คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3
บทที่ 3
..........................................................................................................................................................................................
ร่างบางของเกศเกล้าเดินกลับเข้ามาในงาน กานต์ธรนั่งคุยอยู่กับแขกร่วมโต๊ะโดยมีลูกชายวิ่งเล่นอยู่แถวนั้นหันมาเห็นผู้เป็นภรรยาเข้ามานั่งใกล้ๆ จึงหันมาถามอย่างสงสัย
“ไปไหนมาหรือครับ”
“เกศพาคุณภาไปเข้าห้องน้ำค่ะ”
“แล้ว...เจอเจ้าวัชหรือเปล่าครับ” กานต์ธรเอ่ยถามเบาๆ ด้วยไม่อยากให้เป็นเรื่องวุ่นวายถ้าหากนพรุจได้ยิน
เกศเกล้าเหลือบมองไปทางนพรุจที่นั่งคุยหัวเราะอย่างมีความสุขกับไอรยาแวบหนึ่งก่อนจะหันมาตอบสามีสุดที่รัก
“เจอค่ะ...เกศไม่รู้จะทำยังไง คุณวัชต้องการคุยกับคุณภาสองต่อสอง”
“งั้นหรือครับ...” เขาตอบได้เท่านั้นก็ได้แต่ถอนใจยาว เกศเกล้าเอื้อมมาบีบมือสามีเบาๆ
“อย่าคิดมากเลยค่ะธร อาจจะไม่มีอะไรอย่างที่เราคิดก็ได้”
“ผมก็ขอให้เป็นอย่างนั้น”
ชายหนุ่มบอกพลางมองไปทางนพรุจที่คุยจ้ออยู่กับไอรยาราวกับเป็นหนุ่มโสดก็ไม่ปาน นี่หรือคือแฟนของรุจิภา ถ้าหากเป็นแฟนกันเขาน่าจะเทคแคร์เธอมากกว่านี้ด้วยซ้ำไป แต่ดูท่าทางแล้วผู้ชายคนนี้เจ้าชู้ไม่เบาเหมือนกัน...ขณะเดียวกันนั้น คุณนันทพรที่นั่งคุยอยู่กับคุณวิกานต์และคุณอรุณีได้แต่เหลือบมองนพรุจลูกชายอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก เพราะท่าทางลูกชายสนิทสนมกับไอรยาเกินงามเสียแล้ว ทั้งที่มากับรุจิภา เมื่อมีโอกาสนางจึงลุกเดินเข้าไปใกล้ลูกชายที่ยืนคุยอยู่กับไอรยามุมหนึ่งในงานแล้วกระซิบบอกบางอย่าง นพรุจจำต้องขอตัวจากไอรยาเพื่อออกไปดูรุจิภาที่ไปเข้าห้องน้ำอย่างเป็นห่วง ปล่อยให้ไอรยายืนมองตามอย่างสงสัยไม่น้อย ไม่นานนักข่าวก็เข้ามาขอสัมภาษณ์อีกครั้งทำให้เธอต้องปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มและให้สัมภาษณ์ทันที
............................
รุจิภายืนอึ้งไปชั่วครู่เมื่อร่างสูงๆ ใบหน้าคุ้นเคยปรากฏอยู่ต่อหน้าในเวลานี้ ครั้นได้สติหญิงสาวก็หมุนกายจะผละเดินกลับเข้าในงาน หากกานต์ธวัชก็คว้าข้อมือบางไว้เสียก่อน
“ภา...ผมดีใจมากรู้มั้ยที่ได้พบคุณอีก...”
หญิงสาวหมุนกายกลับมาพลางสะลัดข้อมือจากการเกาะกุมของเขาได้สำเร็จ
“แต่ฉันไม่ดีใจเลยที่ได้พบคุณอีก”
บอกแล้วหญิงสาวก็เดินจ้ำอ้าวตรงจะเข้าในงาน แปลกเหลือเกินที่เกศเกล้าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ยังไม่ทันก้าวจากไปร่างสูงๆ ของชายหนุ่มก็ก้าวพรวดมาขวางหน้าเอาไว้ สายตาเว้าวอนยามมองเธอนิ่งๆ หากหญิงสาวเมินหน้ามองทางอื่น
“ภา...ได้โปรดฟังผมก่อน...ผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน...แต่ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว ทุกอย่างมันเป็นเพียงอดีตที่เลวร้าย มันเกิดขึ้นและก็ผ่านพ้นไป...แม้คุณจะลืมสิ่งที่ผมทำไว้ไม่ได้ แต่ได้โปรดฟังคำพูดจากผมสักนิดเถอะ...ได้โปรด...”
ร่างบางได้แต่ยืนนิ่งพลางปรายตามองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มผู้ที่เธอเคยรัก แต่สำหรับเขาแล้วในอดีตเขาไม่เคยรักเธอเลยด้วยซ้ำไป เขาเพียงต้องการหลอกเธอเล่นเท่านั้นเอง
“คุณยังมีอะไรจะแก้ตัวอีกหรือคะ...เวลาที่ผ่านไปหลายปีฉันไม่เคยลืมสิ่งที่คุณทำไว้กับฉันเลยสักครั้งเดียว...แล้วจู่ๆ คุณจะให้ฉันลืมได้ยังไง”
กานต์ธวัชได้แต่ทอดถอนใจยืดยาว คงจะจริงอย่างที่เธอบอกไว้ ความเจ็บปวดจากความรักบางครั้งก็จำเป็นต้องให้เวลากับมัน เวลาหลายที่ผ่านมาเขารู้แล้วว่าความเจ็บปวดนี้เป็นเช่นไร
“สิ่งที่เลวร้ายคุณอาจจะไม่เคยลืม ผมก็เช่นกัน ผมไม่เคยลืมสิ่งที่ตัวเองทำผิดกับคุณ ตลอดหลายปีที่ผมติดต่อคุณไม่ได้ ผมไม่เคยมีใครเลย ผมพยายามติดต่อคุณตลอดเวลาแต่ก็เปล่าประโยชน์ คุณเป็นคนสอนให้ผมรู้จักความรักที่แท้จริง ความรักที่เกิดมาจากหัวใจ”
รุจิภายิ่งฟังยิ่งเจ็บปวด หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ
“ถึงคุณจะรู้ว่าความรักจริงๆ เป็นเช่นไรในวันนี้ แต่มันก็สายไปแล้ว...วันนี้ฉันไม่ได้รักคุณและฉันก็มีแฟนใหม่แล้ว...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนมันเป็นเพียงอดีตที่ไม่ควรจดจำ...ลืมฉันซะเถอะ เหมือนอย่างที่ฉันลืมคุณไปหมดแล้ว”
“ภา...” กานต์ธวัชเอ่ยแผ่วลึกคล้ายรำพึงอย่างปวดร้าว
ร่างบางทนเห็นแววตาเว้าวอนของเขาต่อไปไม่ได้อีกแล้วจึงหมุนกายวิ่งกลับเข้าไปในงานเมื่อน้ำตาพานจะรินไหล หญิงสาวผละจากไปยังไม่ถึงไหนก็ปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งเสียก่อน
“พี่รุจ”
“ภา...ภาร้องไห้หรือครับ...ใครทำอะไรภา”
นพรุจถามอย่างตกใจที่เห็นน้ำตาเปื้อนแก้มนวล รุจิภาพยายามกล้ำกลืนน้ำตาไม่ให้รินไหลมากกว่านี้ หากนพรุจก็ได้คำตอบเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งของกานต์ธวัชเดินตามมาพอดี
“คุณทำอะไรเธอ”
กานต์ธวัชไม่ตอบนอกจากยืนนิ่งมองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มตรงหน้า...เขาคงเป็นแฟนใหม่ของเธอ เมื่อไม่ได้คำตอบ นพรุจจึงดันร่างบางออกแล้วปรี่เข้ามาหากานต์ธวัชอย่างฉุนจัด
“อย่านะคะพี่รุจ”
ก่อนที่นพรุจจะทำอะไรลงไปรุจิภาก็เข้ามาขวางไว้เสียก่อนทำให้ชายหนุ่มได้แต่มองหน้าหญิงสาวอย่างแปลกใจไม่น้อย
“ภา...ภาปกป้องเขาทำไม เขารังแกภาไม่ใช่หรือครับ”
“พอเถอะค่ะพี่รุจ ภาอยากกลับบ้าน”
หญิงสาวบอกพลางร้องไห้เบาๆ กานต์ธวัชได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนรักในขณะนี้อยู่ในอ้อมแขนของชายอื่น
“พี่ขอเวลาอีกสักหน่อยได้ไหมครับแล้วค่อยกลับ”
“ทำไมคะ” เธอช้อนตาขึ้นถามสงสัย
“คือ...พี่เกรงใจผู้ใหญ่น่ะครับ งานเพิ่งจะเริ่มไม่นานเอง...แล้วพี่จะพากลับนะครับ”
ในที่สุดรุจิภาก็จำยอมตามคำบอกของนพรุจ เขาเหลือบมองหน้ากานต์ธวัชอย่างไม่พอใจนักก่อนจะพาเธอเดินกลับเข้าไปในงานปล่อยให้กานต์ธวัชได้แต่ยืนมองทั้งสองนิ่งๆ ไม่น่าเชื่อความรักที่เคยล้อเล่นมาก่อนจะกลับมาทำร้ายเขาเองในวันนี้ ทุกอย่างในอดีตยังเป็นภาพหลอนไม่เสื่อมคลาย แล้วเขาจะทำอย่างไรถึงจะลืมความรักที่ผิดพลาดนี้ไปได้
ขณะที่รุจิภาและนพรุจเดินกลับเข้าไปในงาน กานต์ธรก็เดินสวนออกมาจึงเห็นผู้เป็นน้องชายยืนอยู่ด้านนอกมองดาวบนฟ้าเพียงลำพัง เขาหยุดยืนมองครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้ามายืนใกล้ๆ
“แกไปเรียนเมืองนอกตั้งหลายปี พี่คิดว่าลืมความหลังไปหมดแล้วเสียอีก”
กานต์ธวัชยืนนิ่งครู่หนึ่งก่อนตอบเสียงเบา
“ตอนแรกผมคิดว่าคงทำให้ใจลืมเธอได้ แต่ไม่เลย นับวันสิ่งที่ผมเคยทำไว้กับเธอยิ่งหลอกหลอนจนผมนอนไม่หลับ...”
“แกคงรักผู้หญิงคนนี้มากสินะ” พี่ชายถามพลางเหลียวมองซีกหน้าน้องชายนิ่งๆ
“อาจจะเป็นความรักที่ผมไม่เคยเห็นค่ามาก่อนเลย ผมเคยล้อเล่นกับความรักของเธอ...แต่สุดท้ายคนที่เจ็บปวดที่สุดกลับเป็นผมเอง...ผมแพ้ความดีของเธอ...ผมอ่อนแอเกินไปใช่มั้ยครับพี่ธร ที่ไม่อาจตัดใจจากเธอ”
ผู้เป็นพี่ชายยกมือข้างหนึ่งวางบนไหล่น้องชายเบาๆ
“แกไม่ใช่คนอ่อนแอหรอกนะวัช แต่จิตใจของแกต่างหากที่อ่อนแอ...”
กานต์ธวัชพรูลมหายใจแรงๆ คล้ายไล่ความกังวลในใจให้หมดสิ้นไป
“จิตใจผมคงอ่อนแอเกินไปที่จะทำใจให้ลืมเธอจริงๆ”
“ถึงแม้แกจะอ่อนแอแต่ก็ควรจะทำใจให้เข้มแข็งเข้าไว้...เธอมีคนใหม่แล้ว แกต้องเข้าใจและยอมรับความจริงให้ได้...แกยังเป็นน้องชายของพี่เสมอนะวัช วันนี้เป็นวันดีของตะวันและหนูมุก และเป็นวันสำคัญที่แกกลับมา แกไม่ควรเอาเรื่องในอดีตมารกสมองอีก โดยเฉพาะคุณพ่อ พี่ไม่อยากให้ท่านเสียใจเพราะเรื่องนี้”
บอกแล้วกานต์ธรก็ตบไหล่น้องชายเบาๆ ให้กำลังใจก่อนจะผละเดินกลับเข้าไปในงาน กานต์ธวัชได้แต่มองตามหลังพี่ชายไปครู่หนึ่งพลางครุ่นคิดถึงคำพูดทั้งหมดเมื่อครู่ก่อนจะก้าวเดินตามเข้าไปในงานเช่นกัน
.........................
กานต์ธวัชเดินกลับเข้ามาในงาน ขณะนี้กลางฟลอร์หน้าเวทีนั้นมีหนุ่มสาวหลายคู่กำลังเต้นรำกันอยู่ รวมทั้งกานต์ตะวันและขวัญมุก ชายหนุ่มเดินมานั่งร่วมโต๊ะกับบิดาและแขกคนอื่น คุณวิกานต์หันมาเห็นลูกชายพอดีจึงเอ่ยถามเบาๆ ก่อนจะหันมาทางไอรยาซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“หนูไอซ์เต้นรำเป็นไหม”
ไอรยายิ้มหวานพลางปรายตามาทางกานต์ธวัชที่เอาแต่นั่งนิ่งก่อนจะหันไปตอบผู้อาวุโสเสียงหวาน
“เป็นค่ะคุณลุง...”
“ถ้างั้นก็เต้นรำเป็นเพื่อนลูกชายของลุงหน่อยเป็นไง...ว่าไงเจ้าวัช...เจ้าวัช!” บิดาหันมาถามลูกชายเล่นเอากานต์ธวัชถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยเพราะกำลังอยู่ในภวังค์ความคิดตัวเอง
“ครับคุณพ่อ”
ผู้เป็นบิดามองนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “คนอื่นๆ เขาออกไปเต้นรำกันหมดแล้ว...ชวนหนูไอซ์ไปเต้นรำสิลูก”
กานต์ธวัชเหลือบมองไปทางไอรยาจึงเห็นเธอยิ้มหวานรออยู่ก่อนจะรับปากแล้วลุกขึ้นเดินมายืนข้างๆ เธอพร้อมกับยื่นมาให้หญิงสาวจับพร้อมกับควงกันเดินออกไปเต้นรำเหมือนคู่อื่น
“ลูกชายของคุณกับลูกสาวดิฉันดูแล้วเหมาะสมกันจังนะคะ” คุณอรุณีได้โอกาสเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม คุณวิกานต์ไม่ตอบเพียงหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดีพลางมองคู่หนุ่มสาวหลายคู่เต้นรำกันอย่างสนใจ
บนฟลอร์เต้นรำขณะนี้ กานต์ตะวันและขวัญมุกดูโดดเด่นกว่าคู่อื่นๆ ส่วนคู่ของวาคิมและณรานุชก็หวานไม่แพ้กัน เกศเกล้าและกานต์ธรก็ถือโอกาสนี้รำลึกความหลังครั้งแต่งงานกันอย่างมีความสุข เช่นกันกับคู่ของแทนภัทรและบุญยุดา ถึงแม้ทั้งคู่จะยังไม่แต่งงานแต่ก็มีโครงการจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน...หากคู่ที่เป็นที่สนใจของนักข่าวเห็นจะเป็นคู่ของกานต์ธวัชและไอรยา ทั้งสองดูเหมาะสมกันและสื่อมวลชนให้ความสนใจไม่น้อยเลยเมื่อมีการถ่ายภาพเป็นระยะๆ ตลอดเวลา
นพรุจที่นั่งเคียงข้างกับรุจิภาเฝ้ามองไอรยาอย่างสนใจ ด้วยบุคลิกของเธอดูปราดเปรียวสมกับเป็นนางแบบน้องใหม่ในวงการ ผิดกับรุจิภาเวลานี้ เพราะเธอเอาแต่นั่งนิ่งสีหน้าหม่นหมองราวกับไม่ได้มางานเลี้ยงแห่งความสุขนี้เลย
ถ้าไม่เพราะเกรงใจมารดาของนพรุจเธอคงจะหนีกลับบ้านไปนานแล้ว แต่ยิ่งอยู่ในงานกลับยิ่งทำร้ายความรู้สึกตัวเองทุกที โดยเฉพาะบุรุษผู้เคยรักอย่างกานต์ธวัช ความทรงจำเก่าๆ อันเลวร้ายเริ่มเลือนหายไปทีละนิดๆ จนแทบจะไม่เหลือเขาในความทรงจำอีกต่อไป แต่วันนี้กลับคล้ายภาพเหล่านั้นย้อนกลับมาฉายในหัวไม่หยุดและก็เพิ่มความปวดร้าวเป็นเท่าทวีคูณ
หากเธอก็ต้องทำใจให้ได้เมื่อในวันนี้เธอไม่ได้ตัวเปล่าไร้คนคบหา เธอยังมีนพรุจอีกคนที่ให้ความสนใจเธออยู่ แต่ดูชายหนุ่มเวลานี้กลับเฝ้ามองหญิงสาวคนอื่นมากกว่าจะมองเธอด้วยซ้ำไป...ท่าทางของรุจิภานั้นอยู่ในสายตาของคุณนันทพรตลอดเวลา นางไม่เข้าใจลูกชายเหมือนกันที่ทำตัวราวกับไม่มีคนรักอยู่ด้วยในเวลานี้
“หนูภาไม่สนุกหรือลูก” นางหันมาถามรุจิภา หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ก่อนตอบเสียงอ่อย
“สนุกค่ะ”
“สนุกแต่สีหน้าของหนูไม่สนุกเลยนี่นา...แม่ว่าพ่อรุจพาน้องออกไปเต้นรำสักหน่อยดีไหม”
“อะไรนะครับคุณแม่” นพรุจมัวสนใจหญิงสาวบนฟลอร์หันมาถาม
“ชวนหนูภาออกไปเต้นรำสิจ๊ะ”
“ได้ครับ” นพรุจนึกบางอย่างได้จึงลุกขึ้นยื่นมือให้หญิงสาวจับ หากเธอกลับมองหน้าทั้งสองสลับกัน
“มีอะไรหรือจ๊ะ” คุณนันทพรถามสงสัย
“คือ...ภาเต้นไม่เป็นค่ะคุณป้า”
“ไม่เป็นก็ให้พี่เขาสอน ไม่ยากหรอกจ้ะ ไปพ่อรุจพาน้องไปเต้นรำได้แล้ว”
เมื่อไม่อาจปฏิเสธได้ หญิงสาวจำต้องยื่นมือมาสัมผัสกับนพรุจแล้วลุกเดินออกไปเต้นรำบนฟลอร์อย่างเลี่ยงไม่ได้...บทเพลงเต้นรำเริ่มบรรเลงใหม่อีกครั้ง นพรุจโอบรุจิภาเต้นรำด้วยรอยยิ้มหากหญิงสาวได้แต่ก้มหน้าทั้งอายและไม่ถนัดนัก ถึงแม้จะเต้นรำกับรุจิภาหากสายตาของนพรุจกลับคอยเหลือบมองไอรยา สาวสวยนางแบบที่เต้นรำคู่กับกานต์ธวัชเป็นระยะๆ เช่นกันกับกานต์ธวัชที่คอยสังเกตรุจิภาเป็นระยะๆ เช่นเดียวกัน
“เต้นรำกับไอซ์ไม่สนุกหรือคะ” ไอรยาแสร้งถามชายหนุ่มด้วยมารยาหญิง
“เปล่าครับ...คุณไอซ์เต้นเก่งจังนะครับ”
ไอรยายิ้มหวานแทบจะซบบนอกของเขาเลยล่ะ “จริงหรือคะ...ไอซ์มีความสุขจังที่ได้เต้นรำกับคุณวัช...ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าคุณวัชเป็นลูกชายของคุณลุงเพื่อนของคุณแม่ แต่เราสองคนกลับไม่เคยเจอกันมาก่อนเลย”
“ครับ...” ชายหนุ่มเอ่ยเพียงเท่านั้นหากสายตากลับเหลือบมองไปทางรุจิภาไปด้วยซึ่งไอรยาก็สังเกตเห็นเข้าพอดี เธอปรายตามองไปทางรุจิภาอย่างไม่ใคร่จะพอใจเท่าไหร่นัก
“คุณวัชรู้จักเธอด้วยหรือคะ”
“ใครหรือครับ”
“ก็...คู่เต้นรำกับคุณรุจไงคะ”
ร่างสูงเต้นรำไปก็ถอนใจยาวเบาๆ “ก็เคยรู้จักครับ”
“หรือคะ...” เธอบอกคล้ายไม่เชื่อคำพูดของเขานัก สักพักคู่ของกานต์ธวัชก็เต้นรำเฉียดมาใกล้คู่ของรุจิภาและนพรุจ ไอรยาเหลือบเห็นชายกระโปรงชุดราตรีของรุจิภายาวระพื้นจึงแอบเหยียบไว้ทำให้รุจิภาที่เต้นรำคู่กับนพรุจเสียหลักล้มลงบนพื้น
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”
ไอรยาแสร้งตกใจและกล่าวขอโทษรุจิภาที่ล้มลงนั่งบนพื้น นพรุจรีบประคองหญิงสาวลุกขึ้นจากพื้นทำให้คู่เต้นรำอื่นๆ ต้องหยุดชะงักไปด้วยพร้อมกับเพลงบรรเลงจบลงพอดี
“ภาไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ”
“ภาไม่เป็นอะไรค่ะ”
“ไอซ์ขอโทษนะคะ ไอซ์ไม่ทันเห็นก็เลย...”
“ไม่เป็นไรค่ะ...” รุจิภาจำใจต้องเอ่ยคำนี้ออกไปทั้งที่ความจริงแล้วเธอไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเหตุบังเอิญเลยสักนิดเดียว
กานต์ธวัชเห็นท่าทางของนพรุจคอยประคองรุจิภาก็ยิ่งปวดหัวใจเพราะมันตอกย้ำความรู้สึกของเขาต่อเธอมากยิ่งขึ้น รุจิภาไม่อาจจะทนเต้นรำต่อไปได้หญิงสาวจึงขอตัวออกมานั่งรอที่เก้าอี้ นพรุจได้แต่มองสบตาไอรยาอย่างสงสัยหากหญิงสาวก็ทำเป็นเฉยเสียราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นพร้อมกับชวนกานต์ธวัชเต้นรำต่อ หากเพียงไม่นานชายหนุ่มก็ขอตัวออกจากฟลอร์เช่นกันทำให้ไอรยาขัดใจไม่น้อย
“ภาไม่เป็นอะไรแน่นะครับ”
นพรุจถามอย่างห่วงใยทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นของหญิงสาวคลายกังวลลงเมื่อเขาให้ความใส่ใจเธอบ้าง
“ภาไม่เป็นไรค่ะ...พี่รุจคะภาอยากกลับบ้านแล้วค่ะ”
“ยังไม่ดึกเลยนะครับ” นพรุจยังรั้งเธอไว้
คุณนันทพรเห็นท่าไม่ดีจึงขอให้ลูกชายไปส่งรุจิภาที่บ้าน เขาจำต้องไหว้ล่ำลาเจ้าของงานแล้วพาหญิงสาวเดินออกจากงานไปยังลานจอดรถอย่างเลี่ยงไม่ได้ ครั้นเดินไปยังไม่ถึงลานจอดรถเขาก็เหลือบเห็นไอรยาเดินตามออกมาด้วย ชายหนุ่มบอกให้รุจิภาไปรอที่รถก่อนจะปลีกตัวหลบมาหาไอรยาที่ยืนแอบรออยู่
“จะกลับแล้วหรือคะ ไม่เห็นบอกลากันบ้างเลย” เธอถามพลางชะม้ายตาให้เขา
“ครับ...ผมคงต้องพาเธอกลับบ้านก่อน”
“แล้วเราจะได้พบกันอีกไหมคะรุจ”
“คุณอยากพบผมอีกหรือเปล่าล่ะครับ”
ไอรยายิ้มหวานก่อนจะหยิบนามบัตรส่งให้เขา นพรุจรับมาดูด้วยรอยยิ้มเจ้าชู้ก่อนจะเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ
“ผมขอตัวก่อน...หวังว่าเราคงได้พบกันอีก”
บอกแล้วร่างสูงของนพรุจก็รีบวิ่งกลับไปหารุจิภาที่ยืนรออยู่ข้างรถยนต์แล้ว ไอรยาแอบยืนมองด้วยรอยยิ้มบางอย่างก่อนจะหมุนกายเดินกลับเข้าไปในงานอีกครั้ง หญิงสาวเดินผ่านประตูเข้าไปในงานโดยไม่ได้สังเกตเห็นร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนหลบมุมเฝ้ามองอยู่ สายตาคู่นั้นเพ่งมองตามรถยนต์ของนพรุจที่แล่นออกจากลานจอดรถอย่างสนใจบางอย่าง
ความคิดเห็น