คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
บทที่ 1
..........................................................................................................................................................................................
แสงไฟนวลตาภายในห้องพักหรูหราทอประกายอบอุ่น สะท้อนผิวพรรณของหญิงสาวในชุดราตรีสีขาวซึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเวลานี้นวลเนียนโดดเด่น บุรุษในชุดสูทสีขาวผูกหูกระต่ายยืนเยื้องด้านหลัง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มน้อยๆ อย่างมีความสุขเมื่อมองเจ้าสาวในกระจกเงาเบื้องหน้า
“คุณสวยจังครับ” เขาเอ่ยคล้ายละเมอเบาๆ
หญิงสาวมิได้ตอบคำใดนอกจากยิ้มอาย แล้วผุดลุกขึ้นหมุนกายหันหน้ามาสบตากับเขานิ่งๆ พลางใช้มือขยับหูกระต่ายให้เข้าที่
“ผมไม่คิดเลยว่าเราจะมีวันนี้ด้วยกัน” เขาเอ่ยยิ้มๆ
หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ก่อนตอบเบาๆ “มุกก็ไม่คิดเหมือนกันค่ะ”
“คุณตื่นเต้นมั้ยครับ”
“แล้วคุณละคะ” เธอช้อนดวงตากลมโตขึ้นมอง
ชายหนุ่มมิตอบแต่กลับจับมืองามของเธอมาวางไว้ตรงหน้าอกข้างซ้ายเบาๆ ทำให้หญิงสาวอดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้...แน่ล่ะถึงแม้ว่าในช่วงเช้าวันนี้ทั้งสองจะผ่านพิธีรดน้ำสังข์กันมาแล้วพร้อมทั้งมีแขกเหรื่อมากมายมาเป็นสักขีพยานแล้วก็ตาม หากทุกวินาทีก็ยังตื่นเต้นและยินดีเสมอเมื่อความรักที่ทั้งสองมีให้กันนั้นเดินทางมาถึงวันนี้...วันวิวาห์ที่ทั้งสองเฝ้ารอคอย เพราะกว่าจะฟันฝ่าอุปสรรคมาถึงวันนี้ได้ไม่ง่ายเลยสักนิดเดียว
“ว่าแต่เย็นวันนี้แขกเหรื่อจะเยอะกว่าเมื่อเช้าหรือเปล่าคะ”
“ก็คงจะอย่างนั้น เพราะคุณพ่อเชิญแขกของบริษัทที่รู้จักมาในงานนี้ด้วย”
“ทำไมละคะ” เธอถามแปลกใจ
“ผมเพิ่งได้ข่าวจากพี่ธรว่า วัชกำลังเดินทางมาร่วมงานเลี้ยงขอบคุณแขกของเราในคืนนี้...”
“หรือคะ”
กานต์ตะวันพยักหน้าเบาๆ พลางยิ้มน้อย ขวัญมุกนึกถึงกานต์ธวัชแล้วก็น่ายินดีที่เขาเปลี่ยนจากคนไม่เอาไหนเป็นคนละคนและไปร่ำเรียนที่อเมริกาถึงสองปีกว่าเพื่อมาเป็นผู้บริหารบริษัทต่อไป...สองปีกว่าแล้วที่เขาไม่ได้กลับมาเมืองไทยเลยและคงตั้งใจร่ำเรียนเต็มที่ เขาจะเป็นอย่างไรบ้างนะ โดยเฉพาะความรักของเขากับหญิงสาวคนนั้น
ความรักที่พ่ายหวังจากเธอ แต่ทุกอย่างก็เข้าใจกันหมดแล้ว เพียงแค่ความรักครั้งใหม่ของเขาไม่ได้สวยหรูเหมือนใจคิด เรื่องราวความรักของกานต์ธวัชนั้น ขวัญมุกและคนอื่นๆ รู้ดีว่ามีอุปสรรคอะไรบ้าง หากนั่นก็ขึ้นอยู่กับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นว่าจะฟันฝ่าไปให้ถึงจุดหมายได้หรือเปล่า
“แปลกใจมากหรือที่วัชจะมาร่วมงานในคืนนี้” เขาขมวดคิ้วถาม
“ก็นิดหนึ่งค่ะ”
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งพลางมองหน้าสาวเจ้าอย่างค้นหา ขวัญมุกพอเดาออกว่าเขาคิดอะไรจึงทุบอกเบาๆ
“นี่...อย่าบอกนะคะว่าคุณหึงฉันกับวัชน่ะ”
“ทำไมล่ะ...ทำไมผมจะไม่มีสิทธิ์หึงในเมื่อวัชเคยรักคุณ” บอกแล้วก็ทำท่าหัวหลังให้หญิงสาว ขวัญมุกยิ้มพลางส่ายหน้าเบาๆ
“คุณจะหึงมุกทำไมล่ะคะก็มุกไม่เคยรักใครเลยนอกจากคุณ”
“จริงหรือ” เขาทำเป็นงอน
ท่าทางของกานต์ตะวันยังทำเป็นงอนไม่เลิกทำให้หญิงสาวหันหลังงอนให้เขาบ้างล่ะ
“แต่งงานกันแล้วคุณยังจะหึงมุกอีกหรือ วัชเป็นเพียงเพื่อนของมุกนะคะ”
ร่างสูงเหลือบมองมาทางหญิงสาวเหล่ๆ แล้วก็อมยิ้มก่อนจะโอบกอดเธอไว้เบาๆ
“ผมล้อเล่นเฉยๆ หรอกครับ ผมไม่เคยคิดว่ามุกจะมีใจให้คนอื่นเลยนอกจากผมคนเดียว ไม่งั้นมุกคงไม่รับรักและยอมแต่งงานกับผมหรอก”
บอกแล้วร่างสูงก็จับร่างระหงหมุนกายหันหน้ามาทางเขา
“ใกล้ถึงเวลาที่เราจะต้องออกไปขอบคุณแขกในงานแล้วนะครับ...ยิ้มหน่อยสิครับ เดี๋ยวไม่สวยนะ” ชายหนุ่มกระเซ้าพลางยิ้มล้อ หญิงสาวค้อนวงหนึ่งเลย
“ค่ะ”
ร่างสูงยิ้มละมุนพลางจะจุมพิตหน้าผากหญิงสาว แต่เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะเสียก่อน เมื่อทั้งสองหันไปมองจึงเห็นบุญยุดาและแทนภัทรเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” บุญยุดาเอ่ยขอโทษเมื่อเห็นท่าทางทั้งสองกำลังจู๋จี๋กันอยู่ ขวัญมุกหันมาค้อนให้กานต์ตะวันเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางเพื่อนรัก
“ไม่เป็นไรหรอกดา แทน...”
“แน่นะมุกว่าไม่มีอะไร...” แทนภัทรเอ่ยแซวยิ้มๆ
“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับคุณแทน...ว่าแต่ใกล้ถึงเวลาหรือยัง...เราสองคนพร้อมแล้ว”
“ใกล้แล้วค่ะ...เราสองคนเข้ามาบอกให้ทราบเพื่อให้เตรียมตัวให้พร้อม...หลังจากเปิดวีทีอาร์ตำนานรักของมุกกับคุณตะวันเสร็จแล้ว ดาและแทนจะประกาศอีกทีแล้วมุกกับคุณตะวันก็ออกไปที่เวทีได้เลยค่ะ”
“ขอบใจนะดา แทน”
หลังขวัญมุกเอ่ยจบทั้งแทนภัทรและบุญยุดาก็ขอตัวออกไปเตรียมตัวเช่นกัน ขวัญมุกหันมาทางกานต์ตะวันพลางใช้มือจัดหูกระต่ายให้เขาเบาๆ พลางยิ้มหวาน ชายหนุ่มใช้มือปัดไรผมของเธอให้เข้าที่เช่นกัน
“ผมหวังว่าวัชคงไม่เปลี่ยนใจกลับมารักคุณอีกนะ”
ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ หากในใจลึกๆ ของกานต์ตะวันกลับนึกไปถึงกานต์ธวัชซึ่งกำลังเดินทางมาร่วมงานในคืนนี้
..........................
รถยนต์คันหรูแล่นช้าๆ เข้ามาจอดภายในบ้านหลังหนึ่งในซอย เมื่อจอดเสร็จแล้วบุรุษร่างสูงใหญ่เจ้าของรถก็ก้าวลงมาพร้อมกับขยับเน็กไทให้เข้าที่ก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน เขาเห็นคุณรณภพและคุณกัณตาเจ้าของบ้านนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นจึงไหว้ทั้งสองก่อนจะทรุดนั่งลงบนโซฟาใกล้ๆ
“พ่อรุจมารับน้องไปงานเลี้ยงหรือ” คุณกัณตาเอ่ยถามสีหน้ายิ้มแย้ม
“ครับคุณอา...” เขาเอ่ยแล้วก็ยกนาฬิกาบนข้อมือดูเวลาแวบหนึ่ง
“รอแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวน้องคงจะลงมา” คุณรณภพเอ่ยบอกพลางหันไปทางแป้น สาวใช้วัยรุ่นในบ้านให้ขึ้นไปเรียกลูกสาว
เมื่อได้รับคำสั่ง แป้นสาวใช้ในบ้านจึงเดินขึ้นไปเรียกหญิงสาวบนห้อง เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังเบาๆ ทำให้หญิงสาวในชุดราตรีสีครีมเปิดไหล่ทั้งสองข้างซึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อรู้สึกตัวเธอจึงลุกขึ้นจัดชุดให้เรียบร้อยพร้อมทั้งสำรวจใบหน้าและเส้นผมให้เข้าที่ก่อนจะเดินมาเปิดประตูให้
“มีอะไรหรือแป้น”
“คุณผู้ชายให้มาเรียกคุณหนูค่ะ”
“พี่รุจมาถึงแล้วหรือ” เธอถาม
“ค่ะ...”
“เดี๋ยวฉันลงไป...” หญิงสาวบอกก่อนจะปิดประตู
รุจิภาถอนใจเบาๆ หลายปีแล้วที่เธอไม่เคยแต่งตัวออกงานสังคมแบบนี้เลย ตั้งแต่เรียนจบและทำงานเป็นบรรณารักษ์ที่ห้องสมุดในหอสมุดแห่งชาติใกล้สนามหลวง ถึงแม้จะมีงานเลี้ยงบ้างแต่ไม่เคยออกงานเป็นกิจจะลักษณะเช่นนี้มาก่อน ครั้งนี้ถือว่าเป็นงานสำคัญไม่น้อย เมื่อนพรุจ ลูกชายของเพื่อนมารดาเอ่ยเชื้อเชิญให้เธอไปงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ด้วยกัน
แม้เธอจะปฏิเสธแต่คงไม่เป็นผลเมื่อมารดาคะยั้นคะยอให้ไปกับเขา และก็คงต้องไปเมื่อวันนี้เขาคือคนสำคัญของเธอ สองปีแล้วที่เขาและเธอคบหากันมาหลังจากผิดหวังในความรักกับกานต์ธวัช เมื่อนึกถึงเขาหญิงสาวก็ได้แต่ถอนใจเบาๆ อีกครั้ง
ไม่อยากจะคิดถึงคนโกหกหลอกลวงคนนั้น แต่สำหรับเธอแล้วคงยากจะทำใจยิ่งนัก ไม่ใช่แค่เขาทำให้เธอรักแต่เขายังทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวดไม่น้อยทีเดียวและเธอก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ใจอ่อนให้เขาอีกเป็นอันขาด ถึงอย่างไรสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับเธอก็คงเป็นเพียงภาพหลอนในอดีตเท่านั้นก็ในเมื่อทุกอย่างผ่านไปหลายปีแล้วเธอไม่เคยติดต่อกับกานต์ธวัชอีกเลย
เมื่อเตรียมใจให้พร้อมแล้วหญิงสาวจึงเปิดประตูแล้วเดินลงมาข้างล่างจึงเห็นนพรุจนั่งคุยอย่างอารมณ์ดีกับบิดาและมารดในห้องนั่งเล่น ครั้นชายหนุ่มหันมาเป็นร่างบางในชุดราตรีสีครีมเปิดไหล่เดินลงบันไดตรงมาหาเขาถึงกับตะลึงชั่วขณะ ด้วยไม่เคยเห็นหญิงสาวที่คบหากันมาแต่งตัวสวยเช่นวันนี้มาก่อนเลย
รุจิภาเดินมาหยุดตรงหน้าชายหนุ่มได้แต่ก้มหน้าอายๆ เมื่อเขาได้แต่ยืมมองเธอด้วยสายตาเป็นประกายเนิ่นนาน
“ภาพร้อมแล้วค่ะพี่รุจ”
“วันนี้ภาแต่งตัวสวยมากครับ”
หญิงสาวไม่ได้รู้สึกอะไรมากกับคำชมนี้ บ่อยครั้งที่มีชายหนุ่มเข้ามาพัวพันกับเธอ คำเอ่ยเหล่านี้เป็นเพียงน้ำตาลให้ความหวานยามมีรักเท่านั้น นพรุจไม่เอ่ยคำใดอีกนอกจากหันมาทางบิดามารดาของเธอ
“ผมขออนุญาตพาภาไปงานเลี้ยงนะครับ”
“จ้ะ ฝากดูแลน้องด้วยนะ”
“ครับคุณอา”
นพรุจไหว้ผู้อาวุโสทั้งสองก่อนจะผายมือเชิญให้หญิงสาวเดินไปขึ้นรถยนต์ที่จอดหน้าบ้าน
นพรุจเดินมาเปิดประตูรถให้เธอขึ้นนั่งก่อนจะยิ้มบางอย่างในสีหน้าแล้วเดินอ้อมไปขึ้นนั่งประจำที่คนขับพร้อมกับสตาร์ตแล้วขับออกไปจากบ้านช้าๆ
“พี่รุจยังไม่บอกภาเลยว่าจะพาไปงานเลี้ยงอะไรคะ”
นพรุจหันมายิ้มน้อยๆ ก่อนหันไปทำหน้าที่สารถีต่อไป
“งานเลี้ยงฉลองสมรสลูกชายของเพื่อนคุณแม่น่ะครับ”
“ที่ไหนคะ” เธอหันมาถามสงสัย
“ที่โรงแรม...” นพรุจบอกชื่อโรงแรมให้เธอทราบ
หญิงสาวได้แต่นิ่งครุ่นคิดบางอย่างในใจ เมื่อเช้านี้เธอได้ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์หลายช่องรายงานข่าวเรื่องการแต่งงานของกานต์ตะวันและขวัญมุก พี่ชายของกานต์ธวัช ซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตพอสมควร เธอได้แต่คิดในใจว่าคงไม่ใช่งานเดียวกันกระมัง
“ใช่งานเลี้ยงแต่งงานลูกชายเจ้าของบริษัทเมืองหรรษาหรือเปล่าคะ”
“เอาไว้ภาไปถึงก็รู้เองแหละครับ”
คำตอบของเขาไม่ได้ทำให้เธอกระจ่างใจแม้สักนิดเดียว หญิงสาวไม่เอ่ยคำใดนอกจากนั่งมองแสงไฟริมถนนยามค่ำคืนเงียบๆ และฟังนพรุจพูดเรื่องร้านอาหารที่เขาอยากเปิดมานานให้ฟังไปเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าถ้อยคำเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในโสตประสาทเธอเลยสักนิดเดียว ด้วยความคิดของเธอเวลานี้มีบางอย่างให้ครุ่นคิดมากกว่า
กระทั่งรถแล่นมาถึงทางเข้าหน้าโรงแรมหรูกลางเมือง นพรุจเลี้ยวรถปาดหน้ารถยนต์หรูคันหนึ่งเข้าภายในโรงแรมโดยไม่ทันระวังทำให้รถยนต์อีกคันถึงกับเบรกตัวโก่ง
“เกิดอะไรขึ้นหรือ” ชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้มซึ่งนั่งอยู่ตอนหลังของรถเอ่ยถามคนขับ
“รถยนต์คันเมื่อกี้ขับปาดหน้ารถเราครับ”
ชายหนุ่มผู้เอ่ยถามชะเง้อมองตามหลังรถยนต์หรูคันที่เอ่ยถึงซึ่งแล่นช้าๆ เข้าภายในลานจอดรถโรงแรมอย่างสงสัย แวบหนึ่งที่เขาเห็นเสี้ยวหน้าของหญิงสาวที่นั่งข้างคนขับทำให้หัวคิ้วเข้มของเขาขมวดมุ่นไม่น้อย
“...ภา...” เขารำพึงเบาๆ
“ใครหรือครับ” คนขับหันมาถามเจ้านาย
“รีบตามรถคันนั้นไปเร็ว!” เขาออกคำสั่ง
คนขับรถจึงแล่นรถเข้าไปจอดภายในลาดจอดรถโรงแรม เมื่อจอดแล้วร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มก้าวลงจากรถอย่างรีบร้อนพลางเหลียวมองไปรอบๆ แต่กลับเห็นเพียงหลังของหญิงสาวและชายหนุ่มเจ้าของรถคันเมื่อครู่ผ่านเข้าลิฟต์ไปก่อนแล้ว ร่างสูงกำลังจะก้าวตามไปแต่คนขับเรียกไว้เสียก่อน
“คุณวัชจะไปไหนครับ...”
“ฉัน...”
“เชิญทางนี้ครับ ป่านนี้คุณท่านและทุกคนคงรอคุณวัชแล้ว”
ร่างสูงของกานต์ธวัชยืนลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินไปอีกทางตามที่คนขับผายมือเชิญเมื่อเวลาเปิดงานเลี้ยงใกล้เริ่มแล้ว หากภาพของหญิงสาวเมื่อครู่กลับทำให้เขาครุ่นคิดบางอย่าง
ถ้าหากหญิงสาวที่เขาเห็นเป็นเธอจริงๆ แล้วชายหนุ่มคนนั้นเล่าเป็นใครกัน
ความคิดเห็น