ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เมื่อทางเลือกเริ่มเหลือน้อยเต็มที
๔.
“ถนนคนเดินทที่นี่น่ะคนเยอะ ของแยะแต่ถ้าเป็นคนไทยของก็จะไม่แพงมากหรอก” ทาร์ตหันไปบอกนันท์
ที่กำลังทำหน้าตื่นตาตื่นใจเหมือนได้เฆ้นน้องหลินปิงบินได้
“แล้วพี่ไปทำอิท่าไหนถึงได้มีบ้านพักเป็นของตัวเองซะริมหาดขนาดนั้นอ่ะ”
คำถามที่หญิงสาวสงสัยมาตั้งแต่ได้เห็นบ้านพักส่วนตัวได้ถูกเอ่ยถามออกไป ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอน้อยๆก่อนตอบ
“ซื้อไง เพื่อนพี่ที่ไต้หวันเคยเป็นเจ้าของแล้วเขาว่าที่ตรงนั้นมันยังไม่ค่อยเจริญ
แต่พอเขาขายให้พี่ในราคาถูกมากมากอ่ะ ทะเลหัวทรายก็ดังขึ้นมาซะอย่างนั้น โชคดีของพี่นั่นแหละ”
ทาร์ตอมยิ้มน้อยๆแล้วคว้าข้อมือหญิงสาวไปจับไว้ ก่อนจะพูดสั้นๆตามเสตปเทพของตัวเอง
“เดี๋ยวหลง!”
คนถูกกุมมือดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจจะฟังนักเพราะมีเรื่องต้องให้คิดมากมายเหลือเกิน
‘พี่จะทำให้นันท์เลิกกับดล แล้วมาคบกับพี่ให้ได้’
‘ยังสนใจอยู่เหรอ...ว่าพี่จะเป็นยังไง จะอยู่ที่ไหน จะทำอะไรเพื่อใครอยู่บ้าง’
‘ผมจำได้ทุกเรื่อง ที่เกี่ยวกับเรา’
‘หลังจากนี้ มันก็คงแล้วแต่นันท์’
‘น่ารักจังเลย แฟนใครเนี่ย’
นั่นสิ ตกลงเธอเป็นแฟนใคร ตกลงเธอจะต้องเลือกใคร แล้วอะไรมันจะดีที่สุดกันแน่
ดวงตาคู่สวยเหม่อลอยออกไป จนแทบจะไม่ได้มองทาง แต่ก็ยังดีที่มีมือหนาของเขาพาเธอไป
รู้สึกตัวอีกทีก็มาหยุดที่แผงขายเสื้อยืดแห่งหนึ่ง
“ลองเลือกดูแล้วกัน ชอบตัวไหน” ทาร์ตเขย่ามืออีกฝ่ายเบาๆ
“อืมๆ”
ว่าแล้วก็เดินวนรอบร้าน เดินไปเดินมาสอดส่ายสายตามองหาชุดที่ถูกใจพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆของคนขายและชายหนุ่ม
“ถ้าน้องงจะซื้อของไปให้แฟน พี่แนะนำร้านข้างๆนะครับ เครื่องประดับสวยใช้ได้”
คนขายกระวิบข้างหูทาร์ตหวังจะช่วยโฆษณาเพื่อนตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรเสียงใสของนันท์ก็ดังขึ้นมา
“พี่คะ เสื้อยืดตัวนี้เท่าไหร่คะ มีสีอื่นมั้ย” หยิงสาวชี้ไปที่เสื้อยืดสีดำตัวหนึ่ง
เป็นรูปมนุษย์ก้างปลา มีเด็กหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ระหว่างเด็กชายสองคน เด็กหญิงคนนั้นจับมือกับ
เด็กชายคนหนึ่ง แต่สายตาหันไปมองเด็กชายอีกคนที่ยืนห่างออกไป
นันท์ยืนมองเสื้อตัวนั้นพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปมองคนขายเพื่อฟังคำตอบ
“ตัวละ260ครับน้อง สีอื่นก็มีนะมีสามสี มีสีนี้ สีส้ม แล้วก็สีขาว
ถ้าน้องวื้อสามตัวพี่ลดให้เหลือ620แล้วกันนะ ถูกสุดๆแล้ว”
อยากได้ก็อยากได้อ่ะนะ แต่ต้องหันไปมองร่างสูงที่ยืนกอดอกทำมาดเข้มอยู่เป้นเชิงถาม
แหงล่ะ! ก็เธอไม่มีเงินติดจัวมาสักบาทเดียวนี่นา
“งั้นก็เอาสามตัวอย่างละสีครับ” ว่าง่ายๆก่อนจะควักเงินให้คนขายแบบพอดีเป๊ะ
พร้อมๆกับร่างบางที่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ นึกว่าจะไม่ได้ซะแล้ว
ก็ลายเสื้อมันเหมือนบางอย่างซะขนาดนั้น แล้วไหนจะสีเสื้อ ไม่รู้ว่าเขาจะยังชอบสีดำอยู่รึเปล่า
แล้วก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าดลจะยังชอบสีขาวเหมือนตอนที่บอกเธออยู่มั้ย
“ขอบคุณนะ” นันท์พูดตามมารยามกุลสตรีไทยที่ช่างนอบน้อมเสียเหลือเกิน(?)
“เดี๋ยวคงได้ขอบคุณกันอีกหลายรอบ” ชายหนุ่มยักคิ้วให้หนึ่งทีก่อนจะเดินนำไป
“เอ้า ! ไม่ตามมาล่ะ” หันมาอีกทีก็พบว่าร่างบางยังคงยืนอยู่ที่เดิม
ดวงตากลมโตมองไปยังร้านเครื่องประดับข้างๆ จนคนที่เดินนำไปแล้วต้องเดินกลับมา
แล้วมองตามสายตาของหญิงสาวไปยังสร้อยข้อมือสองเส้นที่ถูกโชว์ไว้หน้าร้าน สายหนังสีดำที่ทำให้ดูเท่มากกว่าจะดูน่ารัก
บวกกันตัวหนังสือสีเงินเงาวับเหมือนขัดไว้ซะดิบดี ไม่แปลกหรอกที่เธอจะมอง ก็มันสวยจริงๆนั่นแหละ
และที่สำคัย ตัวอีการที่วางไว้นั้นมันคือ N กับ T
“อยากได้เหรอ” เอ่ยถามเรียบๆ ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบว่าอย่างไร
“เปล่า” ตอบแบบที่น้ำเสียงแทบจะลงไปอยู่ในลำคอ แต่สายตาก็ยังคงไม่ละไปไหน
“จะซื้อให้”
“เอา”
“ก็แค่นั้นแหละ” ชายหนุ่มว่ายิ้มๆก่อนจะเดินไปหาคนขาย โดยปล่อยให้หญิงสาวยืนรออย่างใจจดใจจ่อ
ไม่นานนักเขาก็ถือถุงหิ้วเล็กๆออกมา
“นันท์เอาตัว T ไปแล้วกันนะ พี่จะเอาตัว N” ว่าง่ายๆก่อนจะยัดเยียดสร้อยข้อมือรูปตัวTเข้าไปเต็มมือหญิงสาว
“ทำอย่างกับเราเป็นแฟนกัน”นันท์แอบบ่นเล็กน้อยโดยที่ไม่รู้เลยว่าประโยคสั้นๆนั้น
สามารถทำให้ชายหนุ่มมือสั่นได้มากเพียงใด ... บางที เขาออาจจะมีความสุขกับการที่ได้อยู่กับเธอมากเกินไป
จนลืมตระหนักไปว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ‘เธอ’และ’เขา’ มันไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป
“ขอโทษ” มือหนาแกะมือของร่างบางที่กำลังกำสร้อยข้อมือรูปตัวTออก แล้ววิ่งกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง
หญิงสาวที่เพิ่งนึกได้กับคำพูดเมื่อครู่ได้แต่ยืนมองมือตัวเองอย่างรู้สึกผิด ทั้งๆที่มีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงแค่นี้
เธอกลับทำลายความรู้สึกของเขา ไม่รู้ว่าควรจะเป็นเขาหรือเธอกันแน่ ที่จะต้องเอ่ยคำว่า ขอโทษ
ทาร์ตกลับออกมาหร้อมสร้อยข้อมือรูปตัวDที่นำมาใส่มือของอีกฝ่ายไว้เช่นเดิม
ในขณะที่ตัวเขาเองก็ยังคงกำสร้อยข้อมือรูปตัวNนั้นไว้เหมือนเดิม
แม้ว่าทั้งคู่จะไปวื้ออะไรอีกสักกี่ร้าน แต่กลับไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาอีกเลยจนกระทั่งถึงบ้าน
“ฝันดีนะ” นันท์เอ่ยขึ้นเบาๆพอที่อีกฝ่ายจะได้ยิน
“ถ้างั้นคืนนี้พี่คงต้องฝันถึงนันท์ นั่นแหละฝันดีที่สุดในชีวิต เวลามีอยู่แค่นิดเดียว พี่อยากใช้มันให้คุ้มค่า”
ไม่รู้ว่านี่เป็นแผนเก็บคะแนนในเกมที่จะทำให้เอหลงรักหรือเปล่า แต่ถ้าใช่
บอกได้เลยว่าเขาคงได้ไปแล้วเกินสิบแต้มจากคำพูดเมื่อครู่นี้
...
วันรุ่งขึ้น
~No No No No Way No No...~
เสียงโทรศัพท์ของนันท์ดังลั่นบ้านพัก ติดอยู่เพียงแค่เจ้าของโทรศัพท์กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง
ทิ้งให้โทรสัพท์นอนอยู่กับชายหนุ่มที่โซฟา
มือหนาค่อยๆควานหาโทรศัพท์ไปรอบๆตัว และก็แทบจะตาสว่างในทันทีที่รู้ว่าใครโทรมา
T.Rug [MyDad] is calling
เมมชื่อไม่เมมเปล่า รุปครูรักขึ้นหราเต็มหน้าจอ แล้วตรูจะทำยังไงล่ะวะเนี่ย?
คิดแล้วก็วิ่งรอบบ้านจนคนที่หลับอยู่ต้องออกมาดู
“พ่อนันท์โทรมา รับด้วยนะ” ทาร์ตรีบแจ้นเอาโทรสัพทำไปให้
“ฮัลโหล! ป๊า นันท์อยู่ทะเลกับ เอ่อ กับเพื่อน”
[เพื่อนไหนวะ ทั้งฟาร์ ทั้งนุ่ม ทั้งดล ทั้งนิ ทั้งออฟมันมารอแกอยู่หน้าบ้านโน่น]
ผู้เป็นพ่อทำเสียงมึนใส่ ก็ไม่มีใครมาบ้านสักคน
“เพื่อนเก่าอ่ะป๊า ป๊าไม่มีเบอร์หรอก” พยายามหาเหตุผลมาอ้าง
“เออ ป๊ามารับนันท์ที่...อุ๊บบบ”นันท์ถูกทาร์ตปิดปากไว้ นั่นยิ่งทำให้คนที่โทรมาถึงกับร้อนใจ
[เป็นอะไร เป็นอะไร]
“อ๋อ คือนันท์เพิ่งนึกขึ้นได้ว่านันท์จะฝากป๊าลาหยุดเจ็ดวัน”
[หา เจ็ดวัน แกไปเที่ยวหรือแกจะสร้างบ้านวะ]
“ถ้าใช้เวลาแค่เจ็ดวันในการสร้างบ้าน บ้านมันก็คงไม่แพงหูฉี่ขนาดนี้หรอกนะป๊า”
หน้าสวยเริ่มมีเลือดสาด(เลือดฝาด)ขึ้นมานิดหนึ่งหลังจากอารมณ์ขึ้นที่ป๊าเริ่มกวนใส่
เธอ
[ไม่ดีเรอะ ยุคข้าวยากหมากแพงมันจะได้ไม่มี] ครูรักยัดขนมปังเข้าปากไปพูดไป
“ไม่ดีเพราะว่าการแข่งขันทางสังคม ในยุคเศรษฐกิจมันจะลดน้อยลง ทำให้คนมีความพยายามน้อยลงด้วย
คนสวยเริ่มทฤาฎีเข้าใส่ผู้เป็นพ่อเพื่อตั้งใจจะพาพ่อออกทะเล จนชายหนุ่มที่ฟังอยุ่เริ่มตาลาย
[ก็ถ้ามนุษย์รู้จักตัวเองดีพอ ค่าครองชีพของคนไทยก็อาจจะสูงขึ้น ปัญหาหนี้สินอสังหาริมทรัพย์ก็จะน้อยลง]
“แต่ปัญหามลพิษและปัญหาจราจรอาจจะเยอะขึ้น เพราะว่าพอมีการก่อสร้างและอุตสาหกรรม
เยอะขึ้นทำให้ชั้นบรรยากาสแย่ลงและเมื่อมีการติดต่อการค้ามากขึ้น ปัญหาจราจรก็จะตามมา”
[แต่ปัญหาเล็กๆน้อยๆพวกนี้มันก็แลกได้อย่างคุ้มต่าที่สุดกับชีวิตและสังคมที่ดีขึ้น]
“ก็เพราะป๊าคิดอย่างนี้ไง คิดว่าทำแล้วมันจะดีขึ้น เถียงกัน แตกแยกกัน แต่ละคนก็คิดกันอยุ่แบบนี้
แต่ไอ้ที่ทำไปแต่ละอย่าง เฮ้ออออ”
ชายหนุ่มเริ่มลงไปนั่งเท้าคาง เพราะดูท่าว่าบทสนทนานี้คงยังอีกยาวไกล พลางคิดว่า
แค่เรื่องลาหยุดทำไมมันถึงกลายเป็นปัยหาความคิดของมวลมนุษยชาติไปได้วะ?
[ดีมากลูกป๊า แหม๊ สอนไปยี่สิบกว่าปีมิมีเสียหลาย แต่ทำไมแกค้างงานสุขาภิบาลอาหารเพียบวะไอ้ลูกลิง]
คนสวยเริ่มหัวเราะร่วนที่พ่อของเธอทำท่าจะยอมแพ้ แต่กลับหาเรื่องขึ้นมาด่าได้อีกโดยที่ไม่รู้เลยว่า
ชายหนุ่มที่กำลังมองอยู่แอบยิ้มตามไปด้วย ก้ตั้งแต่ที่มาเขายังไม่เห็นเธอยิ้มแบบนี้
ยิ้มทั้งดวงตา ทั้งปากแล้วก็ยิ้มทั้งหัวใจ
“โธ่! ป๊าก็รู้ว่าหนูทำได้อยู่แล้ว แค่ขี้เกียจจะทำ”
[เอ้า! แล้วแกปล่อยให้ป้าเป็ดโทรมาทวงงานแกกับพ่อ เช้า กลางวัน เย็นเนี่ยนะ]
“ชิ! ที่ครูเป็ดโทรมาเพราะอยากได้สูตรบลูเบอรรี่ชีสพายจากหนูเหอะให้ตาย” นันท์กลอกตาไปมาอย่างเซ็งอารมณ์
[โถ! แม่คุณ ก็ให้ๆเขาไปเถอะ แกจะได้ไม่ต้องมาบ่น] ครูรักเอ่ยขำๆ
“เรื่องอะไร นันท์เก็บไว้ใกล้เกรดออกดีกว่า”
[ฉลาดจริงนะแม่คุณ แล้วว่าแต่แกจะกลับเมื่อไหร่] หญิงสาวเผลอนึกตามไปกับประโยคของพ่อแต่ก็แทบ
เซเสียหลักเมื่อถูกวกเข้าเรื่องกระทันหัน
“จะกลับเมื่อไหร่” พูดเหมือนทวนคำถามแต่กลับหันไปเร่งเอาคำตอบจากชายหนุ่มอย่างเร่งๆ
เพราะความไว้ใจแท้ๆ ถึงได้พากันมาไกลขนาดนี้
“เมื่อไหร่ที่ป๊าหานันท์เจอก็เมื่อนั้นแหละมั้ง” อยุ่ดีๆก็พูดง่ายๆแล้วกดตัดสายทิ้งแล้วก็วางโทรศัพท์ให้อยู่ที่เก้าอี้
คำพูดทำเอาผู้เป็นพ่อที่เอาหูแนบโทรศัพท์แทบจะเอาหัวโขกโต๊ะอย่างแรง แกตอบอะไรของแกวะไอ้ลูกสาว
“ตอบง่ายขนาดนั้นเชียว” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นว่าเธอตอบผู้เป็นพ่ออย่าง่ายๆ
“มันง่ายตั้งแต่ฉันยอมมาแล้วล่ะ” ตอบแบบหน้าตายแล้วก็เดินกลับเข้าไปนอนต่อในห้อง
แต่ก็ยังไม่พ้นที่ทาร์ตจะเข้าไปรังควานอยู่ดี
“นันท์ เชียงใหม่หายไปครึ่งจังหวัดแล้ว นอนกินบ้านกินเมืองอยู่ได้อ่ะ”
ถ้าไม่บอกว่านั่นปากเธอคงคิดว่ามันเป็นกรรไกรตัดกิ่งชนิดคมพิเศษ แหม! ก็เอาซะบาดไปถึงไส้ติ่งเลย
คิดแล้วก็คลุมโปงนอนต่ออย่างสบายใจ แต่กลับถูกร่างของทาร์ตโถมทับลงไปทั้งตัว
“จะบ้าเหรอทับมาได้ หนักจริง” นันท์ผลักทาร์ตออกแล้วลุกขึ้นมานั่ง
“เย็นนี้ไปเที่ยวกันเหอะ” ทาร์ตฉีกยิ้มกว้าง
แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของนันท์ก็ดังขึ้นมาอีก ทาร์ตจึงรีบวิ่งออกไปดูโดยมีนันท์มองตามไปเฉยๆ เพราะขี้เกียจลุก ==’
~ห้อยศักดิ์~
“ใครวะ?” ทาร์ตเอ่ยเบาๆแล้วถือวิสาสะกดรับซะเลย
“ฮัลโหลคร้าบบบบ จะคุยกับนันท์เหรอคร้าบบบบบ”
[ทาร์ต...แกใช่ไหม แกอยู่กับนันท์เหรอ แกเป็นคนพานันท์ไปใช่ไหม] น่านนน ชัดเลยไอ้ห้อยศักดิ์เอ้ยยยย
“ดล!!”
ทาร์ตร้องเมื่อพบว่าคนที่โทรมาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่เขาไม่อยากจะให้รู้มากที่สุดว่านันท์อยู่กับเขาตอนนี้
[แกอยู่ที่ไหน แกทำอะไรนันท์รึเปล่า พานันท์กลับมาซะ ไม่งั้นฉันจะลากคอแก...]
เสียงที่เคยนุ่มนวล หากใครได้มาฟังตอนนี้ก็คงรับรู้ได้ว่าคนพูดดูร้อนรนมากเพียงใด
แต่ยังไม่ทันที่ดลจะได้พูดจบ ทาร์ตก็รีบกดปุ่มวางสายและปิดเครื่องไปแทบจะพร้อมๆกัน
ดวงตาสีนิลเริ่มสั่นระริก แม้เพียงแค่คิดว่าเขากำลังทำผิดต่อฝ่ายนั้นมากเพียงใด
แต่ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าเขากำลังจะลากคนที่เขารักไปลงนรกด้วยการทำผิด
เขา...ก็ยังทำใจปล่อยให้เธอไปไม่ได้อยู่ดี ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งกับโซฟาแล้วเขวี้ยงโทรศัพท์ออกไปอย่างแรง
โดยไม่คิดจะนึกถึงเจ้าของของมันเลยสักนิด
โทรศัพท์เครื่องเหยียดหมื่นไถลไปใต้ตู้เก็บของอย่างช่วยไม่ได้
มือหนาเริ่มกุมขมับตัวเองแน่น หาทางออกให้ตัวเองไม่เจอ ถ้าหากว่าเธอ ไม่เลือกเขา
ร่างบางที่แอบยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มมีน้ำตาคลอในดวงตาทั้งสองข้าง
เหมือนจะรู้ดีว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร และแน่นอนว่าเธอเองก็กำลังรู้สึกผิดไม่ต่างไปจากเขาสักเท่าไหร่
ถ้าหากว่าเธอเลือกเขา นั่นก็หมายความว่าเธอกำลังจะทำให้ผู้ชายที่รักเธออย่างจริงใจ รู้สึกแย่
ที่สำคัญ ดลไม่ได้ทำอะไรผิด เขาออกจะรักเธอและดีกับเธอมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ
ร่างบางมองตามโทรศัพท์รุ่นทนทายาดของตัวเองไปยังใต้ตู้เก็บของ
สลับกับมองชายหนุ่มที่กำลังนั่งกุมขมับอยู่
ไม่เคยคิดว่าสภาวะสวยเลือกได้มันจะเกิดขึ้นกับตัว ระหว่างคนที่เรารักฝังใจ กับคนที่รักเราอย่างจริงใจ
บางที เธออาจจะต้องจัดการปัญหานี้ด้วยตัวของเธอเอง
“พี่ทาร์ต” นันท์พยายามทำเสียงให้เป็นปกติแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพดานเพื่อไล่น้ำตาให้มันไหลกลับเข
้าไป
“...” ไร้เสียงตอบรับ หญิงสาวจึงค่อยๆเดินไปหา แล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างๆอีกฝ่าย
แล้วตบบ่าของเขาเบาๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะรวบตัวเธอเข้าไปกอดไว้อย่างรวดเร็ว ร่างที่สั่นเทิ้มของเขาบอกได้ทันทีว่า
เขากำลังร้องไห้
“พี่คงทำใจไม่ได้หรอก...ถ้าหากว่าวันหนึ่งพี่จะต้องเห็นนันท์เดินจากไป
พี่อยากเห็นแก่ตัวให้มากที่สุดเพราะพี่อยากเจอนันท์ อยากเห็นหน้านันท์ตลอดไป แต่ดล...มันไม่ได้ทำอะไรผิด”
น้าตาลูกผ็ชายหยดลงบนเสื้อของร่างบางจนทำให้น้ำตาที่เธอพยายามทำให้มันหายไปเมื่อครู
่เอ่อล้นออกมา
และคราวนี้ดูท่าว่ามันจะไหลออกมามากกว่าเดิมเสียอีก
“อย่างน้อย...ตอนนี้เราก็ยังอยู่ด้วยกัน และนันท์หวังว่า มันจะเป็นแบบนี้ ตลอดไป” ถ้ามันจะไม่ต้องทำให้ใครเจ็บปวด
“พี่ไม่อยากทะเลาะกับดล เพราะเรื่องนี้” นันท์ค่อยๆผละออกจากอ้อมกอดของทาร์ต
เมื่อเขาเห็นว่าน้ำตาเธอไหล เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่ทราบได้ที่เขายกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้เธอแบบนี้
ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็กำลังเจ็บ
“อย่าคิดมากสิ เดี๋ยวเย็นนี้เราก็ไปเที่ยวด้วยกันนะ ไปด้วยกันสองคน” นันท์พยายามยิ้มออกมา
แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการฉีกปากกว้างซะมากกว่า
“...” ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรแต่ฉีกปากกว้างกลับไป
“ใช้เวลาที่มีอยู่ทั้งหมดให้คุ้มค่าที่สุด” คราวนี้นันท์ยิ้มออกมาอย่างจริงใจ เขาจึงยิ้มตอบกลับไปเหมือนๆกัน
“ไปอาบน้ำเถอะ เผื่อจะดีขึ้นบ้าง” ชายหนุ่มไม่ได้ปริปากตอบอะไรแต่พยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องไป
ทันทีที่ชายหนุ่มหลุดพ้นประตูห้องไป ร่างบางก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
หวังเหลือเกินว่าทางที่เธอกำลังเลือก มันจะดีที่สุด เพราะเธอไม่อยากทำผิดอีกต่อไปแล้ว
นันท์เดินไปนั่งอยู่หน้าตู้เก็บของแล้วควานหาโทรศัพท์ตัวเองใต้ตู้เก็บของ
ก่อนจะหยิบมันมาประกอบซะใหม่แล้วกดเปิดเครื่อง
~แบตเตอรี่อ่อน~
โทรศัพท์เครื่องสวยส่งสัญญาณเตือนที่ทำให้เธอแทบอยากจะเขวี้ยงมันทิ้งอีกรอบฃ
“จะคุยกับใครรู้เรื่องล่ะเนี่ย”
หญิงสาวครุ่นคิดอยู่พักใหญ่จึงกดโทรศัพท์ออกไป
~แบตเตอรี่อ่อน~
~แบตเตอรี่อ่อน~
~แบตเตอรี่อ่อน~
“เออ รู้แล้วน่า ไอ้โทรศัพท์บ้าเอ้ยยย”
=กำลังโทร...~ห้อยศักดิ์~=
[ฮัลโหล แกอยู่ที่ไหนฮะ]
คนรับสายกดรับอย่างรวดเร็วหลังจากที่เขาพยายามโทรหาเบอร์นี้เป็นแสนรอบ
“เฮีย...นี่นันท์เอง ใจเย็นๆนะคือ นันท์” จะบอกว่าอะไรดีล่ะ
บอกว่าทาร์ตลักพาตัวเธอมามันก็ไม่ใช่ บอกว่าเอหนีตามเขามา มันก็ไม่เชิง -*-
[นันท์ นันท์อยู่ที่ไหนอ่ะ อยู่กับไอ้ทาร์ตใช่มั้ย มันทำอะไรนันท์ นันท์เป็นอะไรรึเปล่า]
เมื่อฝ่ายนั้นยิงคำถามใส่มาเป็นชุด หญิงสาวจึงเริ่มคิดไม่ตก
“เอ่อ คือ นันท์มาเที่ยว แต่นันท์อยากกลับบ้านแล้ว คือพี่ทาร์ตเขายังไม่อยากกลับ
นันท์เลยอยากให้ดลมารับนันท์ที่ทะเลหัวทราย จังหวัดประจวบมีไก่ขันอ่ะ ที่บ้านพะ...”
~ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด ตุ๊ดดดดดด~
~ฟึบ!!~
ยังไม่ทันที่นันท์จะพูดจบ โทรศัพท์ก็ตัดไป
“เวรกรรม! แบตหมด เจริญลงเหอะค่ะ” นันท์นั่งมองโทรศัพท์ตัวเองอย่างเซ็งๆ
อยากจะพูดกับเขาให้รู้เรื่อง ไม่อยากให้ เพื่อน ต้องมาทะเลาะกัน เพราะเธออีก
...
“ถนนคนเดินทที่นี่น่ะคนเยอะ ของแยะแต่ถ้าเป็นคนไทยของก็จะไม่แพงมากหรอก” ทาร์ตหันไปบอกนันท์
ที่กำลังทำหน้าตื่นตาตื่นใจเหมือนได้เฆ้นน้องหลินปิงบินได้
“แล้วพี่ไปทำอิท่าไหนถึงได้มีบ้านพักเป็นของตัวเองซะริมหาดขนาดนั้นอ่ะ”
คำถามที่หญิงสาวสงสัยมาตั้งแต่ได้เห็นบ้านพักส่วนตัวได้ถูกเอ่ยถามออกไป ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอน้อยๆก่อนตอบ
“ซื้อไง เพื่อนพี่ที่ไต้หวันเคยเป็นเจ้าของแล้วเขาว่าที่ตรงนั้นมันยังไม่ค่อยเจริญ
แต่พอเขาขายให้พี่ในราคาถูกมากมากอ่ะ ทะเลหัวทรายก็ดังขึ้นมาซะอย่างนั้น โชคดีของพี่นั่นแหละ”
ทาร์ตอมยิ้มน้อยๆแล้วคว้าข้อมือหญิงสาวไปจับไว้ ก่อนจะพูดสั้นๆตามเสตปเทพของตัวเอง
“เดี๋ยวหลง!”
คนถูกกุมมือดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจจะฟังนักเพราะมีเรื่องต้องให้คิดมากมายเหลือเกิน
‘พี่จะทำให้นันท์เลิกกับดล แล้วมาคบกับพี่ให้ได้’
‘ยังสนใจอยู่เหรอ...ว่าพี่จะเป็นยังไง จะอยู่ที่ไหน จะทำอะไรเพื่อใครอยู่บ้าง’
‘ผมจำได้ทุกเรื่อง ที่เกี่ยวกับเรา’
‘หลังจากนี้ มันก็คงแล้วแต่นันท์’
‘น่ารักจังเลย แฟนใครเนี่ย’
นั่นสิ ตกลงเธอเป็นแฟนใคร ตกลงเธอจะต้องเลือกใคร แล้วอะไรมันจะดีที่สุดกันแน่
ดวงตาคู่สวยเหม่อลอยออกไป จนแทบจะไม่ได้มองทาง แต่ก็ยังดีที่มีมือหนาของเขาพาเธอไป
รู้สึกตัวอีกทีก็มาหยุดที่แผงขายเสื้อยืดแห่งหนึ่ง
“ลองเลือกดูแล้วกัน ชอบตัวไหน” ทาร์ตเขย่ามืออีกฝ่ายเบาๆ
“อืมๆ”
ว่าแล้วก็เดินวนรอบร้าน เดินไปเดินมาสอดส่ายสายตามองหาชุดที่ถูกใจพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆของคนขายและชายหนุ่ม
“ถ้าน้องงจะซื้อของไปให้แฟน พี่แนะนำร้านข้างๆนะครับ เครื่องประดับสวยใช้ได้”
คนขายกระวิบข้างหูทาร์ตหวังจะช่วยโฆษณาเพื่อนตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรเสียงใสของนันท์ก็ดังขึ้นมา
“พี่คะ เสื้อยืดตัวนี้เท่าไหร่คะ มีสีอื่นมั้ย” หยิงสาวชี้ไปที่เสื้อยืดสีดำตัวหนึ่ง
เป็นรูปมนุษย์ก้างปลา มีเด็กหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ระหว่างเด็กชายสองคน เด็กหญิงคนนั้นจับมือกับ
เด็กชายคนหนึ่ง แต่สายตาหันไปมองเด็กชายอีกคนที่ยืนห่างออกไป
นันท์ยืนมองเสื้อตัวนั้นพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปมองคนขายเพื่อฟังคำตอบ
“ตัวละ260ครับน้อง สีอื่นก็มีนะมีสามสี มีสีนี้ สีส้ม แล้วก็สีขาว
ถ้าน้องวื้อสามตัวพี่ลดให้เหลือ620แล้วกันนะ ถูกสุดๆแล้ว”
อยากได้ก็อยากได้อ่ะนะ แต่ต้องหันไปมองร่างสูงที่ยืนกอดอกทำมาดเข้มอยู่เป้นเชิงถาม
แหงล่ะ! ก็เธอไม่มีเงินติดจัวมาสักบาทเดียวนี่นา
“งั้นก็เอาสามตัวอย่างละสีครับ” ว่าง่ายๆก่อนจะควักเงินให้คนขายแบบพอดีเป๊ะ
พร้อมๆกับร่างบางที่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ นึกว่าจะไม่ได้ซะแล้ว
ก็ลายเสื้อมันเหมือนบางอย่างซะขนาดนั้น แล้วไหนจะสีเสื้อ ไม่รู้ว่าเขาจะยังชอบสีดำอยู่รึเปล่า
แล้วก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าดลจะยังชอบสีขาวเหมือนตอนที่บอกเธออยู่มั้ย
“ขอบคุณนะ” นันท์พูดตามมารยามกุลสตรีไทยที่ช่างนอบน้อมเสียเหลือเกิน(?)
“เดี๋ยวคงได้ขอบคุณกันอีกหลายรอบ” ชายหนุ่มยักคิ้วให้หนึ่งทีก่อนจะเดินนำไป
“เอ้า ! ไม่ตามมาล่ะ” หันมาอีกทีก็พบว่าร่างบางยังคงยืนอยู่ที่เดิม
ดวงตากลมโตมองไปยังร้านเครื่องประดับข้างๆ จนคนที่เดินนำไปแล้วต้องเดินกลับมา
แล้วมองตามสายตาของหญิงสาวไปยังสร้อยข้อมือสองเส้นที่ถูกโชว์ไว้หน้าร้าน สายหนังสีดำที่ทำให้ดูเท่มากกว่าจะดูน่ารัก
บวกกันตัวหนังสือสีเงินเงาวับเหมือนขัดไว้ซะดิบดี ไม่แปลกหรอกที่เธอจะมอง ก็มันสวยจริงๆนั่นแหละ
และที่สำคัย ตัวอีการที่วางไว้นั้นมันคือ N กับ T
“อยากได้เหรอ” เอ่ยถามเรียบๆ ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบว่าอย่างไร
“เปล่า” ตอบแบบที่น้ำเสียงแทบจะลงไปอยู่ในลำคอ แต่สายตาก็ยังคงไม่ละไปไหน
“จะซื้อให้”
“เอา”
“ก็แค่นั้นแหละ” ชายหนุ่มว่ายิ้มๆก่อนจะเดินไปหาคนขาย โดยปล่อยให้หญิงสาวยืนรออย่างใจจดใจจ่อ
ไม่นานนักเขาก็ถือถุงหิ้วเล็กๆออกมา
“นันท์เอาตัว T ไปแล้วกันนะ พี่จะเอาตัว N” ว่าง่ายๆก่อนจะยัดเยียดสร้อยข้อมือรูปตัวTเข้าไปเต็มมือหญิงสาว
“ทำอย่างกับเราเป็นแฟนกัน”นันท์แอบบ่นเล็กน้อยโดยที่ไม่รู้เลยว่าประโยคสั้นๆนั้น
สามารถทำให้ชายหนุ่มมือสั่นได้มากเพียงใด ... บางที เขาออาจจะมีความสุขกับการที่ได้อยู่กับเธอมากเกินไป
จนลืมตระหนักไปว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ‘เธอ’และ’เขา’ มันไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป
“ขอโทษ” มือหนาแกะมือของร่างบางที่กำลังกำสร้อยข้อมือรูปตัวTออก แล้ววิ่งกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง
หญิงสาวที่เพิ่งนึกได้กับคำพูดเมื่อครู่ได้แต่ยืนมองมือตัวเองอย่างรู้สึกผิด ทั้งๆที่มีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงแค่นี้
เธอกลับทำลายความรู้สึกของเขา ไม่รู้ว่าควรจะเป็นเขาหรือเธอกันแน่ ที่จะต้องเอ่ยคำว่า ขอโทษ
ทาร์ตกลับออกมาหร้อมสร้อยข้อมือรูปตัวDที่นำมาใส่มือของอีกฝ่ายไว้เช่นเดิม
ในขณะที่ตัวเขาเองก็ยังคงกำสร้อยข้อมือรูปตัวNนั้นไว้เหมือนเดิม
แม้ว่าทั้งคู่จะไปวื้ออะไรอีกสักกี่ร้าน แต่กลับไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาอีกเลยจนกระทั่งถึงบ้าน
“ฝันดีนะ” นันท์เอ่ยขึ้นเบาๆพอที่อีกฝ่ายจะได้ยิน
“ถ้างั้นคืนนี้พี่คงต้องฝันถึงนันท์ นั่นแหละฝันดีที่สุดในชีวิต เวลามีอยู่แค่นิดเดียว พี่อยากใช้มันให้คุ้มค่า”
ไม่รู้ว่านี่เป็นแผนเก็บคะแนนในเกมที่จะทำให้เอหลงรักหรือเปล่า แต่ถ้าใช่
บอกได้เลยว่าเขาคงได้ไปแล้วเกินสิบแต้มจากคำพูดเมื่อครู่นี้
...
วันรุ่งขึ้น
~No No No No Way No No...~
เสียงโทรศัพท์ของนันท์ดังลั่นบ้านพัก ติดอยู่เพียงแค่เจ้าของโทรศัพท์กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง
ทิ้งให้โทรสัพท์นอนอยู่กับชายหนุ่มที่โซฟา
มือหนาค่อยๆควานหาโทรศัพท์ไปรอบๆตัว และก็แทบจะตาสว่างในทันทีที่รู้ว่าใครโทรมา
T.Rug [MyDad] is calling
เมมชื่อไม่เมมเปล่า รุปครูรักขึ้นหราเต็มหน้าจอ แล้วตรูจะทำยังไงล่ะวะเนี่ย?
คิดแล้วก็วิ่งรอบบ้านจนคนที่หลับอยู่ต้องออกมาดู
“พ่อนันท์โทรมา รับด้วยนะ” ทาร์ตรีบแจ้นเอาโทรสัพทำไปให้
“ฮัลโหล! ป๊า นันท์อยู่ทะเลกับ เอ่อ กับเพื่อน”
[เพื่อนไหนวะ ทั้งฟาร์ ทั้งนุ่ม ทั้งดล ทั้งนิ ทั้งออฟมันมารอแกอยู่หน้าบ้านโน่น]
ผู้เป็นพ่อทำเสียงมึนใส่ ก็ไม่มีใครมาบ้านสักคน
“เพื่อนเก่าอ่ะป๊า ป๊าไม่มีเบอร์หรอก” พยายามหาเหตุผลมาอ้าง
“เออ ป๊ามารับนันท์ที่...อุ๊บบบ”นันท์ถูกทาร์ตปิดปากไว้ นั่นยิ่งทำให้คนที่โทรมาถึงกับร้อนใจ
[เป็นอะไร เป็นอะไร]
“อ๋อ คือนันท์เพิ่งนึกขึ้นได้ว่านันท์จะฝากป๊าลาหยุดเจ็ดวัน”
[หา เจ็ดวัน แกไปเที่ยวหรือแกจะสร้างบ้านวะ]
“ถ้าใช้เวลาแค่เจ็ดวันในการสร้างบ้าน บ้านมันก็คงไม่แพงหูฉี่ขนาดนี้หรอกนะป๊า”
หน้าสวยเริ่มมีเลือดสาด(เลือดฝาด)ขึ้นมานิดหนึ่งหลังจากอารมณ์ขึ้นที่ป๊าเริ่มกวนใส่
เธอ
[ไม่ดีเรอะ ยุคข้าวยากหมากแพงมันจะได้ไม่มี] ครูรักยัดขนมปังเข้าปากไปพูดไป
“ไม่ดีเพราะว่าการแข่งขันทางสังคม ในยุคเศรษฐกิจมันจะลดน้อยลง ทำให้คนมีความพยายามน้อยลงด้วย
คนสวยเริ่มทฤาฎีเข้าใส่ผู้เป็นพ่อเพื่อตั้งใจจะพาพ่อออกทะเล จนชายหนุ่มที่ฟังอยุ่เริ่มตาลาย
[ก็ถ้ามนุษย์รู้จักตัวเองดีพอ ค่าครองชีพของคนไทยก็อาจจะสูงขึ้น ปัญหาหนี้สินอสังหาริมทรัพย์ก็จะน้อยลง]
“แต่ปัญหามลพิษและปัญหาจราจรอาจจะเยอะขึ้น เพราะว่าพอมีการก่อสร้างและอุตสาหกรรม
เยอะขึ้นทำให้ชั้นบรรยากาสแย่ลงและเมื่อมีการติดต่อการค้ามากขึ้น ปัญหาจราจรก็จะตามมา”
[แต่ปัญหาเล็กๆน้อยๆพวกนี้มันก็แลกได้อย่างคุ้มต่าที่สุดกับชีวิตและสังคมที่ดีขึ้น]
“ก็เพราะป๊าคิดอย่างนี้ไง คิดว่าทำแล้วมันจะดีขึ้น เถียงกัน แตกแยกกัน แต่ละคนก็คิดกันอยุ่แบบนี้
แต่ไอ้ที่ทำไปแต่ละอย่าง เฮ้ออออ”
ชายหนุ่มเริ่มลงไปนั่งเท้าคาง เพราะดูท่าว่าบทสนทนานี้คงยังอีกยาวไกล พลางคิดว่า
แค่เรื่องลาหยุดทำไมมันถึงกลายเป็นปัยหาความคิดของมวลมนุษยชาติไปได้วะ?
[ดีมากลูกป๊า แหม๊ สอนไปยี่สิบกว่าปีมิมีเสียหลาย แต่ทำไมแกค้างงานสุขาภิบาลอาหารเพียบวะไอ้ลูกลิง]
คนสวยเริ่มหัวเราะร่วนที่พ่อของเธอทำท่าจะยอมแพ้ แต่กลับหาเรื่องขึ้นมาด่าได้อีกโดยที่ไม่รู้เลยว่า
ชายหนุ่มที่กำลังมองอยู่แอบยิ้มตามไปด้วย ก้ตั้งแต่ที่มาเขายังไม่เห็นเธอยิ้มแบบนี้
ยิ้มทั้งดวงตา ทั้งปากแล้วก็ยิ้มทั้งหัวใจ
“โธ่! ป๊าก็รู้ว่าหนูทำได้อยู่แล้ว แค่ขี้เกียจจะทำ”
[เอ้า! แล้วแกปล่อยให้ป้าเป็ดโทรมาทวงงานแกกับพ่อ เช้า กลางวัน เย็นเนี่ยนะ]
“ชิ! ที่ครูเป็ดโทรมาเพราะอยากได้สูตรบลูเบอรรี่ชีสพายจากหนูเหอะให้ตาย” นันท์กลอกตาไปมาอย่างเซ็งอารมณ์
[โถ! แม่คุณ ก็ให้ๆเขาไปเถอะ แกจะได้ไม่ต้องมาบ่น] ครูรักเอ่ยขำๆ
“เรื่องอะไร นันท์เก็บไว้ใกล้เกรดออกดีกว่า”
[ฉลาดจริงนะแม่คุณ แล้วว่าแต่แกจะกลับเมื่อไหร่] หญิงสาวเผลอนึกตามไปกับประโยคของพ่อแต่ก็แทบ
เซเสียหลักเมื่อถูกวกเข้าเรื่องกระทันหัน
“จะกลับเมื่อไหร่” พูดเหมือนทวนคำถามแต่กลับหันไปเร่งเอาคำตอบจากชายหนุ่มอย่างเร่งๆ
เพราะความไว้ใจแท้ๆ ถึงได้พากันมาไกลขนาดนี้
“เมื่อไหร่ที่ป๊าหานันท์เจอก็เมื่อนั้นแหละมั้ง” อยุ่ดีๆก็พูดง่ายๆแล้วกดตัดสายทิ้งแล้วก็วางโทรศัพท์ให้อยู่ที่เก้าอี้
คำพูดทำเอาผู้เป็นพ่อที่เอาหูแนบโทรศัพท์แทบจะเอาหัวโขกโต๊ะอย่างแรง แกตอบอะไรของแกวะไอ้ลูกสาว
“ตอบง่ายขนาดนั้นเชียว” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นว่าเธอตอบผู้เป็นพ่ออย่าง่ายๆ
“มันง่ายตั้งแต่ฉันยอมมาแล้วล่ะ” ตอบแบบหน้าตายแล้วก็เดินกลับเข้าไปนอนต่อในห้อง
แต่ก็ยังไม่พ้นที่ทาร์ตจะเข้าไปรังควานอยู่ดี
“นันท์ เชียงใหม่หายไปครึ่งจังหวัดแล้ว นอนกินบ้านกินเมืองอยู่ได้อ่ะ”
ถ้าไม่บอกว่านั่นปากเธอคงคิดว่ามันเป็นกรรไกรตัดกิ่งชนิดคมพิเศษ แหม! ก็เอาซะบาดไปถึงไส้ติ่งเลย
คิดแล้วก็คลุมโปงนอนต่ออย่างสบายใจ แต่กลับถูกร่างของทาร์ตโถมทับลงไปทั้งตัว
“จะบ้าเหรอทับมาได้ หนักจริง” นันท์ผลักทาร์ตออกแล้วลุกขึ้นมานั่ง
“เย็นนี้ไปเที่ยวกันเหอะ” ทาร์ตฉีกยิ้มกว้าง
แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของนันท์ก็ดังขึ้นมาอีก ทาร์ตจึงรีบวิ่งออกไปดูโดยมีนันท์มองตามไปเฉยๆ เพราะขี้เกียจลุก ==’
~ห้อยศักดิ์~
“ใครวะ?” ทาร์ตเอ่ยเบาๆแล้วถือวิสาสะกดรับซะเลย
“ฮัลโหลคร้าบบบบ จะคุยกับนันท์เหรอคร้าบบบบบ”
[ทาร์ต...แกใช่ไหม แกอยู่กับนันท์เหรอ แกเป็นคนพานันท์ไปใช่ไหม] น่านนน ชัดเลยไอ้ห้อยศักดิ์เอ้ยยยย
“ดล!!”
ทาร์ตร้องเมื่อพบว่าคนที่โทรมาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่เขาไม่อยากจะให้รู้มากที่สุดว่านันท์อยู่กับเขาตอนนี้
[แกอยู่ที่ไหน แกทำอะไรนันท์รึเปล่า พานันท์กลับมาซะ ไม่งั้นฉันจะลากคอแก...]
เสียงที่เคยนุ่มนวล หากใครได้มาฟังตอนนี้ก็คงรับรู้ได้ว่าคนพูดดูร้อนรนมากเพียงใด
แต่ยังไม่ทันที่ดลจะได้พูดจบ ทาร์ตก็รีบกดปุ่มวางสายและปิดเครื่องไปแทบจะพร้อมๆกัน
ดวงตาสีนิลเริ่มสั่นระริก แม้เพียงแค่คิดว่าเขากำลังทำผิดต่อฝ่ายนั้นมากเพียงใด
แต่ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าเขากำลังจะลากคนที่เขารักไปลงนรกด้วยการทำผิด
เขา...ก็ยังทำใจปล่อยให้เธอไปไม่ได้อยู่ดี ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งกับโซฟาแล้วเขวี้ยงโทรศัพท์ออกไปอย่างแรง
โดยไม่คิดจะนึกถึงเจ้าของของมันเลยสักนิด
โทรศัพท์เครื่องเหยียดหมื่นไถลไปใต้ตู้เก็บของอย่างช่วยไม่ได้
มือหนาเริ่มกุมขมับตัวเองแน่น หาทางออกให้ตัวเองไม่เจอ ถ้าหากว่าเธอ ไม่เลือกเขา
ร่างบางที่แอบยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มมีน้ำตาคลอในดวงตาทั้งสองข้าง
เหมือนจะรู้ดีว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร และแน่นอนว่าเธอเองก็กำลังรู้สึกผิดไม่ต่างไปจากเขาสักเท่าไหร่
ถ้าหากว่าเธอเลือกเขา นั่นก็หมายความว่าเธอกำลังจะทำให้ผู้ชายที่รักเธออย่างจริงใจ รู้สึกแย่
ที่สำคัญ ดลไม่ได้ทำอะไรผิด เขาออกจะรักเธอและดีกับเธอมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ
ร่างบางมองตามโทรศัพท์รุ่นทนทายาดของตัวเองไปยังใต้ตู้เก็บของ
สลับกับมองชายหนุ่มที่กำลังนั่งกุมขมับอยู่
ไม่เคยคิดว่าสภาวะสวยเลือกได้มันจะเกิดขึ้นกับตัว ระหว่างคนที่เรารักฝังใจ กับคนที่รักเราอย่างจริงใจ
บางที เธออาจจะต้องจัดการปัญหานี้ด้วยตัวของเธอเอง
“พี่ทาร์ต” นันท์พยายามทำเสียงให้เป็นปกติแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพดานเพื่อไล่น้ำตาให้มันไหลกลับเข
้าไป
“...” ไร้เสียงตอบรับ หญิงสาวจึงค่อยๆเดินไปหา แล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างๆอีกฝ่าย
แล้วตบบ่าของเขาเบาๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะรวบตัวเธอเข้าไปกอดไว้อย่างรวดเร็ว ร่างที่สั่นเทิ้มของเขาบอกได้ทันทีว่า
เขากำลังร้องไห้
“พี่คงทำใจไม่ได้หรอก...ถ้าหากว่าวันหนึ่งพี่จะต้องเห็นนันท์เดินจากไป
พี่อยากเห็นแก่ตัวให้มากที่สุดเพราะพี่อยากเจอนันท์ อยากเห็นหน้านันท์ตลอดไป แต่ดล...มันไม่ได้ทำอะไรผิด”
น้าตาลูกผ็ชายหยดลงบนเสื้อของร่างบางจนทำให้น้ำตาที่เธอพยายามทำให้มันหายไปเมื่อครู
่เอ่อล้นออกมา
และคราวนี้ดูท่าว่ามันจะไหลออกมามากกว่าเดิมเสียอีก
“อย่างน้อย...ตอนนี้เราก็ยังอยู่ด้วยกัน และนันท์หวังว่า มันจะเป็นแบบนี้ ตลอดไป” ถ้ามันจะไม่ต้องทำให้ใครเจ็บปวด
“พี่ไม่อยากทะเลาะกับดล เพราะเรื่องนี้” นันท์ค่อยๆผละออกจากอ้อมกอดของทาร์ต
เมื่อเขาเห็นว่าน้ำตาเธอไหล เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่ทราบได้ที่เขายกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้เธอแบบนี้
ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็กำลังเจ็บ
“อย่าคิดมากสิ เดี๋ยวเย็นนี้เราก็ไปเที่ยวด้วยกันนะ ไปด้วยกันสองคน” นันท์พยายามยิ้มออกมา
แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการฉีกปากกว้างซะมากกว่า
“...” ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรแต่ฉีกปากกว้างกลับไป
“ใช้เวลาที่มีอยู่ทั้งหมดให้คุ้มค่าที่สุด” คราวนี้นันท์ยิ้มออกมาอย่างจริงใจ เขาจึงยิ้มตอบกลับไปเหมือนๆกัน
“ไปอาบน้ำเถอะ เผื่อจะดีขึ้นบ้าง” ชายหนุ่มไม่ได้ปริปากตอบอะไรแต่พยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องไป
ทันทีที่ชายหนุ่มหลุดพ้นประตูห้องไป ร่างบางก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
หวังเหลือเกินว่าทางที่เธอกำลังเลือก มันจะดีที่สุด เพราะเธอไม่อยากทำผิดอีกต่อไปแล้ว
นันท์เดินไปนั่งอยู่หน้าตู้เก็บของแล้วควานหาโทรศัพท์ตัวเองใต้ตู้เก็บของ
ก่อนจะหยิบมันมาประกอบซะใหม่แล้วกดเปิดเครื่อง
~แบตเตอรี่อ่อน~
โทรศัพท์เครื่องสวยส่งสัญญาณเตือนที่ทำให้เธอแทบอยากจะเขวี้ยงมันทิ้งอีกรอบฃ
“จะคุยกับใครรู้เรื่องล่ะเนี่ย”
หญิงสาวครุ่นคิดอยู่พักใหญ่จึงกดโทรศัพท์ออกไป
~แบตเตอรี่อ่อน~
~แบตเตอรี่อ่อน~
~แบตเตอรี่อ่อน~
“เออ รู้แล้วน่า ไอ้โทรศัพท์บ้าเอ้ยยย”
=กำลังโทร...~ห้อยศักดิ์~=
[ฮัลโหล แกอยู่ที่ไหนฮะ]
คนรับสายกดรับอย่างรวดเร็วหลังจากที่เขาพยายามโทรหาเบอร์นี้เป็นแสนรอบ
“เฮีย...นี่นันท์เอง ใจเย็นๆนะคือ นันท์” จะบอกว่าอะไรดีล่ะ
บอกว่าทาร์ตลักพาตัวเธอมามันก็ไม่ใช่ บอกว่าเอหนีตามเขามา มันก็ไม่เชิง -*-
[นันท์ นันท์อยู่ที่ไหนอ่ะ อยู่กับไอ้ทาร์ตใช่มั้ย มันทำอะไรนันท์ นันท์เป็นอะไรรึเปล่า]
เมื่อฝ่ายนั้นยิงคำถามใส่มาเป็นชุด หญิงสาวจึงเริ่มคิดไม่ตก
“เอ่อ คือ นันท์มาเที่ยว แต่นันท์อยากกลับบ้านแล้ว คือพี่ทาร์ตเขายังไม่อยากกลับ
นันท์เลยอยากให้ดลมารับนันท์ที่ทะเลหัวทราย จังหวัดประจวบมีไก่ขันอ่ะ ที่บ้านพะ...”
~ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด ตุ๊ดดดดดด~
~ฟึบ!!~
ยังไม่ทันที่นันท์จะพูดจบ โทรศัพท์ก็ตัดไป
“เวรกรรม! แบตหมด เจริญลงเหอะค่ะ” นันท์นั่งมองโทรศัพท์ตัวเองอย่างเซ็งๆ
อยากจะพูดกับเขาให้รู้เรื่อง ไม่อยากให้ เพื่อน ต้องมาทะเลาะกัน เพราะเธออีก
...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น