คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ลมหายใจ
ฉันเขยื้อนหนังตา ค่อยขยับ ปรับแรงหนังตา ค่อยๆ ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภาพมืดไปชั่วขณะ
จนม่านตาปรับแสงให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ ฉันมองดู มองดูที่ข้อมือ มองดูที่ข้อเท้า มองไป
รอบๆ รอบตัว รอบๆข้างของฉัน ฉันทำได้เพียงแค่นั้น กลิ่นเหม็นอับลอยโชยมาเตะจมูก มัน
เป็นกลิ่นอับชื้นผสมปนเป กับกลิ่นของเสีย กลิ่นอายแห่งความสกปรก
กลิ่นที่ฉันไม่ชอบเอาเสียเลย
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฉันเปิดประตูออกไปสู่โลกภายนอกในยามรัตติกาล ดวงจันทร์สีเหลืองอร่ามลอยเด่นอยู่ท่ามกลาง
พื้นสีดำ เพียงแค่เรามองขึ้นไป ฉันสงสัยว่า จะมีจริงรึเปล่า ตำนานที่ใครเคยบอก
คนที่เป็นมนุษย์หมาป่า เมื่อเห็นดวงจันทร์เต็มดวง แล้วจะต้องกลายร่างเป็นสัตว์ เดียรัจฉาน หน้าขน
ตัวขน มีเล็บยาว ฟันทุเรศ น้ำลายหยาดเยิ้ม
ฉันยิ้มกับความคิดความเชื่อที่ใครหลายคนไม่เชื่อ ฉันยิ้มให้กับคนที่เป็นมนุษย์หมาป่าจริงๆ
สิ่งมีชีวิตเพศผู้ตัวหนึ่งกำลังเดินทาง ท่ามกลางความมืด ภายใต้แสงไฟสลัวๆ ตอนราตรี มีเสียง
หายใจ เฮือก... หลายเฮือก ติดต่อกันหลายที ลมที่ผ่านเข้าทางจมูกและถูกปลดปล่อยออกมาอย่าง
รุนแรง เป็นต้นกำเนิดเสียง ฟื่ด...ฟาด.. จนฉันพบว่า ตัวฉันกำลังเหนื่อย
ฉันยังหายใจด้วยความแรงอย่างไม่หยุด ฉันยังเหนื่อยไม่หาย มันเป็นความเหนื่อยระคนความหวาดหวั่น
บางอย่าง
ฉันพาร่างกายอันสะบักสะบอม กับลมหายใจถี่ๆ ผ่านมาในตรอกเล็กๆ ตรอกหนึ่ง ฉันคิดว่าที่นี่คงจะ
เป็นที่ ที่ดีที่สุด ที่ฉันจะหนีมันพ้น
หรือบางทีฉันอาจจะเข้าไปหลบที่ใดสักแห่ง ภายในตรอกนี้
ฉันใช้สายตาทั้งสองดวงจ้องเข้าไปในทัศนภาพเบื้องหน้า เห็นเพียงที่แคบๆ ความกว้างประมาณ 1
เมตรกว่า ข้าวของระเกะระกะ มีแต่ขยะ กับกล่องกระดาษ เศษพลาสติก กระป๋อง กระแป๋ง เศษไม้
เศษเหล็ก อะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด ฉันไม่สนใจ คิดเพียงแต่ว่า ฉันต้องพยายามหลบหนีมันให้ได้
เบื้องหน้า
มันไม่มีแสง ไม่มีเสียง ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ฉันเห็นแต่ความมืดอยู่เบื้องหน้า มันทำให้ฉันเริ่มหวาดกลัว
จนต้องเงยหน้ามองดวงจันทร์ ฉันไม่ได้ต้องการชื่นชมดวงจันทร์ แต่ฉันต้องการแสงจากมัน แสงที่พอจะ
ฉายทาง ลบความมืดออกไป แต่ยิ่งฉันพยายามมองออกไปเบื้องหน้า ฉันกลับไม่เห็นอะไรเลย
มีเพียงจุดที่ฉันยืนอยู่เท่านั้น ที่ยังมีแสงจากดวงจันทร์ พอตกกระทบให้ฉันเห็นภาพอันเลือนลาง
มันกำลังตามมา.. ฉันได้ยิน เสียงฝีเท้าของมัน กับการโห่ร้องของมัน ม่านเสียงของมัน แหวกผ่านมา
จนทำให้ ความเงียบที่อยู่ในหูของฉันอัตรธานหายไป ไม่ได้แล้ว...ฉันยังอยู่ที่เดิมไม่ได้ ฉันต้องเดินเข้า
ไป เข้าไปในนั้น แม้ฉันจะไม่เห็นอะไรเลย ฉันก็ต้องเดินเข้าไป ฉันต้องเข้าไป
ฉันกำลังสาวเท้าอย่างช้า.. ช้า .. พยายามทำใจให้สงบลง ถึงความเหนื่อยล้า ของฉันยังไม่หมด แต่
มันก็ลดลงไปมาก ลมหายใจของฉันเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ฉันยังคงเดินต่อ ทว่าความมืดทำให้ฉันหลับตา
ปี๋ ไม่คิดจะมองข้างหน้า ฉันไม่ได้นอนมาสามวันแล้ว หากฉันจะหลับตาบ้างก็คงดี ถึงมันจะไม่ใช่การ
หลับก็เถอะ มันคงพอจะเรียกได้ว่า การพักผ่อนดวงตาระยะสั้นๆละมั้ง !
ฉันสะดุดกับของแข็ง ฝ่าเท้าของฉันเตะกับมันเข้า เสียงการกระทบกันดัง แกร๊ง!! สะท้อนกับกำแพง
ทั้งสองข้างอีกหลายที กังวาลไปในความเงียบ มันทำให้ดวงตาของฉันเปิดขึ้นโดยสัญชาตญาณ ราวกับ
หัวใจของฉันหล่นลงไปกองที่ฝ่าเท้า ฉันตกใจ เกือบจะเผยอปากอุทานอะไรบางอย่าง
แต่พอปากเริ่มอ้าออก สมองฉันก็หยุดมันไว้ได้ทัน เสียงในคอก็ไหลกลับสู่ที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉันรู้ ว่ามันต้องได้ยินแน่ๆ มันกำลังตามฉันมาอยู่ เพราะฉันก็ได้ยินเสียงน่ารังเกลียดของมัน มันคง
ห่างจากฉันไปไม่กี่ร้อยเมตร ฉันต้องรีบแล้ว ฉันต้องพาตัวเองไปให้ไกลที่สุด ฉันเริ่มสาวเท้าแรงขึ้น
เร่งขึ้น รีบขึ้น แต่ก็พยายามไม่ให้ฝ่าเท้ากระทบกับพื้นจนทำให้เกิดเสียง ฉันต้องใช้ความเร็ว
ในความเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
ฉันก้าวอย่างไม่หยุดไม่หย่อน จนฉันเริ่มตระหนักว่าตัวเองกำลังเหนื่อย เสียงลมหายใจของฉันจึงเริ่ม
ดังขึ้น ๆ แต่ในไม่กี่เสี้ยววินาที ฉันก็ได้กลิ่นอัปลักษณ์ พร้อมกับเสียงแห่งความน่ารังเกียจ
มันตามมาเร็วเหลือเกิน
ฉันต้องหนี แม้ฉันจะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม ฉันวิ่งให้สุดฝีเท้า สุดกำลัง ฝ่าออกไปตรงดิ่งท่ามกลาง
ความมืด ถึงมันจะมองไม่เห็นก็เหอะ ฉันยอมเสี่ยง
ดีกว่าที่ฉันจะถูกมันหาเจอ
ฉันเริ่มจะไม่ไหวแล้ว ร่างกายของฉัน มันล้าเหลือเกิน แข้งขาอ่อนแรง ฉันหนีมันมาตลอดเวลา
จนเรี่ยวแรงของฉัน หมดไป ฉันค่อยๆล้มลง ฝ่ามือทั้งสอง
ยันกับพื้นไว้ แล้วค่อยๆปล่อยตัวลงทาบพื้นอย่างช้าๆ ฉันนอนอยู่อย่างนั้น ฉันพยายามลุกขึ้น แต่มันลุก
ไม่ไหว ฉันไม่มีแรง ฉันไม่มีแรงเหลือแม้แต่นิดเดียว
ร่างกายของฉันนิ่ง ไร้การตอบสนองใดๆทั้งสิ้น เหมือนกับว่า ร่างกายของฉันสิโรราบต่อมันแต่โดยดี
ฉันคงจะต้องถึงจุดจบแล้ว .....
หัวใจของฉัน กำหราบร่างกายไว้ไม่ได้ ต่อให้ใจฉันมันจะสู้แค่ไหนก็เถิด ร่างกายของฉันไปต่อไม่ไหว
ฉันคงได้แต่นอนรอมันอย่างเงียบๆ
ม่านตาของฉัน ปิดลง รอคอยมันอย่างสงบ
และแล้วมันก็ตามฉันมาจนเจอ...
ฉันรู้สึกได้ ฉันลืมตาขึ้น มองเข้าไปในดวงตาเป็นประกายของมัน มันก็มองฉัน สายตาของฉันกับมัน
จ้องใส่กัน ไม่มีเสียงใดๆทั้งสิ้น เราอยู่ในมิติความมืดที่เงียบสงัด แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกรุนแรงที่ทั้ง
ดวงตาทั้งสองคู่กำลังก่อสงครามขั้นต้น
อาวุธของมันเริ่มถูกหยิบออกมาจากเอว ปลายด้ามจ่อติดกับหนังศีรษะของฉัน บดขยี้กดลงมา
อย่างไม่ใยดี
"ไอ้สัตว์! .. " มันทำลายความเงียบ
ฉันไม่ตอบ มองมันด้วยดวงตาอาฆาต แววตาของฉัน เชื่อเถอะว่า ความร้อนแรงในตอนนั้น คงไม่แพ้
แววตาของมันกับคำหยาบคายของมันแน่นอน
มันตบด้ามมีดเข้ามาที่ศีรษะของฉันอย่างจัง หัวกะโหลกของฉันถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนมีน้ำสีแดง
ขุ่นๆ ไหลมาปริมาณหนึ่ง
แปะ แปะ แปะ! เลือดตกกระทบกับเสียงพื้น ฉันอัดอั้นความรู้สึกเจ็บปวดไว้เต็มกบาล โดยที่ไม่มีเสียง
ร้องออกมาจากปากฉัน แม้แต่นิดเดียว
ฉันยังมองมันอยู่อย่างนั้น มองพร้อมกับเลือดที่ไหลเข้าตา ฉันไม่สนกับความเจ็บปวดของศีรษะ ไม่
สนกับความแสบของดวงตา ฉันจะมอง จะมองมัน มองด้วยแรงอาฆาต เท่าที่คนอย่างฉันพอจะมี
กลิ่นเลือดของฉันปนเปกับกลิ่นอายแห่งความอัปยศของตัวเอง ฉันทำอะไรไม่ได้ ฉันได้แต่ใช้สายตา
จู่โจม ทั้งๆที่มันเป็นวิธีคิดของคนโง่ๆ มันไม่สะทกสะท้านอะไรหรอก มันก็มองฉันด้วยแววตาแบบนั้น
เหมือนกัน
อั๊ก..! อั๊ก! อั๊ก! มันฟาดเท้าเข้าที่ตัวฉันหลายที ความรู้สึกแปล๊บขึ้นมาที่ท้องเหมือนมีแรงดันมหาศาล
อัดแน่นกับบริเวณหน้าท้อง ฉันปวด ปวดมาก จนต้องเอามือมากุมท้องไว้ เกลือกกลิ้งกับพื้นหวังจะให้
ความเจ็บปวดทุเลาลง
มันปล่อยหมัดเข้ามาซ้ำที่จุดต่างๆของร่างกายฉัน ฉันไม่รู้ว่าจุดไหนบ้าง เพราะมันมากมายเหลือเกิน
ฉันเอามือขึ้นมาป้องไว้ แต่ก็ไม่สามารถทัดทานแรงของมันได้ ฉันเจ็บปวด เกลือกกลิ้งอีกครั้ง หลับตาปี๋
เอามือปกป้องตัวเองไว้ ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย
เท้าของมันเล่นงานต่อจากหมัด กระแทกกระทั้นบดขยี้ฉัน ราวกับว่าฉันเป็นแมลงสาปให้เหยียบ ให้
กระทืบ ฉันดิ้นพล่านไม่เป็นสุข เพราะความเจ็บปวดมันมากมายจริงๆ แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บ และมันก็ยิ่งสร้าง
ความเจ็บปวดให้ฉันอย่างไม่หยุดหย่อน
ฉันเริ่มไม่กล้ามองตามันแล้ว ฉันเบือนหน้าก้มลงดูร่างกายตัวเอง ที่ที่รอยแผลแห่งความเจ็บปวดเต็ม
ไปหมด มันเงื้อง้ามีดขึ้นมาในอากาศ แล้วฟาดฟันลงมาที่ฉันอย่างแรง เสียงมีดแหวกอากาศดังดูน่ากลัว
อย่างกับสัตว์ร้าย ฉันรวบรวมแรงที่มีผลักตัวออกให้ห่างมีดเล่มนั้นมากที่สุด
ฉันหลบไม่พ้น มีดเฉือดเฉือนเนื้อหนังกำพร้าหลังของฉันเป็นรอยแยกขวางเฉียง ทางยาว เลือดในตัว
ฉันแยงกันทะลักออกมาตามประตูแผล กายของฉันแดงฉาน เคลือบไปด้วยกลิ่นโลหิต
ฉันทนไม่ไหวแล้ว
โอ๊ยยยยยยยยยยย........
ฉันโอดคราญด้วยความเจ็บปวดทุรนราย ชีพจรของฉันเต้นช้าลง สายตาสลึมสลือ ร่างกายเริ่มไร้ซึ่ง
ความรู้สึก ฉันกำลังจะสงบลงในความมืด
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฉันเขยื้อนหนังตา ค่อยขยับ ปรับแรงหนังตา ค่อยๆ ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภาพมืดไปชั่วขณะ
จนม่านตาปรับแสงให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ ฉันมองดู มองดูที่ข้อมือ มองดูที่ข้อเท้า มองไป
รอบๆ รอบตัว รอบๆข้างของฉัน ฉันทำได้เพียงแค่นั้น กลิ่นเหม็นอับลอยโชยมาเตะจมูก มัน
เป็นกลิ่นอับชื้นผสมปนเป กับกลิ่นของเสีย กลิ่นอายแห่งความสกปรก
กลิ่นที่ฉันไม่ชอบเอาเสียเลย
มันมองมาที่ฉัน
อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!................ ฉันทุรนทุรายเจียนตาย สะบัดตัวกระเด็นอยู่ใน
อาณาบริเวณ เลือดเจิ่งนองเต็มพื้น
ฉันเหม็นกลิ่นเลือดตัวเอง!
ความคิดเห็น