คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : ตอนพิเศษ - แบคโด้
เรื่อง มันเกิดขึ้นหลังจากที่เดอะแก๊งค์นัดรวมตัวกันสังสรรค์ตามประสาเพื่อนสนิท วันนี้อยู่กันครบองค์เช่นเคย กลุ่มคนที่จัดว่าคอทองแดงก็ซดเหล้ากันเหมือนกินน้ำเปล่า ในขณะที่กลุ่มคนคออ่อนก็ได้แต่นั่งมองแล้วก็คอยชงเหล้าให้ จะชงเข้มหรือชงอ่อนมันก็ไม่มีอุปสรรคในการกินเลยแม้แต่น้อย ประมาณว่าจัดแบบไหนมาก็ตั้งหน้ารับได้เสมอ
“แบคฮยอนกลับเถอะ แม่งดึกแล้วนะ” คนที่เรียกตัวเองว่าแฟนเกาะแขนแบคฮยอนแล้วกระตุกแรงๆให้คนขี้เมาเลิกสนุกกับ การกินของเหลวภายในแก้ว
“เดี๋ยวดิ วันนี้แม่งวันเกิดนะเว่ย”
“เกิดเชี่ยอะไร ไม่เห็นมีหมาไหนเกิด มึงจำผิดวันแล้ว กลับเหอะ”
“วันเกิดอยากกินไง” แบคฮยอนหัวเราะร่วน สีหน้าท่าทางดูไม่เหมือนคนเมาแต่ว่าแบบนี้มันกำลังเมาอยู่ชัดๆ คยองซูเหลือบตามองนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลาไว้อย่างชัดเจนว่าสี่ทุ่มตรงไม่ขาด ไม่เกิน แล้วแหกกันมากินเหล้าตั้งแต่ช่วงบ่ายสามยันสี่ทุ่ม พรุ่งนี้ตื่นไปเรียนไหวก็ให้มันรู้ไปดิ
“แบคฮยอนถ้าไม่กลับกูจะแดกเหล้าเป็นเพื่อนมึงละนะ” คยองซูก็ไม่ถึงกับว่ากินเหล้าไม่เป็น แต่แค่ไม่สามารถกินมันเข้าไปในปริมาณเยอะๆได้ เพราะเขาไม่ได้คอแข็งขนาดนั้น และอีกอย่างคยองซูก็ไม่ค่อยนิยมของรสชาติขมสักเท่าไร
“เออ กินไปดิ กินเยอะๆเลยยิ่งดี” แบคฮยอนหาได้สนใจในเสียงของคยองซู รายนี้ยังตั้งหน้าตั้งตาชนแก้วกับลู่หานและคนอื่นๆแบบไม่เลิกรา คยองซูชักจะหงุดหงิดขึ้นมาเล็กๆแล้วนะ อาจจะเพราะหลังจากที่คบกันเป็นผัวเมียมาถึงแปดเดือนแบคฮยอนก็ตามใจเขาตลอดจน เคยตัว แล้วทีนี้พอโดนขัดใจก็เลยมีอารมณ์หงุดหงิดเกิดขึ้นมาแบบง่ายๆ เมื่อค้นพบว่าตัวเองไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ร่วมวงด้วยแล้วคยองซูก็ชิ่งไปหา เซฮุนที่นั่งดูทีวีอยู่ตรงโซฟา
“ว่าไงมึง”
“จะว่าไงละ กูเบื่อเลยจะมานั่งดูหนังด้วย”
“มึงไม่ไปแดกเหล้ากับพวกมันหน่อยรึไง” เซฮุนพูดโดยไม่หันมามอง เพราะสายตาของเซฮุนมัวแต่จดจ้องอยู่กับงานเดินแบบชุดบิกินี่ของนางแบบสาวที่ เขาชื่นชอบ
“กูไม่ชอบแดกของพวกนี้นะ แต่ไอ้แบคเสือกชอบ”
“เอาน่า ยังไงมันก็ผัวมึง”
“เห้ยไอ้เซฮุน มึงเรียกแฟนก็พอมั้ง”
“แฟนคือคู่รักที่ยังไม่ได้กัน แต่ถ้าได้กันแล้วเขาเรียกผัวเมีย”
“เออก็จริง”
“แห นะ พูดแบบนี้แสดงว่าได้กันแล้วอะดิ” เซฮุนละสายตาจากจอแล้วหันมายิ้มกรุ้มกริ่มใส่คยองซู ให้ตายเถอะสายตาแบบนี้คยองซูเห็นแล้วรู้สึกว่าอยากจะเอานิ้วจิ้มเสียให้เบ้า ตาแตก
“ยัง”
“ยังไม่ได้กัน?”
“ยังใช้ท่าเดิมตลอด”
“โหย เชี่ย!!”
“อะไรละ ทำไมต้องด่ากูด้วย”
“ก็กูถามว่าได้กันยัง มึงตอบว่ายัง ไอ้กูก็นึกว่ายังไม่ได้กัน ที่ไหนได้...” รีโมทคอนโทรลในมือถูกใช้เคาะหัวคยองซูเบาๆ ก็ไม่ได้เอ็นดูอะไรในตัวคยองซูหรอก เซฮุนตีด้วยคดีหมั่นไส้ล้วนๆ
“ก็มันเป็นมุก”
“ไอ้คยองซู มึงนี่มันกวนตีนจริงๆ ถามหน่อยมึงเคยโดนไอ้แบคเตะปากบ้างสักครั้งไหม
“ไม่เคยวะ” คยองซูกอดอกแล้วเอนหลังพิงเบาะนุ่มๆของโซฟา พอได้เอนตัวในท่าสบายๆเขาก็รู้สึกเหมือนเริ่มจะง่วง
“กูว่านะมันต้องมีบ้างแหละที่มันอยากจะเอาตีนถีบปากมึง ขนาดกูไม่ได้อยู่กับมึงตลอดเวลากูยังอยากประเคนตีนให้เลย แล้วนับประสาอะไรกับมันที่อยู่กับมึงตลอดวะ”
“ไว้กูจะถามมันให้ก็แล้วกัน...เซฮุน กูง่วงวะ”
“กว่าพวกมันจะแยกวงก็คงราวๆตีสามอะ มึงไปนอนในห้องไอ้ลู่มันก่อนดีไหม”
“มันจะให้กูนอนบนเตียงมันรึไง มันหวงเตียงยังกับหวงเมีย”
“นอนไปเถอะ มันไม่กล้าทำอะไรมึงหรอก แล้วอีกอย่างมันก็เมา กูเดาเลยนะว่าพวกที่นั่งแดกกันอยู่อะพรุ่งนี้แม่งตื่นไปเรียนกันไม่ไหวยก โคตรแน่ๆ” พูดอีกก็ถูกอีก คยองซูพยักหน้าเห็นด้วยแล้วจากนั้นก็ลากตัวเองเดินย่องหายเข้าไปในห้องของ ลู่หานทันที ภายในห้องไม่ได้เปิดไฟไว้ก็ยิ่งกระชากอารมณ์ความง่วงเหงาให้เพิ่มมากขึ้นไป อีก คยองซูกระโดดขึ้นเตียงมานอนซุกตัวห่มผ้าด้วยเปลือกตาที่หนักอึ้ง และพอหัวถึงหมอนคยองซูก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
คยองซูกระพริบตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเขาฝันว่าตัวเองกำลังตกจากที่สูง ร่างทั้งร่างก็กระตุกจนคยองซูต้องลืมตาพรึ่บขึ้นมา เสียงเอะอะโวยวายของคนขี้เมาเงียบหายไปหมดแล้ว คยองซูคิดว่าตอนนี้คงจะราวๆตีสามแล้วแน่นอน สงสัยว่าพวกที่กินเหล้าอยู่คงจะแยกวงพากันไปหามุมนอนกันหมดแล้ว ในขณะที่คยองซูกำลังจะขยับตัวพลิกหันไปอีกข้างเพื่อแก้ความเมื่อยขบตามตัว เขาก็ต้องสะดุด
“ไงที่รัก”
“พ่อง นี่มึงยังไม่นอนอีกหรอ” คยองซูพูดเสียงกระซิบเพราะดูจากบรรยากาศแล้วคนอื่นๆน่าจะหลับกันไปหมดแล้ว หากเขาเอะอะเสียงดังก็อาจจะเป็นการรบกวน
“กูกำลังละเมออยู่”
“ไอ้แบค เมาแล้วก็นอนไปเถอะ”
“ไม่ง่วงอ่า หาอะไรทำได้ไหม”
“ทำเชี่ยไรดึกดื่น ไม่เอา จะนอนแล้วถ้ามึงอยากทำก็ไปทำคนเดียวเลยไป” คยองซูพลิกตัวนอนหันหลังให้กับแบคฮยอนที่มานอนร่วมเตียงเดียวกันกับเขา เห็นแว้บๆว่าด้านหลังแบคฮยอนก็มีใครอีกคนนอนอยู่ซึ่งคยองซูก็มองไม่ชัดว่าคน คนนั้นคือใคร
“ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีผู้ร่วมกิจกรรม” แบคฮยอนสาวตัวคยองซูเข้าไปกอดเอาไว้แล้วก็มาซุกหน้าหายใจรดต้นคอกันเหมือนจะ แกล้งให้ขนลุก
“กิจกรรมเชี่ยอะไร ไม่เอา”
“จะเอา” สองคนกระซิบกันไปมาจนบุคคลที่สามที่นอนร่วมเตียงอยู่ด้วยต้องขยับตัวหนีแล้วครางหงุงหงิงฟังไม่ได้ศัพท์
“อย่ามาทะลึ่งนะแบคฮยอน นี่มันไม่ใช่ห้องเรา”
“ห้องเพื่อนก็เหมือนห้องเรา” ทฤษฎีอะไรอีกละเนี่ย คยองซูแกะมือที่กำลังบีบลูบหน้าท้องของเขาอยู่ให้เลื่อนออกไปห่างๆ
“แบคฮยอน ถ้ามึงทำกูจะโกรธมึงจริงๆด้วยนะ” คยองซูกระทุ้งข้อศอกใส่คนลามกแรงๆจนแบคฮยอนยอมปล่อย คยองซูรีบลุกขึ้นนั่งแล้วเตรียมเผ่นหนีไปนอนกับเซฮุน แต่พอชะโงกดูบนพื้นห้องแล้วก็เจอกับซากอะไรต่อมิอะไรกองเต็มไปหมด ซากมนุษย์อะไรเถือกๆนั้น เพื่อนรักนอนเรียงกันอยู่บนพื้นเป็นแพปลาทูเลยทีเดียว
“เซฮุนนอนอยู่ข้างหลังกู” แบคฮยอนนอนเท้าข้อศอกพลางชี้นิ้วให้คยองซูเห็นว่าที่พึ่งสุดท้ายของคยองซู นั้นกำลังหลับเป็นตายอยู่ข้างหลังเขาแล้วเรียบร้อย
“งั้นมึงนอนกับเซฮุนไป แล้วกูจะไปนอนโซฟาข้างนอกเอง” ยังไม่ทันได้ลุกไปไหนแบคฮยอนก็ลุกขึ้นมาฉวยตัวคยองซูแล้วดึงให้ล้มกลับไปนอน ลงตามเดิม คยองซูดิ้นตัวแรงจนแบคฮยอนต้องก่ายเอาไว้
“ถ้ามึงเสียงดังระวังพวกมันตื่นนะ”
“กูไม่สน” คยองซูออกแรงอีกครั้งแต่ก็ไม่พ้น เขาจำยอมต้องนอนนิ่งๆเมื่อเริ่มมีเสียงพลิกตัวของพวกชนชั้นล่างแล้ว และพอคยองซูนิ่งไปแบคฮยอนก็เคลื่อนตัวขึ้นมาทับ
“อย่าเสียงดังสิ”
“แบค กูอายพวกมัน”
“ไม่ต้องอายหรอก มันหลับกันหมดแล้ว” แบคฮยอนกระซิบตอบใกล้กกหูจนคยองซูต้องหดคอหนี เขาขนลุกไปหมดเมื่อถูกปากร้อนจูบซับตามพวงแก้มไล่ต่ำลงมา
“แบคอ่า...วันนี้กูเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ” เมื่อไม้แข็งไม่ได้ผลคยองซูก็จำเป็นต้องงัดลูกอ้อนออกมาอ้อนให้แบคฮยอนยอม หยุดการกระทำอันอุกอาจในคอนโดของคนอื่นแบบนี้ และก็ดูเหมือนไม้อ่อนนี้มันจะได้ผลดี แบคฮยอนยอมละใบหน้าออกแต่ก็ไม่ยอมเคลื่อนตัวออก
“ไหนๆก็เหนื่อยทั้งวันแล้ว จะเหนื่อยทั้งคืนด้วยก็ไม่เป็นไรหรอก” แบคฮยอนพูดจบก็ก้มหน้าลงจมหายไปกับลำคอนิ่มของคนใต้ร่าง คยองซูหยิกแขนแบคฮยอนไปหลายครั้งเพราะบางทีแบคฮยอนก็ทำเกินไป บางทีเสียงนู่นเสียงนี่มันอาจจะรบกวนคนที่กำลังนอนหลับอยู่ก็ได้
เสื้อยืดที่ใส่อยู่ถูกดึงขึ้นมากองรวมกันที่ด้านบน คยองซูเม้มปากแล้วมองหัวของแบคฮยอนที่เคลื่อนไปมาอยู่ไม่สุข คยองซูค่อยๆผ่อนลมหายใจให้ช้าลงเมื่อริมฝีปากซุกซนของแบคฮยอนมาหยุดวนอยู่ แถวสะดือ ช่วงท้องวูบโหวงจนอยากจะบิดตัวเร่าๆแต่ติดที่ว่าพอหันไปข้างๆก็เจอเซฮุน ข้างล่างก็เป็นพวกเพื่อนคนอื่นๆ ขืนคยองซูดิ้นพล่านเป็นปลาหาน้ำมีหวังว่าทุกคนในห้องคงได้ตื่นมาดูฉากนี้ แน่ๆ
“อื้อ...” มองมือถูกยกขึ้นมาปิดปากตัวเองอัตโนมัติ คยองซูจิกเท้าตัวเองแน่นด้วยความเกร็ง อยากจะร้องไห้เพราะปวดหนึบไปทั่วช่องท้อง แบคฮยอนมึงนะมึง...
“เงียบๆนะ” คยองซูทำหน้ายับยู่ ให้นอนเงียบๆมันทำได้ด้วยหรอแบบนี้
“รอให้เช้าก่อนเถอะมึงตายแน่” คำพูดลอดไรฟันทำเอาแบคฮยอนยิ้มร่า ตายก็ตายสิ เขายอมพลีชีพ... เครื่องปรับอากาศเย็นช่ำยังทำงานต่อไปด้วยอุณหภูมิระดับปกติคือยี่สิบห้า องศา แต่อุณหภูมิในร่างกายของคนที่กำลังเมาได้ที่มันไม่ได้เย็นช่ำเหมือนแอร์บน ผนัง เลือดในกายนั้นมันกำลังร้อนจนลุกทะลุปรอท
“เห้ย!!!”
เช้าวันรุ่งขึ้น
นัก ศึกษาเจ็ดคนเดินมาในสภาพซอมบี้กันทุกตัวตน ดูดีที่สุดก็เห็นจะมีคยองซูกับเซฮุนนี่แหละ นอกนั้นดูๆไปแล้วท่าจะไม่ไหว แต่ครันจะโดดเรียนก็ใช่เรื่อง จะบอกอาจารย์ว่าเมื่อคืนเมาวันนี้เลยขอลาไปนอนแก้แฮงค์แบบนี้นะหรอ มีหวังโดนถีบกระเด็นติดกระดานแน่ๆ
“เมื่อคืนกูขอโทษนะเว่ย” เซฮุนพูดขึ้นขณะที่เดินอยู่ข้างคยองซู
“ขอ โทษทำไม มึงนี่เหมือนเทวดามาโปรดกูเลยนะมึงรู้ไหม” เรื่องที่ขอโทษขอโพยกันก็คือเรื่องเมื่อคืน เมื่อคืนที่เซฮุนดันสะดุ้งตื่นกลางดึกแล้วแหกปากโวยวายลั่นเมื่อเจอแบคฮยอน กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่กับคยองซู
“ค้างเลยดิ”
“ค้าง เชี่ยอะไร อารมณ์สักขีดยังไม่มี มึงตื่นขึ้นมาได้ทันเวลาพอดีไม่งั้นกูไม่ได้นอนแน่ๆ” คยองซูกุมขมับตัวเองแล้วนวดคลึง เนื่องจากได้พักผ่อนเพียงเล็กน้อยตอนนี้เขาจึงปวดหัวหนึบๆ
“แล้วแบคมันจะไม่โกรธหรอวะ”
“มันไม่โกรธหรอกเพราะมันเมา เผลอๆตอนนี้อาจจะจำอะไรไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ” เซฮุนค่อยโล่งอกหน่อย ร่างสูงโปร่งคลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจเพราะเชื่อตามคำที่คยองซูบอก แต่พอหันไปมองแบคฮยอนที่เดินอยู่กับลู่หาน เซฮุนก็ต้องหุบยิ้มกะทันหัน แบคฮยอนแยกเคี้ยวใส่พร้อมพูดพึมพำแบบสั้น ง่าย ได้ใจความ ไอ้เชี่ย... แบคฮยอนมันพูดคำนี้
“คยองซู ไหนมึงบอกมันจำไม่ได้ไงวะ” โอเซฮุนพูดเสียงเจื่อน เขาผิดหรือไงที่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะมีเสียงรบกวน ใครจะไปรู้วะว่าทำอะไรกันอยู่ ถ้ารู้ว่าจะทำอะไรกูไม่สะดุ้งตื่นหรอก กูจะนอนแอบดูแบบเงียบๆดีกว่า -,.-
“มันจำได้หรอ”
“มึงดูหน้ามันดิ มันแยกเคี้ยวใส่กูอะ” คยองซูหันไปมองแบคฮยอนที่เดินหน้ามู่ทู่เป็นหมาเหงา เขาอดยิ้มไม่ได้ที่เห็นแบคฮยอนทำหน้าแบบนั้น สองขาลดความเร็วลงแล้วเปลี่ยนทิศทางไปเดินข้างๆแบคฮยอนแทน และพอคยองซูมาคนอื่นๆที่เดินอยู่ก็ยอมหลีกทางให้โดยการเลี่ยงไปเดินทางอื่น แล้วให้คยองซูเดินกับแบคฮยอนเพียงสองคน
“มึงยังไม่สร่างเมาหรอ”
“สร่างแล้วน่า”
“แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“ก็... อารมณ์เสียนิดหน่อยวะ”
“เรื่องเมื่อคืนหรอ” แบคฮยอนพยักหน้าแล้วไม่พูดอะไร คยองซูแอบอมยิ้มแล้วยกมือขึ้นไปดึงแก้มแบคฮยอน ที่แท้ที่ทำหน้ามุ่ยก็เพราะเรื่องเมื่อคืน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยก็แค่เซฮุนตื่นมาขัดจังหวะ
“ไอ้แบค มึงทำหน้ามุ่ยแล้วไม่หล่อวะ”
“ใช่สิ กูมันก็ไม่เคยหล่ออยู่แล้วหนิ” นี่มึงจะงอนหรือจะอะไร
“นี่มึงจะก่อดราม่าหรอ”
“เปล่า” คนตอบหันมามองหน้าคยองซูนิดหน่อย จากนั้นแบคฮยอนก็เร่งฝีเท้าเดินตามตูดลู่หานไปที่ตึกคณะ คยองซูเองก็หยุดเดินเมื่อเดินมาถึงจุดที่นัดกับเพื่อนในห้องเอาไว้ คนตัวเล็กยกมือขึ้นมาเกาหัวน้อยๆแล้วเดินเขาไปหากลุ่มเพื่อนที่รออยู่ ตกลงว่าไอ้แบคฮยอนมันงอนสินะแบบนี้
“ตกลงกูผิดหรอวะ” -_-
ในตอนเย็นคือเวลาที่แบคฮยอนกับคยองซูต้องกลับด้วยกัน แต่ทว่าคนที่กำลังงอนเป็นปลาทูหน้างออยู่กลับไม่ยอมมาตามนัด อีกฝ่ายปล่อยให้คยองซูนั่งรออยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนเพียงลำพัง คนตัวเล็กแอบด่าแบคฮยอนในใจไปสารพัดจะคิดได้ คอยดูนะถ้ามาเมื่อไรพ่อจะด่าให้เสียหมาเลยคอยดู!
คยองซูนับหนึ่งถึงสิบในใจ คิดไว้ว่าถ้าภายในสิบวินี้มันไม่ยอมมาแม่งจะกลับแล้วล็อคห้องให้นอนข้างนอก ซะ หนึ่ง..สอง..เจ็ด...แปด...เก้า...สิบ... โดคยองซูหันมองซ้ายขวาอีกครั้งแต่ก็ยังไร้วี่แวว เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ
“นับใหม่อีกรอบก็ได้วะ” คยองซูนับหนึ่งไปเรื่อยๆจนครบสิบ รอบแรก รอบที่สอง สาม สี่ แต่ก็ไร้วี่แววของคนที่รอ แบคฮยอนจะงอนอะไรของมันนักหนาวะ ...จะไม่รอแล้วนะ
“แบค...ถ้ามึงไม่มากูจะกลับแล้วจริงๆนะ” เสียงบ่นพึมพำระคนจะน้อยใจอยู่เล็กๆ เขาง้อแบคฮยอนมาโดยตลอด และครั้งนี้ก็ต้องง้อมันอีกใช่ไหม
“ไอ้เตี้ย” ดวงตากลมโตตวัดมองหาที่มาของต้นเสียงทันที เป็นแบคฮยอนที่กำลังสะพายกระเป๋าเป้ยืนอยู่ และคยองซูเบิกตากว้างขึ้นอีกเมื่อเจอแบคฮยอนในสภาพตัวมอม เมื่อกวาดตามองสภาพของอีกคนแล้ว คยองซูก็ต้องวิ่งแจ้นเข้าไปหาแทบจะทันที
“มึงเป็นอะไรมากรึเปล่า”
“ไม่ มาก กูแค่มีเรื่องกับคนอื่นนิดหน่อย” ทั้งๆที่ก่อนหน้าคิดไว้แล้วว่าถ้าแบคฮยอนมาพ่อจะด่าให้เสียหมา แต่พอเอาเข้าจริงๆคยองซูทำได้เสียที่ไหนกัน สองมือจัดการพลิกตัวแบคฮยอนไปมาโดยอัตโนมัติ ท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนแบบนี้ทำให้แบคฮยอนจิปากออกมาอย่างขัดใจ เสียงนั่นทำให้คยองซูต้องชะงักมือ
“แบค มึงรำคานกูหรอ”
“เปล่า”
“แล้วทำไมมึง...”
“ก็กูกำลังโกรธมึงอยู่เข้าใจไหม แล้วมึงมาทำน่ารักใส่แบบนี้กูก็เก๊กโกรธต่อไปไม่ไหวอะดิ”
“ไอ้บ้า” ในตอนแรกก็คิดไว้ว่าจะแกล้งโกรธคยองซูไปนานๆ อยากให้คนตัวดุ๊กดิ๊กข้างๆเดินมาง้อเขาบ่อยๆ แต่ว่าตอนนี้เก๊กต่อไม่ไหวแล้ว แบคฮยอนยอมยกธงขาวให้กับคยองซู ยอมแพ้แบบราบคาบ...
“มึงคิดว่ากูจะโกรธมึงแค่เพราะว่าเมื่อคืนกูไม่ได้กระดึ๊บมึงหรอ”
“อะไรคือกระดึ๊บวะ”
“ก็...ดึ๊บๆๆ” คยองซูมองแบคฮยอนที่กำลังขยับตัวเข้ามากระแซะเขาใกล้ๆพร้อมกับพูดดึ๊บๆ
“ดึ๊บพ่อมึงสิ” -_- เหมือนขับรถมาด้วยความเร็วแล้วเหยียบเบรกกะทันหัน แม่งไม่รับมุกกูเลยเถอะแบคฮยอนหยุดกระแซะแล้วทำหน้าออดอ้อน
“อย่าพูดตัดเยื่อใยแบบนี้ดิวะ”
“มึงเป็นดอกบัวรึไง”
“กูไม่ใช่ดอกบัวหรอก แต่กูอยากให้ดอกบัวกับมึงนะ”
“แบค กูยังไม่บวช” -_-
“กูบูชาความรักต่างหาก” คยองซูคือความรัก...
“ตลกละ กลับห้องเถอะ” แบคฮยอนแอบเห็นว่าแก้มนิ่มทั้งสองข้างของคยองซูกำลังขึ้นสีเรื่อ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยแซวอะไรให้คยองซูต้องรู้สึกเขินไปมากกว่านี้อีกแล้ว เขาปล่อยให้คยองซูเดินนำหน้าไปแล้วเขาจึงค่อยเดินตามมา แบคฮยอนถือโอกาสยกแขนขึ้นมากอดคอคยองซูเอาไว้แล้วเกี่ยวดึงให้อีกคนมาเดิน อยู่ข้างๆแบบแนบชิด
“ทำเชี่ยอะไร เดี๋ยวแม่งก็ล้มหรอก” พูดพลางกระทุ้งข้อศอกใส่
“ก็อยากเดินข้างๆอะ ไม่ได้หรอ”
“มึงมันหน้าด้าน”
“หน้ามึงก็ด้าน” แบคฮยอนสวนกลับแล้วยิ้มแฉ่ง เป็นรอยรอยยิ้มที่ตอแหลมากที่รัก คยองซูเบะปากใส่แล้วเมินหน้าหนีไปอีกทาง คราวนี้กูจะเป็นฝ่ายงอนมึงบ้างละไอ้เชี่ยแบคฮยอน
“สัด” ถ้าเปลี่ยนคำว่าสัดที่คยองซูใช้ด่าเขามาเป็นคำว่ารักมันคงจะน่าฟังกว่านี้ แต่เอาเถอะ แบคฮยอนกับคยองซูก็ไม่ค่อยจะบอกรักอย่างหวานชื่นเหมือนในละครอยู่แล้ว เพราะดูยังไงคนทั้งสองก็ไม่เหมาะกับการทำตัวเป็นคู่รักหวานๆเลยสักนิด
แต่ถึงจะกัดกันอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่เคยจะโกรธ เพราะมันคือเรื่องปกติไปเสียแล้ว แบคฮยอนได้แต่อมยิ้มในขณะที่เขากำลังมองเสี้ยวหน้าของคยองซู เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไรที่รักคยองซูเข้าไปแบบเต็มๆ นั่นสิ มันเริ่มจากคำว่าสนิท จากนั้นก็รู้สึกดี จนทุกวันนี้มันกลายเป็นความรักไปแล้ว...รึเปล่า
ก็เป็นห่วง ก็อยากกอด อยากอยู่ข้างๆ อยากจับมือเล็กๆนี้ไปนานๆ อยากดูแล อยากให้คยองซูด่าเขาแบบนี้ไปทุกวัน อาการแบบนี้เรียกรักรึเปล่า แบคฮยอนกระชับแขนขึ้นอีกแล้วเอียงหน้าไปจูบแก้มคยองซูเบาๆ คนถูกกระทำหยุดชะงักนิ่งด้วยอารามตกใจ จากนั้นคนทั้งสองจึงหยุดเดินกันกลางคัน
“มึงไม่หน้าด้านอย่างที่คิดแหะ เพราะถ้าด้านก็คงจะไม่นุ่มขนาดนี้”
“แบคฮยอน”
“อย่าเรียกเสียงอ่อยแบบนี้สิวะ ใจกูจะละลาย” ใจคอจะไม่เว้นระยะให้หายเขินเลยรึไง คยองซูหมดอารมณ์จะงอนไปแบบสิ้นเชิง
“มึงแม่งบ้า"
“แต่กูจะบ้าแบบนี้แค่กับมึงคนเดียวนะเว่ย”
“กูควรดีใจใช่ไหม” คยองซูเอียงคอถาม
“ไม่ต้องดีใจก็ได้ แค่มึงรักกูก็พอ” -_- โคตรจะเกี่ยวกันเลย
“กูรักมึงจนแม่นาคจะมาหักคอกูอยู่แล้ว” แบคฮยอนชักสีหน้างงทันทีที่ได้ยินคยองซูพูดแบบนั้น
“แล้วทำไมแม่นาคต้องมาหักคอมึงด้วยวะ”
“ก็รักมากไง”
“คยองซู มึงนี่มัน...”
“ก็มึงหยอดมุกใส่กูก่อน กูก็หยอดใส่มึงคืน หายกันโอเคปะ”
“นี่มึงแอบบอกรักกูทางอ้อมอยู่ใช่ไหมวะคยองซู”
“ไม่ได้แอบ แต่กูพูดตรงๆเลยว่ารักมึง” ทั้งสองคนเงียบกันไปชั่วอึดใจ คยองซูทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว ผิดกับแบคฮยอนที่ตอนนี้กำลังค่อยๆยกมือขึ้นมาเกาหัวตัวเอง
“เออ กูก็รักมึง” คยองซูได้ยินแบบนี้ก็เบนหน้าหนีพร้อมกับรอยยิ้มที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้า บรรยากาศรอบข้างไม่ได้ชวนให้รู้สึกโรเมนติกเลยสักนิด... แต่ทำไมถึงรู้สึกว่ามันโรเมนติกจังวะ อาจจะเป็นเพราะว่าแบคฮยอนไม่ได้บอกรักเขาบ่อยเหมือนอย่างที่คนอื่นเขาทำกัน ละมั้ง พอแบคฮยอนพูดว่ารัก ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ประโยคหายากแบบนี้จะทำให้คยองซูเขินจนหน้าร้อนไปหมด
“เออ” เป็นคำพูดตัดบทสนทาที่คลาสสิคที่สุด คยองซูมองเห็นรอยยิ้มบางๆของคนตรงหน้าแล้วเหมือนถูกช็อตยังไงชอบกล สายตาแบบนี้มันชวนให้ใจสั่นมากจริงๆ
“คยองซู มึงเขินหรอ”
“อือ” คำตอบสั้นๆที่ตอบกลับมาเรียกรอยยิ้มจากแบคฮยอนได้เป็นอย่างดี คนเราถ้ารักกันก็ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องพูดประโยคอะไรยืดยาวให้เสียเวลาเลย เปลี่ยนจากเอาเวลาไปพูดว่ารักมาแสดงออกให้รู้ว่ารักมันน่าจะคุ้มค่ากว่านะ ว่าไหม
แบคฮยอนยื่นมือส่งไปให้คยองซูจับเอาไว้ จากนั้นจึงเริ่มออกเดินกันอีกครั้ง สองมือที่กุมกันอยู่ท่ามกลางความเงียบของบริเวณรอบนอก บางทีมันก็เงียบไปจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นถี่
“จับมือแล้วเดินไปด้วยกันกับกูนะคยองซู”
“ได้ดิ ไกลแค่ไหนก็เดินได้ถ้าไปกับมึง”
“เออคยองซู กูว่าเรามาเล่นเกมส์กันดีกว่าวะ”
“เกมส์อะไรอะ”
“ใครปล่อยมือก่อนคนนั้นแพ้” สายตาเจ้าเล่ห์ที่ส่งมาทำให้คยองซูต้องกระชับมือแน่นขึ้นอีก ก็แน่ละ ถ้าเขาแพ้เขาก็รู้อยู่หรอกว่าจะต้องโดนอะไร
ถึงมันจะเป็นเกมส์ปัญญาอ่อนที่แบคฮยอนคิดขึ้นมาใช้เพื่อหลอกล่อขอเดินจับมือ ด้วย แต่คยองซูก็ยอมเล่นแบบไม่มีข้อกังขา เพราะเขาเองก็อยากจะเดินจับมือกับแบคฮยอนเหมือนกัน
“ใครแพ้เป็นเมียหมา” แบคฮยอนพูด
“ก็ดีดิ ถ้างั้นกูยอมแพ้”
ก็อยากจะเป็นเมียหมาอีกสักรอบเหมือนกัน ; )
END
ลมพัดเย็นดี TAT
ความคิดเห็น