ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Disorder 。{Hunhan ft.exo}

    ลำดับตอนที่ #2 : -chapter 1 :: โอเซฮุน

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 57


    :) Shalunla


    C H A P T E R 
    1




     

    โอเซฮุน


     

     

    ความสงบกับผม... เราไม่ได้เกิดมาคู่กั

     

     

                ผมถอนหายใจออกมาครั้งที่สามล้านแปดแสนโดยประมาณพลางเคาะนิ้วลงกับโต๊ะเป็นจังหวะ

    คยองซู... ถ้าเกิดว่าโดนยัดเยียด นายจะทำยังไง...

    ถ้าเป็นเรื่องที่ปฏิเสธได้ ผมก็จะปฏิเสธครับ

                “แล้วถ้าปฏิเสธไม่ได้ล่ะ?” ผมเม้มปากอย่างเคร่งเครียด ต่างจากคนตรงหน้าที่ทำตาโตบ๊องแบ๊วเอาซะจนกูท้อแท้ในหนังหน้าที่ขัดแย้งกับอายุของตัวเอง


                “ผมก็ยินดีด้วยแล้วกันครับ...


                ที่ไหนขายโลงศพถูกๆมั่ง...

      





             

                ท่านว่า...ใครนะ?” ผมเลิกคิ้วพลางทำหน้าแสร้งสงสัยในคำพูดก่อนหน้านั้น ทั้งๆที่ตอนนี้ใจทั้งดวงไหลผ่านหัวเข่าไปหาตาตุ่มจนซุกอยู่กับหัวแม้โป้งเท้าไปแล้วเรียบร้อย


                หลานฉันเองแหละผู้อำนวยการโจคยูฮยอนยิ้มกว้างที่ดูสยองพอๆกับตอนที่คริสยิ้มปกติ ในขณะที่ผมก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่วิญญาณกำลังจะลอยออกจากร่างอยู่รอมร่อ


               

    เอาเป็นว่า ในระหว่างที่กำลังนั่งรอยมทูต ผมก็อยากจะขอพื้นที่เล็กๆนี่เล่าย้อนกลับไปเมื่อประมาณสิบนาทีสี่สิบสามวิฯก่อนหน้านี้....

     



     
     

    เรื่องมันเริ่มขึ้นจากตอนนู้น....



     

    งานพรอม?” ผมเอ่ยปากถามคิมจงแด ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของมหาลัยด้วยอารมณ์ที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก ผมแค่กำลังสับสนว่าควรจะถีบหน้าผู้อำนวยการตรงจุดไหนดีถึงจะเจ็บที่สุดน่ะ



    อาฮะ...เจ้าของเสียงแหลมพยักหน้า หมุนเก้าอี้นวมไปมาพลางควงปากกาเล่น ส่วนผมก็ยกกระดาษในมือขึ้นมาอ่านออกเสียง



    ...งานพรอม กำหนดการอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า... หากจับได้ว่านักศึกษาคนใดหลบอยู่ใต้เตียงหรือตามซอกหลืบของซากอะไรก็ตามโดยเจตนาไม่มาร่วมงานจะโดนไล่ออกในทันที ไม่มีข้อแม้ ไม่มียกเว้น...  เดี๋ยวนะ? นี่ไม่แรงไปหน่อยเหรอผมเงยหน้าขึ้นมาหลังอ่านจบ



     

    จงแดยักไหล่ เบื้องบนเขาสั่งมางี้อ่ะ พี่ก็แค่ดักจับคนที่มันไม่มาแค่นั้นเอ๊ง! คิดไรมาก


     
     

    คิดมากสิ นี่กูกำลังแพลนในหัวเลยว่าจะไม่มาอีงานเวรนี่


     
     

     “...แต่มันก็เกินไปนะฉันว่า...


    เอาน่า!! พี่ไปได้แล้วไป ผมต้องประชาสัมพันธ์ต่อ บัยส์!” ประชาสัมพันธ์คนเก่งโบกมือไล่ผมพลางเลื่อนปิดช่องกระจกใสที่กั้นระหว่างเราลงบ่งบอกว่ามันเบื่อขี้หน้าผมเต็มที ดังนั้น ผมก็เลยจำต้องหันหลังแล้วเดินออกมาพร้อมกับกำหนดการงานเลี้ยงทั้งหมดของเดือนนี้อย่างช่วยไม่ได้


    เออพี่!!” จงแดโผล่หน้าออกมาอีกครั้ง


    ผมชะงักเท้าก่อนจะหันกลับมา ว่า?”


    ไม่มีไรหรอก แค่จะเตือนว่าผู้อำนวยการเรียกพบนะ


    ชู่ว!!” ผมรีบยกนิ้วชี้ขึ้นจ่อปากตัวเองทันที จงแดหน้าเหวอ

     

     

    ...อย่าเตือนดิ กูพยายามลืมอยู่...

     

      



      ผมเดินขยี้ตาออกมาจากห้องประชาสัมพันธ์ตามประสาคนโดนปลุกแต่เช้าด้วยนาฬิกาปลุก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ตามประสาคนที่ไม่ได้นอนเพราะเสียงเพลงจากห้องข้างๆตลอดทั้งคืน

     
     

    เอาเป็นว่า ไหนๆผมก็ย้อนรอยความหลังให้ฟังแล้วน่ะนะ ก็ขอเล่าย้อนให้มันสุดๆไปเลยก็แล้วกัน... หากจะให้เท้าความถึงมหาวิทยาเวรตะไลนี่ล่ะก็... ผมรู้มาแค่ว่า

     
     

    พาติเชี่ยนเป็นมหาลัยเก่าแก่ที่สร้างมานานกว่าร้อยปี หืม? ชื่อมันฟังดูหรูสินะ แน่นอนว่านักเรียนที่นี่ก็หรูนั่นแหละ แต่ในนักเรียนหรูๆนั้นกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นคอนเฟิร์มเลยว่ามึงมีสันดารถ่อยสถุลเถื่อนกว่าเด็กธรรมดาทั่วไปสิบเท่าได้ ทำไมน่ะเหรอ? ก็เหมือนที่นี่จะมีคติว่า เราไม่จำกัดความคิดของคุณและเพราะมึงไม่เคยจำกัดนี่แหละมันก็เลยพากันเป็นโคตรพ่อโคตรแม่แห่งความคิดอุเรนทร์! (พิเรนทร์ + อุบาทว์)

     
     

    เออ พอก่อน ด่าแล้วเดี๋ยวยาว เมื่อกี้ถึงไหนนะ อ้อ... พาติเชี่ยนเป็นมหาลัยเก่าแก่สินะ ก็ตามที่พูดครับ และที่นี่ก็จะแบ่งเป็นสองบ้านใหญ่ๆด้วยกัน นั่นคือ พาติเชี่ยน-เคและพาติเชี่ยน-เอ็มผมคือคนของฝั่งเอ็ม มีดรีกรีเป็นถึงเลขานุการของประธาน ส่วนเป็นได้ยังไงนั้น อันนี้ไม่รู้ จู่ๆชื่อกูก็ไปโผล่ในสภาแล้วโดนลากมาปฏิบัติหน้าที่โดยไม่เต็มใจมาสามปีเต็มซะแล้ว และแน่นอน เรามีคริสเป็นประธาน โดยมีบังยกกุกเป็นรอง ส่วนฝั่งเคก็มีคิมจุนมยอนเป็นประธาน จองแดฮยอนเป็นรองประธาน ส่วนบยอนแบคฮยอนก็เป็นเลขาฯเหมือนกันกับผม

     
     

                จบ! การย้อนรอยแต่เพียงเท่านี้... เอาเป็นว่าตอนนี้ผมก็มาเดินอยู่ใจกลางโถงใหญ่ของมหาลัยแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวซะแล้ว ซึ่งเดินได้ยังไม่นานเท่าไรก็ต้องชะงักเท้าแบบกะทันหันเหมือนตอนที่เพื่อนแกล้งตะโกนว่า เฮ้ยมึง ระวังขี้!’

     

     

                ...แต่นี่น่ะ...

     

     

     

    แม่งยิ่งว่าขี้อีก

     

     

    ผมหยุดยืนนิ่งราวกับถูกแช่แข็งพลางกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ ตอนนี้ดวงตากลมโตที่ได้มาจากแม่สะท้อนภาพผู้ชายชุดดำร่างยักษ์ประมาณสี่คน แต่นั่นก็ไม่น่ากลัวเท่าผู้ชายหน้าตาพิลึกที่มีนิสัยพิลึกยิ่งกว่าซึ่งตอนนี้กำลังยืนกอดอกสั่งการนู่นนี่...

     
     

                ...เวรละ

     
     

                ผมออกปากพึมพำประโยคที่ติดจะหยาบคายอยู่ซักหน่อยก่อนจะรีบหมุนตัวเดินหนีไปอีกทาง แต่ทว่า

     
     

                เฮ้ย!! นั่นไง!!”

     
     

                เสียงทุ้มตะโกนดังลั่นจนเกิดเป็นเสียงสะท้อนกลางโถงทางเดิน ซึ่งผมที่หันหลังอยู่ก็ออกสเต็ปนักวิ่งทีมชาติทันทีแบบไม่ต้องคิด อันที่จริงก็อยากจะคิดอยู่หรอกถ้าคนตะโกนไม่ใช่ผู้อำนวยการที่แสนจะน่ารักของผม

     
     

                ผู้อำนวยการโจ!

     
     

                “ลู่หาน!!” คนข้างหลังผมวิ่งตามมาแบบกระชั้นชิด อารมณ์แบบมาทวงหนี้ หรือไม่กูก็ไปฆ่าพ่อมึงมาอย่างไรอย่างนั้น แต่ขอโทษเถอะ ผมไม่เคย -_- จะตบยุงซักตัวนี่คิดข้ามวันเลยนะครับ

     

     

                หลังจากที่ผมวิ่งมานานจนหอบกินและระลึกได้ว่าหากตกงานก็ควรจะไปสมัครเข้าทีมชาตินั้น จู่ๆก็มีบุคคลคุ้นหน้าคนหนึ่งมายืนกอดอกอยู่เบื้องหน้าของผมซึ่งก็ทำเอาต้องติดเบรกดังเอี๊ยด

     
     

                จับเขา!!” ข้างหลังยังตะโกนมา

     
     

                ซึ่งไม่ต้องหรอก... กูหยุดแล้ว -_-

               

    เอ่อ... นายคงไม่...ผมมองคนตรงหน้าด้วยท่าทีหวาดๆ แอบหวังนิดๆว่าเขาอาจจะแค่เดินสวนมาเฉยๆแล้วก็จะหลบทางให้ผมวิ่งมาราธอนต่อแต่โดยดี

     

     

                “ยินดีด้วยเสี่ยวลู่หาน...แบคฮยอนขยับแว่นสายตาของตัวเองไปมาพร้อมกับความหวังทั้งหมดของผมดับวูบลง

     

     

    นายถูกจับแล้ว

     


     

    โถ่พระถังซัมจั๋งกะละมังหม้อไห.... เมื่อไรกูจะเรียนจบครับตอบ....

     

     

     

     

     

                เอาเป็นว่า...กลับสู่ปัจจุบันเถอะผมอนาถตัวเอง....

     
     

                สรุป! อีเตี้ยแว่นนั่นก็คือสาเหตุหลักๆที่ทำให้ผมต้องมาประสบพบเจอกับสถานการณ์อันสุดแสนจะป่วงนี้นั่นเอง

     
     

                แล้วอย่าเอาไปบอกเขาล่ะ ผมยังไม่อยากถูกย่างสด -_-

     
     

                “ท่านว่า...ผมเตรียมจะทวนคำถามเดิมซ้ำอีกครั้งเพราะไม่มั่นใจว่าอาจได้ยินผิดไปหรือเปล่า แต่ดูจากอาการโล่งๆโหวงๆของตัวเองแล้ว มันก็ยืนยันได้เป็นอย่างดีเลยล่ะว่าที่ผมได้ยินน่ะถูกต้องสุดๆ

     
     

                อ้าห้า!!” ผู้อำนวยการติงต๊องฉีกยิ้มกว้างก่อนเขาจะทำร้ายหัวใจที่นอนอยู่ตรงหัวแม่โป้งเท้าของผมด้วยการย้ำมันออกมาอีกรอบ

     

     

    ผมกำลังจะฝากหลานไว้กับคุณนั่นแหละ!”


     
     

    ...หมายความตามที่พูดครับ เขากำลังจะฝากหลานชายเขาไว้กับผม!!

     
     

    แต่ท่านครับ... ทุกวันนี้ผมเองก็ =_=”


    เอาน่าลู่หาน! เธอเป็นถึงเลขาเชียวนะ!”


    แต่แบคฮยอน...


    โน่วว!! ถ้าอยู่กับเขาหลานผมอาจต้องชาปนกิจในเร็ววันแน่ๆ!” ซึ่งถ้าวันนั้นมาถึง ศาลาข้างกันจะเป็นท่าน -_-

     

    ท่านครับ ผมต้องขอโทษจริงๆ แต่...



    ลู่หาน! คุณรักผมมั้ย!” เขาทำหน้าซีเรียส ประกบสองมือเข้ากับแก้มของผม สาบานได้ว่าตอนนี้ผมว้อนท์อู๋อี้ฟานอย่างแรง อย่างน้อยถ้าเป็นหมอนั่น ตอนเขายิ้มผู้อำนวยการก็จะเกิดอาการหวาดผวาคุยกับใครไม่ได้อีกเลย ซึ่งนี่ก็คือสาเหตุรองที่ทำให้ผมโดนลากตัวมาแค่คนเดียว ส่วนสาเหตุหลัก...

     
     

    พวกมันรวมหัวกัน! =_=

     
     

    อย่าคิดว่าผมไม่รู้เชียว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ผู้อำนวยการหาภาระมาให้ ซึ่งมันก็มักจะเกิดแดจาวู ผมจะโดนบยอนแบคฮยอนดักหน้าทุกทีตอนจะวิ่งหนี จะโดนอู๋อี้ฟานมาเคาะห้องซ้ำๆหากไม่ยอมเปิดประตู จะโดนคิมจุนมยอนลากออกมาจากห้องเรียน และอีกสารพัดจะโดนเพื่อที่พวกเขาจะได้ยัดผมเข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการโจ

     

     

    เอาเป็นว่าชินแล้วกัน =_=

     

     

    ผมคุยกับคุณอยู่นะเสี่ยวลู่หาน


    ผมก็คุยกับท่านนี่ไงครับ =_=”


    แล้วไหนล่ะคำตอบ


    ผมเม้มปาก พยายามต่อรอง ...งั้นผมขอถามท่านก่อนซักข้อ


    เอาสิ ว่ามา


    หลานท่านเป็นอะไรครับ ระหว่างไอรอนแมนกับไดโนเสาร์?”


    หลานผมเป็นคน -_-;;”


    “ก็ใช่ไงครับ งั้นแล้วเขาจะต้องการคนดูแลไปทำไมอ่ะ =_=?”


    ...ก็นั่นเป็นเพราะ...! เพราะ....!” ผู้อำนวยการโจยกนิ้วชี้ค้าง ริมฝีปากเขาก็อ้ากว้างอยู่อย่างนั้นเมื่อคิดหาคำพูดไม่ออก อ่ะแฮ่ม!!” ว่าแล้วก็กระแอมกลบเกลื่อนก่อนจะหันหลังเดินหนีไปอีกทาง ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว ผมก็จะได้รอดพ้นจากคำถามอุบาทว์ชวนอ้วกนั่น

     

    เอาเป็นว่าคุณมาเจอเขาเองดีกว่าเขาขยับเนกไทไปมา


    หลานท่านจะพ่นไฟใส่ผมหรือเปล่า


    เขาเป็นคน เสี่ยวลู่หาน -_-”


    ผมแค่ต้องการรู้ว่าตัวเองจะปลอดภัยผมพูดหน้านิ่ง ผู้อำนวยการโจถอนหายใจพรืดก่อนจะโบกมือหนึ่งครั้ง


     “หลานผมจะเข้ามาเรียนในเทอมหน้านี้น่ะ อาจน่ารักหน่อยนะเขาหันไปหาประตูในขณะที่ผมก็นั่งเท้าข้างทำหน้าเหม็นเบื่อไปตามเรื่อง

     
     

    เซฮุนนา!!!! ออกมาหาลุงหน่อยเร๊วว!” ผู้อำนวยการปัญญานิ่มตะโกนเสียงดังอย่างมั่นใจว่าหลานเขาที่อยู่ส่วนไหนไม่รู้ของมหาลัยจะได้ยิน เหมือนคอจะแตกอยู่รอมร่อ จนผมกลอกตามองเพดานไปได้สามพันหกร้อยครั้งพอดี

     
     

    เซฮุนของลุงง!! ยู้ฮู!!!”


    “=_=”

    กูล่ะเพลีย!


    เซฮุนนา!! ไม่เอาน่า!! มานี่เร็วเข้า!!”


    ท่านครับ ผมว่า...

     

    น่า! คุณน่ะนั่งเงียบๆ!!” เขาหันมายกมือห้ามผมไม่ให้พูดก่อนจะหันกลับไป

     
     

    ออกมาเซ่!!! เซฮุนนา!!”

     
     

    ผู้อำนวยการโจออกปากเรียกหลานของเขาอีกครั้งพลางชะเง้อคอมองหา ซึ่งผมก็กลอกตาอย่างเซ็งๆอีกหนึ่งทีก่อนจะต้องพลอยชะเง้อคอตามเขาไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ จนในที่สุด

     
     

    แกรก...

     
     

                เสียงประตูก็ดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยแรงผลักจากคนข้างนอกช้าๆ... เซฮุนนาที่ผอ.เรียกค่อยๆเดินเข้ามาข้างในห้องด้วยท่าทีนิ่งเฉยยิ่งกว่าคนที่วิญญาณใกล้จะหลุดออกจากร่างอย่างผมซะอีก

               

                “...

     

    โอเค... ถ้าเขาเป็นเซฮุนนา... เขาช่างเป็นเซฮุนนาที่ไม่เข้ากับชื่อแสนน่ารักของตัวเองเอาซะเลย...

     
     

                ผมสีบลอนด์ทองนั่นถูกตัดเป็นทรงดูดี ใบหน้าหล่อคมคายทำให้เขาดูเท่ห์อย่างกับพระเอกนิยายรักโรแมนติก เด็กนี่พกส่วนสูงมาไม่ต่ำกว่าร้อยแปดสิบห้าเห็นจะได้ เรียกได้ว่าทุกอย่างดูเพอร์เฟ็ค.... ยกเว้นดวงตาคมติดจะลอยนั่นน่ะนะ มันทำให้เขาดูเหมือนคนไม่เต็มยังไงพิกล...

     
     

                หือ...หรือเขาจะไม่เต็ม?

     

                เซฮุน!! หลานรักของลุง!!”

     
     

                ผอ.คยูฮยอนโผลเข้าหาหลานชายด้วยความรักหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ นั่นเพราะเขาจัดการกระชากแขนเซฮุนนาที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นยนต์ให้มายืนอยู่ที่หัวโต๊ะอย่างแรง

     

                นี่เซฮุนหลานชายฉันเองเขายิ้มกว้าง น่ารักอ่ะดิ!”


                ผมกลอกตา มั้งครับ


                “มั้งได้ไง!” ผู้อำนวยการโจถลึงตาใส่ผมก่อนเขาจะหันไปบอกกับหลานชายตัวเอง รอลุงแป๊ปนึงนะลูก

     

                ว่าแล้วร่างขนาดสมส่วนที่มีหน้าท้องเกินมาตรฐานไปเล็กน้อยก็สาวเท้าเข้ามาหาผมก่อนจะกระชากให้ก้มหัวลงไปคุยกับเขาที่ใต้โต๊ะ


                ผมขอเตือนนะ!”


                “ว่า


                “หลานผมไม่เหมือนชาวบ้าน!”


                เหรอครับแต่ผมว่าท่านนั่นแหละต่างจากชาวบ้านเขาที่สุด -_-


                “และนี่คือเหตุผลที่เขาต้องการคนดูแล!”


                “เขาจะไม่เผาห้องผมหรือมีเกล็ดงอกออกมาตอนกลางคืนใช่มั้ย


                “เหอะ ร้ายแรงกว่านั้นเยอะ!” คำพูดของผู้อำนวยการโจทำเอาผมตาโต แต่ยังไม่ทันได้สวนอะไรออกไปแกก็เงยหน้าขึ้นมาซะแล้ว

               

     

                เอาล่ะเซฮุนนา! นี่คือพี่ลู่หาน หลานต้องอยู่กับเขานะ



                ผมเงยหน้าตามขึ้นมา ก็ผมบอกแล้วไงว่า...!”



                “ว่าจะดูแลหลานของท่านให้ดีที่สุด! ผมจำได้หรอกน่า! เนอะๆ


                “...

     

                อีผู้อำนวยการสตอเบอร์รี่!!!

     
     

                “เพราะงั้น...ผู้อำนวยการโจยกมือขึ้นลูบหัวหลานของเขาเบาๆในขณะที่ผมอยู่ในสภาวะชึ่ง (ช็อค+อึ้ง)กิมกี่แตกไปแล้ว ส่วนเด็กนั่นก็ยืนนิ่งเป็นตุ๊กตาลืมไขลานให้ลุงเขาเล่นหัว

     

     
     

                ยินดีต้อนรับสู่พาติเชี่ยนนะหลานรัก J

               

     

     

     

                ผู้อำนวยการโจเป็นต้อนเหตุที่สอง ที่ทำให้ผมว้อนท์ใบลาออกวันละพันครั้ง!

     

     

     



     

     

     
     

    ชีวิตที่หาความสงบไม่ได้ ก็ยิ่งแต่จะหาความสงบไม่ได้เข้าไปกันใหญ่...

     

     
     

    จะเขี่ยข้าวอีกนานมั้ย...

     

     

                ผมเอ่ยขึ้นเป็นครั้งที่แปดล้านเมื่อเห็นหลานของผู้อำนวยการปัญญานิ่มเริ่มเอาช้อนกับส้อมเขี่ยๆข้าวในจานของตัวเองไปมาอีกแล้ว ตอนนี้เรามานั่งอยู่ในร้านอาหารชื่อดังในP-M (patrician M) เพราะน้ำย่อยในกระเพราะของเด็กหน้าเดียวได้ออกปากรีเควสกันอย่างโฉ่งฉ่างกลางโถงทางเดิน เดือดร้อนผมที่โดนเลือกมาหมาดๆต้องพาเขามาจนได้

               

                แต่เอาเถอะ ผมกะว่าซัมเมอร์นี้จะหนีไปบวชบนเขาซักหน่อย เอาให้จิตใจมันร่มๆก่อนจะกลายเป็นฆาตกรฆ่าผู้อำนวยการและประธานบ้านตัวเอง

     
     

                เป็นโชคดีของผมที่เซฮุนไม่ใช่ลูกคุณหนูเรื่องมาก แต่ที่แย่คือเด็กนี่ไม่ชอบกินผักขั้นแอดวานซ์ และที่แย่ยิ่งกว่าคือแม่ครัวร้านนี้พอไม่ห้ามไม่ให้แกใส่ผัก แกก็จัดการใส่แบบจัดเต็มอย่างกับตั้งโครงการปลูกป่าไว้บนจานข้าว ไม่สิ มันไม่ใช่จาน ผักเยอะอย่างนี้แถวบ้านเรียกถังเพราะชำ

     
     

                ผักเยอะชะมัด...เสียงทุ้มบ่นงึมงำ

     
     

                เออ นายก็น่าจะบอกก่อนนะว่าไม่กินผัก...มานี่เลยมา...ผมถอนหายใจยาวจนปอดตีบ ก่อนจะแย่งส้อมออกมาจากมือของเขาแล้วจัดการจิ้มเอาหัวหอมกับมะเขือเทศเข้าปากตัวเองแทน เอ๊ะเดี๋ยว นี่กูสั่งข้าวผัดนะไม่ใช่สลัด ทำไมมีแมงลักด้วย =_=

     

     

    เด็กที่นี่อยู่กันยังไงหรอเขาถามขึ้นหลังเงียบไปพักหนึ่ง


     
     

    อันที่จริง ในความคิดของผมน่ะนะ ผมว่าเขาก็ไม่ใช่เด็กแปลกประหลาดอะไรอย่างที่ลุงเขายัดเยียดให้ซักหน่อย ก็มีแต่เจ้าตัวนั่นแหละที่ติงต๊องและสมควรปล่อยตัวเองกลับสู่จิตเวชได้แล้ว


     
     

    ก็แบบนี้แหละ อย่างที่นายเห็น...ผมตอบโดยที่ยังคงจิ้มผักกินอย่างเมามันส์ในจานข้าวของเขา เรียนบ้างเล่นบ้าง คนส่วนใหญ่มักเสียเวลาไปกับอะไรที่บ้าบอคอแตก


     
     

    บ้าบอคอแตก?”


    ใช่ บ้าบอคอแตก เอาเป็นว่า เดี๋ยวอยู่ไปนายก็จะรู้เองผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับความคิดของตัวเอง เด็กที่นี่มันบ้าบอคอแตก!

     
     

    แล้วนายคิดยังไงถึงอยากมาเรียนนี่ผมถามต่อ ก่อนจะหรี่ตาลงเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ ...นี่อย่าบอกนะ... ว่าตามกระแสมา

     
     

    ที่พูดนี่เป็นห่วงเขานะครับ เพราะไอ้ตามกระแสนี่แหละมันถึงทำให้ผมต้องมาประสบพบเจอกับอะไรที่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้เจอในชีวิตจริง อทิเช่น อู๋อี้ฟานเป็นต้น =_=

     
     

    ก็ไม่เชิง ผมแค่อยากอยู่ไกลๆบ้าน...



    ซึ่งเดี๋ยวพอนายอยู่ที่นี่ไปซักสองอาทิตย์ นายก็อยากจะกลับไปอยู่ใกล้บ้าน -_-”



    เด็กหน้าเดียวส่ายหัว ไม่หรอก... ผมทนที่นี่ได้มากกว่าบ้านตัวเอง

     

     

    ผมเลิกคิ้วให้กับความคิดของเขา พูดอะไรอย่างกับเด็กมีปมด้อยแน่ะ

     
     

    เออ เอาเถอะ เดี๋ยวนายอยู่ก็รู้เองว่าที่ฉันพูดมันถูกทุกอย่าง... อ้า...แป๊ปนะ...ผมยกมือขึ้นขอเวลานอกเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นในกระเป๋ากางเกงยีนตัวเอง

     
     

    ไอโฟนสีขาวถูกนำออกมารับอากาศบริสุทธิ์ภายนอก ซึ่งผมก็แทบอยากจะยัดมันกลับเข้าไปคืนแล้วเอาเข็มมาเย็บปิดซักสองชั้นเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนโทรฯเข้ามา =_= กูล่ะเบื่อจริงๆ จะไม่รับมันก็ไม่ได้ซะด้วยสิ

     
     

    ฮัลโหล ว่าไง


    [ฮัลโหล พี่อยู่ไหนอ่ะ]


    อยู่ห้อง...ห้องที่มีโต๊ะอาหารราวยี่สิบตัว เด็กเสิร์ฟอีกสิบ และแม่ครัวอีกราวๆห้า
     

     

    [เอาดีๆ]


    ก็อยู่ห้องไง

     

    ผมว่าซ้ำอีก ก่อนจะรู้สึกถึงฝีเท้าที่ย่างกายเข้ามาทางด้านหลังของตัวเอง ตอนแรกก็ไม่แน่ใจครับ แต่พอมันพูดขึ้นอีกรอบเท่านั้นแหละ

     

    [ให้โอกาสพูดใหม่]

     

     

    อืม.....ข้างหูกูเลย -_-

     

     

    ฉันอยู่โรงอาหาร -_-”

     

    ตุบ!

     

    ไอโฟนเคสโยกี้แบร์ถูกโยนมากลางโต๊ะจนเกิดเสียงก่อนเจ้าของมันจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ยังว่างอยู่พร้อมกับไถลใบหน้าไปกับโต๊ะอาหาร

     

    พี่ T^T”


    ไม่! -_-” ผมรีบดักคออย่างรู้ทัน อย่างคิมจงอินจะมีอะไร นอกจากมาขอให้ผมอนุมัติใบขออนุญาตออกนอกเกตมหาลัย ซึ่งผมก็พลาดโดยการเซ็นให้เขาไปแล้วเมื่อวาน


    ยังไม่ได้พูดเลย =_=”


    ฉันรู้ว่านายจะมาเอาอะไร และคำตอบคือไม่


    โห่....น่านะ ขออีกแค่ครั้งเดียว


    นายเพิ่งใช้คำนี้ไปเมื่อวาน -_-”


    ก็เพราะใช้เมื่อวานนั่นแหละผมถึงต้องเอามาใช้วันนี้อีก T^T” เด็กผิวคล้ำทำหน้าจะร้องไห้ ได้เรื่องเลยไง กลับบ้านไปก็ทะเลาะกับแม่เลยเนี่ย


    แล้วไง? ก็เลยจะขอกลับออกไปง้อว่างั้น?”


    ทำนองนั้นอ่ะ


    งั้นเสียใจด้วยคุณคิม คำตอบก็ยังคือไม่


     

    ผมว่าเสียงเด็ดขาด กฎต้องเป็นกฎ ที่เขาของพาติเชี่ยนมีทุกอย่างที่วัยอย่างเราๆต้องการ ทั้งห้างฯ ทั้งคลับบาร์และอีกสารพัดมากมาย แต่เด็กบางคนก็ยังชอบขอใบขออนุญาตออกนอกเกตเพื่อเข้าตัวเมือง ซึ่งขอได้ไม่เกินสามครั้งต่อเดือน และต้องได้รับการเซ็นยินยอมจากประธานบ้านเท่านั้น

     
     

    คำถามคือ... ทำไมคิมจงอินไม่ไปขอร้องประธานบ้านอย่างอู๋อี้ฟาน?

     


     

    คำตอบมีให้เห็นชัดเจนครับ

     
     

    ...เพราะประธานมันเป็นยังงั้นไง -_-;

     

     

    โหยแม่ง!” เสียงทุ้มสบถอย่างเอาแต่ใจ แต่มีหรือผมจะสน ยังคงนั่งจิ้มๆเขี่ยๆพืชผักให้หลานผู้อำนวยการต่อไป

     
     

    นี่ซีเรียสนะพี่! ผมทะเลาะกับแม่มาจริงๆ!”


    ก็ขอโทษซะสิ


    โหยยยยยย!!! พี่ไม่เข้าใจอ่า!” จงอินร้องครวญคราง

     
     

    อะไรของมัน ทำผิดก็ขอโทษมันก็ถูกแล้วนี่ ผมพูดอะไรผิดตรงไหน

     

    มันผิดอ่ะ!! ผิดแบบผิด!! ผมทำผิดต่อแม่จริงๆ! T^T”


    นี่จะเอาลายเซ็นให้ได้เลยใช่มั้ย


    ใช่! T^T”


    ไม่มีทาง


    พี่อ่า!! T^T”

     

    ผมทำหน้านิ่ง ไม่สนใจคิมจงอินที่เอาหน้าผากโขกกับโต๊ะเป็นการประชด เอาสิมึง คิดว่าหน้ามึนเป็นคนเดียวหรือไง ใครที่ผ่านงานกับอู๋อี้ฟานมาแล้วทนได้ทุกอย่างเว้ยไม่อยากคุย! (เพราะแม่งไม่น่าคุย -_-)

     

    หลังเป็นแบบนี้อยู่ประมาณห้านาที คิมจงอินก็หยุดทำร้ายตัวเองแล้วนอนหันแก้มแนบโต๊ะมาทางผมและโอเซฮุนแทน ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว เกิดมึงหัวแตกขึ้นมาคนเช็ดเลือดก็คงไม่พ้นกู

     

    พี่...เด็กผิวคล้ำเอ่ยเสียงแผ่ว เหลือบตามามองเซฮุนที่นั่งเงียบอยู่นาน นี่ใครเนี่ย


    เซฮุน หลานผู้อำนวยการคยูผมว่า


    ห๊ะ! เอาจริงดิ


    อืม


    นี่แกมีหลานชายด้วยเหรอเนี่ย...เหลือเชื่อ...คิมจงอินทำน้ำเสียงแบบอเมซิ่ง ซึ่งผมก็ไม่ขัดหรอกเพราะกำลังคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน ที่จริงสปีชีส์แปลกประหลาดแบบนั้นควรหยุดที่เขาคนเดียวก็พอ =_=

     

    หวัดดี ฉันจงอิน!”


    หลังจากฟื้นตัวจากอาการโศกเศร้า หนุ่มนักกีฬาสุดฮอตของฝั่งเอ็มก็กลับมายิ้มกว้างโชว์ฟันขาวอีกครั้ง..

     

    ...

     

    ...ซึ่งดูเหมือนจะโชว์เก้อน่ะนะ =_=;

     

     

    โอเซฮุนยังคงนั่งนิ่งกินข้าวต่อไปไม่สนใจสภาพแวดล้อมรอบตัวราวกับมึงนั่งอยู่คนเดียวในถ้ำ ริมฝีปากเล็กนั่นยังยัดอาหารต่อไปไม่หยุดเพราะมีตัวกำจัดผักอย่างผมทำหน้าที่เอาไว้ให้อยู่ก่อนแล้ว

     

    จงอินหน้าเจื่อน หดมือกลับไปแทบไม่ทัน

     

    พี่...เด็กดำเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้ผมแล้วยื่นหน้ามากระซิบ อีจระเข้นี่หยิ่งชิบหาย...


    ใจเย็นมึง หลานผู้อำนวยการ =_=”


    ไม่แคร์แม่งหรอก นี่ถ้ามันเข้ามาเรียนนะ เจอแน่!”


    เออ เจอแน่


    มันเจอแน่!”


    มึงอ่ะเจอแน่ =_= หลานคนใหญ่คนโตจะไปทำไรเขาได้ไงผมว่าพลางผลักอกรุ่นน้องให้ถอยห่างเบาๆ

     

    เหอะ!!” จงอินแค่นหัวเราะเสียงดังก่อนจะกระทืบทั้งตีนระบายอารมณ์ที่คงอัดอั้นอยู่ในอกของเขาเยอะมาก อย่าแปลกใจว่าทำไมผมรู้ เพราะตีนผมอยู่บนพื้น และตีนเขาก็ไม่ได้สัมผัสพื้น แต่สัมผัสอย่างแรงที่ตีนผม

     

     

    นี่กูเคยเจออะไรดีๆบ้าง? -_-

     

     

    ไปนะแล้วนะพี่! รมณ์บ่จอยว่ะ!”


    อืม =_=;”

     

    เหอะ!!”

     

    ผมมองตามหลังรุ่นน้องที่สนิทมากคนหนึ่งจนมันหายออกไปนอกร้านด้วยอารมณ์ครุกกรุ่นไม่น้อย ก่อนจะหันหลับมาสนใจคนที่นั่งยู่ตรงข้ามนี่แทน

     

    นายน่าจะทักเขาซักนิดนะผมว่า


    ไม่เอา ไม่ถูกชะตา



    ทำไมล่ะ รู้มั้ยว่าจงอินน่ะนิสัยดีมากนะถ้าไม่นับว่ามันขี้วีน ขี้โวยวาย ขี้เมา ปากหมาแม่ค้าอาย ชอบใช้ความรุนแรง กวนตีนเป็นเลิศมันก็ดีออกจะตาย...

     

    ผมไม่ชอบ




    แล้วคำตอบของหลานผู้อำนวยการก็ทำเอาผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

     

         ผมชักจะเข้าใจแล้วสิว่าไอ้ที่ผู้อำนวยการคยูบอกมันคืออะไร =_=;

     
     

    เซฮุนยังนั่งเขี่ยๆกินๆข้าวในจานของตัวเองต่อไป ซึ่งผมที่กินผักเข้าไปเยอะชนิดที่ว่านอนๆอยู่ก็อาจจะมีรากงอกออกมาตามง่ามนิ้วตีนโดยไม่รู้ตัวก็ได้ฤกษ์วางส้อมแล้วหันมานั่งเท้าคางมองหน้านิ่งๆของคนตรงข้ามแทน

     
     

    ผมกลอกตาเมื่อเห็นว่าเขาเริ่มเขี่ยผักอีกแล้ว

     
     

    กินเข้าไปจะตายมั้ย แครอทเนี่ย =_=”


    ตาย


    “-_-!”

     

    เด็กเวร ยังไม่เคยเห็นน่องกูสินะ!

     
     

    ผมกรอกตาเซ็งๆกับพฤติกรรมการกินของเด็กตัวสูง ก่อนจะเริ่มเบื่อหน่ายและอยากออกไปจากร้านอาหารที่เข้ามาเหยียบเกือบทุกวันนี่เต็มที

     

    พี่!! ของี้อีกจาน!”




    ผมตัดสินใจยกมือขึ้นสูงๆแล้วตะโกนบอกเด็กเสิร์ฟที่ยืนจดออเดอร์โต๊ะอื่นอยู่ไม่ไกล

     
     

    ไม่เอาผัก...ทุกชนิด -_-!!”

     
     

    บางที พระเจ้าก็อาจจะรักและเอ็นดูผมมากเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะส่งผมมาในสถานที่ที่แสนจะวุ่นวาย ท่านก็ยังบันดาลให้คนวุ่นวายนำคนวุ่นวายมาสู่สถานที่ที่วุ่นวายอีก!!

     

     

     

     



     





     

    คืนแรกกับโอเซฮุน...

                                                                

    ผมพยายามทำตัวเป็นเจ้าของห้องให้มากที่สุดโดยการแบ่งอาณาเขตกับเขาชัดเจน

     

    นั่นทีวี จะดูก็ได้ ตู้เย็นอยู่ตรงนั้น... แล้วนั่นเป็นครัว นายจะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าเสียงดัง แล้วก็อย่าทำลายข้าวของของฉัน... ส่วนนั่น...ผมชี้ไปที่ประตูไม้ลวดลายอลังการสีครีม ห้องนอนฉัน ซึ่งเป็นที่เดียวที่นายห้ามเข้า ถ้าจะเข้า ต้องเคาะก่อนทุกครั้ง เก็ท? เยี่ยม! ไปอาบน้ำได้!”

     
     

    ผมว่าอย่างใช้อำนาจก่อนจะโยนผ้าขนหนูสีขาวไปให้เขา ส่วนตัวเองก็เดินผิวปากเข้ามาในห้องอย่างสบายใจเฉิบเพราะคิดว่าเขาคงจะโอเค

     

     

    แต่ทว่าตกค่ำ...

     

    ...


    ฉันเคยบอกนายไปแล้วว่าห้ามเข้า =_=”

     
     

    ผมมองไปที่โอเซฮุนที่จู่ๆก็หมุนลูกบิดเดินเข้ามาข้างในหน้าตาเฉยราวกับสาวน้อยในเทพนิยายที่ค้นพบสวนมหัศจรรย์ แต่ขอโทษเถอะ นี่คือห้องนอนผม และเขาก็ไม่ใช่สาวน้อย!

     
     

    ข้างในสบายกว่าอีก ทำไมที่นอนลู่หานถึงน่านอนกว่าของผมล่ะเสียงทุ้มเอ่ยให้ผมได้ยินเป็นอีกครั้งของวัน

     

    ทำไมน่ะเหรอผมหมุนเก้าอี้หันกลับมา เพราะฉันเป็นเจ้าของห้อง ซึ่งนายไม่ใช่ โอเค้? เพราะงั้นนู่น ประตู

     
     

    ผมพยักพเยิดหน้าไปทางที่เขาเข้ามาก่อนจะหันกลับไปสนใจหนังสือตามเดิม หางตายังแอบเห็นว่าเขาคว่ำปากโค้งๆจนคล้ายกับลูกเป็ด

     

     

    หน้าแบบนั้นหมายความว่าไง ออกไปเลยไปผมออกปากไล่ ซึ่งเซฮุนนาผู้น่ารักก็ทำตัวน่ารักสมชื่อด้วยการ...

     
     

    ปุ!!

     

     

    ทิ้งตัวนั่งลงกับเตียง -_-:;

     

     

    ผมกลอกตาเซ็งๆ เออ! ตามสบาย แล้วห้ามส่งเสียง ฉันจะอ่านหนังสือผมบอกเสียงเข้ม ซึ่งคิดว่าเขาน่าจะโตพอที่จะเข้าใจ...

     


     

    ซะเมื่อไร!! -_-

     


     

    เปร๊าะแปร๊ะ....เปร๊ะแปร๊ะ

     


     

    เสียงเดาะลิ้นดังเป็นจังหะทำให้ผมเงยหน้าขึ้นจากหนังสืออีกครั้ง พระถังซัมจั๋งกะละมังหม้อไห ประหนึ่งอันนาโฟรเซ่นลงมาจุติเองเลยทีเดียวเชียว


     

     

    ถุย!!


     
     

    เซฮุน!”


    เซฮุนนาเหอะ


    เออ! เซฮนุนา!” ผมเรียกใหม่เมื่อเขาแก้ชื่อของตัวเองให้ กูอยากถีบหน้าละเกิล... แต่ไม่ได้ ผู้ชายแมนๆจะไม่รังแกเด็ก

     

     

    ฉันบอกให้เงียบๆไง ฉันต้องสอบ ฉันต้องอ่านหนังสือน่ะเข้าใจมั้ย!”


    เด็กพาติเชี่ยนเป็นแบบนี้ทุกคนเลยเหรอ


    เปล่า ฉันคนเดียว -_-;” ผมว่าพลางเสยผมตัวเองขึ้นอย่างหน่ายใจ สาบานได้ว่าเด็กที่นี่กว่าครึ่งเข้ามาหาความสนุกมากกว่าการเข้ามาหาความรู้

     

    ลู่หานเครียดเกินไปแล้ว ยิ้มหน่อยสิ


    ไม่!” ...เดี๋ยวตีนกาออก


     

    ผมสะบัดหน้าหนีเด็กที่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะน่ารำคาญขนาดนี้ก่อนจะเปิดหนังสือออกอีกครั้ง ที่จริงผมควรจะไปนั่งสมาธิก่อนนะ เกิดหน้ามืดเดินไปหยิบมีดมารุมกินโต๊เขาแล้วจะทำยังไงล่ะ ไม่สิ... ถ้างั้นผมก็ควรจะคิดวิธีซ่อนศพถึงจะถูก....

     
     

    เอ๊ะเดี๋ยว...? นี่กูควรไปนอนมั้ย -_-;


     

    ผมถอนหายใจ เลิกฟุ้งซ่านแล้วกลับมาจอจ่อกับหนังสืออีกครั้งตามที่ควรจะเป็น ก่อนจะเริ่มคิ้วกระตุกเมื่อรับรู้ได้ว่าคนข้างหลังกำลังลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

     
     

    นี่ ฉันบอกให้นั่งเฉยๆไง

     
     

    ว่าแล้วผมก็เริ่มเขว หัวคิ้วย่นเข้าหากันเมื่อได้ยินฝีเท้าเบาๆย่างก้าวเข้ามาใกล้ ยังอีก...ฉันเตือนแล้วนะ...

     
     

    เสียงแผ่วไม่พอ ตอนนี้สติผมก็เริ่มสั่นไหวเล็กน้อยเพราะความร้อนจากสองมือหนาที่ถูกเกาะกุมอยู่บนหัวไหล่ทั้งสองข้าง...

     
     

    ..น...นี่


    ชู่ว...

     
     

     ผมกลืนน้ำลายลงคออึกเบ้อเร่อเมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจหอมยาสีฟัน ก่อนสมาธิจะแตกกระเจิงอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อเขาแนบริมฝีปากลงกับใบหู!!

     

     
     

    โคร่ม!!!

     
     

    ผมดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้เต็มแรงจนมันล้มคว่ำก่อนจะถอยกรูดไปยืนชิดริมผนังห้อง นายทำบ้าอะไรอ่ะ!!!”

     
     

    ผมโวยดังลั่น  โอ๊ยตาย!! พรหมจรรย์หูกู๊วว! T^T

     
     

    เซฮุนยืนกระพริบตาปริบๆราวเด็กประถม ดวงตาคมสะท้อนภาพผมที่ยืนตัวสั่นกุมหูตัวเองอยู่ตรงมุมห้อง

     
     

    เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนริมฝีปากสีชมพูซีดนั่นจะขยับ...

     

     

    ผมเห็นลู่หานหมกมุ่นอยู่แต่กับหนังสือ...

    ...

     



     

    เลยอยากรู้.... ว่ายังมีอารมณ์อย่างว่าอยู่หรือเปล่า

    ...

     


     

    เอ่อ...





     

    อย่าว่างั้นงี้เลยนะครับ....

     




     

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!! TOT

     

     




     

    โอเซฮุน(กำลังจะ)เป็นต้นเหตุที่เท่าไรนี่แหละ! ที่ทำให้ผมว้อนท์ใบลาออกวันละพันครั้ง!

     

     

     

     

     

    -จบchapter 1-

     

                 










    talk:
    มันย๊าวยาว =^= ทนอ่านกันหน่อยเนอะ เรื่องมันจะต่อเนื่องกัน
    ฝากคอมเม้นท์จ้า กำลังใจเล็กส์น้อยส์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×