ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The lost love : ความรักที่หายไป

    ลำดับตอนที่ #4 : เมื่อทางเลือกเริ่มเหลือน้อยเต็มที

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 54


    ๔.
    “ถนนคนเดินทที่นี่น่ะคนเยอะ ของแยะแต่ถ้าเป็นคนไทยของก็จะไม่แพงมากหรอก” ทาร์ตหันไปบอกนันท์
    ที่กำลังทำหน้าตื่นตาตื่นใจเหมือนได้เฆ้นน้องหลินปิงบินได้
    “แล้วพี่ไปทำอิท่าไหนถึงได้มีบ้านพักเป็นของตัวเองซะริมหาดขนาดนั้นอ่ะ”
    คำถามที่หญิงสาวสงสัยมาตั้งแต่ได้เห็นบ้านพักส่วนตัวได้ถูกเอ่ยถามออกไป ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอน้อยๆก่อนตอบ
    “ซื้อไง เพื่อนพี่ที่ไต้หวันเคยเป็นเจ้าของแล้วเขาว่าที่ตรงนั้นมันยังไม่ค่อยเจริญ
    แต่พอเขาขายให้พี่ในราคาถูกมากมากอ่ะ ทะเลหัวทรายก็ดังขึ้นมาซะอย่างนั้น โชคดีของพี่นั่นแหละ”
    ทาร์ตอมยิ้มน้อยๆแล้วคว้าข้อมือหญิงสาวไปจับไว้ ก่อนจะพูดสั้นๆตามเสตปเทพของตัวเอง
    “เดี๋ยวหลง!”
    คนถูกกุมมือดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจจะฟังนักเพราะมีเรื่องต้องให้คิดมากมายเหลือเกิน
    ‘พี่จะทำให้นันท์เลิกกับดล แล้วมาคบกับพี่ให้ได้’
    ‘ยังสนใจอยู่เหรอ...ว่าพี่จะเป็นยังไง จะอยู่ที่ไหน จะทำอะไรเพื่อใครอยู่บ้าง’
    ‘ผมจำได้ทุกเรื่อง ที่เกี่ยวกับเรา’
    ‘หลังจากนี้ มันก็คงแล้วแต่นันท์’
    ‘น่ารักจังเลย แฟนใครเนี่ย’
    นั่นสิ ตกลงเธอเป็นแฟนใคร ตกลงเธอจะต้องเลือกใคร แล้วอะไรมันจะดีที่สุดกันแน่
    ดวงตาคู่สวยเหม่อลอยออกไป จนแทบจะไม่ได้มองทาง แต่ก็ยังดีที่มีมือหนาของเขาพาเธอไป
    รู้สึกตัวอีกทีก็มาหยุดที่แผงขายเสื้อยืดแห่งหนึ่ง
    “ลองเลือกดูแล้วกัน ชอบตัวไหน” ทาร์ตเขย่ามืออีกฝ่ายเบาๆ
    “อืมๆ”
    ว่าแล้วก็เดินวนรอบร้าน เดินไปเดินมาสอดส่ายสายตามองหาชุดที่ถูกใจพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆของคนขายและชายหนุ่ม
    “ถ้าน้องงจะซื้อของไปให้แฟน พี่แนะนำร้านข้างๆนะครับ เครื่องประดับสวยใช้ได้”
    คนขายกระวิบข้างหูทาร์ตหวังจะช่วยโฆษณาเพื่อนตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรเสียงใสของนันท์ก็ดังขึ้นมา
    “พี่คะ เสื้อยืดตัวนี้เท่าไหร่คะ มีสีอื่นมั้ย” หยิงสาวชี้ไปที่เสื้อยืดสีดำตัวหนึ่ง
    เป็นรูปมนุษย์ก้างปลา มีเด็กหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ระหว่างเด็กชายสองคน เด็กหญิงคนนั้นจับมือกับ
    เด็กชายคนหนึ่ง แต่สายตาหันไปมองเด็กชายอีกคนที่ยืนห่างออกไป
    นันท์ยืนมองเสื้อตัวนั้นพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปมองคนขายเพื่อฟังคำตอบ
    “ตัวละ260ครับน้อง สีอื่นก็มีนะมีสามสี มีสีนี้ สีส้ม แล้วก็สีขาว
    ถ้าน้องวื้อสามตัวพี่ลดให้เหลือ620แล้วกันนะ ถูกสุดๆแล้ว”
    อยากได้ก็อยากได้อ่ะนะ แต่ต้องหันไปมองร่างสูงที่ยืนกอดอกทำมาดเข้มอยู่เป้นเชิงถาม
    แหงล่ะ! ก็เธอไม่มีเงินติดจัวมาสักบาทเดียวนี่นา
    “งั้นก็เอาสามตัวอย่างละสีครับ” ว่าง่ายๆก่อนจะควักเงินให้คนขายแบบพอดีเป๊ะ
    พร้อมๆกับร่างบางที่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ นึกว่าจะไม่ได้ซะแล้ว
    ก็ลายเสื้อมันเหมือนบางอย่างซะขนาดนั้น แล้วไหนจะสีเสื้อ ไม่รู้ว่าเขาจะยังชอบสีดำอยู่รึเปล่า
    แล้วก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าดลจะยังชอบสีขาวเหมือนตอนที่บอกเธออยู่มั้ย
    “ขอบคุณนะ” นันท์พูดตามมารยามกุลสตรีไทยที่ช่างนอบน้อมเสียเหลือเกิน(?)
    “เดี๋ยวคงได้ขอบคุณกันอีกหลายรอบ” ชายหนุ่มยักคิ้วให้หนึ่งทีก่อนจะเดินนำไป

    “เอ้า ! ไม่ตามมาล่ะ” หันมาอีกทีก็พบว่าร่างบางยังคงยืนอยู่ที่เดิม
    ดวงตากลมโตมองไปยังร้านเครื่องประดับข้างๆ จนคนที่เดินนำไปแล้วต้องเดินกลับมา
    แล้วมองตามสายตาของหญิงสาวไปยังสร้อยข้อมือสองเส้นที่ถูกโชว์ไว้หน้าร้าน สายหนังสีดำที่ทำให้ดูเท่มากกว่าจะดูน่ารัก
    บวกกันตัวหนังสือสีเงินเงาวับเหมือนขัดไว้ซะดิบดี ไม่แปลกหรอกที่เธอจะมอง ก็มันสวยจริงๆนั่นแหละ
    และที่สำคัย ตัวอีการที่วางไว้นั้นมันคือ N กับ T
    “อยากได้เหรอ” เอ่ยถามเรียบๆ ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบว่าอย่างไร
    “เปล่า” ตอบแบบที่น้ำเสียงแทบจะลงไปอยู่ในลำคอ แต่สายตาก็ยังคงไม่ละไปไหน
    “จะซื้อให้”
    “เอา”
    “ก็แค่นั้นแหละ” ชายหนุ่มว่ายิ้มๆก่อนจะเดินไปหาคนขาย โดยปล่อยให้หญิงสาวยืนรออย่างใจจดใจจ่อ
    ไม่นานนักเขาก็ถือถุงหิ้วเล็กๆออกมา
    “นันท์เอาตัว T ไปแล้วกันนะ พี่จะเอาตัว N” ว่าง่ายๆก่อนจะยัดเยียดสร้อยข้อมือรูปตัวTเข้าไปเต็มมือหญิงสาว
    “ทำอย่างกับเราเป็นแฟนกัน”นันท์แอบบ่นเล็กน้อยโดยที่ไม่รู้เลยว่าประโยคสั้นๆนั้น
    สามารถทำให้ชายหนุ่มมือสั่นได้มากเพียงใด ... บางที เขาออาจจะมีความสุขกับการที่ได้อยู่กับเธอมากเกินไป
    จนลืมตระหนักไปว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ‘เธอ’และ’เขา’ มันไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป
    “ขอโทษ” มือหนาแกะมือของร่างบางที่กำลังกำสร้อยข้อมือรูปตัวTออก แล้ววิ่งกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง
    หญิงสาวที่เพิ่งนึกได้กับคำพูดเมื่อครู่ได้แต่ยืนมองมือตัวเองอย่างรู้สึกผิด ทั้งๆที่มีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงแค่นี้
    เธอกลับทำลายความรู้สึกของเขา ไม่รู้ว่าควรจะเป็นเขาหรือเธอกันแน่ ที่จะต้องเอ่ยคำว่า ขอโทษ
    ทาร์ตกลับออกมาหร้อมสร้อยข้อมือรูปตัวDที่นำมาใส่มือของอีกฝ่ายไว้เช่นเดิม
    ในขณะที่ตัวเขาเองก็ยังคงกำสร้อยข้อมือรูปตัวNนั้นไว้เหมือนเดิม
    แม้ว่าทั้งคู่จะไปวื้ออะไรอีกสักกี่ร้าน แต่กลับไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาอีกเลยจนกระทั่งถึงบ้าน
    “ฝันดีนะ” นันท์เอ่ยขึ้นเบาๆพอที่อีกฝ่ายจะได้ยิน
    “ถ้างั้นคืนนี้พี่คงต้องฝันถึงนันท์ นั่นแหละฝันดีที่สุดในชีวิต เวลามีอยู่แค่นิดเดียว พี่อยากใช้มันให้คุ้มค่า”
    ไม่รู้ว่านี่เป็นแผนเก็บคะแนนในเกมที่จะทำให้เอหลงรักหรือเปล่า แต่ถ้าใช่
    บอกได้เลยว่าเขาคงได้ไปแล้วเกินสิบแต้มจากคำพูดเมื่อครู่นี้
    ...


    วันรุ่งขึ้น
    ~No No No No Way No No...~
    เสียงโทรศัพท์ของนันท์ดังลั่นบ้านพัก ติดอยู่เพียงแค่เจ้าของโทรศัพท์กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง
    ทิ้งให้โทรสัพท์นอนอยู่กับชายหนุ่มที่โซฟา
    มือหนาค่อยๆควานหาโทรศัพท์ไปรอบๆตัว และก็แทบจะตาสว่างในทันทีที่รู้ว่าใครโทรมา
    T.Rug [MyDad] is calling
    เมมชื่อไม่เมมเปล่า รุปครูรักขึ้นหราเต็มหน้าจอ แล้วตรูจะทำยังไงล่ะวะเนี่ย?
    คิดแล้วก็วิ่งรอบบ้านจนคนที่หลับอยู่ต้องออกมาดู
    “พ่อนันท์โทรมา รับด้วยนะ” ทาร์ตรีบแจ้นเอาโทรสัพทำไปให้
    “ฮัลโหล! ป๊า นันท์อยู่ทะเลกับ เอ่อ กับเพื่อน”
    [เพื่อนไหนวะ ทั้งฟาร์ ทั้งนุ่ม ทั้งดล ทั้งนิ ทั้งออฟมันมารอแกอยู่หน้าบ้านโน่น]
    ผู้เป็นพ่อทำเสียงมึนใส่ ก็ไม่มีใครมาบ้านสักคน
    “เพื่อนเก่าอ่ะป๊า ป๊าไม่มีเบอร์หรอก” พยายามหาเหตุผลมาอ้าง
    “เออ ป๊ามารับนันท์ที่...อุ๊บบบ”นันท์ถูกทาร์ตปิดปากไว้ นั่นยิ่งทำให้คนที่โทรมาถึงกับร้อนใจ
    [เป็นอะไร เป็นอะไร]
    “อ๋อ คือนันท์เพิ่งนึกขึ้นได้ว่านันท์จะฝากป๊าลาหยุดเจ็ดวัน”
    [หา เจ็ดวัน แกไปเที่ยวหรือแกจะสร้างบ้านวะ]
    “ถ้าใช้เวลาแค่เจ็ดวันในการสร้างบ้าน บ้านมันก็คงไม่แพงหูฉี่ขนาดนี้หรอกนะป๊า”
    หน้าสวยเริ่มมีเลือดสาด(เลือดฝาด)ขึ้นมานิดหนึ่งหลังจากอารมณ์ขึ้นที่ป๊าเริ่มกวนใส่
    เธอ
    [ไม่ดีเรอะ ยุคข้าวยากหมากแพงมันจะได้ไม่มี] ครูรักยัดขนมปังเข้าปากไปพูดไป
    “ไม่ดีเพราะว่าการแข่งขันทางสังคม ในยุคเศรษฐกิจมันจะลดน้อยลง ทำให้คนมีความพยายามน้อยลงด้วย
    คนสวยเริ่มทฤาฎีเข้าใส่ผู้เป็นพ่อเพื่อตั้งใจจะพาพ่อออกทะเล จนชายหนุ่มที่ฟังอยุ่เริ่มตาลาย
    [ก็ถ้ามนุษย์รู้จักตัวเองดีพอ ค่าครองชีพของคนไทยก็อาจจะสูงขึ้น ปัญหาหนี้สินอสังหาริมทรัพย์ก็จะน้อยลง]
    “แต่ปัญหามลพิษและปัญหาจราจรอาจจะเยอะขึ้น เพราะว่าพอมีการก่อสร้างและอุตสาหกรรม
    เยอะขึ้นทำให้ชั้นบรรยากาสแย่ลงและเมื่อมีการติดต่อการค้ามากขึ้น ปัญหาจราจรก็จะตามมา”
    [แต่ปัญหาเล็กๆน้อยๆพวกนี้มันก็แลกได้อย่างคุ้มต่าที่สุดกับชีวิตและสังคมที่ดีขึ้น]
    “ก็เพราะป๊าคิดอย่างนี้ไง คิดว่าทำแล้วมันจะดีขึ้น เถียงกัน แตกแยกกัน แต่ละคนก็คิดกันอยุ่แบบนี้
    แต่ไอ้ที่ทำไปแต่ละอย่าง เฮ้ออออ”
    ชายหนุ่มเริ่มลงไปนั่งเท้าคาง เพราะดูท่าว่าบทสนทนานี้คงยังอีกยาวไกล พลางคิดว่า
    แค่เรื่องลาหยุดทำไมมันถึงกลายเป็นปัยหาความคิดของมวลมนุษยชาติไปได้วะ?
    [ดีมากลูกป๊า แหม๊ สอนไปยี่สิบกว่าปีมิมีเสียหลาย แต่ทำไมแกค้างงานสุขาภิบาลอาหารเพียบวะไอ้ลูกลิง]
    คนสวยเริ่มหัวเราะร่วนที่พ่อของเธอทำท่าจะยอมแพ้ แต่กลับหาเรื่องขึ้นมาด่าได้อีกโดยที่ไม่รู้เลยว่า
    ชายหนุ่มที่กำลังมองอยู่แอบยิ้มตามไปด้วย ก้ตั้งแต่ที่มาเขายังไม่เห็นเธอยิ้มแบบนี้
    ยิ้มทั้งดวงตา ทั้งปากแล้วก็ยิ้มทั้งหัวใจ
    “โธ่! ป๊าก็รู้ว่าหนูทำได้อยู่แล้ว แค่ขี้เกียจจะทำ”
    [เอ้า! แล้วแกปล่อยให้ป้าเป็ดโทรมาทวงงานแกกับพ่อ เช้า กลางวัน เย็นเนี่ยนะ]
    “ชิ! ที่ครูเป็ดโทรมาเพราะอยากได้สูตรบลูเบอรรี่ชีสพายจากหนูเหอะให้ตาย” นันท์กลอกตาไปมาอย่างเซ็งอารมณ์
    [โถ! แม่คุณ ก็ให้ๆเขาไปเถอะ แกจะได้ไม่ต้องมาบ่น] ครูรักเอ่ยขำๆ
    “เรื่องอะไร นันท์เก็บไว้ใกล้เกรดออกดีกว่า”
    [ฉลาดจริงนะแม่คุณ แล้วว่าแต่แกจะกลับเมื่อไหร่] หญิงสาวเผลอนึกตามไปกับประโยคของพ่อแต่ก็แทบ
    เซเสียหลักเมื่อถูกวกเข้าเรื่องกระทันหัน
    “จะกลับเมื่อไหร่” พูดเหมือนทวนคำถามแต่กลับหันไปเร่งเอาคำตอบจากชายหนุ่มอย่างเร่งๆ
    เพราะความไว้ใจแท้ๆ ถึงได้พากันมาไกลขนาดนี้
    “เมื่อไหร่ที่ป๊าหานันท์เจอก็เมื่อนั้นแหละมั้ง” อยุ่ดีๆก็พูดง่ายๆแล้วกดตัดสายทิ้งแล้วก็วางโทรศัพท์ให้อยู่ที่เก้าอี้
    คำพูดทำเอาผู้เป็นพ่อที่เอาหูแนบโทรศัพท์แทบจะเอาหัวโขกโต๊ะอย่างแรง แกตอบอะไรของแกวะไอ้ลูกสาว
    “ตอบง่ายขนาดนั้นเชียว” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นว่าเธอตอบผู้เป็นพ่ออย่าง่ายๆ
    “มันง่ายตั้งแต่ฉันยอมมาแล้วล่ะ” ตอบแบบหน้าตายแล้วก็เดินกลับเข้าไปนอนต่อในห้อง
    แต่ก็ยังไม่พ้นที่ทาร์ตจะเข้าไปรังควานอยู่ดี
    “นันท์ เชียงใหม่หายไปครึ่งจังหวัดแล้ว นอนกินบ้านกินเมืองอยู่ได้อ่ะ”
    ถ้าไม่บอกว่านั่นปากเธอคงคิดว่ามันเป็นกรรไกรตัดกิ่งชนิดคมพิเศษ แหม! ก็เอาซะบาดไปถึงไส้ติ่งเลย
    คิดแล้วก็คลุมโปงนอนต่ออย่างสบายใจ แต่กลับถูกร่างของทาร์ตโถมทับลงไปทั้งตัว
    “จะบ้าเหรอทับมาได้ หนักจริง” นันท์ผลักทาร์ตออกแล้วลุกขึ้นมานั่ง
    “เย็นนี้ไปเที่ยวกันเหอะ” ทาร์ตฉีกยิ้มกว้าง
    แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของนันท์ก็ดังขึ้นมาอีก ทาร์ตจึงรีบวิ่งออกไปดูโดยมีนันท์มองตามไปเฉยๆ เพราะขี้เกียจลุก ==’
    ~ห้อยศักดิ์~
    “ใครวะ?” ทาร์ตเอ่ยเบาๆแล้วถือวิสาสะกดรับซะเลย
    “ฮัลโหลคร้าบบบบ จะคุยกับนันท์เหรอคร้าบบบบบ”
    [ทาร์ต...แกใช่ไหม แกอยู่กับนันท์เหรอ แกเป็นคนพานันท์ไปใช่ไหม] น่านนน ชัดเลยไอ้ห้อยศักดิ์เอ้ยยยย
    “ดล!!”
    ทาร์ตร้องเมื่อพบว่าคนที่โทรมาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่เขาไม่อยากจะให้รู้มากที่สุดว่านันท์อยู่กับเขาตอนนี้
    [แกอยู่ที่ไหน แกทำอะไรนันท์รึเปล่า พานันท์กลับมาซะ ไม่งั้นฉันจะลากคอแก...]
    เสียงที่เคยนุ่มนวล หากใครได้มาฟังตอนนี้ก็คงรับรู้ได้ว่าคนพูดดูร้อนรนมากเพียงใด
    แต่ยังไม่ทันที่ดลจะได้พูดจบ ทาร์ตก็รีบกดปุ่มวางสายและปิดเครื่องไปแทบจะพร้อมๆกัน
    ดวงตาสีนิลเริ่มสั่นระริก แม้เพียงแค่คิดว่าเขากำลังทำผิดต่อฝ่ายนั้นมากเพียงใด
    แต่ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าเขากำลังจะลากคนที่เขารักไปลงนรกด้วยการทำผิด
    เขา...ก็ยังทำใจปล่อยให้เธอไปไม่ได้อยู่ดี ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งกับโซฟาแล้วเขวี้ยงโทรศัพท์ออกไปอย่างแรง
    โดยไม่คิดจะนึกถึงเจ้าของของมันเลยสักนิด
    โทรศัพท์เครื่องเหยียดหมื่นไถลไปใต้ตู้เก็บของอย่างช่วยไม่ได้
    มือหนาเริ่มกุมขมับตัวเองแน่น หาทางออกให้ตัวเองไม่เจอ ถ้าหากว่าเธอ ไม่เลือกเขา
    ร่างบางที่แอบยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มมีน้ำตาคลอในดวงตาทั้งสองข้าง
    เหมือนจะรู้ดีว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร และแน่นอนว่าเธอเองก็กำลังรู้สึกผิดไม่ต่างไปจากเขาสักเท่าไหร่
    ถ้าหากว่าเธอเลือกเขา นั่นก็หมายความว่าเธอกำลังจะทำให้ผู้ชายที่รักเธออย่างจริงใจ รู้สึกแย่
    ที่สำคัญ ดลไม่ได้ทำอะไรผิด เขาออกจะรักเธอและดีกับเธอมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ
    ร่างบางมองตามโทรศัพท์รุ่นทนทายาดของตัวเองไปยังใต้ตู้เก็บของ
    สลับกับมองชายหนุ่มที่กำลังนั่งกุมขมับอยู่
    ไม่เคยคิดว่าสภาวะสวยเลือกได้มันจะเกิดขึ้นกับตัว ระหว่างคนที่เรารักฝังใจ กับคนที่รักเราอย่างจริงใจ
    บางที เธออาจจะต้องจัดการปัญหานี้ด้วยตัวของเธอเอง
    “พี่ทาร์ต” นันท์พยายามทำเสียงให้เป็นปกติแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพดานเพื่อไล่น้ำตาให้มันไหลกลับเข
    ้าไป
    “...” ไร้เสียงตอบรับ หญิงสาวจึงค่อยๆเดินไปหา แล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างๆอีกฝ่าย
    แล้วตบบ่าของเขาเบาๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะรวบตัวเธอเข้าไปกอดไว้อย่างรวดเร็ว ร่างที่สั่นเทิ้มของเขาบอกได้ทันทีว่า
    เขากำลังร้องไห้
    “พี่คงทำใจไม่ได้หรอก...ถ้าหากว่าวันหนึ่งพี่จะต้องเห็นนันท์เดินจากไป
    พี่อยากเห็นแก่ตัวให้มากที่สุดเพราะพี่อยากเจอนันท์ อยากเห็นหน้านันท์ตลอดไป แต่ดล...มันไม่ได้ทำอะไรผิด”
    น้าตาลูกผ็ชายหยดลงบนเสื้อของร่างบางจนทำให้น้ำตาที่เธอพยายามทำให้มันหายไปเมื่อครู
    ่เอ่อล้นออกมา
    และคราวนี้ดูท่าว่ามันจะไหลออกมามากกว่าเดิมเสียอีก
    “อย่างน้อย...ตอนนี้เราก็ยังอยู่ด้วยกัน และนันท์หวังว่า มันจะเป็นแบบนี้ ตลอดไป” ถ้ามันจะไม่ต้องทำให้ใครเจ็บปวด
    “พี่ไม่อยากทะเลาะกับดล เพราะเรื่องนี้” นันท์ค่อยๆผละออกจากอ้อมกอดของทาร์ต
    เมื่อเขาเห็นว่าน้ำตาเธอไหล เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่ทราบได้ที่เขายกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้เธอแบบนี้
    ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็กำลังเจ็บ
    “อย่าคิดมากสิ เดี๋ยวเย็นนี้เราก็ไปเที่ยวด้วยกันนะ ไปด้วยกันสองคน” นันท์พยายามยิ้มออกมา
    แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการฉีกปากกว้างซะมากกว่า
    “...” ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรแต่ฉีกปากกว้างกลับไป
    “ใช้เวลาที่มีอยู่ทั้งหมดให้คุ้มค่าที่สุด” คราวนี้นันท์ยิ้มออกมาอย่างจริงใจ เขาจึงยิ้มตอบกลับไปเหมือนๆกัน
    “ไปอาบน้ำเถอะ เผื่อจะดีขึ้นบ้าง” ชายหนุ่มไม่ได้ปริปากตอบอะไรแต่พยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องไป
    ทันทีที่ชายหนุ่มหลุดพ้นประตูห้องไป ร่างบางก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
    หวังเหลือเกินว่าทางที่เธอกำลังเลือก มันจะดีที่สุด เพราะเธอไม่อยากทำผิดอีกต่อไปแล้ว
    นันท์เดินไปนั่งอยู่หน้าตู้เก็บของแล้วควานหาโทรศัพท์ตัวเองใต้ตู้เก็บของ
    ก่อนจะหยิบมันมาประกอบซะใหม่แล้วกดเปิดเครื่อง
    ~แบตเตอรี่อ่อน~
    โทรศัพท์เครื่องสวยส่งสัญญาณเตือนที่ทำให้เธอแทบอยากจะเขวี้ยงมันทิ้งอีกรอบฃ
    “จะคุยกับใครรู้เรื่องล่ะเนี่ย”
    หญิงสาวครุ่นคิดอยู่พักใหญ่จึงกดโทรศัพท์ออกไป
    ~แบตเตอรี่อ่อน~
    ~แบตเตอรี่อ่อน~
    ~แบตเตอรี่อ่อน~
    “เออ รู้แล้วน่า ไอ้โทรศัพท์บ้าเอ้ยยย”
    =กำลังโทร...~ห้อยศักดิ์~=
    [ฮัลโหล แกอยู่ที่ไหนฮะ]
    คนรับสายกดรับอย่างรวดเร็วหลังจากที่เขาพยายามโทรหาเบอร์นี้เป็นแสนรอบ
    “เฮีย...นี่นันท์เอง ใจเย็นๆนะคือ นันท์” จะบอกว่าอะไรดีล่ะ
    บอกว่าทาร์ตลักพาตัวเธอมามันก็ไม่ใช่ บอกว่าเอหนีตามเขามา มันก็ไม่เชิง -*-
    [นันท์ นันท์อยู่ที่ไหนอ่ะ อยู่กับไอ้ทาร์ตใช่มั้ย มันทำอะไรนันท์ นันท์เป็นอะไรรึเปล่า]
    เมื่อฝ่ายนั้นยิงคำถามใส่มาเป็นชุด หญิงสาวจึงเริ่มคิดไม่ตก
    “เอ่อ คือ นันท์มาเที่ยว แต่นันท์อยากกลับบ้านแล้ว คือพี่ทาร์ตเขายังไม่อยากกลับ
    นันท์เลยอยากให้ดลมารับนันท์ที่ทะเลหัวทราย จังหวัดประจวบมีไก่ขันอ่ะ ที่บ้านพะ...”
    ~ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด ตุ๊ดดดดดด~
    ~ฟึบ!!~
    ยังไม่ทันที่นันท์จะพูดจบ โทรศัพท์ก็ตัดไป
    “เวรกรรม! แบตหมด เจริญลงเหอะค่ะ” นันท์นั่งมองโทรศัพท์ตัวเองอย่างเซ็งๆ
    อยากจะพูดกับเขาให้รู้เรื่อง ไม่อยากให้ เพื่อน ต้องมาทะเลาะกัน เพราะเธออีก
    ...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×