ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานอันสาบสูญของทูริน {The Lost Legend Of Turin Blacksword}

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 6 : วาทะของทูออร์

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 56



    วาทะของทูออร์นี้ได้สร้างความไม่พึงพอใจกับเขา แม้ว่าน้ำเสียงดังกังวานนี้จะได้รับมาจาก


     

    เทพวาลาร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในพิ้นพิภพ เป็นรองเพียงองค์บุพราชมานเวผู้สถิตในแดนวาลินอร์เท่านั้น


     

    เจ้าคนนี้...ก็ไม่ได้ดูแตกต่างไปจากเจ้าฮูรินและฮูออร์ทีี่เคยมาอยู่ที่นี้หรอก...พวกมนุษย์เอ๋ย...


     

    ...กอนโดลินคือภาพจำลองของนครทิริออนแห่งแผ่นดินเบเลริอันด์...นครอันห่างไกลจากดินแดนแห่งนี้...


     


     

    แต่ว่าชายหนุ่มก็ได้กล่าวย้ำอีกครั้ง “ องค์ราชา ! ถึงนครของพระองค์จะต้านทานอำนาจมืดของมอร์กอธ


     

    ไว้ได้ก็จริง หากคำนายเป็นจริงว่า หายนะจะเกิดแก่นครแห่งนี้ อย่าได้มัวหลงในผลงานของพระองค์เลย


     

    อย่าได้ทรงลืมว่าความหวังของชาวโนลดอร์ได้ถูกวางไว้ยังแดนตะวันตกโน้น ! ”

    เจ้าชายพรายจึงได้สังเกตมนุษย์เอไดน์อีกครั้ง และพบว่านัยน์ตาสีฟ้าล้ำลึกคู่นั้นได้จ้องมองมายังใบหน้าของตน


     

    ...ราวกับมีความสับสนอะไรบางอย่างอยู่ในใจ...และนั้นก็ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบเอาเสียมากด้วย...


     

    และนั้นทำให้ความคิดของเจ้าชายพรายผลักดันให้เขาตอบโต้วาจาของบุรุษผมทองทันควัน


     

    ทูออร์ บุตรแห่งชาวเอไดน์ วาจาของเจ้าช่างรุนแรงเสียจริง ! ”

     

    เขาได้ยินน้ำเสียงอันหวานไพเราะของพรายหนุ่มผมดำผู้นี้...เสียงดังที่ปนด้วยความขุ่นเคือง

    คำพูดนี้มาจากปากของมรรตักชนธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งไม่สมควรจะมาเยือนบ้านเมืองของเราด้วยซ้ำ ”


     

    อุปราชหนุ่มก็ได้ยืนกอดอกของตนเอง พลางได้ยินเสียงพูดคุยของเหล่าพรายดังไปทั่วท้องพระโรง


     

    ลูกรัก อย่าเพิ่งพูดเช่นนี้เลยจ๊ะ ” สตรีในชุดกระโปรงสีขาวเรียกเขา แต่ดวงตาสีนิลกลับหันไปทางอื่น


     

    ทูออร์จึงกัดฟันกรอดอยู่ข้างในด้วยความโกรธ ศักดิ์ศรีแห่งบรรพชนตระกูลฮาดอร์ไม่มีทางยอมแพ้!


     

    คำของกระหม่อมมาจากองค์อุลโมอย่างแท้จริง ไม่ได้หลอกลวง เทพเจ้าผู้พิทักษ์อาณาจักรของท่าน ”

    ประโยคนี้ทำให้เจ้าชายพรายรู้สึกว่าร่างกายของตนกำลังสั่นระริก


     

    พระองค์ทรงให้เจ้ามาก็จริง แต่ว่าการตัดสินขึ้นอยู่กับองค์ทัวร์กอนพระมาตุลาของข้า


     

    ขอเดชะ ! พระองค์ได้โปรดวินิจฉัยเถิด ”


     

    องค์กษัตริย์พรายก็ทรงสบตาของผู้เป็นบุตรของพระน้องนางและทรงหันมามองยังพระธิดาอีกครั้ง


     

    อย่าเพิ่งด่วนใจเลย ! หลานรัก ลุงจะให้เวลาได้พิจารณาอีกครั้งเถอะ ”


     

    แล้วองค์ทัวร์กอนก็ทรงลุกจากบัลลังก์ ทำให้ราชสกุลได้ลงตามเสด็จมาจากบันไดหินอ่อน


     

    ข้าราชบริพารทั้งหมดต่างค้อมศีรษะลงด้วยความเคารพ ในที่สุดพระองค์ก็มายืนตรงหน้าของชายหนุ่ม


     

    แต่ข้าก็ขอต้อนรับเจ้า บุตรแห่งฮูออร์ เจ้าเองก็เป็นบุตรชายของสหายข้า และข้าจะเมตตาเจ้า


     

    เพื่อระลึกถึงความดีของพวกเขาฮูรินและฮูออร์ด้วย ”


     

    หัตถ์เรียวแกร่งมาอยู่ตรงหน้า ทูออร์จึงได้คุกเข่าและจุมพิตบนหลังพระหัตถ์แกร่งเบาๆ


     

    เป็นพระกรุณายิ่งพระเจ้าข้า ”


     

    ทัวร์กอนทรงพยักพักตร์รับด้วยความยินดี พระองค์ก็ผายมือไปที่สตรีชุดขาวผู้นั้น


     

    และนี่คือ อาเรเดล อาร์เฟย์นีเอล คือขนิษฐาองค์เดียวของข้า ท่านหญิงขาวแห่งกอนโดลิน ”


     

    อาเรเดลก็ทรงยืนหัตถ์ขาวนวลให้เขาได้จุมพิต พร้อมกับรับสั่ง “ ยินดีที่ได้พบเจ้า หนุ่มน้อยชาวเอไดน์ ”


     

    ใบหน้าของทูออร์ก็มีสีแดงขึ้นบนโหนกแก้มหนา เมื่อได้ยลพระโฉมอันโสภาของท่านหญิงขาวผู้นี้


     

    ข้าก็ยินดีที่พบกับลูกชายของฮูออร์ เจ้ามีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเขามากทีเดียว


     

    ข้าชื่อ อิดริล เคเลบรินดัล ราชธิดาขององค์กษัตริย์ ” นางได้มอบรอยยิ้มแสนอบอุ่นให้เขา


     

    ดวงตาสีฟ้าของชายหนุ่มก็มีแววสดใส และได้ฉายรอยยิ้มผ่านริมฝีปากหนาได้รูปของตน


     

    มือแกร่งได้ยกหัตถ์เรียวบางราวกับกลีบดอกไม้ และประทับจุมพิตอย่างสุภาพและนุ่มนวลอย่างที่สุด


     

    อิดริลก็ได้สรวลในอาการเคอะเขินของบุรุษหนุ่มผู้นี้ ...ดวงตาของทั้งสองสบกันไปครู่หนึ่ง...


     

    องค์ทัวร์กอนก็ทรงผายมือไปยังพรายหนุ่มผมดำซึ่งยังคงเมินหน้าหนีไปยังนอกกระจกแก้ว


     

    ตาหนูกลิน รับการทักทายจากเขาซิลูก ”


     

    ผู้ถูกขานชื่อจึงได้ยอมหันมาโดยดี และยังคงทำสีหน้าที่นิ่งเฉยต่อครอบครัวของตนเอง


     

    ขณะนั้นทูออร์ก็ได้กลับมาตะลึงงันอีกครั้ง เมื่อได้เห็นแสงสีทองจากกระจกกระทบเรือนผมสีดำขลับ


     

    ราวกับมีรัศมีเรืองรองออกมาจากกาย และดวงหน้านั้น...งามวิจิตรนัก...และก็เหมือนพี่ชาย...ท่านพี่...


     

    แต่พรายหนุ่มก็รู้สึกอึดอัดใจ ก่อนที่จะยื่นมือเรียวของตนให้กับบุรุษตรงหน้า เพื่อให้เขาก็ได้ทาบริมฝีปากลง


     

    พลางรำพึง...กลิิ่นนี้ช่างประหลาดและคุ้นเคยนัก...กลิ่นของแร่เหล็กกล้า...เหล็กกล้า ...หรือว่าเขาก็คือ...


     

    ทันใดนั้น พรายหนุ่มก็ดึงมือกลับทันที พร้อมกับแสดงสีหน้าเคืองใจมากยิ่ง


     

    มายกลิน ! อย่าเสียมารยาทซิ ! ” เจ้าหญิงพรายทั้งสองอุทานพร้อมกัน ทัวร์กอนก็ถอนหายใจ


     

    ...ข้าไม่ได้มีเจตนาให้เสียมารยาทหรอก...ท่านแม่และพี่หญิง...แต่ข้าไม่ชอบสายตาของเจ้านี้เลย !...


     

    พรายหนุ่มจึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ ข้าเป็นพระภาคิไนยขององค์ราชาแห่งแดนลับแล บุตรมนุษย์ เพราะฉะนั้น


     

    อย่าได้นึกว่าข้าจะเชื่อคำสารจากคนธรรมดาอย่างเจ้าเลยนะ ”


     

    ด้วยเหตุนี้ ทูออร์จึงค้อมศีรษะของตนลง หากในใจของเขาคิดว่า...ในเมืองนี้ก็มีผู้ที่ไม่ชอบหน้าเขาแล้ว


     

    ...บุคคลที่ข้านึกว่า เป็นผู้สร้างประตูเหล็กกล้าอันงดงามนั้น...ที่แท้ก็เป็นเจ้าชายหนุ่มที่แสนจะน่าชัง...


     

    ...แต่ว่า...ทำไม...ข้าถึงรู้สึกถึงพันธะบางอย่างกับ...มายกลิน...เมื่อดวงตาสีดำประกายใสคู่นั้นก็มองมายังข้า...


     

    อีกฝ่ายก็รู้สึกว่า..ข้ากำลังเจออุปสรรคของชีวิตผ่านชายผู้นี้...เพราะพี่หญิงของข้ามองที่ทูออร์ด้วยสายตา


     

    ที่ใกล้เคียงกับคำว่า...ความรัก...และความหวัง...ซึ่งข้าต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายมอบให้นางเท่านั้น !...


     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×