[บอส*น้ำ ] ความกล้า - [บอส*น้ำ ] ความกล้า นิยาย [บอส*น้ำ ] ความกล้า : Dek-D.com - Writer

    [บอส*น้ำ ] ความกล้า

    โดย zzyzx

    ผู้เข้าชมรวม

    796

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    796

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 เม.ย. 57 / 01:52 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                      ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมการกระทำของเขาเปลี่ยนไปในทุกๆวัน ฉันไม่เข้าใจอารมณ์ขึ้นๆลงๆและแววตาขี้เล่นนั้น ฉันไม่เข้าใจทุกครั้งที่เขาเดินมาใกล้ แต่กลับหันหน้าห่างออกไป และแน่นอนว่าฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะสนใจเขาไปเพื่ออะไร

                      “พี่น้ำ!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังของหญิงสาวที่กำลังมองเหม่อไปจนสุดสายตา เป็นเสียงเรียกจากคนที่เธอกำลังนึกถึงอยู่นั่นเอง

                      “มีอะไรครับบอส” เธอถามกลับแทนคำขาน

                      “เขาจะกลับบ้านกันแล้วพี่” ชายหนุ่มกวักมือเรียก สักพักเสียงผิวปากร้องกรี๊ดกร๊าดก็ดังมาจากกลุ่มแฟนคลับรวมไปถึงเพื่อนของพวกเขาเองที่เห็นคู่จิ้นเรียกกันออกหน้าออกตา หรือ อาจจะเป็นเพราะคนกลุ่มนี้จับจ้องด้วยล่ะมั้ง ที่ทำให้อะไรๆมันก็ไม่ชัดเจนขึ้นมาเสียที หญิงสาวยิ้มตอบรับทุกคนก่อนจะเดินไปขึ้นรถ นี่เป็นการทำงานในวันแรกๆหลังจากที่เธอได้รับตำแหน่งThe comedian Thailandมาหมาดๆ แม้จะไม่ได้มีใครรู้จักหรือทักทายมากมายนักอย่างคนมีชื่อเสียงอื่นๆ แต่รอยยิ้มและกำลังใจจากแฟนคลับที่มีให้มันก็มากพอที่จะทำให้เธอเผลอยิ้มกับตัวเองหลายๆหนที่พยายามก้าวเข้ามาในจุดนี้

                      “ฉันไม่รู้ว่าฉันชอบเขาหรือเปล่า”  เธอว่าพลางปัดผมม้าที่เป็นเอกลักษณ์นั้นให้เข้าทรง เธอกำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟชื่อดังในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองและคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามและร่วมวงสนทนากับเธอก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเพื่อนสนิทที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่ทั้งน้องทั้งแอดมินและช่างภาพประจำตัว เธอไม่เคยนึกหรอกว่าคนคนหนึ่งจะสามารถทำให้เธอได้ขนาดนี้ จนมาเจอ”ว่าน”คนนี้นี่แหละ

                      “น้ำ ฉันว่าแกเพ้อเจ้อ ออกมาจากบ้านก็ยังไม่เลิกคิดอีก ไม่มีใครเขาคิดนานแบบแกหรอก” คนฟังพูดทั้งที่ยังเคี้ยวขนมเต็มปาก

                      “ก็ตอนนั้นฉันรู้สึก แกคิดว่าการอยู่ร่วมบ้านกับใครสักคนที่สนิทกันรู้ใจกันตั้งสามเดือนมันจะไม่ทำให้เกิดความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมาสักแวบหนึ่งเลยเหรอวะ” ตากลมโตนั้นฉายแวววูบไหวเล็กน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะทิ้งตัวถอนใจพิงโซฟา

                      “บอกตรงๆฉันก็ไม่รู้ว่ะ ไม่เคยอยู่บ้านเดียวกับใคร อีกอย่างฉันก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขาของแกเนี่ยเป็นคนแบบไหน” ยังคงเคี้ยวขนมอยู่เช่นเดิมหากแต่ในแววตาแฝงความจริงจังในการตอบมากขึ้น

                      “ฉันเชื่อมั่นในแกนะน้ำ แกเป็นแชมป์เลยนะเว่ย แกสวยถึงแม้แกจะไม่มีแฟนแต่แกก็มีฉัน มีเพื่อนๆเรา มีแฟนคลับ ไม่ว่าแกจะชอบเขาหรือไม่ชอบฉันก็เชื่อว่าแกจะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้พวกเราเห็นอยู่ดี ไม่ว่าแกจะมีเขาหรือไม่มีแกก็ยังเป็นลูกน้ำคนเดิมอยู่ว่ะ” เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่การจับมือของเพื่อนทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด

                      “ถ้าฉันชอบเขาล่ะ” เธอถามอย่างกล้าๆกลัวๆ

                      “ชอบก็ชอบดิ มันไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลย มันเป็นเรื่องของแกกับเขาแค่สองคน” รอยยิ้มของลูกน้ำปรากฎแทบจะทันทีที่ได้รับคำตอบ มีเพื่อนดีนี่มันดีจริงๆเลยน๊า

                      ...

                      คุณว่ามันจำเป็นหรือเปล่ากับการที่ผมต้องหาเรื่องเอาเท้าไปแตะเท้าเธอตอนกินอาหาร มันจำเป็นหรือเปล่ากับการที่เดินผ่านแล้วต้องลูบผมเธอทั้งที่เธอแก่กว่า มันจำเป็นมั้ยที่จะต้องร้องเพลงให้เธอฟังตามที่เธอขอแล้วผมก็เลือกเพลงนั้น หรือมันจำเป็นหรือเปล่าที่จะต้องบอกคนอื่นว่าเธอแอบมองผมทั้งที่จริงๆแล้วถ้าผมไม่แอบมองเธอก่อนผมจะรู้ได้ยังไงว่าเธอมองมา

                      “ระวังจะทุกข์” พี่เอ้เคยบอกกับผมไว้ว่าอย่างนั้น แต่ผมไม่เคยรู้สึกว่ามันน่าจะเป็นคำพูดที่น่าใส่ใจเลยสักนิด จนกระทั่งผมเริ่มจะรู้สึกอึดอัดกับตัวเองที่ตอบคำถามเรื่องคู่จิ้นด้วยเสียงหนักแน่นค่อนไปทางแข็งกระด้างว่าเราเป็นพี่น้องกัน นอกจากเธอจะขำน้อยๆในลำคอ นอกจากคนอื่นจะต่อคำถามไม่ถูก ผมเองก็ยังรู้สึกอยากตีปากตัวเองอยู่ในใจ

                      “ไม่ได้ชอบน้ำใช่มั้ย” อยู่ๆพี่นัทก็ตบบ่าผมแล้วถามคำถามชวนจุก

                      “คือผมไม่ได้...” เป็นอีกครั้งที่ปากไวเกินไปกว่าหัวใจและความคิด

                      “พี่รู้ว่าน้ำมันคิดอะไร พี่รู้เพราะพี่เห็นมันมองแกตลอด พี่รู้เพราะพี่มองน้ำมาตลอดเหมือนกัน” ประโยคสุดท้ายเสียงพี่นัทแผ่วลงเหมือนกับไม่อยากจะให้ผมได้ยินนัก ผมอึ้งไปนิดหนึ่งกับสิ่งที่เพิ่งได้รู้

                      “ผมไม่กล้าหรอกพี่ ผมดีไม่พอ ผมออดิชันตั้งหลายรอบกว่าจะได้เข้ามา อย่างเก่งผมก็เล่นดนตรีได้ แต่ถ้าถามเรื่องร้องเรื่องเต้นหรือการแสดง ผมไม่มีอะไรที่ดีพอสำหรับเขาเลยสักนิด ตอนแรกผมคิดว่าจบซีซันเราอาจจะได้ใกล้กัน เราคงจะได้อันดับใกล้ๆกัน แต่มันไม่ใช่  กลายเป็นผมเองที่เอื้อมไม่ถึงพี่น้ำเลยสักนิด พี่เขากลายเป็นแชมป์ไปแล้ว” ผมพึม พำงึมงำกับพี่นัท

                      “ไม่มีใครบอกว่าคนที่ไม่ดีพอจะไม่พอดี ไม่มีใครบอกว่าความรักที่มีต้อง ดีมากพอ จริงมั้ยล่ะ” พี่นัทตบบ่าผมอีกครั้ง เป็นครั้งที่ทำให้ผมฉุกคิดขึ้นได้ ผมมัวแต่ปิดประตูให้กับความรู้สึกนี้ทั้งๆที่พี่น้ำดีกับผมมาโดยตลอด ผมมัวแต่พูดจาล้อเล่นครื้นเครงกับคนอื่นอย่างสนุกปากโดยที่ลืมนึกถึงความรู้สึกของพี่น้ำ ผมมัวแต่อายกับการที่จะยอมรับว่ารู้สึกดีๆกับใครสักคน ทั้งๆที่ผมเป็นผู้ชายแต่กลับปล่อยให้พี่น้ำต้องโดนแซวโดนว่าอยู่ฝ่ายเดียว

                      มันไม่สำคัญว่าทำไมผมถึงชอบเอาเท้าไปแตะเท้าเธอตอนกินข้าว แต่มันสำคัญที่เธอและผมไม่ได้ขยับเท้าหนีกันไปไหน

                      มันไม่สำคัญว่าเธอจะแก่กว่าผมหรือจะเด็กกว่าผม ถ้าหากการลูบผมของเธอทุกครั้งคือความตั้งใจ

                      มันไม่สำคัญว่าทำไมผมถึงร้องเพลงให้ฟังตามที่เธอร้องขอ แต่มันสำคัญที่เนื้อเพลงที่ผมเลือก เพื่อให้เธอ

                      มันไม่สำคัญว่าใครจะมองใครก่อนหรือมองใครมากกว่าใคร แต่มันสำคัญที่ถ้าเราหันมามองกัน มันคงจะดีกว่านี้มากมายต่างหาก

                      ...

                      บรรยากาศงานปาร์ตีฉลองแชมป์ของลูกน้ำที่จัดขึ้นหลังจากกรประกาศผลได้หนึ่งเดือนนั้นดูร่าเริงสดใสสมกับเจ้าของงาน บรรดาเพื่อนฝูงรวมไปถึงครูๆที่เคยสอนกันมาตั้งแต่อยู่ในบ้านมาร่วมงานกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง อันที่จริงวันนี้เจ้าของงานอย่างลูกน้ำนั้นแต่งตัวสวยเป็นพิเศษจนคู้จิ้นของเธอเองนั้นยังอดมองไม่ได้

                      “วันนี้ดูดีนี่” บอสพูดขึ้น เขาเดินตามเธอมาตั้งแต่เห็นเธอเดินมาหลบอยู่มุมหนึ่งของงาน

                      “อืม” คนที่วันนี้สวยเป็นพิเศษตอบนิ่งๆอย่างชินชาเหมือนว่าเขาชมเธอแบบปกติทั่วๆไป

                      “อันที่จริงผมไม่ได้คิดว่าพี่สวย” คนหนุ่มยักคิ้วกวน อีกฝ่ายขำในลำคอเหมือนจะรู้ทันอยู่ในใจว่าชายหนุ่มชมเธอได้ไม่นาน

                      “ผมแค่คิดว่าพี่น่ารัก มีสเน่ห์กับทุกๆการแสดงออก ผมคิดว่าพี่ดั้งแหมบนะ แถมยังหัวเราะเสียงดังน่ากลัว แต่ไม่รู้ทำไมทุกการกระทำของพี่มันส่งผลโดยตรงต่อหัวใจของผมตรงนี้” คนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเปลี่ยนเป็นความไม่เข้าใจพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรง

                      “จะสื่ออะไรเนี่ย ไม่สบายปะ” ลูกน้ำถามอย่างติดตลกแล้วเอื้อมมือจะจับหน้าผากเป็นเชิงวัดไข้ แต่ข้อมือเล็กนั้นถูกคว้าไว้ คนสูงกว่ากุมมือของเธอไว้อย่างมีความหมาย

                      “ผมขอโทษที่ผมไม่เคยบอก ขอโทษที่คิดแต่ไม่พูด ผมคิดถึงรอยยิ้มของพี่ คิดถึงการที่มีพี่เดินเวียนวนอยู่ใกล้ๆผมทั้งวัน คิดถึงท่าเต้น คิดถึงเสียงหัวเราะ ผมคิดถึงการมีพี่ คงเพราะว่าผมชอบพี่มากล่ะมั้ง” บอสพูดสีหน้าจริงจัง

                      “เห้ย ชอบพี่มากแล้วแม่นาคไม่ว่าเหรอ” คนสวยเล่นมุกแล้วช๊อตท่าเดิมอย่างที่เคยทำ แต่ครั้งนี้หน้าแดงเป็นพิเศษ แถมเสียงหัวเราะและรอยยิ้มยังกว้างกว่าครั้งไหนๆ

                      “เราเป็นคนรักแล้วเลิกรักยาก เราเสียใจนิดๆกับการที่บอสนิ่งเวลาคนอื่นล้อเรา แต่เชื่อไหมเราคิดว่าเราฝันไปเองมาโดยตลอดที่บอสจะออกมาเถียงแทนหรือจะมาบอกเราว่าจริงๆแล้วบอสคิดยังไง” ลูกน้ำพูดแล้วยิ้มจางๆ

                      “แต่วันนี้พี่ไม่ได้ฝันนะ” บอสหยิกแก้มคนตรงหน้าเบาๆ

                      “รู้แล้วค้าบบบบ” ลูกน้ำตอบยิ้มๆ

                      ความรักของคนสองคนไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นจะต้องไปรับรู้ ความรักเป็นอะไรที่ดำเนินเรื่องโดยคนสองคน ระหว่างทางอาจจะมีคนอื่นยื่นมือเข้ามามากมายแต่สุดท้ายแล้วมือของสองคนนั้นต้องประคับประคองกันไปเอง เขาโชคดีที่เธอไม่เคยโกรธหรือโมโหกับการกระทำของเขา ไม่เคยรุนนแรงกับความรู้สึกของเขาเลย และเธอก็โชคดีที่เขารู้ตัว โชคดีที่เขายอมเปิดรับความรู้สึกดีๆนั้นให้เข้าไป สุดท้ายคนสองคนอาจจะไม่ได้เดินข้างกันแบบคนรักหรืออะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่มีค่าที่สุดนับจากวันนี้ก็คือความทรงจำที่มีร่วมกัน (: 

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×