ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO :: XTRA { BAEKHYUN D.O }

    ลำดับตอนที่ #20 : CHAPTER :: XXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.17K
      16
      4 ต.ค. 56

          





               เสียงทรโข่งชวนให้แสบแก้วหูดังสะท้อนอยู่ทั่วบริเวณ ลู่หานถือทรโข่งแหกปากร้องไปมาเหมือนจะมาขายเครื่องกรองน้ำ คริสเองก็ตีกลองเป็นจังหวะสนุกสนาน ทั้งจงแดทั้งอี้ชิงก็มีทรโข่งคนละตัวแหกปากร้องเพลงแข่งกัน ไม่ได้แหกตาดูคนอื่นเขาเลยว่าอยากฟังพวกมันร้องเพลงรึเปล่า คยองซูนั่งกอดเข่าอยู่ใต้ร่มไม้ ข้างๆตัวก็เป็นแบคฮยอน รายนี้ก็นั่งกระดิกขาไปมามองพวกลู่หานเอนเตอร์เทนคนที่จะเข้าร่วมทริปของชมรมพวกมัน เป็นการเอนเตอร์เทนที่แบบ... ถ้าขนหม้อไหที่บ้านมาได้นะกูจะขว้างใส่แม่งไม่ยั้งเลย -_-

                “คยองซูทำหน้าตาชื่นบานหน่อยดิวะเห้ย มึงเป็นคนชวนกูมาเองนะ”

                “กูรำคาญเสียงลู่หานอะ เสียงเพราะกูจะไม่ว่าเลย”

                “ก่อนจะว่าลู่หานมึงดูซะก่อนว่าเซฮุนมันกำลังถือทรโข่งมา ความชิบหายของวงการเพลงได้บังเกิดแล้วครับ” คยองซูหลุดยิ้มขำกับความคิดของแบคฮยอน แต่มันก็จริงนั่นแหละ

                “พวกนี้หน้ามึนจะตาย เสียงเหี้ยขนาดไหนก็ร้องจนจบเพลงอยู่ดีนั่นแหละ” คยองซูนับถือบรรดาเพื่อนในแก๊งค์ เสียงไม่ให้แต่ใจรัก คงต้องยอมให้พวกมันจริงๆ จนเช็คจำนวนประชากรที่จะร่วมทางไปด้วยกันเสร็จ ลู่หานถึงได้เรียกจิตอาสาทุกคนขึ้นรถบัสของมหา’ลัย รถคันเดียวกันกับที่พวกมันเอาไปซ่อมนั่นแหละ คยองซูกับแบคฮยอนขึ้นทีหลังก็ได้นั่งหน้าไปตามระเบียบ นี่คงจะได้ฟังลู่หานกับเซฮุนร้องเพลงกันอีกนานเลยงั้นดิ โถ่...

                “อ้าว อะไรวะ เพิ่งขึ้นรถมาก็ทำท่าจะหลับแล้วหรอครื้นเครงกันหน่อยดิ” ลู่หานพูดใส่ทรโข่งเสียงดังจนแบคฮยอนยกมือขึ้นมาอุดแก้วหูเอาไว้ แล้วครู่เดียวหลังจากที่รถเคลื่อนออกมานอกตัวเมืองรถบัสแอร์ธรรมชาติก็เต็มไปด้วยเสียงเพลงและเสียงกลอง

                “คยองซูกินขนมไหมมึง”

                “กินดิ แต่ไม่อยากมือเลอะอะ”

                “หมายความว่ากูต้องป้อนมึงงั้นสิ” แบคฮยอนถามน้ำเสียงติดจะประชด

                “มันแน่นอนอยู่แล้ว เร็วๆดิ หิว” ถึงจะเบะปากใส่แต่คยองซูก็ไม่สน นั่งอ้าปากรอรับขนมจากแบคฮยอน แล้วก็เป็นอยู่อย่างนั้นมาตลอดทาง รถเคลื่อนตัวเข้าสู่เขตหมู่บ้านหลังจากนั่งมารธอนถึงสิบชั่วโมงติดกัน คริสเก็บกลองพร้อมกับลู่หานที่ค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งกับเบาะ ลู่หานที่นั่งติดกับหน้าต่างยกขาขึ้นมาพาดคริสเอาไว้

                “ไอ้คริส นวดดิสัด เมื่อชิบหาย” ลู่หานบ่น

                “มึงทำตัวเองทั้งนั้น สุดท้ายก็ภาระกูจนได้”

                “แหม ทำมาบ่น ทีมึงเป็นภาระกู กูยังไม่บ่นสักคำ” มึงไม่บ่นสักคำหรอก แต่มึงบ่นเป็นชุดเลยไอ้...

                “สัด” คริสยอมจำนนบีบนวดแข้งขาให้ลู่หาน ทำหน้าที่เป็นเบ๊ที่ดีของเพื่อน

                “นวดขาอ่อนย้ำๆแบบนี้จอดรถเอากับกูข้างทางเลยไหมสัด” ลู่หานโบกหัวคริสไปเต็มรัก อะไรของมึงเนี่ยก็มึงชี้ให้กูนวดตรงนี้เองแล้วกูผิดอะไร -_-

                “ไม่ได้หรอกเมียกูดุ ไว้ไม่มีเมียเมื่อไรค่อยว่ากันอีกที” คริสกับลู่หานประสานเสียงกันหัวเราะดังลั่นจนมือมีลึกลับเอื้อมมาดึงหัวลู่หานจากข้างหลัง

                “ไอ้ลู่ แหกปากหาพ่อมึงหรอ เงียบดิ กูจะนอน” เซฮุนอาละวาดบ้าง จนในที่สุดภายในรถบัสก็เงียบไป คงจะเพราะเดินทางมาไกลบวกกับลมเย็นๆจากธรรมชาติก็เลยกล่อมให้ทุกคนหลับลงอย่างง่ายดาย แบคฮยอนกับคยองซูที่ชิงหลับไปตั้งแต่สามสี่ชั่วโมงที่แล้วตอนนี้ก็ตื่นขึ้นมานั่งมองหน้ากันเลิกลั่ก

                “เงียบแบบนี้สงสัยไอ้ลู่หลับ” แบคฮยอนออกความเห็น

                “อีกนิดเดียวก็ถึงแล้วมั้งเนี่ย” คยองซูชะเง้อหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง เส้นทางเริ่มห่างไกลความเจริญมากขึ้นทุกที สังเกตได้จากพื้นผิวถนนที่เริ่มเปลี่ยนไป จากถนนลาดยางก็เหลือแค่ดินสีแดงๆพร้อมกับฝุ่นที่ลอยตลบ เป็นอย่างนี้สักพักรถก็เริ่มกระตุก แล้วเสียงเครื่องยนต์ก็ดับลงจนทุกคนในรถค่อยๆตื่นขึ้นมาดูเหตุการณ์ คนขับแจ้งว่าจู่ๆรถก็ดับ ลู่หานได้ฟังก็ถึงกับกุมขมับ เขาหันกลับไปประกาศให้ทุกคนขนสัมภาระของตัวเองลงจากรถแล้วเดินไปยังหมู่บ้านแทนการนั่งรถ ทางจากนี่ถึงหมู่บ้านก็ไม่ไกลมากหรอกแค่ห้ากิโลแค่นั้นเอง...

                “ไอ้เหี้ยลู่หาน ไอ้เวร มึงทำไมไม่เช็คสภาพรถให้ดีวะ ไอ้...”

                “เซฮุนมึงจะด่ากูให้ได้อะไรวะเนี่ย นี่ด่ากูเป็นชาติแล้วมึงยังไม่เลิกด่ากูอีกหรอ”

                “ก็มึงนั่นแหละที่ทำให้พวกกูกับคนอื่นๆต้องมาลำบากเดินกันจนขาลาก” เซฮุนบ่นไปตามประสาคนรักความสบาย เขาไม่ค่อยชอบความลำบากสักเท่าไร แต่ถึงจะบ่นอย่างนั้นแต่สองขาก็ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆพร้อมกับกระเป๋าเป้บนหลัง นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องมาช่วยลู่หานปฏิบัติภารกิจลับนะ จ้างได้โอเซฮุนก็ไม่มาหรอก ร้อนโว้ย

                “ไอ้คริสต่างหากที่ผิด มันเสือกไปมีเรื่องกับพนักงานในอู่ นี่สงสัยเขาหมั่นไส้มั้งก็เลยซ่อมรถแบบไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็น ชิบหายกันทั้งคันรถเลยแม่ง” ลู่หานก่นด่าพร้อมกับเตะซากขวดพลาสติกที่ตกอยู่ระหว่างทาง ฝุ่นจากพื้นก็ลอยตลบ เซฮุนเห็นแบบนั้นก็บ่นใส่ลู่หานแบบไม่ยั้งปาก

                “เซฮุน นอกจากมึงจะพูดมากแล้วยังขี้บ่นอีก ใครได้เป็นผัวนะโชคร้ายชิบหายเลยแหละ เอ๊ะ หรือว่ามึงชอบที่จะเป็นเมียมากกว่าเป็นผัววะ”

                “มึงนั่นแหละ ไอ้ปากหมา ไอ้ลู่หาน ไอ้เพื่อนเฮงซวย กูขอให้มึงไม่มีเมียไปตลอดชาติ”

                “ไม่มีเมียเอาผัวก็ได้” ลู่หานลอยหน้าลอยตาตอบ

                “ถ้างั้นกูขอให้มึงขึ้นคาน” เซฮุนเองก็ไม่ยอมสงบปากสงบคำ ยังเถียงกับลู่หานฉอดๆ จนคริสที่เดินตามหลังอยู่ต้องประกาศพ.ร.บ.ฉุกเฉิน พร้อมยื่นคำขอจากสภาเพื่อมายุติข้อพิพาทของทั้งสองคน แม่ง เถียงกันยังกับปัญหาระดับชาติ ทางด้านคนอื่นๆก็เดินปาดเหงื่อกันไปตลอดทาง หวังเหลือเกินว่าจะมีรถของพวกชาวบ้านผ่านมาบ้างแต่ก็ไม่มี คริสพยายามโทรติดต่อกับทางพวกที่มาถึงกันก่อนหน้านี้แล้วแต่สัญญาก็ไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสายได้ คงจะต้องเดินกันไปแบบนี้จนกว่าจะถึง


                เกือบสองชั่วโมงสำหรับการเดินเท้าเข้ามาภายในตัวหมู่บ้าน กลุ่มชาวบ้านพอได้ยินเสียงคนคุยกันก็แห่กันออกมาดูด้วยความสงสัย แต่ในที่สุดก็เลิกมุงแล้วแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน เพียงแค่เวลาสั้นๆลู่หานก็นำทุกคนมาจนถึงเขตของโรงเรียนที่ทุกคนจะต้องมาช่วยกันทาสีฟื้นฟูสภาพใหม่


                ลู่หานหยิบทรโข่งขึ้นมาประกาศอีกครั้งให้ทุกคนมารวมตัวนั่งพักกันที่โรงอาหารเล็กๆของโรงเรียน พร้อมกับประกาศให้เหล่าอาสาสมัครทั้งหลายรู้ว่าพวกเขาตองทำอะไรบ้างและอยู่กินกันอย่างไร ที่พักรวมถึงห้องน้ำนั้นอยู่ตรงบริเวณไหน รวมไปถึงสถานที่สวยๆที่อยู่ใกล้กับโรงเรียนด้วยเผื่อบางคนอยากจะไปเก็บภาพความสวยงามเอาไว้ และด้วยความที่เดินทางกันมาเหนื่อยทั้งวัน วันแรกที่มาถึงลู่หานจึงตัดสินใจที่จะเริ่มทำงานกันในวันพรุ่งนี้ ส่วนวันนี้ก็ให้ทุกคนแยกย้ายไปที่พัก ซึ่งเต็นท์ที่พักนั้นสามารถนอนได้สามคน


                “ลู่หานอะ ทำไมเต็นท์นอนกันสามคนวะ อึดอัดตายห่าเลย” อี้ชิงเบะหน้าเหมือนจะร้องไห้ เพราะเขาเป็นคนขี้ร้อนจึงไม่ค่อยชอบเลยที่จะต้องมานอนเบียดกับใคร

                “อยากสบายมากก็ไปนอนบนหลังคาไปมึงอะ แหม ลูกคุณหนูกันชิบหายเลย เดี๋ยวกูจะให้มึงกับไอ้เซฮุนอะไปนอนกับลิงบนต้นไม้ดีไหมสัด” พอรวมตัวกันครบแก๊งค์ความวุ่นวายก็บังเกิด ต่างคนต่างหัวดื้อไม่ยอมทำตามกฎกติกา บอกให้นอนสามจะนอนหนึ่ง

                “โอ้ยพวกมึง มาเดี๋ยวกูจัดให้ว่าใครจะนอนกับใคร” คริสลู่หานและเซฮุนพร้อมใจกันมองหน้ากันตาปริบๆ แผนแรกกำลังจะเริ่มขึ้น คริสกระแอมไอเบาๆแล้วจัดการแบ่ง

                “อี้ชิง มึงนอนกับกู”

                “ไม่ กูไม่มีทางนอนร่วมเต็นท์เดียวกันกับคนนอนกรนแบบมึงหรอก กูขอนอนกับจงแดดีกว่า”

                “ถ้างั้นแล้วแต่มึงละกัน ส่วนไอ้แบค คยองซู เซฮุน พวกมึงนอนด้วยกันสามคน ส่วนกูจะนอนกับลู่หาน” เซฮุนถูจมูกฟุดฟิด จะเอากูไปนอนเป็นก้างขวางคอให้ไอ้กับคยองซูทำไมวะ

                “งั้นเอาตามนี้แหละ” แบคฮยอนกระชับสายกระเป๋าแล้วลากตัวคยองซุกับเซฮุนให้เดินแยกออกไปหาเต๊นท์นอน ใช้เวลาสักพักก็จัดข้าวจัดของกันเรียบร้อย เซฮุนนอนริมติดกับทางเข้าทางออก แบคฮยอนนอนตรงกลาง ส่วนคยองซูก็นอนริม สามคนนั่งมองหน้ากันจนเซฮุนทนไม่ไหวขอตัวออกมาก่อน

                “เหนื่อยชิบหายเลยวะ” คยองซูทุบขาตัวเองไปมาเพราะเมื่อยจริงๆ นั่งรถจนรากงอกไม่พอยังต้องมาเดินจนขาแทบหลุด

                “กูนวดขาให้ไหม” ไม่ได้ตอบรับความหวังดี คยองซูส่ายหน้าแล้วลุกเดินออกมานอกเต็นท์ มองขึ้นไปบนฟ้าก็พอจะเดาเวลาออกว่านี่ย็นมากแล้ว อีกสักครู่ฟ้าก็คงจะมืด

                “คยองซูไปหาพวกไอ้ลู่หานไหม”

                “อืม ไปดิ” แบคฮยอนเดินนำหน้าไปก่อน ส่วนคยองซูก็เดินตามไปเงียบๆ ตอนที่มองแผ่นหลังของแบคฮยอนหัวใจของคยองซูก็รู้สึกว่าวูบไป เขาไม่อยากให้แบคฮยอนอยู่ไกลจากระยะสายตาของเขาเลย...

                ตามประสาของเพื่อนกลุ่มใหญ่เวลาคุยกันเสียงก็ดังโหวกเหวก โดยเฉพาะกลุ่มของลู่หานที่ดูจะดังกว่าใครเพื่อน ส่วนมาเรื่องที่คุยก็เป็นเรื่องนินทาผู้หญิงทั้งนั้น แมนกันจริงๆ ราวๆชั่วโมงกว่ารุ่นพี่ที่มาอยู่กันก่อนหน้าแล้วก็เรียกทุกคนไปกินข้าวกันที่โรงอาหารอีกครั้ง พอเสร็จจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำนอน สามทุ่มกว่าๆเป็นเวลาที่ยังไม่ค่อยน่านอนเท่าไรทั้งสามคนภายในเต็นท์จึงยังคงนอนคุยกันอยู่

                “กูว่าเรามาเล่นเกมส์กันดีไหมวะ” เซฮุนเสนอ

                “เกมส์อะไรอีกละ เมื่อกี้เล่นทายปัญหาแล้วยังไม่พอใจมึงอีกหรอ” แบคฮยอนพูดเหมือนไม่ประสงค์อยากจะเล่นด้วยสักเท่าไร

                “เกมส์แน่นอนอยู่แล้ว” เซฮุนลุกขึ้นนั่งพร้อมกับอธิบายวิธีเล่นคร่าวๆ คยองซูพยักหน้าเข้าใจ แต่แบคฮยอนกลับทำหน้าง่วง

                “แม่งเริ่มเลยดีกว่า  คนแรกนะกูขอถามไอ้แบคฮยอน แบคมึงหน้าม่อใช่รึเปล่า” ร่างโปร่งหัวเราะคิกคักกับคำถามของตัวเอง ส่วนแบคฮยอนก็หัวเราะแล้วตอบ

                “แน่นอนอยู่แล้ว หล่อแบบกูต้องบริหารสเน่ห์บ่อย แล้วมึงละเซฮุน มึงเป็นตุ๊ดใช่รึเปล่า” เมื่อคำต้องห้ามหลุดออกจากปากของแบคฮยอน พอเซฮุนได้ยินก็จัดการตีแบคฮยอนเสียยกใหญ่แต่สุดท้ายก็ยอมตอบ

                “แน่นอนอยู่แล้ว น่ารักแบบกูไม่เป็นตุ๊ดก็คงหาเมียไม่ได้” เซฮุนจำยอมเล่นไปตามเกมส์ จากนั้นก็เริ่มถามต่อ

                “แล้วมึงละคยองซู มึงชอบจงอินรึเปล่า” เซฮุนถาม

                “แน่นอนอยู่แล้ว น้องจงอินนิสัยก็ดี แถมยังหล่อ ใครไม่ชอบก็บ้า” คนถามทำหน้าพะอืดพะอมเขาละไม่เห็นจะชอบขี้หน้าไอ้เด็กจงอินมันสักเท่าไรเลย

                “แล้วมึงละแบคฮยอน มึงชอบจงอินไหม” คยองซูหันหน้าไปถามแบคฮยอน ซึ่งอีกคนอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบ จนเซฮุนเริ่มนับถอยหลังแบคฮยอนถึงได้ปริปากพูด

                “กูยอมแพ้ก็ได้ กูเกลียดไอ้เด็กคิมจงอิน” แบคฮยอนทำสีหน้าล้ายๆกับว่ากำลังประกาศตัวเป็นศัตรูกับคิมจงอินยังไงยังงั้น ซึ่งเรียกรอยยิ้มมุมปากของคยองซูได้เป็นอย่างดี

                “แม่ง ไม่มันส์เลย กูว่ากูนอนดีกว่า” เซฮุนหาวหวอดๆแล้วทิ้งดิ่งนอนลงทันที อากาศตอนนี้เริ่มเย็นมากแล้วจึงถือว่าเป็นอุณภูมิที่พอเหมาะกับการนอนห่มผ้า เพราะอากาศข้างนอกกับอากาศภายในหอมันไม่เหมือนกันแบคฮยอนก็เลยดูเหมือนว่าจะห่มหนากว่าคนอื่น เขาเป็นคนค่อนข้างขี้หนาว ซึ่งข้อนี้คยองซูเองก็รู้ดี

                “มึงหนาวไหมแบคฮยอน” คยองซูกระซิบถามเพราะไม่อยากเสียงดังรบกวนเซฮุน

                “หนาวดิ”

                “ถ้างั้นจะกอด”

                “ไม่เอา เซฮุนมันก็อยู่ด้วย เดี๋ยวมันเห็น”

                “ช่างมันสิวะ กูไม่เห็นจะอายเลย”

                “ไม่ต้องหรอกกูห่มผ้าหนาๆเอาก็ได้” แบคฮยอนยังปฏิเสธหัวชนฝา

                “มันไม่รู้หรอก มันหลับแล้ว” คยองซูไม่สนใจ เขาค่อยๆดันตัวเองจากผ้าห่มแล้วแทรกตัวเข้าไปนอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับแบคฮยอน แขนนิ่มพาดกอดลำตัวของแบคฮยอนเอาไว้แบบพอดีๆ แบคฮยอนเลิกต่อต้านแล้วยอมให้คยองซูกอดแต่โดยดี ไม่เป็นไรหรอกมั้งเซฮุนคงจะหลับไปแล้วแหละ...


                ยัง กูยังไม่หลับ โอเซฮุนยังคงลืมตาอยู่ รับรู้ได้ทุกอย่างถึงแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยตา ไม่ว่าจะเป็นเสียงการเคลื่อนไหวหรือแม้แต่เสียงกระซิบ เขาจำใจต้องนอนฟังอยู่อย่างนั้น ที่จริงไม่อยากนอนกับมันสองตัวเลยด้วยซ้ำแต่เพราะลู่หานบอกให้ตามประกบคยองซูเขาเลยจำเป็นต้องทน แต่ว่าความจริงก็ไม่ต้องประกบขนาดนี้ก็ได้มั้ง กูอิจฉาจนแทบจะหมุดลงไปนอนใต้ดินได้แล้วแม่ง!!!


                ในตอนเช้าทุกคนก็ตื่นกันตามเสียงเรียกจากทรโข่ง กิจกรรมดำเนินต่อไปเรื่อยๆท่ามกลางแดดที่ไม่ค่อยร้อนมาก อากาศกำลังดีเลยทีเดียว ลู่หานนั่งตอกตะปูเข้ากับไม้เพื่อตอกให้มันติดกันแล้วนำไปทาสี ระหว่างที่ทำอยู่คยองซูก็เดินถือถังสีเล็กๆเข้ามา

                “ลู่หาน มึงทำอะไรอะ”

                “อ๋อ กูซักผ้าอยู่” ยังจะมีหน้ามาถาม

                “ทำไมต้องกวนตีนด้วยเล่า ตอบดีๆไม่ได้รึไง”

                “เออ กูตอกตะปูอยู่มึงมีไร ทำไมไม่ไปอยู่กับพวกไอ้ฮุนไอ้แบค”

                “กูรำคาญเซฮุน แม่งพูดมากชิบ” พอลู่หานได้ฟังเหตุผลก็อดหัวเราะไม่ได้ คนที่จะอยู่กับเซฮุนได้คงต้องเป็นคนที่มีมาดเป็นผู้ใหญ่ ไม่ค่อยพูดค่อยจา เงียบๆเลยยิ่งดีปล่อยให้เซฮุนมันบ้าไปคนเดียว

                “ทนเอาหน่อยละกัน เหลืออีกแค่สี่วันก็จะได้กลับบ้านแล้ว” ลู่หานพูดต่อ


                “โชคดีนะที่พวกเรามากันช่วงนี้เพราะฝนมันยังไม่ตก กูดูพยากรณ์อากาศมาละว่าช่วงหลังจากที่เรากลับไปจากที่นี่แล้วฝนแม่งจะตกหนัก โชคดีชิบหายเลย”

                “เมื่อไรนะ”


                “หลังจากพวกเรากลับจากที่นี่แหละฝนมันถึงจะตก”


                “เมื่อไร”


                “อีกสี่ห้าวันแหละ”


                “เมื่อไรจะหยุดพูด” กรี๊ด คยองซูมึงเล่นกับกูแบบนี้เลยเรอะ!! ลู่หานอยากจะร้องไห้เป็นภาษาดอกไม้แล้วปาค้อนในมือกระแทกเบ้าหน้าคยองซูดูสักที


                “ไอ้คยองซู สันดาน” คยองซูหัวเราะลั่นเมื่อเห็นว่าลู่หานทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าเขาเต็มทน คนตัวเล็กตัดสินใจไม่อยู่ต่อเพราะอาจจะโดนลู่หานเอาค้อนทุบกบาลแยกก็เป็นได้ 














     

             

                   ล่วงเลยมาจนวันที่สามอีกแค่สองวันก็จะได้กลับไปนอนตีพุงอยู่บ้านแล้ว เซฮุนแอบมานั่งอู้งานอยู่ในซอกหลืบของโรงเรียน อากาศในซอกมันชื้นๆชวนให้หาวนอน ร่างโปร่งสูงชะลูดลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจไปมาแล้วจากนั้นก็ตั้งปณิธานไว้ว่า ต่อไปจะไม่อู้แล้ว เพราะเขาไม่ใช่คนเหนือ แต่ในขณะที่โจรกำลังจะกลับใจบางอย่างก็รั้งเซฮุนเอาไว้จนทำให้เขาจำเป็น ต้องอยู่ต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้ ใครเดินมาวะ...



     

                เหี้ย ไอ้จงอิน...!!!


     

                ไม่ ได้มาเพียงหนึ่ง แต่นี่ควบมาถึงสอง เซฮุนแอบจ้องมองจงอินกับพี่ดาร่าสลับกันไปมา ทั้งคู่ถือกระเป๋าเป้มากันด้วย นี่คงจะมาในฐานะของจิตอาสาสินะ หึ แต่การมาฟื้นฟูโรงเรียนคงไม่ใช่จุดประสงค์หลักของสองคนนั่นหรอก เซฮุนรู้ รู้ดีเลยทีเดียว
     

                โอ้ โห สวัสดีครับรุ่นพี่ดาร่าคนสวย เซฮุนเดินออกมาจากซอกหลืบแล้วถลาตัวเข้าไปกล่าวทักทายคนผู้มาใหม่ทั้งสองคน คนอื่นๆเขาทำงานกันจนจะเสร็จแล้วทำไมสองคนนี้ถึงได้เพิ่งมาถึงกันวะ
     

                จ้ะ ที่พักอยู่ทางไหนหรอ
     

                อ๋อ เดี๋ยวผมพาไปก็ได้ครับ ตามมาเลย ขณะที่กำลังยิ้มแย้มอยู่กับพี่ดาร่าเซฮุนก็สัมผัสได้ว่ามีพลังงานบางอย่าง กำลังจ้องมองเขาอยู่ พลังงานดำๆ
     

                มองอะไรครับน้องจงอิน
     

                เปล่า ครับมองกูก็บอกมาเถอะ เซฮุนกรอกตาไปมาแล้วเดินนำสองคนให้เข้ามายังที่พัก แต่ก็วุ่นวายกับการหาเต็นท์อยู่พักใหญ่ เซฮุนตัดสินใจไปลากลู่หานมาช่วยเคลียร์พื้นที่ให้ และก็เป็นผลออกมาว่าจงอินได้นอนคนเดียวเต็นท์เดียว ส่วนพี่ดาร่าก็ไปนอนรวมกับผู้หญิงคนอื่น ไอ้จงอินมันสบายเกินไปรึเปล่าวะ มาทีหลังแล้วยังสบายกว่าคนอื่นอีก


     

                หลังจากจัดที่จัดทางกันเรียบร้อยแล้วเซฮุนก็ลากคอลู่หานออกมาคุยกัน เซฮุนอยากรู้เหลือเกินว่าทำไมสองคนนั้นถึงได้เพิ่งมาเหยียบที่นี่
     

                อ๋อ พอดีเจ้แซนแกป่วยวะ พวกกูเลยบอกว่าไม่ต้องมาก็ได้ แต่สุดท้ายก็มา
     

                มา เอาป่านนี้เนี่ยนะเซฮุนเบะปาก พอคุยกันเข้าใจแล้วก็เป็นอันว่าจบ สองคนแยกกันไปทำงานกันตามที่ได้รับมอบหมาย พอถึงช่วงเที่ยงวันทุกคนก็เริ่มหมดแรงและอยากพักเที่ยง ไหนจะหิวไหนจะร้อน คยองซูเองก็เช่นกัน นั่งทาสีกับแบคฮยอนอยู่ดีๆอีกคนก็หายตัวไปแบบไม่บอกกล่าว นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมานั่งกินข้าวกล่องเพียงลำพังใต้ร่มไม้ ...แต่แล้วก็มีใครบางคนเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ
     

                พี่คยองซู
     

                จงอินทำไมนายเพิ่งจะมา
     

                ขอโทษครับ พอดีพี่ดาร่าไม่สบายผมเลยต้องรอ
     

                อืม นั่นสินะ ก็พี่ดาร่าเป็นน้องสาวของพี่ชานยอลนี่ปาร์คชานยอล คนที่เป็นเพื่อนรักต่างวัยของจงอินนั่นแหละ คิมจงอินหรี่ตามองรุ่นพี่ตัวเล็กด้วยสายตาสงสัย ทำไมตอนนี้อีกคนถึงได้พูดชื่อของชานยอลได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
     

                พี่เลิกคิดถึงเรื่องวันนั้นไปแล้วจริงๆหรอครับ
     

                พี่มาคิดดูอีกทีนะ วันนั้นถ้าเกิดว่านายไม่หลอกพี่ไปให้พี่ชานยอลรังแก พี่กับแบคฮยอนก็คงไม่ได้... เอ่อ ไม่ได้คุยกันแบบจริงๆจังๆ
     

                พี่พูดให้ผมรู้สึกผิดอีกแล้วนะครับเนี่ย
     

                ก็นายบอกว่านายจะไถ่โทษให้พี่ไม่ใช่รึไง
     

                ใช่ครับ ผมจะขอไถ่โทษจากพี่นะ
     

                กินข้าวกันเถอะเดี๋ยวข้าวจะเย็นหมดคยองซูยิ้มกว้างแล้วยีหัวจงอินเล่นเมื่อเห็นว่าจงอินหน้าสลดลง
     

                ถ้า งั้นตอนนี้ผมขอไถ่โทษด้วยการกินข้าวเป็นเพื่อนพี่ไปก่อนก็แล้วกันนะครับ กลิ่นอาหารลอยฟุ้งออกมาจากกล่องข้าวของสองคน คยองซูกินไปก็คุยไปอย่างออกรส มือไม้ก็อยู่ไม่สุขต้องคอยเอื้อมไปยีหัวจงอินอยู่ตลอดเวลา ก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน จงอินก็น่ารักดี แถมตอนนี้ก็ทำดีกับคยองซูมากจน...ไว้ใจ
     

                พี่ คยองซูครับ หัวผมจะหลุดคามือพี่อยู่แล้วนะเนี่ยแหวะ เซฮุนที่มองมาจากด้านหลังต้นไม้เก็บกลั้นความรู้สึกพะอืดพะอมไว้ไม่อยู่ อยากจะคายข้าวในปากทิ้งจริงๆ เขาส่ายหัวเอือมๆแล้วเดินเลี่ยงเข้าไปหาลู่หาน ไอ้บ้านี่ก็เอาแต่หลีหญิง
     

                พี่ลู่ครับ กูมีเรื่องจะปรึกษารอบข้างลู่หานก็มีจงแดอี้ชิงแล้วก็คริส ส่วนแบคฮยอนไม่รู้หายหัวไปไหนของมัน
     

                เรื่องเจ้แซนกับจงอินใช่ไหมวะ ทำตามที่ตกลงกันไว้นั่นแหละ มึงไม่ต้องบิดเบือนแผน
     

                แต่กูกลัววะ กลัวว่าถ้าไอ้เด็กดำมันได้คยองซูไปแดกจริงๆขึ้นมา...
     

                ไม่มีทางหรอก







     

                คยอง ซูพอกินข้าวเสร็จก็เดินเลี่ยงออกมายังบริเวณสถานที่สวยงามที่ลู่หานเคยบอก และถ้าเดินตรงไปเรื่อยๆก็จะมีน้ำตก แต่คยองซูคงไม่ขยันมากพอที่จะเดินไปถึงที่นั่นหรอก แล้วอีกอย่างบริเวณนี้ก็มีคนเดินผ่านไปมาเพียงไม่กี่คน เพราะคนส่วนมากหลังจากกินอิ่มกันแล้วก็เลือกที่จะไปนั่งพักผ่อนกันที่โรง อาหารมากกว่าที่จะไปเที่ยวเดินเตร่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย

     

                ขณะ ที่กวาดตาไปรอบๆก็เจอเข้ากับแบคฮยอน รายนั้นก็กำลังจ้องมองเขาอยู่เช่นกัน ครั้นคยองซูจะโบกมือเรียก อีกคนก็เดินหนีหายไปอีกทางซะแล้ว เดือดร้อนคยองซูต้องออกแรงวิ่งตาม

     

                แบ คฮยอนรอกูก่อนเรียกยังไงอีกคนก็ไม่หัน นี่มันเป็นอะไรของมันอีกละ แบคฮยอนเร่งฝีเท้านำไปจนในที่สุดคยองซูก็ตามไม่ทัน แล้วก็คลาดกันไป คยองซูหันมองรอบๆแต่ก็ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆ
     

                แบคฮยอน มึงอย่าแกล้งกูแบบนี้นะกูกลัวกลัวสิ่งที่มองไม่เห็น
     

                แบคฮยอนมึงอยู่ไหน...
     

                แบ คความเงียบของผืนป่าเข้าครอบงำ คยองซูกำมือเขาหากันแน่น เขามั่นใจว่าแบคฮยอนคงจะเดินไปไหนได้ไม่ไกล คยองซูตัดสินใจไม่ถอยหลังกลับ เขาเดินต่อไปเรื่อยๆ เรื่อยมาจนได้กลิ่นของความชื้นและเสียงน้ำที่ไหลลงมาจากที่สูง นี่เขาเดินตามหาแบคฮยอนไกลขนาดนี้เลยหรอ
     

                น้ำตา สวยตั้งตระหง่านอยู่ในสายตาของคยองซูแล้ว เป็นน้ำตกกลางป่าที่ดูเงียบเหงาแต่ก็สวยงามในแบบของมัน คยองซูลองร้องเรียกหาแบคฮยอนอีกหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา
     

                แบคถ้ามึงไม่ออกมากูจะกลับแล้วนะ

                คยองซูเสียงของแบคฮยอนทำให้คยองซูต้องหันกลับไปมอง อีกคนยืนนิ่ง ดวงตาเรียวรีที่จ้องมองเขาอยู่นิ่งสงบเกินไป นี่ใช่แบคฮยอนรึเปล่า
     

                แบค มึงไปไหนมา รู้ไหมว่ากูนั่งรอมึงมากินข้าวด้วยกันตั้งนาน
     

                มึงรอกูจริงหรอ
     

                จริงดิวะ กินข้าวคนเดียวมันเหงานะเว่ยคยองซูขยับตัวเดินเข้าไปใกล้
     

                หึ แล้วไอ้จงอินละ มันช่วยแก้เหงามึงไม่ได้หรอ
     

                แบค มึงเห็น...
     

                กู ไม่ได้ตาบอด แต่ก็ช่างเถอะ มึงอยากจะทำอะไรก็เรื่องของมึง คยองซูลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาก็แอบนึกว่าแบคฮยอนจะรู้สึกอะไรบ้างซะอีก อย่างเช่นหึงหวงกันบ้างอะไรประมาณนั้น
     

                นั่นซินะ มันเป็นเรื่องของกู กูอยากจะทำอะไรก็ได้
     

                หยุด พูดสักทีเถอะกูไม่อยากฟัง มึงจะไปไหนก็ไป แบคฮยอนออกปากไล่ขนาดนี้แล้วแต่คยองซูก็ยังยืนนิ่ง ทำไมคยองซูจะต้องยอมถอยทัพกลับตามคำสั่งของแบคฮยอนด้วย ตัวเล็กเดินไปจับแขนแบคฮยอนเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
     

                ไม่อะ จะอยู่กับมึง มึงไปไหนกูจะตามไปทุกที่
     

                ไม่ต้องมายุ่งกับกูแบคฮยอนสะบัดมือของคยองซูออก และนั่นก็ทำให้คยองซูรู้สึกตกใจในท่าทีของอีกคน
     

                แบคฮยอนมึงเป็นอะไร
     

                เปล่า มึงกลับไปเหอะ ไอ้จงอินมันคงรอมึงอยู่
     

                ใครอยากจะรอก็รอไปดิ กูจะอยู่กับมึง กูไม่สนว่ามึงจะไล่กูอีกกี่ครั้ง
     

                คยอง ซูมึงมั่นใจหรอว่าอยากอยู่กับกู เพื่อนแบบกูมันไม่มีอะไรน่าอยู่ด้วยหรอก ปากก็หมา หน้าตาก็ไม่หล่อ แถมกูยังไม่ฮอตเหมือนคนที่มาจีบมึง มึงกลับไปเถอะ
     

                แต่กูไม่อยากเป็นเพื่อนมึงนะ
     

                กูไม่อยากฟัง...นั่นคือสิ่งที่แบคฮยอนตอบกลับมา
     

                โอเค กูจะไปแล้วก็ได้ มึงอย่าไปเดินเล่นไกลนะถ้าเกิดว่าหลงทางขึ้นมาจะยุ่งกันทั้งคณะ
     

                ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงซะกูก็คงจะไม่ทำตัวเป็นภาระให้มึงกับจงอินต้องเสียเวลาที่จะใช้สวีทกันเพื่อมาตามหากูหรอก
     

                ไอ้แบค!!” ทั้งที่พยายามข่มอารมณ์คุยกันด้วยน้ำเสียงปกติแล้วแท้ๆ แต่คยองซูกลับทนไม่ไหว ทำไมแบคฮยอนถึงชอบเอาจงอินเข้ามาโยงเกี่ยวอยู่ด้วยในทุกประโยค
     

                ทำไม กูพูดแทงใจดำมึงรึไงคยองซูจ้องหน้าแบคฮยอนนิ่ง ดวงตากลมโตเริ่มอยากที่จะระบายความรู้สึกในครั้งนี้ แต่ไม่มีทางหรอก คยองซูจะไม่ยอมปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเด็ดขาดเพราะแบคฮยอนไม่อยากเห็นเขา ร้องไห้
     

                มึง มันนิสัยไม่ดี คนที่พยายามข่มน้ำตาเอาไว้ค่อยๆเม้มปากเข้าหากนแล้วยอมล่าถอยออกห่างจากตัว ของแบคฮยอน ในขณะที่กำลังเดินหันหลังให้กับแบคฮยอน คยองซูก็หวังแค่เพียงว่าแบคฮยอนจะรั้งเขาไว้ แบคฮยอน ได้โปรดเถอะ รั้งกูไว้สักนิดก็ยังดี... แต่เปล่าเลย มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบกลับมา





     

                มึงไม่เคยรักกูเลยใช่ไหม...



     

                พอ หมดช่วงพักทุกคนก็กลับมาทำงานกันตามปกติ แต่ลู่หานกลับรู้สึกถึงรังสีอะไรบางอย่างที่ทำให้บรรยากาศรอบๆตัวเขาเริ่มจะ มาคุ โดยเฉพาะแบคฮยอนกับจงอิน สองคนนี้นั่งทาสีอยู่ข้างๆกัน จากที่ลู่หานสังเกตมาคิมจงอินเป็นฝ่ายส่งสายตาไปก่อกวนแบคฮยอนก่อน เขาละกลัวจริงๆว่าจะเกิดเรื่อง แล้วก็เป็นไปตามคาดแบคฮยอนกระแทกแปรงทาสีลงกับพื้นจนเนื้อสีกระเด็นเปื้อนคน ข้างๆ
     

                พี่ครับระวังหน่อย
     

                แกนั่นแหละที่ต้องระวัง ที่มีตั้งเยอะแยะทำไมถึงไม่ไปนั่งแบคฮยอนสวนกลับ
     

                ผมอยากนั่งผมก็นั่ง พี่จะทาสีพี่ก็ทำไปสิครับ แต่ช่วยระวังๆด้วยนะเพราะมันกระเด็นเปื้อนผม
     

                ใครมาทีหลังก็สมควรที่จะเป็นฝ่ายที่ต้องเดินออกไป
     

                มาก่อนมาหลังไม่สำคัญหรอกครับพี่ มันสำคัญที่ว่าพอใจที่ จะนั่งรึเปล่าจงอินยกยิ้มที่มุมปากตามสูตรตัวร้ายในละครหลังข่าว แบคฮยอนเข้าใจแล้วละว่าอารมณ์ของคนที่ถูกยั่วอารมณ์บริเวณต่ำกว่าตาตุ่มมัน น่าซัดปากขนาดไหน แล้วเพียงชั่วอึดใจเดียวหมัดหนักๆก็ถูกส่งไปกระแทกหน้าเด็กรุ่นน้องอย่างแรง จนหงายหลัง แบคฮยอนกระโดดขึ้นคร่อมแล้วรัวหมัดใส่ด้วยใบหน้าเกรี้ยวโกรธ ทำไมเขาจะต้องโมโหขนาดนี้ด้วย
     

                เห้ย ไอ้เชี่ยแบค!!” คริสตะโกนโหวกเหวกแล้วรีบวิ่งเข้ามาห้ามปราม แต่สุดท้ายก็คือทำได้แค่ส่งเสียงห้ามปรามให้สองคนหยุดก่อเหตุวิวาทกัน ลู่หานกุมขมับด้วยความเครียด กูว่าแล้วไงว่าแม่งต้องมีเรื่อง ขณะที่กำลังปวดหัวอยู่ก็เหลือบไปเห็นถังน้ำที่เอาไว้ล้างแปรงทาสี ลู่หานไม่รีรอเลยที่จะยกน้ำในถังนี้ไปแยกหมาสองตัวให้เลิกกัดกันแย่งกระดูก อ่อน


                ทันทีที่น้ำถูกสาดเข้าใส่สองคนก็หยุดชะงัก คยองซูซึ่งไม่รู้ว่าโพล่มาจากไหนก็วิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์แล้วก็ทำหน้าช็อค โลก ตากลมมองสลับสองคนไปมาแล้วก็ตัดสินใจที่จะเดินไปช่วยพยุงจงอิน เพียงแค่นี้ก็ทำให้แบคฮยอนหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว

     

                ไอ้แบค มึงเป็นบ้าอะไร
     

    เรื่องของกู!!
     

    เออ เรื่องของมึง!” คยองซูตวาดแล้วพยุงจงอินเอาไว้พร้อมกับส่งสายตาผิดหวังมาให้แบคฮยอนแล้วจาก นั้นก็พาจงอินไปนั่งพักที่อื่น บรรดาเพื่อนเมื่อเห็นท่าไม่ดีก็ช่วยกันมาพยุงแบคฮยอน ลู่หานตบบ่าเพื่อนสองสามครั้งเพื่อเรียกสติ คริสพยักหน้าให้เซฮุนเข้ามารับช่วงต่อจากลู่หาน เซฮุนกึ่งลากกึ่งจูงแบคฮยอนให้เดินตามกลับมา เขาลากตัวแบคฮยอนให้เดินไกลออกมาจากบริเวณโรงเรียน
     

                แบคฮยอน มึงโอเคใช่ไหมวะ
     

                กูสบายดี
     

                ครั้งนี้กูรูนะว่ามึงไม่ผิด คนเริ่มคือมันไม่ใช่มึงเซฮุนพยายามปลอบ
     

                ไม่ มีประโยชน์วะ จะใครเริ่มก่อนก็แล้วแต่ ผลสุดท้ายก็คือ... แบคฮยอนอึกอักไม่ยอมพูดต่อ ไร้ซึ่งคำพูดใดๆออกมาจากริมฝีบางบาง โอเซฮุนมองเพื่อนที่ตัวเล็กกว่าเขาด้วยสายตาสงสาร


     

                สุด ท้ายคยองซูก็เลือกที่จะช่วยจงอิน เซฮุนพูดพร้อมกับมองดูปฎิกิริยาของแบคฮยอน อีกฝ่ายพยักหน้ารับเบาๆแล้วกำหมัดเข้าหากัน ใบหน้าแบคฮยอนเริ่มมีรอยช้ำตามโหนกแก้มและมุมปาก แต่เขาไม่รู้สึกเจ็บที่แผลเลยสักนิด หากแต่ว่าเจ็บตรงที่อื่นมากกว่า

     

                กู เป็นเพื่อนมึงนะไอ้แบคฮยอน ถึงกูจะเป็นตุ๊ดในสายตามึงแต่ว่าถ้ามึงได้ลองกอดดูมึงอาจจะรู้สึกดีก็ได้นะ ไม่รอให้แบคฮยอนตอบรับ เซฮุนเดินเข้าไปกอดแบคฮยอนเอาไว้แน่นถึงแม้มันจะทำให้เขาต้องเปียกไปด้วยก็ ตามที เซฮุนรู้สึกสงสารที่เห็นแบคฮยอนเอาแต่ก้มหน้าเงียบไม่ยอมพูดจา


                 และครู่เดียวที่ได้กอดเอาไว้ร่างที่นิ่งเฉยของแบคฮยอนก็ค่อยๆสั่นเทาขึ้นมา แบคฮยอนยกมือขึ้นมากอดตอบ แล้วจากนั้นเสียงสะอื้นสั่นเครือที่เซฮุนไม่คิดฝันว่าจะได้ยินก็ถูกปล่อยออก มา




     

                เซฮุน... กูไม่ได้ตั้งใจ













     

                พยอน แบคฮยอน บุคคลที่เดินด้วยสภาพไร้เรี่ยวแรง ตอนนี้เขากำลังมุ่งตรงไปที่สถานที่เงียบๆ หลังจากที่หยุดทำตัวอ่อนแอแล้วกลับเข้าไปทำงานใหม่เขาก็ไม่พูดไม่จากับใคร อีกเลย ชั่วอารมณ์หนึ่งที่รู้สึกอยากจะร้องไห้ และมันก็ได้ถูกปลดล่อยออกไปแล้ว ในตอนที่กำลังยกของไปเก็บจงอินก็เดินผ่านมาและเขาก็พบว่าบนใบหน้าคมเข้มนั้น มีพลาสเตอร์แปะอยู่ที่หางคิ้ว พลาสเตอร์ที่มันควรจะแปะอยู่บนหน้าเขา...


     

                สอง มือยกขึ้นมาเสยผมตัวเองในขณะที่กำลังนั่งยองๆอยู่บนโขดหิน หนึ่งทุ่มตรงคือเวลาที่นาฬิกาข้อมือกำลังฉายบอกอยู่บนหน้าปัด วันนี้ฟุ้งซ่านตั้งแต่เห็นคยองซูนั่งทำท่าทางสนิทสนมกับจงอิน แล้วไหนจะตอนที่มีเรื่องกันอีก ทั้งๆที่คยองซูควรจะมาช่วยเขา แต่อีกคนกลับเลือกที่จะช่วยจงอิน เพียงแค่คิดขึ้นมาจังหวะหัวใจก็เต้นผิดปกติ ตอนที่คยองซูส่งสายตาผิดหวังมาที่แบคฮยอน ในช่วงวินาทีนั้นเขารู้สึกหายใจไม่ออกและจุกไปหมด


     

                แบคฮยอนดวงตาสองข้างที่ปิดอยู่ตวัดลืมขึ้นมาอีกครั้งด้วยความตกใจ แบคฮยอนกระโดดลงจากโขดหินแล้วหันกลับมามอง
     

                พี่ดาร่า
     

                นาย ไหวรึเปล่าแบคฮยอน พี่รู้ว่าวันนี้นายมีเรื่องกับจงอินพี่เลยเอายามาให้ สองมือเรียวเล็กถือหลอดยากับพลาสเตอร์เอาไว้ในมือ ใบหน้าสวยหวานที่แบคฮยอนหลงใหลกำลังคลี่ยิ้มให้กับแบคฮยอน รอยยิ้มที่แบคฮยอนชอบ รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของพยอนแบคฮยอนเต้นในจังหวะที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม
     

                วะ...ไหวครับไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้รับรอยยิ้มที่สวยงามจากซานดาราในระยะเผาขน
     

                พี่ ทายาให้เอาไหมพอเธอขยับตัวเข้ามาใกล้แบคฮยอนก็ยืนตัวแข็งทื่อไปหมด แต่ประสาทการรับรู้ก็ยังทำงานได้ดี นิ้วมือเรียวเล็กค่อยๆแต้มตัวยาลงบนแผลอย่างเบามือ ใบหน้าสวยขยับเข้าใกล้กับใบหน้าของแบคฮยอนแล้วเป่าไปที่ตัวยาให้ซึมเร็วขึ้น นั่นทำให้แบคฮยอนหน้าร้อนผ่าวไปหมด ไม่ใช่ร้อนเพราะตัวยาที่กำลังออกฤทธิ์ แต่เป็นเพราะว่าเขิน...


                 ทั้งๆที่ทำใจให้ไม่พูดถึงพี่ดาร่าไปได้ตั้งนาน แต่ในวันนี้ความพยายามทั้งหลายแหล่กลับพังลงเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มจากริม ฝีปากสีชมพู

     

                ทำไมนายไม่ไปกินข้าวเย็นละเธอถามหลังจากติดพลาสเตอร์เสร็จ
     

                ผมไม่หิวครับ
     

                นายควรจะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้นะ พี่เป็นห่วง
     

                หะ...ห่วงผมนะหรอครับหญิงสาวรุ่นพี่พยักหน้าพร้อมกับโปรยยิ้ม
     

                แบ คฮยอนพี่เพิ่งจะรู้นะว่าการที่ไม่มีนายไปก่อกวนมันทำให้พี่เหงาขนาดไหน พี่ต้องเปลี่ยนคนควงหลายๆคนเพื่อให้ลืมหน้านาย แต่สุดท้ายพี่ก็ทำไม่ได้ แล้วที่พี่มาร่วมเป็นอาสาสมัครกับชมรมก็เพราะว่าพี่อยากเจอนายนะ หญิงสาววางหลอดยาไว้กับโขดหินแล้วยืนแหงนหน้ามองแบคฮยอนด้วยดวงตาที่เปล่ง ประกาย มือนิ่มเล็กเอื้อมมาจับมือของแบคยอนเอาไว้แล้วบีบเบาๆ

                ได้โปรดกลับมาก่อกวนพี่อีกสักครั้งจะได้ไหม
     

                พี่จะไม่รำคาญผมหรอครับ
     

                ถ้าไม่มีนายพี่คงจะเหงาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เวลากลับถึงบ้านพี่ก็คิดถึงนายนะแบคฮยอนคนฟังถึงกับยิ้มเขิน
     

                พี่ดาร่าคิดถึงผมคนนี้จริงๆหรอครับ!
     

                จริง สิ พี่มีอะไรจะสารภาพด้วยนะ พี่คิดว่าพี่คงจะชอบนาย ทุกอย่างในหัวที่ทำให้แบคฮยอนต้องเครียดในตอนนี้ได้จางหายไปหมดแล้วเหลือแค่ พี่ดาร่าเท่านั้นที่ในหัวของเขานึกถึง
     

                พี่ครับผมชอบพี่นะ ชอบพี่มาก!!” หัวใจเต้นรัวโครมครามไปหมด แบคฮยอนโผตัวเข้ากอดร่างของหญิงสาวเอาไว้ เขาดีใจจนลืมเรื่องอื่นๆไปหมดเสียแล้ว ดีใจมากจนเนื้อตัวสั่น ใครจะรู้ว่าคนที่แบคฮยอนชอบมาตั้งนานก็รู้สึกชอบแบคฮยอนอยู่เหมือนกัน
     

                เรามาลองคบกันดูไหมครับพี่ดาร่า
     

                ตกลง จ้ะฉับพลันแบคฮยอนก็อุ้มหญิงสาวร่างเล็กหมุนไปรอบๆ เรียกเสียงหัวเราะจากพี่ดาร่าได้เป็นอย่างดี เธอทุบไล่แบคฮยอนเบาๆเป็นเชิงให้หยุด แบคฮยอนใจเต้นจนสั่นสะท้านไปหมด เขากำลังจะสมหวังแล้วใช่ไหม และในขณะเดียวกันที่หัวใจของแบคฮยอนกำลังสูบฉีดเลือดอย่างรุนแรง หัวใจของใครบางคนที่กำลังยืนมองอยู่ก็แทบจะหยุดเต้น หยุดเต้นไปเลยก็ดีสิจะได้ไม่ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ให้ต้องรู้สึกเจ็บปวด

     

    เป็น คยองซูเองที่กำลังจ้องมองแบคฮยอนกับพี่ดาร่าด้วยแววตาที่เจ็บปวดทรมาณที่สุด เจ็บที่สุดเท่าที่เคยเจ็บมา อยากจะทรุดตัวร้องไห้กับพื้นแต่กลับไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะเคลื่อนไหวกาย

     

    แบคฮยอนเพื่อนนายรึเปล่าหญิงสาวเอ่ยถาม จากนั้นแบคฮยอนก็หุบยิ้มลงกะทันหันแล้วเบนหน้ากลับไปมอง
     

    คยองซูแบคฮยอนค่อยๆละตัวออกจากผู้หญิงตัวเล็กข้างกาย เขาเดินเข้าไปหาคยองซูอย่างช้าๆ
     

    แบค... มึงทายาแล้วรึยังนี่คือคำแรกที่คยองซูพูดขึ้นมา ดูเหมือนว่าทุกสิ่งอย่างจะเคลื่อนไหวเฉื่องช้าไปหมด
    เพียงแค่ขยับปากพูดก็รู้สึกแล้วว่าลมหายใจติดขัด

     

    กูทาแล้วแม้จะมองเห็นว่ามีพลาสเตอร์แปะอยู่ที่แก้มแล้วแต่คยองซูก็ยังยื่นพลาสเตอร์ในมือของเขามอบให้กับแบคฮยอนด้วยมือที่สั่นเทา
     

    มึง เจ็บรึเปล่าดวงตาที่เศร้าสร้อยค่อยๆหลั่งหยดน้ำออกมาทีละหยด คยองซูเข้าใจทุกอย่างแล้ว เข้าใจโดยที่แบคฮยอนไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเลย
     

    หายเจ็บแล้ว คยองซูมึงอย่าร้อง...
     

    เจ็บ วะแบคฮยอน ทำไมกูเจ็บจังเลยวะ วินาทีที่น้ำตาหยดลงอาบแก้มคยองซูทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยหมดแรงที่จะยืน ต่อ รู้สึกทรมาณมากกว่าครั้งๆไหนๆที่ผ่านมา ความรักของเขาที่พยายามมอบให้กับอีกคนมันกลืนหายไปกับอากาศเสียแล้ว
     

    คยอง ซู... แบคฮยอนย่อตัวลงนั่งในระดับเดียวกันเขาจ้องมองใบหน้าที่เจ็บปวดของอีกคนแล้ว ก็พาลรู้สึกผิด เพียงแค่มองแววตาก็สัมผัสได้แล้วว่าอีกคนกำลังรู้สึกยังไง 
     

                แบคฮยอน กูขอถามอะไรหน่อยได้ไหม
     

                ตอนนี้กูพร้อมที่จะตอบแล้วทุกอย่าง
     

    มึงรักกูบ้างรึเปล่า


    ……………

     

    ตอบสิแบค มึงตอบกูมาเสียงสะอื้นได้ดังหนักขึ้นเมื่อผ่านไปชั่วอึดใจแล้วแบคฮยอนก็ยังคงไม่ตอบกลับมา
     


    กูขอโทษที่ทำให้มึงเสียใจแต่ว่ากูไม่ได้รู้สึกกับมึงแบบนั้น


    แล้ว มึงมาเล่นกับความรู้สึกกูทำไม


    มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบของกู กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับมึง



     

    แล้วที่ผ่านมาละ


    มึงช่วยลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะได้ไหมวะ



     

    ไม่รักเลยใช่ไหม คยองซูกลั้นใจถามไปอีกครั้งถึงจะรู้ดีว่าคำตอบของแบฮยอนก็เหมือนกับมีดเล่ม เล็กที่ค่อยๆกรีดเนื้อเถือใจเขาอย่างช้าๆ ร้องไห้จนไร้แม้กระทั่งแรงที่จะขับน้ำตาออกมา
     

                “คนที่กูรักมันไม่ใช่มึง” เข้าใจแล้วละ คยองซูพยักหน้ารับแล้วยื่นมือไปจับแขนแบคฮยอนเอาไว้ ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยหยดน้ำตาที่ไหลอกมาอย่างต่อเนื่องกำลังยิ้มออกมา หวนนึกถึงคำทำนายที่เคยไปอ่านในวันนั้นมันแม่นมากเสียจนคยองซูรู้สึกเกลียด การดูดวง
     

                สิ่งที่มึงรอมานาน สำเร็จแล้วใช่ไหม
     

                คยองซูมึง...
     

                กูไหวแบค กูไม่เป็นไร
     

                “..................”
     

                ดูแล คนที่มึงรักเถอะ กูดูแลตัวเองได้ยิ้มทั้งน้ำตา ไม่สนว่าแบคฮยอนจะอยากเห็นหยดน้ำเหล่านี้หรือไม่ แบะอีกอย่างต่อไปนี้คงไม่มีอะไรที่คยองซูจะต้องค้างคาใจอีกแล้ว คำถามที่อยู่ในหัวมาโดยตลอดได้รับคำตอบอย่างชัดเจนแล้วว่าแบคฮยอนไม่เคยรัก คยองซูเลยแม้แต่เศษเสี้ยวหนึ่งของหัวใจ
     

    ซาน ดาราเธอดูไม่ค่อยชอบใจเลยที่จะต้องมายืนดูละครน้ำเน่า หญิงสาวเดินเข้ามาดึงแบคฮยอนให้ลุกขึ้นยืนและทิ้งคยองซูให้นั่งอยู่อย่าง นั้น คยองซูจับแขนแบคฮยอนเอาไว้จนมือทั้งสองข้างของเขาค่อยๆลื่นไหลหลุดออกมา เมื่อแบคฮยอนยืนขึ้น




     

    แบคฮยอนกอดกูไว้เหมือนที่มึงเคยทำจะได้ไหม ขอร้องละ อย่าเดินหนีกูไปแบบนี้เลยนะ...









     

    คำ ภาวนาในใจที่ไม่มีใครได้ยิน จนเสียงฝีเท้าเดินห่างหายออกไปทิ้งให้คยองซูนั่งอยู่เพียงลำพังกับบรรยากาศ ยามค่ำคืนที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงสะอึกเท่านั้นที่ยังคงอยู่เคียงข้าง...






     

    คยอง ซูเลื่อนสองมือขึ้นมากอดหัวเข่าทั้งสองข้างเอาไว้แล้วร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ด้วยความเจ็บเสียด คำว่าไม่รักกรีดหัวใจของเขาจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี




     

    จะขอเสียน้ำตาครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย แล้วต่อไปโดคยองซูขอสัญญาว่าพยอนแบคฮยอนจะไม่มีวันได้เห็นน้ำตาของคยองซูอีกแม้แต่หยดเดียว...


     

     

     


















    TBC.

    อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น เฮ้อ...
    ต่อหน้าทำดีแต่ลับหลังเขาจะทำยังไงกับเราก็ไม่รู้ อนาถโดยแท้...
    คำทำนายของตอนที่ 18 มาเห็นผลในตอนที่ 20
    อิ__อิ''




    ตามมาอ่านหน่อย ไร้สาระนิดๆ

        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×