ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The lost love : ความรักที่หายไป

    ลำดับตอนที่ #1 : ความรู้สึกแรก

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 54


    ๑.
    “เฮ้!!” เสียงชนแก้วค๊อกเทลหลากสีสัน บวกกับเสียงโห่ร้องยินดีของนักศึกษาหลากสถาบันดังขึ้น
    ในโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มนัยตาดำเข้มมองไปยังทางเข้างานที่บรรดาแขกเหรื่อทยอยกันเข้ามา
    อ่าว! นั่นก็พี่ชะม้อย กับพี่ช้อยแช่มฝาแฝดนักกีฬาเก่าของโรงเรียนควงคู่มากับพี่หม้อแปลงกับพี่หม้อไฟ
    อดีตขวัญใจสาวๆทั้งโรงเรียน แล้วก็นั่น ไอ้เอ๊าะแอ๊ะ เพื่อนเก่ากับน้องอ้อยอิ่งก็มาด้วยกัน
    ไหนจะไอ้กะละมังกับไอ้ชามที่หวานกันซะ แต่อะไรก็ไม่น่าเจ็บใจที่คนอื่นมีคู่กันหมด แต่เขา ไม่มี
    ฉับพลันความคิดดังกล่าวก็ถูกสลัดทิ้งไปจากภวังค์ของชายหนุ่ม พร้อมๆกับที่หญิงสาวในชุดเดรสสั้นสีชมพูอ่อน
    ก้าวเข้ามาในงาน ผมที่ดัดลอนไว้น้อยๆ ปลิวสยายไปตามแรงลม ผู้คนที่อยู่ในงานต่างหันไปมองกันเป็นตาเดียว
    น่าเสียดายที่เธอควงคู่มากับหนุ่มหล่อในชุดสูทสีเทาที่ดูเหมือนว่าจะสนิทสนมกันเกินเ
    พื่อน
    คนสวยหันมาสบตากับชายหนุ่มที่ยืนมองอยู่ และชั่งใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยทัก
    “พี่ทาร์ต!” หญิงสาวโบกมือให้และเอ่ยปากทักชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังมองเธออย่างไม่ยอมละสายตา
    “เอ้า นันท์ ว่าไง” คนถูกทักเพิ่งตั้งสติได้ รีบถามด้วยใบหน้าฝืนยิ้ม เมื่อพบว่าเธอมีชายหนุ่มข้างกายมาด้วย
    “เออ! พี่ทาร์ต นันท์กะเฮียดลเป็นแฟนกันแล้วนะ” แปลบ!
    รู้สึกเจ็บตรงหัวใจอย่างบอกไม่ถูก จึงแสดงอาการรับรู้เพียงพยักหน้า ก่อนจะหันหลบดวงตากลมโตของหญิงสาว
    ด้วยกลัวว่าจะหวั่นไหว นันท์เองก็ยืนมองทาร์ตนิ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไรกับเขาอีกดี
    “ไง! ทาร์ต ไต้หวันเป็นไงบ้างวะ” ยิ้มเยาะน้อยๆ ก่อนจะโอบเอวของหญิงสาวเอาไว้ สายตาทาร์ตเลื่อนไปมอง
    มือของอดีตคู่อริแล้เวถอนใจอย่างเหงาๆ
    “ฟาร์” หญิงสาวคนเดียวในวงสนทนาเอ่ยปากทักเพื่อนสนิทที่เพิ่งจะก้าวเข้างานมาหมาดๆด้วยอาการ
    เบ้อเหรอสุดขีด
    ก่อนจะโบกไม้โบกมือเพื่อเรียกเพื่อนและสาวหล่ออีกคนที่เดินมาด้วยกัน
    “เฮ้ย ! นันท์ ไม่คิดว่าแกจะมานะเนี่ย” แรกทักของฟาร์เมื่อมาถึงวงสนทนา ก่อนจะยิ้มแห้งๆเมื่อรู้ว่าอดีตแฟนของเธอ
    ก็อยู่ในวงสนทนานั้นด้วย
    “อ้าว ! พี่ทาร์ตสวัสดีค่ะ มาด้วยเหรอคะ” ดวงตาดำโตหม่นลงเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าช้าๆ เผยให้เห็น
    ความผิดปกติที่เกิดขึ้น
    “เอ่อ เฮ้ย! แกใครวะ” พูดทำลายความเงียบแล้วบุ้ยใบ้ไปทางสาวหล่ออีกคน
    “จำไม่ได้เหรอวะ” สาวหล่อคนนั้นว่าพลางถอดแว่นกันแดดสีชาออก ผมซอยสั้นสีน้ำตาลแดง
    สีผิวน้ำผึ้งจนเกือบแทน บวกกับความสูง 170 ต้นๆเมื่อมารวมกับดวงตาคมที่เธอเคยคุ้นเคย
    “นุ่ม! นี่แกเป็นทอมเหรอวะ” เอ่ยถามทันทีอย่างตื่นเต้น เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคือเพื่อนในกลุ่มเดียวกันเมื่อ3ปีก่อน
    “แล้วฟาร์กับนุ่มนี่เป็นแฟนกันปเนี่ย” ดลเอ่ยถามขึ้นขำๆ ก่อนจะอึ้งกับคำตอบ
    “อื้ม” ฟาร์ตอบสั้นๆก่อนจะเอียงอาย จนทำให้ทุกคนในวงสนทนา รวมถึงคนรอบข้างที่ได้ยินพากันหันไปมอง
    หน้าทาร์ตอย่างไม่วางตา เพราะรู้ดีว่า ชายหนุ่มเคยเป็นแฟนกับฟาร์และรักกันมากเพียงใด
    ทาร์ตได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วเดินจากไปอย่างเหงาๆ ในเมื่อเพื่อนกลุ่มเดียวกัน มีเพื่อนกันไปหมดแล้ว
    แถมหนึ่งในนั้น ยังเป็นคนที่เขารักอยู่เสียด้วยสิ มันทำให้เขาอดไม่ได้จริงๆ
    ที่จะนึกถึงวันนั้น เมื่อหลายปีก่อน
    ...
    “เราเลิกกันเถอะ คนที่ไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย จะเป็นแฟนกันได้ยังไง” หญิงสาวตากลมโต
    ใบหน้าสวยคมเข้มพูดเนิบๆ ที่สนามบิน
    “นันท์ ดูหนังมากไปป่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายล้อเล่น
    “นันท์พูดจริง ทาร์ต เดี๋ยวนายก็ไปเรียนต่อที่ไต้หวันอยู่แล้ว ลืมเรื่องของเราซะ นายจะได้มีเวลา
    เรียนต่อได้อย่างเต็มที่” หญิงสาวพูดนิ่งๆ แต่ในใจแทบจะร้องไห้ เธอไม่อยากผูกมัดเขาไว้
    เผื่อเขาอาจจะได้เจอคนใหม่ ที่ดีกว่าเธอ
    “นันท์ไม่ได้รักพี่เหรอ”
    “รักสิ นันทืแค่ไม่อยากผูกมัดพี่ทาร์ตแล้วก็ไม่อยากปิดกั้นตัวเอง”
    “เดี๋ยว นันท์ก็คงลืมพี่” ชายหนุ่มพูดตัดพ้ออกมาอย้างน้อยใจ
    “ฉันไม่ลืมนายหรอก “ หญิงสาวกอดอกแล้วก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาของชายหนุ่ม
    ทำไมกันนะ ประโยคบอกลาสำหรับคนคนนี้ มันช่างยากเหลือเกิน ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้เธอคงจะเดินฉับๆ
    พูดๆๆแล้วก็เดินหนีออกไปแล้วแต่ทำไม ประโยคบอกเลิกง่ายๆ ที่จะบอกกับผู้ชายคนนี้ มันยากเสียยิ่งกว่าอะไร
    น้ำตาของนันท์ไหลอาบแก้มลงมาช้าๆ พร้อมๆกับที่ชายหนุ่มเข้าไปรวบร่างเธอมากอดไว้ ไม่ยอมปล่อย
    “ปล่อยนันท์ เราเลิกกันเถอะ” นันท์พยายามผละออกจากอ้อมกอดของอีกฝ้าย แต่มันกลับไม่เป็นผล
    เมื่อมือหนาของเขากลับกอดเธอแน่นขึ้นไปอีก
    “ปล่อยนันท์ซะ แล้วก็จบเรื่องของเราซะที” นันท์พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแล้วใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด
    ผลักร่างของชายหนุ่มออกไป
    “ในเมื่อมันเริ่มจากศูนย์ ก็ให้มันจบลงที่ศูนย์เถอะนะ” นันท์พูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังเดินหนีออกไป
    โดยไม่คิดจะรอฟังอะไร และไม่คิดจะหันกลับไปมองผู้ชายทางด้านหลังอีก ไม่ใช่ว่าไม่รัก แต่เพียงแค่
    เธอไม่อยากเห็นหน้าเขาในตอนนี้ กลัวเหลือเกินว่าถ้าเห็นใบหน้า ถ้าได้เห็นแววตาของคนคนนั้นแล้ว
    เธอจะใจอ่อนให้เขา แล้วก็ไม่ใช่ว่าอยากเลิกหรอกนะ แต่แค่รู้สึกว่าไม่อยากปิดกั้นตัวเอง
    และไม่อยากปิดกั้นคนที่เธอรัก ไม่แน่ว่าเขาไปที่นั่น เขาอาจจะได้เจอคนใหม่ ที่ดีกว่า
    แล้วก็อยากให้เขาได้เรียนอย่างเต็มที่ ให้เขาได้ไปเรียนต่อที่ไต้หวัน
    ตามที่เขาได้ฝันไว้ ร่วมกับเธอ...
    ...
    “อยู่คนเดียว มันเหงามากนักหรือไง” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง
    เป็นเสียงที่ทำให้ดวงตาของเขา ฉายแวววูบไหวได้มากทีเดียว
    “นันท์” ใบหน้าหล่อเข้มฝืนยิ้มให้
    “ทำไมเดินมาอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ” เสียงใสยังคงเอ่ยถาม หากแต่เธอกลับไม่ได้รับคำตอบใดๆ
    “Why you forgot me easier Do you love me real?” สำเนียงภาษาอังกฤษที่ปนกลิ่นอายแบบไต้หวันมาน้อยๆ
    ทำให้ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งนาน
    “I don’t forget I never forget and I’ll not forget” ดวงตาโตของสาวน้อยฉายแวววูบไหวเล็กน้อย
    แต่ก็ไม่อาจหลบจากสายตาที่จ้องมาของชายหนุ่มได้
    “I love you NOW & FOREVER” หญิงสาวกระซิบทิ้งท้ายไว้แล้วเดินจากไป
    ปล่อยให้ร่างสูงยืนก้มหน้ามองพื้นดินเมืองไทย ราวกับว่าคิดถึงมากมายนัก
    “ฟาร์มีแฟนแล้วก็ไม่เห็นป็นไรเลย ไปดุนันท์ร้องเพลงดีกว่า ป่ะ นันท์จะขึ้นเวทีแล้ว”
    อ๊อฟ เพื่อนสนิทคนไทยคนเดียวตอนที่เขาไปเรียนไต้หวันเดินมาตบบ่าเบาๆแล้วพูดขึ้น
    “If you’re not me you’ll never know it” ทาร์ตพูดเรียบๆแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้หน้าเวที โดยมีอ๊อฟมองตามไปงงๆ
    มันจะพูดภาษาอังกฤษทำไมวะเนี่ย
    “สวัสดีค่ะ นันท์ค่ะ วันนี้จะมาร้องเพลงโปรดนะคะ If ain’t got you”
    เสียงปรบมือดังทั่วบริเวณ เว้นเพียงแต่มือคู่เดียวเท่านั้นที่ไม่ถูกขยับ มือคู่ที่เธออยากให้เขาปรบมือให้มากที่สุด
    =
    Some people live for the fortune
    Some people live just for the fame
    Some people live for the power yeah
    Some people live just to play the game
    Some people think that the physical things
    Define what's within
    I've been there before
    But that life's a bore
    So full of the superficial

    Some people want it all
    But I don't want nothing at all
    If it ain't you baby
    If I ain't got you baby
    Some people want diamond rings
    Some just want everything
    But everything means nothing
    If I ain't got you

    Some people search for a fountain
    Promises forever young
    Some people need three dozen roses
    And that's the only way to prove you love them

    And in a world on a silver platter
    And wondering what it means
    No one to share, no one who truly cares for me ~~
    =
    เมื่อร้องจบ รอยยิ้มมุมปากคลี่ออกช้าๆ เสียงปรบมือดังทั่วทั้งบริเวณงาน ไม่เว้นแม้แต่เขาคนนั้น
    สองขาสวยจึงก้าวลงจากเวทีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
    “น่ารักจังเลย แฟนใครเนี่ย” ดลเอ่ยทักพร้อมอ้าแขน ไม่แปลกเลย ที่หญิงสาวที่เพิ่งลงมาจากเวทีจะ
    ยอมรับอ้อมกอดนั้นแต่โดยดี โดยไม่พ้นสายตาของทาร์ตที่มองตามนันท์ตั้งแต่ลงเวที
    “มดขึ้นแล้วย่ะ ยัยนันท์” ฟาร์หยิกที่ไหล่นันท์เบาๆ เป็นเชิงล้อ
    “จ้าๆ อุ๊ย” นันท์พยักหน้ารับและผละออกจากอ้อมกอดของดลแต่ก็ต้องร้องเสียงดังเมื่อถูกขโมยหอมฟอดใ
    หญ่
    จากชายหนุ่ม ต่อหน้าคนตั้งมากมายขนาดนั้น ใบหน้าของนันท์จึงกลายเป็นสีแดงระเรื่อทันที
    “นันท์ไปเข้าห้องน้ำแล้ว อาจจะกลับเลยนะ เพราะคนแถวนี้ชอบฉวยโอกาส” นันท์อมยิ้มไปพูดไป
    มือหนาของดลจึงลูบหัวนันท์อย่างเอ็นดูก่อนที่นันท์จะเดินไป
    ...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×