ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Frozen Guardian[JFxElsa fiction] : การกลับมาของราชินีหิมะ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ และ ตอนที่หนึ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 57


     
                

     

     

                     กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...ยังมีชายหนุ่มอยู่ผู้หนึ่ง  เขาออกเดินทางไปทุกๆ ที่ที่สองขาของเขาจะสามารถพาไปได้  บางทีก็เป็นภูเขาสูงใหญ่  หลายครั้งข้ามผ่านท้องทะเลกว้าง  หรือบางครั้งก็ผ่านทุ่งหญ้งสีเขียวที่เชื่อมต่อเข้ากับเส้นขอบฟ้า  และเมื่อยามเช้าของปลายฤดูหนาวมาเยือน เขาก็เงยหน้าขึ้นมองทิวทัศน์เบื้องหน้า

                     สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของเขาก็คือ สีน้ำเงินเข้มของมหาสมุทรกว้างใหญ่ตัดกันกับสีฟ้าใสของท้องฟ้าที่มีริ้วเมฆสีขาวจางๆ  สายลมแรงจากทะเลพัดเข้ามาจนรู้สึกหูอื้อไปหมด...แต่ถึงอย่างนั้น เสียงพูดคุยกันจ้อกแจ้กของผู้คนที่ดังมาจากตัวเมืองก็ยังคงสดใสมีชีวิตชีวา

                     เขาหันหน้าไปมองยังหอนาฬิกาสูงที่อยู่กลางจัตุรัสซึ่งปูด้วยหินเป็นก้อน  เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงวันดังก้องกังวาลไปทั่วทีเดียว...สองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายสลับกับตัวบ้านหลากสี  เขาเดินผ่านร้านขนมปังที่มีกลิ่นหอมกรุ่นออกมาทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าตัวเองเก็บคุกกี้ชิ้นหนึ่งไว้ในกระเป๋า แต่ก่อนที่จะทันได้หยิบมันออกมา เสียงร้องแกว้กๆ จากนกนางนวลก็เรียกให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมอง...

                     แสงแดดของเวลาเที่ยงตรงกำลังสาดส่อง...เขามองเห็นปราสาทที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า

                     ตัวปราสาทนั้นเป็นสีขาวสลับฟ้าราวกับหิมะในหน้าหนาว และหากตาของเขาไม่ได้ฝาดไป...ส่วนของหลังคาสีฟ้าใสนั้นคงจะก่อสร้างขึ้นมาจากผลึกน้ำแข็งจริงๆ  แต่จะอะไรก็คงไม่เท่าสิ่งที่กำลังสะท้อนวับเข้าตาของเขาอยู่ในขณะนี้...
                     ชายหนุ่มหรี่ตาลง แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะละสายตาได้...เหนือยอดปราสาทนั้นเองเป็นที่ประดับของเกล็ดหิมะแก้วสีฟ้าใสราวผลึกน้ำแข็ง  หากแต่เป็นน้ำแข็งที่ยังคงส่องประกายได้แม้จะอยู่ภายใต้แสงแดดแรงจัด

                     เป็นที่นี่จริงๆ...เขารู้ตัวดีว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ที่ใด และความรู้สึกนั่นก็ทำให้เขายิ้มออกมา 


                     ที่นี่ คือมหานครแห่งแอเรนเดลล์!  สถานที่ซึ่งไม่ว่าใครต่างก็รู้ว่าเบื้องหลังบานประตูหนาใหญ่นั้นมีความลับอันเปี่ยมไปด้วยเวทมนต์ซุกซ่อนอยู่

                     แต่จะมีสักกี่คนกันนะที่รู้...

                     ว่าเบื้องหลังมนตรานั่น คือเรื่องราวที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิต

     

     

                                                                                          1

     

                    “ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนแล้วนะคะ...” สุรเสียงหวานเรื่อยนั้นเบายิ่งราวปรารภกับตัวเอง

                    เกศาสีอ่อนถูกตลบเป็นเปียไว้หลวมๆ สอดสลับไปด้วยเกล็ดหิมะแก้วสีฟ้าใส แลดูเข้ากันกับฉลองพระองค์ยาวเข้ารูปที่ช่วยส่งให้วรองค์๋แบบบางยิ่งดูระหง  งามสง่าราวกับราชินี

          

                    “อีกไม่นานหิมะก็คงจะละลายหมด..."
                   
                    เนตรสีฟ้าอ่อนที่ช้อนมองยังแผ่นหินขนาดใหญ่สองแผ่นเบื้องหน้านั้นฉายแววลึกซึ้งยิ่ง...

                    นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้มาที่นี่...คงจะนานเท่าๆ กับที่หิมะสีขาวสะอาดหากเย็นเยียบนั่นเคยปกคลุมไปทั่วทุกที่ ไม่เว้น...แม้ในหทัยของเธอเอง!

                   ริมโอษฐ์สีชมพูสดแย้มออกเป็นรอยสรวลน่ามอง

                   "ประตูวังที่พวกท่านเคยปิดไว้ถูกเปิดออกแล้ว"

                   และเป็นการเปิดอย่างถาวรสมอย่างที่เคยภาวนาเอาไว้...หิมะเอ๋ยจงละลายไปเถิด ความหนาวเย็นเอ๋ยจงโบกมือลา

                   ถึงคราเสียทีที่สายลมอันอบอุ่นอ่อนหวานจะมาเยือน!
                   
                   เอลซ่าหรี่พนะเนตรลงนิดหนึ่งเมื่อความรู้สึกร้อนวาบแล่นปราดขึ้นมาจนถึงพระอุระ คำสาปที่เคยตามหลอกหลอนตลอดมาถูกทำลาย แต่ทว่า...

     

                    "คงดีเหมือนฝัน ถ้าหากว่าพวกท่านจะ..." รับสั่งที่เหลือดูเหมือนปลิวหายไปพร้อมๆ กับลมแรงวูบหนึ่งที่พัดผ่านมา

                    ถ้าพวกท่านจะไม่ลงเรือลำนั้นและเดินทางไปเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าแบบนี้...

     

                    ตุ้บ!!
     

                   ลูกบอลหิมะขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือตรงเข้าปะทะกับดวงพักตร์ขาวนวลเต็มแรง ผู้ทรงศักดิ์เป็นราชินียกพระหัตถ์ขึ้นป้ายเอาเศษหิมะเย็นเยียบนั้นออก พร้อมกวาดเนตรที่ไปทั่วบริเวณอย่างเอาเรื่อง
     

                    ใคร!

                   เสียงสรวลใสๆ ของใครบางคนดังขึ้นอย่างสุดกลั้น แต่เมื่อสายตาร่าเริงไปปะทะเข้ากับดวงเนตรเย็นๆ ดุๆ ที่ถูกประทานมาให้ เจ้าของเสียงนั้นก็ชักจะยิ้มแหย...

                    “อันนา...สุรเสียงที่เอ่ยเรียกผู้เป็นทั้งน้องสาวและเจ้าหญิงของอาณาจักรนั้นเย็นเยียบ จนอีกฝ่ายชักจะรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ

                    “ดะ...เดี๋ยวก่อนเอลซ่า ฉันไม่ได้เป็นคนทำนะ” เจ้าหญิงอันนารีบปฏิเสธเป็นพัลวันก่อนจะเบือนพระพักตร์ไปทางชายหนุ่มซึ่งกำลังยืนอยู่ข้างๆ กันนั้นเอง 

                   “คริสตอฟฟ์ต่างหาก!

     

                   “อ้าว? เดี๋ยวก่อนสิอันนาคนถูกพาดพิงถึงรีบประท้วงขึ้นทันที พร้อมกับส่ายหน้าเสียจนเส้นผมสีทองสวยราวกับผู้หญิงนั้นพลิ้วกระจาย ไม่ใช่ฝีมือกระหม่อมนะองค์ราชินี!
     

                    เอลซ่าทอดพระเนตรยังจำเลยทั้งคู่สลับกัน 
     

                    “ตกลงฝีมือใคร?”

     

                    “เขา! / เธอ! เฮ้!!ทั้งคู่ตะโกนขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนที่จะหันไปแยกเขี้ยวใส่กันเอง

     

                    “ไม่ใช่ฉันนะ!
     

                    “ไม่ใช่ฉันเหมือนกัน!

     

                    ตุ้บ!

     

                    คราวนี้กระสุนหิมะพุ่งเข้าใส่พระอังสาของเจ้าหญิงอันนาเต็มแรง เธอยกหัตถ์ขึ้นปัดมันออกก่อนที่ดวงเนตรใสแจ๋วจะตวัดมองหาคู่กรณี...

                    เอลซ่าน่ะหรือ? ไม่ใช่แน่นอน

                    ถ้าอย่างนั้นล่ะก็...

     

                    “คริสตอฟฟ์....สุรเสียงใสดังขึ้นอย่างคาดโทษ พร้อมๆ กับวรองค์โปร่งที่ก้มลงคว้าเอาหิมะเบื้องล่างขึ้นมาปั้นเป็นก้อนกลม

     

                    “นี่แน่ะ!
     

                    ตุ้บ! มันพุ่งตรงเข้าเป้าคือใบหน้าของคนขนน้ำแข็งหนุ่มพอดิบพอดี เขายกมือขึ้นปัดหิมะออกพร้อมยิ้มอย่างสนุกสนาน

                    “จะแข่งปาหิมะกันเหรอ ได้สิ...
     

                    และแล้วสงครามปาหิมะย่อมๆ ก็เกิดขึ้นเบื้องพระพักตร์ราชินีแห่งแอเรนเดลล์ ซึ่งได้แต่เพียงส่ายพระพักตร์น้อยๆ อย่างระอา...

                     เด็กจริง เด็กพอกันทั้งคู่!

     

                    “เอาล่ะ...พวกเธอหยุดเล่นกันได้แล้...

     

                    ตุ้บ!!

     

                    โดยที่ไม่มีใครคาดคิด กระสุนหิมะปริศนาก็พุ่งตรงเข้าสู่พระพักตร์ของราชินีอีกครั้ง...เท่านั้นเอง อีกสองคนที่กำลังโจมตีใส่กันอย่างสนุกสนานก็ตัวแข็งนิ่งอยู่กับที่ทันทีราวต้องคำสาป

     
                    แย่แล้วสิงานนี้!
     

                    หัตถ์ขาวค่อยๆ ยกขึ้นปัดเอาเศษหิมะออก...เนตรสีฟ้าที่เคยสวยพราวราวภูติหิมะ บัดนี้ส่อแววเย็นยะเยือกไม่ต่างอะไรกับน้ำแข็งก้อนโต
     

                    และทันใดนั้นเอง!

     

                    อยู่ๆ สายพระเนตรเย็นเยียบก็กลับทอประกายวาววาม พร้อมกับริมโอษฐ์สีสดที่แปรเปลี่ยนเป็นรอยสรวลขี้เล่นอย่างที่เจ้าหญิงเอลซ่าเคยส่งประทานให้กับผู้เป็นน้องในสมัยยังทรงพระเยาว์
     

                    “พวกเธอกำลังท้าแข่งกับราชินีหิมะนะ!เธอตรัสอย่างร่าเริง ก่อนที่จะวาดหัตถ์ทั้งสองขี้นสลับกันไปมาจนเกิดเป็นหิมะก้อนใหญ่เท่าๆ กันกับหัวของตุ๊กตาหิมะขึ้นกลางอากาศ

     

                    “ตกลงเมื่อกี้ฝีมือใคร?” ทรงตรัสถามอีกครั้งพร้อมกับยกขนงขึ้นข้างหนึ่ง

     

                    “เขา! / เธอ!สิ้นคำนั้น ทั้งคู่ก็หันไปเผชิญหน้ากันอีก ไม่ใช่ฉันนะ!

     

                    “โอ้...ไม่ต้องแย่งกันหรอก เดี๋ยวพี่จัดให้พวกเธอทั้งคู่เลย” สิ้นดำรัสนั้น วรองค์บางก็พุ่งตรงเข้าไปหาบุคคลทั้งสองที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าพร้อมๆ กับกระสุนหิมะยักษ์ที่พร้อมโจมตี!

     

                    “เหวอ...หนีเร็วคริสตอฟฟ์!

     

                    “แยกกันวิ่งไปคนละทางนะ!

     

                    “คิดว่าทำแบบนั้นแล้วจะรอดเหรอ?” เอลซ่าขยับริมโอษฐ์ขึ้นข้างหนึ่งเป็นรอยสรวลเก๋ ก่อนที่จะวาดพระหัตถ์ขึ้นแล้วเสกหิมะก้อนใหญ่ขึ้นมาอีกลูก
     

                    “ว้าย พี่เอลซ่า! ไม่เอานะ

     

                    และแล้วเสียงสรวลใสๆ ของสองราชนิกูล ซึ่งคลอมากับเสียงหัวเราะห้าวๆ ของชายขนน้ำแข็งก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ พร้อมๆ กับสายลมแรกของฤดูใบไม้ผลิที่พัดผ่านมาอย่างรื่นเริง

     

    ***

        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×