คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Black Cat
"Someone said that 'Hurt me with the thruth but not comfort me with the lie' , I know in reality everyone choose sweet lie not cruel thruth."
[บางคนเอ่ยว่า 'โปรดทำร้ายฉันด้วยความจริงแต่อย่าทำให้ฉันสบายใจด้วยคำโกหกเหล่านั้น' ฉันรู้ว่าจริงๆแล้วทุกคนต่างก็ยินดีรับฟังคำโกหกที่แสนหวานมากกว่าความจริงที่โหดร้ายอยู่ดี]
"ชีวิตที่มีแต่คำหลอกลวงเต็มไปหมด...แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังมีความหวังที่จะเจอความจริงใจในชีวิตของฉันอยู่"
ที่รักในอนาคต (?) :: [5] trust me, then i don't let you down. :: rokudo mukoro [69] ::
ชื่อ-นามสกุล [TH – EN] :: ช่ายเจียนหลิว | CaiJianLiu
ชื่อเล่น [TH – EN] :: เจียนหลิว | JianLiu
เจียนหลิว(坚流) แปลว่ากระแสน้ำอันแข็งแกร่ง
นิยามพรที่อยากได้ :: อยากมีใครสักคนที่พูดด้วยและจริงใจด้วยได้
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด :: มัธยมปลายปีที่ 2 (17 ปี)
รูปลักษณ์โดยรวม ::
ช่ายเจียนหลิว หญิงสาวเชื้อสายจีนเจ้าของเครื่องหน้าที่สามารถพูดได้เต็มปากว่าความรู้สึกเหมือนกับแมวดำอย่างไรอย่างนั้น ด้วยแววตากลมโตสีรัตติกาลฉายแววหม่นหมองตลอดเวลา และไม่ค่อยจะเงยหน้ามาสบตาใครเสียเท่าไหร่ พร้อมกับริมฝีปากเล็กสีเชอร์รี่ที่มักจะเม้มตลอดเวลากำลังกังวลอะไรสักอย่าง ใบหน้าของเธอไม่ได้ถูกต่ายแต้มด้วยเครื่องสำอางค์มากมาย
เธอมีรูปร่างสันทัดถึงจะไม่ได้สูงมากแต่ก็เรียกได้ว่าตามมาตรฐานผู้หญิงเอเชีย ผิวพรรณขาวเนียนและดูอมชมพูธรรมชาติถึงจะไม่ได้ซีดจนกลืนกับแสงไฟ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีผิวพรรณดีจนน่าอิจฉา รูปร่างของเธอค่อนข้างจะเรียบไม่ได้มีสะโพกที่ผายหรือหน้าอกที่ใหญ่โต แต่ก็มีส่วนเว้าโค้งตามปกติ กลุ่มผมสีดำสนิทสุขภาพดียาวถึงสะโพกที่ใครต่อใครหลายคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันรกเสียจนเกินไป แต่เธอก็ไม่ได้สนใจจะตัดอะไรมันออกไป
ส่วนสูง / น้ำหนัก :: 164 cm | 50 kg
รหัสประจำตัววิญญาณ :: 44
สาเหตุการเสียชีวิต :: รถพลิกคว่ำตกลงน้ำ (สาเหตุการเสียชีวิตคือขาดอากาศหายใจขณะอยู่ในรถใต้น้ำ)
ถิ่นฐานเดิม :: จีน
แต้มบุญ / แต้มบาป :: 4m / 2m
นิสัย ::
"ราวกับมีกลุ่มก้อนเมฆฝนลอยอยู่บนหัว"
หากกล่าวถึงความมืดมน สาวจ้าวคนนี้ไม่ได้เป็นสองรองใคร ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูจะหม่นหมองรวมไปถึงแววตากลมโตที่ดูหม่นๆแฝงแววความไม่มืดมนไว้เต็มเปี่ยม เธอเป็นคนที่ดูอมทุกข์ราวกับว่าเธอแบกโลกไว้ทั้งใบ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผมสีดำที่ดูรกรุงรังหรือท่าทางการเดินห่อไหล่ของเธอ หรือแม้แต่ริมฝีปากบางที่ไม่ค่อยจะระบายยิ้มออกมาให้ใครเห็น ทำให้รวมๆแล้วหลายๆคนพูดได้เต็มปากว่าเธอกลายเป็นคนหม่นหมองสุดๆไปเลย
"แมวดำผู้ไม่หยิ่งผยองแต่น้อยคนนักที่จะเข้ามาทำความรู้จักก่อน"
ด้วยส่วนตัวแล้วเจียนหลิวเป็นไม่ใช่คนพูดน้อยแต่เธอดันพูดไม่เก่งเลย ถึงแม้จะไม่ได้พูดตะกุกตะกักแต่หลายๆคนที่เข้ามาคุยด้วยต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าคุยด้วยแล้วอึดอัดเป็นบ้า เธอไม่มีวาทศิลป์ในการพูด เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแบบไหนในสถานการณ์อย่างไร ถ้าเธออยากพูดอะไรก็จะพูดออกไปด้วยความเถรตรง จนบางทีหลายๆคนกลับรับไม่ได้ในข้อนี้ของเธอ เธอไม่รู้ว่าควรจะคุยกับคนอื่นยังไงดีขนาดแค่ถามว่า เป็นไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า เธอไม่รู้ว่าถ้าถามไปแล้วเธอจะต้องคุยอะไรต่อบ้าง ถึงจะไม่ใช่คนขี้อายอะไร แต่เธอค่อนข้างจะกลัวปฏิกิริยาตอบกลับเสียมากกว่าว่าจะออกมาในทิศทางไหน บางทีเธออาจจะไม่เหมาะกับการที่จะไปทำความรู้จักใครก่อนก็ได้ เพราะเหตุนี้เอง เธอจึงไม่สามารถเข้าสังคมได้ตามมาตรฐาน แต่ถึงอย่างนัั้น หากมีคนเอ่ยปากคุยก่อน เธอก็สามารถคุยได้ตามปกติ เธอจึงดีใจเป็นอย่างมากหากมีใครสักคนที่เธอสามารถคุยได้อย่างลื่นไหลและเป็นธรรมชาติโผล่มาสักคน ซึ่งนานๆทีจะโผล่มาซักคนสองคนและหายไปอย่างรวดเร็ว...
"ถ้าทำงานแล้วไม่จริงจังจะเป็นการทำงานที่ดีได้อย่างไร"
จะว่าเป็นพวก Perfectionist ก็ไม่เชิง เจียนหลิวเป็นคนที่จริงจังในทุกๆอย่าง จนทำให้เธอเป็นคนย้ำคิดย้ำทำไปโดยปริยาย เธอเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นและความพยายามในการจะทำอะไรซักอย่าง ไม่ชอบที่จะยอมแพ้ไปกลางคันถึงแม้ว่าเธอจะเหลือตัวอยู่คนเดียวกลางทาง เธอก็จะมุ่งมั่นที่จะทำมันให้ถึงที่สุด เธอค่อนข้างจะมีความพยายามสูงในการจะทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เธอก็มักจะจริงจังกับมันเสมอ เธอจึงมักจะโดนผู้หญิงด้วยกันกล่าวว่า ไม่ชอบเธอ เพราะเธอจริงจังกับทุกอย่างเกินไป ซึ่งตอนนี้เธอก็ไม่เข้าใจอยู่ดี คำว่าเล่นๆ มันไม่ควรมาใช้กับการทำงาน ถ้าหากเธอไม่จริงจัง งานมันจะออกมาดีได้อย่างไร เธอค่อนข้างจะซีเรียสในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ไม่ว่าจะโดนใครหยอกล้ออะไรนิดเดียว เธอก็จะทำหน้าดุส่งไปให้ หรือนำไปคิดมาก นั่นทำให้ใบหน้าหวานของเธอในยามปกติมีแต่หน้าเครียดและหน้านิ่วคิ้วขมวดนั่นเอง
เธอเป็นประเภทที่ชอบกดดันตัวเอง แน่นอนว่าการมีเป้าหมายในชีวิตเป็นเรื่องดี แต่ถ้ากดดันเกินไปจะกลายเป็นการใช้ชีวิตแบบเครียดๆ และใช่ เธอเป็นแบบนั้น... เธอมักจะอยากให้งานทุกอย่างออกมาดี ไม่ว่าจะทำงานใหญ่ งานเล็ก หรืองานง่ายๆ เธอจะกดดันตัวเองเสมอว่าต้องออกมาดีนะ ต้องทำไม่ได้นะ และถ้าทำอะไรไม่ได้อย่างที่หวังจะรู้สึกเฟลมาก และเอามันกลับไปคิดสามวันสองคืนเลยล่ะ
"แมวดำผู้รักสงบ"
แต่ถึงอย่างนั้นความมืดมนของเธอนั้นราวกับเป็นดาบสองคมให้กับตัวเธอเอง หนึ่งคือเธอเป็นคนที่รักสงบ ไม่ชอบที่จะวุ่นวายกับใครหรือไม่ชอบที่จะอยู่กับอะไรที่วุ่นวายและไม่เป็นระเบียบ เธอไม่ค่อยชอบที่จะอยู่ที่เสียงดังเท่าไหร่ ผับบาร์หรืออย่าหวังว่าจะเข้าไปเหยียบ เรียกได้ว่าค่อนข้างจะขัดกับลักษณะนิสัยคนจีนปกติเหลือเกินที่เสียงดังและรวดเร็ว ลักษณะที่ดูหม่นหมองของเธอนั่นแหละ ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้หรือทำอะไรวุ่นวายกับเธอมากนัก แต่นั่นก็กลายเป็นข้อเสียอีกข้อนึง เพราะว่าที่เธอดูหม่นหมองทำให้โดยรังควานได้ง่ายขึ้นในบางที เพราะหลายๆคนเห็นเธอไม่ได้โต้ตอบอะไรมากมาย ทำให้หลายคนกล้าที่จะไม่เกรงใจเธอในการทำอะไร (แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก)
"แมวดำผู้ยืนอยู่บนความหลอกลวง"
เธอรู้ว่าสิ่งที่เป็นความจริงยังไงก็จะวนกลับมาแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เลือกที่จะหนีอยู่ดี หลายครั้งที่คนรู้จักของเธอมักจะพร่ำสอนเธอว่าควรจะยอมรับความจริงเสียบ้าง ไม่ใช่ว่าหนีไปตลอด หนีไปยังไงก็หนีไม่พ้น แต่สุดท้ายแล้วทางที่เธอเลือกก็คือเลือกที่จะหนีมากกว่ายอมรับ เธอเกลียดความจริงที่แสนโหดร้าย ที่ทำให้เธอต้องเจอกับสิ่งที่โหดร้าย สามารถพูดได้เต็มปากว่าเธอเป็นประเภทที่ชอบหนีปัญหานั่นเอง เธอไม่ชอบที่จะแก้ เธอเลือกที่จะปล่อยมันทิ้งไว้และปล่อยให้เวลาแก้มันเอง เจียนหลิวเป็นคนที่ไม่ชอบเดินหน้า เธอมักจะย่ำอยู่กับที่เพราะว่าเธอหนีความจริงและยึดติดกับอดีตอยู่เสมอ บางครั้งเธอก็มักจะหลอกตัวเองว่าทุกอย่างดีขึ้นแล้ว ผ่านไปแล้ว ทั้งๆที่ความจริงแล้วนั้น สถานการณ์ทุกอย่างยังคงแย่อยู่เหมือนเดิม
ถึงอย่างนั้นเธอก็อย่างเธอเป็นคนที่จำอะไรฝังใจโดยเฉพาะความผิดพลาดของตนเองและยึดติดกับอดีตและไม่ชอบที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตของตัวเองนัก comfort zone ของเธอคือที่ๆเดียวที่เธอยืนยันว่าจะไม่ยอมออกไปไหน แต่ก็หวังลึกๆว่าซักวันจะมีคนดึงตัวเธอออกจาก comfort zone ของตัวเองให้ได้
"ไม่ได้ถึงขั้นขี้กังวลจนไม่เป็นอันทำอะไร แต่กลับเป็นคนคิดมากพอสมควร"
เจียนหลิวเป็นคนที่เอนเอียงไปหาสิ่งต่างๆรอบข้างได้ง่ายเพราะความอ่อนไหวทางจิตใจ แม้จะพยายามปิดกั้นยังไง ในใจเธอกลับเปิดรับทุกคำพูดให้เข้ามาในหัวและนำไปคิดมากเสียหมด ทั้งนี้ทั้งนั้นความคิดมากของเธอที่มาควบคู่กับความขี้กังวลเล็กน้อยทำให้เธอชอบเก็บคำพูดของคนอื่นมาคิดเล็กคิดน้อย หรือการที่จะลงมือทำอะไร ต้องย้ำคิดย้ำทำอยู่ในหัวอยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอไม่ได้เป็นคนที่โดนหลอกง่าย แม้ว่าเธอเป็นคนเชื่อคนง่ายก็ตาม ไม่ใช่ว่าหลอกไปไหนแล้วก็ไปเสียหมด เธอสามารถแยกออกว่าอันไหนคือความจริงอันแสนโหดร้ายหรืออันไหนถ้อยคำหลอกลวงอันแสนหอมหวาน แต่เธอเลือกที่จะหลอกตัวเองมากกว่า หลายๆคนอาจจะมองว่าเธอโง่งมที่เชื่ออะไรเหล่านั้น แต่คนที่มีสติพอที่จะคิดได้ว่ากำลังหลอกตัวเองอยู่มันน่าทึ่งกว่าไม่ใช่หรือไง
"แมวที่ขี้ระแวง"
เจียนหลิวไว้ใจคนยาก การที่จะทำให้เธอไว้ใจใคร 100% นั่นยากเหลือเกิน เธอเป็นคนที่ขี้ระแวง ไม่ค่อยจะไว้ใจใครเท่าไหร่ ไม่ไว้ใจให้ใครทำอะไรให้ หรือแม้แต่ระแวงในสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามันจะจริงหรือเปล่า มันจะมีอันตรายหรือเปล่า ระแวงได้แม้กระทั่งสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น และการที่เธอจะเปิดอกคุยกับใครสักคนช่างหาได้ยากเพราะเธอไม่ไว้ใจใครใครแม้แต่คนใกล้ตัวของเธอ นั่นทำให้เธอเก็บเรื่องราวทั้งหมดไว้ในใจคนเดียว จะบ่นใส่ใครก็กลัวใจเขา เพราะว่าระบบความคิดของมนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่แล้วช่างซับซ้อน การที่เธอระบายไปแล้วคนๆนั้นตอบกลับมา ในใจอาจจะไม่ได้คิดแบบเดียวกับที่กำลังปลอบเธออยู่ก็เป็นได้ ภายนอกอาจจะบอกว่าสู้ๆ แต่ภายในใจอาจจะกำลังสมน้ำหน้าอยู่ อะไรประมาณนี้ แต่นั่นก็เนื่องมาจากสังคมที่เธออยู่มันมีแต่การใส่หน้ากากใส่กันก็ว่าได้
"หญิงสาวผู้เก่งทุกอย่าง"
เธอเหมาะกับการอยู่คนเดียว นั่นคือสิ่งที่หลายๆคนเอ่ยต่อกันมา เจียนหลิวเป็นผู้หญิงเก่ง เธอสามารถทำหลายๆอย่างให้เสร็จสิ้นไปพร้อมๆกันด้วยตัวคนเดียวได้ ความสามารถในการทำงานของเธออยู่ในระดับเก่งมาก แต่เพราะอย่างงั้น เธอจึงไม่ไว้ใจให้คนอื่นทำอะไร เพราะเธอมั่นใจว่าเธอทำตรงนั้นดีกว่าแน่ๆ ซึ่งนั่นเป็นนิสัยที่แย่สุดๆ เธอรู้ตัว แต่เธอก็ทำมันดีจริงๆ นอกเหนือจากนั้นไม่ว่าจะเป็นงานบ้านงานเรือน , การต่อสู้ , ความรู้ในหัว เธอมีมันพร้อมไปหมดทุกอย่าง แม้จะไม่ได้เข้าขั้นอัจฉริยะแต่เข้าขั้นเก่งมากๆ นั่นเอง
"ดูเปราะบางแต่กลับแข็งแกร่งอย่างแปลกประหลาด"
เธออาจจะดูเปราะบางมากๆในความรู้สึก แต่ลึกๆแล้วเธอเป็นคนที่ร้องไห้ยาก นานมากแล้วที่ไม่ได้ร้องไห้ ราวกับโดนเทพสวรรค์ดูดกลืนน้ำตาออกจากร่างกายไปเสียหมด ถึงจะคิดมากในเรื่องของคนอื่น แต่เธอไม่เคยนำมันกลับมาร้องไห้คนเดียวเลยแม้แต่น้อย...ถึงจะเศร้าขนาดไหน น้ำตามันกลับไม่ไหลออกมา เธอก็แปลกใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร อาจจะรู้สึกดิ่งๆไปบ้าง สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะหนีความจริงไปอยู่ดี นี่อาจจะเป็นสาเหตุว่าทำไมเธอถึงดูอมทุกข์อยู่ตลอดเวลาก็ว่าได้
"แมวดำผู้แสดงออกทางสีหน้าไม่เก่ง"
เจียนหลิวเป็นคนหน้าเครียดและดูหม่นหมอง...เธอรู้ข้อนั้นของตนดี อันที่จริงเธอแค่แสดงความรู้สึกทางสีหน้าไม่ค่อยเก่งเสียเท่าไหร่ เธอมักจะเผลอทำหน้าเครียดเสมอเวลาอยู่เฉยๆ กระทั่งคุยกันเฉยๆ เธอยังแสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยจะเข้ากับบทสนทนาตอนนั้นเสียเท่าไหร่ เธอมักจะพยายามยิ้มออกมาให้เป็นธรรมชาติ แต่กลับกลายเป็นรอยยิ้มน่ากลัวเสียอย่างไรอย่างนั้น แต่อันนี้ก็ถือเป็นข้อดี เพราะว่าไม่ว่าเธอจะเสียใจหรือถูกกระทบกระทั่งขนาดไหน เธอก็ยังสามารถทำให้เหมือนไม่รู้สึกอะไรได้ภายใต้ใบหน้าอันแสนเครียดของเธอนั่นเอง
"บางทีก็หัวแข็งแบบไม่น่าเชื่อ"
หากเป็นเรื่องที่ตัวเองมั่นใจมากๆ เจียนหลิวกลับกลายเป็นคนที่หัวแข็ง ไม่ยอมใครง่ายๆ และมั่นใจในตัวเองในข้อนั้นมากเสียจนไม่มีใครลบล้างเธอได้ ไม่ว่าใครจะว่ายังไงเธอก็ยืนกรานที่จะทำแบบนั้น ใครพูดอะไรก็จะไม่ฟังแล้ว(?) แต่ก็นั่นแหละ...จริงๆแล้วเธอเป็นคนหัวแข็งที่ไม่ค่อยแสดงความหัวแข็งของตัวเองออกมาเสียเท่าไหร่ หรือแม้แต่งานหนักๆ เธอก็ยืนกรานว่าจะทำมันด้วยตัวเอง แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอไม่ไว้ใจให้ใครทำอะไรด้วยนั่นเอง เธอชอบที่จะทำอะไรด้วยตัวของตัวเอง ไม่ชอบขอความช่วยเหลือจากใคร จะว่าเป็นแมวที่ดื้อเงียบเลยก็ว่าได้ ท่าทางดื้อดึงที่ไม่ได้เห็นมาบ่อยๆ นั่นเป็นเสน่ห์ของเธอเลยไม่ใช่หรือไง
"รอบคอบแต่ไม่ค่อยมีสติในสถานการณ์ขับคัน"
เนื่องจากเธอเป็นคนที่ขี้ระแวงทำให้เวลาเธอจะทำอะไรจะต้องรอบคอบ และห่วงความปลอดภัยไว้ก่อน ทำให้เธอเป็นคนที่มีความรอบคอบ ไม่ประมาท แต่ถึงอย่างนั้นบทจะลนก็ลนง่ายเหลือเกิน เธอเป็นคนที่รับกับสถานการณ์อะไรไม่ค่อยจะเชี่ยวเสียเท่าไหร่ ถึงจะมีสติ แต่ถ้าถึงบทสับสนก็จะทำอะไรพันไม้พันมือมั่วไปหมด ต้องใช้เวลาสักพักในการจูนสติของเธอให้เข้าที่เข้าทาง เธอเป็นคนพลิกแพลงสถานการณ์อะไรไม่เก่งเลย เอาตัวรอดก็ไม่เก่ง เพราะว่าเธอเป็นคนซีเรียส จะทำอะไรก็ต้องทำตามแบบแผน พลิกแพลงอะไรไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่
ถึงเธอจะไม่ใช่คนที่ขี้อาย แต่ถ้าหากถูกรุกเข้าจังๆก็เขินแบบจะเป็นจะตาย ราวกับระบบของเธอรวนไปเสียหมด ใบหน้าหวานจะขึ้นสีแดงแปร๊ดราวกับมะเขือเทศสุก ปากพันลิ้นพันไปหมด จากที่เคยเป็นคนพูดน้อยกลับกลายเป็นพูดมากเสียอย่างนั้น เรียกได้ว่า ลนลาน จนไม่มีใครเทียบได้ ราวกับเธอระเบิดถอยหลังจะระเบิดตัวเองภายในไม่กี่วิหลังจากนั้น ไม่ว่าจะนั่งดูซีรี่ย์ หรือ แม้แต่อ่านหนังสือเกี่ยวกับความรัก เธอเหมือนย้อนอายุไปยังสมัยวัยรุ่นได้เสมอ รวมไปถึงการที่โดนสกินชิปเล็กๆน้อยๆ เธอไม่ค่อยจะชินกับการสกินชิปเสียเท่าไหร่ (แรร์มากที่จะเห็นเจียนหลิวเขิน)
"ดวงใจอันแสนบริสุทธิ์"
ถึงกระนั้นเธอเป็นหญิงสาวที่มีจิตใจดี แต่เธอแค่กังวลในผลที่จะเกิดขึ้นตามมา เธออ่อนโยนและใจดี เธอมักจะแอบช่วยหลายๆคนไปพร้อมกันในเรื่องเล็กๆน้อย เช่นแอบรดน้ำต้นไม้ให้โต๊ะออฟฟิศข้างๆ หรือ ช่วยตรวจเอกสารฝ่ายรวมในยามที่ไม่มีใครเห็น(แต่นั่นก็เป็นผลพ่วงของความซีเรียสในความperfectของงานเธอด้วยนั่นแหละ) ในเรื่องใหญ่ๆโดยเฉพาะเรื่องการงาน เธอก็อยากที่จะช่วยแต่ก็กลัวโดนหักหลังไปพร้อมๆกัน ถึงเธอจะช่วยใครสักคนไปหัวก็ไม่วายไปคิดถึงผลลัพธ์(ในทางลบ)ที่จะตามมาอยู่ดี
ดังนั้นแล้วสิ่งที่ทำให้เจียนหลิวเปิดใจได้อย่างจริงใจคงจะเป็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆอันแสนบริสุทธิ์ของเด็กๆที่ยังไม่ได้คิดซับซ้อนและ เธอชอบที่จะคลุกคลีอยู่กับพวกเด็กๆในวันหยุด ในเวลานั้นกลุ่มเมฆครึ้มที่ลอยภายไปมาบนหัวของเธอจะค่อยๆลอยหายไป แต่สายรุ้งหลังฝนตกจะเข้ามาแทนที่ ใบหน้าอมทุกข์จะแสดงความผ่อนคลายลงมาอย่างเห็นได้ชัด เธอชอบที่เด็กๆเหล่านั้นพูดตามที่พวกเขาคิด พูดในสิ่งที่พวกเด็กๆต้องการ นั่นทำให้เธอหายเกร็งนั่นเอง
"บางครั้งก็ซื่อจนน่าประหลาดใจ"
เจียนนหลิวเป็นคนที่ซื่อตรงหากได้เปิดปากวิจารณ์อะไรซักอย่าง แต่สิ่งที่เธอพูดก่อนจะวิจารณ์หรือพูดอะไรซักอย่างมักจะเป็นกลางและซื่อตรง เธอเป็นคนซื่อ ไม่รู้จักการหลอกลวงคนอื่น อย่างเช่นเวลาเล่นเกมส์สมัยมัธยมเธอก็มักจะเผลอบอกสิ่งที่ตัวเองมีอยู่เสมอ เพราะเธอมักจะรู้จักแต่การหลอกตัวเองอยู่พร่ำไป แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดว่าการหลอกคนอื่นเป็นสิ่งที่ควรทำเช่นกัน เธอไม่สามารถหลอกคนอื่นได้อย่างแนบเนียนถึงจะเกือบเนียนก็จะมีจุดโป๊ะอันยิ่งใหญ่ให้เห็นได้เสมอ
"ใส่ใจในเรื่องเล็กๆน้อยๆของคนอื่น"
เจียนหลิวเป็นคนที่มีความจำดี เป็นไปได้ไม่ยากเลยที่เธอจะสามารถจำเรื่องราวเล็กๆน้อยๆของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นปกติชอบกินอะไร ปกติไม่กินอะไร เธอจะสามารถซึมซับสิ่งรอบๆตัวจนจำได้ไปเอง ดังนั้นเธอจึงสังเกตความเปลี่ยนแปลงของคนอื่นได้อย่างง่ายดาย ถึงจะไม่ได้เดาใจคนเก่งแม่นเป๊ะราวกับจับวาง แต่กลับทำให้คนฟังรู้สึกประหลาดใจอย่างแปลกๆเพราะว่าสิ่งที่เธอรู้และสัมผัสได้มักจะเป็นสิ่งที่แม้แต่เจ้าตัวยังไม่รู้นั่นเอง
"คนเราควรพกอาวุธในมืออย่างน้อยสองอย่าง"
ด้วยความเป็นคนจีนที่มีค่านิยมในเรื่องความฉลาด ทำให้เจียนหลิวต้องใฝ่หาความรู้เข้าตัวเองเสมอ เธอมักจะอ่านหนังสืออยู่เสมอในเวลาว่าง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเรียน หนังสือการใช้ชีวิต หรือแม้แต่หนังสือวรรณกรรม เรียกได้ว่าเป็นคู่หูของเธอยามว่างเลยก็ได้ แต่ว่าเธอไม่ใช่หนอนหนังสือ เธอจะหยิบมาเฉพาะเวลาว่างแบบว่างโคตรๆเท่านั้น ยิ่งเวลาเครียดหรอ อย่าพูดถึงเลย หนังสือไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไหร่ เธอคือหญิงสาวเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องต่างๆเต็มหัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรู้ทางการแพทย์ การปฐมพยาบาล,การค้าขาย, ความรู้รอบตัวต่างๆ
เจียนหลิวเป็นสาวกเรื่องลึกลับและนั่นก็โคตรพ่อโคตรแม่ความลับอันแสนสำคัญที่เธอไม่เคยบอกใคร นอกจากเด็กๆที่ทำให้เธอผ่อนคลายแล้ว พวกเรื่องลึกลับนี่แหละทำให้เธอผ่อนคลาย เธอไม่ชอบที่จะบอกใครในเรื่องนี้เพราะว่าบุคลิคภาพที่ดูมืดมนของเธออาจจะทำให้กล่าวว่า เธอเหมาะกับเรื่องลึกลับเพราะลักษณะของเธอ นั่นเอง เวลามีเรื่องลึกลับโผล่ขึ้นมาหูตาของเธอจะไวมาก ไม่ว่าเหมือนจะเห็นหางแมวตั้งขึ้นมา ดวงตากลมโตที่มีแต่ความหม่นหมองมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที เธอชอบที่จะเอาตัวเองไปพัวพันเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับ ผีสางนางไม้ อยู่เสมอ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เห็นผลอะไรเท่าไหร่...
เจียนหลิวเป็นคนที่หัวไว เธอสามารถเรียนรู้เรื่องต่างๆได้อย่างรวดเร็ว และทำอะไรหลายๆอย่างได้อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น เธอสามารถแบ่งเวลาของตัวเองได้เป๊ะและคล่องแคล่วลึกๆ แล้วเจียนหลิวเป็นคนที่เฉลียวฉลาด แต่เธอกลับไม่เคยและไม่คิดจะนำมันมาใช้ให้เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อย..
"ดวงอาทิตย์อันสว่างสไวที่อยู่ท่ามกลางเมฆฝนไม่ใช่ที่ไหน ก็คือตัวเองเธอนั่นแหละ"
ถ้ามีคนกล่าวว่าเธอคือเมฆฝนแล้วพระอาทิตย์ท่ามกลางเมฆฝนเหล่านั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตัวเธอเอง ถึงเธอจะยิ้มยากและมีออร่าหมองๆรอบตัว แต่สิ่งที่ทำให้เธอดูสดใสก็มีบ้างประปรายแต่ไม่ค่อยจะมีใครเห็นเสียเท่าไหร่ ความสุขเล็กๆที่ได้จากการที่เห็นต้นไม้โต รอยยิ้มเล็กๆจากการเห็นสายรุ้งหลังฝนตก เธอมักจะมีความสุขกับอะไรเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำวันที่เห็นได้ทั่วไป เรียกได้ว่าความสดใสของตัวเธอนั้นหาไม่ได้ยากเลย หากสังเกตดีๆ
"แมวดำสีดำ"
ดูรวมๆแล้วตัวเจียนหลิวนั้นมีข้อเสียมากกว่าข้อดี และนั่นก็จริง เธอเป็นคนที่มองโลกในแง่ร้าย เธอพยายามจิตนาการให้ทุกอย่างสวยงามเพื่อชนะความคิดในแง่ลบ หลอกตัวเองว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นเป็นสิ่งที่ดี สรุปแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนไปทางสีดำมากกว่าสีขาวนั่นเอง
ประวัติ ::
นักธุรกิจไฟแรงกับนักแสดงสาวหน้าใหม่ถ้าคบกันคงจะเป็นกระแสดีทั้งคู่ นั่นคือสิ่งที่บริษัทของจ่ายหลิงหลิง ผู้มีศักดิ์เป็นแม่ของเธอเคยบอกไว้ พ่อของเธอเป็นนักธุรกิจชื่อดัง แม่ของเธอเป็นนักแสดงชื่อดัง เรียกได้ว่าชีวิตของเธอช่างดูเพอร์เฟ็คเว้นเสียแต่ว่า ทั้งสองแต่งงานกันเพราะการเงิน ไม่ใช่เพราะความรัก
เจียนหลิวสมัยประถมไม่ค่อยจะได้คุยกับพ่อแม่เลยแม้แต่น้อย เพราะว่าทั้งคู่ต่างไม่ว่างคุยกับเธอเลยแม้แต่น้อย
เธอย้ายโรงเรียนตอนประถมครั้งที่ 1 เพราะว่าเธอเข้ากับใครไม่ได้
เจียนหลิววัยประถม ไม่คุ้นชินกับสังคม เด็กๆหลายคนเลือกที่จะมาทำความรู้จักกับเธอ แต่เด็กสาวกลับเป็นคนค่อยข้างจะเกร็งเวลามีคนเข้ามาคุยด้วย
เป็นเรื่องแย่ที่เธอเข้ากับเพื่อนไม่ได้
ทุกคนเข้ามาคุยกับเธอตอนเวลาว่าง แต่เวลาเล่นกลับไม่มีใครมาเล่นกับเธอ หรือแม้แต่เวลากินข้าว เวลานอน ไม่มีใครพาเธอไปด้วยเลยแม้แต่คนเดียว ทุกคนคุยดีด้วยก็จริง แต่เรื่องความสนิท ไม่มีใครสนิทกับเธอแบบจริงใจเลยแม้แต่คนเดียว เหตุผลของเด็กหลายๆคนบอกว่า เธอเป็นคนที่ดูแปลกๆ ดูมืดมนและคุยไม่เก่ง ทำให้ไม่อยากอยู่ใกล้
เจียนหลิวจบประถมด้วยเพื่อนจำนวนศูนย์คนและเรียนต่อมัธยมชื่อดัง
ในวันนึงแม่ของเธอตัดสินใจจะมารับเธอกลับบ้านจากโรงเรียนมัธยมด้วยตัวของเธอเอง
เธอเกิดอุบัติเหตุรถชน
ข่าวการเสียชีวิตของนักแสดงชื่อดังกระจายไปทั่ว
เธอทำหน้าจะร้องไห้ แต่คุณพ่อของเธอกำลังยิ้ม
เจียนหลิววัย 13 ปี(ม.1) มาโรงเรียนด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย สำนักข่าวน่ารำคาญได้ตามเธอตั้งแต่ออกบ้างจนถึงในห้องเรียน เพื่อนร่วมห้องของเธอกรูเข้ามาหาเธอทันที หลังจากที่รู้ว่าคนที่เสียชีวิตคือนักแสดงชื่อดังและคนๆนั้นมีศักดิ์เป็นแม่ของเธอ (เรื่องของเธอถูกเก็บเป็นความลับ)
"โถ น่าสงสารจริงๆ"
'ถ้ามาปลอบ คนอื่นก็จะเข้ามาชื่นชม'
"ฉันอยากจะปลอบเธอจะตายแล้ว แต่ไม่มีเวลามาปลอบเลย ขอโทษนะเจียนหลิว"
'คนนี้ปกติไม่ได้เคยมาคุยด้วย แต่สำนักข่าวข้างหน้าบีบบังคับสินะ'
หลอกลวงไปหมด
เธอแค่นยิ้มให้กับตัวเอง แต่ตอนนี้เธออยากได้กำลังใจจากคนรอบข้าง ถึงแม้เธอรู้ว่ามันจะปลอมก็ตาม...เธอเลือกที่จะเงยหน้าเอ่ยตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
"ขอบคุณนะ"
ถ้าคุณแม่ยังอยู่คงจะเดินมาบอกว่าความสามารถในการแสดงของเธอติดลบแน่ๆ
บันทึกพิเศษ [ช่ายเจียนหลิว : ตัวอย่างเหตุการณ์]
วันหนึ่งเธอเรียนศิลปะและมีเด็กคนนึงวิ่งมาและเอ่ยปากว่าอยากคู่กับเธอ
เธอใช้เวลา 1 สัปดาห์ในการทำงานนี้ให้สมบูรณ์ที่สุด
แต่งานศิลปะของเธอที่เธอตั้งใจวาด กลายเป็นของเพื่อนของคู่ของเธอไปเสียแล้ว
"ขอโทษนะเจียนหลิว ฉันไม่มีทางเลือก" เธอพูดขึ้น
"เพื่อนของฉันไม่ค่อยเก่ง แต่เขาอยากได้รางวัลไปให้คุณแม่น่ะ"
หญิงสาวน้ำตาคลอและร้องไห้ต่อหน้าเธอ
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่กลับหลอกเธอได้แนบเนียนและสมบูรณ์จนน่าตลก
"เจียนหลิว ใกล้สอบแล้วอ่ะ ขอสรุปสูตรของเธอได้ไหม"
"หืม?"
เธอเลิกคิ้วตอบกลับไป ปกติเธอคนนี้ไม่เคยแม้แต่จะคุยกับเธอเสียด้วยซ้ำ
ไหงดันมาทำตัวสนิทสนมเสียตอนนี้เนี่ย น่าตลกเสียจริง
เจียนหลิวในสมัยมัธยมเจอแต่คนที่เรียกได้ว่าเป็นพวกที่หวังประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเข้ามาสนิทเฉพาะตอนที่เธอเป็นประโยชน์ , เข้ามาคุยในสิ่งที่เจียนหลิวถนัด , ใช้งานตัวเธอก็มี
เหตุการณ์ที่ทำให้เธอกลายเป็นคนหวาดระแวงคงไม่พ้นเหตุการณ์นั้น
ถ้าหนักที่สุดก็คงต้องเป็นวันนั้นล่ะมั้ง...
เรียกได้ว่าเป็นวันที่ทำให้ใจของเธอปิดสนิทเลยล่ะ
ม.2
"นี่เจียนหลิว ช่วยฉันด้วย"
หญิงสาวเพื่อนร่วมห้องของเธอเดินตรงเข้ามาคุยด้วยกับเธอ ใบหน้าหวานของหญิงสาวทำหน้าราวกับจะร้องไห้ อีกแล้วเธอไม่เคยคุยกับคนนี้มาก่อน การที่เด็กคนนี้จะเข้ามาคุยกับเธอในการขอความช่วยเหลือ คงจะไม่พ้นผลประโยชน์อีกแน่ๆ...
"พวกเขานัดฉันไปเจอที่ห้องเก็บของ" หญิงสาวโชว์รูปของเด็กผู้ชายหน้าเถื่อนสามคนมาให้
"แล้วทำไมเธอต้องไป?" เจียนหลิวเอ่ยถามกลับ
"เขาขู่ว่าถ้าไม่ไป เขาจะลอบทำร้ายฉัน เธอช่วยไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ!"
"เห มาจริงด้วยแหะ" ทันทีที่เธอเดินเข้ามาในห้องเก็บของก็เห็นผู้ชายสามคนอย่างที่ว่าจริงๆ
แต่ที่ไม่เป็นอย่างที่ว่าก็คงเป็น เด็กผู้หญิงที่อ้อนวอนให้เธอมาช่วยกลายเป็นคนกดล้อคประตูซะงั้น
ก่อนที่เด็กผู้ชายสองคนตรงเข้ามาจับแขนเธอไว้แน่น หญิงสาวพยายามดิ้นขลุกขลัก อยากจะใช้กังฟูที่เรียนมาใจจะขาดแต่ยังไงก็สู้แรงผู้ชายไม่ได้อยู่ดีเธอส่งสายตาผิดหวังไปให้เด็กสาวอีกคน ก่อนที่เด็กสาวอีกคนจะส่งยิ้มร้ายกาจมาให้
"อย่าทำหน้าแบบนั้น เด็กคนนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนนี้นั่นแหละ"
"ก็เพราะว่าพวกเราร่วมกันวางแผนไงล่ะ"
และทำไมต้องเป็นเธอ...
ทันทีที่เสื้อผ้าของเธอถูกปลดกระดุมพร้อมกับโดนชกที่หน้าเข้าไปเต็มๆ เด็กชายก็เอ่ยขึ้นมา
"ข่าวลูกชายนักธุรกิจโดนลวนลามน่าจะขายได้หลายกะตัง"
ขยะแขยง
ถ้าวันนั้นยามไม่สงสัยว่าทำไมห้องเก็บของเสียงดังและตัดสินใจเปิดประตูเข้ามา เธอก็คงจะแย่ไปเสียแล้ว
เย็นวันนั้นคุณพ่อเธอเข้ามาในห้องก่อนจะบอกให้เธอแต่งหน้าแต่งตัวเพราะว่ามีงานทางธุรกิจ
แกไม่ได้สนใจรอยช้ำบนหน้าของเธอด้วยซ้ำ
หลังเข้าไปในงานมีคนมากหน้าหลายตาเข้ามาคุยกับคุณพ่อของเธอรวมถึงเธอด้วย
"แหมลูกสาวของคุณสวี่จิน นี่น่ารักจังเลยนะค่ะ" หญิงสาวร่างอวบอ้วนเอื้อมมือมาหมายจะวางมันบนหัวของเธอ
รู้สึกไม่ไว้ใจ
เธอเผลอหลบมือของผู้หญิงอีกคน กิริยานั้นของเธอทำให้รอบข้างมองเธอเป็นจุดเดียว
ก่อนที่เธอจะโดนคุณพ่อของเธอลากออกมาข้างนอกงาน
"ทำอะไรของแก"
เธอเงียบ
"งานสังคัมไม่ใช่งานวันเกิดของเธอ"
"ยิ้ม"
"ฉันบอกให้แกยิ้ม"
ผู้ชายคนนี้โหดร้าย
เธอก้มมองต่ำรับแรงตีที่โดนตีลงมาที่ไหล่ มือสากของชายแก่พุ่งมาที่มุมของเธอก้อนจะออกแรงดึงให้ยิ้มจนทำให้เธอเจ็บหน้าไปหมด
น่าแปลกที่เธอไม่มีแม้แต่น้ำตาสักหยด
จากนั้นเธอก็เข้างานอีกครั้งไปด้วยหน้ากากเปื้อนยิ้ม
หลังจากวันนั้นเธอก็กลายเป็นเด็กผู้หญิงหม่นหมอง เธอไม่ค่อยจะยิ้มให้ใคร และกลายเป็นคนหวาดระแวง ไม่เชื่อใจใครง่ายๆอีก จากที่เป็นเด็กน้อยสั่นกลัวคุณพ่อ เธอวัย 14 ปีเริ่มต่อต้านคุณพ่อเสียแล้ว แม้จะไม่ได้ตวาด ด่ากราดกลับ แต่เธอกลับใช้ความเงียบเป็นคำตอบให้พ่อนั่นเอง
หลังจากนั้นเจียนหลิวที่พบกับความโหดร้ายของพ่อตัวเองมาตลอด
และทุกอย่างก็สิ้นสุดในวันคล้ายวันเกิด 16 ปีของเธอ
คุณพ่อได้พูดกับเธอว่า
"แกอยู่ด้วยแล้วฉันทำอะไรไม่สะดวก"
"ย้ายไปอยู่กับลุงแกซะ"
ไม่อยากจะบอกเลยว่าเธอโคตรจะดีใจที่พ่อของเธอพูดแบบนั้นออกมา
"ขอบคุณที่มาช่วยงานบ่อยๆนะ"
"ไม่เห็นจะต้องขอบคุณเลยค่ะ..."
เจียนหลิวในมัธยมปลายปีที่ 2 (ม.5) ได้เริ่มรู้จักอาชีพที่เรียกว่าพี่เลี้ยงเด็ก เธอได้ช่วยเด็กที่กำลังเดินข้ามถนนและก็มีคุณครูหัวยุ่ง,จางซุยเทียน วิ่งออกมา หญิงสาวขอบคุณเธอเป็นการใหญ่ และเธอได้รู้จักเด็กๆในสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้า- เธอได้เข้าไปแวะเวียนนำของไปเยี่ยมและคุยกับคุณครูอยู่เป็นประจำ ราวกับว่า ภายในใจของเธอกำลังถูกประโลม--
นอกจากนั้นแล้วช่วงมัธยมปลายปีที่ 2 เป็นช่วงที่เธอถูกคุณซุยเทียนแนะนำเรื่องราวสยองขวัญ เรื่องลึกลับ ผีสางนางไม้ให้ฟังเอาเป็นว่าเธอติดงอมแงมเลยล่ะ
เจียนหลิวในมหาลัย , เธออยู่ตัวคนเดียวเสมอ
'ไว้ใจไม่ได้'
'มีแต่พวกหวังผลประโยชน์'
นั่นคือสิ่งที่เธอคิดได้ตอนนั้น
ไม่ค่อยจะมีคนเข้ามาทำรู้จักกับเธอเสียเท่าไหร่ แค่ภายนอกดูอมทุกข์ก็ไม่มีใครจะเข้ามาเสียแล้ว
เรียนบริหารและออกมาเป็นพนักงานบริษัทธรรมดา ใช้ชีวิตอยู่ที่คอนโด
ช่างเป็นชีวิตเรียบง่ายที่ไร้สีสันเสียจริง
ถึงเธอจะเก่งแค่ไหนแต่การงานของเธอของเธอกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
ด้วยนิสัยที่ซีเรียสและขี้ระแวง แถมยังคิดมากเก่ง ทำให้เธอเข้ากับหลายๆคนไม่ได้
เวลาเสนอก็โดนขัด โดนปัด เวลาจริงจังแล้วก็มักจะไม่มีคนจริงจังด้วย
แถมความที่รักยังติดลบอีก- ในที่นี้ไม่มีใครเขาชอบเธอกันเลยสักคน
ถามว่าทำไม ก็คงไม่พ้น...
"ขอโทษนะคะ คือว่าจริงจังหน่อยได้ไหม?"
"แล้วนี่มันไม่จริงจังตรงไหน?"
สงสัยจะพูดไม่เข้าหูไปซะแล้ว...
"ตรงนี้ยังมีข้อผิดพลาดอยู่น่ะค่ะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น ก่อนจะชี้ลงไปที่งาน
"ถ้าติเก่งแบบนี้มาทำเองเลยดีไหม?"
ก็จริงอยู่ว่าเธอติเก่งแต่เธอแค่อยากให้งานมันออกมาสมบูรณ์ที่สุด
และสุดท้ายงานนั้นเธอก็กลายเป็นคนทำเดียวและแน่นอน
ทำด้วยตัวคนเดียวกับช่วยกันทำอะไรมันจะดีกว่ากันล่ะ...
ถึงแม้เธอเก่งขนาดไหน ถ้าทำงานด้วยตัวคนเดียวมันจะไปทำได้ยังไง!!
เสนอไปก็ไม่สนใจราวกับหาว่าเธออวดเก่งอยู่นั่นแหละ...
"คุณทำงานไม่ทันเวลาอีกแล้ว"
"นอกจากจะเอามาส่งช้า ข้อผิดพลาดยังเยอะไปหมด"
เหมือนว่าหัวหน้าของเธอจะโกรธอะไรเธอปานนั้น หล่อนปาเอกสารทั้งหมดใส่หน้าเธอ
"ถ้าทำได้แค่นี้คุณคงต้องกลับไปพิจรณาตัวเองใหม่"
ก็เธอทำทุกอย่างคนเดียวเลยนี่นา ถ้าทำออกมาเพอร์เฟ็คก็เกินไปแล้ว
อาชีพ :: พนักงานร้านขายของเก่า
ลักษณะการพูดจา :: เจียนหลิวเป็นคนที่น้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้มีเสียงขึ้นลงหนักเบา แต่ถ้าหากลนลานเสียงหวานก็จะเหวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เธอไม่ได้เป็นคนสุภาพขนาดนั้นและไม่ใช่คนที่มีความห้าวหาญเกินหญิง มักจะลงท้ายคำพูดด้วยคำว่าคะ ค่ะ เสมอ บางทีก็ไม่ได้ลงท้ายเวลาคุยกับคนอายุใกล้ๆกัน แต่ตอนทำงานเธอพูดตลอดนะ! และจะแทนคนอื่นว่าคุณไปเสียหมดตามประสาคนอึมครึม
"ช่ายเจียนหลิวค่ะ "
เธอโค้ง 90 องศา ดวงตากลมโตฉายแววความหม่นหมอง
เธอเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนเดิม
"ฝากตัวด้วยนะคะ"
"คุณซุยเทียน เดี๋ยวหนูเอาขยะไปทิ้งให้นะคะ"
"บอกกี่ทีแล้วว่าไม่ต้องขอบคุณ...หนูเต็มใจ"
"พี่สาวไม่เหมาะกับว่าสดใสหรอก..."
เธอทำสีหน้าหม่นหมองก่อนจะลูบหัวเด็กชายเบาๆ
"ขอโทษนะคะ...คือว่าฉันไม่ค่อยไว้ใจให้ทำงานนี้เท่าไหร่"
เธอเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางงานประชุม
ทำให้สายตาทิ่มแทงของทุกคนถูกส่งมาที่เธออย่างปิดไม่มิด
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ดวงตากลมโตฉายแววลังเลที่จะพูดต่อไป
"ถ้าดูจากการทำงานที่ผ่านมาน่ะค่ะ..." (เพราะแบบนี้ทำให้ทำงานเป็นทีมไม่รอดสักที)
"อืม...น่าสนใจ"
ดวงตากลมโตฉายแววประกายวิบวับเมื่อบังเอิญไปได้ยินเสียงเพื่อนร่วมงานเล่าถึงปริศนาห้องวิศวกรรมข้างๆ ที่เหมือนจะเจอดีเข้าราวกับมีดวงอาทิตย์โผล่มากลางก้อนเมฆครึ้ม
"วันนี้อยู่ดึกดีกว่า" เธอพึมพัมกับตัวเอง
ชอบ ::
เครื่องดื่มคาเฟอีน || ทำงานหามรุ่งหามค่ำก็ต้องกินอะไรแบบนี้หน่อย จะว่าเป็น cafaine addict เลยก็ได้
สิ่งลี้ลับ || อยู่ด้วยแล้วผ่อนคลาย
สีดำ || เธอว่ามันเหมาะกับตัวเธอดี
ธรรมชาติ || ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือดอกไม้ เธอชอบที่จะอยู่กับพวกมันมากกว่าสิ่งสังเคราะห์สมัยใหม่
ของเผ็ดๆ || คนจีนก็ต้องชอบอะไรเผ็ดๆอยู่แล้ว
ฝน || ไม่มีอะไรดีกว่าบรรยากาศครึ้มๆเย็นๆอีกแล้ว
ตุ๊กตาหน้าตาน่ากลัว || ดูแล้วไม่จั๊กจี้ใจเท่าตัวที่มันน่ารัก
ไม่ชอบ ::
อากาศร้อน || มันเหนียวตัว
หนังรัก || ดูแล้วมันจั๊กจี้
คนที่ไม่จริงจังกับอะไรซักอย่าง || เธอเห็นแล้วรู้สึกแย่
ที่เสียงดัง || มันน่ารำคาญ เลี่ยงได้ก็เลี่ยง
หนู || มันขยะแขยงแบบแปลกๆ เห็นแล้วหน้าจะเหยเกแล้วเดินหนีมันไปไกลๆ
เกลียด ::
ผักกลิ่นฉุน || เขี่ยทิ้ง
คนที่หวังแต่ผลประโยชน์ || เธอจะไม่เข้าไปใกล้
กลัว ::
อดีตแย่ๆที่มันจะหวนกลับมา || ตามประสาคนหนีความจริง
ฟ้าร้อง,ฟ้าผ่า || เธอจะตกใจและขดตัวเป็นก้อนอะไรซักอย่างใกล้ผ้าห่ม
แพ้ :: -
งานอดิเรก ::
สะสมของลึกลับ || ของเก่าๆที่ดูมีประวัติ
อ่านหนังสือ
รดน้ำต้นไม้(?)
ความสามารถพิเศษ ::
ความรู้เรื่องสิ่งลี้ลับ || อ่านมาเยอะ
กังฟู || เคยเรียนตอนเด็กๆ คุณแม่สอน
มองสิ่งไกลๆได้ชัดเจน || มองได้ไกลกว่าคนปกติ ดูเป็นความสามารถที่ไม่มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่...
เพิ่มเติม ::
-ตอนเธออายุ 28 ปี ข่าวการทำงานธุรกิจของพ่อเธอไปได้ด้วยดีแถมพ่อเธอยังแต่งงานใหม่แล้วด้วย
-เกิดวันคริสมาสต์ กรุ๊ปเลือด AB ถนัดขวา
-นอนน้อยแต่นอนนะ--เป็นคนที่นอนดึกและตื่นเช้า ทำให้ขอบตาดำไปตามระเบียบ
-ทาสหมา(?)
-ความรู้เรื่องผีเต็มเปี่ยม!
-เพื่อน = 0 คน
-สำเนียงภาษาอังกฤษแปล่งๆ
-ในตอนเวลาว่างชอบไปคุยกับเด็กๆที่สถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ จางซุยเทียน เป็นเจ้าของอยู่ ทำให้เวลาว่างเธอไม่ค่อยจะไปเที่ยวหรือสังสรรค์ที่ไหน และหลายๆคนมองว่าเธอเป็นคนแปลกๆที่เข้าออกสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าบ่อย
-ทำอาหารเป็น
JangXiuTien | จางซุยเทียน (ล่าสุด 34 ปี)
-คนเดียวที่เจียนหลิวไว้ใจมาก
-เจ้าของสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าในเมืองใหญ่
TALK CHARACTER
Quiz :: ยินดีต้อนรับเข้าสู่โปรเจคกรรมวิถีการชำระแต้มค่ะ คุณช่ายเจียนหลิวขอความกรุณาแนะนำตัวเองและอธิบายชีวิตของคุณแบบคร่าวๆ สักสามสี่ประโยคด้วยค่ะ
Ans :: เจียนหลิวสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายโยนคำถามมาให้เธอตอบ ดวงตากลมโตหันมองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างหมดทางเลือกก่อนจะแนะนำตัวออกไป "ช่ายเจียนหลินค่ะ" เธอเงียบไปสักพักก่อนเอ่ยต่อ "ชีวิตที่ไม่ค่อยมีความสุขเสียเท่าไหร่"
Quiz :: ยังมีความคิดอยากจะกลับไปมีชีวิตในโลกเดิมของตัวเองอยู่รึเปล่าคะ?
Ans :: "ไม่ค่ะ"ดวงตากลมโตฉายแววลังเลที่จะตอบคำถามนี้ก่อนจะแปรไปเป็นเสียงหนักแน่น "ถึงกลับไป ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม"
Quiz :: คิดว่าตัวเองจะสามารถนำเอาsecond changeที่ได้มาไปใช้ยังไงบ้างคะ คิดเล่นๆ ก็ได้ว่าไหนๆ ก็มีชีวิตหนที่สองแล้ว..ถึงจะเป็นโลกหลังความตายก็เถอะ..คุณอยากจะมีชีวิตแบบไหนล่ะคะ?
Ans :: เธอนิ่งไปนานสำหรับคำถามนี้ เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอพยายามใช้ชีวิตที่อยากให้เป็นอยู่เสมอ แต่ผลมันก็ไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย "คงจะเป็นชีวิตที่ฉันได้ใช้ชีวิตเป็นตัวเองล่ะมั้งคะ"
Quiz :: ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ ในข้อสุดท้ายอยากจะถามสักหน่อยว่า สมมติถ้ามีตัวเลือกให้ลบทรงจำได้ก่อนจะเข้าสูู่โปรเจค คุณต้องการให้ทางเราลบความทรงจำในช่วงไหนออกหรือคะ? อ้อ แต่จะไม่ลบก็ได้นะคะ นั่นเป็นสิทธิของคุณอยู่แล้ว
Ans :: เธอทำท่าครุ่นคิดอีกครา ลบความทรงจำ? ล้างสมอง? เป็นเรื่องลี้ลับที่น่าสนใจเสียจริง อยากลองแค่ไหนแต่ก็ไม่จะดีกว่า "ไม่ลบค่ะ"
TALK PARENT
สวัสดีค่ะชาวโลก ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ เราชื่อรันรัน หรือจะเรียกอาร์ซีก็ได้ค่ะ!
:: สวัสดีค่ะ ซัมเมอร์(เจ้าเก่า)เองค่ะ !
คำถามเบสิคมันต้องมีทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้ไม่มีหรอกค่ะ (?)--//อะแฮ่ม เรื่องของเรื่องคืออยากทราบแรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครตัวนี้น่ะค่ะ
:: ได้มาจากเพื่อนเราเลยค่ะ--คนหม่นๆหาเจอได้ทุกที่จริงๆ
สาเหตุที่เลือกคู่นี้มีอะไรเป็นพิเศษไหมคะ
:: มุคคุง มุคคุง มุคคุง มุคคง (?)
ถ้าไม่ติดมีสองทางเลือกนะคะ คือหนึ่งรับกลับ สองมาร่วมขบวนการตัวประกอบกับเรา---เลือกได้ตามสะดวกเลยค่ะ (?) ถ้าอันที่สองเลือกบทบาทที่อยากเป็นได้เลยเนอะ จะกำชับว่าอยากมาในพาร์ทไหนเป็นพิเศษก็ได้ค่ะ (ห้ามตอบตัวร้ายนะคะ! 555)
::ขอรับกลับค่ะ
อยากได้คำจำกัดความของน้องหน่อยน่ะค่ะ!
:: แมวดำที่ไม่ได้นิสัยเหมือนแมวค่ะ
เนื้อเรื่องอาจจะมีฟิลลิ่งที่ผสมๆ กันหน่อยนะคะ โดยปกติโทนมู้ดจะละมุนติดคอมเมดี้เรื่อยๆ ประสาชีวิตประจำวัน แต่ก็มีดราม่าแทรกมาช่วงๆ ตลอด แต่เรื่องตอนจบ..ไม่ต้องห่วงค่ะ อย่างน้อยในสายตาเรามันก็Happy Endเนอะ
::รออ่านเลยค่ะ XD
สุดท้ายนี้อยากบอกว่ารักยู ขอกอดสักที----/แค่ก ลล.ค่ะ 5555 ยังไงขอขอบคุณที่มาร่วมสนุกกับทางเรามากนะคะ เลิ้ป ♥
:: ขอบคุณสำหรับนิยายรับสมัครดีๆเหมือนกันค่ะ !
____________________________________________________________
____________________________________________________________
ความคิดเห็น