คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ...TIME 4... [100%]
Tachyeon
*******
Time
4
หลังจากนั้นไม่นานวิคตอเรียก็ขอตัวกลับบ้าน นิชคุณเดินไปส่งเธอ วิคตอเรียโบกมือให้คุณและอูยองที่เดินออกมาพอดี
“บายค่ะคุณ...เจอกันใหม่นะคะอูยอง”
“ครับ”อูยองกับนิชคุณขานรับพร้อมกัน
เสียงรถเก๋งคันสีขาวแล่นออกไปได้ไม่นาน นิชคุณที่โบกมือลาแฟนสาวเสร็จก็หันมาหาอีกคน
“ไปกันเลยมั๊ย”
“ไปไหนครับ”อูยองมองนิชคุณงงๆ
“เอ้า!ก็เมื่อวานผมสัญญาจะพาคุณไปซื้อของนี่ มาๆขึ้นรถเร็ว”
นิชคุณไม่พูดเปล่าเดินไปจูงข้อมือของอีกคนให้ขึ้นรถทันที
บรรยากาศในรถเงียบกริบ
ทั้งคู่ไม่รู้จะพูดอะไร จนนิชคุณตัดสินใจเป็นผู้ทำลายบรรยากาศมาคุนี่ซะ
“ขอโทษนะวันนี้วุ่นวายแต่เช้าเลย”
“ไม่หรอกครับ”อูยองยิ้มแหยๆ
จบคำทั้งคู่ก็กลับมาเงียบเหมือนเดิมไม่ช้าไม่นานรถจากัวร์คันเล็กสีขาวก็มาถึงร้านขายของแห่งหนึ่ง
....จริงซิ50ปีก่อนคงยังไม่มีห้างสินะ
“ร้านนี่เลย...ผมมาบ่อยมาก ร้านเขาตัดสวยนะอยากได้แบบไหนบอกเจ้าของร้านเลยครับ”
นิชคุณแนะนำเสร็จสรรพอูยองเองก็พยักหน้ารับ
ขายาวของนายแบบหลงยุคก้าวเข้าร้านอย่างประหม่า...ไม่เคยมาร้านแบบนี้เลย ถึงเสื้อผ้าจะเป็นแบบสมัย50ปีก่อนแฟชั่นก็ไม่ต่างอะไรกับสมัยของเขามากนัก...อย่างว่าแฟชั่นก็วนไปวนมาเรื่อยๆล่ะนะ
ร้านนี้เสื้อสวยอย่างที่นิชคุณโฆษณาเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยน
เนื่องด้วยที่ว่าอูยองเองก็เป็นนายแบบความรู้เรื่องเสื้อผ้าก็ต้องมีบ้าง
ทั้งรอยเย็บเก็บรายละเอียดได้ดีเรียบร้อย ส่วนการออกแบบถ้าเทียบกับว่าสมัย50ปีก่อนถือว่าสวยทีเดียว
สายตากวาดมองไปทั่วร้านจนสะดุดที่เสื้อตัวหนึ่งเป็นเสื้อเชิ้ตสีเทา อูยองเดินเข้าไปจับๆแตะๆดูด้วยความสนใจ
“ชอบหรอ”นิชคุณเดินมาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง
อูยองสะดุ้งตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยังยิ้มรับ
“สวยดีครับ”
“ถ้าชอบผมซื้อให้นะ”
“แต่ว่า
”
อูยองเองก็ลำบากใจเล็กน้อยให้เขามาอาศัยอยู่ฟรียังจะมาซื้อนู่นซื้อนี่ให้อีก
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า...เล็กน้อยแค่นี้เอง...พี่ครับๆเอาเสื้อตัวนี้ครับ”
พูดเองเออเองเสร็จสรรพมือแกร่งของนิชคุณก็ลากอูยองมาที่อีกส่วนของร้าน
“เอากางเกงแบบไหนดี ขาสั้นประมาณเข่ามั๊ยใส่สบายๆ”
พูดไปพลางก็หยิบกางเกงตัวนู้นตัวนี้ไปพลาง
“เอ่อไม่รู้สิครับ คุณเลือกให้ผมแล้วกัน”
“อะไรกัน อูยองเป็นนายแบบไม่ใช่หรอน่าจะมีเซนส์เรื่องเสื้อผ้าดีกว่าผมนะ”
“แต่ผม...”
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องเกรงใจ”นิชคุณหันมายิ้มก่อนจะยกกางเกงทั้งราวให้เจ้าของร้านเนื่องจากเลือกไม่ได้
...ก็คนมันชอบหมดเลยนี่
อูยองใส่แล้วต้องน่ารักมากแน่ๆ
คิดไปคนตัวสูงก็ยิ้มเป็นบ้าอยู่คนเดียว ส่วนคนข้างๆก็ได้แต่สงสัย...ทำไมดูอารมณ์ดีจัง
ไม่นานนักเจ้าของร้านก็เอาเสื้อผ้าใส่ถุง
อูยองมองของข้างหน้าแล้วอ้าปากค้าง
...มันเยอะไปมั๊ย!!
ถุงสิบกว่าถุงที่ใส่เสื้อผ้าแน่นทุกใบถูกเด็กในร้านยกไปไว้ในรถ
เจ้าของร้านยิ้มหน้าบ้านที่วันนี้เสื้อขายหมดทั้งที่ยังไม่เย็น นิชคุณเดินจูงมืออูยองขึ้นรถไป
“มันไม่เยอะไปหรอครับ”อูยองเอี้ยวตัวมองของในรถที่วางอยู่เบาะหลัง
“ไม่หรอก...นายต้องอยู่อีกนาน”
นิชคุณขับรถยิ้มแย้มอารมณ์ดี
“หิวรึยัง...กินอะไรก่อนมั๊ย”
“เอ่อ...ก็นิดนึงครับ”
“พูดแบบนี้แสดงว่าหิว”
นิชคุณเลี้ยวรถเข้าไปร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ทั้งคู่เดินเข้าไปในร้าน นิชคุณเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้อีกฝ่ายนั่งอูยองก้มหัวขอบคุณ
“ผมเอาแนงเมียนครับ อูยองล่ะ”
ประโยคแรกหันไปบอกพนักงานส่วนประโยคหลังหันมาถามอีกคน
“ผมเอาด้วยครับ”
พนักงานทวนรายการอาหารก่อนจะโค้งรับแล้วเดินออกไป
ไม่นานนักอาหารก็มาเสริฟ
อูยองซึ่งไม่ชอบกินผักแอบเขี่ยออกอย่างเคยชินพอนิชคุณเห็นก็รีบค้านทันที
“ไม่กินผักล่ะอูยอง”
“ก็มันขมนี่ครับ”
“ไม่ขมหรอก ลองกินดูสิ”
อูยองเบ้ปาก...ไม่ขมที่ไหน ขมจะตาย
“ไม่ต้องมหน้าแบบนั้นเลย...อ้าปาก”
นิชคุณคีบผักในจานอูยองขึ้นมาแล้วสั่งให้อีกฝ่ายอ้าปาก
อูยองมองนิชคุณนิดๆก่อนจะก้มหน้าลง
“อย่าดื้อสิครับ...อ้าปาก”
ยิ่งสั่งอูยองก็ยิ่งเม้มปากแน่น
เมื่อเห็นอย่างนั้นนิชคุณก็ส่งสายตาดุๆไปให้ อูยองจึงยอมอ้าปาก
“อ้ามมม”
ว่าเสร็จก็ป้อนผักเข้าปากของคนที่กำลังเบ้อย่างทรมารทรกรรม
“อร่อยมั๊ยครับ”
“แหวะ...”
คำตอบของอูยองทำเอานิชคุณหัวเราะเล็กๆอย่างเอ็นดู
“อีกคำนะครับ”
“ไม่เอาแล้ว”
อูยองสะบัดหน้าหนีนิชคุณพอร่างสูงโผล่หน้าไปทางซ้ายก็หันไปทางขวา พอโผล่ไปทางขวาก็สะบัดหน้าหนีไปทางซ้าย
ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างนึกสนุกก่อนจะเดินอ้อมมาที่นั่งของคนที่กำลังหันหน้าหนีเขาอยู่
ปลายจมูกโด่งกดลงไปที่แก้มเนียนของอีกฝ่ายอย่างแรงส่งผลให้อูยองหันหน้ากลับมาแทบไม่ทัน
นิชคุณยิ้มร่ากับผลงานตัวเองต่างกับอีกคนที่นั่งหน้าแดงแจ๋ก้มหน้างุดๆ
“คุณทำอะไรเนี่ย”
อูยองพูดเบาๆหน้าขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดอย่างเห็นได้ชัด
“หอมแก้ม”
“รู้แล้วครับ!”
“อ้าว~เห็นถามนึกว่าไม่รู้ ฮ่าๆ”
ยังจะมาหัวเราะ= =
“ที่ผมถามน่ะ...หมายความว่าคุณจะมาหอมแก้มผมทำไม”
“อยากรู้หรอ”
นิชคุณหยุดกินวางตะเกียบมองอีกฝ่าย
อูยองพยักหน้าแรงๆสองสามที
“ก็อูยองน่ารัก”
คำตอบของร่างสูงทำให้คนที่กำลังเขินอยู่แล้วเขินเข้าไปอีก...
“น่ารักจริงๆนะ”
ไม่พูดเปล่ายังมีการย๊ำให้ฟังอีกด้วย อูยองเอามือหูอย่างเขินอาย
ปกติทั้งแฟนคลับทั้งคนอื่นๆก็ชมเขาว่าน่ารัก...แต่ไม่เคยรู้สึกเขินแบบนี้ทั้งๆที่คนก่อนๆที่ชมก็เป็นผู้หญิง...แต่คนๆนี้กลับเป็นผู้ชาย
....นี่เราเขินกับคำชมของผู้ชายหรอเนี่ย!
นิชคุณมองท่าทางของอีกคนอย่างสนุก
ก็น่ารักจริงๆนี่นา
“คุณเพ้ออะไรของคุณเนี่ย”
อูยองโวยวายแก้อาการเขิน
“ปล่าวเพ้อนะ...ผมพูดจริง”
นิชคุณพูดไปคีบหมี่เย็นกินไป...ทำไมวันนี้มันอร่อยผิดปกติเนี่ย
...สงสัยเป็นเพราะคนตรงหน้ารึปล่าว...นิชคุณ หรเวชกุล
อูยองก้มหน้าก้มตากินโดยไม่สนใจอีกคน ยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าตัว พูดไปก็เสียเปรียบนิ่งไว้ยังจะดีซะกว่า
นิชคุณหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจในผลงานของตัวเอง
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด~!!”
อูยองกับนิชคุณไปมองตามเสียง
นั่นมัน!...
อูยองหันไปมองตามเสียงร้องแล้วพบกับหญิงสาวร่างเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มกำลังถูกผู้ชาย3คนดูท่าทางน่ากลัวลวนลามอยู่
การกระทำย่อมไวกว่าความคิดอูยองผลุนผลันลุกจากที่นั่งอย่างที่นิชคุณยังห้าไม่ทันขาเรียวก้าวเร็วปรี่ไปยังกลุ่มคนข้างหน้ามือบางกระชากไหล่ของอีกผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นให้หันมา
“มีอะไรวะ!”ชายคนนั้นสะบัดอย่างหัวเสีย
“จะทำอะไร”
อูยองพูดเสียงต่ำอย่างน่ากลัว
“จะทำอะไร?”
ชายคนนั้นหันไปหาพวกอีกสองคนแล้วเปล่งเสียงหัวเราะที่น่าขยะแขยงราวกับพวกตัวร้ายในละครออกมา
“ฮ่าๆๆๆๆ ทำอะไรแกถามว่าพวกเรากำลังทำอะไรหรอ”รอยยิ้มที่น่าเกลียดปรากฏขึ้นบนหน้าของชายคนนั้นก่อนที่เขาจะเงื้อมมื้อเพื่อหมายที่จะกระแทกลงบนหน้าของอูยอง
หมับ!
มือกร้านของพวกชั่วช้านั่นที่กำลังต่อยหน้าของอีกฝ่ายโดนมือของจาง อูยองรับไว้ได้อย่างพอดีก่อนจะที่กำข้อมือของชายคนนั้นแน่นแล้วหักลงอย่างไม่ปราณี
“โอ๊ย!”
เขาร้องเสียงหลงก่อนจะปล่อยมือที่กุมคอเสื้ออูยองออกแล้วเปลี่ยนมากุมข้อมือของตัวเองแทน
“เฮ้ย!”ส่วนเพื่อนอีกสองคนปราดเข้ามาหมายจะรุมคนที่หักข้อมือเพื่อนของเขา
อูยองวาดเท้าถีบไปที่ท้องของอีกคนส่วนมือก็ชกเข้าที่หน้าของอีกคน ชายสองคนล้มลงไปกองกับพื้นอูยองจึงรีบวิ่งไปพยุงร่างของหญิงสาวที่โดนลวนลามทันที
“เป็นไงมั่งครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”เธอก้มหัวขอบคุณอย่างสุดซึ้งเมื่อเงยหน้าใจเธอก็เต้นตึกตักอย่างปะหลาดใบหน้าขาวแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อ๊ะ!ระวัง”และในขณะนั้นเองสายตาจะเหลือบไปเห็นว่าชายคนใดคนหนึ่งในสามคนนั้นควักมีดออกมาจะแทงอูยอง
พลัก!
ไม่ทันที่จะลุกขึ้นได้ด้วยซ้ำเท้าของผู้มาใหม่ก็กระแทกลงบนหน้าของพวกชั่วจนทำให้ล้มลงและสลบไป
อูยองหันมามองคนที่ชั่วชีวิตเขา...นิชคุณ
“เอ่อ...คุณ”
“เท่มากอูยอง...แต่ระวังด้วยสิครับ”
นิชคุณเดินหาอูยองด้วยแววตาเป็นห่วง
“ขอบคุณนะครับ”
“ไม่เป็นไร..ผมจะปล่อยให้คุณโดนแทงได้ยังไงล่ะ”
นิชคุณยิ้มหวานพลางลูบหัวคนข้างหน้า
หญิงสาวมองอย่างงงๆพวกเขาคงจะไม่ใช่คู่รักกันหรอกนะ...ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย
อูยองแอบดีใจกับคำพูดอ่อนโยนของนิชคุณแล้วหันมาถามอาการของหญิงสาวแทน
“เอ่อ...คุณเป็นอะไรรึปล่าวครับ”
“ไม่ค่ะ...ฉันต้องขอบคุณมากนะคะที่คุณช่วยฉันไว้”
เธอก้มหัวลงอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรครับ...มีคนกำลังโดนรังแกผมจะปล่อยไปได้ยังไง”
อูยองยิ้มเล็กๆ
...แต่ยิ้มนั้นก็ทำให้คนสองคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นยิ้มตามได้อย่างไม่มีเหตุผล
“แต่ยังไงฉันก็เกือบทำคุณโดนมีดแทงนะคะ”
“แต่ก็ยังไม่โดนนี่ครับ...อย่าคิดมากเลยนะ”
อูยองโบกมืออย่างไม่คิดอะไร
แต่คนที่คิดคือคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างนิชคุณ
...คงไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกนะ รู้สึกกลัวแปลกๆ
“อูยองไปกันเถอะครับ ผมหิวแล้ว”
ช่างเป็นข้อแก้ตัวที่ดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย...เพิ่งจะกินมาเมื่อกี๊แล้วนี่ก็อยู่ในร้านอะหารนะ...นิชคุณ!
อูยองหันมามองอย่างงงๆดูอย่างนิชคุณไม่น่าจะกินเยอะเลยนะ
“ครับๆ”
แต่ช่างมันเถอะ อูยองหันมาตอบรับอีกคนก่อนจะหันไปลาผู้หญิงที่เขาช่วยชีวิตไว้
“งั้นผมไปนะครับ”
พูดเสร็จก็หันหน้าเดินออกไปโดยที่นิชคุณจูงมือนำ
“อ่ะ!...เดี๋ยวค่ะ!เราจะได้เจอกันอีกมั๊ยคะ”
เธอรีบตะโกนถามก่อนที่ชายในพรมลิขิตของเธอจะเดินหนีไป
อูยองหันมายิ้มรับ
“ผมหวังว่าจะเป็นอย่างนั้นครับ”
“คุณชื่ออะไรคะ...เอ่อ...เผื่อเราจะเจอกันแล้วฉันจะได้ทักคุณ”
“ผมอูยองครับ”
เมื่อเห็นคนที่จูงทือแนะนำตัวกับอีกฝ่ายนิชคุณก็ยิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอูยองมองแปลกๆก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วตามอีกคน
“ฉันแทยอนนะคะ!!”
เธอตะโกนบอกโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะได้ยินหรือเปล่า
“ฉันหวังว่าเราจะได้พบกันอีกนะคะอูยอง”
เธอยิ้มบางๆพร้อมพูดกับตัวเอง
.
.
.
.
.
.
บนเวทีใหญ่อย่างอินกิกาโยศิลปินมากมายที่ยืนลุ้นตัวโก่งกับรางวัลอยู่บนเวที
หนึ่งในนั้นชานซองและจุนโฮเองก็กำลังจับกันลุ้นว่ารางวัลจะประกาศชื่อเขารึปล่าว
คะแนนประมวลผลอย่างลุ้นระทึกและไม่นานผลก็ปรากฏ คู่ดูโอ้ชานซองจุนโฮคว้ารางวัลไปอย่างไม่น่าสงสัย
กรี๊ดดดดด!
เสียงแสดงความดีใจของแฟนคลับมากมายศิลปินบนเวทีต่างก็กอดแสดงความยินดีกับทั้งคู่...พวกเขามองหน้ากัน...ในที่สุดความพยายามของพวกเขาก็สำเร็จ
ทั้งๆที่ศิลปินทุกคนที่อยู่บนเวทีนี้ต่างก็มีน้ำใจเป็นนีกกีฬากันทั้งนั้นแต่ก็ยังสายตาคู่หนึ่งมองคู่ดูโอ้นี้อย่างเครียดแค้น
เมื่อลงจากเวทีชานซองกุมมือจุนโฮเพื่อจะเดินไปยังห้องพัก จองโฮนักร้องหนุ่มศิลปินเดี่ยวได้เดินมาชนไหล่ชานซองอย่างตั้งใจ
ตาคมหันไปมองอย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนั้น ชานซองขมวดคิ้วกับแววตานั้น...ทั้งๆที่ก็ไม่รู้จักแต่รู้สึกไม่ชอบ
จองโฮเดินจากไปพร้อมกับปริศนาในแววตานั้นเอาไว้
“นี่!ชาน”
“ครับ...”
“นั่นน่ะ คนที่เขาแข่งกับเราเมื่อกี๊นี่นา”
ชานซองนึก ใช่คนบนเวทีจริงๆด้วยเขาแพ้คะแนนไปอย่างหวุดหวิด...ชานซองเข้าใจในทันที...สงสัยจะเป็นพวกแพ้แล้วพาลล่ะมั้ง
ในพักส่วนตัวของจุน จองโฮ
“โธ่เว๊ย!”เขาสะบัดเสื้อคลุมที่ใช้แสดงทิ้งก่อนจะล้มตัวลงบนโซฟามือเรียวก้มใบหน้าอย่างโมโห
“เป็นอะไรไปคะ”หญิงสาวที่นั่งอยู่ในห้องก่อนหน้านี้เดินมาโอบรอบคอของจองโฮจากทางด้านหลังหน้าอิ่มวางลงบนไหล่อย่างคุ้นเคย
“ทั้งๆที่อุตส่าห์เล่นงานไอ้อูยองได้แล้วแต่กลับมีไอ้วงดูโอ้อะไรนั่นมาคว้าตำแหน่งดาวรุ่งของผมอีก!”
หญิงสาวที่ชื่อมินยูเบ้หน้า...ก็รู้อยู่ว่าจองโฮคู่ขาของเธอนั้นไม่มีความสามารถแถมยังชอบโอ้อวด
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ใช้ให้เธอไปทำตัวเป็นข่าวกับอูยองให้เธอยั่วสารพัด...ถ้าไม่มีเงินจำนวนน่าสนใจนั่น ให้ตายเธอก็ไม่ยอมเสี่ยงกับคำด่ามากมายบนหน้าอินเตอร์เน็ตกับตำแหน่งแฟนของจาง อูยองหรอก
“อย่าคิดมาสิคะจองโฮ นั่นก็แค่นักร้องไอดอลหน้าใหม่ก็แค่ช่วงแรกๆนั่นแหละค่ะ...หลังๆไปถ้าไม่มีอะไรน่าสนใจคนก็คงเบื่อกันไปเอง”
ใช่...ถ้าไม่มีอะไรน่าสนใจนะ
“แล้วอีกอย่างคุณอย่าเพิ่งวางใจนะคะ...อูยองน่ะแค่ลาพักงานเท่านั้น...ถ้าเขากลับมาเมื่อไหร่คุณเองก็อันตรายนะคะ”
“ผมรู้มินยู...แต่ตอนนี้ผมขอจัดการกับไอ้พวกไอดอลวัยรุ่นน่ารำคาญก่อนแล้วกัน”
ชานซองยกยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย
มินยูชักสีหน้าระอากับคู่ขาหนุ่ม
เอาเถอ...จะทำอะไรก็ทำ...แต่อย่าซวยมาถึงเธอก็แล้วกัน!
55% ค่ะ จะมาต่อให้นะคะตามอ่านและให้กำลังใจกันเหมือนเดิมนะค๊า~
ชานซองเดินจูงมือจุนโฮเข้ามาในห้องพักส่วนตัวของศิลปิน ร่างสูงกดไหล่ของอีกคนให้นั่งลงเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วลงมือเอาสำลีชุบกับครีมล้างเครื่องสำอางก่อนจะค่อยๆวาดสำลีไปบนใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างเบาๆ
ริมฝีปากหนายกยิ้มอย่างมีความสุข ส่วนอีกคนก็หลับตาอาจเป็นเพราะความเหนื่อยอ่อนที่ต้องเผชิญมาทั้งวัน
เมื่อเช็ดเสร็จชานซองก็ค่อยๆวางสำลีเบาๆไม่ให้อีกคนตกใจใบหน้าคมก้มลงจนเกือบติดจมูกโด่งจรดลงบนหน้าผากของคนที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่
นิ้วเรียวปาดไปตามโครงหน้าของจุนโฮอย่างรักใคร่ก่อนจะอุ้มร่างนั้นขึ้นมาวางบนโซฟาเพื่อให้จุนโฮนอนสบายๆ
ชานซองถอดเสื้อคลุมตัวโคร่งของตัวเองออกแล้วจัดการห่มให้กับจุนโฮที่นอนหลับอยู่เสร็จแล้วก็นั่งลงบนพื้นข้างๆโซฟามือหนาลูบหัวอีกคนเบาๆเหมือนกับว่าเป็นการกล่อมให้หลับ
ชานซองมองหน้าของอีกฝ่ายที่หลับจาพริ้มแล้วด้วยอารมณ์ที่พาไปจึงก้มหน้าลงอีกครั้งชานซองจูบลงริมฝีปากบางเบาๆ
หลังจากทำการจูบเสร็จชานซองก็นั่งลงบนพื้นอีกครั้งก่อนจะกุมมือจุนโฮแล้วเลื่อนมือของคนที่นอนอยู่มากุมแก้มของตนแล้วฟุบลงนอน
ประตูห้องพักศิลปินของคู่ดูโอ้นี้เลื่อนออกเล็กน้อย คนแปลกหน้ายกมือถือขึ้นมาถ่ายการกระทำทั้งหมดที่ผ่านไปสักครู่ ริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างพอใจและสะใจ
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังใกล้เข้ามาที่ห้องพักนี้คนๆนั้นลุกลี้ลุกลนก่อนจะจัดการเซฟคลิปนั้นลงมือถือแล้วเตรียมตัวจะวิ่งหนี
ร่างของผู้จัดการคิม จุนซูที่ไปคุยงานกับประธานบริษัทมากำลังเดินไปหาศิลปินที่ตนดูแลอยู่
ในจังหวะที่กำลังเดินนั้นก็มีร่างของใครคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบเร่งแล้วเกิดชนขึ้นมาคนๆนั้นรีบจบหมวกลงมาเพื่อปิดบังหน้าตาของตนเอง
จุนซูมองอย่างวไม่ค่อยพอใจ ไม่มีเสียงขอโทษจากบุคคลนั้นเมื่อจุนซูลุกขึ้นร่างปริศนาก็รีบวิ่งออกไปทันที
“อะไรวะ”
ยกมือขึ้นมาเกาหัวเล็กน้อยแล้วเตรีมตัวจะเดินต่อแต่สายตาคมก็บังเอิญเหลือบไปเห็นของที่สะท้อนกับแสงไฟที่ตกอยู่บนพื้น
จุนซูตัดสินเก็บมันขึ้นมาแล้วเปิดดูเผื่อจะมีเบาะแสของเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้
เดินไปดูไปใกล้จะถึงห้องพักของจุนโฮและชานซองและอาจเป็นเพราะความบังเอิญอีกครั้งหรือย่าไงรไม่อาจทราบ
ผู้จัดการคิมจุนซูกลับเปิดไปเจอคลิปในโทรศัพท์ และที่น่าอึ้งก็คือบุคคลในคลิปปรากฏเป็นร่างของศิลปินในสังกัดของเขา
จุนโฮ! ชานซอง!
จุนซูรีบปิดคลิปนั้นอย่างตกใจ เรื่องของสองคนนี้ไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่เพราะเขาเองก็พอรู้อยู่แล้วแต่อาจจะไม่เคยได้ยินเจ้าตัวพูดอย่างจริงๆจังๆเท่านั้นเอง
แต่ที่เขาตกใจคือคลิปนี้เป็นฝีมือของใคร!
นอกจากจะมีคลิปของสองคนนี้แล้วยังมีรูปที่มินยูกอดกับอูยองนายแบบที่ตอนนี้พักงานอยู่
แล้วนอกจากนี้ยังมีรูปอีกมากมายที่ทำให้ศิลปินต่างๆทั้งดังและไม่ดังเสียชื่อเสียงกันมานับไม่ถ้วน
ปาปารัซซี่หรอ! งั้นแสดงว่าอย่างน้อยก็ต้องมีหมอนี่รู้เรื่องของชานซองกับจุนโฮแล้วน่ะสิ!
จุนซูเปิดประตูเข้าไปเบาๆภาพที่เห็นคือชานซองนอนกุมมือจุนโฮอยู่
เนี่ยล่ะน๊า~เพราะไม่ระวังตัวน่ะสิ ทีหน้าทีหลังต้องบอกให้ล๊อกประตูซะมั่งผู้จัดการส่ายหัวเบาๆ
จุนซูมองไปที่ศิลปินในสังกัดของตัวเองอย่างเป็นห่วงก่อนที่จะฉุกขึ้นที่จะหาตัวปาปารัซซี่คนนั้นมาลงโทษ
คิม จุนซูเปลี่ยนความคิดที่ตอนแรกจะเดินมาชวนให้สองคนนี้กลับคอนโดกลายเป็นเดินตามหาปาปาปรัซซี่คนนั้น
มือบางกดไล่ดูรายชื่อล่าสุดในโทรศัพท์นั้น ชเว มินยู!
ผู้หญิงคนนี้เป็นดาราหน้าหใม่ที่ไม่ค่อยจะดังสักเท่าไหร่หน้าตาถือว่าสวยในระดับคนทั่วไปแต่ถ้ามาเทียบกับบุคคลที่ต้องแข่งขันในวงการบันเทิงถือว่าเทียบไม่ติดแล้วไหนจะเป็นความสามารถอันน้อยนิดของเธอที่ไม่เหมาะกับวงการบันเทิงเอาซะเลย
มารยาทไม่มีไม่รู้จักคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้องเอาแต่ใจคิดไปเองว่าตนเป็นดาราดังเรื่องมากจนทุกวันนี้ไม่ค่อยมีงานดีๆสักเท่าไหร่จะมีบ้างก็งานที่ต้องสะบัดผ้านิดๆหน่อยๆอาศัยหุ่นดี
เท่าที่ได้ยินได้ฟังมาเธอคนนี้ขยันสร้างเรื่องสร้างข่าวกับจาง อูยองเองก็เหมือนกันคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามินยูวิ่งโร่เข้าไปกอดอูยองเองจนอูยองอึ้งไปพักหนึ่งแล้วสะบัดตัวออก
บอกได้คำเดียวว่าผู้หญิงคนนี้...แรง!
จุนซูเดินออกจากห้องด้วยแววตามุ่งมั่นยังไงๆวันนี้เขาก็ต้องได้เบาะแสของไอ้ปาปารัซซี่คนนี้ให้ได้!!
-----65%----
คิม จุนซูวิ่งไปทางที่ตนเห็นเจ้าคนลึกลับเมื่อกี๊วิ่งผ่านไปตัวเขาเดินมาทางซ้ายซึ่งเป็นทางข้างเวทีส่วนไอ้เจ้าคนร้ายนั้นวิ่งหนีไปทางแยกขวาเมื่อคิดได้จึงสั่งการให้ตัวเองวิ่งตามทางทันที
เมื่อวิ่งมาได้สักพักก็ได้รู้ว่าไอ้ทางที่หมอนั่นหนีมาน่ะมันทางตัน! ใบหน้าหวานหันซ้ายแลขวาหมอนั่นมันจะหนีไปไหนหรือจะวิ่งออกไปทางเดิม ไม่สิ!ก็ห้องพักของชานซองกับจุนโฮน่ะมันอยู่ตรงแยกพอดีถ้าวิ่งกลับมาเขาก็ต้องเห็นสิ!
ผลัก!
“โอ๊ยย~!”เสียงหวานร้องโอดโอยเมื่อมีคนวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือชนเค้าที่กำลังใช้ความคิดอยู่
“ขอโทษครับๆ”
จุนซูเงยหน้ามองอย่างไม่สบอารมณ์เพราะหมอนี่ดันมาขัดตอนเขาคิดซะได้!
“นายเดินยังไงเนี่ย ห๊ะ!”
“ขอโทษครับๆผมไม่ได้ตั้งใจ”
ชายคนนั้นที่เดินแบกกล่องมาใส่เสื้อของทีมงานก้มหัวปะหลกๆ จุนซูส่ายหน้าสองสามทีอย่างอ่อนใจ ก่อนที่จะเอ่ยถามเพื่อหาเบาะแส
“ว่าแต่นายน่ะเห็นผู้ชายท่าทางลับๆล่อๆมาทางนี้บ้างมั๊ยใส่หมวกสีดำเสื้อดำกางเกงดำดูท่าทางไม่น่าไว้ใจน่ะ”
“ไม่เลยครับ”ทีมงานคนนี้ยังพูดไปก้มหน้าอาจเป็นเพราะกลัวความผิดที่ไปเดินชนผู้จัดการคิมเข้า
“อืมๆช่างเถอะ...ไปๆไปได้แล้ว”
จุนซูโบกมือไล่ทีมงานคนนั้นทันที
“ครับ...”ก้มหัวขอบคุณอีกหนึ่งทีก่อนจะหันกลับไปเดินต่อ
“เดี๋ยว!”เขาสะดุ้งอีกรอบกลัวว่าจุนซูจะเปลี่ยนใจมาลงโทษต่อ “นายน่ะชื่ออะไรนะ ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้า”
“ผม...ชางมินครับ...เพิ่งมาทำงานครั้งแรก”
“อืม...ฉันจุนซูนะ...ไม่มีอะไรหรอกแค่นี้แหละ ไปได้แล้ว”
ชางมินก้มหัวก่อนจะเดินออกไป
“เฮ้อ~!สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว”
จุนซูบ่นกับตัวเองก่อนจะเดินคอตกกลับไปหาจุนโฮกับชานซอง
ทางด้านบริษัทใหญ่ PM Entertainment
ชายสองคนกำลังนั่งจิบกาแฟไปคุยกันไปในห้องของผู้บริหารใหญ่...และหนึ่งในนั้นก็มีอ๊ค แทคยอน
“เป็นไงบ้างวะไอ้แทค”
“อือ...ไปได้สวย”
“แกไม่คิดว่ามันจะใจร้ายไปหน่อยหรอ”
“ทำไม เกิดเป็นคนดีอะไรตอนนี้วะ หึหึ”
“ปล่าววว...ตามใจแกเหอะ”
ชายอีกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้จัดการและเป็นเพื่อนสนิทของแทคยอน....โจควอน
โจควอนเป็นหนุ่มร่างเล็กตัวบางต่างกับแทคยอนโดยสิ้นเชิงจึงทำให้แปลกใจและสะดุดตาเวลาสองคนนี้เดินไปไหนมาไหนด้วยกันและพูดกันด้วยความเอะอะเพราะสองคนนี้ไม่น่าจะมาเป็นเพื่อนกันได้
อีกคนก็เท่ สามาร์ท ดูบึกบึนและเป็นผู้นำได้
ส่วนอีกคน...ก็ดูบอบบาง เป็นคุณชาย
แต่ที่ทั้งสองมีเหมือนกันคือนิสัย...และนี่อาจจะเป็นสาเหตุให้ทั้งคู่สนิทกันก็ได้
แทคยอนวางถ้วยกาแฟลงเบาๆยกขาขึ้นมานั่งไว้ห้างแบบคุณชายเอามือเท้าวางไว้บนโต๊ะนิ้วชี้เคาะโต๊ะอย่างสนุก
“แกไม่ต้องคิดมากหรอกน่าไอ้ควอน...ฉันก็แค่แกล้งนิดๆหน่อยๆ”
“แต่ถ้าเค้ารู้ว่าจริงขึ้นมามันไม่นิดหน่อยแน่ไอ้แทค...ถ้าจุนซูรู้เห้อ~ แล้วจุนซูอ่ะยิ่งสนิทกับหมอนั่นอยู่นายก็รู้...มีหวังนายโดนผู้จัดการคิมกระทืบตายแน่ๆไอ้แทค”
“ไม่หรอกน่า”
“ก็พูดงี้ทุกที”
โจควอนเบะปากกับคำพูดของเพื่อนรัก
‘นายมันโครตจะงี่เง่าเลยว่ะ แทค!’
“เกิดอะไรขึ้นมาฉันถือว่าฉันเตือนแกแล้วนะ”
“อือ...ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง หึหึ”
แทคยอนนั่งเท้ายิ้มกริ่มในผลงานของตัวเองที่กำลังจะไปได้สวย
.....แต่แน่ใจหรอแทคยอน ว่าการกระทำของตัวเองก็ไม่ส่งผลย้อนจนทำให้เสียน้ำตา.....
----75%----
(อย่าลืมกดเพลงฟังก่อนอ่านนะที่รัก)
ในคอนโดหรูหราใจกลางเมืองร่างเล็กของผู้จัดการปาร์ค แจบอมกำลังนั่งกินนอนกินอยู่อย่างสบายใจ
สักพักได้เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น สายตาเรียวเหลือบไปมองที่หน้าจอเพื่อดูรายชื่อว่าใครโทรมาดึกดื่นป่านนี้
‘แทคยอน’
แค่เห็นชื่อเสียงหัวใจก็เต้นดังอย่างปะหลาดใบหน้าขาวซับสีเลือดแดงอย่างเห็นได้ชัดเจ้าตัวรีบวางขนมที่กินเมื่อสักครู่ลงและเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์แล้วกดรับทันที
“คะ...ครับคุณแทค”
[รับเร็วจังครับ]
“เอ่อ...คือเมื่อกี๊ผมเพิ่งวางสายตาจากอูยองนะฮะโทรศัพท์มันอยู่ในมือพอดี”
โกหกคำโต...คิดว่าปลายสายไม่รู้รึไงเนี่ย ปาร์ค แจบอม
[ครับ หึหึ]
“แล้วคุณมีธุระอะไรหรอครับถึงได้โทรมาหาผม”
[ไม่มีธุระแล้วโทรมาไม่ได้หรอ]
“ปล่าวครับ”
ได้ยินแบบนั้นแจบอมก็รีบละล่ำละลักแก้ตัวทันที
“คือ...ผมไม่คิดว่าคุณจะโทรมานอกจากเรื่องงาน”
[ผม...ก็แค่อยากได้ยินเสียง]
แค่เพียงคำพูดแค่นั้นของแทคยอนก็เล่นเอาคนที่ได้ฟังเขินจนพูดอะไรไม่ออก
“คุณโทรมาแค่นี้หรอครับ”
[อืม...อยากให้คุณบอกฝันดีผมก่อน]
“หา! ทำไมผมต้องพูดแบบนั้นด้วยล่ะฮะ”
[ก็ผมอยากได้ยิน...เอาน่า~แจบอมแค่คำว่าฝันดีเองพูดไม่ยากหรอก]
ใช่สิ!พูดกับคนอื่นน่ะไม่ยากหรอกแต่ต้องมาให้พูดกับเจ้านายตัวเองเนี่ย...มันยากนะเฮ้ย!!
“ผม...ผมว่าคุณไปนอนดีกว่านะ ดึกแล้วนะครับเดี๋ยวตื่นไม่ไหว”
เป็นประโยคที่เหมือนจะเลี่ยงการทำตามคำขอเมื่อครู่แต่ก็แฝงความห่วงใยเอาไว้...ทำไมแทคยอนจะฟังไม่ออก
[ถ้าคุณไม่พูดงั้นผมก็ไม่นอน...แล้วผมจะไปบอกทุกคนว่าคุณนั่นแหละ...ที่ทำให้ผมไม่ได้นอน]
ฟังดูแล้วแจบอมรู้สึกว่าตัวเองเสียหายมากถึงมากที่สุด= = ทำไมแทคยอนต้องใช้คำพูดส่ออะไรปแบบนี้ด้วยนะ
“โถ่~คุณ อย่าบังคับผมเลยครับ”
[โถ่~คุณบอกผมหน่อยนะครับ]
แทคยอนเลียนแบบสำเนียงการพูดของอีกฝ่าย
“ถ้าผมบอกคุณจะไม่โทรมากวนแล้วก็จะไปนอนใช่มั๊ยครับ”
[ครับ]
“เฮ้อ~”แจบอมถอนหายใจหนึ่งครั้ง
“ฝันดีฮะ”ว่าจบก็รีบกดปุ่มวางสายโดยเร็วก่อนจะทิ้งตัวและหน้าลงไปกับเตียงนอนนุ่ม...แต่ใครจะรู้ว่าใบหน้าที่ติดกับเตียงนั้นจะแดงจนไม่รู้จะแดงอย่างไรแล้ว
ส่วนฝั่งของแทคยอนร่างสูงทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มเอาโทรศัพท์แนบไว้กับอกด้านซ้ายริมฝีปากยกยิ้มอย่างพอใจ
คืนนี้สงสัยจะฝันดีแน่ๆเลย
ทางด้านจางอูยองและนิชคุณ
เมื่อทั้งคู่กลับมาจากร้านอาหารนิชคุณก็นั่งหน้าบูดบึ้งไม่พูดไม่จาส่วนอูยองก็ได้แต่เหลือบตามองเป็นพักๆสงสัยกับท่าทางของอีกคน
นิชคุณเลือกที่จะนั่งดูทีวีที่โซฟาทั้งๆที่ดูหนังตลกแต่เจ้าตัวกับนั่งนิ่งสายตาเคร่งเครียดเหมือนกับว่าไม่ได้ใส่ใจกับโทรทัศน์เท่าใดนัก...ก็คนมันอารมณ์ไม่ดี
อูยองเดินเข้าครัวไปปอกผลไม้และตั้งใจจะนำมาให้อีกฝ่ายแต่ก็เหมือนมีอะไรกั้นไว้ทำให้ไม่กล้าเดินไป...บางทีสิ่งที่กั้นไว้อาจจะเป็นหน้างอง้ำของนิชคุณนั่นแหละ
แต่ยังไงก็ปอกออกมาแล้ว...ช่างมันเถอะน่า!
อูยองเดินถือผลไม้เอาไปวางไว้หน้าของนิชคุณ...คนตัวสูงกว่ามองนิดนึงก่อนจะหันไปสนใจโทรทัศน์ต่อราวกับว่าสิ่งอยู่ตรงหน้าเป็นเพียงธาตุอากาศ
อูยองหน้าเสียก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วโพล่งถามขึ้นในสิ่งที่ค้างคาใจ
“คุณ...โกรธอะไรผมหรอครับ”
นิชคุณเหลือบมองเล็กน้อย
“ปล่าว! ผมมีสิทธิ์อะไรจะไปโกรธคุณล่ะ!”
“คุณโกรธผม”
“ผมบอกว่าปล่าว”
“แล้วที่คุณพูดหมายความว่าไง”
นิชคุณเหยียดตัวเองขึ้นจากโซฟานุ่มก่อนจะตะคอกอีกฝ่ายเสียงค่อนข้างดัง
“ผมมันไม่มีสิทธิ์ในตัวคุณอยู่แล้วล่ะ คุณจะไปบอกชื่อตัวเองให้ใครต่อใครรับรู้มันก็ไม่ใช่เรื่องของผมหรอก อูยอง!”
คนโดนตะคอกหงายหลังไปนิดนึงด้วยความตกใจ
...เขาทำอะไรผิดก็แค่บอกชื่อแค่นั้นเนี่ยนะ!
“คุณโกรธอะไรผมกันแน่นิชคุณ”
เมื่อโดนอีกฝ่ายตั้งคำถามใส่ร่างสูงก็ยืนนิ่งไป...นั่นสิ...เขาโกรธอะไรคนตัวเล็กตรงหน้าเพราะอีกฝ่ายบอกชื่อกับคนอื่นงั้นหรอ...แล้วยังไง...บอกแล้วทำไม มันไม่ใช่เรื่องของเขาแล้วทำไมเขาต้องโกรธขนาดนี้ด้วย
ไม่รู้...แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้เลย...รู้สึกเหมือนโดนผู้หญิงหยามหน้าอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆที่เธอคนนั้นก็ไม่ได้ทำไรเขาซักนิด
...ก็แต่ถามชื่ออูยอง...บางทีนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารู้หงุดหงิดอยู่ตอนนี้ก็ได้
“คุณ...นี่คุณ!”
นิชคุณสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายเรียกเสียงดัง
“อะ...อะไร”
“ตกลงยังไง...คุณโกรธผมเรื่องอะไรกันแน่ครับ...แล้วอย่าคิดว่าจะเอาเรื่องที่ผมไปบอกชื่อคนอื่นมาอ้างล่ะ”
คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้ว...เหตุผลที่เขาไปบอกชื่อคนอื่นมันฟังไม่ขึ้นเลยครับ คุณนักเขียน!
....ฟังไม่ขึ้นก็ต้องแล้วล่ะ เพราะมันเป็นความจริง จาง อูยอง....
“ผม...ผมแค่รู้สึกไม่ดี”
นิชคุณทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาเอามือกุมหน้าผากสีหน้าเหนื่อยอ่อน...มันไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องหงุดหงิดขนาดนี้เลย
“เพราะผมรึปล่าว”
นิชคุณเงยหน้ามอง...เพราะอูยองหรอ?
“ใช่...บางที่อาจจะเป็นเพราะคุณ”
อูยองเบิกตากว้างแล้วสีหน้าค่อยๆเศร้าลงอย่างสังเกตเห็นได้ชัด
...ในความหมายของนิชคุณ
เขาไม่เข้าใจตัวเองไม่อยากให้คนๆนี้ไปยุ่งกับใครเลย ที่เหนื่อยก็เพราะคิดมากไม่อยากให้คนๆนี้ไปไหนทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน...อยากจะเก็บอูยองเอาไว้ใกล้ๆเขาคนเดียว
...ในความหมายของอูยอง
นิชคุณคงเหนื่อยที่ต้องรับภาระดูแลคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าในปี1961อย่างเขา บ้านก็ไม่มี ญาติก็ไม่มี แล้วต้องมาทำให้คนๆนี้เหนื่อยอีก...เขามันไม่มีประโยชน์เลยจริงๆ
“บางที...”
เสียงหวานเอื้อนเอ่ยอย่างยากลำบาก
นิชคุณเงยหน้ามอง
“ผมคิดว่าผมไม่ควรจะอยู่ที่นี่”
ตากลมโตของนักเขียนหนุ่มเบิกโพลงขึ้นอย่างตกใจ...นี่อูยองของเขาเข้าใจอะไรผิดไปใช่มั๊ยเนี่ย...โถ่เอ๊ย~!น่าจะพูดให้มันชัดเจนไปซะ!
ทั้งๆที่คิดแต่ปากก็ไม่เอ่ย
อูยองเห็นว่าเจ้าของบ้านไม่ได้พูดอะไรร่างบางก็เดินออกไปจากบ้าน
...เขามาที่นี่ตัวเปล่า
...เขาก็ควรจะกลับไปตัวเปล่า
...แต่ขอเพียงอย่างเดียวสมุดไดอารี่เล่มนี้ สิ่งที่อูยองถือติดไปไหนมาไหนตลอด นิชคุณอาจไม่สังเกต แต่เขาก็อยากจะเก็บมันไว้...ถ้าสักวันจาง อูยองได้กลับไปในที่ของเขา
...ถ้าสักวันเราไม่ได้พบกันอีก...
ยังไม่ทันที่จะคิดอะไรให้มันเลยเถิดไปกว่านี้ มือหนาก็คว้าตัวอีกคนเข้ามากอด
“อย่าไป...”
อูยองเงยหน้ามอง
“อย่าไปนะอูยอง...ผมขอโทษ...ผมไม่ควรพูดแบบนั้น”
“แต่...”
“ฟังผมอูยอง...คุณเข้าใจผิด...ผมแค่เหนื่อยที่ตัวเองคิดแต่เรื่องของคุณผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร แต่คุณได้โปรดเข้าใจผม...ผมไม่อยากให้คุณยิ้มกับใครนอกจากผม...ผมไม่อยากให้คุณเข้าใกล้ใครนอกจากผม...ผมไม่อยากให้คุณเที่ยวไปบอกชื่อของตัวเองกับใครต่อใครเพราะผมอยากเรียกชื่อของคุณเพียงคนเดียว”
อูยองมองคนตรงหน้าอย่างตกใจ
“แต่ว่า...”
“ผมรู้ว่าผมมันเห็นแก่ตัว...แล้วก็งี่เง่ามาก...แต่คุณอย่าเกลียดผม...อย่าไปไหนเลย...แค่คุณหันหลังไปผมเมื่อกี๊ผมก็แทบอยากจะตบปากตัวเองให้มันแตกที่มันพูดอะไรไม่คิดทำให้คุณต้องเสียใจ”
“คุณไม่ควรให้ความสำคัญกับผมมากหรอกขนาดนี้หรอกครับ...เพราะที่นี่ไม่ใช่ที่ของผม...สักวันผมก็ต้องกลับไป”
“อูยอง...”
“สักวันผมก็ต้องจากที่นี่แล้วก็ต้องจาก...”
ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบนิชคุณก็โถมตัวเองเข้าใส่อูยองในทันทีปากหนาประกบกับริมฝีปากบางอย่างรวดเร็ว
เหตุผลหนึ่งเพราะปากคนตรงหน้าที่มันยั่วยวนพูดอยู่...แต่อีกเหตุที่สำคัญจริงๆอาจเป็นเพราะเขาไม่อยากได้ยินคำพูดนั้นของอูยอง
...ว่าสักวันอูยองต้องจากเขาไป...
ลิ้นร้อนของร่างสูงพยายามกระหวัดเกี่ยวลิ้นของอีกฝ่ายอูยองที่ตอนแรกตกใจทำอะไรไม่ถูกแต่สักพักเมื่ออีกฝ่ายรุกมากขึ้นก็เล่นเอาร่างบางเคลิ้มตามได้โดยง่าย
หวานเหลือเกิน...นิชคุณรุกล้ำโพลงปากของอีกคนอย่างเคลิบเคลิ้ม...เขาไม่เคยจูบใครแล้วรู้สึกดีเท่านี้มาก่อนส่วนอูยองก็รับส่งการกระทำกับนิชคุณได้ดี
...ไม่อยากจะไปจากอ้อมกอดนี้...จากให้เวลาช่วยหยุดตอนนี้ไว้นานๆจัง...
แต่ขณะเดียวกันความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็แล่นเข้ามาในใจ
เขามีคนรักอยู่แล้ว
มือบางผลักอีกคนออก
เขามีอีกคนอยู่แล้ว...แล้วเธอคนนั้นก็เหมาะสมกับเขามาก ต่างกับเขาที่ตอนนี้ตัวเองเป็นใครในช่วงเวลานี้ก็ยังไม่รู้เลย
“อูยอง...”
นิชคุณขานชื่ออีกคนเสียงแผ่ว
“มันไม่ควรเลยที่เราจะทำอะไรแบบนี้...คุณมีเธออยู่แล้วคุณมีชื่อเสียงผมไม่อยาก...”
“อย่าพูดนะ!”นิชคุณตัดบท
“อย่าพูดถึงใครอูยอง...ตอนนี้มีแค่คุณกับผม”
“อย่าทำให้ผมรู้สึกผิดไปมากกว่านี้เลยครับ”
นิชคุณดื้อรั้นไม่ฟังคำของจาง อูยองร่างสูงเดินมาสวมกอดอีกฝ่าย
“ถือซะว่าเมื่อกี๊มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบของคุณกับผม”
“มันไม่ใช่”นิชคุณเถียง
“คุณรอผมได้มั๊ย...รอผม”
อูยองกอดอีกฝ่ายกลับนิชคุณยิ้มและกระชับอ้อมกอดนี้ให้แน่นขึ้น
อูยองหลับเพื่อกักน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา...มันผิด...ผมรู้ว่ามันผิด...แต่ทำไม...
.....บางทีเรื่องความรักก็ไม่ควรใช้เหตุผลจนลืมความรู้สึกไม่ใช่หรอ จาง อูยอง.....
หลังจากเหตุการณ์นั้นทั้งคู่ก็ลืมมันไป...เพราะพวกเขารู้ดีว่าไม่ควรเก็บมันมาทำให้ความรู้สึกดีๆในตอนนี้แย่ลงไปอีก
นิชคุณเดินจูงอีกคนขึ้นมาบนห้องนอนก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำ...ส่วนอูยองอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนกินข้าวเย็นเสียอีก
มือบางคว้าปากกากับสมุดไดอารี่สุดหวงขึ้นมาเขียนก่อนจะนอนหลับไป
วันนี้เกิดเรื่องแปลกๆขึ้นเยอะแยะเลย...ผมควรจะทำยังไงดี...ทั้งความรู้สึกของตัวเองกับความรู้สึกของเขา...ผมจะสานต่อหรือควรหยุดมันดี...
7 กุมภาพันธุ์ 1961
จาง อูยอง
**************************
Writer Talk
จบไปแล้วอีกหนึ่งตอน รู้สึกกดดันกับพี่น้องคู่นี้กันบ้างมั๊ย55+ แต่อะไรๆมันก็จะดีขึ้นเนาะ พอเขียนไปเรื่อยๆเริ่มรู้ว่าไม่มีตอนฮาๆเลย= = แต่มีแน่นอนค่ะแค่ยังไม่มี55+ สำหรับแทคยอนรับรองค่ะว่าไม่มีดัดฟันในเรื่องแน่นอน^^ส่วนแผนจะดีจะร้ายก็ต้องตามอ่านกันล่ะค่า~ ตั้งแต่สงกรานต์ไรเตอร์แทบไม่ได้แตะคอมเลยค่ะอยู่บ้านไม่ทันหายใจก็ต้องเหาะไปไหนต่อไหนกับบุพาการีเพื่อความกตัญญูT T บ่นมาก55เริ่มรู้ตัว ยังไงรีดเดอร์ก็ให้กำลังใจเราต่อไปนะคะ สัญญากับเรานะว่าจะไม่ทิ้งกัน
ในปีใหม่ไทยนี้ก็ขอให้มีความสุข ทั้งเรื่องเรื่องเงินเรื่องงานเรื่องรักนะคะ^^
C u tomorrow^^
ความคิดเห็น