ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO :: XTRA { BAEKHYUN D.O }

    ลำดับตอนที่ #23 : CHAPTER :: XXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXXX

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.75K
      15
      19 ต.ค. 56

       

     






               รุ่งเช้าแบคฮยอนตื่นขึ้นมาด้วยสภาพมึนไปหมด เขาสะบัดหัวตัวเองไล่ความมืดดำที่ลอยอยู่บนหัวให้ค่อยๆหายไป แบคฮยอนควานหาตัวคยองซูแต่ก็ไม่พบ หรือว่าเมื่อคืนเขาจะแค่ฝันไป แบคฮยอนลุกจากเตียงแล้วเดินหาคยองซูดูแต่ก็ไม่พบอยู่ดี เขาจึงเลิกล้มความคิดที่จะตามหาแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน พอมาถึงก็เจอกับอี้ชิง คริส จงแดแล้วก็เซฮุนนั่งรออยู่ที่ม้าหินอ่อน




                “ไงวะแบคฮยอน ได้ข่าวว่ามึงเลิกกับพี่ดาร่าแล้ว” จงแดถาม แต่แบคฮยอนก็ส่ายหน้าปฏิเสธ



                “ไม่จริงเว่ย เมื่อคืนพี่เขายังมาเช็ดตัวให้กูอยู่เลย”



                “อ้าว ไอ้ลู่แม่งมั่วนี่หว่า” จงแดส่ายหน้าเอือมระอากับข่าวที่ลู่หานเต้าขึ้น



                “แล้วมันหายไปไหนละ” แบคฮยอนมองหารอบๆก็เจอเข้ากับลู่หานที่กำลังวิ่งหน้าตาตื่นตรงมาพวกเขา สีหน้าท่าทางแบบนี้คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ



                “แย่แล้วมึง คยองซูแม่งเข้าโรงพยาบาลวะ” ทุกคนตกใจยกเว้นก็แต่แบคฮยอน จะเป็นไปได้ยังไงเมื่อคืนคยองซูยังดีๆอยู่เลยไม่ใช่หรอ นี่ตกลงเรื่องเมื่อคืนเขาไม่ได้ฝันใช่ไหม



                “ไปเยี่ยมมันเหอะ”












                ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งลู่หานกำลังเดินนำทางทุกคนมายังห้องพักในโรงพยาบาล พอเปิดเข้ามาก็เจอจงอินกำลังนั่งเฝ้าอยู่ พอจงอินเห็นแบคฮยอนเท่านั้นแหละร่างสูงของเด็กหนุ่มก็พุ่งเข้ามาต่อยแบคฮยอนไม่ยั้ง



                “พี่ยังมีหน้ามาอีกหรอ!!!” ทุกคนงงเป็นไก่ตาแตก เกิดอะไรขึ้นทำไมจงอินถึงพูดแบบนั้น จงอินกระชากคอเสื้อแบคฮยอนเข้ามาใกล้ๆแล้วเสยเข้าอีกหมัดจนรุ่นพี่ที่ขนาดตัวเล็กกว่าล้มลงไปกองกับพื้น



                “ถ้าเมื่อคืนพี่คยองซูเขาไม่ไปหาพี่ที่หอ พี่เขาก็คงไม่ต้องมาป่วยหนักขนาดนี้หรอก!!” ลู่หานกลืนน้ำลายอึกใหญ่ คนที่เป็นคนโทรบอกคยองซูเรื่องของแบคฮยอนก็คือเขาเอง ซึ่งลู่หานออกมายอมรับผิดด้วยแววตาสลด



                “เห้ย พี่เป็นคนโทรบอกคยองซูเองแหละ พี่



                “พวกพี่กลับไปเถอะครับ ผมจะดูแลพี่คยองซูเอง” มายังไม่ทันไรก็ถูกไล่กลับเสียแล้ว คริสเป็นคนแรกที่เดินออกมาแล้วจากนั้นทุกคนก็ค่อยๆเดินตามออกมา



                “แบคฮยอนเมื่อคืนคยองซูมันไปหามึงที่หอจริงๆหรอวะ”



                “จริง มันเป็นคนบอกกูเองว่าพี่ดาร่ามาเช็ดตัวให้กู” ขณะกำลังเดินอยู่ทุกคนก็หยุดเดินกะทันหันเมื่อมีร่างของหญิงสาวตัวเล็กมาดักหน้าเอาไว้ ซานดารายืนหน้าตึงเหมือนไปโกรธใครมา



                “พี่ครับ พี่กลับมาหาผมแล้วไหม” แบคฮยอนวิ่งเข้าไปหาแต่กลับถูกหญิงสาวถดตัวหนี



                “พูดบ้าอะไรของแก จงอินอยู่ไหน” เมื่อไม่มีใครตอบ เธอก็เดินกระแทกไหล่แบคฮยอนออกไปตามหาจงอินด้วยตัวเอง ที่เธอมาในครั้งนี้ก็เพื่อมาทวงคำสัญญาจากจงอิน สัญญาที่บอกว่าจะยอมคบด้วย เมื่อหญิงสาวหายเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยแล้วเซฮุนก็เดินเข้ามาหาแบคฮยอนพร้อมกับวางมือลงบนบ่า



                “แบคฮยอนกูว่าคนที่เช็ดตัวให้มึงอะ คงจะไม่ใช่พี่ดาร่าแล้วแหละ”



                “ไม่จริง”



                “คยองซูมันไปหามึงเมื่อคืน มันเช็ดตัวให้มึงทั้งๆมันเองก็กำลังป่วยอยู่”



                “เลิกโง่ได้แล้วไอ้แบคฮยอน คยองซูมันรักมึงมากนะ” ลู่หานแทรกขึ้นมาแล้วพูดให้แบคฮยอนเข้าใจ



                “แต่มันเป็นคนทิ้งกูไปอยู่กับจงอินก่อน” เซฮุนได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ เขาพาแบคฮยอนไปนั่งตรงเก้าอี้ที่ข้างผนัง แล้วย่อตัวนั่งชันเข่า สองมือจับขาแบคฮยอนไว้แล้วเริ่มเล่าในสิ่งที่เขารู้



                “ฟังกูนะแบคฮยอน เรื่องที่กูจะบอกมึงต่อจากนี้นะ มันคือเรื่องจริง คยองซูมันไม่ได้อยากจะทิ้งมึงเลยนะ แต่มันอยากห่างกันกับมึงเพื่อให้เวลามึงได้คิดทบทวนดูว่ามึงรักมันรึเปล่า”



                “ก็เลยทิ้งกูไปอยู่กับจงอินนะหรอ ข้ออ้างมากกว่า”



                “ฟังให้จบดิ กูจะพูดแค่ครั้งเดียวนะ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นอะมันเป็นแผนของคยองซูทั้งนั้น คยองซูมันร่วมมือกับจงอิน เพราะมันอยากให้มึงได้รู้ว่าการถูกทิ้งนะมันเจ็บขนาดไหน ไอ้จงอินก็เลยขอร้องให้พี่ดาร่าคบกับมึง เพื่อที่พอมึงรักพี่แกมากๆแล้วพี่แกจะได้เขี่ยมึงทิ้ง มึงจะได้รู้สึกเหมือนที่คยองซูรู้สึก” เซฮุนร่ายยาวรวดเดียวจบ จะย้อนให้ฟังก็ได้...



    จำได้รึเปล่าว่าเซฮุนเคยไปแอบฟังจงอินคุยกับพี่ดาร่าแล้วเซฮุนก็จับประเด็นได้ทันทีว่าจงอินกำลังวางแผนร้ายๆอยู่ แถมไอ้แผนร้ายที่ว่านั้นก็ยังมีคยองซูเป็นผู้รู้เห็น... ย้อนไปเมื่อวันนั้น



    ไอ้ลู่กูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง



    สำคัญมากใช่ไหม บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าไม่สำคัญมึงเชิญกลับ



     “แหม ทีไอ้คริสไม่มีธุรสำคัญมึงยังให้มันเข้ามาได้เลย



     “แล้วมึงจะลากเชี่ยคริสเข้ามาเกี่ยวทำไม มึงมีอะไรว่ามาเลยเซฮุนจัดการเล่าทุกอย่างที่เขาได้ยินจงอินคุยกับพี่ดาร่าให้เพื่อนทั้งสองได้ฟัง โดยที่แผนการครั้งยิ่งใหญ่นี้น้ำตาของพยอนแบคฮยอนคือเป้าหมายของคิมจงอิน



     พวกเราควรทำไงดีวะมึงคริสถาม



     “ช่วยมันไง ไม่เห็นต้องคิดเยอะลู่หานค่อยๆคลายปมที่คิ้วออกแล้วยกยิ้ม แผนการดีๆเกิดขึ้นในหัวแบบไม่ต้องเสียเวลานึก



     “มึงจะช่วยคยองซูจริงๆใช่ไหมวะช่วยให้จุดประสงค์ของแผนนี้สำเร็จ



                “จริง เพราะคยองซูแม่งเจ็บมามากพอแล้วแบคฮยอนจึงควรจะเจ็บซะบ้าง...



    และเมื่อลู่หานรู้จุดประสงค์หลักของแผนนี้ลู่หานก็ไม่รีรอเลยที่จะเข้าไปช่วย แผนแรกเลยก็คือส่งเซฮุนไปป่วนโดยการให้มันไปนอนในเต็นท์เดียวกันกับแบคฮยอนและคยองซู แผนถัดมาคือการหลอกล่อให้แบคฮยอน จงอินและคยองซูมาเจอกันที่ผับ เหลืออยู่แค่แผนเดียวเท่านั้นเองที่พวกเขายังไม่ได้ลงมือทำ...










    เซฮุนแอบตั้งข้อสงสัยเอาเองว่าเพราะอะไรแบคฮยอนจึงตอบตกลงคบกับพี่ดาร่าอย่างรวดเร็ว และในที่สุดก็ได้คำตอบว่าอาจจะเป็นเพราะแบคฮยอนหึงที่คยองซูไปยุ่งวุ่นวายกับจงอิน แถมตอนที่มีเรื่องกันในวันนั้นอีก เซฮุนจำได้ว่าแบคฮยอนร้องไห้แล้วบอกกับเขาว่าไม่ได้ตั้งใจ ใช่แล้วละ ทุกอย่างที่แบคฮยอนทำก็แค่ทำเพื่อประชดคยองซูเท่านั้นเอง



                “แบคฮยอนตอบกูมาว่ารักคยองซูรึเปล่า”



                “ไม่รู้ กูไม่รู้อะไรทั้งนั้น” เพื่อนทั้งหมดถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ที่แบคฮยอนตอบไม่รู้ๆ อาจเป็นเพราะมันยังฝังใจเรื่องตอนมัธยมอยู่รึเปล่านะ ที่แบคฮยอนเคยเล่าให้พวกเขาฟังตอนมันกำลังเมาว่ามันเคยคบกับเพื่อนในห้องแล้วพอเลิกกันก็ประมาณว่ามองหน้ากันไม่ติด อย่าบอกนะว่ามันเจ็บแล้วจำมาจนถึงทุกวันนี้



                “ไม่ได้มึงต้องรู้ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของผู้ชายกากๆแบบมึงแล้ว!!” คริสขึ้นเสียงใส่ทำเอาเพื่อนทั้งวงหันไปมอง เพราะปกติคริสไม่ค่อยจะขึ้นเสียงใส่ใครจึงเป็นเรื่องแปลกที่คริสขึ้นเสียงใส่แบคฮยอน



                “หลังจากคยองซูออกจากโรงพยาบาลแล้วมึงต้องรีบไปสารภาพความรู้สึกของมึง มึงต้องทำนะ แต่ถ้ามึงยังยึดติดกับเรื่องตอนมอปลายของมึงอะ มึงรู้ไว้เลยว่ามันจะทำให้มึงไม่ได้เจอกับรักแท้ของมึงสักที” ผู้เชี่ยวชาญด้านความรักมาเองเลยสินะ อี้ชิงกับจงแดที่ยืนเงียบมานานประหนึ่งว่าเขาสองคนเป็นแค่อากาศ พวกเขาสองคนไม่รู้เรื่องห่าอะไรเลยเพราะลู่หานไม่ได้บอก เห็นทีจบเรื่องนี้แม่งต้องเคลียร์กันยาวละ มีเรื่องเด็ดๆเสือกไม่ยอมบอกพวกกู



                “ไม่ กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ได้รักคยองซู”



                “แบคฮยอน มึงไม่ได้รักคยองซูจริงๆหรอวะ” ลู่หานเป็นคนถามขึ้นหลังจากเงียบไปสักพัก คำถามนี้ทำให้แบคฮยอนรู้สึกอึดอัด มันแน่นอกไปหมด และก็ไม่รู้ว่าจะยกออกยังไงด้วย เรื่องที่แบคฮยอนได้ยินจากเซฮุนเมื่อสักครูนี้มันทำให้เขาสับสน สาเหตุของเรื่องทั้งหมดมันคงจะเป็นเพราะตัวเขาเองที่ไม่ชัดเจนสักที คยองซูก็เลยคิดแผนบ้าๆนี้ขึ้น เป็นแผนที่เล่นกับความรู้สึกของเขาจนเจ็บจุกไม่เบาเลยทีเดียว



                “พวกมึงก็สงสารแต่คยองซูอะ แล้วกูละทำไมพวกมึงไม่สงสารกู”



                “สงสารนะแต่ว่าสมน้ำหน้ามึงมากกว่า มึงจะเถียงไหมละว่ามึงไม่ใช่ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด”



                “เออกูผิดเองแหละ พอใจพวกมึงรึยัง” แบคฮยอนลุกพรวดแล้วเดินแหวกวงตรงไปที่ลิฟต์เพื่อที่จะกลับมหาลัย พวกลู่หานมองตามแล้วยิ้ม แบคฮยอนคงเถียงไม่ออกก็เลยเดินหนี



                “เฮ้อ แม่งวุ่นวายวะ จบลงแล้วใช่ไหมวะไอ้แผนบ้าๆบอๆของพวกมึงกับคยองซูอะ” จงแดส่ายหัวเอือมๆ เท่าทีเขาฟังมานี่มันทำให้เขารู้ได้เลยว่าลู่หานเป็นนักวางแผนขนาดไหน เสือกชิบ...



                “ยังหรอก แต่ว่าอีกนิดเดียวก็จะจบแล้วแหละ” ลู่หานหัวเราะ เขาไม่มีทางลืมจุดประสงค์ของคยองซูและเป้าหมายของจงอินแน่นอน...



                







     

                เย็นวันนั้นแบคฮยอนเรียนเสร็จก็บึ่งกลับห้องมาทันที เขาสับสนกับเหตุการณ์ยังไม่หาย ตกลงเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเขาคือคนผิดจริงๆใช่ไหม ร่างโปร่งทรุดตัวนั่งลงกับเตียงแล้วล้มตัวลงนอนแผ่หลา ใบหน้าที่มีรอยช้ำซึ่งเกิดจากฝีมือของจงอินกำลังค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา



                คยองซูจะรู้รึเปล่าว่าวันนั้นที่เขาหายตัวไปก็เพราะแอบไปเดินตามหาสถานที่สวยๆไว้พาคยองซูไป แล้วก็ถือโอกาสสารภาพความรู้สึก... แต่ทว่าเพราะดันมาเห็นจงอินกับคยองซูหยอกล้อกันอย่างสนิทสนมเสียก่อน ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไปทันที.... จู่ๆก็นึกโกรธที่คยองซูไปยุ่งกับจงอิน



    แบคฮยอนหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแกลลอลี่ดูอีกครั้ง คราวนี้บนจอฉายรูปของคยองซูขึ้นมาหนึ่งรูป นิ้วเรียวสวยสัมผัสลงบนจอแล้วลูบเบาๆลงที่แก้มของคนในรูป รูปนี้ถูกถ่ายเอาไว้ตอนที่คยองซูกำลังชะโงกหน้ามองออกไปที่นอกหน้าต่างรถบัส แบคฮยอนใช้เวลาแค่เสี้ยวนาทีในการขโมยถ่ายรูปนี้เอาไว้โดยที่คยองซูไม่รู้ตัว



                “แผนมึงทำกูร้องไห้เลยรู้รึเปล่า” ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าตลอดสองเดือนที่เขาคบกับพี่ดาร่าเขาดีใจขนาดไหน เขารู้สึกปลื้มเวลาได้เดินจับมือกับรุ่นพี่ตัวเล็กคนนั้น แต่พยอนแบคฮยอนรักซานดารา คงจะเป็นได้แค่คำโกหกที่เอาไว้ใช้หลอกตัวเอง...









    ที่แบคฮยอนไม่อยากจะรู้สึกกับคยองซูเกินคำว่าเพื่อน เพราะเขากลัวว่าถ้าเลิกกันไปแล้วคยองซูจะไม่เหมือนเดิม...







                ทีมหาลัยวันนี้ดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ ลู่หานแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าไม่ได้มานั่งแซวผู้หญิงนานแค่ไหนแล้ว ข้างๆตัวเขานี่ก็เป็นแบคฮยอน รายนี้นั่งเสียบหูฟังเงียบๆ ส่วนพวกที่เหลือก็นั่งอยู่ใกล้ๆกัน



    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรวันนี้พวกเขาถึงได้รู้สึกสดชื่นแบบแปลกๆ ลู่หานกวาดตามองหาเหยื่อแล้วก็สะดุดกับหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง ลู่หานไล่สายตามองตั้งแต่ขาเรียวยาวมาจนถึงใบหน้าสวยที่ริมฝีปากกระจับมีลิปสติกสีแดงเคลือบติดมาด้วย



                “สวยวะ” ลู่หานพูดเพียงเท่านั้นบรรดาเพื่อนของเขาก็หันควับมามองกันคอแทบหัก



                “เห้ยเหี้ย โคตรเอ็กซ์” คริสพูดพลางทำตาโต และที่สำคัญหญิงสาวคนนี้ก็กำลังเดินตรงมาที่พวกเขาด้วย ลู่หานรีบจัดปกคอเสื้อตัวเองขยับไปมาแล้วกระแอมไอเมื่อเธอเดินมาหยุดตรงหน้า



                “ขอโทษนะคะ ตึกบริหารอยู่ไหนคะ”



                “อ๋อ ตรงไปทางซ้ายมือเลยนะครับ ว่าแต่คุณคนสวยมาทำอะไรหรอครับ มาสมัครงานหรือมาหาเพื่อน หรือมาหาใคร” ลู่หานถามรัวปากคอมือไม้สั่นไปหมด



                “พอดีว่าสามีของดิฉันทำงาอยู่ที่นี่ค่ะ ทำงานฝ่ายบริหารนั่นแหละ” เงิบ.. สตั๊นกันทั้งแผ่นดิน เซฮุนขยับปากหัวเราะเป็นคนแรกเมื่อหญิงสาวของลู่หานนั้นเดินจากไป



                “เป็นชู้ทางตาแล้วสิมึง” เซฮุนหัวเราะกร๊ากอย่างห้ามไม่อยู่ จงแดเองก็เป็นอีกคนที่เดินมาเยาะเย้ยลู่หาน



                “พี่ลู่ครับ วันนี้ไปบ้านกูไหมครับ”



                “ไปทำเหี้ยอะไร”



                “บ้านกูมีน้ำใบบัวบกไง แถมบ้านกูยังปลูกแห้วด้วยนะ” จงแดเน้นคำว่าแห้วดังๆจนลู่หานยื่นขามาเตะ เพื่อนแต่ละคนนะ ถ้ากูล้มนี่ไม่เคยข้ามนะครับ แต่เหยียบกูเลย -_-



                “เห้ยแบค ช่วยกูด้วย ไอ้พวกนี้มันรุมสมน้ำหน้ากูอะ” ลู่หานโวยวายฟ้องแบคฮยอน พร้อมกับชี้หน้าเพื่อนเรียงตัว ไอ้คริสก็แดกน้ำแบบไม่แคร์ใคร ไอ้ฮุนก็ขำ ไอ้จงแดนี่ยิ่งชอบใจ อี้ชิงก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้



                “เออ พวกมึงนี่เหี้ยจัง ไอ้ลู่มันอกหักนะมึงต้องช่วยปลอบดิ ไม่ใช่มาซ้ำเติม หน้าแบบไอ้ลู่อะหาเมียได้แบบสบายๆเลยนะ ถ้าไม่ชิงได้ผัวซะก่อนอะ” คริสกำลังกินน้ำอยู่ถึงกับสำลักไอออกมาค่อกแค่ก ลำบากอี้ชิงต้องตบหลังให้หายสำลัก



                “มึงถึงกับสำลักเลยหรอวะ” แบคฮยอนถาม



                “ก็กูขำอะ หน้าอย่างไอ้ลู่หรอจะมีเมีย กูละอยากจะร้องไห้”



                “ทำไม หน้าอย่างกูมันทำไม ทีไอ้แบคมันยังมีเลย แล้วทำไมกูจะมีไม่ได้” ลู่หานขยำหัวคริสจนผมที่จัดทรงมาพังเละไม่เหลือเค้าทรงเดิม



                “เออวะ พูดถึงเมียไอ้แบค กูได้ข่าวว่าคยองซูออกจากโรงพยาบาลแล้ว” อี้ชิงพูดขึ้น



                “ใช่ มันออกจากโรงพยาบาลได้สองสามวันแล้ว” เซฮุนเองก็พอจะรู้อยู่ เพราะจงอินเป็นคนมาบอกเขา ซ้ำจงอินยังท้าดวลกินเหล้าใหม่อีกครั้งด้วย โถ่ รู้จักเซฮุนน้อยเกินไปซะแล้ว คอทองแดงแบบเขาอะ สิบแก้วก็ไม่เมาเว้ย



                “แบคฮยอนกูว่ามึงควรจะไปง้อขอคืนดีกับมันนะ เรื่องจะได้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง” ลู่หานเสนอ



                “จะไปยังไงวะ บ้านจงอินมันอยู่ที่ไหนกูยังไม่รู้เลย”



                “ให้ไอ้เซฮุนพาไปดิ วันนี้เซฮุนมันว่างแต่พวกกูไม่มีใครว่างเลย แล้วอีกอย่างเซฮุนมันก็สนิทกันกับจงอินอีกต่างหาก” เซฮุนได้ยินก็ร้องปฏิเสธเสียงหลง เขาไม่ได้สนิทกับไอ้เด็กนั่นสักหน่อย แต่ก็ยอมรับแหละว่ารู้จักบ้านของจงอิน ก็นะ เพื่อนที่คณะของเขามันบ้าคลั่งจงอินจะตาย แน่นอนว่าเขาต้องรู้ข้อมูลของอีกคนโดยไม่ได้ตั้งใจอยู่แล้วแหละ



                “ได้ เดี๋ยวเลิกเรียนวันนี้จะพาไป” แบคฮยอนภาวนาว่าคยองซูจะให้อภัย แต่เขาก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อีกคนจะเปลี่ยนใจไปแล้วหรือยัง แล้วถ้าตอนนี้คยองซูเกิดหมดศรัธทาในตัวเขาแล้ว เขาควรจะทำยังไงต่อไป



                “แน่ใจหรอว่าจะให้เซฮุนพาไป ฮุนมันขับรถไม่แข็งนะเวย อันตรายเปล่าๆ” อี้ชิงที่แสนดีเอ่ยท้วงขึ้นมา เพราะเคยมีประสบการณ์การนั่งรถกับเซฮุนมาก่อน



                “กูรับรองความปลอดภัยเว่ย กูสัญญาว่าจะขับรถพาพี่แบคไปส่งให้ถึงบ้านจงอินโดยสวัสดิภาพ”



                “เซฮุนอย่าทำเป็นเล่นนะมึง ถ้าขับไม่ได้ก็ให้ไอ้แบคมันขับ”



                “พวกมึงอะ เชื่อใจกูหน่อยดิ ตอนนั้นกูยังขับไม่เป็นนี่หว่า”



                “ถ้างั้นก็ตามใจ อย่าขับเร็วนะมึง” อี้ชิงทิ้งท้ายก่อนจะขอปลีกตัวเข้าไปตึกเรียนก่อนเพราะใกล้เวลาเรียนแล้ว แล้วเพียงไม่นานทุกคนก็ทยอยแยกย้ายกันไปเรียน อี้ชิงละเป็นห่วงจริงๆเลย เขากลัวว่าเซฮุนจะพาแบคฮยอนไปไม่ถึงบ้านจงอินนะสิ...



                ตกเย็นวันนั้นเซฮุนก็ขับรถมารอรับแบคฮยอนตรงจุดที่นัดกันไว้ เซฮุนเหยียบคันเร่งทีแบคฮยอนถึงกับหงายหลัง แล้วรถก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วเมื่อเข้าสู่ถนนใหญ่



                “เซฮุนขับดีๆดิวะ” โฉบซ้ายทีขวาทีอันตรายและน่ากลัวจนแบคฮยอนต้องรีบคาดเข็มขัดนิรภัย



                “มันส์ดีจะตาย คอยดูนะกูจะแซงรถข้างหน้าให้มึงดู มึงจะได้รู้ว่ากูขับรถเก่งแล้ว”



                “เซฮุนอย่าเลยมึง จอดข้างทางเหอะแล้วเดี๋ยวกูจะขับเอง” แบคฮยอนพยายามห้ามเพราะเขาไม่อยากจะเสี่ยงตายบนท้องถนน



                “น่านะ เชื่อมือกู โอเซฮุนซะอย่าง” ก็เพราะว่าเป็นโอเซฮุนนี่แหละแบคฮยอนถึงได้นั่งแทบก้นไม่ติดเบาะ เซฮุนแซงไปแซงมายังกับว่าตัวเองกำลังเล่นเกมส์ขับรถแข่งอยู่



                “เห้ย เซฮุนระวัง!!




                “เหี้ย!!!
















                เซฮุนมองกระจกหลังก็เห็นว่าชิบหายแล้ว รถตำรวจกำลังไล่ตามอยู่ข้างหลังพร้อมกับขับจี้เข้ามาติดๆ เซฮุนแทบจะทุบพวงมาลัยทิ้ง เขาจำเป็นต้องชะลอความเร็วลงแล้วตีไฟเลี้ยวไปจอดข้างทาง แล้วจากนั้นคุณตำรวจก็จอดรถแล้วลงมาหาพวกเขา




                “ไอ้หนู ทำไมเอ็งขับรถเร็วแบบนี้วะ ขับเร็วเกินที่กำหนดแถมยังขับรถอันตรายอีก” จ่าแก่ๆควักใบสั่งขึ้นมาจดยิกๆ ทำเอาเซฮุนเบ้หน้าเสียอารมณ์ พอเคลียร์เรื่องค่าปรับเสร็จเซฮุนก็เปลี่ยนใจให้แบคฮยอนเป็นคนขับแทน ขืนเขาขับพ่อคงได้ตามมาจ่ายใบสั่งให้เขาอีกแน่ๆ



                “ไงละไอ้ฮุน พ่อมึงเรียกค่าปรับไปเท่าไร”



                “สองพันวะ แม่งเอ้ย”



                “สมน้ำหน้าเถอะ กูก็เตือนมึงแล้วนี่ว่าให้ขับรถดีๆ”



                “เออฟาดเคราะห์ไปเหอะ ซวยจริงๆแบบที่ไปดูดวงมาเลยแม่ง” เซฮุนพุดพลางเลื่อนมือไปเปิดเพลงฟังแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจเปิดวิทยุฟังแทน ช่วงข่าวต้นชั่วโมงอะไรนี่เซฮุนรำคาญที่สุดเลยขอบอก



                เสียงนักข่าวอ่านลากยานคาง ใจความในข่าวก็บอกถึงสภาพอากาศที่กำลังจะมีพายุเข้าซึ่งส่งผลกระทบให้จังหวัดของเขาจะมีฝนตกหนัก ทั้งๆที่ฤดูฝนก็ผ่านไปแล้วแต่พวกเขาก็ยังจะต้องมาเจอกับฝนที่เกิดจากพายุอีก




                “มึงว่าวันนี้ฝนจะตกไหมวะ” เซฮุนถามพลางแหงนหน้ามองท้องฟ้าในตอนเย็น มีเมฆสีดำๆลอยมาจากที่ไกลๆ



                “สงสัยจะตกวะ” แบคฮยอนตอบเพราะเห็นเมฆดำเช่นกัน



                “เออ เห้ยมึงเลี้ยวซ้ายนะ แบบว่าบ้านไอ้เด็กนั่นค่อนข้างมีอันจะกินวะ หมู่บ้านใหญ่ๆตรงนู้นนั้นแหละมึงเลี้ยวเข้าไปเลย” แบคฮยอนขับรถมาเรื่อยๆตามที่เซฮุนบอกด้วยใจที่เต้นแรง เขากลัว กลัวว่าคยองซูจะไม่ให้อภัย กลัวว่าคยองซูจะไม่ยอมกลับไปอยู่กับเขา



     แบคฮยอนจอดรถไว้ตรงหน้าบ้านของจงอินแล้วเดินลงมา ลมแรงๆวูบหนึ่งพัดเข้ามาจนใบไม้ปลิวกระจายไปทั่ว แบคฮยอนแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าก็เห็นว่าฝนทำท่าจะเทลงมาตามที่เขากะเอาไว้แน่ๆ



                “คยองซู มึงอยู่รึเปล่า” แบคฮยอนตะโกนจากหน้าบ้าน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคนข้างในจะได้ยินไหม ระยะทางจากประตูรั้วถึงประตูบ้านนั้นห่างกันพอสมควร แบคฮยอนตะโกนเรียกอีกหลายครั้งแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีคนออกมา



                “คยองซู นี่กูเองนะ ออกมาเถอะ” แล้วแบคฮยอนก็ยิ้มกว้างเมื่อคยองซูเดินออกมาจากประตูบ้านพอดี แบคฮยอนโบกมือให้คยองซูเห็น และอีกฝ่ายก็จ้องมองแบคฮยอนอยู่เช่นกัน คยองซูเดินมาทางแบคฮยอนเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้า ตอนนี้มีแค่ประตูรั้วเท่านั้นที่กั้นเขาทั้งสองเอาไว้



                “คยองซูกูมารับมึงกลับนะ กลับกับกูนะคยองซู” แบคฮยอนพูดด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ดีใจที่คยองซูยอมออกมาหาเขา แต่









                “มึงมาทำไม”



                “ก็มารับมึงไง กูอยู่ไม่ได้นะถ้าไม่มีมึง กูขอโทษนะคยองซู หายโกรธกูเถอะนะ กูไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งมึงไป วันนั้นกูแค่โกรธที่มึงไม่สนใจกู”



                “หรอ



                “คยองซู”



                “กลับไปเถอะแบคฮยอน กูอยู่ที่นี่แล้วกูรู้สึกดีกว่าที่จะกลับไปอยู่กับมึง” แบคฮยอนขยับตัวเข้ามาเกาะประตูรั้วเอาไว้แล้วเขย่า



                “มึงบอกว่ามึงรักกูไม่ใช่หรอ กลับมาอยู่กับกูนะกูขอโทษ กูรู้แล้วว่ามึงเสียใจขนาดไหน”



                “แบคฮยอนกูเคยบอกมึงแล้วใช่ไหมว่ากูรักมึงได้กูก็เลิกรักมึงได้” คนได้ยินถึงกับชะงักตัวนิ่ง เหมือนหัวใจที่พองโตอยู่ค่อยๆยุบลงจนแทบจะไม่มีอัตราการเต้นหลงเหลืออยู่ ทำไมพูดแบบนี้



                “ไม่จริงหรอก มึงรักกู อย่าโกหกนะคยองซู เรากลับไปเริ่มใหม่ด้วยกันไง กูขอโทษนะมึงได้ยินรึเปล่า กูรู้สึกแล้ว กูขาดมึงไม่ได้นะคยองซู” หยดฝนเม็ดเล็กเริ่มรินลงมาเหมือนจะรู้จังหวะ คู่สนทนายังคงนิ่ง และแบคฮยอนเองก็ทำได้แค่จ้องมองอีกคนด้วยสายตาที่อ้อนวอนเท่านั้น สองมือเขย่าประตูรั้วอีกครั้งให้คยองซูยอมพูดอะไรออกมาแต่ก็ยังคงเงียบ จนเม็ดฝนเริ่มขยายตัวและตกหนักจนเกิดเสียงหยดน้ำกระทบกับพื้นดังชัดเจน



                “คยองซู กลับมาหากูเถอะนะ!!” แบคฮยอนตะโกนแข่งกับสายฝน เห็นคยองซูนิ่งแบบนั้นมันทำให้เขาหัวใจวูบโหวง คล้ายกับว่าลมหายใจของเขากำลังรวยริน คยองซูยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวร่างกายใดๆ มีเพียงแบคฮยอนที่เอาแต่เขย่าประตูเหมือนคนบ้าคลั่ง แล้วก็เป็นแบบนี้จนในที่สุดจงอินก็กางร่มออกมา ร่างสูงนั้นรีบวิ่งเข้ามาหาแล้วกางร่มให้กับคยองซู ท่อนแขนแข็งแรงวาดขึ้นมาโอบไหล่คยองซูเอาไว้ภายใต้ร่มคันใหญ่



                “คยองซูได้โปรดเถอะนะ อย่าทำแบบนี้ กู…
      


                “พอแล้วแบคฮยอน กูบอกให้มึงกลับไปไง!!” คยองซูเลื่อนมือไปกุมมือจงอินเอาไว้แล้วขยับตัวถอยออกห่างจากประตูรั้ว



                “คยองซูมึงรักกูไม่ใช่หรอ”



                “กลับไปเถอะ”



                “คยองซู แล้วที่ผ่านมาละ มึงลืมแล้วหรอ อย่าทำแบบนี้เลยนะกูขอโทษ” เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนเขย่าประตูอย่างแรง เข่าของเขาอ่อนไปหมดเมื่อคยองซูหันกลับไปกอดจงอิน ความรู้สึกเหมือนสิ่งที่เขาหวงแหนกำลังจะถูกพรากออกไป ดูเหมือนจงอินกำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่แต่แบคฮยอนก็ไม่ได้สนใจ ในที่สุดคยองซูก็หันกลับมาอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปใกล้กับประตูรั้ว สองมือยื่นไปหาแบคฮยอนอย่างช้าๆ และแบคฮยอนก็จับมือคยองซูเอาไว้ผ่านประตูรั้ว



                “แบคฮยอน มึงช่วยลืมไปจะได้ไหมวะ” ประโยคนี้ทำให้แบคฮยอนกระชับมือแน่นขึ้น แทบจะลืมหายใจเมื่อได้ยินคยองซูพูดแบบนี้ มันช่างคล้ายกับตอนนั้นจนเหมือนภาพซ้อนทับ



                “คยองซูกูรู้ว่ามึงชอบย้อนกูนะ เมื่อกี้มึงพูดเล่นใช่ไหม ตอบกูมาสิ มึงพูดเล่นใช่ไหม!!



                “คนที่กูรักไม่ใช่มึงอีกต่อไป” คยองซูพยายามชักมือตัวเองกลับแต่แบคฮยอนก็รั้งเอาไว้



                “คยองซู มึงถอดแหวนออกแล้วหรอ” แบคฮยอนเสียงแผ่วลงในขณะที่เอ่ยถาม สีหน้าเศร้าสร้อยที่กำลังมองนิ้วของคยองซูอยู่หากใครเห็นก็คงจะรู้สึกสลดตาม



                “ความเชื่อนั่นมันไม่มีจริงหรอก คนที่กูชอบ เขาไม่เคยแยแสกูเลยสักนิด”



                “ตอนนี้ไงคยองซู กูรู้แล้วว่ามึงชะ...”



                “มันสายไปแล้วแบคฮยอน”  ยังพูดไม่จบประโยค พยอนแบคฮยอนก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของคยองซู แบคฮยอนพยักหน้าช้าๆแล้วค่อยๆคลายมือออก เขาปล่อยให้คยองซูถอยหลังกลับไปหาจงอิน จากนั้นร่างสูงของเด็กหนุ่มก็โอบไหล่คยองซูไว้แล้วพาคยองซูกลับเข้าบ้าน แบคฮยอนยืนมองจนลับสายตาแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้น สำหรับคนอย่างเขามันสายไปแล้วจริงๆใช่ไหม



                “คยองซูอย่าทิ้งกู” อีกครั้งที่แบคฮยอนเอื้อมมือไปเขย่าประตูรั้วแรงๆ แต่ว่ามันช้าไปแล้วจริงๆ คยองซูกำลังเริ่มใหม่กับคนที่ดีกว่า ในตอนนี้หัวใจแบคฮยอนปวดหนึบ กระแสไฟอ่อนๆแล่นจี้ดขึ้นมาจนต้องค้ำแขนลงกับพื้น


                 เข้าใจแล้วละว่าตอนที่คยองซูเห็นเขาเดินไปกับพี่ดาร่านั้นคยองซูต้องเจ็บช้ำและทรมานแค่ไหน อ้อนวอนขอความรักในวันที่อีกคนหมดใจไปแล้ว ทำได้แค่อ้อนวอนเพียงสายตาเท่านั้น เพราะรู้ว่าตอนนี้คยองซูคงจะไม่รับฟังคำบอกรักของเขาอีกต่อไปแล้ว มันคงจะสายไปแล้วจริงๆ
    ….




                “คยองซูกูรักมึงนะ” อยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือแต่ก็ไม่มีสิทธิ์ดึงเข้ามากอด คำว่ารักในตอนนี้ต่อให้พูดดังแค่ไหน ก็ไม่มีผู้ฟัง




                โอเซฮุนหยิบร่มที่เบาะหลังแล้วกางออกมารับแบคฮยอน สองแขนดึงเพื่อนให้ลุกขึ้นมาจนเปียกฝนไปตามๆกัน เซฮุนลากแบคฮยอนเข้ามายัดลงรถแล้วตัวเองก็รีบวิ่งไปฝั่งคนขับ แบคฮยอนตัวเปียกไปหมด ตามใบหน้ามีหยดน้ำมากมายเกาะพราวอยู่ เซฮุนนั้นถอนหายใจแล้วหยิบเสื้อกันหนาวที่ทิ้งไว้หลังรถมาโยนให้แบคฮยอน



                “เช็ดหน้าเช็ดหัวมึงซะ เดี๋ยวจะป่วย” เมื่ออีกคนไม่ยอมทำตามที่สั่ง ลำบากเซฮุนต้องทำให้ซะเอง สองมือใช้เสื้อกันหนาวยีหัวให้เพื่อน ยีๆแค่พอรู้สึกว่าเส้นผมของอีกฝ่ายนั้นแห้ง เซฮุนใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าให้กับแบคฮยอนจนหยดน้ำที่เกาะอยู่แห้งหายไป จากนั้นก็โยนเสื้อกลับไว้ด้านหลังคืนแล้วเริ่มขับเคลื่อนรถออกไปอย่างช้าๆ ขับไปก็แอบมองแบคฮยอนไป


                  แบคฮยอนเอนหัวพิงกระจกรถแล้วก็เหม่อออกไปข้างนอกกระจก และรถก็เคลื่อนมาเรื่อยๆจนมาติดไฟแดง เซฮุนเบรกช้าๆแล้วหันมาหาแบคฮยอน



                “ทำใจเหอะแบค นอกจากมึงจะเสียเพื่อนแล้วมึงยังเสียคนที่รักมึงไปอีกต่างหาก เจ็บไหมละทีนี้”



                “……………..



                “บอกรักคยองซูตอนนี้มันสายไปแล้วจริงๆวะ มึงต้องปล่อยใหัมันไปเจอคนที่ดีกว่ามึงนะ เพราะที่ผ่านมามึงนั่นแหละที่ทำให้มันต้องร้องไห้มาโดยตลอด กูรู้นะแบคฮยอนว่ามึงก็รู้สึกดีๆกับคยองซูแต่มึงก็ยังยกพี่ดาร่าของมึงขึ้นมาอ้าง เพราะมึงกลัวว่าจะซ้ำรอยเดิมตอนมอปลายใช่ไหมละ มึงเลยพยายามหลอกตัวเองว่ามึงไม่รู้สึกอะไร”



                “………………



                “มึงไม่ได้โง่นะแบคฮยอน กูรู้ว่ามึงไม่ได้โง่อย่างที่ใครๆคิด มึงรู้ว่าคยองซูมันคิดยังไงกับมึงแต่มึงก็ยังพยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ บางทีการที่มึงมาสำนึกได้ในตอนนี้มันอาจจะสายไปแล้ววะ” โอเซฮุนส่ายหัวแล้วหันกลับมาสนใจกับไฟจราจรที่ขึ้นสีเขียวพอดี เขาหันกลับมามองแบคฮยอนอีกครั้งก็พบว่าหยดน้ำเล็กๆไหลผ่านแก้มแบคฮยอนลงมาช้าๆ มันอาจจะเป็นหยดน้ำที่เกาะอยู่บนเส้นผมแล้วไหลหยดใส่แก้ม แต่เซฮุนเชื่อว่านั่นไม่ใช่น้ำฝน แต่มันคือน้ำตา



    นี่คงเป็นครั้งที่สองที่เซฮุนได้เห็นแบคฮยอนร้องไห้ ถึงอีกคนจะไม่ได้ร้องฟูมฟายแต่เซฮุนก็พอจะเข้าใจว่าคนที่น้ำตาตกในมันเป็นแบบไหน ก็เป็นแบบแบคฮยอนในตอนนี้ไง น้ำตาไม่ได้ไหลออกมามากมายเหมือนคนอื่น แต่ทว่าภายในนั้นน้ำตาอาจจะไหลท่วมใจแล้วก็ได้



                ตอนนี้แบคฮยอนก็คงไม่ต่างอะไรจากท้องฟ้า ท้องฟ้าที่กำลังร้องไห้ออกมาเป็นสายฝน มันเป็นความผิดพลาดของตัวเขาเอง แบคฮยอนคงไม่สามารถที่จะโทษใครได้ เขาเป็นคนพังความรักที่อีกคนเคยมีให้ด้วยมือของเขาเอง สมแล้วแบคฮยอน คนแบบเขาสมควรแล้วที่จะต้องเจอแบบนี้















    TBC.
    หลายคนคงกำลังหัวเราะด้วยความสาแก่ใจ
    ประมาณว่า เย้~ ในที่สุดพยอนก็เสียใจแล้ว TAT
    ไม่ดีเลยนะแบบนี้... 

    อยากอ่านสเปเชียลคู่ไหนคะ ?
    เรียกร้องกันเยอะๆ เผื่อไรเตอร์จะใจดี

    #ฟิคเพื่อนพี่แบค


      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×