ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การสวรรคตของพระราชา
การพบกัน
คิมซูจอง หญิงงามประจำเมืองอินจากำลังเดินเลือกเสื้อของแต่งตัวอยู่ในตลาดแซงแพย่านหัวเมืองของเมืองอินจา ความงดงามของซูจองเป็นที่เลืองลือ โดยหาหญิงได้เทียบได้ ใครๆก็ต่างรู้ว่า เธอคือธิดาคนเล็กของใต้เท้าคิมพันซู จากตระกูลคิมที่มั่งคั่ง
ใบหน้ารูปใข่และผิวสีขาวผ่องนั้นมักเป็นที่สะดุดตาของคนทั้งหลาย ไม่ว่าพอ่ค้าแม่ค้าหรือขุนนางระดับต่างๆ ซูจองมักจะพบเจอสายตาแบบนี้จนเธอรู้สึกเฉยชาไปกับมันเสียแล้ว แต่ก็ยังดีที่ไม่มีใครมากวนใจเธอ อาจเพราะเธอคือคนตระกูลคิม ที่ใครๆต่างก็ยำเกรงก็เป็นได้
คิมซูจองเดินเลือกซื้อผ้าอาภรสีสันต่างๆ ตามคำสั่งของท่านแม่เพื่อนำไปตัดเย็บเป็นชุดเพื่อสวมใส่ในงานดูตัวที่จะเกิดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า โดยมีชเวกึมยองพี่เลี้ยงคนสนิทเดินตามมาติดๆ
"คุณหนูค่ะ เราเลือกซื้อผ้ามากพอแล้วแหล่ะค่ะ" ชเวกึมยองทักท้วงขึ้น หลังจากที่เดินเข้าออกหลายร้านมากพอที่คุณหนูของเธอจะตัดเสื้อผ้าได้สักสามชุดเลยทีเดียว
"เจ้าว่างั้นหรอ แต่ที่ข้าคิดนะท่านแม่คงจะยังไม่พอใจ"คิมซูจองทักทวง พร้อมทั้งนึกถึงใบหน้าของคิมอึนซอผู้เป็นมารดา
"คุณหนูค่ะ แค่นี้นายหญิงคิมก็คงพอใจแล้วเรากลับดีกว่านะค่ะ" ด้วยความเป็นห่วงของพี่เลี้ยงชเวที่มักทักนั้นห้ามนี้คิมซูจองอยู่บ่อยครั้ง หล่อนนึกรำคราญในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่ว่าจะยังไง การเร่งกลับบ้านอย่างที่ชเวกึมยองบอกก็น่าจะเป็นผลดี
"ข้าอยากได้ปิ้นปักผมร้านฝั่งนู้น ข้าหามานานแล้วงั้้นเจ้าช่วยรอตรงนี้ก่อนได้ไหม ข้าจะรีบไปซื้อแล้วจะรีบมา" คิมซูจองนึกถึงปิ่นปักผมที่อยากได้มานานแต่เพราะมั่วแต่เลือกเสื้อผ้า จึงไม่ได้แวะไปดู "คุณหนูค่ะ..." พี่เลี้ยงชเวทักทวง แต่เมื่่อเห็นใบหน้าอ้อนวอนของคุณหนูคิมแล้วเธอก้ย่อมจะใจอ่อนเสียทุกที ใบหน้าหวานขนาดนั้นทำสายตาที่ใครเห็นก็ต้องใจอ่อน
"ให้ข้าไปซื้อให้ไหมเจ้าค่ะ" หล่อนลองเสนอหนทางดู คิมซูจองส่ายหน้า
"เจ้ารู้หรอว่าข้าอยากได้แบบไหน" นั้นสินะ พี่เลี้ยงชเวคิดในใจ หล่อนไม่ค่อยรู้ใจคุณหนูของหล่อนเท่าไหร่หรอก
"ได้เจ้าค่ะ ข้าจะรอคุณหนูอยู่ตรงนี้ ท่านต้องรีบไปรีบกลับนะเจ้าค่ะ"
"ได้ ขอบใจท่านมากนะกึมยอง" ว่าแล้วคิมซูจองก็รีบวิ่งกลับไปยังร้านปากทางทันที ใจของพี่เลี้ยงชเวก็คิดเป็นห่วง แต่เมื่อคุณหนูบอกให้รอเธอก็ต้องรอ
คิมซูจองสาวเท้าก้าวเดินไปตามซอยในตลาดเพื่อจะไปซื้้อปิ้นปักผมที่นางได้อยากได้ แต่เมื่อเดินไปสักพักก็รู้สึกเหมือนมีคนเดิมตาม เธอจึงรีบสาวเท้าก้าวต่อไปและเหมือนจะยิ่งมีคนเร่งฝีเท้าตามเธอ คิมซูจองตัดสินใจหันกับไปและพบโจรแถวนั้น พวกมันเข้าประชิดตัวเธอและดึงข้อมือเล็กๆนั้นไว้
"ไม่อยากตายก็ตามมานี้"
"ไม่ ข้าจะร้องนะ" คิมซูจองขู่ แต่มีสมุนอีกคนเดินมาประกบข้างหลังและจับมีดขึ้นมาจี้ที่เอวของเธอ คิมซูจองตกใจมากเพราะความกลัว เธอจึงต้องเดินตามพวกโจรไปในซอกตรอกแคบๆ ภายในใจก็คิดว่าจะมีคนเห็นและช่วยเธอได้ทัน
"เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร ถ้าท่านพ่อข้ารู้นะ พวกเจ้าตายแน่" แต่เหมือนพวกโจรจะแค่หัวเราะเยาะเธอและพลักดันเธอเข้าไปจนถึงมุมมืดของตรอก และพลักเธอล้มลง
"พวกเจ้าจะทำอะไร ปล่อยข้านะ" ซูจองร้องอ้อนวอน ด้วยความกลัว
"เจ้ามันลูกสาวคนตระกูลดังนี้ มีเงินเท่าไหร่ส่งมา" พวกโจรร้องขู่ ซูจองรีบควักถุงเงินโยนให้พวกมันทันที "ข้ามีเท่านั้น" ลูกสมุนนายหนึ่งสังเกตเห็นสร้อยข้อมือจึงรีบฉวยมือของเธอและพยายามดึงมันออกมาจากข้อมือเธอ
"นี้เจ้าจะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ" ซูจองร้องทัก ไม่ได้นะเจ้าโจรบ้า หล่อนร้องทักในใจ
"กำไรเจ้าสวยดี ข้าขอนะ" เจ้าโจรผู้กระหายความโลภว่าพลางพยายามดึงกำไรข้อมือสีทองลายมังกรออกจากข้อมือของคิมซูจอง ไม่ได้นะ เธอคิดในใจ กำไลของท่านแม่ที่ข้าได้มาไม่ได้เด็ดขาด หล่อนโต้แย้งในใจ และก็พยายามจะขัดขืน แต่แรงหญิงสาวอย่างเธอหรือจะสู้แรงของชายโฉดพวกนี้ได้ ด้วยสติที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเพราะความตกใจกลัว ซูจองได้กัดลงไปที่ข้อมือของมัน "โอ้ยยยยยย" โจรชั่วร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด สมุนอีกคนที่ยืนอยู่ตบเข้าไปที่หน้าขอเธอทันที เพี้ย!! ใบหน้าเล็กๆล้มลงทันที คิมซูจองรู้สึกถึงความเจ็บปวดมหาศาลที่ฉแาบเข้าไปทั่วทั้งแก้มด้านซ้าย ไอ้พวกชั่ว!! เธอคิดด่าในใจ แต่ไม่มีแรงพอที่จะสู้มันได้เลย โจรพวกนั้นพากันมองที่เธอตั้งแต่หัวจรดเท้าและอีกคนเดินมาประชิดตัวเธอพร้อมทั้งบีบแก้มบางๆ ให้หันมาจ้องหน้ามัน พระเจ้าโว้ย มันร้องในใจ ใบหน้าสวยราวกับธิดาในสวรรค์ แบบนี้จะปล่อยไปเฉยๆได้อย่างไร
"งดงามขนาดนี้ จะปล่อยไปเฉยได้อย่างไร" เจ้าโจรที่บีบแก้มเธออยู๋พูดพรางหันไปยิิ้มให่กับลูกสมุนที่จับข้อมือตัวเองด้วยความโกรธแค้น
"สั่งสอนนางส่ะเลยสิ"
"อย่านะ พวกเจ้าจะทำอะไร!!" คิมซูจองตกใจในคำพูดของพวกมัน ไม่นะมันจะทำร้ายเธอหรือ หากโดนขืนใจโดยชายพวกนี้ เธอจะฆ่าตัวตายเสียก่อนดีกว่า
"อย่าโวยวายน่าไม่มีใครมาเห็นเจ้าหรอก"
"ช่วยด้วยยยยย!!" ซูจองร้องสุดชีวิต แต่ในใจก็คิดว่ามันไร้ประโยชน์ในตรอกแขบๆนี้จะมีใครมาสังเกตุ จะมีใครมาได้ยินความช่วยเหลือจากเธอ เธอร้องประท้วงในใจพร้อมทั้งสวด
ภาวานา ขอให้มีใครสักคนผ่านมาช่วย ได้โปรดเถอะ
ในขณะที่พวกโจรกำลังจะฉุดเธอเข้าไปในตรอกที่แขบๆนั้น มีเสียงหัวเราะของชายผู้หนึ่งดังมาจากข้างบน เสียงใครกัน ซูจองคิดในใจ พรางภาวนาว่านั้นไม่ใช่เสียงที่เธอหลอนไปเอง
"บ้านเมืองมีคนแบบพวกเจ้าสินะ เมืองอินจาถึงได้สกปรก" ชายผู้นั้นยืนอยู่บนหลังคาที่ไม่สูงมากของตึก ตึกแคบๆเน่าๆที่ขนาบไปด้วยอาคารเล็กๆสองข้าง ขายผู้นั้นค่อยนั่งย่อนขาลงด้วยท่าทีสบาย ซูจองมองไม่เห็นใบหน้าของเค้าชัดนัก อาจเพราะแสงจากพระอาทิตย์ที่ส่องลงมาก็ได้
"เจ้าอย่ามายุ่งดีกว่าน้า!!" ลูกสมุนร้องทักท้วง ก่อนจะพยายามหาอาวุธเพื่อสู้กับชายหนุ่ม ชายหนุ่มไม่ไหวติงใดๆ และกระโดดลงมาจากหลังคาของอาคารที่ไม่สูงมากนัก
"ถ้าไม่อยากตายก็ส่งหญิงสาวนั้นมา" ชายหนุ่มกล่าว ตอนนี้เค้ายืนอยู่ตรงหน้าของพวกมัน ซูจองพยายามเพ้งเล่งใบหน้าของเค้าและพิจารณาดูให้ชัดว่าเค้าไม่ใช่โจรอีกคนใช่ไหม
"แกนี้เสือกไม่เข้าเรื่อง อยากตายไงว่ะ!!" โจรผู้เป็นหัวหน้าชักรำคราญ
"โอ้ยยยยย" ยังไม่ทันที่โจรผู้เป็นหัวหน้าจะได้เอ่ยอะไร ซูจองฉวยโอกาสกัดเข้าที่ข้อมือและวิ่งตรงไปหาชายคนข้างหน้า ต่อให้เขาจะเป็นใคร ก็ช่างอย่างน้อยๆก็ยังมีจิตใจมาช่วย เขาคงไม่ใช่โจรที่สวมลอยมาอีกคนแน่ ซูจองโผเข้าหาชายหนุ่ม ชายหนุ่มรับเธอไว้ในอ้อมกอดใบหน้าที่ซุกลงที่อกอุ่นนั้น ทำให้ชายหนุ่มนิ่งงันไปชั่วครู่
"นังตัวดี หน๊อยยย!! แกตายแน่"
ว่าแล้วโจรสองคนนั้นก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับท่าทางที่หน้ากลัว ชายหนุ่มดึงหญิงสาวเข้ามาข้างหลังก่อนจะชักดาบสีขาวสะอาดขึ้นมา ซูจองสังเกตเห็นตรามังกรตรงดาบ เขาผู้นี้จะต้องไม่ใข่ชาวบ้านทั่วไปในเมืองอินจาคนที่จะใช้ดาบสีขาวหรืออาวุธที่มีตรางสัญญาลักษณ์มังกรได้นั้น จะต้องเป็นคนภายในราชสำนัก เขาอาจจะเป็นองค์รักษ์ของเชื้อพระวงศ์สักคนแน่ๆ เธอคิดในใจ พรางหลับตาไม่กล้าดูการต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า
"ถ้ายังอยากหายใจก็ส่งของที่พวกเจ้าชิงนางไปคืนมาสะ ไอ้พวกสวะ" ปลายดาบสีขาวจ่ออยู่ที่ลำคอของหัวหน้าโจร ลูกสมุนยืนสั่นสะท้านด้วยความกลัว และก้มลงหมอบกับพื้นด้วยท่าทีร้องขอชีวิต ชายหนุ่มเสตาลองเล็กน้อยก็จะกดมือให้หนักขึ้น เพื่อที่ดาบจะได้แทงคอของหัวหน้าโจรให้มันรู้สึกเจ็บมากขึ้น
"ขะ ข้า ไม่ได้..ตั้งใจทะ ทะท่าน" หัวหน้าโจรพูดตระกุกตระกัก และหลับตาลงด้วยความกลัว ร่างกายสั่นเทาและเริ่มร้องขอชีวิตอีกคน กระจอกสิ้นดี ชายหนึ่มคิดในใจ
"แต่การกระทำที่ข้ายืนดูมาสักพักเหมือนพวกเจ้าตั้งใจนะ"ชายหนุ่มเอ่ย
การกระทำที่ข้ายืนดูสักพักหรอ ซูจองฉุกคิดในคำพูดของชายหนุ่มผู้ช่วยชีวิตเธอ พลางติเขาในใจ เห็นมาตั้งนานแล้วทำไมไม่รีบช่วยเธอ เขาเป็นใครกันแน่ !
"ข้าน้อยสมควรตาย ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยนายท่าน ฮือออออ" โจรกระจอกร้องขอชีวิตพรางร้องฟูมฟาย ช่างน่าสมเพชจริงๆ
"งั้นข้าจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าข้าหันหลังไปยังเห็นเจ้าวิ่งไม่ถึงปากทาง ข้าจะฆ่าเจ้าสะ"ชายหนุ่มเว้นเสียงก่อนจะ ลากเสียงหนักแน่นตรงคำว่าฆ่าเจ้าส่ะ!
"ได้ได้ขอรับนายท่าน" พวกโจรกระจอกเมื่อได้รับการให้อภัยชีวิตแล้วก็รีบวิ่งหางจุกตูดหายไปอย่างรวดเร็ว คิมซูจองมองตามพร้อมทั้งนึกสมเพชในใจ ทีกับนางทำร้ายได้ กับบุรุษที่ถือดาบน่ะพากันกลัว มิน่าล่ะพี่เลีี้ยงชเวถึงได้เป็นห่วงหนักหนา
ชายหนุ่มสังเกตเห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังก่อนจะหันไปหานางอย่างรู้สึกประหม่า หญิงสาวสังเกตุเห็นชายหนุ่มที่เพ่งมองเธอ ซูจองหันมาโค้งคำนับขอบคุณก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขา ชายหนุ่มนิ่งงันตกตะลึงไปอยู่พักหนึ่ง ใบหน้าสวยหวานของซูจอง ต้องสะกดคนอย่างเขา ผิวขาวเนียนระเอียดและใบหน้ารูปใข่ พร้อมริมฝีปากสีชมพู กำลังเอ่ยขอบคุณ มันเหมือนชั่วโมงต้องมนต์ของเขาเลย "ข้าต้องขอบคุณท่านมากนะเจ้าค่ะ" ชายหนุ่มกระแอมกระไอเบาๆ ด้วยความเขินอาย ก่อนจะเก็กท่าทางและค่อยๆเสีบดาบลงที่ของมัน
"ท่านเป็นหรือค่ะ"
"อ่อข้า เอ่อ..." ชายหนุ่มไม่รู้จะแนะนำตัวตนของเขาดีหรือเปล่า แต่ตรามังกรที่หญิงสาวเหลือบเห็นน่าจะทำให้เธอรู้แล้วก็เป็นได้
"ท่านเป็นหัวหน้าองค์รักษ์ใช่ไหมค่ะ" ซูจองเอ่ยถามเสียงใสพรางยิ้ม รอยยิ้มนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกประหม่าอีกครั้ง แต่เดี๋ยวก่อนนะ เธอบอกว่าหัวหน้าองค์รักษ์งั้นหรอ?
"หัวหน้าองค์รักษ์?" ชายหนุ่มทวนคำอย่างนึกขัน นี่เธอไม่สังเกตุหรือเธอไม่รู้กันแน่นะ
"ก็ท่านมีดดาบสีขาวลายมังกร ดาบนั้นเป็นแค่ของเชื้อพระวงศ์เท่านั้น หรือไม่ก็คนในราชสำนัก ท่านคงมิใช่..." ซูจองเอ่ยทวนคำถามอย่างเว้นมารยาทเอาไว้ ชายหนุ่มนึกขันความคิดของเธอในใจ พรางพยักหน้า เป็นครั้งแรกที่ซูจองรู้สึกดีที่พบรอยยิ้มของเขา เพราะใบหน้าเคร่งครึมนั้นช่างไม่น่ามองเลยจริงๆ
"เจ้าดูท่าทางจะเป็นหญิงสาวจากตระกูลชั้นสูงไม่น่ามาเดินอยู่เพียงลำพัง"
"อ่อ ข้าลืมแนะนำตัวไป ข้าชื่อคิมซูจองเจ้าค่ะ"
คิมซูจองหรอ ? นางเป็นคนจากตระกูลคิมสินะ ท่าทางของนางก็บ่งบอกอยู่ว่ามาจากตระกูลผู้ดีแน่ๆ เสื้อผ้าอาภรที่สวมใส่นั้นช่างได้รับการตัดเย็บจากช่างที่มีฝีมือจริงๆ
"เจ้าเป็นลูกสาวของใต้เท้าคิมพันซูรึเปล่า?" ชายหนุ่มถามพร่างตั้งข้อสงสัย ว่าถ้านางเป็นลูกจากตระกูลคิม แล้วยังเป็นลูกสาวของใต้เท้าผู้มากด้วยอำนาจจากการหนุนหลังของพระพันปีโยรินล่ะก็ เขาจะรู้สึกอย่างไรกับเธอดี
"เจ้าค่ะ ข้าคือลูกของใต้เท้าคิมพันซู" คิมซูจองตอบพร่างยิ้ม ในใจก็นึกสงสัยว่าทำไมเขาถึงรู้จักท่าพ่อของตน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร
"หึหึ" ชายหนุ่มนึกขันในใจ การพบการของคิมซูจองและเขานั้นเป็นเรื่องบังเอิญ ซ้ำร้ายกว่านั้นนางยังเป็นที่ต้องตาต้องใจของเขาอีกด้วย แต่หากนางคือลูกสาวใต้เท้าคิมพันซูล่ะก็...
"ข้าต้องขอตัวก่อนนะ"
"เดี๋ยวค่ะท่าน!!" ซุจองรีบฉวยมือของชายหนุ่มไว้ ด้วยความที่นึกได้ว่ายังไม่ได้ตอบแทนช่ายผู้มีพระคุณท่านนี้เลย ชายหนุ่มตกใจก่อนจะหันมามองที่ข้อมือของตน สัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือน้อยๆที่จับอยู่ทำให้เขารู้สึกน่าร้อนผล่า
"เอ่อ ขอประทานอภัยด้วยค่ะ" ซูจองนึกขึ้นได้ว่าทำสิ่งไม่เหมาะสม จึงรีบฉวยมือของตนกลับมาด้วยท่าทางเคอะเขิน หน้าตาชายหนุ่มผู้หล่อเหล่าทำให้ใจเธอเต้นแรง
ชายหนุ่มตรงหน้านี่ ที่ดูผิวพรรณสะอาด ไม่น่าจะเป็นองค์รักษ์เลย รูปโฉมที่งดงามริมฝีปากซ่อนสีแดง และร่างที่โปร่งบางนี้เหมือนจะเป็นเชื้อพระวงศ์เสียด้วยซ้ำ ซูจองนึกประมวลในใจ
"มีอะไรหรือ" เขาเอ่ยถาม
"นี่เจ้าค่อ ของขวัญจากข้า" ซูจองยื่นกำไลให้ กำไลข้อมือที่เล็กส่ะจนเขานึกขำว่าจะใส่มันได้ไหม นางช่างมีน้ำใจจริงๆ
"มันสำคัญกับเจ้ามากไม่ใช่หรอ?" เขาถาม เพราะจากการที่พวกโจรพยายามรุมแยงกำไลของซูจองแล้ว มันน่าจะมีความหมายกับเธอมากพอที่เธอคิดจะสู้กับพวกมัน
"ค่ะ แต่ท่านคือผู้มีพระคุณ ข้าก็ควรจะตอบแทนท่าน" เธอว่าพรางมองที่กำไลในมือ ก่อนจะตัดสินใจ ยื่นมันให้แก่ชายหนุ่ม
"เก็บไว้เถอะ ไม่เป็นไร"
"แต่..." ซูจองทักทวง แต่ชายหนุ่มไม่ฟังคำเธอ เขาจับสร้อยข้อมือสวมใส่ที่ข้อมือเธอ และยิ้มให้ รอยยิ้มที่เธอเองรู้สึกชื่นชมมันในใจ
"เจ้าเก็บมันไว้เถอะ แม่นางคิม" เขาเอ่ยชื่อของเธอสกุลเธอก่อนจะ หันหลังกลับและเดินจากไป คิมซูจองได้แต่มองตามหลังของชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตโดยไม่ได้ถามไถ่ชื่อของเขาเลย
ชายผู้ช่วยชีวิตของเธอ องค์รักษ์?คนนั้น คือใครกันนะ?
ใบหน้ารูปใข่และผิวสีขาวผ่องนั้นมักเป็นที่สะดุดตาของคนทั้งหลาย ไม่ว่าพอ่ค้าแม่ค้าหรือขุนนางระดับต่างๆ ซูจองมักจะพบเจอสายตาแบบนี้จนเธอรู้สึกเฉยชาไปกับมันเสียแล้ว แต่ก็ยังดีที่ไม่มีใครมากวนใจเธอ อาจเพราะเธอคือคนตระกูลคิม ที่ใครๆต่างก็ยำเกรงก็เป็นได้
คิมซูจองเดินเลือกซื้อผ้าอาภรสีสันต่างๆ ตามคำสั่งของท่านแม่เพื่อนำไปตัดเย็บเป็นชุดเพื่อสวมใส่ในงานดูตัวที่จะเกิดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า โดยมีชเวกึมยองพี่เลี้ยงคนสนิทเดินตามมาติดๆ
"คุณหนูค่ะ เราเลือกซื้อผ้ามากพอแล้วแหล่ะค่ะ" ชเวกึมยองทักท้วงขึ้น หลังจากที่เดินเข้าออกหลายร้านมากพอที่คุณหนูของเธอจะตัดเสื้อผ้าได้สักสามชุดเลยทีเดียว
"เจ้าว่างั้นหรอ แต่ที่ข้าคิดนะท่านแม่คงจะยังไม่พอใจ"คิมซูจองทักทวง พร้อมทั้งนึกถึงใบหน้าของคิมอึนซอผู้เป็นมารดา
"คุณหนูค่ะ แค่นี้นายหญิงคิมก็คงพอใจแล้วเรากลับดีกว่านะค่ะ" ด้วยความเป็นห่วงของพี่เลี้ยงชเวที่มักทักนั้นห้ามนี้คิมซูจองอยู่บ่อยครั้ง หล่อนนึกรำคราญในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่ว่าจะยังไง การเร่งกลับบ้านอย่างที่ชเวกึมยองบอกก็น่าจะเป็นผลดี
"ข้าอยากได้ปิ้นปักผมร้านฝั่งนู้น ข้าหามานานแล้วงั้้นเจ้าช่วยรอตรงนี้ก่อนได้ไหม ข้าจะรีบไปซื้อแล้วจะรีบมา" คิมซูจองนึกถึงปิ่นปักผมที่อยากได้มานานแต่เพราะมั่วแต่เลือกเสื้อผ้า จึงไม่ได้แวะไปดู "คุณหนูค่ะ..." พี่เลี้ยงชเวทักทวง แต่เมื่่อเห็นใบหน้าอ้อนวอนของคุณหนูคิมแล้วเธอก้ย่อมจะใจอ่อนเสียทุกที ใบหน้าหวานขนาดนั้นทำสายตาที่ใครเห็นก็ต้องใจอ่อน
"ให้ข้าไปซื้อให้ไหมเจ้าค่ะ" หล่อนลองเสนอหนทางดู คิมซูจองส่ายหน้า
"เจ้ารู้หรอว่าข้าอยากได้แบบไหน" นั้นสินะ พี่เลี้ยงชเวคิดในใจ หล่อนไม่ค่อยรู้ใจคุณหนูของหล่อนเท่าไหร่หรอก
"ได้เจ้าค่ะ ข้าจะรอคุณหนูอยู่ตรงนี้ ท่านต้องรีบไปรีบกลับนะเจ้าค่ะ"
"ได้ ขอบใจท่านมากนะกึมยอง" ว่าแล้วคิมซูจองก็รีบวิ่งกลับไปยังร้านปากทางทันที ใจของพี่เลี้ยงชเวก็คิดเป็นห่วง แต่เมื่อคุณหนูบอกให้รอเธอก็ต้องรอ
คิมซูจองสาวเท้าก้าวเดินไปตามซอยในตลาดเพื่อจะไปซื้้อปิ้นปักผมที่นางได้อยากได้ แต่เมื่อเดินไปสักพักก็รู้สึกเหมือนมีคนเดิมตาม เธอจึงรีบสาวเท้าก้าวต่อไปและเหมือนจะยิ่งมีคนเร่งฝีเท้าตามเธอ คิมซูจองตัดสินใจหันกับไปและพบโจรแถวนั้น พวกมันเข้าประชิดตัวเธอและดึงข้อมือเล็กๆนั้นไว้
"ไม่อยากตายก็ตามมานี้"
"ไม่ ข้าจะร้องนะ" คิมซูจองขู่ แต่มีสมุนอีกคนเดินมาประกบข้างหลังและจับมีดขึ้นมาจี้ที่เอวของเธอ คิมซูจองตกใจมากเพราะความกลัว เธอจึงต้องเดินตามพวกโจรไปในซอกตรอกแคบๆ ภายในใจก็คิดว่าจะมีคนเห็นและช่วยเธอได้ทัน
"เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร ถ้าท่านพ่อข้ารู้นะ พวกเจ้าตายแน่" แต่เหมือนพวกโจรจะแค่หัวเราะเยาะเธอและพลักดันเธอเข้าไปจนถึงมุมมืดของตรอก และพลักเธอล้มลง
"พวกเจ้าจะทำอะไร ปล่อยข้านะ" ซูจองร้องอ้อนวอน ด้วยความกลัว
"เจ้ามันลูกสาวคนตระกูลดังนี้ มีเงินเท่าไหร่ส่งมา" พวกโจรร้องขู่ ซูจองรีบควักถุงเงินโยนให้พวกมันทันที "ข้ามีเท่านั้น" ลูกสมุนนายหนึ่งสังเกตเห็นสร้อยข้อมือจึงรีบฉวยมือของเธอและพยายามดึงมันออกมาจากข้อมือเธอ
"นี้เจ้าจะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ" ซูจองร้องทัก ไม่ได้นะเจ้าโจรบ้า หล่อนร้องทักในใจ
"กำไรเจ้าสวยดี ข้าขอนะ" เจ้าโจรผู้กระหายความโลภว่าพลางพยายามดึงกำไรข้อมือสีทองลายมังกรออกจากข้อมือของคิมซูจอง ไม่ได้นะ เธอคิดในใจ กำไลของท่านแม่ที่ข้าได้มาไม่ได้เด็ดขาด หล่อนโต้แย้งในใจ และก็พยายามจะขัดขืน แต่แรงหญิงสาวอย่างเธอหรือจะสู้แรงของชายโฉดพวกนี้ได้ ด้วยสติที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเพราะความตกใจกลัว ซูจองได้กัดลงไปที่ข้อมือของมัน "โอ้ยยยยยย" โจรชั่วร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด สมุนอีกคนที่ยืนอยู่ตบเข้าไปที่หน้าขอเธอทันที เพี้ย!! ใบหน้าเล็กๆล้มลงทันที คิมซูจองรู้สึกถึงความเจ็บปวดมหาศาลที่ฉแาบเข้าไปทั่วทั้งแก้มด้านซ้าย ไอ้พวกชั่ว!! เธอคิดด่าในใจ แต่ไม่มีแรงพอที่จะสู้มันได้เลย โจรพวกนั้นพากันมองที่เธอตั้งแต่หัวจรดเท้าและอีกคนเดินมาประชิดตัวเธอพร้อมทั้งบีบแก้มบางๆ ให้หันมาจ้องหน้ามัน พระเจ้าโว้ย มันร้องในใจ ใบหน้าสวยราวกับธิดาในสวรรค์ แบบนี้จะปล่อยไปเฉยๆได้อย่างไร
"งดงามขนาดนี้ จะปล่อยไปเฉยได้อย่างไร" เจ้าโจรที่บีบแก้มเธออยู๋พูดพรางหันไปยิิ้มให่กับลูกสมุนที่จับข้อมือตัวเองด้วยความโกรธแค้น
"สั่งสอนนางส่ะเลยสิ"
"อย่านะ พวกเจ้าจะทำอะไร!!" คิมซูจองตกใจในคำพูดของพวกมัน ไม่นะมันจะทำร้ายเธอหรือ หากโดนขืนใจโดยชายพวกนี้ เธอจะฆ่าตัวตายเสียก่อนดีกว่า
"อย่าโวยวายน่าไม่มีใครมาเห็นเจ้าหรอก"
"ช่วยด้วยยยยย!!" ซูจองร้องสุดชีวิต แต่ในใจก็คิดว่ามันไร้ประโยชน์ในตรอกแขบๆนี้จะมีใครมาสังเกตุ จะมีใครมาได้ยินความช่วยเหลือจากเธอ เธอร้องประท้วงในใจพร้อมทั้งสวด
ภาวานา ขอให้มีใครสักคนผ่านมาช่วย ได้โปรดเถอะ
ในขณะที่พวกโจรกำลังจะฉุดเธอเข้าไปในตรอกที่แขบๆนั้น มีเสียงหัวเราะของชายผู้หนึ่งดังมาจากข้างบน เสียงใครกัน ซูจองคิดในใจ พรางภาวนาว่านั้นไม่ใช่เสียงที่เธอหลอนไปเอง
"บ้านเมืองมีคนแบบพวกเจ้าสินะ เมืองอินจาถึงได้สกปรก" ชายผู้นั้นยืนอยู่บนหลังคาที่ไม่สูงมากของตึก ตึกแคบๆเน่าๆที่ขนาบไปด้วยอาคารเล็กๆสองข้าง ขายผู้นั้นค่อยนั่งย่อนขาลงด้วยท่าทีสบาย ซูจองมองไม่เห็นใบหน้าของเค้าชัดนัก อาจเพราะแสงจากพระอาทิตย์ที่ส่องลงมาก็ได้
"เจ้าอย่ามายุ่งดีกว่าน้า!!" ลูกสมุนร้องทักท้วง ก่อนจะพยายามหาอาวุธเพื่อสู้กับชายหนุ่ม ชายหนุ่มไม่ไหวติงใดๆ และกระโดดลงมาจากหลังคาของอาคารที่ไม่สูงมากนัก
"ถ้าไม่อยากตายก็ส่งหญิงสาวนั้นมา" ชายหนุ่มกล่าว ตอนนี้เค้ายืนอยู่ตรงหน้าของพวกมัน ซูจองพยายามเพ้งเล่งใบหน้าของเค้าและพิจารณาดูให้ชัดว่าเค้าไม่ใช่โจรอีกคนใช่ไหม
"แกนี้เสือกไม่เข้าเรื่อง อยากตายไงว่ะ!!" โจรผู้เป็นหัวหน้าชักรำคราญ
"โอ้ยยยยย" ยังไม่ทันที่โจรผู้เป็นหัวหน้าจะได้เอ่ยอะไร ซูจองฉวยโอกาสกัดเข้าที่ข้อมือและวิ่งตรงไปหาชายคนข้างหน้า ต่อให้เขาจะเป็นใคร ก็ช่างอย่างน้อยๆก็ยังมีจิตใจมาช่วย เขาคงไม่ใช่โจรที่สวมลอยมาอีกคนแน่ ซูจองโผเข้าหาชายหนุ่ม ชายหนุ่มรับเธอไว้ในอ้อมกอดใบหน้าที่ซุกลงที่อกอุ่นนั้น ทำให้ชายหนุ่มนิ่งงันไปชั่วครู่
"นังตัวดี หน๊อยยย!! แกตายแน่"
ว่าแล้วโจรสองคนนั้นก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับท่าทางที่หน้ากลัว ชายหนุ่มดึงหญิงสาวเข้ามาข้างหลังก่อนจะชักดาบสีขาวสะอาดขึ้นมา ซูจองสังเกตเห็นตรามังกรตรงดาบ เขาผู้นี้จะต้องไม่ใข่ชาวบ้านทั่วไปในเมืองอินจาคนที่จะใช้ดาบสีขาวหรืออาวุธที่มีตรางสัญญาลักษณ์มังกรได้นั้น จะต้องเป็นคนภายในราชสำนัก เขาอาจจะเป็นองค์รักษ์ของเชื้อพระวงศ์สักคนแน่ๆ เธอคิดในใจ พรางหลับตาไม่กล้าดูการต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า
"ถ้ายังอยากหายใจก็ส่งของที่พวกเจ้าชิงนางไปคืนมาสะ ไอ้พวกสวะ" ปลายดาบสีขาวจ่ออยู่ที่ลำคอของหัวหน้าโจร ลูกสมุนยืนสั่นสะท้านด้วยความกลัว และก้มลงหมอบกับพื้นด้วยท่าทีร้องขอชีวิต ชายหนุ่มเสตาลองเล็กน้อยก็จะกดมือให้หนักขึ้น เพื่อที่ดาบจะได้แทงคอของหัวหน้าโจรให้มันรู้สึกเจ็บมากขึ้น
"ขะ ข้า ไม่ได้..ตั้งใจทะ ทะท่าน" หัวหน้าโจรพูดตระกุกตระกัก และหลับตาลงด้วยความกลัว ร่างกายสั่นเทาและเริ่มร้องขอชีวิตอีกคน กระจอกสิ้นดี ชายหนึ่มคิดในใจ
"แต่การกระทำที่ข้ายืนดูมาสักพักเหมือนพวกเจ้าตั้งใจนะ"ชายหนุ่มเอ่ย
การกระทำที่ข้ายืนดูสักพักหรอ ซูจองฉุกคิดในคำพูดของชายหนุ่มผู้ช่วยชีวิตเธอ พลางติเขาในใจ เห็นมาตั้งนานแล้วทำไมไม่รีบช่วยเธอ เขาเป็นใครกันแน่ !
"ข้าน้อยสมควรตาย ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยนายท่าน ฮือออออ" โจรกระจอกร้องขอชีวิตพรางร้องฟูมฟาย ช่างน่าสมเพชจริงๆ
"งั้นข้าจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าข้าหันหลังไปยังเห็นเจ้าวิ่งไม่ถึงปากทาง ข้าจะฆ่าเจ้าสะ"ชายหนุ่มเว้นเสียงก่อนจะ ลากเสียงหนักแน่นตรงคำว่าฆ่าเจ้าส่ะ!
"ได้ได้ขอรับนายท่าน" พวกโจรกระจอกเมื่อได้รับการให้อภัยชีวิตแล้วก็รีบวิ่งหางจุกตูดหายไปอย่างรวดเร็ว คิมซูจองมองตามพร้อมทั้งนึกสมเพชในใจ ทีกับนางทำร้ายได้ กับบุรุษที่ถือดาบน่ะพากันกลัว มิน่าล่ะพี่เลีี้ยงชเวถึงได้เป็นห่วงหนักหนา
ชายหนุ่มสังเกตเห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังก่อนจะหันไปหานางอย่างรู้สึกประหม่า หญิงสาวสังเกตุเห็นชายหนุ่มที่เพ่งมองเธอ ซูจองหันมาโค้งคำนับขอบคุณก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขา ชายหนุ่มนิ่งงันตกตะลึงไปอยู่พักหนึ่ง ใบหน้าสวยหวานของซูจอง ต้องสะกดคนอย่างเขา ผิวขาวเนียนระเอียดและใบหน้ารูปใข่ พร้อมริมฝีปากสีชมพู กำลังเอ่ยขอบคุณ มันเหมือนชั่วโมงต้องมนต์ของเขาเลย "ข้าต้องขอบคุณท่านมากนะเจ้าค่ะ" ชายหนุ่มกระแอมกระไอเบาๆ ด้วยความเขินอาย ก่อนจะเก็กท่าทางและค่อยๆเสีบดาบลงที่ของมัน
"ท่านเป็นหรือค่ะ"
"อ่อข้า เอ่อ..." ชายหนุ่มไม่รู้จะแนะนำตัวตนของเขาดีหรือเปล่า แต่ตรามังกรที่หญิงสาวเหลือบเห็นน่าจะทำให้เธอรู้แล้วก็เป็นได้
"ท่านเป็นหัวหน้าองค์รักษ์ใช่ไหมค่ะ" ซูจองเอ่ยถามเสียงใสพรางยิ้ม รอยยิ้มนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกประหม่าอีกครั้ง แต่เดี๋ยวก่อนนะ เธอบอกว่าหัวหน้าองค์รักษ์งั้นหรอ?
"หัวหน้าองค์รักษ์?" ชายหนุ่มทวนคำอย่างนึกขัน นี่เธอไม่สังเกตุหรือเธอไม่รู้กันแน่นะ
"ก็ท่านมีดดาบสีขาวลายมังกร ดาบนั้นเป็นแค่ของเชื้อพระวงศ์เท่านั้น หรือไม่ก็คนในราชสำนัก ท่านคงมิใช่..." ซูจองเอ่ยทวนคำถามอย่างเว้นมารยาทเอาไว้ ชายหนุ่มนึกขันความคิดของเธอในใจ พรางพยักหน้า เป็นครั้งแรกที่ซูจองรู้สึกดีที่พบรอยยิ้มของเขา เพราะใบหน้าเคร่งครึมนั้นช่างไม่น่ามองเลยจริงๆ
"เจ้าดูท่าทางจะเป็นหญิงสาวจากตระกูลชั้นสูงไม่น่ามาเดินอยู่เพียงลำพัง"
"อ่อ ข้าลืมแนะนำตัวไป ข้าชื่อคิมซูจองเจ้าค่ะ"
คิมซูจองหรอ ? นางเป็นคนจากตระกูลคิมสินะ ท่าทางของนางก็บ่งบอกอยู่ว่ามาจากตระกูลผู้ดีแน่ๆ เสื้อผ้าอาภรที่สวมใส่นั้นช่างได้รับการตัดเย็บจากช่างที่มีฝีมือจริงๆ
"เจ้าเป็นลูกสาวของใต้เท้าคิมพันซูรึเปล่า?" ชายหนุ่มถามพร่างตั้งข้อสงสัย ว่าถ้านางเป็นลูกจากตระกูลคิม แล้วยังเป็นลูกสาวของใต้เท้าผู้มากด้วยอำนาจจากการหนุนหลังของพระพันปีโยรินล่ะก็ เขาจะรู้สึกอย่างไรกับเธอดี
"เจ้าค่ะ ข้าคือลูกของใต้เท้าคิมพันซู" คิมซูจองตอบพร่างยิ้ม ในใจก็นึกสงสัยว่าทำไมเขาถึงรู้จักท่าพ่อของตน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร
"หึหึ" ชายหนุ่มนึกขันในใจ การพบการของคิมซูจองและเขานั้นเป็นเรื่องบังเอิญ ซ้ำร้ายกว่านั้นนางยังเป็นที่ต้องตาต้องใจของเขาอีกด้วย แต่หากนางคือลูกสาวใต้เท้าคิมพันซูล่ะก็...
"ข้าต้องขอตัวก่อนนะ"
"เดี๋ยวค่ะท่าน!!" ซุจองรีบฉวยมือของชายหนุ่มไว้ ด้วยความที่นึกได้ว่ายังไม่ได้ตอบแทนช่ายผู้มีพระคุณท่านนี้เลย ชายหนุ่มตกใจก่อนจะหันมามองที่ข้อมือของตน สัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือน้อยๆที่จับอยู่ทำให้เขารู้สึกน่าร้อนผล่า
"เอ่อ ขอประทานอภัยด้วยค่ะ" ซูจองนึกขึ้นได้ว่าทำสิ่งไม่เหมาะสม จึงรีบฉวยมือของตนกลับมาด้วยท่าทางเคอะเขิน หน้าตาชายหนุ่มผู้หล่อเหล่าทำให้ใจเธอเต้นแรง
ชายหนุ่มตรงหน้านี่ ที่ดูผิวพรรณสะอาด ไม่น่าจะเป็นองค์รักษ์เลย รูปโฉมที่งดงามริมฝีปากซ่อนสีแดง และร่างที่โปร่งบางนี้เหมือนจะเป็นเชื้อพระวงศ์เสียด้วยซ้ำ ซูจองนึกประมวลในใจ
"มีอะไรหรือ" เขาเอ่ยถาม
"นี่เจ้าค่อ ของขวัญจากข้า" ซูจองยื่นกำไลให้ กำไลข้อมือที่เล็กส่ะจนเขานึกขำว่าจะใส่มันได้ไหม นางช่างมีน้ำใจจริงๆ
"มันสำคัญกับเจ้ามากไม่ใช่หรอ?" เขาถาม เพราะจากการที่พวกโจรพยายามรุมแยงกำไลของซูจองแล้ว มันน่าจะมีความหมายกับเธอมากพอที่เธอคิดจะสู้กับพวกมัน
"ค่ะ แต่ท่านคือผู้มีพระคุณ ข้าก็ควรจะตอบแทนท่าน" เธอว่าพรางมองที่กำไลในมือ ก่อนจะตัดสินใจ ยื่นมันให้แก่ชายหนุ่ม
"เก็บไว้เถอะ ไม่เป็นไร"
"แต่..." ซูจองทักทวง แต่ชายหนุ่มไม่ฟังคำเธอ เขาจับสร้อยข้อมือสวมใส่ที่ข้อมือเธอ และยิ้มให้ รอยยิ้มที่เธอเองรู้สึกชื่นชมมันในใจ
"เจ้าเก็บมันไว้เถอะ แม่นางคิม" เขาเอ่ยชื่อของเธอสกุลเธอก่อนจะ หันหลังกลับและเดินจากไป คิมซูจองได้แต่มองตามหลังของชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตโดยไม่ได้ถามไถ่ชื่อของเขาเลย
ชายผู้ช่วยชีวิตของเธอ องค์รักษ์?คนนั้น คือใครกันนะ?
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น