ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    my plot! พลิกแผนร้าย กลายเป็นรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 : doesn't love???

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ย. 57



     
             "บอกมาสิว่าจะให้ฉันทำอะไรบ้าง" ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยๆ รอฟังคำสั่งจากผู้ชายทั้งสอง เพื่อแลกกับการได้โอปอลและแมทซ์สุดที่รักคืนมา
             มิชชั่นต้องคอมพลีท!!!
             "ก็ไม่มีอะไรมาก รอฟังคดีแล้วมาช่วยกันคิดน่ะ"
             "แค่นี้เองเหรอ"
             "มันไม่ง่ายอย่างที่เธอคิดนะ"
             "เฮอะ~ มันง่ายหรือยากก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับฉันนี่นา แค่ฉันได้คนรักกลับมาก็พอแล้ว"
             "เธอคิดอยู่แค่นี้เนี่ยนะ"
             "แล้วจะให้ฉันคิดอะไรล่ะ!" ฉันเริ่มขึ้นเสียง จะโมโหแล้วนะ! จะให้คิดอะไรอีกก็ไม่รู้ จะให้ฉันยอมพลีชีพเพื่อช่วยเขาทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้อะไรเนี่ยนะ ฝันไปเถอะ! คนเราทำอะไรก็ต้องได้ประโยชน์ทั้งนั้นแหละ ฉันไม่ใช่มูลนิธิช่วยเหลือคนหล่อหรอกนะ U_U
             "คนที่ทำเพื่อผลประโยชน์ไม่มีทางทำสำเร็จหรอก"
             ฮึ่ย! เจ็บจี๊ด เจ็บหนัก ทำไมอีตาไอจินี่ต้องมาพูดแทงใจฉันด้วยเล่า เสียหน้าหมด!
             "ก็ได้ๆ ฉันยอมก็ได้"
             ฉันตีหน้าเศร้า แต่ใจไม่เศร้าตามหรอก! ฉันแค่ไม่อยากให้สองคนนี้ยกเลิกสัญญาก่อนที่จะทำสำเร็จน่ะ
             ย้ำ!!! มิชชั่น 'ต้อง' คอมพลีท!!!
             "โอเค ทีนี้เราจะเริ่มวางแผนตามล่าหาโอปอลกันแล้วนะ"
             สองคนนี้ต้องเป็นคนคิดชื่อชมรมแน่ๆ คิดชื่อแผนสดยังได้ขนาดนี้เลย ฉันล่ะทึ่ง O_O
             ว่าแต่แมทซ์หายไปไหนล่ะ ทำไมมีแต่ตามล่าหาโอปอลอย่างเดียว
             "เรื่องแผนขอเป็นหน้าที่ของนายได้มั้ย ฉันคิดแผนไม่ค่อยเก่งน่ะ" ฉันตอบปฏิเสธ แต่ก็โดนโซลขัดไว้ซะก่อน "อย่าเพิ่งไปไหน พวกเราต้องเอาข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขามาก่อน"
             ฉันไม่ได้เถียงอะไร เพียงแค่ชี้ทางให้เขา "นายถามฉันมาก่อน เดี๋ยวฉันจะพาพวกนายไปทัศนศึกษาที่ห้องของเขาก่อนเขาจะไป"
             "โอเค ขั้นแรก บอกชื่อ นามสกุลของเขา ข้อมูลส่วนตัวด้วย บอกมาให้หมด"
             ฉันบอกเขาไป เขาก็จดยิกๆๆ ใส่สมุดโน้ต คาดว่าเป็นเล่มที่เขาไว้ออกตรวจพื้นที่มั้ง (เอ๊ะ ไม่ใช่ตำรวจนะ)
             "ขั้นที่สอง เขามาอยู่บ้านเธอนานหรือยัง"
             "ประมาณสองเดือน ตั้งแต่ต้นปิดเทอมหนึ่งน่ะ จนกระทั่งเปิดเทอมสองมาหนึ่งเดือน ก็คือเมื่อวาน"
             "ขั้นที่สาม ก่อนหน้านี้เธอเคยทะเลาะกับเขาบ้างหรือเปล่า"
             "ไม่เคย ตั้งแต่คบกันมาเราไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง"
             "งั้นเหรอ แปลกแฮะ ขั้นที่สี่ เขาชอบไปที่ไหนบ่อยที่สุด"
             "บ่อยสุดก็โรงเรียนอ่ะ"
             "ไม่เอาโรงเรียนเซ่ เอาที่อื่นน่ะ เข้าใจมั้ย"
             "ถ้าไม่ใช่ที่โรงเรียน ก็ร้านคอฟฟี่ช็อปข้างพาราก้อนน่ะ เขาไปกับฉันบ่อยๆ บางครั้งก็ไปคนเดียว"
             "แล้วที่ไหนที่เขาไปคนเดียวบ่อยที่สุด"
             "ก็คอฟฟี่ช็อปนั่นแหละ ปกติเขาจะชอบนั่งโต๊ะในสุด มุมขวา"
             "งั้นเหรอ เดี๋ยวฉันขอไปสำรวจห้องดูก่อน แล้วเราค่อยไปหาเขาที่นั่นกัน :)" โซลยิ้มอย่างมั่นใจ เขาเดินหายเข้าไปในห้องพร้อมกับไอจิ แต่ฉันไม่ได้เข้าไปด้วย เพราะกลัวว่าฉันจะเข้าไปขัดขวางการทำงานของเขาเปล่าๆ
             ว่าแล้วฉันก็สำรวจห้องเขาบ้างดีกว่า~
     
             12.00 น.
             โซลบอกว่าควรจะเปลี่ยนสถานที่ไป เพราะนี่ก็จะเที่ยงแล้ว เวลาอาหารกลางวันเขาไม่น่ามานั่งจิบกาแฟที่คอฟฟี่ช็อป เราก็เลยบึ่งตรงไปที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งแทน
             ...เป็นร้านประจำของแมทซ์และฉัน
             ว่าแล้วก็คิดถึงเวลานั้นจัง
             รถสปอร์ตคันหรูของฉันเบรกเอี๊ยดเมื่อถึงภัตตาคารแห่งนั้น เราเดินเข้ามา ใช้เวลาหาไม่นานก็เจอแมทซ์และหญิงสาวอีกคนหนึ่งนั่งป้อนข้าวกันอย่างสนิทสนม
             ฉันมั่นใจว่าใช่เขาแน่ๆ
             เขาไม่รักฉันแล้วจริงๆ
             ในเมื่อเขาไม่แคร์ฉันแล้ว ฉันก็ต้องไม่แคร์เขาบ้าง ฉันต้องไม่รู้สึกอะไร ต้องตีหน้านิ่งเป็นเจ้าหญิงน้ำแข็ง เพราะนี่คือคาแร็กเตอร์ของฉัน เวลาฉันโกรธ
             เมื่อเดินเข้ามาใกล้ ทำให้ฉันเห็นหน้าของผู้ชายคนนั้นชัดเจนขึ้น จนฉันกล้าฟันเฟิร์มหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่าเขาคือแมทซ์ แต่ฉันไม่รู้จักผู้หญิงข้างๆ ไม่รู้อะไรมาดลใจฉันให้รีบเดินแล้วไปถามผู้หญิงคนนั้นว่าเธอเป็นใคร
             "คุณเป็นใคร"
             อุตส่าห์ใช้คำสุภาพแล้วนะ ให้รู้ๆ กันไปเลยว่าฉันเป็นคนดี!
             "แล้วหล่อนเป็นใคร" หญิงสาวปริศนาสวนกลับอย่างห้วนๆ กล้าใช้คำแทนฉันว่า 'หล่อน' นะยะ :( 
             "ฉันถามเธอก่อน ตอบฉันมา!" ฉันเริ่มเดือดแล้วนะ! ตอบฉันมาเร็วๆ ก่อนที่ฉันจะลากเธอไปลงกระทะทองแดง กล้าอ่อยแฟนฉันเรอะ!
             "ยัยนี่ชื่อฮันนี่" แมทซ์ตอบแทนหญิงสาวปากเสีย เขารู้นะว่านี่คือฉัน แต่เขาไม่สนใจอะไรเลย โอเค...ฉันต้องไม่รู้สึก ท่องไว้ว่าฉันต้องไม่รู้สึก "ว่าแต่เธอมาได้ไง"
             "ทำไมฉันจะมาไม่ได้" ฉันตอกกลับอย่างห้วนๆ เหมือนที่แฟนใหม่ (น่าจะ) ของเขาทำ "ไม่มีกฎห้ามฉันเข้านี่ นายมีปัญหาเหรอ"
             "เปล่าๆ ฉันแค่ไม่คิดว่าเธอจะมา"
             "ฉันมาได้ทุกที่นั่นแหละ ถ้าอยากมา ตกลงผู้หญิงคนนั้นคือใคร และเป็นอะไรกับนาย"
             "แฟน"
             เขาตอบกลับมาพยางค์เดียว สั้นๆ แต่ได้ใจความ ชัดเลย เขามีแฟนใหม่แล้ว เขาไม่แคร์ฉันแล้ว ฉันไม่ได้มีความสำคัญกับเขาอีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาที่ฉันคงต้องถอยแล้วสินะ
             จังหวะนั้นเอง ยัยฮันนี่ก็เดินออกมาควงแขนเขาอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของสุดๆ เห็นแล้วก็อดโมโหไม่ได้ ฉันกะจะโวยวายเขาอยู่แล้วเชียว แต่เขาก็ขัดขึ้นมาก่อน
             "มากับใคร"
             สัมผัสได้ว่าความรู้สึกห่วงใยที่เราเคยมีให้กันมันขาดผึงไปเรียบร้อยแล้ว คำพูดแต่ละคำ ณ ตอนนี้ มันแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก มันแสนจะห้วน ประโยคหวานๆ ต่างก็ลอยไปกับสายลม ไม่สิ ลอยไปกับยัยฮันนี่ต่างหาก! เขาพูดน้อยแทบนับคำได้ แถมสายตาที่ส่งมาให้ดูเหมือนจะไล่ฉันไปกลายๆ ด้วย
             โอเค...ฉันยอมรับแล้ว...ทุกอย่างจบลงแล้ว
             "แฟน"
             ฉันตอบคำถามของเขากลับไปด้วยคำเดียวกับที่เขาตอบมา ให้มันรู้ๆ กันไปเลยว่าระหว่างเรามันจบกันแล้ว อย่าได้เห็นหน้ากันอีก
             "แฟน?!!!" แมทซ์กระแทกเสียงดังลั่น ถ้าเป็นสมัยก่อนฉันคงดีใจน้ำตาไหลพรากไปแล้ว แต่ตอนนี้ความรู้สึกเหล่านั้นกลับหายหมด เขาเล่นทำร้ายจิตใจฉันให้มันแหลกเหลวไม่มีชิ้นดีแบบนี้ อย่าหวังว่าฉันจะรู้สึก!
             "เออ ทำไม :)" ฉันพูด พลางส่งยิ้มปีศาจไปให้ เล่นเอาเขาหงายเงิบ ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะมาง้อยังไงฉันก็ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก มันจบไปตั้งแต่ที่เขาบอกว่าเขามีแฟนใหม่แล้ว ในเมื่อเขากล้าพูด เขาก็ต้องกล้าฟังด้วย คนอย่างฉันเกลียดง่ายแต่รักยากนะบอกก่อน
             น่าแปลก...ตรงที่ทำไมฉันเลิกชอบเขาได้เร็วจัง
             ชั่วพริบตาเดียว คำพูดคำเดียว คนคนเดียว จะทำให้ฉันเลิกรักเขาได้ยังไงกัน
             ...หรือฉันไม่ได้รักเขาแต่แรกแล้วนะ
             ฟึ่บ
             โซลเดินมาเคียงข้างฉัน ฉันจึงใช้แขนข้างหนึ่งควงแขนเขาไว้ แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของสุดๆ แลบที่ยัยฮันนี่ทำ
             ขอบคุณพระเจ้าที่เขาไม่ขัดออกมา
             เขาคงมองเหตุการณ์อยู่ตลอดสินะ...ถึงรู้ว่าฉันอยากให้เขาช่วย
             "นี่เหรอ!!! แฟนใหม่เธอ!!!"
             "ใช่ ทำไมฉันจะทำไม่ได้ ฉันก็แค่ทำอย่างที่นายทำ" ฉันพูดเสียงเรียบๆ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ฉันพอจะรู้ว่าทำเลาะกับเขาด้วยความเงียบจะทำให้เขาเจ็บได้มากที่สุด
             เยื่อใยของเรามันขาดไปแล้ว...ขาดไปแล้ว...ขาดไปแล้ว...
             "เธอจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!!!" แมทซ์หน้าแดงด้วยความโกรธจัด ฉันไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้มาก่อนเลย ทำไมกัน
             "ฉันทำไม่ได้? แล้วทำไมนายทำได้ล่ะ ;-)"
             รอยยิ้มนางร้ายของฉันถูกส่งไปให้อดีตแฟนผ่านคำพูดอีกครั้ง ฉันไม่เคยทำร้ายเขามาก่อนเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก และเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะทำ เพราะเราจะจบกันแค่นี้
             "โอเค...ในเมื่อเราไม่ได้รักกันแล้ว เราจบกันเถอะ" พูดจบ ฉันก็จับมือโซลแล้วพาเขาเดินออกมา ไอจิก็ตามมาด้วย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอก ประเด็นของฉันคือ...
             มือของโซลอุ่นดีจัง >///< (ขอใส่อีโมหน่อยเถอะ จากไรท์)
             เอ้ย!!! ฉันคิดอะไรลงไปเนี่ย ไม่ได้ หยุดๆๆ พิงค์เบลล์ เธอห้ามรักคนที่เพิ่งเจอกันนะ เธอต้องท่องไว้เสมอว่า จงเกลียดง่ายแต่รักยาก!
             ฟึ่บ~
             เย้ยยย! อีตาแมทซ์ยังตามมารังควานอีกเหรอ ฉันว่าฉันตัดบทได้แรงกระแทกใจแล้วนะ อย่าตามมา! ฉันบอกแล้วว่าเราจบกัน! หูหนวกหรือไง -_-
             เขาวิ่งมาจับแขนฉัน
             "อย่าเพิ่งทิ้งฉันไป"
             ฉันไม่สน...ไม่สนเลยแม้แต่นิดเดียว
             "ใครล่ะที่ทิ้งฉันก่อนแล้วชิ่งไปอยู่กับคนใหม่!"
             "ฉัน...ไม่ได้ตั้งใจ" เขายกมือขึ้นลูบหน้าด้วยความสำนึกผิดสุดๆ ฮึ! ฉันไม่สนใจ ฉันไม่มีวันฟังคำหลอกลวงพวกนั้น!
             "ไม่ฟัง! นายมาเก็บของที่บ้านฉันด้วย!"
             เสียใจด้วยที่ใจฉันแข็ง ฉันตัดใจจากเขาอย่างง่ายดายและเดินออกมาจากบริเวณนั้น
             เสียงโหวกเหวกของแมทซ์ยังดังมาแตะหูฉัน แต่ฉันไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยิน คือ
     
             'ฉันยังรักเธออยู่นะ อย่าเพิ่งจากฉันไปเลย...'
     
             แต่ก็ไม่สะทกสะท้านฉันอยู่ดี อย่าฝันว่าฉันจะกลับไปดีกับเขาอีก ถ้ารักฉันจริง แล้วที่ควงแฟนใหม่มาด้วยมันหมายความว่ายังไง ขอเชิญใช้ประโยคหวานๆ พวกนั้นกับแฟนใหม่ของเขาเถอะ
             ฉันไม่แคร์!!!
     
             -writer-
             หลังจากที่พิงค์เบลล์และอีกสองคนกลับไปแล้ว ร่างบางในชุดลำลองธรรมดา อายุไม่น่าเกินยี่สิบก็เดินออกมาหาอดีตแฟนของพิงค์เบลล์ พลางเปิดประเด็นด้วยคำถามที่เขาไม่อยากจะตอบนัก
             "ไง ได้ข่าวว่าทำแผนไม่สำเร็จนี่ แมทซ์ :) ฉันเลือกผิดคนหรือเปล่าเนี่ย"
             "ตั้งแต่ทำแผนมา ยัยนั่นไม่เคยดื้อขนาดนี้เลยนะ"
             "นายไปทำอะไรให้เค้าไม่พอใจหรือเปล่า เค้าน่าจะง้อนายนะ ถ้าไอ้หมอนั่นไม่ได้มาด้วย"
             เขารู้ดีว่า 'ไอ้หมอนั่น' หมายถึงใคร
             "ฉันรู้น่า ฉันก็ไม่นึกว่าไอ้หมอนั่นจะมาด้วยนี่นา พวกเราไม่ได้สั่งให้มันไปจีบเธอสักหน่อย"
             "ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย ฉันว่านายพา 'อาวุธ' ออกมาเร็วเกินไปน่ะ เท่าที่ดูๆ ยัยนั่นเหมือนไม่ได้รักนายนะ"
             "ก็ฉันอยากได้เงินเร็วๆ นี่"
             "ตามใจนายล่ะ นายจะทำยังไงก็ทำ ถ้าจะให้ฉันช่วยเหมือนเดิมก็รีเควสต์มานะ แต่ถ้านายทำไม่สำเร็จ เงินนายก็ปิ๋ว"
             "ฉันคงต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อยน่ะ อาจจะต้องใช้เวลาประมาณเดือนนึง เพื่อไม่ให้เธอสงสัยฉันเป็นคนแรก"
             "ใจเย็นๆ หน่อยก็ดีนะแมทซ์" ร่างบางเปลี่ยนไปให้คนตรงหน้าใจเย็นลงแทน เพราะกลัวเสียแผน "ฉันว่านายบ้าเงินเกินไปแล้ว ไม่สงสารเค้าบ้างหรือไง"
             "อืม ฉันจะพยายามนะ เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่ากำจัดเธอให้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ฉันก็พยายามรีบอยู่นี่ไง ยังไม่พอใจอีกเหรอ"
             "เอาให้มันได้แน่ๆ ก่อนแล้วค่อยเร่งเซ่!" ร่างบางขึ้นเสียงเล็กน้อย ก่อนจะตัดบท เพราะนึกขึ้นได้ว่าตนเองมีเรียนต่อ "ฉันจะรอ"
             "อืม...เดี๋ยวฉันไปเก็บของก่อนแล้วกัน"
     
             -pinkbell- 
             ที่บ้าน
             พวกเราแวะทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่งเพื่อกันเป็บซินกัดกระเพาะ หลังจากที่กินกันอิ่มแล้ว ไอจิก็ขับกลับมาบ้านฉันโดยไม่แวะอะไรทั้งนั้น และทั้งสองคนก็ยังคนยืนยันคำเดิมว่าจะมาอยู่บ้านฉัน
             ฉันไล่แล้วนะ แต่ไม่ไป
             แมทซ์เข้ามาเก็บของตามคำสั่งฉัน หลังจากเก็บของเสร็จฉันก็ไล่เขาตะเพิดอย่างกับหมูกับหมา ไม่รู้บาปหรือเปล่านะ แต่ฉันทำไปแล้ว TOT
             "เธอยังรักมันอยู่มั้ย" โซลเริ่มบทสนทนาทันทีที่แมทซ์จากไป ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย สงสัยถ้าห้องเงียบบ้านเขาคงระเบิดมั้ง
             เปรียบเทียบไม่สร้างสรรค์เลยฉัน
             คำตอบแรกที่แว้บเข้ามาในหัวฉันคือ 'ไม่รัก' แต่ฉันว่ามันก็จริง ไม่มีใครที่จะทนได้หรอก ทั้งโดนนอกใจ โดนหักหลัง  โดนตะคอกใส่อย่างไร้เยื่อใย ใครจะไปทนยะ! ยิ่งนิสัยโกรธง่ายแบบฉันด้วย ไม่! มี! ทาง!
             ฉันตัดสินใจตอบเขาไปอย่างที่คิด
             "ไม่...ฉันคิดว่าฉันไม่เคย 'รัก' เขาด้วย" จริงๆ นะ ฉันคิดว่าฉันไม่เคยรักเขา อาจจะแค่ชอบ เพราะดูจากการตัดสัมพันธ์ของเขา ฉันไม่เจ็บปวดเลย มันก็ไม่น่าจะถึงขั้นรักอ่ะ ส่วนที่ฉันเป็นบ้าหลังจากที่เขาหายไป ก็คงเป็นเพราะตกใจมากไปหน่อยน่ะ
             สีหน้าของโซลและไอจิดูเหวอไปเลยจากคำตอบของฉัน แหงล่ะสิ พวกเขาคงไม่คิดว่าฉันที่กรี๊ดแทบจะบ้าตอนที่ได้ข่าวแฟนหายจะมาบอกว่าไม่ได้รักแฟน แต่มันคือเรื่องจริงจ้า ฉันไม่ได้หลอกตัวเองนะคะ ^O^
             ไอจิดูเหมือนจะตั้งสติได้ก่อน เขาหันมาถามเพื่อคาดคั้นความจริงจากฉัน
             "ไม่เคยรัก? ทำไมล่ะ"
             มันไม่ใช่คำถามที่ตอบยาก เพียงแต่หาคำพูดมาตอบไม่ได้เท่านั้นแหละ
             "ก็...ฉันรู้สึกว่าทำไมฉันไม่สนใจเขาเลย ถ้าฉันรักเขาจริง ฉันจะตัดเขาไปแบบนี้ไม่ได้ ฉันเลยคิดว่าตัวเอง...ไม่ได้รัก"
             สีหน้าช็อกอีกหนึ่งชอตแห่งปีจ้ะ
             "แล้วทำไมเธอต้องเสียใจขนาดนั้นตอนที่ไอ้หมอนั่นหายไปด้วยล่ะ -*-"
             "ฉันไม่ได้เสียใจ ฉันแค่ตกใจต่างหาก!"
             "อ้อ! โอเค ตอนนี้ฉันว่าเรายังไม่ควรไปคาดคั้นไอ้หมอนั่นนะ ดูท่ามันมีพิรุธยังไงชอบกล"
             ฉันทำหน้างง พิรุธอะไรของเขา หรือว่าฉันเซ่อจนไม่ทันสังเกตสีหน้าของอีตาแมทซ์นะ
             "ก็ตอนแรกมันนำเสนอแฟนใหม่มันเต็มที่ แต่พอตอนหลังมันทำเหมือนหวงเธอยังไงไม่รู้ ฉันก็เลยคิดว่า..."
             "ว่า?"
             "มันต้องมีแผนอะไรบางอย่าง ตอนแรกไม่ก็ตอนหลังมันทำเสียแผน อาจจะลืมบท เพราะถ้ามันพูดออกมาจากใจจริง ต่อให้พูดล้านครั้งก็เหมือนกัน"
             จริงของโซลนะ ตอนนั้น ฉันเองก็งงๆ อยู่เหมือนกัน ทำไมการกระทำของเขามันกลับไปกลับมา สิ่งที่โซลพูดมาฉันก็เห็นด้วยอยู่ลึกๆ แหละ คนพูดความจริงมันจะไม่เป็นแบบนี้แน่
             แถมในจดหมายยังเขียนว่า 'ฉันไมาได้รักเธอแล้ว' อีก!
             "ฉันว่ามะรืนนี้...วันจันทร์ใช่มั้ย เธอลองไปคุยกับมันดูสิ มันหนีไม่พ้นหรอก อยู่ห้องเดียวกันทั้งวัน" ไอจิพูดบ้าง กลัวไม่มีบทหรือไงยะ
             "เขาไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับฉันน่ะสิ"
             "นั่นไม่ใช่ปัญหา...เธออยู่โรงเรียนเดียวกับมันหรือเปล่าล่ะ"
             "อยู่สิ"
             "ตราบใดที่มันยังอยู่ในรั้วโรงเรียน มันหนีพวกฉันไม่พ้นหรอก"
             นี่เขาไม่ได้วางแผนฆาตรกรรมแมทซ์ใช่ม้ายยย
     
             วันจันทร์
             วันหยุดทั้งสองวันเป็นไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีอุบัติเหตุ และไม่มีปาฏิหาริย์ ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำสักเท่าไหร่ เราสามคนก็นั่งคุยๆ กันไปเพื่อขจัดความเหงา
             การที่ฉันไม่มีแมทซ์เข้ามาในชีวิตเป็นเวลาสองวันไม่ค่อยมีผลต่อการดำรงชีวิตของฉันเท่าไหร่ ฉันก็ยังอยู่ได้ อาจจะเป็นอย่างที่ฉันพูดจริงๆ ก็ได้ ฉันไม่เคยรักเขา
             วันนี้ฉันมาโรงเรียนเช่นเคย ไม่มีอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น ฉันไม่รู้เป็นโรคอะไร เวลามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้น เช่นของหายติดกันสามอันในหนึ่งสัปดาห์ แฟนหาย (อย่างที่เป็นอยู่) ฉันจะชอบนึกว่าเป็นลางสังหรณ์ชักใยไปในทางที่ไม่ดีเสมอๆ แต่ถ้าเกิดเรื่องดี เรื่องดีก็จะตามมาอีกเช่นเดียวกัน
             ตอนเย็นหลังเลิกเรียน โซลและไอจิบอกว่าจะมารับฉันที่ห้องแล้วพาไปดูชมรมด้วยกัน ฉันจะได้ไปทำความรู้จักกับคนอื่นๆ ด้วย ก็ดีเหมือนกัน
             ยัยโอปอลมาโรงเรียนสายกว่าทุกที ปกติเธอจะมาหลังจากฉันประมาณสิบนาที แต่วันนี้เธอกลับมาเฉียดเพลงชาติดัง ส่วนแมทซ์หายตัวไปเลย O_o
             หมดโอกาสค้นฟ้าหาความจริงสิฉัน
             ทุกๆ เช้า ฉันกับกลุ่มเพื่อนสนิทจะมาตั้งวงคุยกัน แต่วันนี้ยัยโอปอลไม่มาคุยด้วย นางเอาแต่หมกอยู่กับโทรศัพท์ เปิดโปรแกรมแชท แล้วส่งข้อความหาใครก็ไม่รู้ พอฉันเดินเข้าไปขอดู นางก็รีบปิดอย่างกับแอบนินทาฉันลับหลัง
             เอ๊ะ หรือว่าจริง
             ฉันไม่ควรคิดร้ายกับเพื่อน ฉันรู้ แต่ก็ควรจะคิดเผื่อไว้ก่อนนะ
             เพลงชาติดังขึ้น ฉันแอบวิ่งไปดูห้องข้างๆ แมทซ์ไม่มาอย่างที่คิดมมีข่าวลือกันว่าเขาจะลาออก
             ทำไมเขาต้องออกด้วย เขาไปทำอะไรไม่ดีไว้เหรอ
             หรือเขารู้ว่าฉันจ้องเอาผิดเขาอยู่
             คาบเรียนในตอนเช้าดำเนินไปตามปกติ ฉันมีเดินสะดุดนิดหน่อยตามความซุ่มซ่ามของตัวเอง ฉันชินแล้วล่ะ แผลแบบนี้ไม่กี่วันก็หาย
             แต่พักกลางวันนี้แหละ
             ฉันไปกินข้าวกับเพื่อนในกลุ่มตามเคย แต่วันนี้มีโซลและไอจิขอตามไปด้วย แอบสัมผัสได้ว่ามีเพื่อนในกลุ่มทำตาหวานใส่เขา มันไม่ใช่เรื่องวิปริตผิดมนุษย์หรอก ฉันก็ยอมรับว่าเขาหล่อจริง >_<
             นั่นไม่ใช่ประเด็น
             ฉันเลือกร้านที่คิวสั้นที่สุดในการซื้ออาหาร เพื่อนในกลุ่มบางคนก็ตามมากับฉัน มีเพียงโซลและไอจิที่ไปร้านก๋วยเตี๋ยว
             แต่กลับกลายเป็นว่าโชคดีไป
             เพราะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
             ตู้มมมมมมมม~!!!!!!
             เสียงระเบิดดังสนั่น ทุกคนในโรงอาหารกรีดร้องดังขึ้นแทบจะพร้อมๆ กัน เกิดความชุลมุนวุ่นวายไปหมด ถ้าฟังไม่ผิด เสียงมาจากร้านที่ฉันต่อแถวอยู่นี่แหละ ฉันจึงโดนสะเก็ตระเบิดเข้าไปเต็มๆ
             ทุกคนเหมือนจะยังไม่ได้สติ คนส่วนใหญ่ที่ต่อคิวลงไปนอนกับพื้นเพราะแรงของระเบิด ฉันเกาะเคาน์เตอร์ไว้แน่นเพื่อไม่ให้ล้มกระแทก คนที่ได้สติคนแรกคงเป็นคุณป้าพิธีกรโรงอาหาร พลาวประกาศกร้าวให้ทุกคนได้ยิน
             "ขอให้ทุกคนมีสติ หลังจากเหตุการณ์สงบลงแล้ว ทางเราจะไปช่วยทุกคนเอง!!!"
             โซลและไอจิไม่น่าจะได้รับหลกระทบ เดราะร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ห่างจากบริเวณนี้พอสมควร เขาไม่น่าจะเข้ามาเสี่ยงชีวิตที่นี่ ดังนั้นฉันไม่ควรหวังสิ่งดีๆ จากเขาพร่ำเพรื่อ
             อยู่ดีๆ ก็มีใครบางคนมาโอบร่างฉันไว้ เหมือนเขาจะเดินดุ่มๆ ไปพูดอะไรบางอย่างกับคุณป้าพิธีกรซี่งน่าจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ แล้วเขาก็อุ้มฉันไปไหนก็ไม่รู้...
             แล้วฉันก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย...

    __________

    Talk วันละนิด จิตแจ่มใส
    ขอโทษนะคะที่ตอนนี้อัพช้ามากกกกกกกก ทุกคนควรจะเข้าใจไรท์นะ การบ้านเยอะอ่ะ
    นิยายของไรท์มันค่อนข้างกาก เม้นให้กำลังใจสักนิดจะเป็นบุญอันมหาศาล
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×