คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4
บทที่ 4
..........................................................................................................................................................................................
ไอรยาเดินเชิดเข้ามาในงานอีกครั้ง ภายในงานเวลานี้แขกเริ่มทยอยกลับกันแล้วจึงเหลือผู้ร่วมงานไม่มากนัก คุณอรุณีหันมาเห็นลูกสาวเดินเข้ามาสมทบจึงดึงแขนมากระซิบถามบางอย่าง
“ลูกไปไหนมา...รู้มั้ยว่าคุณวัชจะกลับแล้ว”
“หรือคะ...” หญิงสาวแปลกใจเมื่อหันมองกานต์ธวัชซึ่งยืนอยู่ข้างคุณวิกานต์และยังมีคนอื่นๆ เตรียมตัวคล้ายกำลังจะกลับเช่นกัน
“คุณวัชจะกลับแล้วหรือคะ” เธอหันมาถาม
“ครับ...ผมเดินทางมาเหนื่อยๆ อยากพักผ่อน คุณไอซ์ยังไม่กลับหรือครับ” เขาตอบเสียงเรียบ ยิ้มเล็กน้อยให้เธอ
“ไอซ์ก็กำลังจะกลับเหมือนกันค่ะ...” หญิงสาวบอกพลางสะกิดแขนมารดาให้รู้ คุณอรุณีจำต้องเอ่ยลาคุณวิกานต์และทุกคน
“ถ้างั้นผมไปส่งนะครับ”
กานต์ธวัชเอ่ยขึ้นพลางเดินออกมาส่งหญิงสาวที่รถ ส่วนคุณอรุณียืนคุยอยู่กับคุณวิกานต์ถ่วงเวลาสักครู่เพื่อให้ทั้งสองได้พูดคุยกัน
“คุณไอซ์เข้าวงการนานหรือยังครับ” กานต์ธวัชเอ่ยถามขณะเดินช้าๆ เคียงข้างกันมายังลานจอดรถ ไอรยาหันมายิ้มหวานให้เมื่อเขาถามคล้ายสนใจเธอมากขึ้น
“ก็ไม่นานหรอกค่ะ ไอซ์เพิ่งเข้าวงการปีกว่าๆ นี่เอง...คุณวัชไม่อยากเข้าวงการบ้างหรือคะ”
กานต์ธวัชส่ายหน้ายิ้มๆ “คงไม่หรอกครับ ผมขี้อายไม่กล้าแสดงออกเท่าไหร่”
“ไม่เห็นแปลกเลยนี่คะ เมื่อก่อนไอซ์ก็ขี้อายเหมือนกัน แต่เพราะใจรักงานด้านเดินแบบก็เลยลองเข้ามาทำดู”
“นับว่าเป็นพรสวรรค์ที่ประทานให้คุณไอซ์นะครับ”
เมื่อเดินมาถึงรถ กานต์ธวัชจึงยืนรอคุณอรุณีซึ่งกำลังเดินตามหลังมาไกลๆ ชายหนุ่มมองใบหน้าขาวนวลเนียนของเธออย่างค้นหา ไอรยาไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่เลยเหมือนครั้งที่เขาเคยมองรุจิภาครั้งนั้น ทว่าเขาคงไม่กล้าล้อเล่นกับความรักเหมือนในอดีตอีกแล้ว...นึกแล้วชายหนุ่มก็สะท้อนภาพของรุจิภาในความทรงจำ ในวันนี้เธอมีคนอื่นไปแล้ว เขาล่ะมีใครบ้าง...เมื่อนึกเช่นนี้เขาคงต้องพิจารณาหญิงสาวตรงหน้าให้ดียิ่งขึ้นเพราะทุกอย่างในตัวเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่นเลยและก็คงไม่อาจเปรียบเทียบกับรุจิภา ด้วยผู้หญิงทุกคนมีความงามในตัวเสมอ บางทีการที่เขาตัดสินใจเลือกเธอมาเป็นคนรักคงพอจะทำให้ลืมความหลังกับรุจิภาในไม่ช้า หากก็ยากจะทำใจเหลือเกิน
ร่างสูงมองหน้าของไอรยานิ่งๆ แววตาอ่อนโยนจนหญิงสาวรู้สึกอายจนหน้าแดงไปหมด แล้วชายหนุ่มก็เอื้อมมือมาปัดปอยผมที่รุ่ยระแก้มนวลของเธอออกเบาๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัสแก้มของไอรยากลับทำให้กานต์ธวัชรู้สึกตัวกลับมา
“ผม...เอ่อ...” เขาทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
“ไม่เป็นไรค่ะ...คุณแม่มาพอดี”
กานต์ธวัชเหลียวกลับไปมองก็เห็นร่างอวบอั๋นของคุณอรุณีเดินยิ้มแย้มมาแต่ไกล ชายหนุ่มหันกลับมามองหญิงสาวสวยตรงหน้าอีกครั้งพร้อมกับล้วงบางอย่างในกระเป๋าเสื้อส่งให้เธอ
“นามบัตรของผมครับ”
ไอรยารับมาด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณนะคะที่มาส่ง...” เธอยิ้มหวานส่งท้าย
เมื่อคุณอรุณีเดินมาถึง กานต์ธวัชจึงไหว้ล่ำลาและรอจนกระทั่งรถยนต์ของไอรยาแล่นออกจากลานจอดรถนั่นล่ะเขาจึงเดินไปยังรถยนต์ของตัวเองซึ่งคนขับรถยืนรออยู่...อย่างน้อยการได้รู้จักไอรยาก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เขาควรจะเปิดใจยอมรับความจริงและเรียนรู้หญิงสาวคนอื่นอย่างเช่นรุจิภาเปิดใจรับนพรุจเข้ามาในหัวใจ ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ใจและทำให้ความรักเกิดขึ้นมาก็ตาม
..........................
รถยนต์หรูของนพรุจแล่นไปตามท้องถนนยามราตรี ตั้งแต่ขึ้นรถมาด้วยกันชายหนุ่มสังเกตเห็นรุจิภาเอาแต่นั่งมองริมถนนไม่พูดไม่จาอะไรอีกราวกับมีเรื่องไม่สบายใจตลอดเวลา ชายหนุ่มพอเข้าใจว่าคงเป็นเรื่องกานต์ธวัช เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าทั้งสองจะเคยรู้จักกันมาก่อน
เรื่องของอดีตทุกคนย่อมมีไม่ต่างกัน แต่สำหรับนพรุจแล้วกลับคล้ายมีบางอย่างค้างคาใจเขาอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่คบกับรุจิภามาสองปี ดูเหมือนความรักของทั้งสองราบเรียบไม่มีอะไรตื่นเต้นเร้าใจเท่าไหร่ ความรู้สึกบางอย่างทำให้ใจของชายหนุ่มกระหวัดไปถึงนางแบบสาวอย่างไอรยา...ไอรยาเป็นสาวมั่นนางแบบน้องใหม่ไฟแรงและดูมีเสน่ห์เย้ายวน ยิ่งกว่านั้นดูมีชีวิตชีวาเป็นไหนๆ นั่นคงไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะเลิกกับรุจิภา เธอยังมีประโยชน์กับเขาหลายอย่าง
“ภา...ภาครับ” นพรุจหันมาเรียกหญิงสาวที่นั่งข้างๆ มองออกไปนอกหน้าต่างเงียบทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย
“คะ!”
“พี่ทำให้ภาตกใจหรือเปล่าครับ” เขาถามอย่างสงสัย
“เปล่าค่ะ...มีอะไรหรือคะ”
“พี่เห็นภาเงียบๆ ไป งานวันนี้ไม่สนุกหรือครับ”
“ก็...สนุกดีนี่คะ” เธอแสร้งตอบ ทั้งที่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร
นพรุจไม่เชื่อคำพูดของเธอง่ายๆ อย่างนั้นหรอกเพราะท่าทางมันฟ้อง เขาเหลือบมองหน้าขาวซีดของเธออีกครั้งก่อนเอ่ยขึ้น
“พี่รู้ว่าภาคงไม่สบายใจเรื่องคุณกานต์ธวัช...” ชายหนุ่มเว้นระยะพลางเหลือบมองสังเกตอากัปการของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยต่อ “พี่ไม่ยักรู้ว่าภาก็รู้จักลูกชายของคุณลุงวิกานต์มาก่อน”
รุจิภาได้ยินนพรุจเอ่ยเช่นนั้นก็ชักไม่สบายใจ
“ก็แค่คนเคยรู้จักกันเท่านั้นเองค่ะ”
“จริงหรือครับ” นพรุจเลิกคิ้วหันมาถาม
“พี่รุจไม่เชื่อภาหรือคะ...” เธอเริ่มไม่สบายใจกว่าเดิมเมื่อรู้สึกคล้ายนพรุจกำลังถามเพื่อจับผิดมากกว่าอยากรู้
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ พี่แค่สงสัยเพราะเห็นคุณวัชอยู่กับภาก็เท่านั้น...ว่าแต่ภาเคยคบกับเขาใช่ไหมครับ”
หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่เงียบไม่ตอบคำถามใดอีก...นพรุจเหลือบมองซีกหน้าของเธอพลางส่ายหน้าช้าๆ คล้ายกับว่าผิดหวังเหลือเกินเมื่อรู้อดีตของเธอ
“ถ้าพี่รุจจะถามภาเรื่องนี้อย่าพูดดีกว่าค่ะ ทุกอย่างระหว่างภากับเขาเป็นอดีตไปแล้ว...ปัจจุบันภาไม่ได้รักใครนอกจากพี่รุจ”
ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็ใจชื้นขึ้นพลางเอื้อมมากุมมือขาวซีดของเธอบีบเบาๆ
“พี่ขอบใจที่ภารักพี่ พี่ก็รักภานะครับ อีกไม่นานภาก็จะเป็นเจ้าของร้านอาหารแล้ว ตอนนี้พี่กำลังศึกษาดูงานกับเพื่อน ว่าจะเปิดร้านอาหารแบบไหนดีและก็ยังหาทำเลไม่ลงตัว เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเราจะแต่งงานกัน พี่จะให้ภาดูแลกิจการร้านอาหารของเราทั้งหมดเลย...ดีไหมครับ”
รุจิภามิได้เอ่ยคำใดนอกจากหันมายิ้มน้อยๆ ให้กับชายคนรัก มันเป็นความฝันที่นพรุจวาดไว้นานแล้วตั้งแต่คบกันมา เขาพร่ำบอกเธอเสมอว่า ทุกอย่างเมื่อสร้างขึ้นมาแล้วจะให้เธอเป็นคนดูแลและเป็นแม่ศรีเรือนคอยดูแลสามีที่ดีอย่างเขา หญิงสาวก็คิดเช่นนั้นเพราะเธอพอมีฝีมือเรื่องทำอาหารอยู่บ้าง แต่ก็ผ่านมาเกือบสองปีแล้วที่เขาพูดเรื่องนี้โดยที่เธอไม่เคยเห็นร้านอาหารสักครั้ง และก็บ่อยครั้งที่เขานำเงินน้ำพักน้ำแรงของเธอไปลงทุนกับเพื่อนทำโน่นทำนี่แต่ก็ขาดทุนตลอด ครั้นเธอเอ่ยถามเรื่องเงินลงทุนของเขา นพรุจก็มักจะอ้างโน่นอ้างนี่ตลอดเช่นกัน โดยเฉพาะเงินที่คุณสุรสิน บิดาของเขาทิ้งเป็นมรดกไว้ให้ก่อนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งถุงน้ำดีเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเงินก้อนใหญ่นี้มารดาของเขาเป็นคนดูแลทั้งหมด...นพรุจบอกเธอเสมอว่าเงินทั้งหมดอยู่ในเงื่อนไขของพินัยกรรมที่บิดาเขียนเอาไว้จึงไม่สามารถเบิกมาใช้ง่ายๆ
อีกครู่ใหญ่นพรุจก็มาส่งรุจิภาถึงบ้านแล้วเขาก็กลับทันที หญิงสาวยืนมองตามรถยนต์ของคนรักแล่นออกไปจนลับตาจึงเข้าบ้าน ภายในบ้านเงียบสงัดเพราะบิดาและมารดาเข้านอนแล้ว หญิงสาวจึงเข้าห้องนอนเพื่อพักผ่อนเช่นกันเพราะเวลานี้ดึกมากแล้ว
ร่างบางผลัดผ้าอาบน้ำเสร็จก็สวมชุดนอนปะแป้งเรียบร้อย ครั้นปิดไฟนอนแล้วกลับนอนไม่หลับเมื่อภาพกานต์ธวัชที่เธอเห็นในวันนี้วิ่งวุ่นในหัวตลอดทั้งที่ความทรงจำระหว่างเธอกับเขานั้นเลือนรางไปแล้ว ถ้าไม่เพราะได้เจอเขาในวันนี้ทุกอย่างคงไม่กลับมาทำร้ายตัวเองอีกครั้ง
นึกแล้วร่างบางที่นอนซุกกายใต้ผ้าห่มก็ได้แต่ทอดถอนใจยืดยาว อยากจะลืมกลับจำ เธอได้แต่หลับตาลงอย่างยากลำบาก ถึงแม้จะลืมเขาไม่หมดจากหัวใจ แต่สักวันเธอต้องลืมให้ได้
เวลาเดียวกันนั้น กานต์ธวัชซึ่งเดินทางกลับมาถึงคฤหาสน์และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็นอนไม่หลับเช่นกัน ชายหนุ่มจึงออกมายืนมองดวงดาวริมระเบียงห้องนอนอยู่ลำพัง ในคืนเดือนดับดวงดาวฉายแสงเรืองรองระยับเต็มท้องฟ้าชี้ทางเดินให้ผู้หลงทางรู้ทิศ แต่สำหรับเขาแล้วกลับไม่รู้แม้ทิศทางหัวใจตัวเองว่าจะไปทางไหนดีในเวลานี้
รุจิภายังอยู่ในใจเสมอ...เมื่อนึกถึงเรื่องราวเมื่อหลายปีที่ยังเรียนร่วมสถาบันกับหญิงสาว ความทรงจำดีๆ ก็ยังทำให้เขามีรอยยิ้มแต้มใบหน้า แต่เมื่อความทรงจำดีๆ เหล่านั้นถูกทำลายเพราะตัวเขาเองเป็นคนทำกลับทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดไม่น้อย
นึกแล้วชายหนุ่มก็ได้แต่ถอนใจยาว ความรักมีอะไรมากกว่าที่เขาคิดเสมอ เช่นกับเมื่อครั้งที่เขาหลงรักขวัญมุกสุดหัวใจและก็ทำผิดพลาดมหันต์จนทั้งสองเข้าหน้ากันไม่ติด แต่ทุกอย่างเธอก็ให้อภัย มันคงเป็นความผิดพลาดของวัย เวลานั้นเขาเป็นหนุ่มน้อยที่อารมณ์ร้อน ไม่ได้คิดอะไรเพียงต้องการความรักจากหญิงสาวเท่านั้น แต่ความรักที่เขารู้จักไม่ใช่ความรักที่แท้จริง ความรักที่เกิดขึ้นเป็นเพียงภาพของความหลงใหลกลบกลืนให้เข้าใจอย่างนั้นมากกว่า...แต่สำหรับรุจิภาแล้ว ไม่ใช่ความหลงเหมือนครั้งขวัญมุก...ความรักที่เกิดกับเธอเป็นความรักแท้จริงที่เขาเป็นคนทำร้ายมันกับมือตัวเองแล้วก็ผิดพลาดมาจนถึงทุกวันนี้
นึกแล้วร่างสูงก็ได้แต่เสียใจ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาอยากจะแก้ตัวสักครั้งให้สมกับที่เธอเคยรักเขา...แต่ก็คงจะยากเต็มทีในเมื่ออดีตของรุจิภาก็เคยเจ็บปวดที่คนรักต้องเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุอันเลวร้ายเช่นกัน
“ผมจะทำอย่างไรดี หัวใจของผมเจ็บปวดเหลือเกิน...”
ร่างสูงได้แต่รำพึงกับตัวเองเบาๆ ราวกับคนจนหนทางแก้ไข หากจู่ๆ คำพูดของกานต์ธรก็แวบเข้ามาในหัวให้เขาได้คิด ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป เธอมีคนใหม่แล้วซึ่งก็คงจะยากถ้าจะหวนกลับมารักกันอีกคราหนึ่ง...เขาควรทำใจให้ยอมรับความจริงเสียทีถึงแม้มันจะเจ็บปวดสักเพียงใดก็ตาม
ความคิดเห็น