คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
บทที่ 2
..........................................................................................................................................................................................
ภายในห้องโถงกว้างหรูหราของงานจัดเลี้ยงแขกในงานแต่งค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ด้านหน้ามีเวทียกสูงจากพื้นประดับด้วยซุ้มไม้เลื้อยสีเขียวแซมด้วยดอกกุหลาบสีชมพูได้อย่างลงตัว ด้านข้างซ้ายของเวทีมีจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่ บริเวณหน้าเวทีมีลานกว้างเป็นฟลอร์เต้นรำ ส่วนเนื้อที่ที่เหลือจัดเป็นโต๊ะรับรองแขกเหรื่อหลายร้อยโต๊ะ ซึ่งตรงกลางห้องโถงนั้นประดับด้วยโคมไฟระย้าจากยุโรปให้แสงสีนวลเจิดจ้าดูอบอุ่นสำหรับงานเลี้ยงขอบคุณแขกยิ่งนัก
ด้านขวามือใกล้เวทีนักข่าวกลุ่มใหญ่กำลังรัวชัตเตอร์เก็บภาพนางแบบสาวน้องใหม่ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วยความสนใจ เพราะเธอคือไอรยา นางแบบน้องใหม่ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ของวงการบันเทิงไทย
โต๊ะด้านหน้าฟลอร์เต้นรำ คุณจิรัสและคุณมัตรา บิดามารดาของขวัญมุกนั่งร่วมโต๊ะกับคุณทิวารัตน์และคุณสุธารวมทั้งวาคิมและณรานุชอีกด้วย ส่วนคุณวิกานต์นั้นนั่งเป็นประธานในงานอยู่ที่โต๊ะใกล้กันโดยมีคุณอรุณีและคุณนันทพรร่วมอยู่ด้วย ทุกสายตาต่างมองไปยังไอรยาด้วยความสนใจ
“ลูกสาวคุณณีน่ารักนะครับ ไม่น่าเชื่อจะเป็นที่สนใจของนักข่าวมากมายขนาดนี้” คุณวิกานต์ซึ่งนั่งร่วมโต๊ะกับคุณอรุณี มารดาของไอรยา เอ่ยชื่นชมจากใจ เพราะตั้งแต่ภรรยาของท่านจากไปก็ไม่มีโอกาสได้พบคุณอรุณีและไอรยาเลยสักครั้งและเมื่อมีโอกาสจัดงานในครั้งนี้ท่านจึงลืมที่จะเชิญเพื่อนของภรรยามาร่วมงานไม่ได้
คุณอรุณีปรายตามาทางคุณนันทพรที่นั่งร่วมโต๊ะแวบหนึ่งพลางหัวเราะอารมณ์ดี
“ก็อย่างนี้แหละค่ะลูกสาวดิฉัน...ตอนแรกดิฉันไม่อยากให้เข้าวงการนัก เพราะกลัวว่าจะมีข่าวไม่ดีตามมาทำให้เสื่อมเสีย แต่ลูกสาวก็ตั้งใจและชอบด้านนี้มากๆ ดิฉันก็เลยจำยอมและก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ค่ะ”
คุณวิกานต์ได้แต่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม คุณนันทพรที่นั่งร่วมโต๊ะอดขำไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายชักเคืองเล็กๆ กานต์ธรและเกศเกล้านั่งร่วมโต๊ะด้วยโดยมีน้องกัส ลูกชายวัยสองขวบนั่งคั่นกลางเหลือบมองตากันอย่างขันๆ ที่งานนี้มีการเกทัพกันเสียแล้ว
“จริงหรือคะ ไม่เหมือนลูกชายดิฉัน พ่อรุจกลับไม่อยากเข้าวงการทั้งที่โมเดลลิ่งติดต่อมาให้เดินแบบและเล่นหนังหลายเรื่องเลย”
ได้ยินเช่นนั้นคุณอรุณีถึงกับเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ทีเดียว
“หรือคะ ไม่เหมือนลูกไอซ์ของดิฉันนะคะ ถึงจะเป็นนางแบบน้องใหม่แต่ก็เข้ามาในวงการด้วยความสามารถตัวเองทั้งนั้น”
คุณนันทพรได้ยินคำโอ้อวดของอีกฝ่ายถึงกับค้อนเล็กอย่างหมั่นไส้ทำให้คุณวิกานต์และทุกคนที่ร่วมโต๊ะได้แต่สบตากันขำๆ ที่ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมลดลาวาศอกกันเลยสักนิด...ขณะนั้นน้องกัส ลูกชายของกานต์ธรได้แต่นั่งมองคนนั้นทีคนนี้ทีจึงหันมาถามผู้เป็นบิดา
“คุณพ่อครับ อาวัชยังไม่มาหรือครับ” น้องกัสเอ่ยถามบิดาพลางหันมาทางมารดาอย่างสงสัย
“สงสัยอาวัชกำลังเดินทางมาน่ะลูก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นคุณนันทพรก็ชักเป็นกังวลเช่นกันเมื่อยังไม่เห็นนพรุจลูกชายและรุจิภามางานเสียที
“ลูกชายคุณณียังไม่มาหรือครับ” คุณวิกานต์หันมาถามอีกฝ่าย
“ยังเลยค่ะ...เอ...ทำไมช้าจัง...เอ๊ะ! นั่นไงคะมากันแล้วล่ะ”
คุณนันทพรเอ่ยพลางหันไปทางประตูเข้างานก็เห็นลูกชายในชุดสูทสีเข้มเดินควงแขนหญิงสาวน่าตาน่ารักในชุดราตรีสีครีมเปลือยไหล่ขาวเนียนเดินเข้ามาในงานพอดี นักข่าวที่กำลังสัมภาษณ์และถ่ายภาพไอรยาเปลี่ยนความสนใจหันมาถ่ายภาพหนุ่มสาวทั้งสองที่เพิ่งเดินเข้ามางานทันที ทำให้หญิงสาวเสียหน้าเล็กๆ ถึงกับหน้าบึ้งที่มีคนมาแย่งความสนใจจากสื่อมวลชนเช่นนี้ เธอได้แต่เบ้ปากเมื่อมองพิจารณาหญิงสาวที่ควงมากับชายหนุ่มก่อนจะเดินเชิดเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับมารดา
“อ้าว! ทำไมไม่ให้นักข่าวสัมภาษณ์ต่อล่ะลูกไอซ์” คุณอรุณีเอ่ยถาม
“ก็สองคนนั้นสิคะคุณแม่ทำให้นักข่าวไม่สนใจหนูเลย” เธอหมายถึงนพรุจและรุจิภา คุณอรุณีได้แต่เหลือบมองคุณวิกานต์และคนอื่นๆ ด้วยไม่อยากให้ทุกคนมองลูกสาวในแง่ร้ายเกินไป นางจึงสะกิดแขนลูกสาวเบาๆ เป็นการเตือนสติพร้อมทั้งปั้นหน้ายิ้มแย้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากช่างภาพเก็บภาพหนุ่มสาวทั้งสองแล้ว นพรุจและรุจิภาเดินเข้ามาไหว้ผู้อาวุโสเจ้าของงาน หากคนที่ทำอะไรไม่ถูกกลับเป็นรุจิภา เธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่างานเลี้ยงค่ำคืนนี้จะเป็นงานเลี้ยงฉลองสมรสของกานต์ตะวันและขวัญมุก ซึ่งก็คือพี่ชายของกานต์ธวัชนั่นเอง มิหนำซ้ำขวัญมุกก็คือคนที่กานต์ธวัชเคยรักเคยชอบมาก่อน ยิ่งกว่านั้นเธอคือคนที่กานต์ธวัชรักมากคนหนึ่งจนทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจถึงทุกวันนี้
“ว่าที่ลูกสะใภ้หรือเปล่าครับคุณพร” คุณวิกานต์เอ่ยถามเมื่อนพรุจและรุจิภานั่งร่วมโต๊ะแล้ว
“ค่ะ...หนูภาเป็นลูกสาวของเพื่อนดิฉันที่เรียนมาด้วยกันน่ะค่ะ ก็คุณกัณตาไงคะ”
คุณวิกานต์ได้แต่พยักหน้ายิ้มๆ เมื่อทราบเช่นนั้นก่อนจะหันมาทางคุณอรุณีและลูกสาวที่นั่งอยู่อีกด้าน
“มีแต่คนกันเองทั้งนั้นเลย คุณอรุณีก็เป็นเพื่อนของคุณจันทรา ภรรยาของผม และนี่ก็หนูไอซ์ ลูกสาว คงไม่ใช่คนอื่นคนไกลใช่มั้ยครับ”
ทุกคนต่างยิ้มแย้มให้กัน นพรุจค้อมศีรษะให้ไอรยาเล็กน้อยเพื่อทักทายกัน หากดวงตาของเขากลับเป็นประกายบางอย่างแวบหนึ่งซึ่งไม่ต่างจากหญิงสาวเลย หากคนที่รู้สึกอึดอัดด้วยไม่เคยมางานเลี้ยงหรูหราเช่นนี้กลับเป็นรุจิภา เธอแทบทำตัวไม่ถูก ทว่าโชคดีที่เกศเกล้าคอยชวนคุยเพื่อให้ไม่ให้เหงาทำให้เธอเบาใจขึ้นมาบ้าง
เมื่อถึงเวลาที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะออกมากล่าวขอบคุณแขกในค่ำคืนนี้ ทั้งแทนภัทรและบุญยุดาก็ก้าวขึ้นบนเวทีและทำหน้าเป็นพิธีกรเริ่มงานในคืนนี้ เสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ ในงานหรี่เสียงเบาลง
“สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสระหว่างคุณกานต์ตะวันและคุณขวัญมุก ในค่ำคืนนี้ถึงเวลาที่ทุกท่านจะได้พบกับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวแล้วครับ”
“ค่ะ...ความรักของทั้งสองเดินทางผ่านอุปสรรคขวากหนามมากมายกว่าจะมารักกันได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะกว่าจะมีวันนี้ เราจึงมีวีทีอาร์เรื่องราวความรักของทั้งสองมาให้ชมกันค่ะ”
หลังสิ้นเสียงประกาศของบุญยุดา ดนตรีบรรเลงหวานๆ คลอเบาๆ ก็ดังขึ้น ภาพฉายบนจอโปรเจ็กเตอร์ด้านข้างปรากฎขึ้น เป็นภาพเรื่องราวความรักของกานต์ตะวันและขวัญมุกที่ได้พบกันตั้งวัยเยาว์ และดำเนินเรื่องด้วยตัวการ์ตูนน่ารักและจบลงด้วยตุ๊กตาบาร์บี้ที่อยู่ในความทรงจำของทั้งสองจนกลายมาเป็นความรัก
เมื่อดนตรีบรรเลงจบลงพร้อมกับภาพบนจอนั้น เจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็ก้าวออกมาบนเวที กานต์ตะวันก้าวออกมาพร้อมกับจับมือขวัญมุกประคองเดินมาด้วยกัน สีหน้าของทั้งสองต่างมีความสุขในหัวใจ เสียงปรบมือกราวใหญ่ของแขกเหรื่อนับพันดังกระหึ่มด้วยความยินดีในความรักของทั้งสองเนิ่นนานก่อนจะซาลง
“เรื่องราวความรักของทั้งสองที่เริ่มต้นและถึงวันนี้ทุกท่านก็ได้ทราบกันแล้ว...ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติและพูดถึงความเป็นมากว่าจะมารักกัน เชิญค่ะ”
บุญยุดาทำหน้าที่พิธีกรกล่าวเชิญทั้งสอง กานต์ตะวันหันมายิ้มหวานให้เจ้าสาวก่อนจะเป็นคนกล่าวคนแรก หลังจากเสียงปรบมือเงียบลง
“ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาร่วมงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของผมและคุณมุกในคืนนี้ครับ ความรักงดงามเสมอเมื่อเรารู้จักรัก เช่นความรักที่เราสองคนมีให้กัน กว่าจะมาถึงวันนี้ได้นั้น ทางของความรักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ความรักก็นำทางมาให้เราได้พบกันอีกครั้งแม้พรหมลิขิตจะเล่นตลกไปบ้าง ความรักที่เกิดขึ้นนั้นผมสัญญาครับว่าจะรักษาและดูแลหัวใจของคุณมุกที่มอบไว้ให้ผมไปจนลมหายใจสุดท้าย”
สิ้นคำเอ่ยของกานต์ตะวัน เสียงปรบมือกราวใหญ่ก็ดังขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความซาบซึ้งใจในความรักของทั้งสอง ก่อนที่พิธีกรชายจะมอบหน้าที่กล่าวขอบคุณให้เจ้าสาวบ้าง
“ขอบคุณความรักที่คุณตะวันมอบให้มุก...มุกก็จะเก็บรักษาความรักของคุณตะวันที่มอบให้มุกไว้จนลมหายใจสุดท้ายเช่นกันค่ะ”
คำเอ่ยของเจ้าสาวไม่ยาวนัก แต่กลับกินใจแขกเหรื่อในงานพร้อมทั้งเสียงปรบมือดังกึกก้องทั่วห้อง เมื่อพิธีการเสร็จสิ้นแล้ว คุณวิกานต์ก็ขอตัวขึ้นบนเวทีเพื่อกล่าวอะไรบางอย่าง
“สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่านครับ หลังจากที่งานแต่งงานของธรและหนูเกศผ่านพ้นไปเมื่อสองปีที่แล้ว ผมก็ได้หลานชายน่ารักมาอุ้มสมใจ งานครั้งนี้ก็ถือว่าน่ายินดีไม่แพ้กันที่ได้ลูกสะใภ้อีกคนและไม่นานก็คงจะได้เป็นตาของหลานๆ วันนี้บริษัทเมืองหรรษายังคงอยู่และมีผู้บริหารที่ดีคอยดูแลและลูกสะใภ้ที่เก่งคอยเอาใจใส่ แต่สำหรับกานต์ตะวันและหนูมุก ทั้งสองมีอาชีพของตนเอง ผมจึงไม่ห่วงมากนัก...ที่ผมพูดเช่นนี้ก็เพราะยังมีลูกชายอีกคนที่ยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝาอย่างลูกคนอื่นๆ นั่นก็คือกานต์ธวัช...สองปีที่เขาไปเรียนเมืองนอกเพื่อกลับมาบริหารบริษัทอีกแรงหนึ่ง วันนี้เขาทำสำเร็จแล้ว โอกาสนี้ผมขอแนะนำผู้บริหารบริษัทเมืองหรรษาดีกรีนักเรียนนอก...กานต์ธวัช...ลูกชายผมเองครับ”
สิ้นเสียงประกาศของคุณวิกานต์ เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องขึ้นพร้อมทั้งร่างสูงโปร่งของกานต์ธวัชในชุดสูทสีเข้ม สง่าผึ่งผายก็ก้าวขึ้นบนเวทีแล้วเดินมายืนเคียงข้างบิดาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แขกเหรื่อในงานต่างมองเป็นสายตาเดียวกันเมื่อคุณวิกานต์เปิดตัวลูกชายคนเล็กผู้บริหารอีกคนของบริษัทในวันนี้ ด้วยรูปร่างและลักษณะโดดเด่นไม่แพ้พี่ชายทั้งสองทำให้แขกสาวๆ ในงานต่างหมายตาไม่น้อย แม้กระทั่งไอรยาก็ถึงกับตะลึงชั่วครู่
หากคนที่ช็อกกว่าคนอื่นคงจะเป็นรุจิภา หญิงสาวถึงกับมองร่างสูงๆ ของกานต์ธวัชที่ยืนอยู่บนเวทีนิ่งอึ้งไปนาน เวลาสองปีที่เขาเรียนจบและเวลาอีกสองปีที่เขาไปเรียนเมืองนอก เธอไม่เคยเจอเขาอีกเลย...และวันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกัน หญิงสาวไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่ได้เจอเขาในวันนี้ เหมือนภาพในวันเก่าฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวไม่หยุด
ด้านบนเวที คุณวิกานต์ยื่นไมโครโฟนให้ลูกชายเพื่อกล่าวบางอย่างกับแขกในงาน เมื่อรับไมค์มาแล้ว ชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้น
“สวัสดีครับ ผมกานต์ธวัช ลูกชายของคุณพ่อ...ผมยินดีอย่างยิ่งที่ได้กลับมาร่วมงานแต่งงานของพี่ตะวันและคุณมุกในวันนี้ ผมขอให้ทั้งสองมีความสุขและดูแลความรักของกันและกันตลอดไป และผมเองก็คงจะได้เป็นอาของหลานในไม่ช้า...เวลาสองปีกว่าๆ ที่ผมเรียนอยู่เมืองนอก ความรู้ด้านบริหารทุกอย่างที่เก็บเกี่ยวมา ผมจะนำมาบริหารบริษัทให้ดีสมกับที่คุณพ่อและพี่ๆ ไว้ใจ...ผม...!!!...ภา!...” ท้ายประโยคแผ่วเบาเมื่อสายตาปะทะเข้ากับใบหน้าสวยอันสะดุดและคุ้นตามาก่อน
ร่างสูงของกานต์ธวัชคล้ายกลายเป็นหิน สายตาของเขามองทะลุผ่านแขกในงานตรงมายังร่างบางที่นั่งบนเก้าอี้เบื้องหน้า...รุจิภา...นั่นเธอจริงๆ หรือ
แขกเหรื่อในงานต่างมองตามสายตาของเขาเป็นตาเดียวกัน
“เจ้าวัช...!” คุณวิกานต์กระซิบเตือนสติลูกชาย กานต์ธวัชจึงได้สติกลับมา
“ผม...ขอขอบคุณทุกท่านครับ” เขากล่าวจบทันทีคุณวิกานต์จึงจับไมค์มาพูดต่อ
“คงไม่มีอะไรแล้ว ขอเชิญทุกท่านร่วมฉลองงานในค่ำคืนนี้ได้ตามอัธยาศัยครับ”
สิ้นคำเอ่ยของคุณวิกานต์ ดนตรีบรรเลงแผ่วเบาจึงดังขึ้นพร้อมกับหนุ่มสาวในงานทยอยออกมากลางฟลอร์เต้นรำและสังสรรค์ตามอัตภาพ
เมื่อทุกอย่างดำเนินต่อไป รุจิภารู้สึกอึดอัดไม่น้อยจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำโดยมีเกศเกล้านำทางไป ส่วนนพรุจนั้นกลับเป็นโอกาสที่เขาได้นั่งคุยกับไอรยาอย่างออกรส หากนั่นไม่ได้ทำให้คุณนันทพร มารดาของเขาพอใจเลยสักนิด เพราะคนที่วาดหวังให้เป็นลูกสะใภ้คือรุจิภา ไม่ใช่นางแบบอย่างไอรยา
.........................
รุจิภาขอตัวไปเข้าห้องน้ำไม่นาน กานต์ธวัชเดินตรงมายังโต๊ะที่กานต์ธรและเกศเกล้านั่งอยู่พร้อมทั้งไหว้ผู้อาวุโสและทักทายตามอัธยาศัย คุณอรุณีได้โอกาสจึงเอ่ยขึ้นกับชายหนุ่ม
“พ่อวัชหรือคะเนี่ย ป้าไม่เห็นตั้งนานแน่ะ ดูสิโตเป็นหนุ่มเชียว...เออ...จริงสินะ พ่อวัชคงยังไม่รู้จักกับน้อง...นี่น้องไอซ์ ลูกสาวของป้าเองจ้ะ”
คุณอรุณีได้โอกาสแนะนำให้ทั้งสองได้รู้จักกัน ไอรยาลุกขึ้นแล้วไหว้กานต์ธวัชพลางยิ้มหวานให้เขา ชายหนุ่มรับไหว้พร้อมกับยิ้มตอบเช่นกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“ไอซ์ก็ยินดีที่ได้รู้จักพี่วัชค่ะ”
“เชิญตามสบายนะครับ ผมขอตัวก่อน”
กานต์ธวัชขอตัวด้วยจิตใจของเขาในเวลานี้ไม่อยู่กับตัวเสียแล้ว ชายหนุ่มเหลียวมองไปทั่วห้องโถงอย่างค้นหาใครบางคนทำให้ผู้เป็นพี่ชายที่อยู่ใกล้ต้องถามสงสัย
“มีอะไรหรือวัช...นายกำลังมองหาใครอยู่” ผู้เป็นพี่ชายถามน้องชายอย่างสงสัย
“ผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ไปไหนครับ”
“นายกำลังหมายถึงคุณภาหรือเปล่า” พี่ชายถาม
“ครับ...”
“คุณรู้จักภาด้วยหรือครับ” คนที่เอ่ยถามคือนพรุจ เขาหรี่ตามองกานต์ธวัชอย่างแคลงใจไม่น้อย
“ผม...ไม่แน่ใจว่าใช่เธอหรือเปล่า...ผมขอตัวก่อนนะครับ”
บอกแล้วกานต์ธวัชก็เดินเลี่ยงออกไป กานต์ธรได้แต่ส่ายหน้าที่น้องชายยังอารมณ์ร้อนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน วาคิมและณรานุชที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ ถึงกับถอนใจเมื่อเห็นท่าว่าจะยุ่งกันไปใหญ่เสียแล้ว
นพรุจสงสัยไม่น้อยเมื่อมองตามร่างสูงของกานต์ธวัชที่เดินผละไปแล้ว ไอรยาก็เช่นกัน เธอยังสนใจกานต์ธวัชจึงมองตามร่างสูงที่เดินผละไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมาคุยกับชายหนุ่มตามมารยาท
ถึงแม้จะคุยกับนพรุจ แต่เธอก็คิดว่ากานต์ธวัชคงจะรู้จักกับรุจิภามาก่อนเป็นแน่ ผู้หญิงธรรมดาไม่มีอะไรอย่างนั้นหรือที่เขาสนใจ ถ้าเปรียบกับเธอแล้วคนละระดับก็ว่าได้ แต่เอาเถอะ ยังไงเธอก็ยังมีเวลาที่จะได้รู้จักกับเขาอีกนาน
ขณะเดียวกันนั้น ภายในห้องรับรองเจ้าบ่าวเจ้าสาว บุญยุดาและแทนภัทรก็รีบเข้ามารายงานให้ขวัญมุกและกานต์ตะวันทราบเรื่องกานต์ธวัช เพราะจำได้ว่าหญิงสาวที่กานต์ธวัชเผลอเอ่ยชื่อออกมานั้นคือน้องร่วมสถาบันกันมาก่อน
“ดาแน่ใจนะว่าตาไม่ฝาด”
“ฉันจะตาฝาดได้ยังไงกันมุก...นายแทนก็เห็นเต็มสองตาเหมือนกัน”
“ใช่ครับ” แทนภัทรยืนยันเสียงแข็ง
กานต์ตะวันนิ่งครุ่นคิดบางอย่างในใจ มันอาจจะเป็นเกมของพรหมที่ลิขิตเอาไว้ก็เป็นได้ เวลาหลายปีที่กานต์ธวัชไปเรียนเมืองนอกแล้วกลับมาในวันนี้ จู่ๆ ก็ได้พบหญิงสาวที่เคยรักอีกคราหนึ่ง
“ถ้าหากนายวัชจำผู้หญิงคนนั้นไม่ผิดจริงๆ ก็นับว่าโลกกลมเหลือเกิน แต่ทั้งสองเคยมีปัญหากันมาก่อนไม่ใช่หรือครับ”
“ค่ะ เมื่อก่อนเคยมีปัญหากับมุก แต่มุกกับเธอไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนะคะ”
“ถ้าหากนายวัชจะกลับไปรักเธอจริงๆ ก็คงจะยากเอาการ เธอมีชายหนุ่มควงมาในงานด้วยนี่ครับ” แทนภัทรเอ่ยตามที่รู้มา
“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ความรักที่แท้จริงต้องการเครื่องพิสูจน์ใจเสมอ” กานต์ตะวันบอกอย่างเข้าใจถ่องแท้ทำให้ทุกคนเห็นด้วยกับเหตุผลนี้ ด้วยความรักของเขาและขวัญมุกผ่านบทพิสูจน์ใจมาแล้ว
.............................
กานต์ธวัชเดินทั่วงานแต่ก็ไม่พบหญิงสาวอย่างที่ตั้งใจจนกระทั่งเดินมาถึงห้องน้ำสตรี เขาจึงเห็นเกศเกล้า พี่สะใภ้ยืนอยู่หน้าห้องน้ำ เกศเกล้าหันมาเห็นพอดีจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย
“วัชมาเข้าห้องน้ำหรือ”
“เปล่าครับพี่เกศ...ผมแค่ตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง” เขาถามพลางเหลียวมองหญิงสาวที่เดินเข้าออกห้องน้ำไปด้วย
“ใครหรือ...อย่าบอกนคือผู้หญิงที่วัชมองตอนอยู่บนเวที”
“ใช่ครับพี่เกศ...พี่เกศเห็นเธอมั้ยครับ”
เกศเกล้ามองหน้าอีกฝ่ายอย่างช่างใจก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ด้วยรู้ว่าคงจะหมายถึงรุจิภาที่เธอมาพาเข้าห้องน้ำ หญิงสาวพอรู้บางอย่างเกี่ยวกับกานต์ธวัชมาบ้างจึงขอให้เขาไปรอด้านนอกกระทั่งรุจิภาออกมาจากห้องน้ำ เกศเกล้าจึงชวนเธอออกมาเดินเล่นด้วยกัน
“พี่เกศมีอะไรหรือคะ”
“เปล่าหรอกจ้ะ พี่เห็นภาไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ก็เลยชวนมาเดินเล่น...”
รุจิภาไม่ตอบนอกจากพยักหน้าเบาๆ สีหน้าคล้ายมีเรื่องครุ่นคิดในใจ
“ภารู้จักคุณกานต์ธวัชหรือเปล่าจ๊ะ”
จู่ๆ เกศเกล้าก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมาทำเอารุจิภาทำอะไรไม่ถูก
“เอ่อ...ภา...คือ...”
ยังไม่ทันเอ่ยอะไรมากไปกว่านั้น ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มก็ปรากฏกายออกมาจากกำแพงแล้วมายืนอยู่ตรงหน้าในระยะไม่ไกลนักเล่นเอารุจิภาแทบหยุดหายใจ...กานต์ธวัช...
ความคิดเห็น