ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO :: XTRA { BAEKHYUN D.O }

    ลำดับตอนที่ #21 : CHAPTER :: XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.76K
      14
      11 ต.ค. 56

         





                สามทุ่มกว่าๆ เซฮุนยืนมองคยองซูกำลังเก็บข้าวของตัวเองออกจากเต็นท์ คยองซูไม่ยอมพูดอะไรเลยนอกจากบอกว่าจะไปนอนกับจงอิน ซึ่งเซฮุนก็ไม่ได้ขัดอะไร จนเก็บข้าวของเสร็จนั่นแหละเซฮุนถึงได้ตัดสินใจถามถึงสาเหตุที่ทำให้คยองซูต้องไปนอนกับจงอิน



                “กูว่ามันเบียดไปนะเซฮุน มึงชอบไม่ใช่หรอนอนแบบสบายๆอะ”


                “แต่ว่ามึงไปนอนกับมันแบบนั้นมันจะดีหรอวะ”


                “ดีซะยิ่งกว่าดีอีก กูไปละนะ” คยองซูมุดตัวออกมาแล้วมุ่งหน้าไปที่เต็นท์ของจงอิน โดยเจ้าของที่พักก็ยืนหน้าสลอนอยู่ที่เต็นท์ เซฮุนถลึงตาใส่จงอินด้วยความโมโหลึกๆ ไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้แบคฮยอนต้องร้องไห้ ถ้ามีโอกาสเซฮุนคนนี้จะขอเดินไปเพ่งกบาลไอ้เด็กดำนี้ให้ได้เลยคอยดู


                “พี่คยองซูครับ ทำแบบนี้มันจะดีหรอ”


                “ดีแล้วละจงอิน แบบนี้แหละมันดีที่สุดแล้วในตอนนี้”


                “แต่ผมว่าพี่ดูไม่ค่อยจะโอเคเลยนะครับ”


                “ไม่ต้องห่วงพี่หรอกน่า แค่นี้สบายมาก” คยองซูยิ้มกว้างจนตาปิด เขาทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงค่ำที่ผ่านมาเลย


                “ผมกลัวว่าพี่จะทนไม่ไหวนะสิ”


                “ไม่ไหวก็ต้องไหว” จงอินพยักหน้าเข้าใจแล้วยัดตัวเองเข้าไปภายในเต็นท์กับคยองซู สองคนนั่งมองหน้ากันเงียบๆ จงอินได้แต่คิดในใจว่าในระหว่างที่แบคฮยอนกำลังมีความสุขกับดาร่าจนลืมคยองซูไปนั้น คิมจงอินคนนี้แหละจะดูแลคยองซูเอง


                “พี่ว่ายังไงผมก็ว่าตามกันครับ”


                หลังจากจบกิจกรรมของทางชมรมแล้ว ลู่หานกับทุกๆคนก็เริ่มทยอยขนของกลับ มีรถบรทุกสองสามคันที่จะเข้ามาขนอุปกรณ์ต่างๆไปเก็บ และมีรถบัสสองคันในการขนส่งผู้โดยสารทั้งหลายให้กลับถึงมหาลัย แน่นอนว่าแบคฮยอนกับคยองซูไม่ได้คุยกันอีกเลยหลังจากที่เกิดเรื่องในวันนั้น วันทั้งวันแบคฮยอนคลุกคลีอยู่กับดาร่าในขณะที่คยองซูก็หมกตัวอยู่กับจงอิน บนรถบัสคันขนาดไม่ใหญ่มากมาจอดเทียบให้เหล่าจิตอาสาทั้งหลายกำลังแยกย้ายกันจับจองหาที่นั่งสบายๆ


                คยองซูกับจงอินมาช้าไปหน่อยก็เลยได้นั่งข้างหลังสุดที่เป็นเบาะยาวนั่งได้สี่คน และเพียงไม่นานพี่ดาร่าคนสวยของทุกคนก็ก้าวเข้ามาในรถบัสโดยมีแบคฮยอนตามมาติดๆ สองคนมองหาที่นั่งว่างๆแล้วแต่ก็ไม่มี จะเหลือก็แค่ที่นั่งเบาะยาวตรงด้านหลัง แบคฮยอนชะงักเมื่อเห็นว่ามีคยองซูกับจงอินนั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ว


                “พี่ว่าเราไปขึ้นคันอื่นกันดีกว่าไหม” หญิงสาวออกความเห็นซึ่งแบคฮยอนก็ไม่ปฎิเสธ และในจังหวะเดียวกันนั้นเองคยองซูที่มัวแต่เหม่อออกไปนอกหน้าต่างก็หันกลับเข้ามาเจอพอดี ไม่รู้จะอธิบายยังไงกับความรู้สึกเวลาที่เห็นแบคฮยอนกับพี่ดาร่าทำตัวติดกัน อยากจะร้องไห้ แต่เขามั่นใจว่าเขาเข้มแข็งพอที่จะไม่ปล่อยให้น้ำตาของตัวเองไหลออกมาอีก ยังไงซะก็ต้องทนให้ได้...


                ช่วงเวลายาวนานที่เอาแต่นั่งเหม่อมองไปนอนหน้าต่าง รถบัสทั้งคันเงียบสงบ เหมือนบรรยากาศรอบข้างจะดูซึมเศร้าไปหมดในสายตาของคยองซู มองไปทางไหนก็ไม่รู้สึกดี


                “พี่คยองซูครับ กินขนมไหมครับ”


                “ไม่ดีกว่า พี่ไม่ชอบกินขนม” ใช่ ต่อไปจะไม่ชอบกินแล้ว


                “ถ้าอย่างนั้นก็ฟังเพลงดีไหมครับ เดี๋ยวผมเอาไอพอดให้ยืม” ไม่อยากทำตัวเป็นนางเอกละครภาคค่ำหรอกนะที่จะบังเอิญเปิดไปฟังเพลงไหนก็เจอแต่เพลงเศร้าๆเรียกน้ำตา ไม่มีทาง คยองซูจะพยายามไม่ร้องไห้อีกแล้ว


                “ไม่ดีกว่า พี่ขอนั่งดูวิวข้างทางก็แล้วกัน”


                “พี่คยองซูครับ พอกลับไปถึงมหาลัยแล้วพี่จะเอายังไงต่อ”


                “รบกวนนายช่วยพาพี่ไปเก็บของที่หอหน่อยได้ไหม” เขาคงไม่กล้าอยู่เผชิญหน้ากับแบคฮยอนตามลำพังหรอก ก็เพราะว่ากลัวว่าสิ่งที่กำลังพยายามทำมาทั้งหมดมันจะสูญเปล่านะสิ


                “เอามาแค่ของจำเป็นก็พอนะครับ ที่เหลือไว้ใช้กับผมก็ได้”


                “ขอบใจมากนะจงอิน นายดีกับพี่จริงๆ”


                “ถือว่าหักล้างกับสิ่งที่ผมเคยทำไม่ดีกับพี่ก็แล้วกันครับ” ทั้งสองหยุดการสนทนาลงแค่นั้น จงอินหยิบไอพอดขึ้นมาเสียบฟังเพลงแล้วก็จมดิ่งสู่โลกส่วนตัวของตัวเองไป คยองซูก็นั่งเงียบๆอยู่อย่างนั้นจนในที่สุดก็เผลอหลับ


                จงอินลอบมองใบหน้าของคนข้างๆที่กำลังหลับอยู่เพื่อมั่นใจว่าอีกคนได้หลับไปแล้วจริงๆ เด็กหนุ่มหยิบมือถือตัวเองขึ้นมากดโทรออก รอเพียงครู่เดียวปลายสายก็รับ


                “ว่าไงจงอิน จะใช้อะไรพี่อีกละ”


                “โถ่ พี่ดาร่าครับ ทนหน่อยนะผมขอร้อง”


                “โอเค พี่จะยอมทนก็ได้”


                “พี่ครับ พอถึงมหาลัยแล้ว ผมอยากให้พี่ทำยังไงก็ได้ให้แบคฮยอนไม่กลับเข้าไปที่หอ เพราะผมจะพาพี่คยองซูไปเก็บของจากที่หอมาอยู่บ้านผม”


                “หมายความว่ายังไงนะ นายจะพามันไปอยู่บ้านนายหรอ!


                “โถ่พี่คนดีของผมครับ ผมแค่กำลังทำตามแผนนะ”


                “ก็ให้มันไปอยู่กับคนอื่นไม่ได้รึไงทำไมต้องเป็นนายด้วย”


                “พี่รักผมไม่ใช่หรอ ถ้าพี่รักผมเรื่องแค่นี้ช่วยผมไม่ได้ต่อไปเราก็ไม่ต้องมาเจอกันอีก”


                “นายมัน... โอเค พี่จะยอมก็ได้ แค่นี้ก่อนนะแบคฮยอนขยับตัวจะตื่นแล้ว” พอกดวางสายจงอินก็ยัดมือถือลงกระเป๋าแล้วเริ่มหันมาฟังเพลงจากไอพอดอีกครั้ง






                ตากลมโตเปิดลืมขึ้นมาอีกครั้งเมื่อถูกเขย่าตัวเรียกให้ตื่น จงอินยิ้มให้กับคยองซูแล้วเขย่าตัวอีกคนซ้ำอีกเป็นรอบที่สอง คยองซูสะบัดหัวตัวเองเรียกสติให้ตื่นขึ้นอย่างเต็มร้อย


                “ถึงแล้วหรอ”


                “ครับผม ถึงมหาลัยแล้ว”


                “ถ้างั้นเรารีบกลับกันเถอะ”


                “พี่ไม่ต้องรีบหรอกครับ ผมรับรองว่ายังไงซะคืนนี้พี่แบคฮยอน เขาคงไม่กลับเข้ามาที่หอ”


                “อืม ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ” กว่าจะมาถึงก็ใช้เวลาไปครึ่งค่อนวัน บรรยากาศยามเย็นในมหาลัยช่างเงียบเหงา สภาพอากาศก็เริ่มจะชื้นๆขึ้นมาบ้าง นี่สงสัยว่าฝนกำลังจะตั้งเค้าตกลงมาอีกแล้วสิ อย่างที่ลู่หานบอกไงว่าพอกลับจากที่โรงเรียนแล้วฝนก็จะตก นี่ถ้าคยองซูเดาไม่ผิดพรุ่งนี้ฝนต้องตกทั้งวันแน่ๆ


    คยองซูคิดดีแล้วที่จะมาอยู่กับจงอิน เพราะเขาขี้เกียจไปวิ่งหาที่อยู่ใหม่ แถมจงอินก็โฆษณาบ้านตัวเองเอาไว้ว่าใหญ่พอที่จะนอนกันได้ทั้งตำบล คยองซูก็เลยไม่ลังเลที่จะตอบรับความหวังดีจากเด็กรุ่นน้อง


                ระหว่างที่เก็บของจำเป็นของตัวเองใส่กระเป๋าเตรียมย้ายหนีรูมเมทสายตาก็ไปสบเข้ากับตุ๊กตาหมีหมาสองตัวที่วางคู่กัน คยองซูกะพริบตาถี่ๆแล้วลุกขึ้นไปอุ้มตุ๊กตาหมีเดินเอาไปฝากให้จงอินถือไว้ บนเตียงขนาดกลางจึงเหลือแค่ตุ๊กตาหมาตัวเดียวที่นอนแอ้งแม้งอยู่ ส่วนตะกร้าผ้าที่มีเสื้อผ้าของแบคฮยอนก็ถูกดันเข้าหากันให้เป็นระเบียบ



                ภายในห้องเล็กๆนี้มีแต่กลิ่นอายของความเป็นแบคฮยอนกับคยองซู ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอมหรือกลิ่นของแชมพูก็ตามที ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปคยองซูก็หันไปเจอกับร่มลายหมีพูห์วางอยู่ที่มุมของผนังห้อง เสี้ยวหนึ่งในความคิดเผลอไปนึกถึงใบหน้าของเจ้าของร่มคันนั้น เคยคิดว่าจะใช้มันกางเดินฝ่าลมฝนไปด้วยกัน แต่ว่าตอนนี้มันก็คงจะเป็นได้แค่ความคิดเท่านั้นเอง















                แล้วประตูห้องก็ถูกปิดลง...














                สามอาทิตย์ผ่านไป

                แบคฮยอนตื่นขึ้นมาพร้อมกับแสงแดดแรงๆที่จ่อเข้าใส่ใบหน้าจนแสบร้อน สองมือดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนมิดหัวพร้อมกับเริ่มส่งเสียงเอะอะโวยวาย


                “คยองซูมึงปิดม่านให้หน่อยดิ” ตามความเคยชินของปาก แบคฮยอนสะกิดใจขึ้นมาว่าคนที่เขาเอ่ยเรียกใช้นั้นในตอนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว คนที่กำลังมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มตัดสินใจที่จะไม่นอนต่อ แบคฮยอนลุกขึ้นนั่งสักพักก็ไปอาบน้ำ ข้าวของเครื่องใช้มันหายไปกว่าครึ่ง ระหว่างที่อาบน้ำอยู่สายตาก็แอบไปเห็นแปรงสีฟันของตัวเอง ถ้าคยองซูอยู่ป่านนี้คงจะบีบไว้ให้แล้ว


                วันนี้แบคฮยอนไม่ได้ออกไปไหนเพราะเป็นวันเสาร์ เขานั่งอุดอู้อยู่ในห้อง ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรหรือเริ่มทำอะไร อยากจะโทรคุยกับพี่ดาร่าแต่ปลายสายกลับไม่ยอมเปิดเครื่อง แบคฮยอนหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ ในห้องนี้มันเงียบเกินไป เขาไม่ชอบเลย แบคฮยอนเดินวนไปวนมาแล้วจากนั้นก็ตัดสินใจโทรไปหาที่พึ่งคนสุดท้าย รอเพียงไม่นานอีกคนก็กดรับสาย


                “ว่าไงครับเพื่อนรัก โทรมาทำไม”


                “ลู่หานมึงอยู่คอนโดปะ”


                “อยู่ดิวะ อยู่กันครบองค์เลย” ไอ้เพื่อนเชี่ย มีสังสรรค์ก็ไม่ชวนกูสักคำ


                “มึงคิดจะชวนกูไปบ้างไหมเนี่ย มึงเลวมาก”


                “ใครเขาต้องการมึงวะ มึงก็อยู่กับพี่ดาร่าของมึงไปสิ”


                “ก็...”


                “เออ อยากมาก็มา เร็วๆละกัน” แบคฮยอนเบะปากเซ็งๆ ทำไมพวกเพื่อนของเขาถึงได้ทำเหมือนกับว่าไม่ต้องการเขาแล้วอย่างนั้นแหละ แถมยังพร้อมที่จะถีบหัวส่งได้ตลอดเวลา กูละเซ็ง...


                แบคฮยอนหิ้วตัวเองมาจนถึงคอนโดของลู่หาน ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็พบกับเพื่อนในกลุ่มที่นั่งกองกันที่โซฟา เรียงหน้ากระดานกันเลยนะพวกมึง


                “ลมอะไรหอบพี่แบคมาถึงนี่วะ หรือว่าจะเป็นลมตด” จงแดพูดขึ้นหลังจากซดน้ำหมักดองไปอึกใหญ่ เพื่อนแต่ละคนทำหน้าตาเหนื่อยหน่าย อะไรวะ พอกูมาบรรยากาศก็เปลี่ยน


                “ลมหมาหัวเน่ามากกว่า” อี้ชิงพูดขึ้นบ้าง


                “กูว่าน่าจะเป็นลมที่เขาไม่ต้องการ” เซฮุนกระดิกเท้าพูดหน้าตาเฉย ซึ่งแบคฮยอนก็หาได้เข้าใจในสิ่งที่เซฮุนพูดไม่


                “ลมเหี้ยๆ” ลู่หานผิวปากพร้อมกับกดเปลี่ยนช่องทีวีด้วยรีโมทในมือ


                “แต่กูว่านะ น่าจะเป็นลมสันดานไม่ดีมากกว่า” และคริสก็คือคนสุดท้ายที่ออกความเห็น อะไรวะ แบคฮยอนไม่เข้าใจ


                “พวกมึงพูดอะไรกันวะ กูงง”


                “เปล๊า” ทุกคนพร้อมใจกันตอบด้วยน้ำเสียงที่สูงลิ่ว ไอ้พวกนี้นี่มันน่านัก


                “มีอะไรก็พูดมาดิวะ ทำไมต้องทำหน้าเหมือนไม่ค่อยจอยเลยเวลาเห็นกู” แบคฮยอนไม่ได้เข้าใจผิดหรอก ตั้งแต่ที่เขาบอกกับเพื่อนทุกคนไปว่าเขาคบกับพี่ดาร่าแล้ว ทุกคนก็เปลี่ยนไป เฉยเมยใส่ ซ้ำยังชอบพูดจาประหลาดๆใส่เขาอีกด้วย


                “ไม่หรอก มึงคิดไปเองแล้วละ เออแบคฮยอนคืนนี้พวกกูจะไปปลดปล่อยกันวะ มึงสนใจไปด้วยกันปะ สอบของยายอาจารย์แว่นเสร็จแล้วกูโคตรโล่งเลย อยากแดกเหล้าสุดๆ” ลู่หานซี้ดปากเมื่อนึกถึงบรรยากาศครึกครื้นและเบียร์เย็นๆในผับ


                “ไปดิวะ กูไม่พลาดอยู่แล้ว” แบคฮยอนตอบทันควัน


                “แต่ว่ามีข้อแม้ มึงห้ามพาเจ้แซนไปด้วยโอเคปะ ถ้าไม่โอเคมึงเตรียมตัวถูกพวกกูตัดออกจากสารระบบได้เลย” ลังเลไปสักพัก ก็ช่วงนี้แบคฮยอนติดพี่ดาร่าแจยิ่งกว่าหมัดเกาะหมาเสียอีก เรียกได้ว่ามีซานดาราที่ไหนก็ย่อมมีพยอนแบคฮยอนสิงสถิตอยู่ที่นั่นด้วย


                “ไม่โอเควะ”


                “เอองั้นมึงก็ไปไกลๆตีนเลยไป ไอ้เหี้ย” ลู่หานยกนิ้วกลางใส่รัวๆ เกลียดจริงๆพวกได้เมียแล้วลืมเพื่อนลืมฝูงเนี่ย สมควรแล้วที่คยองซูทิ้งไป


                “โหย ลู่หานครับ แค่พาพี่ดาร่าไปด้วยงานคงไม่กร่อยหรอก”


                “มึงไม่กร่อยแต่พวกกูกร่อย” เซฮุนเป็นคนตอบแทน เขากระดิกขาไปมาด้วยท่าทีสบายๆ ส่วนคนอื่นๆที่เหลือก็ทำสีหน้าแหยะๆเหมือนไม่ค่อยจะชอบใจในสิ่งที่แบคฮยอนตอบกลับมาสักเท่าไร


                “เออๆ ยอมก็ได้ ไปแค่พวกเราก็ได้วะ”


                “มึงอย่าลืมนะว่าพวกเรามีกันกี่คน” อี้ชิงเป็นฝ่ายถาม


                “หกคนไง”


                “เจ็ดคนเว่ย” ลู่หานพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดังมากจนทำให้ทุกคนผงะไปตามๆกัน แบคฮยอนขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม เขาพอจะเข้าใจแล้วละว่าเพื่อนของเขาทำตัวแปลกๆไปเพราะอะไร


                “..............”


                “เพราะมึงนั่นแหละแบคฮยอน มึงทำให้พวกเราเหลือกันแค่หกคน ไอ้สันดาน” คงจะเป็นเพราะเรื่องคยองซู... เขายอมรับว่าเขาผิด ผิดที่ทำให้คยองซูต้องเสียใจ แต่ว่าคยองซูเองก็มีจงอินคอยดูแลแล้วไม่ใช่หรอ มีเหตุผลอะไรละที่เขาจะต้องคอยดูแลคยองซู ปล่อยให้หน้าที่นี้เป็นหน้าที่ของจงอินไปเถอะ


                “ถ้าพวกมึงจะด่ากูเรื่องคยองซู บอกไว้ก่อนเลยนะว่าอย่า กูไม่อยากต้องทะเลาะกับพวกมึงนะ ฉะนั้นกูขอร้อง คยองซูมันเป็นฝ่ายหนีหน้ากูไปเอง กูไม่ผิด”


                “แต่มึงนั่นแหละที่เป็นสาเหตุที่ทำให้คยองซูต้องหนีหน้า”


                “เซฮุนถ้ามึงจะพูดหมาๆแบบนี้นะ มึงเก็บปากมึงไว้แดกข้าวเหอะ”


                “มึงนั่นแหละพูดหมาๆ ไอ้เหี้ยแบคฮยอน มึงมันสันดานไม่ดี ถ้ามึงทำตัวชัดเจนกว่านี้เรื่องมันก็ไม่เลยเถิดมาไกลจนความเป็นเพื่อนของมึงกับคยองซูต้องแหลกละเอียดแบบนี้หรอก!!” เซฮุนลุกขึ้นยืนชี้หน้าด้วยอารมณ์เดือดดาล เซฮุนผิดหวังในตัวแบคฮยอน เขาก็คิดว่ามันจะยอมรับความผิดของตัวมันเองซะบ้างแต่เปล่าเลย มันกลับโทษคยองซูเสียอย่างนั้น


                “ไอ้เซฮุน มึงอย่าทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย กูไม่เคยพูดว่ารักคยองซูเลยสักครั้ง แล้วกูผิดอะไรที่กูจะคบกับคนที่กูรัก!


                “เออก็ดี มึงทำอะไรอย่าคิดว่าพวกกูไม่รู้ก็แล้วกัน พวกกูไม่ใช่เด็กอมมือนะที่จะดูไม่ออกว่ามึงกับคยองซูเป็นเพื่อนกันจนสนิทแนบแน่นไปถึงขั้นไหนต่อไหนแล้ว” แบคฮยอนชะงัก จะเรียกว่าเถียงไม่ออกก็คงจะถูก


                “แต่ก็ช่างเถอะ กูก็ไม่ได้จะเข้าไปวุ่นวายหรอก เพราะว่าตอนนี้คยองซูมันก็มีคนดีๆอย่างจงอินคอยดูแลแล้ว ยังไงซะตอนนี้คยองซูคงกำลังมีความสุขอยู่กับจงอิน ป่านนี้ไม่รู้มีว่าความสุขกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว อืม ก็ไม่รู้สินะ” เซฮุนจีบปากจีบคอพูดแล้วนั่งลงตามเดิม ใบหน้าเรียวยาวแสยะยิ้มออกมาน้อยๆ


                อีกในไม่ช้านี้แผนต่อไปของพวกเขาคงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วละ คริสกับลู่หานมองมาที่เซฮุนด้วยแววตาที่สื่อออกมาว่าพอใจกับสิ่งที่เซฮุนพูด พวกเขาแหงนหน้าไปมองแบคฮยอนที่ตอนนี้ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกำลังโกรธใครสักคนอยู่... ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่แบคฮยอนจะรู้สึกหรอก แต่อีกไม่นาน หึ ไม่นานหรอกเพื่อนรัก...












                  อีกไม่นานมึงจะซึ้งจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว...











                ที่ผับเจ้าประจำของเดอะแก๊งค์หน้าหวาน เจ้าของร้านไม่ได้ออกมาต้อนรับแต่อย่างใด พวกเขาก็เป็นแค่ลูกค้าประจำที่ถ้ามีโอกาสเมื่อไรก็จะโฉบมานั่งดวลเหล้ากันที่ร้านนี้ทุกที ตอนนี้มีแค่ลู่หานกับเซฮุนสองคนที่เข้ามาถึงภายในร้านก่อนใครเพื่อน ส่วนพวกที่เหลือเดี๋ยวก็คงจะตามมาเอง

               
                ลู่หานยกมือถือขึ้นมากดโทรออก ตอนนี้เขาฉลาดพอที่จะใช้ซิมรายเดือน เมื่อก่อนใช้แบบเติมเงิน มีเรื่องฉุกเฉินทีไรตังค์หมดทุกที ครั้นจะดอกจันโทรตอดคริสบ่อยๆไอ้รายนั้นมันก็จะด่าโคตรเง้าศักราชเขาอีก




                “ฮัลโหล คยองจู” ลู่หานทำเสียงเด็กน้อย เซฮุนได้แต่มองแล้วก็ทำหน้าเอือมๆ


                “ว่าไงลู่หาน มึงมีธุรอะไรสำคัญรึเปล่า ถ้าไม่มีก็แค่นี้นะ”


                “เห้ยเดี๋ยว จะรีบวางสายอะไรนักหนาเนี่ย กูแค่จะชวนมึงมาเที่ยวด้วยกันที่ผับอะ เจ้าประจำของพวกเราอะมึงจะมาไหม”


                “แล้วแบคฮยอนมันมารึเปล่า ถ้ามันมากูไม่ไป”


                “มันไม่ว่างมาหรอก ไอ้สัดนั่นธุรกิจพันล้าน มันมาไม่ได้ เป็นอันว่ามึงจะมาใช่ไหมวะคยองซู” พอปลายสายตอบตกลงว่าจะมาเซฮุนก็กระชากมือถือลู่หานไปคุย


                “อย่าลืมเอาจงอินมาด้วยนะมึง” คยองซูตอบรับว่าจะให้จงอินมาด้วยจากนั้นก็คุยกันต่อนิดหน่อยเซฮุนก็กดวางสาย เซฮุนยื่นมือถือส่งคืนให้ลู่หาน


                “เซฮุน มึงให้มันเอาจงอินมาด้วยหรอวะ” โอเซฮุนพยักหน้า ถ้างานนี้ขาดคิมจงอินภารกิจของพวกเขาก็คงจะขาดตัวแปรสำคัญไปนะสิ ฉะนั้นให้มันมาแหละดีแล้ว อย่างน้อยก็เอามาไว้ยั่วโมโหแบคฮยอนสักนิดก็ยังดี



                จะบอกให้ก็ได้นะว่าแผนของพวกเขานะ มันไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไรเลย ก็แค่พยายามทำทุกวิถีทางให้แบคฮยอนได้รู้สักทีว่าคนที่มันควรจะให้ความรักความสำคัญนั้นที่จริงแล้วคือคยองซูไม่ใช่คนอื่น
    !






    ใช่แล้วพวกเขากำลังช่วยคยองซูอยู่นะ ช่วยให้สมหวังดังปรารถนาสักที












                ความปรารถนาของผู้ให้ความรัก จะมีสิ่งใดนอกจากการได้รับความรักตอบกลับมา คยองซูติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายแล้วเดินลงมาชั้นสองของบ้าน จงอินนั่งดูทีวีรอเขาอยู่ เด็กหนุ่มมองคยองซูแล้วยิ้มกว้าง นานมากเลยทีเดียวที่มีคยองซูมาเดินวนๆอยู่รอบตัว เขารู้สึกดีที่มีคยองซูคอยบ่นเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้ฟัง ผิดกับแบคฮยอน ไม่รู้ว่ารายนั้นมองข้ามคนแบบคยองซูไปได้ยังไง


                “จงอินไปกันเถอะ เดี๋ยวลู่หานจะรอนาน” บ้านหลังใหญ่ที่ปกติมีแค่จงอินอาศัยอยู่คนเดียวในตอนนี้มีคยองซูมาพักอยู่ด้วย คลายเหงาได้บ้างนิดหน่อย


    คนทั้งสองใช้เวลาในการเดินทางมาสักพักใหญ่รถคันสวยก็เคลื่อนมาจอดที่ลานจอดรถ คยองซูเดินลงมาก่อนแล้วตามมาด้วยจงอิน ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มตรงเป๊ะไม่ขาดไม่เกิน ภายในผับนั้นคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ภายในมีฟลอสำหรับเต้นและโต๊ะขนาดเล็กใหญ่ตั้งอยู่ในอีกส่วนหนึ่งของร้าน ส่วนมากมาผับก็ไม่ได้มาเพื่อที่จะมาวาดลวดลายสเต็ปแด๊นซ์หรอก ส่วนมากคนที่มาใช้บริการมักจะมาสังสรรค์กินดื่มกับเพื่อนมากกว่า


                “คยองซูทางนี้โว้ย” เสียงลู่หานดังมาจากทางด้านขวามือ คยองซูเลยเดินเข้าไปหา โซฟาตัวยาวสีเพลิงมีเพื่อนของเขาห้าคนนั่งอยู่ ส่วนแบคฮยยอนก็ไม่ได้มาอย่างที่ลู่หานได้บอกไว้ คยองซูเลือกที่จะนั่งติดกับเซฮุน จงอินก็เดินมานั่งข้างๆด้วย เพื่อนต่างถามถึงความเป็นอยู่ของคยองซูบรรยากาศการสนทนาปกติดีทุกอย่าง


                 จนเมื่อมีใครบางคนเดินเข้ามานั่นแหละเสียงพูดคุยถึงได้เงียบลง แบคฮยอนมาในเสื้อเชิ้ตสีขาวปล่อยชายเหมือนกันกับคยองซู บรรยากาศอึดอัดจนรู้สึกแน่นไปหมด คยองซูกับแบคฮยอนมองหน้ากันนิ่งเหมือนจะช็อค แต่ก็แน่ละสิต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้ว่าอีกคนก็มาด้วย



                คยองซูละสายตาออกแล้วหันไปมองลู่หานที่นั่งลอยหน้าลอยตา นี่หลอกกันชัดๆ คยองซูลุกขึ้นจากโซฟาแล้วชิ่งหนีไปทางห้องน้ำ แบคฮยอนเห็นแบบนั้นก็เดินตามไป และเมื่อจงอินทำท่าจะลุกตามเซฮุนรีบคว้าแขนจงอินเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้จงอินตามออกไป


                “น้องจงอินไม่ต้องยุ่งครับ ไม่ต้องไปใส่ใจ” สโลแกนของเซฮุน เสือกคือการใส่ใจ และที่บอกว่าอย่าไปใส่ใจก็หมายความว่าไม่ต้องไปเสือก


                “แต่ว่า….


                “ดวลเหล้ากับพวกพี่ดีกว่า ใครรู้ตัวว่าคออ่อนก็หลบไป” เซฮุนจงใจพูดเน้นเสียงคำว่าคออ่อนกระแทกใส่หน้าจงอิน แน่นอนว่าคนอย่างคิมจงอินไม่มีทางปฏิเสธการท้าดวลครั้งนี้ คริสยักไหล่แล้วเลื่อนแก้วให้กับทุกคน น้ำแข็งทีละก้อนถูกหย่อนลงไปจนครบทุกแก้ว เดี๋ยวก็รู้ว่าใครกันแน่ที่คอทองแดงที่สุดในค่ำคืนนี้


                ทางด้านคยองซูพอเห็นว่าแบคฮยอนตามมากก็เร่งฝีเท้าหนีเอาเป็นเอาตาย เขายังไม่อยากคุยกับแบคฮยอน แม้แต่หน้าก็ยังไม่อยากเห็นเลยด้วยซ้ำไป เขาคิดไว้ว่าจะหนีไปหลบในห้องน้ำแต่ทว่าสุดท้ายก็ต้องจนมุมอยู่ดี คยองซูเลยเปลี่ยนเส้นทางกะทันหัน เขาวิ่งหนีออกไปที่ทางออกฉุกเฉินตรงหลังร้าน


                 อารมณ์เหมือนตัวเองกำลังวิ่งหนีตำรวจยังไงอย่างงั้น คยองซูวิ่งแบบชนิดที่ไม่เหลียวหลัง สายตาก็พยายามสอดส่องหาทางที่พอจะเข้าไปหลบซ่อนได้ และหลังรถคันนั้นก็น่าจะเป็นที่ซ่อนตัวได้อย่างดี



                “คยองซูมึงอยู่ไหน ออกมาคุยกับกูก่อน” ลานจอดรถกว้างไม่มีแม้แต่เงาของคนที่แบคฮยอนวิ่งตามมา หายไปไหนแล้ว... แบคฮยอนมองหาดูสักพักก็ไม่พบใคร เขาตัดสินใจที่จะเดินกลับเข้าไปในร้านดังเดิมเพราะรู้ดีว่ายังไงคยองซูก็คงไม่ยอมออกมาแน่ๆ และหลังจากที่แบคฮยอนหายไปจากจุดเดิมคยองซูก็ถอนหายใจแล้วค่อยๆเดินออกมาจากหลังรถที่เขาไปแอบอยู่ ถ้าได้เจอกับแบคฮยอนแบบจะๆ คยองซูเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่พยายามมาตลอดสามอาทิตย์นั้นมันจะสำเร็จหรือไม่


                   “ยังไงมึงก็หนีกูไม่พ้นหรอก” 














     














     

        


                “ซึ้งจนน้ำตาจะไหลเลยหรอคยองซู ไม่เอานะ อย่าร้อง กูไม่ชอบเห็นมึงร้องไห้” ถ้าเป็นเมื่อก่อนประโยคนี้จะถูกพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจและอ่อนโยน แต่ในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน แบคฮยอนอาจจะกำลังคิดอยู่ก็ได้ว่าคนอย่างคยองซูไม่มีทางที่จะเลิกรักแบคฮยอนได้ไม่ว่าจะหนีหน้ากันไปนานแค่ไหนก็ตาม แบคฮยอนยื่นมือเข้ามาเช็ดหยดน้ำตาออกให้กับคยองซู ปลายนิ้วโป้งค่อยๆปาดน้ำตาที่กำลังไหลออกมาเงียบๆ ให้แห้งหายไปจากใบหน้า


                “ถ้ารักกูก็กลับมาอยู่กับกู” แบคฮยอนดึงตัวคยองซูเข้ามากอดแนบกับอก แรงขัดขืนค่อยๆกลืนหายไปกับวงแขนที่รัดแน่น คยองซูส่ายหัวแล้วซุกหน้าลงกับอกของอีกคน สองมือเล็กกำหัวไหล่แบคฮยอนเอาไว้แล้วจิกดึง แบคฮยอนรู้สึกว่าถือไพ่เหนือกว่าจริงๆ มือเรียวค่อยๆลูบหัวคนในอ้อมกอดเบาๆ...


                 แต่ในขณะนั้นเอง ร่างของคยองซูก็ถูกกระชากออกด้วยฝีมือของจงอิน เด็กหนุ่มคว้าตัวคยองซูให้มาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเองแทน สีหน้าหวงแหนของจงอินมันทำให้แบคฮยอนเดือดปุด



                “อย่ายุ่งกับคนของผม” คิมจงอินชี้หน้าแบคฮยอน จงอินรู้ว่ารุ่นพี่คนนี้ไม่ชอบขี้หน้าเขา และแน่นอนว่าเขาก็ไม่ชอบแบคฮยอนเหมือนกัน


                “ไอ้จงอิน”


                “เลิกยุ่งกับพี่คยองซูสักที เจียมตัวเองบ้างนะครับว่าพี่เองก็มีพี่ดาร่าอยู่แล้ว อย่าคิดจะจับปลาสองมือเลยครับ ถ้าพี่รักพี่ดาร่าพี่ก็อย่ามายุ่งกับคนของผม” ประกาศเสียงแข็งเลยนะว่าคนของแก แบคฮยอนกำหมัดแน่น ไม่มีทาง คยองซูจะต้องกลับมาอยู่กับเขาเหมือนเดิม แบคฮยอนพุ่งไปดึงคยองซูกลับมาแต่จงอินก็กอดคยองซูไว้แน่น


                 ทางด้านของลู่หานเมื่อเห็นว่าจงอินหายไปนานก็รีบยกพวกตามออกมา และก็ตามมาจนเจอว่าแบคฮยอนกำลังปะทะกับจงอินอีกแล้ว ไม่เจียมสังขารเลยเพื่อนกู... และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่คริสต้องอาศัยความสูงใหญ่เข้าไปแยกทั้งสองออกจากกัน


                “ปล่อยกูไอ้คริส!!” ลู่หานมองไปรอบๆ แถวนี้ไม่มีน้ำซะด้วยสิ ทำไงดี ลู่หานจะประสาทแดก ตกลงมันดีไหมนะที่ให้จงอินกับแบคอยอนมาเจอกันเนี่ย ลู่ไร้ซึ่งทางออก เขาวิ่งเข้าไปช่วยคริสแยกแบคฮยอนออกจากจงอิน ให้ตายเถอะ แบคฮยอนแรงเยอะเอาเรื่องเหมือนกัน


                “หยุดโว้ย หยุด!!!!” นี่มันศึกชิงนางในโรงลิเกรึไง นี่มันลานจอดรถนะโว้ย ลู่หานช่วยคริสลากตัวแบคฮยอนออกมายืนในระยะปลอดภัย แต่แบคฮยอนก็ยังดิ้นไม่หยุด ลู่หานก้มหัวให้หนึ่งทีแล้วตะบันหมัดตัวเองอัดใส่แบคฮยอนจนอีกฝ่ายหน้าหัน


                “หยุดบ้าได้แล้วไอ้เชี่ยแบค คยองซูมันเลือกจงอินมึงเข้าใจไหม!!” แบคฮยอนชะงักตัวเองนิ่งเมื่อได้ยินคำที่ลู่หานบอก ตาเรียวจ้องไปที่คยองซูที่กำลังถูกจงอินกอดเอาไว้ นั่นสินะ คยองซูคงจะคิดถูกแล้วละ แบคฮยอนสะบัดตัวให้หลุดจากคริส


    “ก็ดี ถ้ามึงเลือกมันกูก็คงไม่จำเป็นจะต้องรั้งขอให้มึงอยู่” แบคฮยอนพูดทิ้งท้ายแล้วเดินหนีไปอีกทาง พวกเพื่อนๆเมื่อได้เห็นถึงกับส่ายหัวให้กับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ จากนั้นลู่หานก็บอกให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเอง เห็นทีว่าคืนนี้คงจะหมดอารมณ์เที่ยวกันแล้วถ้วนหน้า 

     

                “เซฮุนมึงไปนอนคอนโดกูก่อน” ลู่หานลากคอเซฮุนให้เดินตามเขามา รายนี้ก็เมาแอ๋ทั้งๆที่กินไปไม่กี่แล้ว คนคออ่อนคือมึงชัดๆ แล้วยังจะมีหน้าไปท้าดวลกับจงอินอีก ถุ้ย ไอ้ไม่เจียม 






















    TBC.
    ที่โดนแบนเพราะเราพลาดเอง ขอโทษษ
    ถ้าอยากอ่านก็ไปตามหาอ่านเอาเองนะที่รัก

    #ฟิคเพื่อนพี่แบค

    จะจบแล้วนะ...

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×