คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 7 : ปรึกษากับองค์ราชา
พรายหนุ่มร่างสูงเพรียว และแข็งแกร่งในชุดงานช่างยืนพิงเสาหินอ่อน สายตาที่ทอดยาวไปไกล
ทำให้เขานึกถึงสิ่งใดกันแน่เล่า ? เขายืนอยู่เบื้องขวาขององค์กษัตริย์พรายเหนือหัวแห่งกอนโดลิน
และได้ยินคำพยากรณ์ของเทพวาลาร์แห่งมหาสมุทรจากมรรตักชนผู้นั้น
ร่างสูงแกร่งอยู่ในผ้าคลุมเงาลงมนตรา ชุดเกราะสีเงิน ดาบและโล่สีน้ำเงินของทัวร์กอน
เขาผู้นั้นมาอย่างสง่างาม ไม่ใช่พรายที่เติบโตมาจากป่าอนธกาลแห่งแผ่นดินเบเลริอันด์
ไม่มีโอกาสเกิดภายใต้แสงสว่างอันมีมาก่อนตะวัน ไม่เคยเห็นเทพวาลาร์องค์ใด...
ดวงหน้าของมายกลินก็หม่นลง พรายหนุ่มก็คิดถึงโรงตีเหล็ก เหมืองอันมีค่ายิ่งในหุบเขาวงแหวน
งานศิลาสีขาวที่บรรจงเสกสร้างของนครแห่งนี้ เหล่าทหารหาญซึ่งคำนับลงต่อเขา..
...พระอุปราชภาคิไนยนาถ เจ้าชายลำดับที่หนึ่งแห่งกอนโดลิน ทายาทแห่งองค์ราชาโนลดอร์...
เขาจำได้ว่า พี่หญิงมองเจ้านั้นอย่างเงียบๆ แต่ก็แสดงถึงบางสิ่งที่น่าพรั่นพรึง
เขาเคยพบมนุษย์สองคนเป็นครั้งสุดท้ายก็คือ เด็กหนุ่มวัยรุ่นสองคนนั้น !
หากเจ้ามนุษย์คนนี้ช่างดูดิบเถื่อนนัก เคราสีทองยุ่งเหยิงเหมือนพวกคนแคระ
และถ้าไม่มีชุดเกราะสวมอยู่ก็คงเป็นเศษผ้าขี้ริ้ว...
“ น้องชายมายกลิน ” เสียงหวานใสเรียกเขา ดวงตาสีนิลจึงได้พบว่า
นั้นคือ อิดริล และก็ท่านแม่อาร์เฟย์นีเอลผู้ทรงโฉมงดงามของเขา พรายหนุ่มจึงค้อมศีรษะเล็กน้อย
“ ท่านแม่ พี่หญิง มีอะไรหรือเปล่า ? ”
ร่างสูงระหงในชุดสีขาวสะอาดก็ได้เดินมาโอบแขนซ้ายของผู้เป็นโอรส
“ เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับทูออร์ล่ะ ? ” อาเรเดลกล่าว หากนางมองไปยังผู้เป็นหลานสาว
เจ้าชายพรายโนลดอร์ส่ายหน้าไปมา “ ลูกไม่เห็นด้วยกับเขา เราไม่ควรออกจากเมือง ”
อิดริลก็ถอนหายใจเบาๆ ดวงตาสีครามอมเทาของนางมองไปยังทิวทัศน์นอกวัง
ซึ่งตอนนี้หิมะกำลังตกหนัก จนทั่วทั้งเมืองเป็นสีขาวโพลนสะท้อนแสงอาทิตย์
“ เจ้าคิดอย่างนี้เหรอ ตาหนูกลิน ” นางเรียกชื่อเล่นของอนุชา ซึ่งนางและองค์ทัวร์กอนใช้กับเขา
พรายหนุ่มก็เม้มริมฝีปากบางของตนไว้แนบแน่น “ พรุ่งนี้ ข้าจะหาช่างตัดเสื้อให้เขาแล้วกัน
เขาควรจะมีอาภรณ์ที่สวมใส่ เหมาะสมกับเป็นทูตนำสารของวาลาร์อุลโม ”
ราชธิดาแห่งนครกอนโดลินก็ยิ้มเล็กน้อย “ ดีจังที่เจ้ามีน้ำใจให้เขานะจ๊ะ ”
หากว่าพระนางอาเรเดลก็ไม่ได้กล่าวประโยคใด นอกจากมองใบหน้าเรียวมนของมายกลิน...ลูกรักของนาง...
~*~*~*~*~
เช้าวันต่อมา เจ้าชายพรายก็ได้แต่งกายในชุดทูนิคสีดำ ซึ่งปักเป็นผ้ากำมะหยี่และผ้าไหมผืนหนา
สำหรับในฤดูหนาว ผ้าคลุมไหล่ก็เป็นสีดำยาวเกือบจรดถึงพิ้น นั้นทำให้พรายหนุ่มดูสูงใหญ่ขึ้น
อย่างไรก็ดี จะไปถกหัวข้อโต้แย้งกับทูออร์นั้นอย่างไรดี ? อย่างแรกเขาควรจะไปเข้าเฝ้าเสด็จลุง
ผู้เป็นบุคคลสำคัญที่สุดในการตัดสินของปัญหานี้...
หลังจากจัดการอาหารเช้าในห้องเสวยแล้ว....
กษัตริย์หนุ่มและเจ้าชายก็ได้อยูเพียงลำพังในห้อง ดวงตาสีดำของมายกลินก็ได้มองจากกระจกบานใส
อันตั้งอยู่สูงสุดของหอคอยกษัตรา จนสามารถมองเห็นหลังคาทุกหลังของเคหาสน์ทุกแห่ง
จนไปถึงพิ้นที่สำหรับเกษตรกรรมขอกกอนโดลิน ทิวเขาสีเทาซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปก็ปกคลุมด้วยหิมะ
พรายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่ายืนอิงแผ่นกระจกบานนั้น และเอ่ยขึ้นว่า
“ ถึงจะมีหิมะโปรยปราย พฤกษาเงินและทองแห่งกอนโดลินก็ยังคงงดงามนัก ”
ทัวร์กอนก็ทอดเนตรตามพระภาคิไนย ขณะที่ยังประทับบนเก้าอี้นวมตัวยาว
“ งดงามเช่นเคยนั้นแหละ หลานรัก เจ้าคงไม่ชอบใจที่บุตรแห่งชาวเอไดน์ผู้นั้นมาขอให้เราออกจากเมืองซินะ ”
“ หม่อมฉันไม่เห็นด้วยเลย ” ร่างเพรียวบางกลับมานั่งข้างองค์กษัตริย์ และมองไปยังทิวทัศน์ด้านตะวันตก
“ หม่อมฉันเกิด และเติบโตนอกหุบเขานี้ ได้เดินทางผ่านป่าเขาลำเนาไพร และพบแต่สิ่งที่เป็นอันตรายนัก ”
ทัวร์กอนก็ทรงสรวลเล็กน้อย “ ตาหนูกลิน เจ้ากับอาเรเดลก็รอดมาได้ ถึงจะต้องเจ็บปวดนักก็ตามที ”
มือเรียวแกร่งขององค์กษัตริย์ก็ทรงลูบเรือนผมสีรัตติกาลของผู้เป็นหลานชายอย่างเอ็นดู
มายกลินจึงหันกลับมายังพระมาตุลา “ กอนโดลินสงบดี และพรั่งพร้อมทุกอย่าง ถ้าเราอยู่ที่นี้ต่อไป
ก็อาจสูญสิ้นเพราะคำสาปซิลมาริล แต่ปวงเทพก็มิได้รับประกันว่าจะคุ้มครองเราจริงไหม ? ”
องค์กษัตริย์พรายก็นิ่งไปครู่หนึ่ง “ ลุงก็คิดอ่านไม่ต่างจากเจ้า เจ้าฉลาดนัก ยิ่งกว่าเวลาที่แปรผันไปเสียอีก
ถึงกระนั้น ตาหนูกลิน เจ้าไม่รู้จักทิริออน นครเดิมของชาวโนลดอร์ ทูลหม่อมลุงเฟอานอร์สร้าง
ดวงมณีซิลมาริล และนักปราชญ์ผู้ล้ำเลิศอย่างรูมิล ที่เคยเป็นอาจารย์ให้เหล่าญาติผู้ใหญ่ของเจ้า
แต่กอนโดลินคือภาพจำลองของดินแดนอันเป็นบ้านเกิดของเรา ทิริออนได้ถูกสร้างขึ้นใหม่แล้ว
หากว่า เราต้องมีความหวัง...” ริมโอษฐ์บางได้รูปก็ยิ้มออกกว้าง มือแกร่งแตะบนโหนกแก้ม
ของผู้เป็นหลานชายองค์เดียว “ ปัญญาและความสามารถของเจ้า พวกเราจึงต่อกรกับเหล่าศัตรู
ด้วยเหล็กกล้าและถ่านหิน ดังที่เราไปรบกันมาเมื่อครานั้น เซลเล – ยอนโด ”
มายกลินค้อมศีรษะลง “ ขอบพระทัยที่ชมกระหม่อม ”
ในที่สุดองค์ราชาก็ทรงลุกขึ้นจากที่ประทับ ร่างสูงสง่าได้ยืนหน้ากระจกแก้ว
“ ลุงขอเวลาตัดสินแล้วกัน มายกลิน ลุงกับเจ้าคิดแค่นี้มันไม่ดีหรอกนะลูก ”
เจ้าชายพรายแห่งกอนโดลินก็วางมือลงบนเก้าอี้นวม และรู้สึกว่าเหงื่อไหลออกจากฝ่ามือเรียว
“ แต่ให้ลุงตัดสินเองคนเดียว ลุงจะไม่ออกจากอนโดลิน แล้วเจ้าล่ะ หนุ่มน้อย ? ”
มายกลินก็ขานรับ “ เสด็จลุง ไม่แน่นอนพะย่ะค่ะ ! ” ร่างเพรียวก็เอนบนพนักเก้าอี้
“ ถ้าให้หม่อมฉันคิดอ่านแล้ว คำพยากรณ์นั้นแสดงถึงผลงานของชาวโนลดอร์
หม่อมฉันก็ไม่ได้เป็นโนลดอร์แท้ เพราะบิดาเป็นซินดาร์ดาร์กเอลฟ์ และท่านก็แต่งตั้งให้
เป็นพระอุปราชชองนครเรา งานของหม่อมฉันก็เช่นเดียวกับงานของท่าน ดังนั้น
กอนโดลินก็ไม่ใช่นครของเหล่าโนลดอร์โดยแท้ หากว่าผสมกันต่างหาก ”
องค์ราชาในชุดสีแดงเข้มก็สรวลลั่น “ เข้าใจคิดนะ มายกลิน อย่างไรเสียก็อย่างที่ลุงบอก
เราต้องเปิดรัชสภาและให้เหล่าขุนนางของเราลงมติเป็นเอกฉันท์จะดีกว่านะลูก ”
มายกลินก็เอ่ยต่อ หากดวงหน้าเรียวกลับซีดมากขึ้น “ เสด็จลุง ทรงตัดสินพระทัยเถิด
พระองค์ทรงถูกต้องเสมอ แม้แต่เรื่องที่ให้บิดาของหม่อมฉันออกไป...”
ประโยคนี้เรียบง่าย แต่ก็เก็บซ่อนบาดแผลไว้อย่างมิดชิด...
องค์ทัวร์กอนก็ทรงหันกลับมา เงาสะท้อนเป็นแนวยาวก็ผ่านร่างสูงของเจ้าชายโนลดอร์
“ ลุงไม่ลืมคำของเจ้า บุตรแห่งอาเรเดล และก็อย่าวิตกนักเลยนะ ตอนนี้ เจ้าไปสังเกตการณ์ว่า
คนอื่นๆ เขาว่าเช่นไร โดยเฉพาะทูออร์ ลุงแนะนำให้เจ้าลองใกล้ชิดเขาก็ดี ”
มายกลินก็ลุกขึ้น และค้อมศีรษะลง “ รับพระบัญชา ฝ่าพระบาท ”
...จับตาและใกล้ชิดเจ้ามนุษย์เอไดน์ผู้นั้น ข้าจะใช้สายตามองจิตใจของใครต่อไปดี...
~*~*~*~*~*~*~
โอ้ ! กลับมาแล้ว ไม่ได้อัพมาเป็นเดือนเลย เพราะไปติดเฟซ และก็เรื่องหนูกลินตอนอยู่ป่านานครับ
ตอนหน้า จะเป็นบทของทูออร์บ้างแล้วล่ะ ดูซิ จะทำไงกันดี ?
ความคิดเห็น