“คุณแม่!! พี่...ทำไมพี่เขาถึงไม่ขยับละ คุณแม่คะ..”
“โทรุ...ทำตามที่แม่บอกนะ...”
“..หนีไป....”
.
.
.
.
อืม.....
หญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนค่อยๆลืมตาขึ้นหลังถูกปลุกด้วยแสงแดดที่สอดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง วันนี้ก็คงเป็นอีกวันที่เธอฝันแปลกๆ เหมือนกับว่ามันเคยเกิดขึ้นจริงทั้งๆที่ตนก็จำไม่ได้ว่าทำถึงรู้สึกอย่างงั้น คนที่เขาเคยเรียกว่า ‘พี่’ มีอยู่จริงด้วยหรอ.... เขานั่งคิดไปสักพักว่ามันแปลกๆจนไม่ทันรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำสีหน้าอมทุกข์อยู่ มุมอีกด้านที่ไม่น่าจะมีใครได้เห็น...สีหน้าอันโศกเศร้าที่ใครๆต่างก็ไม่คิดว่าเธอจะมีสีหน้าแบบนี้ด้วย
“วันนี้เธอยิ้มแปลกๆนะ”
เคียวพูดขึ้นหลังจากที่สังเกตหญิงร่างบางเดินหน้ายิ้มระรื่นแต่คนอื่นๆก็ไม่ใด้ส่งสัยอะไรเพราะมันสิ่งพวกเขาจะต้องเห็นรอยยิ้มแจ่มใสจากเด็กธรรมดาที่เผลอเข้ามาเกี่ยวข้องกับตระกูลโซมะโดยบังเอิญ
“โทรุคุงนี่ยิ้มแบบนี้เหมือนกับมีรางดีจะเข้ามาเลย~”
“รางดี...ใช่ค่ะ! วันนี้ฉันจะต้องเอางานจากคุณชิงุเระไปให้ได้ค่ะ ต้นฉบับอยู่ไหนคะ!”
“มิจัง มาแต่เช้าเลยนะ”
ชิงุเระถอนหายใจก่อนจะรีบไปเคลียร์ต้นฉบับที่ทำเสร็จตั้งแต่เดือนที่แล้วแต่ก็ซ่อนมันเอาไว้ ซึ่งมันก็ทำให้มิซุรุร้องให้ออกมาพร้อมกับความสำเร็จที่ในที่สุดชิงุเระก็ยอมให้ต้นฉบับมาอย่างโดยดี
“รู้สึกดีใจที่เราได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งนะค่ะ”
โทรุพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่คุ้นเคยก่อนจะเอากับข้าวมาวางบนโต๊ะอาหาร นี่ก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วสินะ...หลังจากที่เคียวคุงกลายร่างเป็น’ตัวตนที่แท้จริง’ ของแมว ถึงแม้ว่าเธอจะกลัวเหมือนหลายๆคน แต่สุดท้ายเธอก็ยังไม่อยากทิ้งมิตรภาพที่พวกเขาทั้งสามได้ทำกัน เธอได้ยิ้มออกมาก่อนจะกลับมาร่างเริงอีกครั้ง
“จริงสิ...พอดีฉันมีเรื่องอยากจะขอนะค่ะ”
“ว่ามาเลย ถ้าเป็นสิ่งที่ฉันทำได้ ฉันพร้อมจะทำทุกอย่างอยู่แล้ว...เพื่อโทรุคุงต่อให้—“
“...”
“คะ แค่ล้อเล่น...”
ยูกิที่ทนฟังประโยคสุดเลี่ยนจากชิงุเระไม่ไหวเลยไม่รอช้าส่งรังสีอำมหิตออกมาก่อนที่อีกฝ่ายจะยอมหยุด
“คือ..ฉันคิดมาได้สักพักแล้วนะค่ะ ว่ายังไง ฉันก็อยากจะขอพบคุณอากิโตะให้ได้นะค่ะ”
ทุกคนต่างก็หยุดนิ่งไปสักพักใหญ่ สายตาของแต่ละคนกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแต่เจ้าตัวก็กลับใส่ซื่อเกินไป
“ทำไม เพราะฉันงั้นเหรอถึงทำให้เธออยากไปเจอเขา”
“มันก็ไม่เชิงค่ะ แค่รู้สึกว่าชีวิตของเขาต้องเจออะไรมาบ้าง...คุณอากิโตะถึงเป็นแบบนี้ ฉันเลยอยากจะลองไปคุยกับเขานะค่ะ”
“แต่มันอันตรายเกิน—“
“ก็ลองดูสิ~”
ยูกิที่พยายามโน้มน้าวให้โทรุคิดใหม่ก็โดนชิงุเระพูดตัดหน้า
“ถ้าเราไม่ลองให้โทรุคุงไปคุย สุดท้ายพวกเราก็ต้องเป็นแบบนี้ตลอดไปนะสิ เรื่องแบบนี้มันก็คุ้มที่จะลองนะ”
“แต่ว่า—“
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ปล่อยให้โทรุเข้าไปคุยกับอากิโตะคนเดียวหรอก เดี๋ยวฉันจะเรียกฮาโตริไปด้วย ยูกิมาด้วย ส่วนเคียวก็ค่อยเฝ้ารออยู่ข้างนอกก็แล้วกัน”
ชิงุเระพูดเหมือนกับได้วางแผนเอาไว้อยู่แล้วถึงทำให้เจ้าตัวพูดออกมาได้มั่นใจขนาดนั้น ทั้งเคียวและยูกิต่างก็แอบมองไปยังโทรุที่มีใบหน้าเปล่งประกายออกมาจนทำให้ทั้งคู่ต้องคอตกและยอมรับกับมัน ถึงจะไม่เต็มใจก็เถอะ....
ในที่สุด วันที่โทรุตั้งหน้าตั้งตารอ เพื่อที่จะคุยกับอากิโตะก็มาถึง แต่พอเข้าจริงๆเธอเองก็ทำไม่ถูกเหมือนกันว่าจะต้องเริ่มบทสนทนายังไง... ทุกอย่างดูกดดันไปหมด ทั้งฮาโตริ ยูกิ และ ชิงุเระ ต่างก็พยายามสงบสติอารมณ์และภาวนาอย่าให้อากิโตะทำร้ายโทรุเลย
“คนอย่างเธอ...มีสิทธิ์อะไรถึงกล้าเข้ามาในบ้านหลัก”
“ฉัน...อยากจะคุยกับคุณอากิโตะ...ค่ะ”
อากิโตะที่นั่งมองท้องฟ้าก็ละสายตามามองคนที่อยู่ในตัวบ้าน เขาแสยะยิ้มบอกมาก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วค่อยๆเดินไปหาคนผมสีน้ำตาลอย่างช้าๆ เพียงไม่กี่วินาที เขาก็ได้ยกฝ่ามือเข้าไปตบหน้าดังเพี๊ยะจนมีรอยแดงก่ำปรากฎขึ้น
“คนอย่างเธอ มีอะไรที่จะต้องมาคุยกับฉันด้วยหรอ!? ยัยอัปลักษณ์ เธอไม่มีวันที่จะหยุดคำสาปโซมะได้หรอก! อย่าเอาความคิดซื่อๆของคนธรรมดาอย่างเธอว่าจะช่วยคำสาปได้ ทุกคน...ทุกคนจะตายไปด้วยกัน พวกเราจะอยู่ด้วยกัน!”
อากิโตะยังคงพยายามใช้กำลังและจิกหัวโทรุไม่ยอมปล่อย ทั้งๆที่คนที่นั่งอยู่ต่างก็เข้ามาพยายามหยุดการกระทำของอากิโตะแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้เลย
“คุณอากิโตะ...กลัวใช่ไหมคะ”
หลังจากที่โทรุได้ทนความเจ็บเอาไว้และมีความกล้าพอที่จะพูดขึ้น ก็ทำให้อากิโตะหยุดนึ่งกับสิ่งที่เธอพูด
“คุณอากิโตะ...กลัวว่าสักวันคุณเหลืออยู่ตัวคนเดียว...กลัวว่าทุกคนจะทิ้งคุณไป—“
“คนอย่างเธอจะไปเข้าใจได้ยังไง!? คนธรรมดาที่วันวันไม่ต้องคิดอะไรอย่างเธอ ไม่มีวันเข้าใจหรอก!!”
อากิโตะยังคงไม่หยุดที่จะจิกหัวโทรุและเริ่มที่จะทำร้ายร่างกายเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
“เข้า..ใจสิ ฉันเข้าใจความรู้สึกนั้นดี”
โทรุหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมน้ำตา แต่ก็ยังไม่พ้นกับฝ่ามือที่เข้าไปตบอีกฝั่งเพราะอากิโตะกำลังรู้สึกเหมือนโดนดูถูก
“เธอหัวเราะทำไม!! มันตลกนักหรือไง!?”
“อากิโตะคุง พอได้แล้ว!”
“ไม่!”
อากิโตะสะบัดคนรอบกายของเขาออกแล้วเข้าไปจิกหัวโทรุต่อ สีหน้าของอากิโตะกลับหวาดกลัวทุกสิ่งและอยากให้คนตรงหน้าหยุดพูด
“ดีใจจังที่พวกเรามีความกลัวที่เหมือนกันนะค่ะ...ฉันไม่โดดเดี่ยวแล้ว....”
...พวกเรามีความกลัวที่เหมือนกัน....
ประโยคที่แสนคุ้นเคยราวกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนทำให้อากิโตะหยุดนิ่งไปสักพักก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาเสียงดัง แม้แต่ยังคงทำให้ยูกิและคนอื่นๆต่างก็หันไปมองอากิโตะ
“หา..เจอแล้ว... ฮ่ะๆๆ ฉันหาเจอแล้ว สัตว์ประหลาดตัวสุดท้าย ฮ่ะๆๆๆๆ”
โทรุเงยหน้าขึ้นไปมองกับใบหน้าของอาคิโตะด้วยความตกใจเป็นอย่างมากพร้อมกับคำว่า ‘สัตว์ประหลาดตัวสุดท้าย’ กับให้เธอแสดงสีหน้าอันเป็นกังวล
“สัตว์..ประหลาด..”
“ใช่! เธอไง ฮอนดะ โทรุ! อย่างนี้นี่เอง หน้าส่งสารจัง ไม่รู้ว่าเธอจะลืมมันไปแล้วหรอเปล่า—“
“ฉัน..ฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาดนะ”
โทรุเริ่มที่จะแสดงสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมา ใบหน้าของเธอเริ่มซีดทุกครั้งที่อาคิโตะบอกว่าเธอคือ ‘สัตว์ประหลาด’ ทั้งๆที่เราไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ทำไมความรู้นี่มันทำให้ใจเธออยู่ไม่สุข
“นี่ไง...แววตาของเธอบอกชัดเจนเลย เธอนะเป็นสัตว์ประหลาด...”
อาคิโตะพูดขึ้นพร้อมกับจับใบหน้าแล้วเข้าไปกระซิบข้างหูของโทรุ
“สัตว์ประหลาด...ที่ฆ่าพี่ชายตัวเองไง”
ความคิดเห็น