ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    kimsoojung หัวใจรักสี่แผ่นดิน

    ลำดับตอนที่ #4 : พระมเหสีองค์ใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ย. 56


    3
     
        พระมเหสีกำลังเดินเข้าไปยังตำหนักใหญ่ขององค์รัชทายาทหลังจากที่ได้ตั้งเตรียมงานมานานและองค์รัชทายาทก็ได้มีเวลาว่างพักผ่อนก่อนจะขึ้นรับตำแหน่งที่จะมีขึ้นนี้ พระมเหสีต้องการจะคุยส่วนตัวกับองค์รัชทายาทซองโจหรือว่าที่พระราชาองค์ใหม่นี่เอง
       พระมเหสีมีเรื่องที่ต้องพูดคุยอีกมากทั้งเรื่องการวางระบบรากฐานของแผ่นดินที่ต้องเลือกคนเข้ารับใช้ใหม่หมด พระนางต้องการวางรากฐานที่มั่นคงเพื่อพระโอรสของพระองค์เอง หรืออาจจะเพราะไม่แน่ใจว่าโอรสองค์นี้จะเข้มแข็งพอสำหรับราชวงศ์อินจา ไม่สิต้องบอกว่าจะเข้มแข็งพอให้พวกขุนนางบ้าอำนาจนั้นยอมสยบได้หรือไม่ เพราะงั้นการปูพื้นฐานการสนับสนุนอำนาจนั้นย่อมสำคัญ และการจะปูพื้นฐานที่ดีได้นั้นย่อมต้องมีข้อแลกเปลี่ยน
      "พระมเหสีเสด็จ"มหาดเล็กคนสนิทกล่าวบอกแก่องค์รัชทายาทที่นั่งรออยู่ในตำหนักฝั่งซ้ายที่เป็นที่รับแขก พระมเหสีเดินเข้าไปหาพระโอรสด้วยสีหน้าเบิกบาน อาจจะเพราะไม่ได้เห็นพระโอรสของตนเดิบโตขนาดนี้ ทรงมีพระสิริโฉมที่งดงามและทรงเกรียติเหมือนพระราชาเอซองอย่างมาก พระมเหสีเดินไปจับพระพักต์องค์รัชทายาทอย่างเบามือก่อนจะค่อยๆสังเกตเห็นพระพักต์ที่เหนื่อยล้าและทรุดโทรมลง
      "เจ้ามิได้พักผ่อนเลยรึ ฮวังเซจา"
      "เสด็จแม่ หม่อมฉันกำลังจะเป็นพระราชานะเพค่ะ ทรงทำอะไรกัน" องค์รัชทายาททรงเอ่ยอย่างเขินอายหลังจากที่พระมารดารจับหน้าหัดไปมาเหมือนแม่ที่ดูแลลูกน้อยต่อหน้านางกำนัล
    พระมเหสียิ้มบางๆก่อนจะ แกล้งทำเป็นตำหนิ
       "ทำมาเป็นเขินอายแม่ แม่ย่อมเป็นห่วงลูกทุกเมื่อ ถึงจะโตเป็นพระราชาของแผ่นดินแล้วก็ตามเถอะ" 
       "หม่อมฉันรู้เพค่ะ" องค์รัชทายาทบอกอย่างรู้สึกชื่นใจ พระมารดาทรงมีความรักใคร่และถนถนอมตนมาอย่างนี้เสมอ ทรงเป็นที่ยำเกรงของทั้งฝ่ายใน แต่ก็มีน้ำใจและไมตรีที่คนทั้งหลายต่างเคารพ ถ้าหากจะต้องการพระมเหสีสักคน คงต้องเลือกเหมือนเสด็จแม่เป็นแน่ องค์รัชทายาทรงคิดในใจ ก่อนเอ่ยถามพระมารดารถึงสุขภาพ
       "เสด็จแม่ร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง ทรงเจ็บไข้ไหมเพค่ะ"
       "แม่ยังแข็งแรงดีเพค่ะ"
       "เชิญนั่งก่อนเถอะเสด็จแม่" องค์รัชทายาททรงพาเสด็จแม่ไปยังที่นั่งก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มจิบชาคุยกันตามภาษาแม่ลูก 
       "ฮวังเซจา ที่แม่มาที่นี้ก็อยากจะถามเจ้าอยู่เรื่องหนึ่ง"
       "เพค่ะ ทรงอยากถามอะไรหม่อมฉันหรือ"
       "เรื่องพระมเหสีของเจ้า เจ้าคิดถึงเรื่องนี้หรือยัง" พระมเหสีทรงถามหยังเชิง เพราะอยากรู้ว่าองค์รัชทายาททรงมีใครในใจหรือไม่ แต่ท่าทีขององค์รัชททายาทนั้นยากที่จะเดา ทรงนิ่งเงียบไปก่อนจะเอ่ยตอบ
       "ยังเพค่ะ หม่อมฉันคิดว่าเสด็จแม่ทรงเลือกไว้แล้ว"
      "เจ้านี่ แม่จะเลือกใครได้ ต้องถามความต้องการเจ้าก่อน"
      "หม่อมฉันทรงเชื่อสายตาของเสด็จแม่" พระมเหสียิ้มนิดๆแต่ในใจก็รู้สึกไม่ดี เหมือนองค์รัชทายาททรงปดปิดเรื่องสตรีในใจ 
      "เจ้าชอบพอกับใครอยู๋รึเปล่า ฮวังเซจา"
      "ไม่นี่เพค่ะ หม่อมฉันมิได้ชื่นชอบใครเลย" พระมเหสีจับพิรุธสายตาขององค์รัชทายาทได้ แต่มิทรงเอ่ยทักท้วง 
      "งั้นแม่มีรายชื่อของสตรีของนางมาให้เจ้าช่วยตัดสิน"
      "เพค่ะ" องค์รัชทายาททรงรับคำอย่างง่ายดาย พระมเหสีนำใบรายชื่อของสตรีที่ทรงคัดเองเหลือเพียงสามคนมาให้องค์รัชทายาทอ่านดู 
      "ชองยองอัน ธิดาใต้เท้าชองฝ่ายตะวันตก โอนานึน ธิดาใต้เท้าโอฝ่ายเหนือ และลีซอล ธิดาขององค์ชายลีคยอง รายชื่อนี้หม่อมฉันไม่รู้จักใครเลย"
      "เจ้าจะได้พบพวกนางเร็วๆนี้ ในวันพรุ่งนี้แม่จะจัดเตรียมการคัดเลือกครั้งสุดท้าย โอยให้เจ้าเลือกว่าเจ้าจะรับใครเป็นพระชายาของเจ้า" พระมเหสีกล่าว
      "หม่อมฉันเลือกหรือเพค่ะ"
      "ใช่เจ้าต้องเลือก"
      "เพค่ะเสด็จแม่" องค์รัชทายาททรงเอ่ยรับคำสั่งเสด็จแม่อย่างว่าง่าย พระมเหสีสังเกตเห็นสายตาที่สั่นระริก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่ทรงคิดในใจว่าองค์รัชทายาทมีบังอย่างซ่อนเร่น
      "ฮวังเซจา การเลือกพระมเหสีนั้นสำคัญกับชีวิตของเจ้าและรากฐานของเมือง ต้องเลือกคนที่จะหนุนสมดุลของพระราชาและต้องเลือกคนที่เมืองอินจารักและเคารพ การเลือกพระมเหสีหมายถึงเลือกพระมารดาของพระราชาองค์ต่อไป จึงคิดให้ดี" พระมเหสีเอ่ยก่อนจะเดินจากไป
        องค์รัชทายาททรงพยักหน้ารับ ก่อนจะกลับไปยังท้องพระโรงที่พวกเหล่าขุนนางเตรียมวางรายชื่อของเหล่าขุนนางทั้งหลายไว้รับใช้พระราชาองค์ใหม่ การรับผิดชอบชีวิตของราษฏรและดูแลความเป็นอยู่ของพวกเขาคือหน้าที่ของข้า องค์รัชทายาททรงกำชับตนเองในใจ
    เมื่อมาถึงเหล่าขุนนางต่างทำความเคารพและเริ่มอภิปลายถึงรายนามต่างๆ องค์รัชทายาทรู้สึกได้ทันทีว่า รัชสมัยของพระราชาซองโจเริ่มขึ้นแล้ว 

       "พระมเหสีเพค่ะ ขุนนางชองขอเข้าพบเพค่ะ" ท่าทีรีบเร่งของซังกุงของสนิททำให้พระมเหสีตกใจเล็กน้อย นางรีบเข้ามากระซิบกระซาบเหมือนมันเป็นเรื่องคอขาดลาดตาย
      "เจ้าจะตกใจอะไรหนักหนาแชซังกุง"
       "แต่ขุนนางชองมาหาพระมเหสีด้วยเรื่องอะไรล่ะเพค่ะ มันผิดกฏนะเพค่ะ"
       "ข้าไม่ใช่นางสนมของพระราชานะ ข้าเป้นพระมารดาของพระราชาขุนนางจะเข้าพบมันผิดกฏอะไรของเจ้า ไปเชิญใต้เท้าเข้ามาสิ" พระมเหสีบอกอย่างรำคราญซังกุงเท่าขี้ตกใจ นางรีบรนรานออกไปเชิญขุนนางชองเข้ามาตามคำสั่ง
       "ถวายบังคมเพค่ะ พระมเหสี"
       "เชิญท่านนั่งก่อน" พระมเหสีเอ่ยบอกด้วยท่าทีสงบนิ่งและไม่แสดงอาการใดใดออกมา
    ขุนนางชองนั่งล่งก่อนจะเริ่มเจรจารกับพระมเหสีด้วยท่าทีเกรงๆ
      "หม่อมฉันมาารบกวนพระมเหสีหรือเปล่าเพค่ะ"
       "เปล่าหรอก แต่ข้าก็อดแปลกใจมิได้ว่าท่านมาหาข้าอย่างรวดเร็วอะไรขนาดนี้"
       "หมายความว่าพระมเหสีทรง?"
       "ข้ารู้ว่าท่านเร่งรีบมาหาข้าเพราะเรื่องอะไร" ขุนนางชองเงียบไป พระมเหสีนี้ดูท่าทางฉลาดและมีไหวพริบ ทรงไม่ใช่คนมีเล่เหลี่ยม แต่เป็นคนทันคน ต่างจากพระสนมซุกบินโดยสิ้นเชิง
       "ขอประทานอภัยที่เสียมารยาทเพค่ะ"
       "ชองยองอันเป็นหนึ่งในรายชื่อพระชายาของพระโอรสข้า" จู่ๆพระมเหสีก็เอ่ยชื่อของลูกสาวขุนนางชองขึ้นมา ขุนนางชองมีท่าทีตกใจจนเห็นได้ชัด
      "อะไรกันใต้เท้าชอง ลูกสาวของขุนนางระดับต้นๆเหตุใดข้าจะไม่รู้จัก"
       "หม่อมฉันมิคิดว่าจะทรงจำได้"
       "นางน่ะอายุเท่าไหร่แล้วตอนนี้"
       "เอ่อ สิบเจ็ดเพค่ะพระมเหสี" ขุนนางชองตอบอย่างระวังท่าที พระมเหสีมิได้แสดงอาการเกลียดชังหรือยินดีออกมา 
       "ท่านมีเรื่องอะไรจะบอกข้ารึเปล่า" พระมเหสีถามแต่ไม่ทรงมองพระพัก กับทรงสนใจกับการจิบชาร้อนอย่างสบายพระทัย
       "หม่อมฉันอยากขอให้พระมเหสีสนับสนุนลูกสาวของหม่อมฉันเพค่ะ" ในเมื่อจะวางท่านิ่งใส่กัน ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ ขุนนางชองคิดในใจก่อนจะเริ่มพูดจุดประสงค์กับพระมเหสี
       "เรื่องนั้นข้าเองก็ยากจะรับปาก แต่ถ้าท่านเสนอสิ่งที่พอจะทำให้ข้ารับปากท่านได้ก็น่าจะลองเสนอมานะขุนนางชอง" พระมเหสียิ้มรับ อย่างไม่ไหวเกรง นี้สินะที่ใครต่อใครต่างบอก ว่าเป็นพระมเหสีโยอินที่น่ายำเกรง ฉลาดและไม่เกรงกลัวใคร
      "หม่อมฉันเป็นขุนนางใหญ่ของฝ่ายตะวันตก เมื่อฝ่าบาททรงขึ้นครองราชการสนับสนุนของฝ่ายตะวันตกจะยิ่งแข็งแกรงและทรงเสริมฝ่าบาทมากขึ้น ขุนนางฝ่ายอื่นก็จะไม่มีการคัดค้านหรือติติงในสิ่งที่ฝ่าบาทจะทรงปรับหรือแก้ไข หม่อมฉันแค่ขอให้ลูกของหม่อมฉันมีจุดยืนในราชสำนักเพค่ะ" ขุนนางชองเอ่ย
      "แค่นั้นเพียงพอหรือกับตำแหน่งพระมารดาของเมืองอินจา"
      "หม่อมฉันยังไม่ได้บอกหรือว่า อิทธิพลของฝ่ายเหนือมิสู้อะไรกับฝ่ายตะวันตกหากจะมีการค้าเสรีเกิดขึ้นในข้ามฝั่ง หม่อมฉันเองนี่แหล่ะจะทำการสนับสนุนฝ่าบาทในการค้าครั้งนี้ด้วย"
       "การค้าขายกับเมืองอื่นนั้นฝ่าบาทย่อมทำได้ดีอยู๋แล้ว"
       "แต่ถ้าขาดการเจรจาการทูตจากขุนนางล่ะเพค่ะพระมเหสี" ขุนนางชองเอ่ยถามพร่างยิ้ม
       "หากเป็นเช่นนั้นก็ต้องพึ่งพาท่านสินะ อิทธิพลและการสนับสนุนเสริมกำลังของราชบัลลัง"
       "เพค่ะพระมเหสี"
       "ถ้าอย่างนั้น ข้าก็อาจจะส่งเสริมลูกของท่านได้ แต่ก็ต้องลองดูทางฝ่ายพระพันปีเสียก่อน"
       "รับด้วยเกล้าเพค่ะ" ขุนนางชองยิ้มอย่างพอใจ พระมเหสีนี่ฉลาดและรอบครอบรู้ว่าจะต้องทำอะไรและวางหมากอย่างไรให้พระราชาซองโจเติบใหญ่แบบไม่น้อยหน้าพระราชาองค์อื่นๆ
        "ขุนนางชอง พรุ่งนี้พาธิดาของท่านมาพบข้าเป็นการส่วนตัวโดยมิให้ใครรู้ด้วยนะ"
        "เอ่อทำไมล่ะเพค่ะพระมเหสี"
        "ข้าอยากพบนาง จะได้พูดคุยกับนางเป็นการทำความรู้จักกันก่อน"
        "ได้เพค่ะ" ขุนนางชองน้อมรับอย่างโดยดี พระมเหสีเองก็มิได้แสดงท่าทีอะไรออกไปเลย นอกจากพูดคุยเสวนาเรื่องอื่นกับขุนนางชอง

      
     บ้านคิมพันซู
    ขุนนางใหญ่ของฝ่ายตะวันตกคิมพันซูกำลังตะเตรียมงานต้อนรับการมาเยือนของเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ ในฝ่ายของเขา ทั้งใต้เท้าคัง ใต้เท้าชินและใต้เท้าชอง ที่จะทำการพบปะสังสรรค์พูดคุยกัน ตามประสาขุนนาง อาจจะว่าด้วยเรื่องของพระราชาองค์ใหม่ และพระมเหสีที่จะมีการแต่งตั้งในอีกไม่ช้า คิมพันซูเองมีธิดาทั้งหมดสี่คน กับภรรยาน้อยใหญ่ และมีลูกชายกับภรรยาใหญ่1คน ที่ตอนนี้กำลังเข้ารับการเป็นขุนนางของฝ่ายตน คิมคองซาน ในบรรดาธิดาทั้งหมดคงต้องบอกได้เลยว่าไม่มีใครจะงามสู้ คิมซูจองอีกแล้ว ธิดาคนรักที่คิมพันซูทรงรักใคร่และห่วงแหนที่สุดในบรรดาธิดาทั้งหลาย ที่ต่างเติบใหญ่ไปมีครอบครัวของตน
       

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×