้นอีกครั้ง
“ ข้าอยากดูสมุดเล่มนั้น...”
หลานชายของบิลโบนักเดินทางก็แอบไปหยิบสมุดบันทึกไม้นั้นขึ้นมา และนำมันกางออก
ในสมุดนั้นว่างเปล่าไม่มีแม้แต่รอยขีดฆ่าอะไรทั้งนั้น โฟรโดคิดว่า อย่างน้อยผู้เป็นพ่อ
ทิ้งมรดกไว้ให้ลูกชายทั้งคน ก็ต้องมีข้อความบ้างมิใช่เหรอ
ฮอบบิทหนุ่มก็หยิบสมุดเล่มนั้นไปใกล้หน้าต่างแก้วเพื่อให้มองแสงดาวที่อยู่บนฟ้าได้ถนัดขึ้น
“ ท่านเออาเรนดิล ! ” โฟรโดอุทานเบาๆ “ สมุดเล่มนี้เป็นของท่าน แต่ท่านเป็นบิดาของ
ลอร์ดเอลรอนด์แท้ๆ เหตุใดท่านถึงไม่ทิ้งข้อความระลึกไว้ให้ผู้เป็นลูกของท่าน หรือท่านไม่ต้องการ
จะบอกอะไรเลย...ได้...” ฮอบบิทหนุ่มก็แอบไปหยิบปากกาขนนกที่อยู่บนโต๊ะเอลรอนด์
พร้อมกับจุ่มหมึกขึ้นเพื่อเขียนลงยังหน้ากระดาษที่เขาเปิด
“ ข้าจะนำสมุดเล่มนี้ เป็นบันทึกของข้าก็ได้ ”
เมื่อฮอบบิทหนุ่มแตะหมึกไปหยดหนึ่ง หมึกหยดนั้นก็หายไป โฟรโดตะลึงจังงัน
“เอ๊ะ ” เมื่อเขาพลิกไปอีกรอบ หยดหมึกนั้นก็ไม่ซึมกระดาษด้านหลังด้วย
“ นี่เป็นเวทมนตร์โบราณของพรายงั้นเหรอ ”
โฟรโดรู้สึกว่าตัวเองกำลังสั่นระริก หากว่าปากกาที่เขาเขียน
กำลังจะพาเขาดำดิ่งลงเข้าหน้ากระดาษ เหมือนที่เขาเคยรู้สึกเหมือนมองกระจกเงาของ
เลดี้กาลาเดรียล เขามองเห็นภาพทุกอย่างที่ดูประหลาดหมุนเคว้งคว้างไปหมด...
เขาเห็นเมืองหนึ่งที่เป็นนครสีขาวคล้ายกับอาณาจักรกอนดอร์ มีปราการสีขาว
เหมือนนครมินาสทิริธ แล้วแสงสว่างก็ออกมาทำให้เขาแสบตาจ้า
โฟรโดอุทานร้องลั่นแล้วก็หมดสติไปทันที...
~*~*~*~*~*~
ฮอบบิทจอมป่วนได้ออกโรงแล้วซะที บทนี้เหมือนจะนำไปยังที่ไหน
คงต้องตามกันดูแล้วล่ะคัฟ...สหายนักอ่าน.. >O<
ความคิดเห็น