คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : CHAPTER :: XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX (Final)
สองวันถัดมาอาการของแบคฮยอนดีขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ แล้ววันนี้ก็เป็นเวรของเซฮุน เวรจริงๆ เพราะวันนี้เซฮุนได้เฝ้าไข้แบคฮยอนเพียงลำพัง แต่ภาระแค่นี้มันไม่พอหรอกนะเพราะยังมีอีกหนึ่งภารกิจที่ลู่หานมอบหมายให้เขาเป็นคนทำ แผนมึงเนี่ย...หน้าที่กูอีกแล้วสินะครับ -_-
“แบคฮยอน มึงพร้อมแล้วใช่ไหมวะ” คนที่นั่งอยู่บนเตียงพยักหน้าตอบรับช้าๆ จากนั้นเซฮุนก็สูดหายใจเข้าลึกแล้วล้วงหยิบเอามือถือออกมา ปลายนิ้วยาวกดจิ้มลงบนมือถือแล้วก็กดโทรออก เซฮุนเดินวนไปวนมาในห้องเพราะกำลังร้อนใจที่ปลายสายไม่ยอมรับโทรศัพท์เขาเสียที และเมื่อมีเสียงตอบรับกลับมาชายหนุ่มก็หลับตาแล้วกลั้นหายใจไว้แน่น ก่อนจะผ่อนออกมาแรงๆพร้อมกับแผดเสียงดังลั่น
“คยองซู ไอ้แบคฮยอนมันอาการหนัก!!!”
โกหกคำโตเลยทีเดียว เซฮุนทำเสียงเป็นเดือดเป็นร้อนราวกับว่าแบคฮยอนกำลังจะตายไปจริงๆ และหลังจากคยองซูตอบว่าจะรีบมาให้เร็วที่สุดเซฮุนถึงได้รีบตัดสายทิ้ง ร่างสูงหันกลับมากำชับกับแบคฮยอนเอาไว้ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“มึงห้ามพลาดอีกนะเข้าใจรึเปล่า”
“อือ ขอบใจมึงมากนะเซฮุน”
“ไปขอบใจอี้ชิงกับลู่หานเหอะ มันเป็นคนคิด แต่ถ้าครั้งนี้แม่งยังไม่สำเร็จ มึงต้องยอมรับแล้วก็ทำใจให้ได้นะแบคฮยอน”
“กูจะพยายาม” โอเซฮุนหลบไปนั่งอยู่ที่โซฟาแล้ววางมือถือในมือลงกับโต๊ะ เขายังนึกไม่ออกเลยว่าจะต้องทำสีหน้ายังไงตอนที่คยองซูเข้ามา เพราะกำลังทำความผิดครั้งร้ายแรงอยู่จึงไม่แปลกที่เซฮุนจะดูร้อนรนมากกว่าทุกครั้ง ก็ถ้าคยองซูรู้ว่าเขาหลอก... คยองซูจะยังหลงเหลือความเชื่อใจในตัวของเพื่อนแบบพวกเขาอยู่ไหม
“หัวใจของมึงอยู่ในกำมือมึงแล้วนะไอ้แบคฮยอน” เซฮุนพูดส่งท้ายก่อนที่ทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบ แบคฮยอนค่อยๆเอนตัวลงนอนแล้วจากนั้นเซฮุนก็เดินออกไปนอกห้อง ร่างสูงโปร่งเดินไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่เก้าอี้แถวตัวยาวข้างผนัง เซฮุนกุมมือตัวเองไว้แล้วเอนหลังพิงพนัก ตอนนี้เขากำลังรอให้คยองซูมาอย่างใจจดใจจ่อ คาดหวังเหลือเกินว่าคยองซูจะยอมใจอ่อนอีกสักครั้ง...
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่คยองซูก็วิ่งหน้าตั้งออกมาจากลิฟต์พร้อมกับจงอินที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมา คยองซูวิ่งมาหาเซฮุนด้วยใบหน้าตื่นตระหนก สีหน้าแบบนี้ทำให้เซฮุนแอบรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน
“เซฮุนไอ้แบคละ มันอยู่ข้างในรึเปล่า!”
“คยองซู... หมอถอดเครื่องช่วยหายใจของไอ้แบคออกแล้วนะ คืนนี้แบคมันอาจจะไม่ตื่นอีกแล้ว” ได้ฟังเพียงเท่านั้นคยองซูก็มุ่งหน้าไปที่ห้องพักผู้ป่วยทันที และจงอินก็กำลังจะตามเข้าไปแต่ทว่าเซฮุนก็รั้งแขนอีกคนเอาไว้เสียก่อน
“นี่ไม่ใช่เรื่องของน้องจงอินครับ”
“แต่พี่แบฮยอนเขากำลังจะตายนะ ผมขอเข้าไปหน่อย!”
“มันไม่ตายหรอกน่า อยู่ข้างนอกนี่แหละ อยู่กับพี่ตรงนี้”
“นี่พี่ครับ... พวกพี่กำลังเล่นตลกอะไรกันอีกแล้ว” เพียงแค่จ้องลงไปในตา จงอินก็จับทางได้แบบแม่นยำ เซฮุนทำสีหน้าไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเลยสักนิดทั้งๆที่รู้ว่าแบคฮยอนกำลังจะตาย เป็นแบบนี้ก็แสดงว่ามันคือแผนอีกแล้วสินะ เซฮุนลากแขนจงอินให้เดินตามมาที่ลิฟต์ จากนั้นเซฮุนจึงค่อยๆปล่อยมือออกจากแขนของรุ่นน้องแล้วเปลี่ยนมายืนกอดอกแทน
“พวกพี่นี่เจ้าแผนการชะมัดเลยนะครับ”
“ก็ไม่อยากทำหรอก แต่พี่สงสารแบคฮยอน” จงอินหัวเราะแล้วเลื่อนมือไปรั้งคอเซฮุนมาคล้องเอาไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง
“ถามจริงๆนะครับ พี่จะเนียนแบบนี้ไปถึงเมื่อไร”
“ไอ้เด็กปีนเกลียว!!” เซฮุนกระทุ้งข้อศอกใส่รุ่นน้องแรงๆ
“ปีนพี่ผมก็ปีนมาแล้วนะครับ อย่าลืม... ว่าแต่ คืนนี้สนใจจะไปดวลเหล้ากับผมอีกสักยกไหมละครับ เผื่อครั้งนี้จะเอาชนะผมได้”
“ไม่ มี ทาง”
“แต่ดูๆไปแล้วนี่พี่เองก็คอแข็งใช่ย่อยนะครับ ขบเท่าไรก็ไม่เป็นรอย” เซฮุนถลึงตาโต ใครอนุญาตให้พูดถึงเรื่องนี้ไม่ทราบ!
“บ้า!!”
กลับมาที่ภายในห้องพักผู้ป่วย คยองซูวิ่งเข้ามาในห้องแล้วก็เจอกับแบคฮยอนกำลังนอนราบอยู่บนเตียง ร่างที่สวมชุดคนไข้อยู่หายใจรวยรินหมือนกับว่าพร้อมจะหยุดหายใจได้ทุกเมื่อ คยองซูมาหยุดเดินอยู่ที่ข้างเตียงแล้วค่อยๆเลื่อนมือไปจับหลังมือของแบคฮยอนเอาไว้แล้วบีบเบาๆ ความรู้สึกของเขาตอนที่ได้ยินเซฮุนพูดว่าแบคฮยอนอาการหนัก มันเป็นความรู้สึกที่หวาดกลัวมากที่สุด มันมากกว่าทุกครั้งที่เคยรู้สึกกลัว เพราะถ้าหากแบคฮยอนจะต้องหายไปตลอดกาลจริงๆคยองซูคงจะทำใจไม่ได้
“ไอ้แบค” รู้ดีว่าแบคฮยอนคงไม่ตอบอะไรกลับมาแต่ว่าเขาก็ยังเลือกที่จะพูดต่อไป ร่างผอมค่อยๆนั่งลงบนเตียงผู้ป่วยแล้วบีบฝ่ามือแบคฮยอนอีกครั้ง การที่แบคฮยอนไร้การตอบสนองแบบนี้ทำให้คยองซูเผลอหัวใจหล่นวูบ หรือว่าในตอนนี้มันหมดเวลาแล้วที่เขาจะต้องเลิกบังคับตัวเองให้ไม่ร้องไห้ บังคับตัวเองให้ใจแข็งกับคนที่ชื่อแบคฮยอน...
“ขอบคุณที่มึงสอนให้กูรู้ว่าการรักใครสักคนมากๆจนลืมนึกถึงตัวเองมันเป็นยังไง”
“กูเจ็บ กูเสียใจ กูร้องไห้...” หัวใจดวงเล็กบีบกันแน่นเมื่อนึกถึงการกระทำของอีกคนในวันเก่าๆ แบคฮยอนทำให้เขาร้องไห้มากกว่าทำให้หัวเราะเสียอีก...
“เพราะแบบนี้ไงกูถึงอยากเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนที่ดีกว่ามึง” คนที่แกล้งนอนหลับอยู่พอได้ยินแบบนี้ก็เจ็บแปล่บที่หัวใจขึ้นมาเสียดื้อๆ แบคฮยอนพยายามข่มตัวเองเอาไว้ไม่ให้สั่นเพื่อรอฟังในสิ่งที่คยองซูจะพูดต่อไป
“แต่มึงรู้ไหมว่ากูทำไม่ได้...” ถึงจะหลับตาอยู่แต่ก็สัมผัสได้ว่าคยองซูกำลังร้องไห้ เสียงสะอื้นหนักทำให้แบคฮยอนแกล้งนอนไม่รู้ไม่ชี้แบบนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว แบคฮยอนลืมตาโพลงขึ้นมาจนอีกฝ่ายสะดุ้งตัวตกใจ
“ไอ้แบค”
“......................”
“มึงหลอกกู!!” คยองซูรีบปาดน้ำตาแล้วชักข้อมือตัวเองกลับ ในห้วงอารมณ์ที่หม่นหมองกลับกลายมาเป็นเริ่มจะโกรธขึ้นมาทีละน้อยๆ
“คยองซูเดี๋ยว” ไม่อยากจะรับฟัง คยองซูรีบเดินหนีออกมาแต่ทว่ามือยังไม่ทันจะได้สัมผัสกับลูกบิดประตู ก็เกิดเสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างตกลงมาเสียงดังตุ๊บ คยองซูกำมือแน่นแล้วหันกลับไปมอง แบคฮยอนกระโดดลงจากเตียงจนสายน้ำเกลือหลุดออกจากหลังมือ เลือดสีสดกำลังไหลทะลักออกจากเข็มที่ฝังอยู่กับผิวเนื้อ
“อย่าไป” คยองซูพยายามกลั้นใจตัวเองเอาไว้แล้วเมินหน้าหนี สมองสั่งให้รีบวิ่งออกไปจากห้องนี้ แต่สองขากลับไม่มีแรงมากพอที่จะก้าวเดิน ความคิดมันสวนทางกับหัวใจ ระบบการประมวลผลมันผิดพลาดไปหมด คยองซูหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยร่างกายที่สั่นเทา
แรงสวมกอดจากด้านหลังทำให้คยองซูต้องรีบสะบัดตัวออกจนพ้น ส่วนคนที่ร่างกายไม่เอื้ออำนวยตอนนี้ก็ล้มพับลงไปกองกับพื้นแล้วเรียบร้อย แบคฮยอนพยายามขยับคลานตัวเองเข้ามาใกล้แล้วกอดขาคยองซูเอาไว้ข้างหนึ่ง เขาจะกอดด้วยแรงทั้งหมดเขาที่มี
“กูขอโทษ”
“..........................”
“คยองซู มึงอย่าหนีกูไปไหนอีกเลยนะ”
“...........................”
“คยองซูได้โปรด... อย่าเมินเฉยกับกูแบบนี้เลยนะ กูขอโทษ... อย่าไปเลยนะ” ใบหน้าที่แนบกอดกับต้นขาในตอนนี้มีเริ่มมีหยดน้ำตาไหลร่วงออกมาทีละน้อย คำอ้อนวอนปนเสียงสั่นเครือราวกับว่าเจ็บปวดเหลือเกิน แบคฮยอนซุกหน้าอยู่อย่างนั้นถึงแม้คยองซูจะพยายามสะบัดออกแล้วก็ตามที
“ไอ้แบคปล่อยกู!”
“ไม่!” ในตอนที่เลื่อนสายตาลงต่ำแล้วพบว่าแบคฮยอนกำลังร้องไห้อยู่เหมือนคยองซูจะนิ่งไปชั่วขณะ หัวใจของเขาทำงานหนักขึ้นและแน่นอึดอัดไปหมด มันเหมือนกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบกำหัวใจของคยองซูเอาไว้ คนใจแข็งคนนี้จะทนต่อน้ำตาที่หายากของแบคฮยอนได้อีกนานแค่ไหน...
“มึงห้ามกูไม่ได้หรอก ปล่อย!”
“มึงไม่ไปจะได้ไหม อยู่กับกูนะ...”
“จะให้กูกลับไปเสียใจอีกครั้งนะหรอ ไม่มีทาง” คยองซูเม้มปากเข้าหากันแน่น กำลังพยายามข่มอะไรบางอย่างไว้ไม่ให้มันไหลออกมาเพราะคำพูดของแบคฮยอน
“แล้วถ้ากูสัญญาว่าจะไม่ทำให้มึงเสียใจอีก มึงจะยอมอยู่ไหม... กูรักมึงนะคยองซู” เหมือนเวลาของโลกใบนี้มันกำลังหยุดลงอย่างกะทันหัน... หลังจากที่แบคฮยอนเงียบไปภายในห้องก็ไร้ซึ่งเสียง เงียบเกินไปจนแบคฮยอนต้องกอดขาอีกคนเอาไว้แน่น
เสียงถล่มของความพยายามที่พังเละไม่เป็นท่าของคยองซูที่มันดังกึกก้องไปทั้งโสตประสาท คยองซูน้ำตาร่วงเผาะเพราะหน่วยน้ำมันคลออยู่จนล้นออกมา มือข้างหนึ่งของเขาถูกยกขึ้นมากุมหน้าอกข้างซ้ายตัวเองเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่แน่นเสียด ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้วใช่ไหม...
ในทุกครั้งที่แบคฮยอนพูดคำว่าขอโทษไม่มีครั้งไหนเลยที่คยองซูจะไม่ให้อภัย อยากจะพูดเหลือเกินว่าไม่เป็นไรแต่ว่าก็กลัวว่าตัวเองจะต้องจมดิ่งกลับสู่สภาพเดิมอีกครั้ง แต่ว่าตอนนี้เขาอาจจะไม่กลัวความเสียใจอีกต่อไปแล้วก็ได้... เพราะคำสัญญาที่แบคฮยอนบอก แค่พูดว่าจะไม่ทำให้เสียใจอีกคยองซูก็ยอมเชื่อจนหมดใจแล้ว
ร่างทั้งร่างไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไป คยองซูเข่าอ่อนทรุดตัวนั่งลงกับพื้น เพียงแค่คำพูดไม่กี่ประโยคก็รั้งคยองซูเอาไว้ได้เสียสนิท เพราะมันเป็นคำที่เขาอยากจะฟัง อยากจะได้ยินจากปากของแบคฮยอนมานาน... หยดน้ำตาของคยองซูที่ไหลออกมามากมายขนาดนี้มันทำให้เขารู้ตัวเลยว่าไม่มีทางเลิกรักอีกคนได้อย่างที่พูดเลย
“แบค...”
“คยองซู มึงอย่าไปไหนเลยนะ”
“แบคฮยอน กูขอโทษ” จังหวะลมหายใจติดขัดไปหมด คยองซูแกะมือแบคฮยอนออกจากขาแล้วสวมกอดอีกคนแน่น ในขณะที่เลือดหยดเล็กของแบคฮยอนก็เริ่มไหลหยดลงพื้นเป็นดวงๆ
“มึงเจ็บ..มะ..ไหม” น้ำเสียงสั่นเครือที่เอ่ยถามก้องสะท้อน แบคฮยอนไม่ยอมพูดอะไรนอกจากกระชับอ้อมแขนตัวเองเอาไว้แน่น เขาไม่อยากให้คยองซูหายไปไหน
“ไม่อยากให้หายไปไหนอีกแล้วนะ” แบคฮยอนลูบหัวคยองซูอย่างแผ่วเบา เขาไม่สนว่าเลือดที่ไหลอาบข้อมือมันจะไหลออกมาเยอะขนาดไหน เพราะในตอนนี้ความรู้สึกมากมายพุ่งเข้ามาที่หัวใจเป็นจุดๆเดียวจนลืมความเจ็บปวดไปแล้ว มันดีใจ มันมีความสุข...
“อือ...” แบคฮยอนจะรู้รึเปล่าว่าตลอดเวลาที่เขาไปอยู่กับจงอินเขาเป็นห่วงแบคฮยอนแค่ไหน กลัวว่าจะไม่มีคนคอยตื่นมาปิดม่านให้เวลาที่แดดแรงๆ กลัวว่าจะไม่มีคนคอยไล่แบคฮยอนไปอาบน้ำ กลัวว่าแบคฮยอนจะเหงา กลัวว่าเวลาอีกคนป่วยจะไม่มีใครคอยดูแล
“เริ่มใหม่ได้รึเปลา”
“กูจะเริ่มใหม่... เริ่มกับมึงแค่คนเดียวเท่านั้น” คยองซูยกมือขึ้นมากอดแบคฮยอนเอาไว้ ในเมื่อความคิดถึงที่สะสมมานานมันได้สิ้นสุดลง ตอนนี้เขาก็จะกอดแบคฮยอนให้แน่นที่สุด กอดแบคฮยอนคนที่คยองซูรัก กอดแบคฮยอนด้วยหัวใจที่มั่นคง...
“ไอ้แบค กูคิดถึงมึงมากนะ”
“อือ กูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน” แบคฮยอนคลายอ้อมกอดลงแล้วประคองใบหน้าของอีกคนเอาไว้ มือสองข้างถูกยกขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตาที่ไหลออกมาซ้ำแล้วซ้ำอีกให้จางหายไป คยองซูค่อยๆจับมือของแบคฮยอนมาแนบกับแก้มของตัวเอง ดวงตาที่ชุ่มน้ำจ้องมองแบคฮยอนแบบไม่วางตา
“อย่าร้องนะแบคฮยอน” ประโยคคุ้นเคยที่แบคฮยอนพูดบ่อยๆ เขาไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งจะมีคนมาพูดประโยคนี้กับเขา เพียงเพราะกลัวว่าคยองซูจะทิ้งเขาไปจริงๆน้ำตามันก็รื้นขึ้นมาเอง
“สงสัยว่ากูคงจะติดนิสัยขี้แงมาจากมึงละมั้ง”
“ไอ้แบค มึงมันบ้า...”
ภายในห้องพักของผู้ป่วยของโรงพยาบาล แบคฮยอนกล่าวขอบคุณพยาบาลสาวที่เป็นคนเข้ามาเจาะเข็มให้เขาใหม่ หญิงสาวชุดขาวยิ้มตอบด้วยไมตรีจิต แบคฮยอนสัมผัสได้ถึงความเอื้ออาทรจากสายตาที่คุณพยาบาลมีต่อคนป่วยอย่างเขา
“เดี๋ยวดิฉันจะให้คนเข้ามาทำความสะอาดตรงหน้าประตูให้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมเช็ดเองก็ได้” เป็นคยองซูที่พูดสวนขึ้นมา พยาบาลสาวยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเข้าใจ เธอเดินถือถาดยากลับออกไปพร้อมกับทิ้งกลิ่นแอลกอฮอล์เช็ดแผลจางๆเอาไว้ภายในห้องพัก
“ไอ้แบค มึงเจ็บรึเปล่า” พอทั้งสองคนกลับเข้ามาอยู่ในโหมดปกติอย่างที่เคยเป็นมา สรรพนามก็กลับมาสนิทชิดเชื้อกันตามเดิม อะไรหลายๆอย่างมันก็กลับมาลงล็อคเหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิมแต่มีอยู่อย่างเดียวที่เป็นข้อยกเว้น อย่างที่ว่านั่นก็คือสถานะความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง...
“ตอนนี้กูหายแล้ว” คนในชุดผู้ป่วยนั่งมองหน้าคยองซูแล้วก็อมยิ้ม จ้องขนาดนี้มีหรอว่าคยองซูจะไม่รู้ตัว
“มึงมองเหี้ยอะไร”
“ไม่ได้มองเหี้ย แต่กูมองมึง” แบคฮยอนประดับรอยยิ้มเอาไว้บนใบหน้าทุกครั้งที่พูดคุยกับคยองซู ความสุขที่ได้มองหน้าของอีกคนถูกระบายออกมาผ่านรอยยิ้มบางๆ แบคฮยอนไอ้...
“สัด”
“แล้วนี่มึงจะด่ากูไปถึงเมื่อไร นี่กูเป็นพระเอกนะเว้ย”
“กูพอใจที่จะด่า แต่ถ้ามึงไม่อยากให้ด่ากูจะกลับก็ได้นะ” คยองซูไม่ได้พูดเล่น รายนั้นลุกจากเก้าอี้ข้างเตียงแล้วเตรียมตัวชิ่งหนีออกไปนอกห้อง หมั่นไส้แบคฮยอน ยิ้มอยู่ได้ ประสาท
“นั่นมึงจะไปไหนอะ ตอนนี้กูหิวน้ำนะ มึงเอาน้ำให้กินหน่อยนะคยองซูนะ” ทำเสียงออดอ้อนออเซาะ คยองซูยอมหยุดเดินแต่ก็ยังไม่ยอมเข้าเดินไปหยิบน้ำมาให้แบคฮยอนอยู่ดี เล่นตัวสักหน่อยไม่เป็นไรหรอกมั้ง
“คยองซูเอาน้ำให้ผมกินหน่อยนะครับ น้า...”
“มึงแม่งเพี้ยนไปแล้ว!!”
“ผิดตรงไหนที่กูอยากจะเปลี่ยนตัวเองมาพูดเพราะๆกับคนที่กูรักให้เขาชื่นใจบ้าง” คยองซูปรายตามองแล้วยักไหล่ พอได้เห็นสีหน้าแบบนั้นแล้วคยองซูก็จำยอมต้องเดินไปหยิบแก้วมาเทน้ำส่งให้แบคฮยอน แต่คนป่วยเจ้าปัญหายังแกล้งทำเป็นไม่สนใจแล้วเสหน้ามองไปทางอื่น
“แดกดิ หิวไม่ใช่หรอ”
“ไม่”
“ถ้างั้นมึงจะเอาอะไร”
“เอามึงได้ไหม” น้ำใสๆในแก้วถูกสาดออกมาโดยฝีมือของคยองซูทันที แบคฮยอนร้องโวยวายเมื่อโดนน้ำสาดใส่หน้าแบบเต็มรัก
“ทะลึ่ง ลามก!! มึงยังไม่หายดีเลยนะแล้วยังจะมีหน้ามาพูดอีก” คนป่วยโดนทำร้ายโดยฝ่ามือเล็กที่ฟาดลงไปที่แขนของแบคฮยอนอย่างแรงจนเกิดเสียงดังเพี๊ยะ แล้ววิญญาณเด็กปัญญาอ่อนเข้าสิงแบคฮยอนอีกครั้ง แบคฮยอนชักสีหน้าเหมือนกำลังงอน
“ก็มึงถามว่าอยากเอาอะไรกูก็ตอบแล้วไง ทำไมต้องตีด้วยเล่า” -3-
“นี่มึงคิดว่าตัวเองน่ารักมากรึไง” คยองซูยืนกอดอกตัวเอง ดวงตากลมโตจ้องมองแบคฮยอนไม่วางตา แบคฮยอนมีมุมแบบนี้ด้วยหรอ
“น่ารักมากที่สุดในโลก” แบคฮยอนตอบด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะมั่นใจ
“ไอ้แบค กูก็เพิ่งจะรู้นะว่าเดี๋ยวนี้มึงยอตัวเองว่าน่ารักแทนที่จะยอตัวเองว่าหล่อแล้ว”
“กูไม่ได้หมายถึงกูซะหน่อย กูหมายถึงมึงต่างหาก”
“ไอ้บ้า...” นี่คือประโยคพื้นฐานของคนที่หัวใจกำลังเต้นแรงใช่รึเปล่านะ
“ใช่กูมันบ้า แล้วมึงทำอะไรไว้กับหน้ากู รบกวนช่วยเช็ดออกให้ด้วยนะ” จะเรียกการกระทำของคยองซูแบบเมื่อสักครู่นี้ว่ายังไงดีละ สาดน้ำใส่เพราะรีแอคชั่นหรือเพราะข้อหาหมั่นไส้
“ก็มึงเสือกทะลึ่งเองทำไมละ” คยองซูยอมเดินไปหยิบทิชชู่บนโต๊ะมาเพื่อเช็ดน้ำที่เขาสาดใส่แบคฮยอนไปเมื่อสักครู่ จากนั้นเตียงคนป่วยก็ยุบลงตามน้ำหนักของคยองซู แบคฮยอนเอียงหน้าให้อีกคนซับน้ำออกให้ ส่วนมือทั้งสองข้างที่อยู่ไม่เป็นสุขก็เลื่อนมาเกาะเกี่ยวเอวคยองซูเอาไว้แล้วดึงให้อีกคนขยับเข้าไปใกล้ๆ
“เช็ดให้หมดเลยนะครับ”
“เลิกพูดสุภาพตอแหลสักที มึงเป็นตัวของมึงเถอะ”
“ตัวของกูหรอ ถ้ากูเป็นตัวของตัวเองขึ้นมาจริงๆแล้วมึงจะไม่ด่ากูหรอ”
“ทำไมต้องด่าด้วยละ ตัวตนของมึงคือแบคฮยอนที่ปากหมา พูดจาเหี้ย ไม่สุภาพ” นี่ถ้าไม่ติดว่ารักสาบานเลยว่าแบคฮยอนจะถีบให้กลิ้งตกเตียงลงไปแม่งมันเดี๋ยวนี้เลย
“กูหมายถึงอย่างอื่นต่างหาก”
“อะไร”
“ขอจูบหน่อยได้รึเปล่า” ขอกันโต้งๆแบบนี้เลยเรอะ คยองซูปาทิชชู่ที่เปียกชุ่มใส่แบคฮยอนแล้วหัวเราะ ถึงจะนึกขำกับคำขอของแบคฮยอนอยู่ไม่น้อยแต่คยองซูก็ไม่ได้แขวะอะไรออกมาอย่างเคย ซ้ำยังขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆแล้วใช้มือทั้งสองสัมผัสแก้มแบคฮยอนแผ่วเบา
เมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาโดคยองซูกำลังร้องไห้ แต่ว่าในตอนนี้เขากำลังหัวเราะ สภาพอารมณ์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงนั้นมันเกิดขึ้นเพราะคนคนเดียว แบคฮยอนสามารถพาเขาขึ้นไปยังจุดที่สูงที่สุดของอารมณ์ได้และในขณะเดียวกันก็มีความสามารถที่จะฉุดอารมณ์ของเขาให้รู้สึกตกต่ำย่ำแย่อย่างถึงที่สุดเช่นเดียวกัน...
“ไม่ให้จูบหรอก...” คนตรงหน้านี้คือคนที่คยองซูรัก และรักมาโดยตลอด ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเขายังร้องไห้ให้กับคนคนนี้อยู่ร่ำไป ร้อยพันหมื่นเหตุผลที่คยองซูขุดขึ้นมาเพื่อบอกกับตัวเองว่าให้เลิกรักแบคฮยอนได้แล้ว แต่ว่าเหตุผลเหล่านั้นมันกลับไม่เคยมีความหมายอะไรเลยเมื่อได้เห็นหน้าของแบคฮยอน
ยิ่งคยองซูพยายามทิ้งแบคฮยอนไปเท่าไร ใจของเขาก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น คงจะเป็นเรื่องจริงที่คนเราไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไร้ซึ่งหัวใจ คยองซูเองก็เช่นเดียวกัน เขาไม่สามารถอยู่ได้โดยซึ่งหัวใจ หัวใจของเขาคือแบคฮยอน...
“...เพราะมึงกำลังไม่สบาย และกูก็ไม่อยากติดไข้จากมึง”
“มึงเคยห้ามกูได้รึไง”
“อืม... อาจจะไม่เคย”
“แล้วครั้งนี้คิดว่าจะห้ามได้รึเปล่า”
“ไม่...” คยองซูยิ้มออกมาน้อยๆแล้วค่อยๆปิดเปลือกตาทั้งสองข้างลง ลมหายใจอุ่นร้อนของอีกคนขยับเข้ามาประชิดมากขึ้นจนหัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม สัมผัสแผ่วเบาที่ประทับอยู่บนกลีบปากค่อยๆกลืนกินกันเข้าไปอย่างเชื่องช้า คยองซูเลื่อนมือลงมาคล้องคอแบคฮยอนเอาไว้ นิ้วเล็กแอบไปเกาท้ายทอยของอีกคนเบาๆ ครั้งนี้จะยอมปล่อยให้แบคฮยอนเป็นคนเริ่มเก็บเกี่ยวความรู้สึกดีๆโดยไม่การปฎิเสธใดๆ
แต่ในเมื่อคนป่วยห้ามใจไม่ได้ที่จะไม่ดูดขบริมฝีปากอิ่มตึงของคยองซู มันก็ต้องมีบางที่คยองซูจะโต้ตอบโดยการจิกดึงผมของแบคฮยอนแรงๆเป็นสัญญาณให้รู้ว่ากูเจ็บ
...นี่มันนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ที่แบคฮยอนไม่ได้แตะต้องปากนิ่มๆของคยองซู แบคฮยอนรั้งเอวอีกคนเข้ามาให้แนบชิดจนแทบจะรวมร่างกันได้ ปลายลิ้นชื้นที่เกี่ยวพันกันอยู่ค่อยๆช่วงชิงลมหายใจของกันและกัน จนอากาศภายในปอดนั้นจางลงแบคฮยอนถึงได้ยอมถอนริมฝีปากออก แต่ก็ยังไม่วายว่าจะแถมลงไปอีกหนึ่งครั้งโดยการกดจูบลงไปที่กลีบปากนิ่มของคนในอ้อมแขนแรงๆจนหน้าหงาย
จริงๆแล้วอยากจะทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำไป แต่ว่าอะไรหลายๆอย่างทำให้แบคฮยอนไม่กล้าที่จะกดคนตัวผอมนี้ลงกับเตียงของโรงพยาบาล หนึ่งคือเขายังไม่ค่อยมีแรง สองนี่คือโรงพยาบาลและสามคือมีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการลับอีกหลายคนกำลังแอบมองพวกเขาอยู่ที่ช่องกระจกใสของประตูห้องพักผู้ป่วย หน่วยเสือก...
“คยองซูมึงรู้ไหมว่ามีคนแอบดูมึงกับกูอยู่” ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจและเตรียมจะหันหน้ากลับไปมองแต่ว่าแบคฮยอนก็จับหน้าคยองซูเอาไว้ไม่ยอมให้อีกคนหันกลับไปดู
“ใครแอบดู”
“ไอ้เชี่ยลู่ ไอ้คริส เซฮุน จงแด อี้ชิงแล้วก็จงอิน” แบคฮยอนเองก็ไม่ทราบว่าคิมจงอินเข้ามามีบทบาทอยู่ภายในกลุ่มเพื่อนสนิทของเขาได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆคือคงไม่ได้มาแบบธรรมดาแน่ๆ ถ้าสิ่งที่แบคฮยอนเดาไว้มันไม่ผิดไปจากที่คิดอีกสักพักจงอินอาจจะมีตำแหน่งผัวโอเซฮุนพ่วงท้ายมาด้วยก็ได้
“ไอ้แบค มึงปล่อยก่อนเถอะนะ คือ...กูอายพวกมัน”
“มึงจะอายทำไม มันอยากดูก็ให้มันดูไปดิ” ไม่พูดเปล่า แบคฮยอนยังถือวิสาสะขโมยหอมแก้มคยองซูทั้งสองข้างจนมีเสียงฟอดดังออกมา คยองซูสาละวนมือทุบตีให้อีกคนปล่อยแต่ทำไปก็เท่านั้น แบคฮยอนรั้งคอเข้ามาจูบอีกครั้งแบบไม่นึกอายในสายตาของพวกสอดรู้ที่แอบดูอยู่ข้างนอก ทำไมครับ จะแสดงความรักนี่มันน่าอายตรงไหนหรอ
“ไอ้เชี่ยแบค!! ปล่อยก่อนดิ” ไม่ได้สนใจในสิ่งที่คยองซูร้องขอ แบคฮยอนแกล้งขบใบหูคนในอ้อมกอดเบาๆ คยองซูขนลุกชันด้วยความจั๊กจี้ระดับสิบ เสียงหัวเราะคิกคักดังเล็ดลอดออกมาถึงข้างนอก ภาพการกระทำที่แนบชิดทำให้คนที่ยืนแอบดูอยู่ต้องละสายตาออกมา กูไม่กล้าดูต่อแล้วแม่ง!
“ไอ้เหี้ย แม่งเลิฟซีนวะมึง” จงแดทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยนะ จงแดอยากจะวิ่งไปบนดาดฟ้าแล้วตะโกนดังๆว่าแบคคยองอีสเรียล
“แหม ไอ้จงแดทำยังกับไม่เคยเห็นนะครับมึง” ลู่หานที่แอบดูอยู่เหมือนกันก็ละสายตาออกแล้วหันมาแขวะกับท่าทีตอแหลของเพื่อนรัก ทำเป็นกระแดะรับไม่ได้กับเลิฟซีน กูเห็นบ้านมึงมีหนังเรทเป็นร้อยเรื่อง
“กูอ่อนต่อโลก ไม่เคยเห็นหรอก”
“โหย พี่จงแดครับ ถ้ามึงไม่อายพวกกูก็อายผีสางเทวดาบ้างเถอะ พูดมาได้ว่าอ่อนต่อโลก หน้าอย่างมึงนี่เข้าเรียกว่าเจนโลกจนไม่รู้จะพูดว่ายังไงแล้วสัด”
“ที่ผ่านมาพวกมึงมองกูเป็นคนเจนโลกหรอวะ กูไม่อยากจะบอกเลยนะว่ากูใสขนาดไหน” ลู่หานได้ยินแบบนี้ก็เบะปาก อยากจะสละรองเท้าสักข้างเอาไปยัดปากมันจริงๆ
“ไปบอกพ่อมึงเถอะ” ลู่หานพูดกระแทกหน้าจงแดทีหนึ่ง แล้วจากนั้นเขาก็จัดการเอื้อมแขนตัวเองไปลากคอเซฮุนกับคริสให้เลิกส่อง ไอ้สองคนนี้ก็ทำยังกับไม่เคยเห็น หัดดูอี้ชิงเป็นตัวอย่างซะบ้างสิ!!
“อ้าว ไอ้อี้ มึงก็แอบดูเหมือนกันเรอะ!” แทบจะหงายหลังเมื่อลู่หานหันไปเจออี้ชิงกำลังยืนเบียดกับเซฮุนเพื่อแย่งกันดูแบคฮยอนกับคยองซูนั่งแทะโลมกัน ไอ้แบคนี่ก็ยังไงรู้ทั้งรู้ว่ามีคนแอบดูอยู่แต่ก็ยังจะเจ๊าะแจ๊ะคยองซูอยู่ได้
“กูหมดศรัทธาในตัวไอ้อี้มากๆเหอะ” -_- หน้าห้องพักผู้ป่วยชุลมุนอยู่แบบนี้สักพัก จนในที่สุดทั้งหมดก็แยกย้ายกันออกมาจากบริเวณหน้าประตู พวกเขาควรจะปล่อยให้แบคฮยอนได้แสดงความรัก ความคิดถึงของมันอย่างเต็มที่ อันจริงอยากจะเอาป้ายไปแขวนไว้หน้าห้องเลยว่าห้ามเข้าทุกกรณี
ในตอนนี้แก๊งค์เพื่อนที่ร่วมหัวจมท้ายกันมาจนจบเรื่องเดินเรียงหน้ากระดานกันไปที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล ตลอดทางก็มีเสียงซุบซิบคุยกันดังขึ้นมาตลอดทาง นี่มึงรวมตัวกันจัดตั้งสมาคมคนขี้ฝอยรึไง
“ตอนนี้ไอ้แบคมันคงกำลังมีความสุข” คริสที่เดินอยู่ข้างๆลู่หานพูดขึ้นกับลู่หานให้ได้ยินกันเพียงสองคน ลู่หานพยักหน้าเบาๆแล้วก็อมยิ้ม เขารู้สึกว่าดีใจจริงๆที่แผนของเขาในครั้งนี้มันได้ผลแบบเกินคาด
“อือ กูเห็นมันมีความสุขกูก็มีความสุข”
“แล้วมึงละไอ้ลู่ เมื่อไรจะหาเมียเป็นตัวเป็นตนสักที”
“มึงว่าพยาบาลสาวหุ่นเอ็กซ์ๆนี่โอเคไหมวะ”
“มึงแม่งก็มองแต่ตรงนั้นของเขานั่นแหละ!” มือใหญ่ๆตบลงบนหัวลู่หานเบาๆเป็นเชิงว่าหยอก
“อ้าว หรือมึงจะเถียงว่ามึงไม่ได้มองผู้หญิงจากตรงนั้น เมียมึงนี่ฟาร์มไทเดนมาร์กชัดๆเหอะ”
“อย่าพูดถึงเมีย ช่วงนี้แม่งทะเลากันบ่อย กูเบื่อโคตรๆ” ลู่หานได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะกร๊าก ส่อแววว่าสิ่งที่เขาแช่งไว้มันจะสำแดงฤทธิ์แล้วสินะ
“สมน้ำหน้า!”
ทางด้านของเซฮุนก็มีจงอินเดินตามหลังต้อยๆเหมือนลูกหมาตัวดำๆตัวหนึ่งที่เดินตามเจ้าของ สาเหตุที่เซฮุนต้องย้อนกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งก็คือเขาดันลืมมือถือเอาไว้บนโต๊ะ แล้วพอมาถึงก็เจอกับพวกลู่หานซึ่งแห่กันมาก่อนหน้าเขาแล้ว
“พี่เซฮุนครับ จะกลับกับผมรึเปล่า”
“นี่ น้องจงอินครับ พี่มากับน้องพี่ก็ต้องกลับกับน้องสิครับ”
“ผมก็นึกว่าพี่จะฉายเดี่ยวโบกแท็กซี่กลับเองแบบวันนั้นซะอีก” เซฮุนชักสีหน้าใส่ทันทีที่ได้ยินจงอินพูดรำลึกความหลังอันโหดร้าย
“ไอ้เด็กเวร” พอจงอินยื่นมือมาเกาะแขน เซฮุนก็สะบัดแขนหนีลูกเดียว อาการง้องแง้งพวกนี้อยู่ในสายตาของเพื่อนคนอื่นๆมาตลอด เซฮุนไม่เคยประสาทกลับถึงขนาดนี้ แต่ก็นะ...คนเราพอมีความรักแล้วมันก็มักจะดูเด็กลงแบบนี้นี่แหละ ยิ่งเวลางอนนี่แทบไม่ต้องพูดถึงเลย งอแงมากเสียจนอยากจะถีบหัวส่งให้ไปอยู่เนิร์ดเซอร์รี่ -_-
“พูดเพราะๆกับผมสักครั้งไม่ได้หรอครับ”
“เพราะๆ”
“ไม่ใช่มั้งครับพี่ ผมหมายถึงอยากให้พี่พูดเพราะๆ”
“อะไรวะ ให้พูดเพราะๆกูก็พูดแล้วไง!” กลายเป็นว่าหยาบคายยิ่งกว่าเดิม...
“เอ่อ...แล้วแต่พี่จะพูดเถอะครับ” -_-
ในค่ำคืนที่อากาศสดชื่น สายลมอ่อนๆพัดโชยเข้ามาถึงภายในห้องพักที่มีผู้อยู่อาศัยสองคนเป็นเพื่อนร่วมแชร์ค่าห้อง แต่ว่าตอนนี้อาจจะกลายเป็นแฟนร่วมแชร์ค่าห้องเสียมากกว่า แบคฮยอนกลับมารักษาตัวต่อที่ห้องโดยมีคุณหมอที่น่ารักที่สุดคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง คุณหมอน่ารักมากนะแต่ถึงจะปากหมาไปหน่อยก็ไม่เป็นไร แบคฮยอนไม่ถือ
“ไอ้แบค!! แดกยาก่อนนอน”
“ป้อนยากูหน่อยนะ...นะ”
“ตกลงมึงโดนยิงมาหรือมึงเป็นง่อย” พยอนแบคฮยอนอ้าปากค้างสามวิก่อนจะยอมรับยามากรอกลงปากตามที่อีกคนบังคับ
"ถามจริงๆนะคยองซู ตอนมึงรู้ว่ากูกำลังจะตายมึงเป็นห่วงกูบ้างไหม”
“ถ้าไม่ห่วงกูจะไปหามึงทำไม” คยองซูเดินไปนั่งลงบนเตียงข้างๆแบคฮยอนแล้วจ้องหน้า ถามมาได้ว่าเป็นห่วงรึเปล่า ถ้าไม่ห่วงก็คงไม่รีบวิ่งแจ้นจนหางจุกตูดเข้าไปดูอาการหรอก
“ถ้าเป็นห่วงทำไมวันนั้นต้องทิ้งกูไปด้วยละ”
“กูแค่ไม่อยากเสียใจอีก”
“คยองซูกูขอโทษนะ...”
“มึงไม่ต้องขอโทษหรอก เรื่องมันผ่านมาแล้ว” คุณหมอจำเป็นยื่นมือไปดึงแก้มแบคฮยอนเบาๆ คนป่วยเบะปากทำหน้าง้องแง้งตามแรงดึง
“คยองซูจ๋า แบคอยาก...”
“ไม่ได้!”
“นี่กูยังพูดไม่จบเลยนะว่ากูอยากอะไร” คนพูดเริ่มจะชักสีหน้าใส่
“หน้าอย่างมึงจะอยากอะไรนอกจาก...”
“อะไรหรอ นอกจากอะไร” แบคฮยอนจ้องหน้าคยองซูแบบคาดคั้น อีกคนถึงกับใบหน้าซับสีเลือดจางๆ คิดอะไรอยู่นะคยองซู...
“ตอบมาดิว่ากูอยากอะไร” ยังเค้นเอาคำตอบแบบไม่ลดละ จนคยองซูต้องอาละวาดโวยวายพร้อมกับตีแขนแบคฮยอนไปสองสามทีจากนั้นก็เดินหนีอีกคนไปที่ระเบียง ก็ถ้าเขาตอบออกไปแล้วมันไม่ตรงกับที่แบคฮยอนคิด คนที่จะอายจนต้องแทรกแผ่นดินหนีจะเป็นใครไปได้นอกจากตัวเขาเอง
แบคฮยอนแอบหัวเราะกับพฤติกรรมที่เห็นเมื่อสักครู่นี้ เขารักษาตัวมาเรื่อยๆจนร่วมสองอาทิตย์แล้ว แน่นอนว่าอาการของเขาก็ต้องดีขึ้นเป็นธรรมดา ดีขึ้นจนสามารถกลับมาทำอะไรๆได้เหมือนปกติแล้วด้วย
“มึงเป็นอะไรวะ ทำไมต้องตีกูด้วย” คยองซูไม่ยอมตอบคำถามของคนที่กำลังกอดเขาจากทางด้านหลังอยู่ เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วเปลี่ยนเรื่องชวนแบคฮยอนให้มาช่วยกันตามหาพระจันทร์แทน
“ไอ้แบค วันนี้พระจันทร์เต็มดวง”
“ใช่ ดวงใหญ่มากด้วย”
“พระจันทร์อะนะ” คยองซูถาม
“เปล่า กูหมายถึงหน้ามึงอะ”
“อ๋อ นี่มึงหลอกด่าว่ากูหน้าบานหรอ!!”
“ล้อเล่นหรอกน่า ถึงมึงจะหน้าบานแต่กูก็รักมึงอยู่ดีนะ” แบคฮยอนโน้มลงมาหอมแก้มคยองซูอีกทีแล้วคลอเคลียปลายจมูกแถวๆพวงแก้มนิ่มอยู่ไม่ห่าง เขาได้ยินเสียงคยองซูหัวเราะออกมาเบาๆกับมุกชนบทที่เสี่ยงต่อการโดนหมัดเสยปลายคาง
“วันนี้พระจันทร์สวยกว่าวันนั้นอีกเนอะ” คยองซูเอนหัวซบกับคอของคนที่กอดเขาอยู่ ดวงตากลมโตจ้องมองอยู่ที่ท้องฟ้าแบบไม่ละสายตาไปไหน วันนี้เป็นวันที่ฟ้าโปร่ง ไม่มีก้อนเมฆหนาทึบมาคอยบดบังแสงของดวงจันทร์สีนวล
“วันนั้นมันผ่านมาแล้วนะคยองซู มึงจะไปพูดถึงอีกทำไม”
“กูก็แค่อยากเปรียบเทียบ เหมือนรีวิวบีฟลออาร์ฟเตอร์ไง”
“เปรียบเทียบแล้วได้อะไรไม่ทราบครับ”
“ได้เห็นความแตกต่างไงครับคุณแบคฮยอน” เสียงเจื้อยแจ้วที่พูดคำว่าครับมันทำให้แบคฮยอนอดไม่ได้ที่จะจูบหนักๆลงที่แก้มของอีกคน
“แล้วมันแตกต่างกันยังไงละ”
“ก็วันนั้นไม่มีพระจันทร์แต่วันนี้มันมีพระจันทร์ไง เห็นข้อแตกต่างอย่างชัดเจนเลยแหละ”
“อันที่จริงมันไม่เห็นจะต่างกันเลยสักนิด” แบคฮยอนทำให้คยองซูประหลาดใจกับคำพูดเมื่อสักครู่นี้ สองแขนของแบคฮยอนค่อยๆปล่อยออกเพื่อให้คยองซูได้พลิกตัวหันกลับมา อีกคนพยายามจ้องตาหาคำตอบแต่แบคฮยอนก็เอาแต่ยิ้มและไม่ยอมพูดอะไร ดวงตาของคนทั้งสองสบกันอยู่อย่างนั้นจนในที่สุดคยองซูก็เป็นฝ่ายยอมแพ้หลบสายตาไปก่อน
“ไม่ว่าจะวันนั้น วันนี้ หรือวันไหน กูก็จะมีมึงคอยอยู่กับกูเสมอ แต่ถ้าจะหาข้อแตกต่างก็คงจะเป็นสภาพอารมณ์ละมั้ง ตอนนั้นกูยังเอียงไปเอียงมาไม่แน่นอน ไม่ชัดเจน แต่ว่าตอนนี้กูมั่นใจแล้วนะ” ใบหน้าของคนทั้งสองแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม มันเป็นยิ้มที่รู้สึกดีที่สุด คยองซูมักจะเขินอายเสมอเวลาที่แบคฮยอนทำตัวนุ่มนวลกับเขา ไหนจะสายตาที่อบอุ่นของแบคฮยอนนั่นอีก เวลาที่ได้จ้องมองนานๆมันก็คล้ายกับว่าสายตาคู่นั้นจะเผาให้คยองซูต้องหลอมละลาย
“มั่นใจว่าอะไร” สองมือของคยองซูถูกดึงขึ้นมากุมอาไว้ที่หน้าอกข้างซ้ายของแบคฮยอน แนบชิดจนสัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจของอีกคน จะให้อธิบายความรู้สึกที่มันจุกอยู่ที่คอนี้ยังไงดีนะ คยองซูได้แต่ยิ้มแล้วก็ยิ้ม และประโยคที่แบคฮยอนกำลังจะพูดต่อไปนี้จะใช่ประโยคที่คยองซูรอคอยมาโดยตลอดไหมนะ...
“กูมั่นใจแล้วว่ากูรักมึง” ใช่จริงๆด้วย...
“.........................”
“กูรักมึงนะคยองซู” ครั้งที่สองแล้วที่แบคฮยอนดึงมือคยองซูมาจูบลงที่หลังมืออย่างแผ่วเบา มือเล็กที่กำลังสั่นอยู่ทำให้แบคฮยอนรู้ว่าอีกคนกำลังตั้งท่าจะงอแงอีกคแล้ว แต่ว่าในครั้งนี้แบคฮยอนจะไม่พูดแล้วว่าคยองซูมึงอย่าร้องไห้ เพราะเขามั่นใจว่าน้ำตาหยดเล็กๆที่หลั่งออกมาในครั้งนี้มันไม่ได้เกิดจากความเศร้าเสียใจเหมือนครั้งก่อนๆ
คยองซูเคลื่อนตัวเข้าไปกอดแบคฮยอนเอาไว้แน่น ก้อนน้ำตาที่จุกคาคอถูกปลดปล่อยออกมาเป็นธารน้ำที่ไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้าง ใบหน้าเล็กซุกลงกับคอของแบคฮยอนทั้งน้ำตา บางอย่างที่คยองซูรอคอยมานานมันได้สิ้นสุดลงแล้วจริงๆ รอคำว่ารักจากปากของแบคฮยอน... คยองซูจะยอมลืมเรื่องราวไม่ดีที่ผ่านมาทั้งหมดเพื่อเริ่มต้นใหม่กับคนที่รัก
“ต่อไปนี้ไม่ได้มีแค่มึงแล้วนะที่รักกู ในตอนนี้เรารักกันนะคยองซู เรารักกัน...”
“อื้อ... เรารักกัน” อุปสรรคชิ้นโตที่พัดผ่านเข้ามาในหัวใจของคยองซู มันสร้างความสั่นคลอน หวั่นไหวและหวาดกลัว แต่ภายใต้ความไม่แน่นอนในจิตใจนั้นกลับเต็มไปด้วยความมั่นคง มั่นคงในตัวของคนที่รัก คยองซูรู้ดีว่าเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ คยองซูไม่อาจจะเดาได้ว่าอนาคตข้างหน้านั้นจะมีเรื่องอะไรเข้ามาทำให้เขาต้องร้องไห้อีกหรือไม่ รู้แค่ว่าวันนี้ก้าวแรกของเขากับแบคฮยอนมันเต็มไปด้วยความรักที่มีให้กัน
ความรักที่เรามองไม่เห็นก็ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่มีอยู่จริง บางทีคนที่รักเรามากที่สุดอาจจะอยู่ใกล้มากจนเราเองนั้นได้เผลอมองข้ามความรักนั้นไป...
“มึงเชื่อในรักแท้รึเปล่าวะคยองซู” หลังจากผละตัวออกแบคฮยอนก็ค่อยๆเช็ดหยดน้ำตาให้ออกพ้นใบหน้าของคยองซู ร้องไห้เป็นเด็กๆไปได้…
“กูเชื่อ...เชื่อที่สุดเลย”
“อืม...กูก็เชื่อนะ กูเชื่อตั้งแต่วันนี้เลยแหละ เชื่อว่ารักแท้ของกูมันมาหยุดอยู่ตรงหน้ากูแล้ว”
“........................”
“คยองซู มึงมีตัวตนอยู่จริงในหัวใจกูนะ” รอยยิ้มที่คลี่ออกมาบางๆมันทำให้คยองซูกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แบคฮยอนกูเขินนะ...
“กูจะพูดคำที่มึงอยากได้ยินให้มึงฟังอีกทีก็ได้นะ และกูก็คิดว่าต่อไปนี้กูอาจจะพูดคำนี้ให้มึงฟังทุกวันเลยก็ได้” แบคฮยอนดึงคยองซูเข้ามากอดเอาไว้แล้วจูบที่ขมับอีกคนแผ่วเบา เขาอยากจะกอด อยากจะจูบ อยากจะสัมผัส คงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมถ้าต่อไปนี้เขาจะทำทุกอย่างที่พูดมาบ่อยขึ้นกว่าเมื่อก่อน
แบคฮยอนเลื่อนหน้าไปใกล้ใบหูนิ่มแล้วกระซิบอะไรบางอย่างที่ได้ยินกันแค่สองคน อะไรบางอย่างที่เขาพูดมันจากใจ สามคำที่แบคฮยอนจะพูดให้คยองซูได้ยินเพียงคนเดียวเท่านั้น...
“กูรักมึง”
สิ่งหนึ่งที่อยากให้คยองซูมั่นใจคือแบคฮยอนคนนี้จะไม่มีวันปล่อยมือคยองซูไปไหน ถึงแม้คนอย่างแบคฮยอนจะไม่ค่อยรักษาสัญญาสักเท่าไรแต่ในครั้งนี้เขาก็อยากจะให้คยองซูเชื่อได้เลยว่าเขานั้นสามารถทำตามที่สัญญาไว้ได้อย่างแน่นอน...
ผู้ชายโง่ๆคนนี้ขอสัญญาว่า จะรักแค่คยองซูคนเดียวตลอดไป...
THE END
ฟิคจบแต่ความรักของแบคฮยอนกับคยองซูมันเพิ่งจะเริ่มต้น…
ขอบคุณทุกคนที่จำเราได้ในฐานะของไรเตอร์ฟิคแบคโด้
ขอบคุณทุกคนที่ทำให้เอ็กตร้าเคยได้ขึ้นเป็นที่หนึ่งของหมวด มันเป็นฟิคตลกที่ขำไม่ค่อยออก
ขอบคุณเว็บเด็กดีที่ทำให้เราได้ลงฟิค
ขอบคุณคนอ่านที่ติดตาม เม้นบ้างไม่เม้นบ้างหรือจะไม่เม้นเลยก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยสละเวลามาอ่านมันก็มากพอแล้ว
ขอบคุณแม่ยกแบคโด้ที่ขยันไปขุนเราจนเราได้ฟิคเรื่องนี้ออกมา ขอบคุณที่ในทวิตหลายคนติดแท็ก #ฟิคเพื่อนพี่แบค ให้นะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจ ฮิฮิ้วว. จากนี้รออ่านสเปเชียลกันเน้อ อิ__อิ
xtra จบแล้วคะ...
ความคิดเห็น