คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 : พี่คุณครับ ... อย่าร้องไห้ (Dont Cry My Khunny)
A Special Chamber of my Heart
Chapter 2 : พี่คุณครับ ... อย่าร้องไห้ (Don’t Cry
My Khunny)
Couple : KhunWoo # TaecJay # etc.
Rate : PG NC 17 (Up to chapter)
Genre : Drama-Romantic-Comedy (Up to Reader ^_^!)
Author : mamameya
ผมมีเวลาพักเบรคยาวประมาณ 1 เดือน .... ช่วงสัปดาห์แรกของการพักเบรก ... ผมกลับบ้านที่ปูซาน ครับ ก็แหม...เด็กดีอย่างผม ถ้าได้หยุดยาวอย่างนี้ สิ่งแรกที่ผมจะทำ ก็ต้องกลับไปดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านสิครับ ... จริงมั๊ย!?
แต่ผมอยู่ปูซานได้แค่ 3 วัน ผมก็ต้องรีบเผ่นกลับโซลแล้ว
เพราะอะไรน่ะเหรอครับ ..... เดี๋ยวผมค่อยเล่าให้ฟังก็แล้วกันนะครับ .... เรื่องมันยาว
ผมเดินทางจากปูซานมาถึงโซลโดยสวัสดิภาพครับ .... พี่คุณมารับผมที่สนามบิน .... จะให้ไอดอลอย่างผม ขึ้นแท็กซี่ มันก็กระไรอยู่ .....
แล้วทำไมพี่คุณต้องมารับผมน่ะเหรอครับ ... แล้วผู้จัดการส่วนตัวของผมหายไปไหนกันหมด
จะไปไหนกันได้ล่ะครับ .... ก็ตาม 3 หน่อ สมาชิกคนอื่น ๆ ของผมไปกันหมดน่ะสิ
ผู้จัดการส่วนตัว...สไตล์ลิส ...ช่างแต่งหน้าทำผม ...ฯลฯ...ในบริษัท JYPE มีเท่าไหร่ ก็กระจัดกระจายกันไปตามกองถ่ายต่าง ๆ กันหนดน่ะสิครับ ทั้งกองถ่ายรายการวาไรตี้ของพี่แทค กองถ่ายละครย้อนยุคของหมีชาน
ส่วนของพี่เจย์ ถึงแม้จะเป็นการประกวดแข่งเต้นบีบอย แต่ก็เป็นการแข่งเต้นบีบอยระดับประเทศนะครับ ... ไม่ใช่ถ้วยงานวัดไก่กายูเรก้า ...... ถ้าพี่เจย์เกิดชนะขึ้นมา ก็จะเป็นหน้าเป็นตาให้กับบริษัท เพราะฉะนั้น ต้องส่งคนไปดูแล ส่งข้าวส่งน้ำกันหน่อย
ส่วนผมน่ะเหรอครับ ... ผมมันก็แค่ไอดอลตกงาน ... ไม่มีคนสนใจ .... ยิ่งผมกลับมาโซลกะทันหันก่อนกำหนดอย่างนี้ .... ผมโทรหาผู้จัดการส่วนตัวของผมแต่ละคน ... ไม่มีใครรับสายผมเลย โทรหาพี่แทค พี่เจย์ หมีชาน พวกเค้าก็ไม่รับสายผม
แต่อันนี้ผมเข้าใจนะครับ ... ผมไม่โกรธ ... พวกเค้าคงกำลังทำงานกันอยู่ และผมก็กลับมาโซลกระทันหันไม่ได้บอกพวกเค้าไว้ล่วงหน้า
ก็มีแต่พี่คุณคนดีของผมนี่แหละครับ
ที่ยังพอจะเหลียวแล สนใจ ลูกเจี๊ยบแก้มอูม ๆ อย่างผมบ้าง
...
...
แต่วันนี้พี่คุณเงียบผิดปกติแฮะ .... ปกติพี่คุณเป็นคนร่าเริงสนุกสนาน ยิ่งอยู่กับผมนะ เราแทคทีมกันเป็นคู่หูคู่ฮา แหย่คนโน้นคนนี่ไปทั่ว
ดวงตากลมโตเป็นประกายของพี่คุณ ที่ใครได้เห็นก็ต้องหลง แต่วันนี้มันดูหมอง ๆ ชอบกล ใบหน้าที่เคยขาวใส วันนี้ก็ยังขาวนะ แต่มันดูซีดเซียวยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูก
“พี่คุณไม่สบายรึเปล่าครับ??” นี่คือบทสนทนาแรก ตั้งแต่ผมก้าวขึ้นรถพี่คุณมา
“เอ่อ!! ..... พี่ปวดหัวนิดหน่อย ..... แต่ไม่เป็นไรมากหรอก” พี่คุณฝืนยิ้มจาง ๆ กลับมาให้ผม
“ถ้าพี่คุณไม่ค่อยสบาย ให้ผมขับแทนมั๊ยครับ” ถึงผมจะไม่ค่อยได้ขับรถเท่าไหร่ เพราะผมมีผู้จัดการส่วนตัวคอยขับรถให้ แต่ผมก็มีใบขับขี่แล้วนะ และผมก็มั่นใจว่า.... ผมขับรถเก่งพอตัว
“อืมมมมม ..... เอาอย่างนั้นก็ได้ พี่ก็รู้สึกปวดตาอยู่เหมือนกัน”
หลังจากที่เราสลับตำแหน่งกันแล้ว .... บรรยากาศในรถ ก็มีแต่ความเงียบบบ ..... ผมก็ได้แต่ขับรถไป .... พี่คุณก็ได้แต่นั่งนิ่ง ๆ ดวงตาเหม่อมองไปข้างหน้าแบบไม่มีจุดหมาย
ผมเอื้อมมือไปเปิดวิทยุ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ทำลายความเงียบอันสุดแสนจะเยือกเย็นในรถ ดีเจก็เปิดเพลงไปเรื่อยๆ เป็นเพลงเร็วบ้างช้าบ้าง สลับกันไป บรรยากาศในรถเหมือนจะดีขึ้นนิดหน่อยในความคิดของผม
แต่พอถึงช่วงเบรกเข้าข่าว นอกจากข่าวสารต่าง ๆ ที่สถานีวิทยุนำเสนอมาให้ผู้ฟังได้รับรู้เรื่องราวความเป็นไปของบ้านเมืองแล้ว สถานีวิทยุช่องนี้ ยังมีข่าวบันเทิงแถมท้าย ให้ได้เป็นอรรถรสแก่ผู้ฟังอีกด้วย
“โอ้ยยยยย ..... ข่าวด่วนข่าวร้อนเจ้าค๊าาาาา .... ท่านผู้โช้มมมมม ..... “ เสียงคนรายงานข่าวบันเทิงแต๋วได้ใจ
“คิมจุนซู ..... ทายาทเจ้าของกิจการสิ่งทออันดับหนึ่งของประเทศ .... ประกาศแต่งงานสายฟ้าฟาดเจ้าค๊า ...... อันนี้สาวน้อยสาวใหญ่ ก็คงได้แต่นั่ง น้ำตาเช็ดหัวเข่า กันเป็นทิวแถว ......”
“งานแต่งนี้คงจะใหญ่โตอลังการ .... เพราะเจ้าสาว “ยุนอึนเฮ” ก็เป็นถึงลูกสาวเจ้าของโรงแรมชื่อดังอันดับหนึ่งของประเทศ มีโรงแรมระดับ 5 - 7 ดาวในเครือมากมาย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
. เรือล่มในหนองทองจะไปไหนใช่มั๊ยเจ้าค๊า”
“แต่ขอเม้าท์ค่ะ .... ขอเม้าท์ .... ไปแอบคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะเนี๊ยยยย.... ทำไมเจ๊ไม่รู้ .... คนดังระดับเซเลป อย่างคุณคิมจุนซู กับ คุณยุนอึนเฮ จะคบจะเดทกันทั้งที ทำไมมันถึงช่างเงียบเชียบเยี่ยงเน้.....”
”เอ๊ะ!! หรือมันจะมีลับลมคมใน ... หรือเราอาจจะได้ชื่นชมทายาทตัวน้อยๆ ของ 2 คนนี้ ในเร็วๆวันนี้ก็ได้นะคะ โฮะๆๆ .... รึข่าวลือที่ว่า กิจการโรงแรมของครอบครัวคุณยุนอึนเฮมีปัญหาจะเป็นเรื่องจริง .....บลา ... บลา .... บลา ......”
เสียงยัยเจ๊เม้าท์ก็ยังคงเม้าท์ข่าวด้วยความเมามันต่อไป
ตอนนี้ผมรู้แล้ว .... ว่าทำไมวันนี้พี่คุณถึงได้หน้าซีดเซียวเหมือนคนไม่สบายอย่างนี้
ผมเอื้อมมือไปกดปิดวิทยุ .... ตอนนี้ผมตระหนักแล้วว่า .... บางทีความเงียบงัน .... มันก็ยังดีกว่าเสียงยัยเจ๊เม้าท์นั่น ... แต่กว่าผมจะรู้ตัว ก็สายเกินไปซะแล้ว T_T
ผมมองไปทางพี่คุณ .... ก็เห็นพี่คุณปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนล้า .... ผมว่าผมควรสงบปากสงบคำไว้ ไม่พูดอะไรเลยจะดีกว่า เพราะยังเจ๊เม้าท์นั่น พูดมามากเกินพอแล้ว
และแล้ว ผมก็ขับรถกลับมาถึงคอนโด ..... แต่เป็นคอนโดของพี่คุณนะ .... ไม่ใช่คอนโดของผม
จริง ๆ แล้วผมควรจะขับรถไปที่คอนโดของผม .... เพราะนี่มันรถของพี่คุณ .... พี่คุณเป็นคนไปรับผมที่สนามบินเพื่อจะมาส่งผมที่คอนโด
แต่คุณจะให้ผมทิ้งให้พี่คุณ ขับรถกลับคอนโดคนเดียวได้ยังไง .... ในเมื่อพี่คุณยังมีอาการแบบนี้ .... นี่ขนาดรถจอดสนิทอยู่ใต้คอนโดพี่คุณตั้งนานแล้วนะ ... พี่คุณยังไม่รู้ตัว .... ยังไม่มีทีท่าว่าจะลืมตาขึ้นมาดูเลย
ผมรู้ .... ว่าพี่คุณไม่ได้หลับ .... ก็ลูกตากลมโตยังคงกลอกกลิ้งไปมา อยู่ในเปลือกตาที่ปิดสนิทอยู่นั้น
แผงขนตายาวงอนไหวระริก ..... เปลือกตาปิดเม้นแน่น ...... พี่คุณคงพยายามจะสกัดกั้นน้ำตาอยู่
ตั้งแต่ผมรู้จักพี่คุณมา ผมยังไม่เคยเห็นน้ำตาของพี่คุณเลยซักหยด .... เห็นหน้าหวาน ๆ อย่างนี้ ... พี่คุณเป็นคนเข้มแข็งจะตาย .... กลับกลายเป็นพี่เจย์สุดห้าวเป้งของเราซะอีก .... ที่ยังแอบมีน้ำตาให้เห็นอยู่บ้างเวลาเจอเรื่องหนักหนาเข้าจริง ๆ ในชีวิต ..... ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอกครับ ..... ก็เรื่องวงของพวกเรานั้นแหละ พี่เจย์เค้าเป็นลีดเดอร์ บางทีเค้าก็แอบแบกปัญหาไว้คนเดียวไม่ยอมบอกน้อง ๆ ร้องไห้ก็ไม่เคยให้พวกเราเห็น ไปแอบร้องเงียบ ๆ คนเดียว แต่พวกผมมันพวก “รู้มาก” ครับ .... ไปแอบเห็นเข้าจนได้
...
...
เราสองคนนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในรถอย่างนั้นอยู่นาน .... แต่นี่มันก็ชักจะนานเกินไปแล้วนะครับ ผมว่าผมเรียกพี่คุณดีกว่า
ผมเอื้อมมือไปแตะต้นแขนพี่คุณเบา ๆ พร้อมกับเรียก .... “พี่คุณครับ”
พี่คุณลืมตาขึ้นมาช้า ๆ ดวงตาพี่คุณแดงกล่ำ แต่ผมไม่เห็นหยดน้ำตาแม้แต่หยดเดียว
“พี่ขอโทษด้ง .... ขับไปที่คอนโดของด้งเถอะ...พี่ขับรถกลับมาที่นี่เองได้ ... ไม่ต้องห่วง”
พี่คุณฝืนยิ้มกลับมาให้ผมอีกแล้ว ... ผมไม่ชอบเลย
“ไหนๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้วนี่ครับ ขึ้นไปคอนโดพี่คุณก่อนเถอะ วันนี้พี่เจย์ไปร่วมแถลงข่าวงานแข่งบีบอย นี่ก็น่าจะใกล้จบงานแล้ว เดี๋ยวผมค่อนโทรหาพี่เจย์ให้มาแวะรับผมที่คอนโดพี่คุณก็ได้ ...”
“และอีกอย่าง... ผมว่าพี่เจย์น่าจะอยากมาเจอพี่คุณด้วยแหละ” ประโยคสุดท้าย ผมพูดเสียงเบาหวิว .... ผมว่าถ้าพี่เจย์ได้รู้ข่าวเรื่องการแต่งงาน พี่เจย์น่าจะเป็นห่วงพี่คุณอยู่ไม่น้อย
พี่คุณยกมือเรียวขาวขึ้นมาลูบหัวผม
พี่คุณชอบทำอย่างนี้เสมอ เวลาพี่คุณเอ็นดูผม หรือเวลาที่ผมทำอะไรให้พี่คุณถูกใจ .... และผมก็ชอบนะ มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นดี
ระหว่างที่พวกเรารอลิฟท์ ผมก็สังเกตเห็นพี่คุณยืนเซ ๆ เหมือนจะล้ม ผมรีบเข้าไปประคองพี่คุณทันที
“พี่คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“พี่มึน ๆ นิดหน่อย ไม่เป็นไรมากหรอก”
“มาเถอะครับ ... รีบขึ้นห้องกันเถอะครับ” ผมพูดพลางประคองพี่คุณขึ้นลิฟท์ไป
เมื่อมาถึงห้องพี่คุณ ผมรีบพาพี่คุณไปนั่งที่โซฟา แล้วรีบไปเอาน้ำมาให้พี่คุณดื่ม
“พี่คุณ ... ทานน้ำก่อนซักหน่อยนะครับ”
พี่คุณจิบน้ำนิดหน่อย ... แล้วก็เอนตัวพิงโซฟา หลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า
“พี่คุณบอกปวดหัว กินยาซักหน่อยมั๊ยครับ .... ว่าแต่พี่คุณทานข้าวบ้างรึยัง .... เดี๋ยวผมทำอะไรง่าย ๆ ให้กินมั๊ย” ผมถามอย่างพยายามเอาใจ .... แต่พี่คุณก็ยังเงียบ ....
ผมเข้าใจพี่คุณนะ ... ผมว่าผมไม่รบกวนพี่คุณดีกว่า
เจอพี่คุณโหมดเศร้าเข้าไป ... ผมก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันแหละครับ (=_=!!
ในเมื่อพี่คุณไม่ตอบอะไร .... ผมก็ถือวิสาสะว่า พี่คุณอนุญาตก็แล้วกัน .... จริง ๆ ตัวผมเองก็หิวอยู่เหมือนกัน วันนี้ผมตื่นมันซะเที่ยง ก็เลยต้องรีบกุลีกุจอ ออกจากบ้านมาให้ทันเครื่องบิน ยังไม่ได้กินอะไรเลย นี่ก็บ่ายแก่ ๆ เข้าไปแล้ว
ผมเดินไปที่โซนห้องครัวของคอนโดพี่คุณ ..... ผมมาห้องพี่คุณบ่อยครับ ...... ผมรู้หมดแหละว่าอะไรอยู่ตรงไหน
ผมหยิบนมออกมาจากตู้เย็น กะว่าจะเวฟร้อน ๆ ให้พี่คุณดื่ม แล้วก็จะทำรามยองใส่ไข่ให้พี่คุณ (กับผม) กิน .... แค่นี้ก็หรูจะตายแล้วครับ .... อย่ามาหวังอะไรกับผมเลย .... ผมมันคนทำกับข้าวไม่เป็นน่ะครับ
ผมเอื้อมมือไปเปิดตู้เก็บของเหนือตู้เย็น .... ที่ผมรู้ว่า ..... พี่คุณมักจะซื้อพวกมาม่า ปลากระป๋อง หรือของแห้งต่าง ๆ มาเก็บไว้ตรงนี้
ผมกะจะหยิบรามยองออกมาซัก 2-3 ห่อ แต่มือเจ้ากรรมก็ดันพลาด รามยองห่อนึงก็เลยตกลงมากระแทกเข้ากับกรอบรูป ที่วางอยู่บนตู้เย็น
กรอบรูปอันนั้น ... ก็เลยตกลงมากระทบพื้นแตก!!
ไอ้ด้งเอ๊ยยยย ...........จะมาซุ่มซ่ามอะไรกันตอนนี้ ......
แล้วไอ้กรอบรูปที่ตกลงมาแตกน่ะ .... มันดันเป็นรูปที่พี่คุณถ่ายกับพี่จุนซูตอนเรียนอยู่ด้วยกันที่อเมริกาซะด้วย....
ให้มันได้อย่างนี้สิ .... กรอบรูปในห้องพี่คุณที่ถ่ายกับคนอื่นมีตั้งมากมาย ดั๊นนนน...ไม่แตก ... มาแตกเอารูปนี้ .... แล้วก็กับสถานะการณ์ตอนนี้เนี่ยนะ ...
พระเจ้าคร๊าบบบบ.....จะกลั่นแกล้งจาง อูยอง ไปถึงไหนคร๊าบบบบบ
. TT__TT
...
...
พี่คุณที่ได้ยินเสียงเหมือนอะไรแตก ... ก็เลยลืมตาตื่น ผงกหัวขึ้นมาดู .... แล้วก็เดินมาหาผมที่ห้องครัวด้วยความเป็นห่วง
พอพี่คุณเห็นว่าเป็นอะไรที่แตก
.
พี่คุณถึงกับหยุดชะงักนิ่ง ... แววตาเศร้าสร้อยมองดูรูปที่บิดเบี้ยว เพราะกระจกที่แตกทำให้ภาพออกมาเป็นอย่างนั้น
ผมยืนตัวแข็งทื่อ ... เอาแต่จ้องหน้าพี่คุณอย่างทำอะไรไม่ถูก .... แต่พี่คุณก็ไม่ได้ว่าอะไร
พี่คุณยืนมองรูปที่แตกอยู่ชั่วครู่ ...แล้วพี่คุณก็นั่งลง เก็บเศษกระจกที่แตกอย่างเงียบ ๆ
พอผมได้สติ .... ผมก็รีบเข้าไปช่วยพี่คุณเก็บเศษกระจก ปากก็บอกว่า “ขอโทษ ๆ” อยู่อย่างนั้น .... แต่พี่คุณก็ไม่ได้พูดอะไรซักคำ
ผมรีบวิ่งไปเอาไม้กวาด กับที่โกยผง .... พอกลับมา ผมก็เห็นพี่คุณยืนถือกรอบรูป (ที่ตอนนี้ไม่มีกระจกแล้ว T_T )
พี่คุณยืนจ้องรูปนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้นซักพัก....หลังจากนั้นพี่คุณก็เอารูปกลับไปวางไว้บนตู้เย็นที่เดิม....แต่คว่ำหน้าไว้....แล้วพี่คุณก็กลับไปนั่งหลับตาที่โซฟาเหมือนเดิม
ผมรีบวางไม้กวาดกับที่โกยผงไว้กับพื้น .... แล้วก็วิ่งแจ้นไปที่ห้องนั่งเล่น ไปนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นตรงโซฟาที่พี่คุณนั่งอยู่
ผมเอามือน้อย ๆ ของผมทั้งสองข้าง จับเข้าที่เข่าของพี่คุณข้างหนึ่ง แล้วก็เขย่า ๆ ให้พี่คุณลืมตา ปากก็บอกว่า “ขอโทษ...ขอโทษ” อยู่ตลอด
“พี่คุณครับ...ผมขอโทษ...ผมไม่ได้ตั้งใจ...ผมมันคนซุ่มซ่าม...ต่อไปผมจะระวังให้มากขึ้น..... ผมขอโทษนะครับ .... ผมขอโทษ....ผม....ผม.....”
“ไม่เป็นไร พี่ไม่โกรธหรอก พี่รู้ว่าเราไม่ได้ตั้งใจ” พี่คุณยิ้มให้ผมนิด ๆ แล้วก็เอามือลูบหัวผมอย่างเอ็นดู
“จริง ๆ นะครับ....พี่คุณไม่โกรธผมจริง ๆ นะครับ”
พี่คุณพยักหน้าให้ผม มือก็ยังลูบหัวผมอยู่อย่างนั้น
ผมเอาแก้มอูม ๆ ไปถูกับหัวเข่าพี่คุณอย่างเอาอกเอาใจ เป็นการขอบคุณ ที่พี่คุณไม่โกรธผม
พี่คุณหัวเราะอยู่ในคอเบา ๆ เอามือจากที่ลูบหัวผมอยู่ มาบีบที่แก้มของผมเบา ๆ ทั้งสองข้างแล้วว่า
.
“พี่ว่าด้งไปทำอาหารต่อดีกว่านะ เดี๋ยวพี่ขอนอนพักตรงนี้สักหน่อย แล้วอย่าทำอะไรตกแตกเลอะเทอะอีกละ” ไอ้ตรงคำว่าตกแตกเลอะเทอะเนี่ย พี่คุณบีบแก้มผมซะแรงเชียว
ว่าแล้วพี่คุณก็เหยียดตัวลงนอนไปตามความยาวของโซฟา ผมรีบไปเอาหมอนเล็ก ๆ มาให้พี่คุณไว้หนุนนอน
“ผมจะทำอาหารสุดฝีมือเพื่อพี่คุณเลยครับ .... Fighting!!” ผมก็ได้แต่พูดกับตัวเองอยู่ในใจ
...
...
ผมกลับไปที่ห้องครัว จัดการเก็บกวาดเศษกระจกที่เหลืออยู่ให้สะอาดหมดจด ดูให้แน่ใจว่า ไม่เหลือเศษแก้วแล้วจริงๆ หลังจากนั้นผมก็กลับไปอาหารต่อ
เนื่องจากผมทำผิดต่อพี่คุณ ผมก็เลยคิดว่า จะทำอาหารเพิ่มขึ้นมาอีกซักเมนู ....
เอาเป็น “ข้าวผัดกิมจิ” แล้วกัน
แค่นี้ก็ Special สุด ๆ แล้วครับ .... ผมบอกแล้วไง อย่ามาหวังอะไรกับผม
เพราะว่าต้องทำอาหารเพิ่มขึ้นอีก “ตั้ง” หนึ่งเมนู ผมก็เลยใช้เวลาในการทำอาหารนานไปนิดส์นึง ... กว่าจะเสร็จก็หัวค่ำเข้าไปแล้ว
“พี่คุณคร๊าบบบ ... เสร็จแล้วคร๊าบบบ ... ทานข้าวกันเถอะคร๊าบบบ...” ผมตะโกนเรียกพี่คุณจากห้องครัว มือก็ยังสาละวนกับการจัดโต๊ะอาหาร
“พี่คุณคร๊าบบบบบ.......” ผมตะโกนเรียกไปอีกเป็นครั้งที่ 2 และ 3 .... แต่พี่คุณก็ยังเงียบ
...
...
ผมเดินไปหาพี่คุณที่ห้องนั่งเล่น พี่คุณก็ยังคงนอนอยู่บนโซฟาตัวยาวอยู่เหมือนเดิม
ผมชั่งใจอยู่ว่า...จะปลุกพี่คุณดีมั๊ย??... หรือจะปล่อยให้พี่คุณพักผ่อนต่อดี .... แต่พี่คุณยังไม่ได้กินยาเลยนี่นา ... ผมว่า ผมปลุกพี่คุณขึ้นมากินข้าวดีกว่า
“พี่คุณครับ” ..... ผมเขย่าปลุกพี่คุณเบา ๆ
พี่คุณลืมตาขึ้นมาช้า ๆ ... ผมแปลกใจที่พี่คุณตื่นขึ้นมาทันที และไม่มีทีท่าว่าจะง่วงงุ่น แต่อย่างไร .... แสดงว่าเมื่อกี้พี่คุณไม่ได้หลับ แค่หลับตาเฉย ๆ
“ด้ง มานั่งนี่สิ” ... พี่คุณเอามือตบที่เบาะโซฟา ตรงตำแหน่งที่หมอนที่พี่คุณหนุนนอนอยู่
ผมก็นั่งลงตรงนั้นอย่างว่าง่าย “เหมือนโดนสะกด” ... อาจจะเป็นเพราะแววตาเศร้า ๆ ของพี่คุณที่ผมไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักก็ได้ ... ตอนนี้พี่คุณสั่งให้ผมอะไร ผมก็ทำตามหมดแหละ
พี่คุณยันตัวเองขึ้นเล็กน้อย .... เอาหมอนออกให้ผมได้นั่งได้
พอผมนั่งแล้ว ... พี่คุณก็ใช้ตักผมเป็นหมอน แทนใบที่พี่คุณเอาออกไป
“พี่ขออยู่อย่างนี้ซักพักนะ”
....
....
พี่คุณนอนหลับตาอยู่บนตักผม ... ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วมุ่นอยู่เป็นระยะๆ ปากแดงหยักเม้มแน่น ... ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งๆ ก้มมองหน้าหล่อๆ ของพี่คุณอยู่อย่างนั้น
ผมรู้ว่าพี่คุณเสียใจเรื่องพี่จุนซู ... แต่ผมก็ไม่รู้จะปลอบยังไง ... กลัวยิ่งพูดจะยิ่งแย่ ... แค่เรื่องกรอบรูปที่ผมทำแตก ผมก็ไปตอกย้ำพี่เค้ามากพอแล้ว
เวลาที่ผมเสียใจ หรือท้อแท้ใจ พี่คุณจะคอยอยู่เป็นกำลังใจให้ผมเสมอ ... คอยซื้อไอศครีมมาให้ผมกิน ... หาหนังมาให้ผมดู ... แล้วก็ยังอยู่นั่งดูเป็นเพื่อนผม เพื่อให้ผมหายเศร้า
แต่พอพี่คุณมีความทุกข์ขึ้นมาบ้าง ผมทำอะไรให้พี่คุณไม่ได้เลย แถมยังสร้างเรื่องขึ้นมาอีก .... จาง อูยอง น้องของพี่คนนี้ มันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ
...
...
ผมเผลอเอามือขึ้นมาลูบหัวพี่คุณตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะผมคิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย
ผมมารู้ตัวอีกที ... ก็ตอนที่พี่คุณลืมตาขึ้นมามองหน้าผม
ตอนนั้นผมตกใจนิดหน่อย เพราะผมกำลังจ้องหน้าหล่อ ๆ ของพี่คุณอยู่อย่างเคลิ้ม ... อยู่ดี ๆ พี่คุณก็ลืมตาขึ้นมา
มือของผมที่กำลังลูบหัวพี่คุณอยู่ หยุดชะงักกลางอากาศ
ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร เหมือนร่างกายของผมมันทำงานเองอัตโนมัติไปหมด สติของผมไม่รู้มันไปเที่ยวเล่นที่ไหน ไม่ได้อยู่ช่วยควบคุมร่างกายของผมเลย
อยู่ดี ๆ ก็มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยของพี่คุณ
มือผมที่ชะงักอยู่กลางอากาศ ก็ค่อย ๆ เลื่อนลงมาเช็ดน้ำตาให้พี่คุณ
ร่างกายผม มันทำงานอัตโนมัติอีกแล้ว
มือผมคอยซับน้ำตาให้ ทั้งที่หางตา ทั้งที่ข้างแก้ม ยิ่งเวลาพี่คุณหลับตา น้ำตามันก็ยิ่งไหลมากขึ้นไปอีก จนบางทีมันก็ไหลเลยลงไปจนถึงริมฝีปากแดงสวย
นิ้วมือผมก็ตามไปซับน้ำตาให้ทุกที่
แต่ยิ่งซับเท่าไหร่ น้ำตาก็เหมือนจะยิ่งไหลออกมามากขึ้น
ตอนนี้ดวงใจของผมเหมือนถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น มันบีบรัดแน่น จนผมแทบจะหายใจไม่ออก
ตั้งแต่ผมรู้จักพี่คุณมา .... ผมยังไม่เคยเห็นพี่คุณร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียว
แต่ตอนนี้ความทุกข์นั้น มันคงเจ็บปวดแสนสาหัส .... จนเกินกว่าที่หัวใจพี่คุณจะรับไหว .... พี่คุณถึงต้องมีน้ำตาออกมา
ผมไม่อยากเห็นพี่คุณร้องไห้เลย ... ยิ่งพี่คุณร้องไห้ ... หัวใจผมเหมือนยิ่งถูกบีบแรงขึ้น
...
...
อยู่ดี ๆ น้ำตาของผมก็ไหล .... แล้วก็ร่วงเผาะลงไปกระทบกับผิวแก้มแดงใสของพี่คุณ
ดวงตาชื้นฉ่ำไปด้วยน้ำตาของพี่คุณลืมขึ้นมามองผมอย่างตกใจ พี่คุณลุกขึ้นนั่ง เอามือทั้งสองข้างโอบที่แก้มอูมๆ ของผม ประคองใบหน้าที่ก้มงุด ๆ ของผมให้เงยขึ้น
“ร้องไห้ทำไม” พี่คุณถามผมพลางใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างเช็ดน้ำตาให้ผม
“ก็ผมไม่อยากเห็นพี่คุณร้องไห้นี่ .... ฮึกๆ ...ฮือออออออออออออออ...................”
ตอนนี้กลายเป็นผมที่ร้องไห้หนักยิ่งกว่าพี่คุณซะอีก ผมว่าพี่คุณคงได้แต่อึ้ง ๆ งง ๆ ว่า...ตกลงใครมันอกหักกันแน่ฟ่ะ
ผมร้องไห้จนตัวโยน ทั้งน้ำมูก น้ำตาไหลมั่วไปหมด พี่คุณต้องหยิบทิชชูมาช่วยซับน้ำตา (และน้ำมูก)ให้ผม เพราะลำพังนิ้วมือของพี่คุณ คงรับไปไหวกับอาการเขื่อนแตกของผมตอนนี้
จนเวลาผ่านไป ผมก็ยังคงมุ่งมั่นร้องไห้มันต่อไป ยิ่งพี่คุณปลอบ...ผมก็ยิ่งร้อง จนพี่คุณทำอะไรไม่ถูกแล้วตอนนี้ ทิชชูก็กำลังจะหมดม้วน
พี่คุณซึ่งไม่รู้จะทำยังไงกับอาการบ่อน้ำตาแตกของผมก็เลยดึงตัวผมเข้าไปกอด
พี่คุณกอดปลอบผม ... ลูบหัว ลูบหลังผมป้อยๆ ... ปากก็พร่ำบอกว่า ... “พี่หยุดร้องไห้แล้วน้า...ทำไมอูยองไม่หยุดร้องไห้บ้างล่ะครับ”
...
...
ใช่ครับ ... พี่คุณหยุดร้องไห้ไปตั้งนานแล้ว แล้วก็อาจจะลืมไปแล้วว่า ตัวเองกำลังอกหักรักคุดอยู่ เพราะมัวแต่มาปลอบเด็กขี้แย ที่อยู่ดี ๆ ก็บ่อน้ำตาแตกขึ้นมาซะอย่างนั้น
จนทิชชูม้วนที่สองใกล้จะหมด ผมถึงหยุดร้องไห้ได้ ... แก้มกับตาของผมที่ปกติมันก็อูมอยู่แล้ว ตอนนี้มันอวบอูมยิ่งกว่าเดิมอีกเป็นร้อยเท่า หน้าตาผมตอนนี้มันดูไม่ได้เลย ถ้าแฟนคลับมาเห็นเข้าคงตกใจ คิดว่าผมไปโดนผึ้งที่ไหนต่อยหน้ามา
ยิ่งมองไปที่เสื้อสเวตเตอร์ของพี่คุณ ที่ตอนนี้มันเกรอะกรังไปด้วยคราบน้ำตา แล้วก็ขี้มูกของผม ถ้าใครไม่รู้คงคิดว่าพี่คุณไปเดินตากฝนมา เพราะมันทั้งชื้นทั้งแฉะ ก็มันโดนสายน้ำตาของผมกระหน่ำตกใส่แบบไม่ยั้งนี่ครับ
...
...
พี่คุณใช้มือข้างหนึ่งเชยคางของผมขึ้น มืออีกข้างก็กำลังใช้ทิชชูซับน้ำมูก น้ำตาของผมที่มันยังหลงเหลืออยู่ มือข้างที่เชยคางผมไว้ จับหน้าผมหันซ้ายหันขวา เพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่มี “เศษขี้มูก” หลงติดอยู่ที่ตรงไหน
ผมก็ได้แต่นั่งนิ่ง ๆ ให้พี่คุณทำ ... มีสะอื้นขึ้นมาบ้างเป็นระยะๆ ... ตาบวม ๆ ของผม ก็ได้แต่มองหน้าพี่คุณ ที่ถึงแม้จะผ่านการร้องไห้มาเหมือนกับผม แต่มันก็ยังดูดี ... จมูกกับแก้มมีแดงขึ้นมานิด ๆ ...
ปากก็แดงแล้วก็อิ่มขึ้น ดูท่าทางน่าอร่อย ...........
จ๊อกกก...จ๊อกกกก....โครกกกก....ครากกกก ......... มากันครบทุกเสียง
เสียงท้องของผมเองครับ ... มันร้องแล้ว ... ผมก็ลืมไปว่าผมยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า มัวแต่ดราม่าอยู่กับพี่คุณ ท้องมันก็เลยประท้วง
พี่คุณพอได้ยินเสียงท้องผมร้องเสียงดัง ... พี่คุณก็มองหน้าผม ... แล้วก็ค่อย ๆ หัวเราะออกมา จนตอนนี้พี่คุณฮาจนท้องคัดท้องแข็ง จนต้องเอามือกุมท้อง
ไม่รู้พี่คุณฮาเสียงท้องผมร้อง หรือพี่คุณขำหน้าบวม ๆ ของผมกันแน่ เพราะก่อนหน้านี้พี่คุณก็มัวแต่เช็ดขี้มูกขี้ตาให้ผม จนอาจจะไม่ได้มองใบหน้าของผมแบบเต็ม ๆ ก็ได้
“ฮะ..ฮะ...ฮะ....ด้งไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำเถอะ เดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเสื้อ แล้วเรามากินข้าวกัน...5555+” พี่คุณยังคงหัวเราะต่อไปไม่หยุดยั้ง ขนาดตอนที่พี่คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้อง ทั้ง ๆ ที่ประตูก็ปิดอยู่ แต่ผมก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะของพี่คุณเล็ดลอดออกมา
“เออ...ใช่ซี๊....” (เวลาอ่านกรุณาลากเสียงยาวๆ สูงๆ ตาม จะได้อารมณ์มากขึ้น ^_^)
“หน้าตาผมมันตลก ไม่ได้หน้าหวานน่ารัก เหมือนพี่จุนซูนี่ ... เรารึเห็นพี่คุณเศร้าอุตส่าห์เศร้าด้วย ... ทีตอนนี้ล่ะนะ ...
เชอะ!!
เห็นเราเป็น หม่ำ จ๊กม๊ก รึไง”
ผมเดินไปที่ตู้เย็นจะไปเอาน้ำแข็งมาช่วยประคบหน้า หน้าจะได้หายบวมเร็วขึ้น ด้วยความที่อารมณ์เสีย เลยปิดประตูตู้เย็นซะแรงจนตู้เย็นสั่น รูปพี่จุนซูที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนตู้เย็น ก็เลยทำท่าว่าจะตกลงมาอีกรอบ ................
แต่ก็ไม่ตก
โด่ววววว ... .... แน่จริงก็ตกลงมาอีกเด่ะ!! ..... คราวเนี่ยจะไม่สนแล้ว ...... รูปแฟนใครก็ตามมาเก็บเอาเองละกัน ......
เชอะ!! โดนเค้าทิ้งแล้วยัง ..........” ผมก็ได้แต่บ่นอุบอิบของผมอยู่คนเดียว แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป
- To be Continue
------------------------------------------------------------------------
Writer Talk : กลับมาแล้วนะคะกับตอนที่ 2 (Don’t Cry
My Khunny)
ความสัมพันธ์ของพี่คุณกับพี่จุนซู ยังไม่เคลียร์ใช่มั๊ยคะ
พี่เค้าไปรักกันตอนไหน รักกันมากรึเปล่า
ถ้ารักกันมาก ... แล้วทำไมพี่จุนซูถึงไปแต่งงานกับคนอื่นล่ะ
แล้วกระด้งน้องกลอยใจของเราล่ะ ... พี่คุณเคยมีใจให้บ้างมั๊ย
แล้วเด็กด้งของเราจะมาแนว “น้องสนิทคิดไม่ซื่อรึเปล่า”
แอร๊ยยย...อยากรู้กันแล้วล่ะสิ
ถ้าอยากรู้ก็อย่าลืมติดตามอ่านต่อตอนหน้านะคะ ทุกอย่างจะกระจ่างใจมลมากขึ้น
อย่าลืมคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์ด้วยนะคะ
ไรท์เตอร์ต้องการกำลังใจอย่างแรง ... อย่างแรง
แค่คอมเม้นท์ว่า ... "ได้เข้ามาอ่านแล้วค่ะ" ... ก็ยังดี
ไรท์เตอร์แค่อยากรู้ว่า ... "จะมีคนอ่านเรื่องนี้รึเปล่านะ" ... หรือแค่หลงคลิกเข้ามาเฉยๆ
แต่ถ้าคอมเม้นท์มากกว่านั้นได้ จะเป็นกำลังใจมาก ๆ เลยนะคะ
ไรท์เตอร์จะได้มีแรงเขียนสวีทซีน ให้กระด้งน้อยของเราเยอะ ๆ ไงค่ะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่เม้นท์เข้ามาในตอนที่แล้วนะคะ เป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์ได้มาก ๆ เลยค่ะ
ความคิดเห็น