ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF VBTwoman 2*6 5*13] "ขอให้เหมือนเดิม"

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 56


    [SF] ขอให้เหมือนเดิม

                    ไม่ต้องรักฉันจนล้นฟ้า ไม่ต้องหาถ้อยคำหวานๆ อย่างที่เคยบอกกันก็ยังซึ้งอยู่ ขอแค่รักคำเดียวเท่านั้น หมายถึงฉันคนเดียวเท่านี้ อยากจะฟังอีกทีว่าเธอรักฉัน’            เสียงเพลงเกือบเก่าที่อยู่ในเพล์ลิสต์ดังอยู่ในหูก่อนที่จะถูกปิดตอนที่เกือบจะถึงท่อนสำคัญของเพลง ไอพอดเครื่องนั้นถูกยัดลงกระเป๋า

    “ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ขอให้รักเท่าเดิม..”  ทั้งๆที่ปิดเพลงไปแล้วแท้ๆแต่คนข้างตัวกลับร้องท่อนสำคัญนั้นให้ได้ยินแบบเต็มๆข้างหูจนได้

    “แหมอร แกไม่ต้องทำหน้าเซ็งขนาดนั้นก็ได้นะ เปิดเพลงอัดหูซะดังทะลุหูฟังออกมาขนาดนั้น ฉันได้ยินก็ร้องต่ออ่ะสิ” นุศราพูดเมื่อเห็นคนข้างตัวหันมามองด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีด

    “คิดถึงแป้นหรือไงจ๊ะอร” เสียงแหบพร่าที่ดังมาแต่ไกลของกัปตันทีมทำเอาอรอุมาแทบเอาหัวตัวเองโขกโต๊ะ วิลาวัณย์เข้ามานั่งตรงข้ามแล้วมองหน้าอรอุมา

    “ก็ไม่ได้มีคนที่ชอบมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆแบบคนแถวนี้นี่” อรอุมาทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่นุศรา

    “ใครชอบใครเหรอ?” เสียงปลื้มจิตร์ดังมาจากในห้องนอน สองสาวอย่างกัปตันและอรอุมาหัวเราะกันใหญ่เมื่อเห็นนุศราสะดุ้งเฮือก หน้าแดงเป็นแถบ

    “ไม่มี๊ ฟังผิดป่ะหน่อง อรบอกว่าอรคิดถึงแป้น” สาวเซตมือทองตะโกนตอบตะกุกตะกัก

    “โอ๊ย ไอ้แป้นป่านนี้หาแฟนได้แล้วมั้ง แกะไปห่วงอะไรมัน” ปลื้มจิตร์พูดประโยคที่ทำให้อรอุมาแทบสำลักน้ำลายพร้อมกับเดินออกมานั่งร่วมโต๊ะกลางห้องกับสาวๆที่เหลือ

    เป็นไรอร” คนมาใหม่ถึงกับงงเมื่ออยู่ๆอรอุมาก็นิ่งไป

    “ตัวขัดมันติดคอ  แกไม่เคยรู้เรื่องอะไรของคนอื่นก็เงียบไปเลยไป” กัปตันทำท่าเซ็งใส่ปลื้มจิตร์

    “เอ้า อะไรวะก็คนมันไม่รู้นี่หว่า” ปลื้มจิตร์เกาหัวงงๆ ทำท่าจะเถียงกับวิลาวัณย์ต่อแต่อรอุมาขัดขึ้น

    “ช่างเหอะๆ”

    “ช่างอะไรแก ฉันบอกให้แกพูดไปเลยว่าคิดยังไง ดันทำเก๊กทำเก๋ไม่พูด แล้วเป็นไง มาอยู่นี่จะครึ่งปีแล้ว หน้าอย่างไอ้แป้นมันไปสนใจใครมีเหรอที่เขาจะไม่มาชอบมัน” นุศราพ่นออกมาเป็นชุดเหมือนอัดอั้นมาจากที่ไหนนาน ส่วนปลื้มจิตร์ตาแทบถลนออกจากเบ้าเมื่อได้รู้ถึงสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน

    “เอ้อ แล้วแกจะพุดเลยมั้ยนุศ” วิลาวัณย์ย้อนแทนอรอุมาจนนุศราหันมามองด้วยสีหน้าตกใจ อรอุมาขำก๊ากก่อนจะพูดออกมา

    “โถ่เอ๊ย ตัวเองก็ไม่บอกแล้วมาทำเป็นว่าคนอื่นเขา”

    “นี่มันอะไรกัน อรชอบแป้น อ้าวแล้วนุศ นุศชอบใคร อ้าวทำไมฉันไม่เคยรู้เรื่องเลยวะเนี่ย” ซุปตาร์หน่องแทบจะทึ้งหัวตัวเองจนหลุดติดมือออกมา

    “วันหลังก็สนใจคนอื่นบ้าง จะได้รู้ว่าคนเขาคิดยังไง” ประโยคแรกที่นุศราพูดกับปลื้มจิตร์ก็ดราม่าซะแล้ว

    “วันหลังก็กล้าๆบ้าง คนอื่นจะได้รู้ว่าคิดยังไง555555” อรอุมาได้โอกาสแซวบ้าง

    “อร! เชอะ ไปเขียนคิ้วดีกว่า เดี๋ยวลงสนามซ้อมแล้วไม่สวย “ นุศราเดินทำหน้างอนออกจากห้องพักไป

    “สู้ๆนะจ๊ะสาวราบิต้าบากู พี่เป็นกำลังใจให้” เสียงที่ตะโกนไล่หลังมาทำให้นุศรายิ้มไม่หุบ ..ขอบคุณนะหน่อง

    “มีใครจะเล่าให้ฉันฟังมั้ย เรื่องที่ฉันไม่รู้เนี่ย” ปลื้มจิตร์กลับมาทำหน้าจริงจังอีกครั้งในวงสนทนา กัปตันกิ๊ฟโบกมือเป็นเชิงให้ไปถามเจ้าตัวเอาเอง อรอุมาพยักหน้าแบบคนไม่มีอะไรจะเสียก่อนจะเริ่มเล่า

    “แกจำวันที่แป้นเข้ามาวันแรกได้มั้ย แป้นบอกว่าฉันเป็นไอดอลมัน เป็นแรงบันดาลใจในการเป็นนักตบสาวของมัน เริ่มสนิทกันเพราะความเป็นคนใต้นี่แหละ แต่ไปๆมาๆฉันว่ามันไม่ใช่ว่ะ พอมันเปลี่ยนเป็นตัวลิเบอโร่ พอไอดอลมันกลายเป็นยาย พอคนที่มันได้มีโอกาสคุยมากขึ้นไม่ใช่ฉัน ฉันก็รู้สึกแบบ ..ไม่อยากให้มันไปคุยกับคนอื่น”

    “โอ๊ยแก ฉันก็เป็นอย่างนี้กับไอ้กิ๊ฟ ไม่เห็นจะชอบมันเลยอะไรเลย เพื่อนสนิทกันเหอะแก” ซุปตาร์ยืดตัวเหมือนเบื่อจะฟังเต็มที่

    “เพื่อนสนิทเขาจูบปากกันปะวะ” อรอุมาถามอย่างไม่แน่ใจ

    “ห้ะ!! คนสองคนที่กำลังฟังอยู่ร้องเสียงหลงออกมาเกือบจะพร้อมกัน คราวนี้ซุปตาร์เด้งตัวขึ้นมาทำท่าตั้งใจฟังเต็มที่

    “ทำไมฉันไม่เคยรู้เรื่องเลยวะเรื่องนี้” วิลาวัณย์กุมขมับ

    “แล้วเป็นไง ลิ้นปะ สนุกปะ” ปลื้มจิตร์ถามท่าทะเล้น

    “ไอ้บ้า หมกมุ่นจริงแก” อรอุมาดันหน้าผากของปลื้มจิตร์ที่ยื่นมาใกล้เบาๆ

    “แค่ปากชนกันเอง คืนก่อนจะมาอ่ะ ตอนนั้นแป้นมันหลับ” อรอุมาเฉลย วิลาวัณย์กับปลื้มจิตร์ถอนหายใจ

    “ไม่แน่จริงนี่หว่า” ปลื้มจิตร์เซ็ง

    “แล้วแกนึกไงไปจูบมัน ถ้ามันตื่นจะว่าไงวะนั่น” กัปตันกิ๊ฟถาม

    “ไม่รู้ดิ มองๆแล้วก็คิดว่ามันสวยดี มันว่างๆเงียบๆไม่มีไรทำ” อรอุมาตอบนิ่งๆ

    “เจริญ” วิลาวัณย์บอกแค่นั้น มีแต่ปลื้มจิตร์ที่ทำท่าตื่นเต้นเหมือนเก็บประสบการณ์

    “โคตรเท่ว่ะอร นี่ขนาดฉันคิดว่าเขาน่ารักฉันยังไม่กล้าหวานแหววใส่เลย” อรอุมากับวิลาวัณย์มองหน้ากันเมื่อรู้ว่าปลื้มจตร์ก็มีเขาในใจเหมือนกัน

    “เดี๋ยวๆ เขานี่ใคร แกชอบใครอยู่ บอกมา” กัปตันจี้ถามจนปลื้มจิตร์รู้ตัวว่าหลุดปากพูดไปซะแล้ว ส่วนอรอุมาก็มองมาอย่างจับผิด

    “ไม่ต้องมองด้วยสายตาอาฆาตเลยอร เขาคนนั้นไม่ใช่ไอ้แป้นแน่ๆ รากฐานมั่นคงเกิน” ปลื้มจิตร์พูดเพราะรู้ว่าอรอุมาคิดอะไร

    “ทีมเราก็มีอาหารตาอยู่แค่ไอ้แป้น แกจะไปคิดว่าใครน่ารัก  เอ๊ะ..หรือว่า....” อรอุมาชี้หน้าปลื้มจิตร์แล้วพูดเองเออเองทำเสียงทะเล้น

    “หรือว่าจะเป็น ...นุศเหรอ” กัปตันรับลูกต่อจากอรอุมาเล่นจังหวะสองใส่ซุปตาร์ไปเก๋ๆ

    “เห้ย  บ้า” ปลื้มจิตร์ตอบตะกุกตะกัก

    “อ้าว ไม่ได้ทำปากเก่งเหมือนเมื่อกี้นี่” วิลาวัณย์ขำที่จับผิดได้แล้วหันไปกรี๊ดกร๊าดกับอรอุมาสองคน

    “แกดูเหมือนไม่ได้ชอบนุศเลย” ยายนาที่เพิ่งตื่นเดินงัวเงียออกมา

    “ซุปเขาปากไม่ค่อยตรงกับใจหรอกยาย” อรอุมาขำ คราวนี้ปลื้มจิตร์เป็นฝ่ายนิ่งหน้าแดงเป็นครั้งแรก ยายนาหรือวรรณาพยักหน้าสลึมสะลือเต็มที่

    “แล้วนี่รีบตื่นทำไมเนี่ย เมื่อคืนนอนตั้งดึกดื่น ไม่นอนต่อเหรอ” กัปตันทีมถาม

    “เป็นโรคคนแก่ป่ะยาย ต้องตื่นเช้าๆ555” ซุปตาร์แซว

    “เปล่าๆ นี่ว่าจะนอนยาวแล้ว ไอ้แป้นโทรมาขัดจังหวะ ไปนอนต่อล้ะนะ”  ยายนาหันหลังเดินกลับเข้าห้องโดยที่ไม่รู้ตัวว่าปล่อยเหยื่อให้ปลาตัวใหญ่เบ้อเร่อไว้

    “ยาย เดี๋ยวนะๆ แป้นโทรมาทำไม” อรอุมาพุ่งตัวจากโต๊ะไปคว้าร่างยายนาไว้

    “โอ๊ย บ่ายๆค่อยเล่า ตอนนี้ขอนอนก่อน” ร่างบางของวรรณาย่อมสู้ร่างแข็งแรงบึกบึนของอรอุมาไม่ได้อยู่แล้ว

    “โอเคโอเค มันสบายดีมันน้ำหนักลดมันแขนช้ำนิดหน่อยมันเพิ่งไปซื้อชาเย็นมันโดนด่าและมันคิดถึงพวกเรามันบอกให้ถามแกด้วยว่าทำไมแกไม่รู้จักเล่นโซเชี่ยลอื่นที่ไม่ใช่อินสตราแกรมบ้างทำไมแกไม่รู้จักซื้อโทรศัพท์ใช้สุดท้ายมันขอคุยกับแกแต่ฉันบอกว่าแกออกไปข้างนอกแบบที่แกสั่งไว้เป๊ะ” ยายนาเล่าเป็นชุดๆก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปนอนต่อในห้องปล่อยให้อรอุมายืนอยู่อย่างนั้น

    “นี่แกสั่งยายไม่ให้แป้นคุยกะแกเหรอ? นี่แกปัญญาอ่อนป่ะวะเนี่ย” ปลื้มจิตร์ทึ้งหัวตัวเองอีกรอบ

    “ล่าสุดที่คุยกันเมื่อไหร่เนี่ย” วิลาวัณย์ถาม

    “เดือนที่แล้วอ่ะ ที่แป้นโทรหานุศ ฉันเห็นมันมีความสุขดีคุยกันนานได้ยินโค้ชตะโกนแว่วๆว่ามันอู้จะทำโทษ ฉันเลยให้มันไปซ้อม พอมันโทรมาอีกเลยกลัวมันโดนทำโทษอีก พอมันว่างฉันก็ซ้อม พอมันซ้อมฉันดันว่าง” อรอุมาพูดเสียงเศร้าดึงเข้าดราม่าแบบไม่ทันตั้งตัว

    “เวลาไม่ตรงกันนี่มันแย่จังโว๊ย” กัปตันกิ๊ฟเซ็งแทนไปอีกคน

    “เป็นฉันฉันจะทำทุกทางให้เราได้คุยกัน” ซุปตาร์ทำหน้าเท่

    “ฉันก็ไม่เห็นแกคุยดีๆกับนุศเลย แซวตลอดกวนตลอดจนมันนึกว่าแกเกลียดมันแล้วมั้ง” วิลาวัณย์พูดตามความคิด

    “มันมีคนที่ชอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ มันคงไม่มาสนใจหรอกว่าฉันจะคิดยังไง” ปลื้มจิตร์ซึมไปอีกคน อรอุมาหันมามองหน้าวิลาวัณย์เป็นเชิงถามว่าจะบอกดีหรือไม่ดีว่านุศราชอบใคร กัปตันทีมส่ายหน้ารัวๆเป็นเชิงห้าม

    “ฉันก็อยากบอกแกนะว่านุศมันชอบใคร แต่ฉันว่าถ้าเขาสะดวกใจที่จะบอกเขาก็คงบอกแกเองว่ะ” วิลาวัณย์ตบไหล่ปลื้มจิตร์ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยที่กัปตันพูด

    “ว่าแต่ทำไมแกดูไม่ค่อยอยากคุยกับแป้นเลยวะ” ปลื้มจิตร์วกกลับมาเรื่องของอรอุมากะทันหัน

    “แกนี่ไม่จบ ฉันกลัวว่ามันจะบอกความจริงอะไรสักอย่างมั้ง” อรอุมาเดินกลับมานั่งที่เดิม

    “อ๋อ ความจริงประมาณว่าแป้นมีแฟนแล้ว ไรงี้อะนะ” ซุปตาร์พูดหน้านิ่งแต่คนฟังแทบเงิบ

    “แล้วตอนก่อนมาแป้นมีท่าทีกับใครเหรอวะแกถึงได้กลัวขนาดนี้”  กัปตันกิ๊ฟยิงคำถามบ้าง

    “ก็ตอนมันมาหาก่อนมาอ่ะ แป้นมันบอกว่ามันคิดว่ามันเจอคนที่ชอบ ก็อย่างที่ไอ้นุศบอกอ่ะ ถ้ามันไปบอกใครว่าชอบมีเหรอว่าเขาจะไม่ชอบมัน พอฉันถามว่าใครนะ มันก็ทำเขินเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยไม่ยอมบอก” อรอุมาถอนหายใจเฮือกใหญ่

    “ที่นั่งฟังขอให้เหมือนเดิมเมื่อกี้นี่ก็ขอให้โสดเหมือนเดิมอ่ะดิ 5555555555555” ปลื้มจิตร์หัวเราะจนตัวโยน

    “เปล่า ไอ้แป้นมันสร้างเพลย์ลิสต์นี้ให้ มันบอกเป็นเพลงของทีมเราของพวกเรา คิดถึงทีก็เอามาฟังที” อีกสองสาวพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ

    “แล้วแกไม่คิดจะบอกมันหน่อยเหรอว่าแกคิดยังไง” วิลาวัณย์ยิงคำถามที่ทำให้อรอุมาต้องถอนหายใจหนักยิ่งกว่าเก่า

    “ทุกวันนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าขอให้เหมือนเดิมของไอ้แป้นมันหมายถึงอะไร”

    “เห้ยพวกแกกกกกกกกกก!” เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะ เมื่อทั้งสามคนหันไปมองตามก็พบนุศรายืนอยู่หน้าห้องพร้อมซองจดหมาย

    “มาแล้วเว่ยตั๋วเครื่องบินกลับไทยของพวกเรา โค้ชเรียกกลับด่วนเพราะมีงานถ่ายโฆษณาของสปอนเซอร์รายใหญ่เบ้อเร่อ” สาวสวยยิ้มกว้างพร้อมกับโชว์ตั๋วเครื่องบินในมือให้คนอื่นๆดู ต่างคนก็ต่างตื่นเต้น

    “เมื่อไหร่วะแก?” ปลื้มจิตร์ดึงตั๋วจากมือนุศราไป

    “จริงๆตั๋วส่งมาตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว แต่มันมีปัญหาเรื่องที่อยู่ เราต้องกลับกันวันนี้เย็น”

    “ห้ะ!!” ทุกคนตกใจพร้อมกันเหมือนนัดมา

    “ไม่ต้องห้ะแล้วแก อย่าลืมเก็บกระเป๋า โค้ชติดด่อทีมเราทางนี้ให้แล้ว อย่าลืมไปลาเพื่อนร่วมทีมนะจ๊ะ ฉันไปซ้อมล้ะ ลงไปเมื้อกี้พอดีเจอตั๋วนี้ก่อนเลยวิ่งขึ้นมา อ้อ อย่าลืมบอกยายด้วย” นุศราโบกมือลาแล้ววิ่งออกไปอีกครั้ง ปลื้มจิตร์กับวิลาวัณย์มีท่าทีตื่นเต้นกับตั๋วเครื่องบินในมือ ต่างกับอรอุมาที่มองมันด้วยสายตาที่ไม่สื่อความหมายอะไร เพียงแต่นึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนที่จะมา
    ...

    “จะไปแล้วก็คิดถึงแย่ดิ” สองแขนโอบเอวอรอุมาจากทางด้านหลัง เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของปิยะนุชไม่ใช่ใครอื่น

    “ชอบคุณนะที่เมื่อคืนมานอนด้วย” อรอุมายิ้มจางๆ นึกถึงที่ตัวเองจูบริมฝีปากนั้น เมื่อคืนก็ดูจะกลายเป็นคืนที่ทำให้ใจเธอเหวี่ยงไปหวั่นไหวมาเสียยิ่งกว่าอะไร พอมาตอนเช้าเห็นเจ้าตัวทำมุ้งมิ้งน่ารักใส่ก็ยิ่งแอบรู้สึกผิด

    “เป็นอะไรหน้าเครียดจัง” ปิยะนุชคลายอ้อมกอดแล้วนั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

    “แกไม่รู้หรอก” อรอุมาส่ายหน้า

    “เอ้า ไม่บอกแล้วจะรู้มั้ยเนี่ย แล้วนี้อีกไม่ถึงสองชั่วโมงจะไปแล้ว ยิ้มให้มันสดใสหน่อยไม่ได้หรือไงเนี่ยคนเขาอุตส่าห์มาส่ง” ปิยะนุชกอดอกทำท่าน้อยใจ

    “ส่งจริงๆต้องที่สนามบินนู่น” อรอุมาดันหัวคนตัวเล็กกว่าขำๆ

    “แฟนคลับพี่อรเยอะจะตาย ไม่อยากไปรุมแย่งกับคนอื่นเขา” ปิยะนุชยังคงค้างท่าเดิม

    “ขอบคุณนะที่มา ขอบคุณจริงๆ” คราวนี้อรอุมายิ้มหวานให้อย่างจริงใจ คนที่เมื่อกี้ดูท่าว่าจะงอนกลับอมยิ้มตามเสียดื้อๆ

    “เอาไอพอดมา” ลิเบอโร่หน้าหวานแบมือขอสิ่งหนึ่งจากอีกฝ่าย

    “เอาไปทำไม” ถึงจะถามอย่างนั้นแต่อรอุมาก็หยิบไอพอดของตัวเองส่งให้ปิยะนุชอยู่ดี

    “ไปเนี่ยก็ไม่รู้จะไปนานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าที่โน่นเป็นยังไง เบอร์มือถือของที่นู่นก็ไม่รู้จักซื้อใช้ เอานี่ไปฟังเล่นๆแล้วกันเผื่อเหงา เผื่อคิดถึงพวกเรา” ปิยะนุชพูดไปก้มหน้าก้มตามองไอพอดไป เสร็จแล้วก็เงยหน้า ยื่นไอพอดเครื่องเดิมคืนให้อีกฝ่าย  เสียงเพลงดังขึ้นพร้อมๆกับที่อรอุมายื่นมีไปรับพอดี

    ไม่ต้องรักฉันจนล้นฟ้า ไม่ต้องหาถ้อยคำหวานๆ อย่างที่เคยบอกกันก็ยังซึ้งอยู่ ขอแค่รักคำเดียวเท่านั้น หมายถึงฉันคนเดียวเท่านี้ อยากจะฟังอีกทีว่าเธอรักฉัน

    ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ขอให้รักเท่าเดิม ไม่ต้องมีเพิ่มเติม แต่รักไม่น้อยลงไป ไม่ต้องรักจนชั่วนิรันดร์ ตราบที่ฉันนั้นยังหายใจ ขอให้เหมือนเดิม ขอให้เหมือนเดิม” ลิเบอโร่หน้าหวานร้องคลอตามเพลงอย่างตั้งใจ ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่น้ำตาเกือบไหล ปิยะนุชหยุดร้องเมื่อเห็นอรอุมานิ่งไป

    “เป็นไรพี่อร” คนถามทำหน้าเครียด

    “ซึ้งแปป” อรอุมาหลุดขำน้อยๆทั้งที่น้ำตาคลอ

    “โอ๋ พี่อรมือตบของเค้า ไม่เอาไม่ร้องนะ” ปิยะนุชลุกขึ้นไปกอดอรอุมาแล้วเอาหัวซบไหล่ อรอุมายิ้ม ตั้งใจจะบอกความจริง

    “แป้น คือพี่...”

    “อ๊อออออออออออน ไปได้แล้วรถมาแล้ว” เสียงของปลื้มจิตร์ดังออกมาจากหน้าประตูห้อง สองคนถอยห่างออกจากกัน

    “คือพี่..”

    “ไอ้อ๊ออออออน โค้ชจะกินหัวแล้ว เปิดประตู๊” อรอุมาจะพูดต่อแต่ปลื้มจิตร์ยังตะโกนไม่หยุด ปิยุนุชบุ้ยไปทางประตูประมาณว่าเปิดเถอะ อรอุมาจึงเดินไปเปิดประตูให้ปลื้มจิตร์

    “ชักช้าว่ะแกนี่ ไหนกระเป๋าอ่ะ ไปไวๆ” ปลื้มจิตร์เข้ามามองหากระเป๋าของอรอุมา

    “เออนี่ๆ แกเอาลงไปเดี๋ยวฉันคุยกับแป้นแปปนึง” อรอุมาลากกระเป๋าส่งให้ปลื้มจิตร์

    “อ้าวแป้น อยู่ด้วยเหรอ เออๆไวๆนะแก” ปลื้มจิตร์ส่งเสียงทักเมื่อเห็นอีกคนอยู่ในห้องแล้วหันไปพยักหน้ากับอรอุมา

    “แป้นว่าพี่อรไม่ต้องพูดแล้ว ไว้เดี๋ยวค่อยโทรคุยอะไรงี้ก็ได้ ไปสายเดี๋ยวโค้ชว่า” ปิยะนุชยิ้มจางๆให้อีกฝ่าย

    “แต่อย่าลืมฟังขอให้เหมือนเดิมนะ55” ลิเบอโร่สาวขำเล็กน้อยเมื่อตัวเองพูดย้ำให้อีกคนฟังเพลงเดิมอีกครั้ง อรอุมาพยักหน้าแล้วมองหน้าปิยะนุชเต็มๆตา ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราจะได้เจอกันอีกในเร็วๆนี้หรือบางทีอาจจะอีกนาน คิ้วสวยๆตากลมๆจมูกที่โด่งเป็นสันและริมฝีปากบางที่เธอเองได้สัมผัสมาเมื่อคืน อรอุมาตั้งใจมองภาพนั้นราวกับจะจดจำทุกๆอย่างเอาไว้ มันอาจจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เธอจะเจอคนตรงหน้า แต่ไม่ว่าจะกี่วินาทีที่ต้องห่างกัน มันไม่เคยดีสำหรับเธอเลย ไม่เคยมีอะไรดีเวลาที่เราจะต้องห่างจากคนที่เราห่วงที่สุดเลยสำหรับอรอุมา

    “มองอย่างกับไม่เคยเห็น” ปิยะนุชทำท่าจะจิ้มตาอรอุมาแต่อรอุมาเบี่ยงตัวหลบ

    “ไม่ต้องมองแล้ว มากอดที” ลิเบอโร่สาวหน้าหวานอ้าแขนรับอ้อมกอดจากอรอุมา เป็นกอดที่บางทีนึกถึงแล้วก็อบอุ่นแต่บางทีนึกถึงแล้วก็เหงาแบบสุดๆ

    “โชคดีนะ” ปิยะนุชพูด มาถึงตรงนี้อรอุมาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรจะทำอะไร ได้แต่ยิ้มเหมือนที่เคยทำ ทั้งๆที่ในใจอยากจะคว้าคนตรงหน้ายัดใส่กระเป๋าไปด้วยเป็นไหนๆ

    ...

    “เห้ย อร อร” อรอุมาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากปลื้มจิตร์

    “เป็นอะไร เล่นเอ็มวีหรือไงวะ” ปลื้มจิตร์ถามเมื่ออรอุมาหันมามองหน้า

    “เปล่าๆ แกก็เรียกซะดัง ตกใจหมด”

    “ไป เรียกยาย เก็บของ” กัปตันกิ๊ฟชวน ทั้งสามคนลุกแยกกันไป

    ...

    ไม่รู้ว่าเพลงเดิมๆถูกเปิดไปกี่รอบแล้วตั้งแต่เธออยู่บนเครื่องบินลำนี้แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูท่าว่าเธอจะฟังมันแบบไม่มีเบื่อ นคนที่นั่งข้างๆเบื่อไปแทน

    “ปิดเพลงสักนิดมั้ยแก” นุศราสะกิดเพื่อให้คำแนะนำกึ่งบังคับ อรอุมายิ้มน้อยๆแทนคำตอบ

    “โอ๊ย เบื่อคนมีความรักว่ะแหม” พอเห็นท่าว่าอรอุมาจะไม่ปิดเพลงแน่แล้วนุศราก็ส่งเสียงแกมประชดออกมา ปลื้มจิตร์ที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับขำ

    “ตัวเองก็มีไม่ใช่เหรอความรักอะ” ปลื้มจิตร์แซว นุศราทำตาโต ส่วนวรรณากับวิลาวัณย์ที่นั่งอยู่เบาะข้างหลังก็เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

    “มีความรักแต่เขาไม่รักเรานี่นับเป็นความรักมั้ยนะ” ปลื้มจิตร์พูดต่อนิ่งๆ นุศราขมวดคิ้ว

    “หน่องชอบใครอยู่เหรอ?” ถามเสียงอ่อย เตรียมตัวผิดหวังเต็มที่

    “ไม่เอาเลย นุศบอกมาก่อนดิ” ปลื้มจิตร์บอกปัด

    “เห้ยไม่เอา ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะบอก” นุศราบอกปัดอีกคน กัปตันกับยายนาลุ้นกันแทบจะพูดแทน

    “เห้ย แต่ฉันอยากรู้” ปลื้มจิตร์พูด

    “นี่ก็พูดไม่คิดเลย ฉันจะไปกล้าบอกได้ไงว่าฉันชอบแก” นั่นนนน นุศรายกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไม่ทัน สองคนข้างหลังกรี๊ดกันเงียบๆไม่กล้าทำเอะอะ ส่วนปลื้มจิตร์ดูเหมือนจะยังนึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายหมายความว่ายังไง

    “อ้าว นุศชอบฉันเหรอ อ้าว งั้นฉันไม่บอกแล้วนะว่าฉันชอบใคร” ปลื้มจิตร์ขำน้อยๆแล้วยิ้มอย่างผู้ชนะ นุศราได้แต่หน้าแดง

    “จริงๆก็ไม่ได้อยากรู้เรื่องที่ทำให้ตัวเองเจ็บหรอก” นุศราหันหน้าหนี ทั้งอายทั้งเสียใจ

    “นี่ๆ” ซุปตาร์หน่องสะกิด แต่อีกฝ่ายยังนิ่ง

    “ไม่อยากรู้เรื่องที่จะทำให้เรามีความสุขเหรอ?”  ปลื้มจิตร์ถาม นุศราหันมามองทำหน้างงๆ

    “เรา..เหรอ?”

    “เรา ปลื้มจิตร์กับนุศรา” ปลื้มจิตร์ยิ้มแล้วก็ย้ำ นุศราหน้าแดง

    “อ่ะ ว่ามา” นุศราตั้งใจฟัง ปลื้มจิตร์ไอ

    “แค่กแค่ก แค่ก อะ ไอเลิฟยู”

    “อ้วกกกกกกกก” ไม่ใช่เสียงปลื้มจิตร์ ไม่ใช่เสียงนุศรา ส่วนอรอุมาแน่นอนว่าเธออยู่ในโลกของเพลงไปเรียบร้อย เจ้าของเสียงนั้นก็คือยายนากับวิลาวัณย์นั่นเอง

    “เห้ย แอบฟังเหรอ” ปลื้มจิตร์กระซิบกระซาบกับเบาะเกรงใจผู้โดยสารคนอื่นๆ

    “เพิ่งรู้หรือจ๊ะ” วรรณาขำ

    “รู้ว่านุศชอบฉันแล้วก็ทำเป็นไม่บอก  ร้ายที่สุด” ปลื้มจิตร์หันไปบ่นใส่วิลาวัณย์ที่เจ้าตัวได้แต่ยักไหล่เหมือนไม่ใส่ใจ

    “เดี๋ยวหน่อง ไอเลิฟยูคืออะไร” นุศราถามยิ้มๆ

    “ไม่รู้ก็ไม่อธิบายแล้วน่า” คนตัวสูงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทั้งๆที่จริงๆใจเต้นแทบจะทะลุ

    “เบื่อซุปตาร์ขี้เก๊กจริงจริ๊ง” นุศรายิ้มขำ อย่างน้อยก็รู้ว่าใจคนสองคนมันตรงกันแล้วแหละน่า

    “เบื่อก็เบื่อไป ยังไงก็ได้อยู่ด้วยกันอีกนานใช่ปะ?” ปลื้มจิตร์ถาม นุศรายิ้มแทนคำตอบ ต่างคนต่างยิ้มได้ไม่นานนักสองมือก็เลื่อนมาประสานกันไปตลอดทาง

    “เหมือนหัวใจเต้นอยู่ที่มือเลยว่ะ” ปลื้มจิตร์หัวเราะทั้งที่ยังกุมมือของคนที่รักไว้แน่น

    ...

    “เห้อ ถึงสักทีบ้านเรา” กัปตันกิ๊ฟทิ้งตัวลงที่เตียงห้องพักอย่างเหนื่อยอ่อน

    “เก็บของแล้วก็ไปงานเลี้ยงต้อนรับเรากัน” นุศราโผล่หน้ามาบอกวิลาวัณย์กับปลื้มจิตร์

    เมื่อสาวๆจากต่างแดนต่างเดินออกมาจากห้อง อรอุมาเพิ่งจับสังเกตได้ว่าปลื้มจิตร์กับนุศราตัวติดกันกว่าปกติจึงกระซิบถามวิลาวัณย์

    “ยังไงคู่นั้น”

    “โอ๊ย แกมัวแต่ติดอยู่ในหูฟังเนี่ย พลาดฉากสารภาพรักเลย อุตส่าห์ได้นั่งที่วีไอพีติขอบสนาม ดันฟังเพลงไม่สนใจไปซะได้” กัปตันกิ๊ฟบ่น อรอุมาทำหน้าไม่ถูกเมื่อรอบตัวมีแต่คนรักกันเต็มไปหมด

    “เอ้า ถึงร้านแล้วพวกเรา เตรียมตัวเข้าไปอย่างผู้มีชัย” นุศราพูดอย่างมีอารมณ์ขัน สี่ขาก้าวเดินหน้าไปพร้อมๆกันแต่มีเพียงคนเดียวที่ถอยหลังออกมา

    “ไอ้อร แกอย่าลีลาเยอะได้มั้ย ถ้ามันจะมีใครสักคนมันคงบอกแกไปนานแล้วแหละ” ปลื้มจิตร์ดึงแขนอรอุมาให้เดินเข้าไปในร้านพร้อมๆกัน

    บรรดาโค้ชจองห้องคาราโอเกะแบบส่วนตัวสุดๆเพื่อต้อนรับการกลับมาของสาวๆในทีมทั้ง5คน เมื่อทั้งหมดก้าวเข้าไปในห้องทุกคนที่รออยู่แล้วก็ส่งเสียงเฮฮาต้อนรับกันอย่างสนุกสนาน ทั้งๆที่ใจนึงก็ไม่อยากเจอแต่สายตาของอรอุมากลับมองหาลิเบอโร่คนสำคัญในทีม แต่ดูเหมือนว่ากวาดสายตาจนทั่วแล้วก็ยังไม่เจออยู่ดี

    “เห้ยเพลงนี้ใครขอวะ” เสียงโค้ชอ๊อดถาม

    “โค้ชร้องเลย คนเลือกเพลงไม่รู้ไปไหนแล้ว”  เพียวหรืออัจฉราพรน้องเล็กของทีมพูดขึ้นเมื่อเห็นโค้ชถือไมโครโฟนอยู่แล้ว

    “เห้ยไม่ร้องเว่ยเพลงผู้หญิง ไม่มีใครร้องก็ข้ามไป” โค้ชอ๊อดบอกปัด

    “โค้ช อรมันจะร้องมันบอกมันชอบเพลงนี้” ปลื้มจิตร์ชี้ไปยังอรอุมาที่ได้ที่นั่งอยู่ตรงริมสุดของโซฟาติดประตู

    “ไหน เอามาดิเพลงอะไร...” อรอุมาที่นั่งยิ้มคุยเฮฮากับเพื่อนร่วมทีมรับไมโครโฟนมาจากโค้ชอ๊อดแล้วก็ต้องนิ่งไปเมื่อเห็นชื่อเพลง เพลงนั้น เพลงเดิม เพลงที่เธอไม่เคยร้องมันจบสักที

    “ไอ้ปลื้ม บอกเลยว่าไม่โกรธแต่จองเวร” อรอุมาพูดใส่ไมโครโฟนแล้วชี้ที่ปลื้มจิตร์ขำๆแต่ในแววตายังคงมีรอยเศร้าแฝงอยู่ ทุกคนในห้องขำตามแม้ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามที

    ไม่ต้องรักฉันจนล้นฟ้า ไม่ต้องหาถ้อยคำหวานๆ อย่างที่เคยบอกกันก็ยังซึ้งอยู่ ขอแค่รักคำเดียวเท่านั้น หมายถึงฉันคนเดียวเท่านี้ อยากจะฟังอีกทีว่าเธอรักฉัน” อรอุมาร้องถึงท่อนนี้แล้วยื่นไมโครโฟนไปกลางห้อง

    ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ขอให้รักเท่าเดิม ไม่ต้องมีเพิ่มเติม แต่รักไม่น้อยลงไป ไม่ต้องรักจนชั่วนิรันดร์ ตราบที่ฉันนั้นยังหายใจ ขอให้เหมือนเดิม ขอให้เหมือนเดิม” ทุกคนช่วยกันร้องอย่างตั้งใจ สมกับที่เพลงนี้ถูกปิยะนุชยกให้เป็นเพลงของทีมจริงๆ บรรยากาศครอบครัว การซ้อม ความอบอุ่นทุกอย่างกำลังจะกลับมา

    ประตูข้างๆตัวของอรอุมาถูกเปิดโดยคนคนหนึ่งที่เธอทั้งอยากเจอและไม่อยากเจอในเวลาเดียวกัน อรอุมาหยุดร้องเพลงในขณะที่คนอื่นยังคงร้องต่อไป นุศราสะกิดปลื้มจิตร์และวิลาวัณย์เมื่อเห็นการพบกันของคนสองคน

    “อ้าว สวัสดีพี่อร” เสียงใสนั้นเอ่ยทักเป็นครั้งแรกในรอบครึ่งปี

    “ว่าไง” อรอุมายิ้มให้คนตรงหน้า ยิ้มให้คนที่เธอคิดถึงมาตลอดเวลา ยิ้มให้ ปิยะนุช แป้นน้อย

    .....................................................................................................................................................................................

    .
    .
    .
    .
    .
    .

    เย่ มาแล้วฟิคตอนแรก

    คิดชื่อฟิคไม่ออก55555

    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นล่วงหน้าน๊า เรื่องนี้มีหน่องซาร่าด้วย 55

    หวังว่าทุกๆคนจะชอบกันนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×