คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2 : การเดินทางของผู้นำสาร
“ ข้าได้จดบันทึกเรื่องราวของกวานัวร์ - อดาหรือท่านลุงทูรินไว้ จากคำบอกเล่าของท่านพ่อ ซึ่งเขารัก
ท่านน้ามายกลินหรือกวานัวร์ - นานาของข้า ผู้มีรูปโฉมงามสง่าเฉกเช่นเดียวกับพี่ชายซึ่งได้จากไปของท่าน
เมื่อข้าโตขึ้น ข้ามีเจตนาให้บันทึกเล่มนี้ไว้เป็นอนุสรณ์ของความรักของพวกเขา ไว้ให้ผู้เป็นทายาทของข้า
ตระหนักถึงความกล้าหาญ ความขมขื่น ความโศกเศร้า การแก้แค้น การพลัดพรากจากคนที่รัก
มาจากความทารุณโหดร้ายของจอมมารทมิฬมอร์กอธที่มีต่อทุกคนในครอบครัวแห่งตระกูลฮาดอร์
แม้แต่ข้าเองก็อยู่ในวังวนคำสาปนั้น และไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แล้วตลอดกาล ”
เออาเรนดิล บุตรแห่งทูออร์ ทายาทคนสุดท้ายของทูริน ทูรัมบาร์
“ บุรุษผู้นั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ เพรียวบางและสง่างามดุจคมดาบเหล็กกล้าในการสงคราม
มีเรือนผมสีดำสนิท ผิวกายสีขาว ดวงตาเป็นสีเทาจรัส ใบหน้างดงามคมคายยิ่งกว่าชายชาวมนุษย์
ผู้ใดในยุคบรรพกาลนั้น แม้ในหมู่พรายเอง หากพบกันครั้งแรกก็ต้องนึกว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้มีตระกูลสูง
ในหมู่ชาวโนลดอร์เลยทีเดียว สูงศักดิ์ราวกับกำเนิดในราชสกุลจอมกษัตริย์ฟิงโกลฟินมหาราช
และเจ้าชายเออาเรนดิลได้รับการกล่าวว่า ถ้าไม่รวมสีของเกศาและดวงเนตร ก็ละม้ายคล้ายคลึงกับเขามากนัก ”
ดีร์ฮาเวล ผู้ประพันธ์ตำนานบุตรแห่งฮูริน
~!~!~!~!~!~!~!~
พรายศักราชปีที่ 496 แห่งยุคที่หนึ่ง
ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงหยุดนิ่ง...และข้าก็คงไม่มีวันได้พบกับเขาอีกแล้ว...
สายลมอันเย็นเฉียบได้พัดผ่านถนนสายเก่าแก่ ทันใดนั้นมันก็เหมือนเวลาจะหยุดลง ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่
รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในอากาศ ราวกับว่าลมหายใจของแดนปกครองของจอมมารที่อยู่ห่างไกลได้มลายสิ้น
และสายลมที่พัดมาจากทะเลทางทิศตะวันตกในความทรงจำของเขาได้เข้ามาแทนที่...
แต่แล้ว เขาก็ได้ยินเสียงแตรไม้ และฝีเท้าที่ย่ำพิ้นมาอย่างหนัก ไม่ใช่ฝีเท้าของพราย มนุษย์...
“ ทูออร์ หลบเร็ว ! ” มือเรียวของพรายหนุ่มในชุดสีเทาหม่นได้ดึงแขนแกร่งของเขา
ไปยังพุ่มไม้เล็กข้างต้นโรแวน และต้นเบิร์ช ผู้ถูกเรียกขานจึงได้มาอยู่ข้างกาย
ทูออร์จึงได้รับใช้ผ้าคลุมสีเทาซึ่งได้รับประทานมาจากเทพอุลโมเพื่อซ่อนตัวเขาและสหายผู้นำทาง
จากเหล่าออร์ค อันเป็นพวกอัปลักษณ์ที่รับใช้จอมมารดำ ร่างสูงก็เหมือนจะกระแทกกับก้อนหินข้างกาย
ทำให้เขาเกือบจะอุทานด้วยความเจ็บปวด แต่สายตาของพรายหนุ่มได้เติือนเขาไว้
เสียงร้องของพวกออร์คนักล่าก็คำรามเสียง พวกมันชอบพูดแต่ภาษาหยาบคาย ซึ่งแม้แต่พรายเองก็ยัง
ไม่อาจทนได้ ชายหนุ่มจึงไม่แปลกใจเลยที่ผู้นำทางของเขาจะปิดหูไว้
ทูออร์นั้นผ่านการได้ยินภาษานี้มาแล้วบ้าง และมีความอดทนมากกว่า เขาจึงได้คอยดักฟัง
และต้องสะดุ้ง เหมือนพวกมันเอ่ยว่า “ จอมดาบดำได้หนีไปจากนาร์โกธรอนด์ ฝ่าบาทจอมมารสั่งให้จับเป็น !”
...พี่ชาย...พี่ชาย...ท่านอย่าได้ผ่านมาทางนี้...ท่านหนีไปให้ไกลที่สุดเลยนะ...
“ ทูออร์...ทูออร์ ”
เขาจึงได้สบกับดวงตาสีน้ำทะเลปนเทาคู่นั้น และพบว่าตัวเองไม่ต้องอยู่ใต้ผ้าคลุมสีเทาแล้ว
“ โวรอนเว พวกมันไปแล้วใช่ไหม ? ”
พรายหนุ่มพยักหน้าตอบ “ เหมือนพวกมันจะมาสอดแนมอะไรสักอย่าง เราต้องรีบไปแล้วนะ ”
~!~!~!~!~!~!~!~
ยามค่ำคืนก็ได้มาถึง ความเงียบทั้งหมดปกคลุมทั่วทั้งดินแดนอันเวิ้งว้างแห่งนี้
ทูออร์ยังคงหลับใหลสิ้นสมประดีจากการเดินทาง ขณะที่โวรอนเวกลับยืนนิ่ง และมองไปข้างหน้า
ดวงตาของเขาผ่านทะลุเงามืดตามอย่างสายตาของเหล่าพราย เมื่อถึงยามอรุณ เขาจึงได้ปลุกให้
ชายหนุ่มได้ลุกขึ้น และยามที่แสงตะวันสีแดงฉานได้ตัดกับขอบสีขาวของเทือกเขาสีขาวสะท้อนแสง
ได้ราวกับเปลวเพลิงทางทิศตะวันออก และโวรอนเวก็ได้อุทานว่า
“ อัลเอ ! เอเร็ด เอน เอโคธรีอัธ เอเร็ด เอมบาร์ นิน ( นั้น ! เทือกเขาเอโคธรีอัธ ที่ตั้งของบ้านข้า ) ”
ทูออร์ได้เห็นกิริยาของสหายก็ยิ้มเล็กน้อย “เราใกล้จะถึงอาณาจักรขององค์ทัวร์กอนแล้วซินะ ”
“ ข้าก็จะได้กลับบ้าน ได้พบกับท่านพ่ออีกครั้ง ข้าไม่ได้กลับมาหลายปีแล้ว ทูออร์ ”
ชายหนุ่มชาวเอไดน์ก็ได้มองเห็นเบื้องล่างก็ได้เห็นหุบผาลึกล้ำอันมีนามว่า ซิริออน
ต้นน้ำของแม่น้ำซิริออนอันไหลเชี่ยวกราก “ ข้ารู้สึกว่าตัวเองสบายใจเสมอเมื่อได้เห็นสายน้ำ ”
“ ข้าก็เช่นกัน แต่ว่าเราต้องระวังให้มากขึ้น และไม่ควรเดินทางในที่แจ้งนัก ”
“ ทำไมล่ะ ? โวรอน เราก็ใช้ผ้าคลุมขององค์อุลโมได้ในการเดินทางมิใช่หรือ ? ข้าไม่อยากนั่งนิ่งแบบนี้ ”
แต่ว่าพรายหนุ่มไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นอกจากใช้สายตาของตนเองมองไปยังท้องฟ้าสีเทา
เขารู้สึกดีใจนัก เพราะว่าพวกศัตรูที่เหล่าออร์คต่างชิงชังและต้องหลบหนีไปในใต้ดิน
กำลังคุ้มครองลำธารนามว่าบรีธิอัช อยู่นั้นเอง !
“ โวรอน เจ้าเห็นอะไรเหรอ ? ”
“ ฮ่าๆ สายตาของมรรตักชนช่างสั้นเสียจริง ! ” โวรอนเวกล่าวเสียงใส “ ข้าเห็นพวกนกอินทรีแห่งคริสซายกริม
พากันบินอยู่บนนั้นแหละ ดูเอาซิ ! ”
ดังนั้น ทูออร์จึงได้เห็นปีกกว้างใหญ่สามคู่บินว่อนอยู่บนท้องฟ้านั้น และหลุบหายไปในหมู่เมฆ
โดยพวกมันบินถลาเป็นวงกลมใหญ่ ถ้าโวรอนเวตะโกนเรียก พวกมันจะคงมาถึงริมลำธารนี้
“ เอาล่ะ ไปกันเถอะ พวกออร์คน่ะ กลัวนกใหญ่ยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง พวกมันก็ได้แต่ซ่อนตัวหนีแหล่ะ”
ชายหนุ่มทั้งสองจึงได้ข้ามลำธารซึ่งเป็นน้ำไหลเย็น ด้วยอาการหนาวและหิมะที่กำลังตกลงมา
“ ในที่สุดเราก็พบแล้ว นี่คือปากแม่น้ำกันดาร จะเป็นทางที่เราจะเข้าไปสู่กอนโดลิน ! ”
ทูออร์ได้มองตามนิ้วชี้ของพรายหนุ่มก็พบว่าเป็นทางใหญ่ที่สายน้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
และมีแต่ก้อนหินขนาดใหญ่วางระเกะระกะเต็มไปหมด
“ แต่ว่า...โวรอน..ถนน..ขรุขระมากเลยนะ ”
“ นี่แหล่ะ ทางลัดที่จะพาเราไปเข้าเฝ้าองค์ราชา ” พรายหนุ่มยืนยัน
“ ข้าก็ประหลาดใจอยู่ดี มันเป็นทางเข้าใหญ่ แต่ไม่มีทหารหรือคนเฝ้าเลยสักคน ”
โวรอนเวจึงได้แตะไหล่กว้างของมนุษย์เอไดน์พลางส่งรอยยิ้มให้
“ แล้วเจ้าได้เห็นเอง อีกไม่นานหรอก ผู้นำสารแห่งเทพอุลโม และพระองค์จะสถิตอยู่กับเจ้า
ถ้าข้าไม่ได้ถูกลิขิตมาให้นำทางเจ้ามายังกอนโดลิน เราสองคนก็คงหนาวตายไปในกลางป่าเสียแล้ว ”
ชายหนุ่มก็ยิ้มตอบ “ สำหรับข้าแล้ว จะตายที่ไหนก็ไม่สำคัญ เดินทางกันต่อเถอะ ! ”
~!~!~!~!~!~!~
จบไปหนึ่งบท...ทูออร์จะได้เข้ากอนโดลินแล้วครับ ^^
ความคิดเห็น