คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Wooyoung Special : ตอน .... ปูซานจ๋า ด้งมาแล้ว
A Special Chamber of my Heart
[ Fic 2pm : NichKhun x Wooyoung ]
ไรท์เตอร์มีตอนพิเศษมานำเสนอ
เป็น >>> Wooyoung Special <<< สำหรับผู้รักอูยองโดยเฉพาะ
ถึงแม้จะไม่ใช่ เมนด้ง ก็อ่านได้นะคะ
เพราะยังไง ๆ ในสายตาของ Hottest ทุกคน
อูด้ง อัง อัง ของพวกเราก็น่ารักเสมอเนอะ (^_^)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
A Special Chamber of my Heart
Wooyoung Special : ตอน .... ปูซานจ๋า ด้งมาแล้ว
ผมมีเวลาพักเบรคยาวประมาณ 1 เดือน .... ช่วงสัปดาห์แรกของการพักเบรก ... ผมกลับบ้านที่ปูซานครับ ก็แหม...เด็กดีอย่างผม ถ้าได้หยุดยาวอย่างนี้ สิ่งแรกที่ผมจะทำ ก็ต้องกลับไปดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านสิครับ ... จริงมั๊ย!? (( เอ !! ....ประโยคเมื่อกี้มันคุ้น ๆ เหมือนผมพูดมาแล้วรอบนึงเลย ))
แต่เหมือนผมจะนำปัญหากลับไปให้ท่านมากกว่า .... ก็พวกเพื่อนเก่าผมน่ะสิครับ ผมไม่ได้เจอพวกมันมานาน ในเมื่อมีโอกาสอย่างนี้ทั้งที ผมก็อยากจะเจอหน้าเพื่อนเก่า ได้พูดคุยกันบ้างไรบ้าง .. .ผมเลยส่งข่าวไปบอกพวกมันว่าผมจะกลับมาพักผ่อนที่ปูซานยาวเลยนะ
ผมย้ำกับพวกมันแล้วนะว่า ... อย่าบอกใครนะ ... บอกแต่เพื่อน ๆ ที่สนิท ๆ กันก็พอ
ผมจำได้ว่า ผมไม่ได้มีเพื่อนสนิทมากมายอะไรขนาดนี้นะ แค่วันแรกที่ผมเหยียบย่างกลับมาบนแผ่นดินปูซาน ตั้งแต่ที่สนามบินแล้ว ... ไม่รู้ “เพื่อนสนิทของผม” มันมีมากมายมาจากไหนไม่รู้ มาชูป้ายรอรับผมที่สนามบิน ผมเห็นท่าไม่ดี ..... ผมเลยรีบเผ่นขึ้นรถพี่สาวผม ที่มารอรับผมอยู่ก่อนแล้วทันที
บนรถ ... พี่สาวผมไม่ได้พูดคุยอะไรกับผมมากนัก .... แค่ทักทายถามสารทุกข์สุขดิบกันพอสมควร
ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะปกติผมก็โทรศัพท์มาพูดคุยกับที่บ้านเป็นประจำอยุ่แล้ว ความเคลื่อนไหวของผมที่โซลเป็นยังไง ทางบ้านผมที่ปูซานเค้ารู้ดี ก็เลยไม่มีอะไรต้องไต่ถามผมมากมายนัก
แต่พอรถเคลื่อนตัวเข้าเขตหมู่บ้านผมนี่สิครับ .... ผมก็ถึงบางอ้อ .... ว่าทำไมพี่สาวไม่ค่อยคุยอะไรกับผมเท่าไหร่
...
...
คุณคงเคยได้มีโอกาสไปงานฉลอง ... งานรื่นเริง ... ตามต่างจังหวัดใช่มั๊ยครับ
ตอนนี้บรรยากาศหน้าบ้านผม มันเป็นประมาณนั้นเลย หน้าทางเข้าหมู่บ้าน มีป้ายผ้าผืนขนาดใหญ่โตมะโหราฬ เขียนข้อความว่า
“ยินดีต้อนรับบุตรชายแห่งปูซาน กลับสู่มาตุภูมิ”
ผมไม่ได้ไปรบในสงครามโลกครั้งที่ 3 กลับมานะครับ .... ไม่ต้องยกย่องกันถึงขนาดนั้นก็ได้
ผมก็เข้าใจนะครับ ... ว่าทั้งหมู่บ้าน มีผมเป็นคนดังระดับประเทศอยู่คนเดียว ไอ้การที่จะ “เห่อ” ผมบ้างไรบ้าง ... ผมก็พอจะเข้าใจได้ .... แต่นี่มันก็มากเกินไปจริง ๆ นะครับ
สองข้างทางก็เป็นเหล่าแฟนคลับของผม ถือป้ายผ้า ลูกโป่ง แท่งไฟ เรียงรายอยู่ตลอด 2 ข้างทาง ไปจนถึงหน้าบ้านผม ผมไม่มั่นใจว่า นี่คือแฟนคลับของผมจริง ๆ หรือแค่คนในหมู่บ้าน ที่เห่อไปตามกระแสไปกับคนอื่น ๆ เค้า
ก็ดูวัยสิครับ .... ผมว่าคำว่า “อาจูม่า” ยังดูเด็กไปเลย ถ้าเทียบกับหน้าตาที่บ่งบอกอายุ ของเหล่าแฟนคลับ ที่มาตั้งขบวนรอรับผมไปจนถึงหน้าบ้าน
พอถึงบ้าน ผมก็รีบลงจากรถ กะจะกระโจนเผ่นเข้าบ้านทันที แต่มีรึจะรอดพ้นเงื้อมือปลาหมึกของเหล่าอาจูม่า ที่หวังจะสัมผัสคนดังได้ ... มือไม้ยุบยับ เอื้อมมาสัมผัสผมทุกที่ทุกสัดส่วน แต่ที่ทำให้ผมต้องสะดุ้งโหย่ง ก็คือ มืออาจูม่าคนไหนก็ไม่รู้ เอื้อมมาแตะโดนก้นผมเข้าป้าบใหญ่ แบบเต็มไม้เต็มมือซะด้วย
มีแอบบีบก้นผมด้วยนะอาจูม่า .... อย่าคิดว่าผมไม่รู้
...
...
ตลอด 3 วันที่ผมอยู่ปูซาน ผมว่าผมรับศึกหนักซะยิ่งกว่าตอนอยู่ที่โซลซะอีก ที่โซลผมยังมีผู้จัดการส่วนตัวคอยดูแลจัดการพวกแฟนคลับให้ แต่ที่นี้ผมไม่มี .... คุณพ่อคุณแม่แล้วก็พี่สาวของผม ก็เลยต้องเป็น ”ผู้จัดการจำเป็น” คอยจัดคิวแจกลายเซ็นต์ให้กับผม
ใช่ครับ ... คุณฟังไม่ผิดหรอก .... ผมกลับบ้านแทนที่จะได้พักผ่อน ผมกลับต้องมานั่งแจกลายเซ็น
และมันก็เป็นอิเว้นท์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยแจกมา ตั้งแต่ผมเดบิวส์เป็นนักร้อง
ก็แฟนคลับของผม เล่นมากันไม่เป็นเวล่ำเวลา เค้าอยากได้ลายเซ็นผมเวลาไหน อยากได้ไปให้ใคร จะญาติข้างพ่อฝ่ายแม่ พี่เขยน้องเมีย นึกขึ้นมาได้เมื่อไหร่ ก็มากดกริ่งหน้าบ้านผม
พ่อแม่ผมก็ออกแนวเกรงใจ หมู่บ้านเล็ก ๆ ในชนบทก็อย่างนี้แหละครับ .... พวกเรารู้จักกันทั้งหมู่บ้าน .... มันก็ดีนะครับระบบเนี่ย ได้พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน แต่ถ้าเผอิญ ..... ลูกชายของคุณเป็นนักร้องดังระดับประเทศเนี่ย .... ระบบนี้ ..... มันนรกชัด ๆ
ก็ถ้าผมให้ลายเซ็นต์คนนี้แต่ไม่ให้คนโน่น เดี๋ยวเค้าก็จะหาว่าบ้านผมหยิ่ง ..... ทีเมื่อก่อนไม่เห็นเป็นอย่างนี้ ..... เห็นผมมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยบ้างล่ะ ..... เมื่อก่อนยังเคยให้ขนมผมกินบ่อย ๆ ....
อย่างโน่นอย่างนี้ .... ตัดปัญหา .... ใครมาผมก็ให้ลายเซ็นต์หมดนั่นแหละครับ ..... ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า “อาจูม่า” หรือ ”อาจองชิ” คนนั้นเป็นใคร ... บ้านอยู่ไหน ..... เคยให้ขนมผมกินจริง ๆ รึเปล่า
ความอดทนของผมมาขาดผึงเอาวันที่ 3 ที่ผมอยู่ปูซาน ... คืนวันนั้น เวลาตี 2 .....
ใช่ครับตีสอง ... 2 AM ..... อยู่ดี ๆ ก็มีคนมากดกริ่งหน้าบ้านผม ผมยังไม่หลับหรอกครับ ผมเล่นอินเตอร์เนตเช็คข่าวคราวอะไรของผมอยู่ ก็ตอนอยู่โซล ผมมันก็มนุษย์ค้างคาวนอนดึกนอนเช้าอยู่แล้ว กลับมาปูซานแค่ไม่กี่วัน ผมยังปรับเวลาไม่ได้หรอกครับ
แต่พ่อแม่ผมนี่สิครับ ตกใจสะดุ้งตื่น คนต่างจังหวัดน่ะ...พอหัวค่ำหน่อยก็เข้านอนกันหมดแล้ว เวลาตี 2 นี่มันถือว่ารบกวนกันมาก ๆ เลยนะ
ผมเป็นคนเดินลงไปเปิดประตู พ่อแม่ของผมก็เดินตามลงมาดูด้วย ท่านก็คงอยากรู้เหมือนกันแหละว่า .... ใครมีธุระรีบร้อนอะไรนักหนา ต้องมากดกริ่งหน้าบ้านคนอื่นเค้าตอนตี 2 อย่างนี้
ปรากฏว่า ... เป็นคุณแม่คนหนึ่ง .... อุ้มลูกน้อยวัยยังไม่ถึงขวบ อยู่ในอ้อมกอด .... มายืนทำท่าร้อนรนอยู่หน้าบ้านผม .... ส่วนเด็กทารกในอ้อมกอดนั้น ..... ก็ร้องไห้จ๊า ..... อยู่ตลอดเวลา
ไม่นะ .... อย่านะ .... ไม่จริง ......
ผมมั่นใจว่า ผมไม่ได้ไปทำผู้หญิงที่ไหนท้อง .... ผมไม่ได้ไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนแน่นอน
ก็ผมยัง virgin อยู่เลยนิ .... ผมจะไปทำใครเค้าท้องได้ไง
ผมมั่นใจในความบริสุทธิ์ผุดผ่องของผม .... ซะยิ่งกว่าผมมั่นใจในความแมนของผมซะอีก (เอ๊ะ !! ยังไงกันด้ง.....)
ไม่ปล่อยเวลาไปนานให้ผมต้องอมพระมาพูดว่าผมยังจิ้น ..... คุณแม่คนนั้น ก็ได้เอื้อนเอ่ยวจี ขอร้องผมออกมาว่า ....
“อูยอง .... น้องช่วยร้องเพลงกล่อมลูกพี่ให้หน่อยได้มั๊ย .... ลูกพี่ชอบฟังเพลงของน้องอูยองมากเลย .... ถ้าลูกพี่งอแง พี่ก็จะเปิดเพลงของน้องอูยองให้มันฟัง .... มันก็จะหายงอแง ..... แต่นี่เปิดไปจนจบทุกแผ่นทุกอัลบั้ม ไปหลายรอบแล้ว มันก็ยังร้องไห้อยู่”
“พี่ว่า ..... ลูกพี่มันคงรู้ .... ว่าน้องอูยองกลับมาปูซานแล้ว ...... มันคงอยากฟังน้องอูยอง ... ร้องเพลงสด ๆ ... ให้มันฟัง .... มันก็เลยร้องไห้งอแงไม่ยอมหยุดอย่างนี้”
(= _ =!! อึ้งสิครับ .... ผมอึ้ง... ไม่เฉพาะผมเท่านั้นที่อึ้ง พ่อแม่ผมก็อึ้ง ... ยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ตรงนั้น .....
แล้วผมจะทำยังไงต่อไปน่ะเหรอครับ ... ตะเพิดคุณแม่คนนั้นกลับบ้านไปเลยดีมั๊ย ....
ไม่หรอกครับ .... ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก ยังไงน้องหนูคนนี้ก็เป็นแฟนคลับของผมนะครับ ..... ถึงผมจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ผมจะมีแฟนคลับอายุน้อยยยยยยยย ... ได้ขนาดนี้ T_T
คืนนั้น ... ถ้าใครผ่านไปแถว ๆ หน้าบ้านผมตอนตี 2 .... จะเห็นผม คุณพ่อคุณแม่ แล้วก็พี่สาวของผม ยืนอยู่หน้าบ้าน ร้องเพลงในอัลบั้มของผมเกือบทั้งอัลบั้ม พร้อมกับทำท่าทำทางน่ารัก ๆ ไปด้วย
ที่ต้องทำท่าน่ารักๆ เพราะต้องการจะกล่อมให้เด็กมันหยุดร้องไห้น่ะครับ
แต่มันขัดกับแนวเพลงในอัลบั้มของผมอย่างแรง .... เพลงของพวกผม มันออกแนว “อารมณ์ดิบ ๆ” อย่างเพลง I Hate You เป็นต้น ..... โดยเฉพาะเพลงนี้นะ ผมขอมอบให้กับคุณแม่ท่านนี้เลย
จัดให้จากใจ จาง อูยอง เลย
ในที่สุดน้องหนูคนนั้น ก็หยุดร้องไห้ได้ซักที ....
ผมเกือบต้องงัดเอาโปรเจคอัลบั้มหน้า มาร้องให้น้องเค้าฟังแล้วนะ ดีนะ ... ที่น้องเค้าหยุดร้องไห้ซะก่อน .... ไม่งั้นลุงผักต้องหาว่าผม เอาความลับของบริษัทมาเปิดเผยแน่ ๆ
แต่ว่าก็ว่าเถอะ .... คุณพี่ครับ .... ถ้าลูกคุณพี่ร้องไห้นานขนาดเนี่ย ..... ผมว่าคุณพี่น่าจะพาไปหาหมอดีกว่าพามาหาผมนะครับ .... ร้องไห้นานและหนักขนาดนี่ .... ผมว่าลูกพี่ อาจจะไม่สบายตรงไหนก็ได้นะครับ .....
แต่ก็ช่างเถอะ .... ผมก็ได้แต่เก็บคำถามเรื่องนั้นไว้ในใจ ..... ผมไม่เคยเป็นพ่อคน .... ไม่เคยได้เลี้ยงน้อง ก็ผมมันลูกชายคนเล็กนี่นา .... เด็กทารกอาจจะร้องไห้ขนาดนี้เป็นเรื่องปกติก็ได้....ผมไม่รู้
พอน้องหนูคนนี้หยุดร้องไห้ ผมก็ได้มาเพ่งพิจารณาหน้าตาน้องหนูเค้าชัด ๆ
เมื่อกี้ไม่ไหวครับ ... เด็กอะไรตัวเล็กนิดเดียว ... แต่ร้องเสียงแสบแก้วหูจริง ๆ
คงเป็นแฟนคลับของผมจริง ๆ นั่นแหละครับ เสียงแหลมแปดหลอดซะขนาดนี้ ^_^
น้องหนูคนนี้เป็นเด็กผู้หญิงครับ น่าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ผิวขาวอมชมพู แก้มงี้ใสเชียว น้องเค้ามีผมสีน้ำตาลอ่อน คิ้วก็สีอ่อนเหมือนสีผมเลย ขนตาก็ยาวเป็นแพ
ให้ตายเหอะ ..... ทำไมน้องเค้าหน้าตาคุ้น ๆ อย่างนี้ ..... เหมือนผมเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ...... โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ...... ไอ้ตา 2 ชั้นหลบในนี่ ..... ทำไมผมถึงรู้สึกคุ้น ๆ นะ
...
...
เมื่อรู้แล้วว่า ผมได้สร้างความลำบากให้กับคุณพ่อคุณแม่แล้วก็พี่สาวผมขนาดไหน ผมว่าผมกลับไปผจญมลพิษในโซลดีกว่า จากที่คิดว่าจะอยู่ที่ปูซาน อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ซัก 7 วัน แต่ผมอยู่ได้แค่ 3 วัน ผมก็ต้องเผ่นกลับโซลซะแล้ว
คุณพ่อคุณแม่ครับ ... จาง อูยอง คนนี้ มันลูกอกตัญญู ... สร้างแต่ความเดือดเนื้อร้อนใจให้คุณพ่อคุณแม่ .... คราวหน้าผมจะกลับมาแก้ตัวใหม่นะครับ TT_TT
ในวันที่ผมกลับโซล ก็มีการตั้งขบวนส่งผมกลับเมืองหลวงกันอย่างเอิกเกริก ส่วนไอ้พวกเพื่อนสนิทตัวจริง เสียงจริง ของผมทั้งหลายน่ะเหรอครับ ตั้งแต่ผมกลับมาปูซาน ผมยังไม่เห็นหัวพวกมันเลย สงสัยมันคงกลัวผมจะโกรธ ที่ไปขยายความลับเรื่องที่ผมกลับปูซานให้ได้รู้กันทั้งหมู่บ้าน เลยไม่ยอมโผล่หน้ามาให้ผมเห็น จนวันนี้ผมจะกลับโซลอยู่แล้ว ผมก็ยังไม่ได้เจอหน้าเพื่อนเลยซักคน
ผมกำลังจะก้าวขาขึ้นรถพี่สาว ที่จะไปส่งผมที่สนามบินแล้ว ..... อยู่ดี ๆ คนแม่คนเมื่อคืน ก็เดินเข้ามาหาผมอย่างกระหืดกระหอบ .... แน่นอนว่า ..... ในอ้อมกอดของเธอ ก็ต้องมีน้องน่ารักอยู่ด้วย
เธออุ้มน้องน่ารักเข้ามาหาผมใกล้ ๆ ... แล้วบอกผมว่า ...
“พี่ยังไม่ได้ตั้งชื่อให้ลูกพี่เลย .... มันคิดไม่ออกน่ะ .... น้องอูยองตั้งชื่อให้ลูกพี่หน่อยสิจ๊ะ”
ลูกคุณพี่อายุจะ 1 ขวบแล้วนะครับ ชื่อก็ยังไม่ได้ตั้ง .... แล้วนี่ ... คุณพี่ไปแจ้งเกิดรึยังเนี่ย (=_=!! ผมได้แต่เก็บคำถามเหล่านี้ไว้ในใจ (อีกครั้ง) ... ยังไง ๆ วันนี้ผมก็จะกลับโซลแล้ว อย่าหาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า
ผมมองไปที่หน้า ของน้องน่ารักอีกครั้ง ..... น้องเค้าก็ยังน่ารักเหมือนเมื่อคืน แต่แสงอาทิตย์ในตอนกลางวันทำให้ผมเห็นอะไร ๆ ชัดขึ้น ผิวที่ว่าขาวใสเมื่อคืน พอมันต้องแสงอาทิตย์อย่างวันนี้ ความขาวใสอมชมพู ก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจนยิ่งกว่า .... ผมสีอ่อนต้องแสงอาทิตย์เป็นประกาย ..... ขนตาที่ยาวเป็นแพ ..... ตาสองชั้นหลบในคู่นั้น .......................
“ใช่แล้ว!!
.. น้องเค้าน่าเหมือนพี่คุณนั่นเอง” ..... ผมเผลอตะโกน ออกมาเสียงดัง
คุณแม่ของน้องน่ารัก ก็ได้แต่ทำหน้าเหวอ แล้วก็ถามผมว่า
“ตกลงน้องอูยอง ตั้งชื่อลูกพี่ว่าอะไรนะจ๊ะ ?? .... อะไร คู...คู ..... พี่ฟังไม่ถนัด ”
“คุณ... ครับ.... นิค - คุณ”
“นิค คุณ” คุณแม่ของน้องน่ารักได้แต่ทวนชื่อนี้ไปมาซ้ำ ๆ มันเป็นชื่อที่แปลกมากสำหรับคนเกาหลี แต่ก็เท่ห์ดีไม่หยอก
ผมไม่รู้หรอกครับ .... ว่าแม่ของน้องน่ารัก .... ตกลงจะตั้งชื่อน้องน่ารัก ว่า “นิค - คุณ” รึเปล่า
เพราะในระหว่างที่คุณแม่ของน้องน่ารักเค้ายังงง ๆ กับชื่ออันเก๋ไก๋ ที่ผมตั้งให้น้องเค้าอยู่นั้น ผมก็เดินทางมาถึงสนามบินเรียบร้อยแล้ว
ในระหว่างที่ผมอยู่บนเครื่องบิน .... ไม่รู้ผมเป็นอะไร.... ผมนึกถึงแต่หน้าน้องน่ารัก สลับกับหน้าของพี่คุณ อยู่ตลอดเวลา
แต่ยิ่งเวลาผ่านไป มันก็จะเหลือแต่หน้าพี่คุณอยู่ในใจผมมากกว่า
ผมก็รู้จักพี่คุณมาก็ตั้งเกือบปีแล้วนะ เห็นหน้าพี่เค้าก็บ่อยแทบจะทุกวัน .... แล้ววันนี้ผมเป็นอะไรไปเนี่ย .... ผมก็ได้แต่นึกสงสัยตัวเองอยู่ในใจ
ความคิดเห็น