คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ไม่คาดฝัน
“อรุณสวัสดิ์ลอเรน อรุณสวัสดิ์เดมอส!”
“อรุณสวัสดิ์..”
ทั้งสามคนทักทายกันขณะรับประทานอาหารเช้าที่บาร์ เกรเซียสหันซ้ายหันขวาเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่กลัวคนอื่นจะได้ยิน สุดท้ายเขาก็อดกวักมือให้เพื่อนอีกสองคนยื่นหน้าไปใกล้แล้วกระซิบเสียงเบาที่สุดว่า “เมื่อคืนข้าได้เงื่อนงำบางอย่าง ตอนนี้ข้าแน่ใจว่าลิชช์ที่เราตามหาอยู่ที่ไหน”
“จริงเหรอ” ลอเรนที่ตอนแรกยังมึนๆ ไม่หายจากอาการเมาค้างตาสว่างทันที “สรุปว่ายังไงล่ะเกรเซียส”
“นั่นไง” เขาบุ้ยปากไปทางเจ๊เจ้าของร้านเหล้า “นางนั่นล่ะลิชช์”
ลอเรนกับเดมอสมองหน้ากันแวบหนึ่งแล้วเบนสายตาไปจ้องพี่สาวที่รินเหล้าให้แขกที่เมากันแต่หัววัน
“เจ้าแน่ใจนะ?” ลอเรนขมวดคิ้ว เขาสัมผัสไอความมืดจากตัวหล่อนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แถมไอ้ท่าทางกระฉับกระเฉงหยอกล้อกับบรรดาหนุ่มๆ ที่เข้ามาจีบยิ่งทำให้ควรค่าแก่การมองข้ามว่าเป็นลิชช์ไปเสียครึ่ง
“ไม่เชื่อมือข้าเหรอ” เกรเซียสทำหน้ายู่ “เมื่อคืนข้าสะกดรอยตามนางไป นางมีอุปกรณ์ศาสตร์มืดสารพัดสารเพเหมือนพิ้งกี้ไม่มีผิด หนึ่งในนั้นต้องมีเครื่องมืออะไรที่กลบไอมืดไปได้แน่นอน”
“สะกดรอยตาม!?” ลอเรนอุทานแล้วหันขวับไปหาเดมอส “ว่าแต่ทำไมเจ้าไม่ห้ามเขา!”
“ก็ข้าไม่รู้ว่าเขาจะทำเรื่องแบบนี้” เดมอสยักไหล่
ใครจะพูดล่ะว่าข้าต้องนั่งเฝ้าเจ้าอยู่..
อมนุษย์ในชุดนักดาบถอนหายใจเฮือกอย่างสุดจะปลงกับนิสัยของเพื่อนสมัยเด็ก เขาถามต่ออย่างจนใจว่า
“แล้วนางใช้วิธีไหนควบคุมอมนุษย์จำนวนมากมาโจมตีเมืองลีฟบัด มีจุดประสงค์อะไรกันแน่”
“อันนี้ข้าก็ไม่แน่ใจนักหรอกนะ แต่นางเหมือนจะเป็นลิชช์ที่เก่าแก่พอควร พลังอำนาจอาจจะพอๆ กับพิ้งกี้ เรดดี้ แล้วก็เพอร์ฟูมนั่นแหละ ส่วนเรื่องสาเหตุว่าทำไม...ข้าคิดว่าเป็นเพราะสามีของนางถูกเทพอัศวินเทอร์มิสรุ่นแรกลงโทษทรมานจนสิ้นชีวิต ประจวบเหมาะกับเหตุการณ์เรื่องเจ้าชายปีศาจเพิ่งผ่านพ้นไปทำให้ลีฟบัดอ่อนแอที่สุดในรอบหลายร้อยปี นี่แหละโอกาสทองนาง นางรอเวลาที่เทพอัศวินครีอุสจะเป็นเจ้าชายปีศาจมานานหลายร้อยปีแล้ว”
“เจ้ารู้ได้ยังไง” สองคนที่ฟังอยู่ขมวดคิ้วแทบจะพร้อมกัน รายละเอียดยิบย่อยขนาดนี้เกรเซียสไปสืบอีท่าไหนถึงได้มาโดยไม่เจ็บตัว เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ใหม่ของโลกเลยทีเดียว
“อย่ามองข้าแบบนั้นได้มั้ยเล่า!”
เจ้าหลอดไฟนีออนเดินได้พูดฉุนๆ
“ข้าตงิดใจเจ๊คนนี้ตั้งแต่แรกแล้วก็เลยตามไปส่องนาง เห็นนางเข้าห้องไปร้องไห้คร่ำครวญกับภาพวาดเหมือนจริงของสามี ปากก็พล่ามๆๆ อะไรคล้ายๆ กับว่า...เทอร์มิสรุ่นแรก ข้าจะแก้แค้นเจ้า ข้าจะทำลายเมืองลีฟบัด ไม่ให้หลงเหลือเทพอัศวินอันน่ารังเกียจอีกต่อไป...อ่า ทำนองนี้แหละ” เกรเซียสเหลือบมองสาวเจ้าของบาร์นิดหนึ่ง “หล่อนมีพลังมืดสูงเอาการทีเดียว ว้า แย่จัง ตอนนี้พลังสว่างของข้าก็ยังฟื้นฟูไม่เต็มที่ คงมีแต่เดมอสที่ใช้พลังสว่างจัดการมันได้แล้วล่ะ...ถ้าเจ้าไม่แสบตาซะเองก่อนนะ”
“ได้..” คนฟังมองข้ามประโยคหลังโดยสิ้นเชิงเพราะไม่อยากจะต่อความ
“พี่สาวคะ”
“ไงจ๊ะ นักบวชน้อย”
เกรเซียสฝืนฉีกยิ้มสว่างไสวน่าเอ็นดูได้สมกับที่เป็นเทพอัศวินครีอุสจำแลงแม้อายุอานามจะปาเข้าไปยี่สิบกลางๆ แล้วก็เถอะ
“คือพี่คนโตของข้าเค้าชอบพี่สาวน่ะค่ะ” เกรเซียสทำดัดจริตต่อไปแต่มือที่ไขว้หลังจะสั่นกึกๆ กับการกระทำที่น่าขายขี้หน้าที่สุดในสามโลกของเขาทีเดียวเชียว มือสั่นๆ นั้นชี้อย่างค่อยๆ ไปที่เดมอสซึ่งกำลังแกล้งคุยกับลอเรน “พี่ใหญ่ฝากบอกมาว่าคืนนี้อยากจะ...อ่า...อะไรน้า นั่งดริ๊งค์ที่บาร์กับพี่สาวน่ะค่ะ”
เว้นช่วงได้น่าถีบจริงๆ
“อ้อ พ่อรูปหล่อผมสีชมพูนั่นเหรอ” เล็บสีแดงสดของสาวเจ้าขยับแตะริมฝีปาก นัยน์ตาเป็นประกายระยับอย่างประเมินค่า “น่าเสียดายนะหนูน้อยนักบวชวิหารเทพแห่งความมืดมน ฝากบอกพี่ใหญ่เจ้าด้วยว่าข้ามีสามีแล้ว คงชวดล่ะจ้ะ”
เวรแท้ เอาไงดีล่ะเนี่ย
เกรเซียสเกือบหลุดค้อนใส่นังลิชช์จอมเล่นตัว สุดท้ายเขาจึงจำต้องงัดไม้ตายออกมา “พี่สาวอย่าเข้าใจผิดนะคะ! ต่อให้ข้านับถือเทพเจ้าแห่งความมืดมนที่พี่สาวอาจจะไม่ชอบ แต่พี่ใหญ่ของข้าเป็นถึง...” เขาเขย่งเท้ากระซิบข้างหูลิชช์เจ้าเล่ห์ที่เอียงหน้ารับฟังอย่างสนใจ “เทพอัศวินเนเฟลเลยนะคะ”
“เจ้าพูดจริงเหรอ สาวน้อย!” แววตาของสาวงามเปลี่ยนไปทันที มันมีแววอาฆาตแค้นผ่านไปแวบหนึ่งแล้วกลายเป็นประกายแห่งความหลงใหลอย่างมารยาเสแสร้ง “ตายแล้ว...ข้าล่ะเป็นปลื้มเทพอัศวินเนเฟลมาตลอด ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาเยือนแคว้นโยแลนด์แห่งนี้ เขามีจุดประสงค์อะไรเหรอจ๊ะ”
ประโยคหลังน้ำเสียงของนางหวานเจี๊ยบอย่างส่อแววอันตราย เกรเซียสกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่แล้วค่อยๆ พูดอย่างระมัดระวังว่า
“ข้าก็ไม่ทราบค่ะ ท่านพี่บอกว่าเป็นภารกิจลับให้ตามหาคน แต่ข้ากับพี่รองขอมาด้วย พี่ใหญ่ก็เลยยอมให้พวกข้าตามมา”
“ตามหาคน...อื้ม เข้าใจล่ะ”
นางลิชช์ยิ่งไม่น่าเข้าใกล้ยิ่งขึ้นไปอีกจากแววตาพยาบาท แต่เกรเซียสก็แกล้งทำไร้เดียงสาไม่รู้ไม่เห็น
เดมอสหันหน้ามาทางนี้ได้จังหวะพอดี เขาส่งยิ้มให้นางเล็กน้อย ซึ่งนางก็ยิ้มหวานปานมดจะขึ้นส่งกลับไปให้
ผู้หญิงนี่มันอันตรายสุดขั้วเลยแฮะ...
เกรเซียสแอบเหงื่อตก
“งั้นข้าจะไปบอกพี่ใหญ่นะคะว่าพี่สาวตกลง นัดเจอหลังปิดบาร์ดีมั้ยพี่สาว”
“อ้อ แน่นอนที่สุดเลยจ้ะ”
สาวน้อยในชุดนักบวชสีดำพยักหน้ารับแล้วรีบวิ่งแจ้นกลับมาหาเพื่อนทั้งสองแทบไม่ทัน
“ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งสองคนเลย รอให้อยู่กันตามลำพังก่อนเถอะ!” เกรเซียสกระซิบขู่ทั้งสองคนที่พร้อมใจกันนั่งกลั้นหัวเราะกึกๆ น่ากระทืบเป็นที่สุด บ้าจริง! ไหงให้เขาไปเป็นนกต่อแถมต้องทำตัวเป็นสาวน้อยน่ารักน่าชังแบบนั้นกันเล่า!
บนใบหน้าของเดมอสยังเปื้อนรอยยิ้มประปราย แต่ใต้โต๊ะมือลื่นไถลไปลอบจับมือลอเรนเข้าให้แล้ว ลอเรนตกใจสะดุ้งหันขวับไปมองหน้าเดมอสอย่างงงๆ แล้วทั้งคู่ก็เริ่มทำการยื้อยุดฉุดกระชากกันใต้โต๊ะ
เดมอสไม่สนใจอาการกึ่งเขินกึ่งโกรธของลอเรน เขาเอียงหน้าพูดปลอบประมุขแห่งวิหารเทพด้วยท่าทางปกติว่า
“เอาน่า เกรเซียส ข้าว่าตอนนี้เรามาหารือกันเรื่องแผนรับมือลิชช์ตนนั้นดีกว่า”
ดวงตะวันเหมือนจะเคลื่อนคล้อยไปช้ากว่าเดิมหลายเท่าตัว เป็นการยากเหลือเกินที่จะเฝ้ารอให้ค่ำคืนนี้มืดสนิท
เพื่อที่...จะได้ทำตาม ‘แผน’ ที่วางเอาไว้กันเสียที
“ขอโทษที่ให้รอนะคะ” สาวงามในชุดเกาะอกสีแดงแสนเซ็กซี่เดินนวยนาดมาหาชายหนุ่มที่นั่งรออยู่บนโต๊ะตัวสุดท้าย “พอดีวันนี้ลูกค้ามากเป็นพิเศษน่ะค่ะ ท่านเทพอัศวินเนเฟล”
“ไม่เป็นไร..” เทพอัศวินเนเฟลคนนั้นส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจไปให้เจ้าหล่อน “แค่เจ้าตอบรับคำขอ ข้าก็ดีใจมากแล้ว ขอทราบชื่อเจ้าหน่อยได้หรือไม่..”
(อีกด้าน – “ไหงเจ้าทำสีหน้าน่ากลัวแบบนั้นล่ะลอเรน” “หืม...ข้าทำเหรอ”)
“เทียร่าค่ะ แต่ข้าต่างหากนะที่รู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้พบท่าน” เจ้าหล่อนกรีดนิ้วบนใบหน้าได้รูปของเดมอส “รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวข้าจะหาเครื่องดื่มมาให้ เอาค็อกเทลก็แล้วกันท่านเทพอัศวิน ข้าจะผสมเองกับมือเลย”
“รบกวนเจ้าแล้ว..”
เดมอสค้อมหัวเล็กน้อยตามมารยาท เขามองตามเจ้าหล่อนที่หมุนตัวกลับไปที่บาร์แล้วค่อยเบนสายตาไปที่ประตูไม้เก่า ๆ อีกฝั่งหนึ่งซึ่งแอบแง้มไว้เล็กน้อย
เกรเซียสกับลอเรนอยู่ตรงนั้น
เกรเซียสอ้าบานประตูเพิ่มอีกเล็กน้อยแล้วส่งภาษามือสื่อสารกับเขา ถอดความได้ประมานว่าให้ตามน้ำไปก่อน ถ้าได้จังหวะเหมาะเขาจะเข้าจับกุมลิชช์ตนนั้นให้ดิ้นไม่หลุดเอง
แล้วมันเมื่อไหร่ล่ะ..
เดมอสทำสีหน้าเหนื่อยใจ พอทำท่าจะถามเพิ่มเติมเกรเซียสก็ปิดประตูหนีเสียแล้ว ภาพสุดท้ายที่เห็นคือลอเรนที่มองเมินไปทางอื่นตลอดเวลาก่อนที่ประตูบานนั้นจะงับปิดลง
นั่นก็อีกคน จัดการเรื่องลิชช์เสร็จเมื่อไหร่คงต้องง้อหน่อย
แต่การที่ลอเรนหึงเขาเนี่ย...ก็ดีเหมือนกันนะ
“ข้ากลับมาแล้วค่ะ”
เทียร่ายิ้มยั่วยวนให้เขา หล่อนทรุดตัวนั่งเบียดกายข้าง ๆ เดมอสอย่างออดอ้อนและวางแก้วค็อกเทลสีฟ้าสองแก้วในมือลงกับโต๊ะ แล้วพยักเพยิดเป็นเชิงเชื้อเชิญให้ดื่ม
เดมอสหยิบแก้วค็อกเทลมาถือ เขาเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยในแก้วนี้ต้องมียาพิษปลอมปน แต่ตามปกติแล้วเทพอัศวินจะมีสภาพร่างกายที่ทนพิษได้ดีกว่าคนทั่วไปถึงสองเท่า เพราะฉะนั้นพิษทั่วไปไม่น่าจะทำอะไรเขาได้
ทั้งสองคนชนแก้วกันพอเป็นพิธีแล้วจึงยกแก้วขึ้นจิบ เดมอสพยายามเม้มปากและดื่มให้น้อยที่สุด ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเขาจะไม่ล้มฟุบลงไปทันทีที่ดื่มหมดแก้ว
“ได้ข่าวจากน้องสาวของท่านว่าท่านมีภารกิจตามหาคนที่เมืองนี้” เทียร่าเปิดประเด็นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่ เพราะข้าอาจจะ...อืม...รู้จักคนที่ท่านตามหา”
“เป็นภารกิจลับของทางวิหารเทพแห่งแสงสว่างน่ะ ข้าบอกคนนอกไม่ได้หรอก..” เดมอสเอ่ยบ่ายเยี่ยงอย่างนุ่มนวล สาวเจ้าทำสีหน้าขัดใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ซักไซ้ต่อ
(อีกด้าน – “เดมอส! ทักษะการจีบสาวของเจ้าติดลบสุด ๆ เลย!!” “ชู่ว อย่าเสียงดังสิเกรเซียส” )
เดมอสรู้สึกว่าบทสนทนาสะดุด เขาควรจะพูดคุยกับหล่อนยังไงดีนะ ตามปกติเทพอัศวินเนเฟลก็ไม่ใช่คนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีอะไรนักด้วย
“ไม่ทราบว่าท่านเปิดบาร์ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว แม่นาง..”
“มันนานมาแล้ว” แววตาของหล่อนกระตุกวูบ “ตั้งแต่สามีข้าเสียไปเดือนหรือสองเดือน ประมาณนั้น”
“ขออภัยด้วยที่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของท่าน..”
“หามิได้ ท่านเทพอัศวินเนเฟล” เทียร่ายิ้มกว้างกว่าเดิม นางเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเดมอสอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง หากแต่คำที่กระซิบมากลับทำให้เดมอสสะดุ้ง “ท่านก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องชดใช้ในเรื่องนี้”
โครม!
เทียร่ากะพริบตา กริชสีแดงเลือดของหล่อนฟาดเปรี้ยงเข้ากลางโต๊ะจนหักสะบั้นเป็นสองท่อน ทว่าเป้าหมายของหล่อนกลับหายไปเสียแล้ว
วูบ
เคร้ง!!!
กริชของนางลิชช์ปะทะเข้ากับดาบเทพเนเฟลที่ตวัดลงมาจนใบมีดของแต่ละฝ่ายสั่นสะเทือน ทั้งคู่ดีดตัวออกห่างจากกันแล้วคุมเชิงอย่างระแวดระวัง
“เจ้าคือลิชช์ตนนั้นจริง ๆ..” เดมอสพึมพำ แรงปะทะเมื่อครู่ถึงกับทำให้มือเขาชาดิก ไม่อยากจะเชื่อว่าแรงผู้หญิงจะมากมายมหาศาลถึงเพียงนี้
หรือไม่ก็...อาจเป็นเพราะเครื่องดื่มเมื่อครู่
เทียร่าหัวเราะก้องกังวานอย่างชั่วร้าย ดวงตาคู่งามฉายประกายอำมหิต
“เจ้าคิดว่าร่างกายที่ทนพิษของเจ้าจะทานพิษได้ทุกชนิดงั้นรึ น่าขันน่ะเนเฟล! เจ้าคิดว่าข้ามีชีวิตอยู่มากี่ร้อยปีแล้วเรื่องเท่านี้ถึงไม่รู้น่ะหา!!”
แน่นอนว่าหล่อนพูดไม่ผิด อาการชาคืบคลานตามเส้นประสาททีละเล็กทีละน้อย เดมอสรู้ว่าเริ่มแรกมันจะเป็นอาการชา จากนั้นก็จะกลายเป็นตะคริว และระบบประสาทจะเป็นอัมพาตชั่วคราว ที่ร้ายที่สุดคือกล้ามเนื้อที่ใช้ในระบบหายใจจะใช้การไม่ได้
เขาจำเนื้อหาของหนังสือว่าด้วยยาพิษระดับสูงได้แม่นยำเหลือเกินในเวลานี้
แต่จะทำยังไงได้นอกจากกัดฟันสู้ ขอแค่เขาล็อกเป้าให้นางหยุดนิ่งได้สักสามวินาทีโดยไม่มีโอกาสหนีก็จะเป็นผลดีต่อเกรเซียสมาก พวกเขาต้องการการใช้เวทบทเดียวเอาอยู่ ไม่ใช่การต้องวิ่งไล่กันไปทั่วเมืองตลอดคืน
เดมอสพยายามกุมสติ ฝ่าเท้าของเขาเริ่มไม่มีความรู้สึกแล้วตอนนี้
ก้าวข้ามเมฆา!
“คิดจะหนีไปไหน!” ลิชช์พุ่งตัวเข้าแทงอากาศ หากแต่ไม่โดนตัวเป้าหมายอีกแล้ว
หล่อนเริ่มหงุดหงิด กวาดสายตามองไปรอบตัวด้วยสายตาระวังภัย แต่เธอกลับไม่พบแม้เงาของเทพอัศวินเนเฟล
“ข้าอยู่นี่..” เสียงของศัตรูทำให้หล่อนหันขวับ ขยับจะขว้างกริชเสียบขั้วหัวใจ หากแต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้มือของหล่อนชะงักค้าง
ภาพเหมือนของสามีของหล่อน!
“วางภาพเขาลง เทพอัศวินเนเฟล” ร่างของเทียร่าสั่นเทิ้มด้วยความโกรธเมื่อพบว่าในมือซ้ายของชายหนุ่มถือม้วนภาพของชายอันเป็นที่รักของเธอไว้ ในขณะที่มือขวาของเขาถือดาบวางพาดเหมือนพร้อมที่จะฉีกกระชากให้กระดาษแผ่นนั้นขาดกระจุยได้ทุกเมื่อ
“เจ้ารักเขามาก..” เดมอสเอ่ยเสียงเนิบ “แต่เจ้ากลับทำให้ดวงวิญญาณของเขาต้องแปดเปื้อนเพราะการจองล้างจองผลาญอันไม่มีวันหมดของเจ้า คนที่ทรยศต่อความรู้สึกของคน ๆ นี้มากที่สุดคือเจ้านั่นแหละ เทียร่า..”
แควก!
“ไม่!!!!!”
“โซ่แห่งความมืด”
โซ่ขนาดยักษ์สีดำมะเมื่อมผุดจากความว่างเปล่าเข้ารัดร่างลิชช์ที่เสียสติวิ่งเข้าหาภาพวาดของสามีโดยไม่มีการป้องกันตัวอะไรทั้งนั้น
นางไม่แม้แต่จะสนใจพันธนาการ เจ้าตัวยังคงพยายามวิ่งต่อไป มือทั้งสองเอื้อมมือหมายจะไขว่คว้าภาพวาดของบุคคลอันเป็นที่รัก ริมฝีปากอวบอิ่มกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด “ฟาลก้า!!!”
ลอเรนเหลือบตามองนางอย่างนึกสมเพช ทันใดนั้นก็พุ่งปราดเข้าไปประคองเดมอสเกือบไม่ทัน
เดมอส เนเฟล ทรุดฮวบล้มตึงตรงนั้นเลย น่ากลัวว่าถ้าไม่ได้ลอเรนมาประคองไว้มีหวังคงได้ศีรษะฟาดพื้นโครมใหญ่เป็นแน่
“ข้าไม่เป็นไร ลอเรน..”
“ไม่เป็นไรตรงไหนกัน! ขนาดข้ากำลังหักนิ้วเจ้าเจ้ายังไม่รู้สึกอะไรเลย”
ลอเรนสำรวจร่างกายของอีกฝ่ายอย่างตกใจ
“ชีพจรเขาเต้นปกติ แต่กล้ามเนื้อกะบังลมกำลังจะหยุดทำงาน” เกรเซียสสบถ “โธ่เว้ย! คาถาฟื้นพลังขั้นสูง! คาถาฟื้นพลังขั้นสุดยอด! ให้ตายสิ คาถาใช้กับพิษชนิดนี้ไม่ได้ผล!!!”
“มันจะไม่มีทางได้ผล”
เทียร่าเอ่ยแทรกด้วยสีหน้าสะใจ
“พิษชนิดนี้ไม่มีทางแก้หรอกท่านเทพอัศวิน อีกสองนาทีเป็นอย่างน้อยเจ้าก็จะตาย”
“เงียบนะ!” ลอเรนตวาด “เธอ...เธอกล้าดียังไงถึงทำกับเขาแบบนี้ คนรักที่ตายไปไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเดมอสเลยสักนิด!!”
“พวกเขาเป็นเทพอัศวินเหมือนกัน ยังไงพวกเขาก็ต้องชดใช้!” จากนั้นหล่อนก็ปรายตามองเกรเซียส “ถ้าข้าเอะใจสักหน่อยก็น่าจะรู้ว่าเจ้าคือเทพอัศวินครีอุสผู้กลายเป็นเจ้าชายปีศาจ ข้าไม่น่าประมาทเจ้าเลย สาวน้อย”
“ไม่เช่นนั้นเจ้าก็จะหาทางฆ่าข้าก่อนเขาใช่ไหม” เกรเซียสเอ่ยเสียงเรียบโดยไม่หันกลับไป “ขอถามหน่อย ทำไมเจ้าถึงใช้ชื่อเทียร่า”
“เพราะข้าร้องไห้เศร้าโศกติดกันจนตาย ตอนตายข้ามีคราบน้ำตาไหลเปรอะเต็มหน้าเป็นสายเลือด”
เกรเซียสไม่พูดอะไรกับนางอีกอีก เขาบอกเดมอสอย่างหนักใจว่า “การต้องขาดอากาศหายใจตายเป็นการตายรูปแบบหนึ่งที่ทรมานที่สุดรู้ไหม ถ้าเจ้ายอมให้ข้าแทงเจ้าทีเดียวแล้วค่อยตายก่อนแล้วค่อยชุบชีวิตทีหลังอาจจะดีกว่าก็ได้”
เดมอสยิ้ม เขารู้ว่าเกรเซียสช็อกขนาดไหนที่อยู่ ๆ หนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชากำลังจะสิ้นใจในหน้าที่ ไม่เช่นนั้นคน ๆ นี้ไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้แน่
“เกรเซียส ได้โปรดอย่าชุบชีวิตข้า..” เขาพูดด้วยน้ำเสียงโรยแรงแบบไม่ต้องแกล้งทำเช่นยามปกติ ริมฝีปากเริ่มชาขึ้นทุกที ลมหายใจที่เข้าไปในปอดก็เริ่มติดขัด “เจ้าต้องไม่สูญเสียอะไรอีก..”
“เจ้าจะให้ข้านิ่งเฉยดูเจ้าตายอย่างทรมาน!?” เกรเซียสเอ่ยเสียงขึ้นจมูก
เดมอสไม่ตอบ เขาหันไปทางลอเรนที่ประคองศีรษะเขาอย่างเบามือ
ดวงตาสีฟ้าคู่นั้น...โศกเศร้าเหลือเกิน
“เมื่อกี้ข้าดีใจนะ ที่เจ้าหึง..”
“มาพูดอะไรตอนนี้” น้ำเสียงคนพูดเริ่มสั่น ๆ เขาเบือนหน้าไปทางอื่น “ม...ไม่ได้ น้ำตาของข้าเป็นพลังมืดบริสุทธิ์ ข้าจะร้องไห้ไม่...ได้...”
หยาดน้ำสีดำไหลอาบแก้มของลอเรน เจ้าตัวกลั้นสะอื้นไว้ไม่ได้อีกต่อไป
“เดมอส ข้าขอโทษ! ข้าช่วยอะไรเจ้าไม่ได้เลย! แถมข้ายัง...ทำให้เจ้าลำบากใจมาโดยตลอด ข้าขอโทษ อึก...”
เดมอสเงยหน้าประทับจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากของลอเรน
อยากเก็บไว้ตลอดไปเหลือเกิน สัมผัสอันอบอุ่นเช่นนี้..
ไม่อยาก...จากคน ๆ นี้ไปไหนเลย
“ลอเรน ข้าตัดสินใจแล้ว..” เดมอสเอียงศีรษะลงที่ไหล่บอบบางของลอเรน เขาหันกลับไปหาเกรเซียสและเอ่ยคำขอที่อีกฝ่ายไม่คิดว่าก่อนในชีวิตว่าคนอย่างเดมอส เนเฟลจะเอ่ยออกมา
“เกรเซียส ช่วยทำให้ข้าเป็นอัศวินแห่งความตายที..”
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
หึๆๆๆ ขอประทานอภัยที่อัพช้าอย่างแรงค่ะ ไม่มีหรอกข้อแก้ตัวน่ะ
จริงๆกะจะดองกว่านี้อีกนะ แต่เห็นวันที่อัพล่าสุดแล้วมัน...ฮึ่ย! ดองมากไปละ ปั่นหน่อยดีกว่า
ป.ล.ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการสอบกลางภาคนะจ๊ะ ;D
ความคิดเห็น