ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic LSK] Impossible...Unloveable เนเฟลxฮาเดส

    ลำดับตอนที่ #6 : ทางเลือก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 438
      0
      22 เม.ย. 55

     

    “เนเฟลที่รัก ข้านำพระวจนะของเทพเจ้าแห่งแสงสว่างมาเผยแผ่ถึงที่พำนักอาศัยของพี่น้องเทพอัศวินที่รักยิ่งเพื่อประโลมไล้ดวงฤทัยของพี่น้องเทพอัศวินให้อบอุ่นสว่างไสวดุจดวงสุริยายามฉายแสงเจิดจ้าส่องนำเส้นทางสู่ความรักอันสะอาดบริสุทธิ์ต่อทุกชีวีแห่งองค์มหาเทพ อา...ตัวข้านี้ขอสรรเสริญพระบารมีอันเปี่ยมล้นและสุกสกาวดั่ง...โว้! เนเฟล เปิดประตูเร็วๆ ได้ไหมเนี่ย เพราะตรงนี้ไม่มีใครอยู่หรอกนะข้าถึงกล้าตะโกน!

     

    เสียงโวยวายหน้าประตูทำให้เดมอสลุกพรวดแทบไม่ทัน เขาทำหน้าเหมือนลังเลนิดหนึ่งว่าต่อให้เป็นครีอุสก็เถอะ แต่มาขัดเวลาแบบนี้เขาสมควรจะโกรธแล้วเอาดาบกะซวกสักแผลดีไหม

     

    ไม่ได้ๆ ในหนังสือระบุเอาไว้ชัดเจนว่าเทพอัศวินทั้งสิบสององค์ต้องจงรักภักดีต่อหัวหน้าเทพอัศวินครีอุส..

     

    สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจยาวแล้วหันตัวไปช่วยพยุงลอเรนให้ลุกขึ้นยืนซึ่งติดจะเซเล็กน้อย ทั้งสองคนมองหน้ากันครู่หนึ่งเดมอสจึงลอยไปเปิดประตูห้อง ทิ้งให้ลอเรนยืนเก้อๆ เอามือปิดใบหน้าช่วงล่างแบบที่ไม่ค่อยหรือไม่เคยปรากฏให้เห็น สำหรับเขาแล้วมันยากเอาการที่จะปรับสีหน้าให้กลับมานิ่งสงบเหมือนยามปกติได้

     

    ก็อย่างที่เป็นที่รู้กันในหมู่เทพอัศวินทั้งสิบสอง...ลอเรนเป็นคนที่ขี้อายที่สุดในบรรดาพวกเขา

     

    “เนเฟล! ทำไมถึงช้...เหวอ!

     

    เกรเซียสตัวแข็งเป็นหินเมื่อเห็นสภาพน้ำราสเบอร์รี่ท่วมตัวของเจ้าของห้อง

     

    โชคดีที่นี่คือเกรเซียสไม่ใช่เคเรส เพราะถ้าเป็นเคเรสล่ะก็คงจะเป็นลมล้มตึงตั้งแต่แวบแรกที่เห็น แต่ดูจากท่าทางของเกรเซียสแล้วเขาคงกำลังใช้พลังสัมผัสสำรวจว่าน้ำข้นๆ ที่เต็มตัวบุคคลที่เหมือนวิญญาณผีตายโหงตรงหน้านี่คืออะไรกันแน่

     

    “ไม่มีพลังทอง ไม่ใช่เลือด...นี่นา”

     

    ประมุขแห่งตำหนักเทพอัศวินดึงถุงมือสีขาวสะอาดออกแล้วเอานิ้วจิ้มน้ำสีแดงๆ บนหัวเดมอส เนเฟล จากนั้นก็ถือวิสาสะเลียไปแผลบหนึ่ง

     

    “โธ่ ที่แท้ก็น้ำราสเบอร์รี่นี่เอง” เขาทำหน้าโล่งอก “เจ้านี่ทำให้ข้าตกใจได้ตลอดเวลาเลย เอ้อ ให้ข้าเข้าไปได้ไหม”

     

    “...”

     

    คนถูกถามพยักหน้าหงึกแบบที่เห็นแล้วก็รู้ว่าไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ เกรเซียสเดินก้าวผ่านธรณีประตูอย่างสง่างาม แล้วก็ชะงักไปนิด

     

    “เอ๊ะ ตะกี้ข้าไม่ยักใช้พลังสัมผัสกว้างเท่าไหร่ก็เลยไม่รู้ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ไงอ่ะลอเรน”

     

    “เฮฟเฟตัสให้ข้ามาทำธุระนิดหน่อย” ลอเรนตอบเสียงเรียบ

     

    เขาไม่ได้โกหกนะ แค่พูดความจริงไม่ครบแค่นั้นเอง...

     

    “เอ๋ เดี๋ยวนะ ชุดนี้มัน” เกรเซียสขมวดคิ้วมุ่นเหมือนกำลังรวบรวมสมาธิเพ่งพลังสัมผัส ใบหน้าของเขาตอนนี้ดูน่ารักเหมือนเด็กไร้เดียงสาเปี๊ยบเลย “นี่เจ้าถอดอาภรณ์แห่งมังกรงั้นเหรอ ทำไมล่ะ?”

     

    เฮือก!

     

    “อย่าสงสัยให้มากเลย ว่าแต่ว่าเจ้าควรจะพักผ่อนยู่ในห้องไม่ใช่หรือ ทำไมถึงยังมีแรงออกมาเดินเพ่นพ่านได้ล่ะ” ลอเรนบอกปัดและถามต่อหน้าตาย ซึ่งน้ำเสียงของเขาก็ยากจะเดาเจตนาว่าแอบกระแนะกระแหนหรือเปล่า แต่เกรเซียสแค่ยักไหล่ให้ ดูท่าทางคงไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้เท่าใดนัก

     

    “ก็เพราะเรื่องที่ข้ากำลังจะมาบอกพวกเจ้านี่แหละ”

     

    “เรื่องอะไรหรือ..” เนเฟลผายมือเป็นเชิงเชิญให้นั่ง แต่เกรเซียสส่ายหน้าปฏิเสธเก้าอี้ท่วมซอสราสเบอร์รี่ตัวนั้น เขาเดินหลบแอ่งน้ำผลไม้เป็นหย่อมๆ บนพื้นแล้วหาที่ยืนที่สะอาดที่สุดคือบริเวณข้างโต๊ะทำงาน

     

    “ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะอยู่กันพร้อมหน้า” เขามองเดมอสกับเนเฟลสลับกันไปมาด้วยสีหน้าพิกล (ลอเรนแอบรู้สึกหนาวเยือกถึงกระดูกสันหลัง) “แต่...ก็ค่อยสะดวกหน่อย เพราะข้าจะมาหารือเรื่องที่เราจะออกเดินทางกันมะรืนนี้ นี่เป็นเรื่องที่ต้องตกลงกันก่อน”

     

    เกรเซียสไม่ได้พูดพร่ำถึงพระเมตตาแห่งเทพเจ้าแห่งแสงสว่างหรืออะไรเทือกนั้น เหตุผลข้อแรกคือลอเรนรู้นิสัยของเขาดีอยู่แล้ว เหตุผลข้อที่สองคือเนเฟลจะจงรักภักดีกับเขาไม่ว่าตัวจริงจะไม่สง่างามหลุดโลกแค่ไหน เหตุผลข้อที่สามคือเมื่อล็อคประตูแล้วเขาจะทำตัวแหลกเหลวแค่ไหนก็ได้...แต่ในเมื่อนี่ไม่ใช่ห้องของตัวเองก็เก็บอาการไว้ในระดับหนึ่งก็แล้วกัน

     

    “ใครหน้าไหนก็ไม่รู้ทำเรื่องที่เราประชุมกันแพร่งพรายออกไป” เกรเซียสพูดเข้าประเด็นทันทีแบบที่ใครหลายคนต่างก็ปรารถนาให้เขาทำเหลือเกินในเวลาปกติทั่วไป  “และนั่นทำให้โอกาสที่เราจะถูกลอบโจมตีเป็นไปได้สูงมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางอย่างแน่นอน ตอนนี้เทอร์มิสกำลังสืบตัวเจ้าบ้าปากไม่มีหูรูดนั่น และข้าคิดว่าเราควรจะออกเดินทางกันพรุ่งนี้เช้าเลย”

     

    พรุ่งนี้เช้า?

     

    ลอเรนไม่แปลกใจกับวิธีแก้ปัญหาเท่าไหร่ ถือเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่ใช้วิธีนี้ เพราะหากยืดเวลาการเดินทางออกไปก็มีแต่ผลร้ายทั้งนั้น นี่อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่มีในตอนนี้...หรืออย่างน้อยก็ดีที่สุดเท่าที่จะนึกออกในเวลาเร่งด่วนล่ะนะ

     

    เขาตั้งท่าจะพูดแต่อยู่ๆ ก็รู้สึกวืดจนต้องคว้าแขนเดมอสพยุงตัวไว้ ท่าทางว่าร่างกายตัวเองจะยังช็อกไม่หายจนตามคำสั่งจากสมองไม่ทัน

     

    เหมือนเกรเซียสจะไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ เขาจ้อง (ด้วยพลังสัมผัส) อยู่ครู่หนึ่งแล้วเริ่มพูดต่อ

     

    “พรุ่งนี้เช้าเวลาห้านาฬิกามาพบกันหน้าตูทางเข้าวิหารเทพ เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้และม้าให้พร้อม ระยะเวลาเดินทางไปกลับที่กะไว้คร่าวๆ คือประมาณสองสัปดาห์ อ่า และที่สำคัญที่สุด...เมื่อออกเดินทาง ข้าคือเกรเซียสไม่ใช่ครีอุส เจ้าคือลอเรนไม่ใช่ฮาเดส และเจ้าก็คือเดมอสไม่ใช่เนเฟล เข้าใจนะ”

     

    “ขอรับ..” เป็นเดมอสที่ตอบรับขึ้นมาก่อนแล้วพยักหน้าตามอย่างว่าง่าย

     

    “เข้าใจแล้ว เอ่อ งั้นข้า...กลับห้องก่อนล่ะนะ” ลอเรนเดินไปที่ประตู “เจอพวกเจ้าพรุ่งนี้นะเกรเซียส และ...เอ่อ...เดมอส”

     

    แม้ตอนเรียกชื่อเดมอสเขาจะตะกุกตะกักนิดหน่อย แต่ลอเรนก็พาตัวเองออกมาจากห้องนั้นจนได้โดยไม่ลืมพึมพำเบาๆ กับอาภรณ์แห่งมังกรแล้วกลับมาสวมชุดมือสังหารรัดกุมก่อนออกจากห้องอย่างรอบคอบ

     

    และพอเขาได้มีโอกาสสำรวจตัวเองอย่างละเอียดก็ได้รู้ว่าถึงจะสวมชุดนี้แต่คราบราสเบอร์รี่ยังคงไม่จางไปไหน ตัวเขาเลอะเต็มไปหมดทั้งตำแหน่งตามลำตัว ซอกคอ ไหล่ แก้ม แล้วก็...ริมฝีปากด้วย

     

    องค์มหาเทพ! เกรเซียสได้สังเกตไหมนี่ว่าแต่ละตำแหน่งมันส่อแค่ไหนน่ะ!

     

    ยิ่งอยู่กับเดมอสสองคนด้วย ถ้าเกรเซียสคิดมากล่ะก็...

     

    เอ๋ แล้วเขาจะกลัวเกรเซียสคิดมากไปทำไมกันในเมื่อเขาตัดสินใจเลือกแล้วว่า...จะรักใคร

     

    ไม่ใช่แล้ว! เหตุผลอื่นต่างหาก! เขาสมควรกังวลด้วยเหตุผลที่ว่าเกรเซียสอาจเอาเรื่องเข้าใจผิดไปบอกคนอื่นเข้า!

     

    แต่แล้วมันจะทำไมกันล่ะ? นี่! มันเป็นเรื่องที่ต้องกลุ้มใจนะ!

     

    ความคิดในหัวของลอเรนตีกันยุ่งเหยิงจนเจ้าตัวมึนตึ้บไปหมดด้วยความที่จัดระเบียบความคิดไม่ทัน ทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องเหลียวหลังกลับมามองท่าทีแปลกๆ ของเขากันทุกคน

     

    “ฮาเดสสส”

     

    “เอ๋?”

     

    หัวหน้าเทพอัศวินฮาเดสหันหน้าไปมองผู้มาทักอย่างตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็อึ้งสนิท

     

    “เอกสาร...กองภูเขา...เจ้าไม่อยู่...เวลานอน...ข้าตายแน่...โฮฮฮ”

     

    เทมเพส เจ้าอย่าไปทำเสียงอ่อนระโหยโรยแรงแบบนี้ต่อหน้าเฮฟเฟตัสเชียวนะ เขาต้องเข้าใจผิดแล้วยิงเพลิงสลายวิญญาณใส่หน้าเจ้าแน่ๆ ด้วยท่าทางแบบนี้ถ้าไม่ถูกใครเข้าใจผิดว่าเป็นวิญญาณก็คงเป็นซอมบี้จากขุมนรกที่ไหนสักแห่งเป็นแน่ สภาพของเทมเพสดูแย่ยิ่งกว่าอมนุษย์อย่างเขาเสียอีก

     

    ฮาเดสตบไหล่เทมเพสเบาๆ อย่างเห็นใจ

     

    “เข้าใจแล้ว ข้าจะจัดการงานเอกสารให้ได้มากที่สุดก่อนออกเดินทาง ข้าเองก็ไม่อยากให้เจ้าไปรบกวนเคเรสเท่าไหร่เหมือนกัน”

     

    “เยี่ยมเลย” เทมเพสหัวเราะเนือยๆ “ต่อไปก็อาเดร์ เจ้ารองหัวหน้าหน่วยครีอุสนั่นหายไปไหนน้าาา”

     

    เขาต้องบรรยายด้วยไหมว่านับวันสภาพของเทมเพสยิ่งดูจิตๆ มากขึ้นทุกวันแปรผันตามปริมาณงาน ถ้าไม่แบ่งเบาภาระเสียบ้างเทมเพสอาจมีโอกาสตายก่อนวัยอันควรสองทาง หนึ่งคือตายคากองเอกสาร ส่วนสองคือถูกกองเอกสารทับตาย

     

    เอาเถอะ เขาก็ไม่มีข้าวของต้องเตรียมอะไรมาก ก็ใช้หลักการเดิมๆ นั่นแหละในการรับงานมาทำ

     

    คิดแต่เรื่องงานเอกสารเข้าไว้ จะได้ไม่ต้องวอกแวกไปถึงเรื่อง...เอ่อ...เรื่องอื่นที่ไม่สำ...คัญ

     

    อยู่ๆ เขาก็รู้สึกหน้าร้อนวูบ ใบหน้าเฉยชาเผยสีหน้าแบบอื่นโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ทันได้รู้

     

    ตกลงว่า...เขาเลือกแล้วจริงๆ ใช่ไหม

     

    หัวใจเขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วสินะ ว่าใครคือคนที่เขาเลือกจะรัก

     

    แล้วสุดท้ายลอเรนก็อดส่ายหน้าอย่างระอาใจไม่ได้

     

    อา...การรักใครสักคนมันช่างเป็นเรื่องที่ยากลำบากถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่

     

    ...

     

    .....

     

    ..........

     

    แต่หากความจริงนั้นช่างน่าเจ็บปวด ตัวเขาเองที่ยังลืมใครอีกคนไม่ได้อย่างหมดใจ และความรู้สึกเก่าๆ นั้นกลับยังคงตราตรึงฝังแน่นในความทรงจำไม่จืดจาง...หากเดมอสได้ล่วงรู้เข้าจะรู้สึกไม่ดีเพียงใดแค่ลองคิดเขาก็ไม่อยากจะคิดเลย

     

    หัวหน้าเทพอัศวินฮาเดสเดินคอตกโซไปเซมาอย่างสมที่เป็นอัศวินแห่งความตายเป็นครั้งแรกไปยังห้องของเทมเพสซึ่งไม่ได้ล็อคอะไรใดๆ ทั้งสิ้นประหนึ่งว่าเปิดอ้าไว้รอใครสักคนมาช่วยเคลียร์กองงานเอกสารอย่างด่วน

     

    ฮาเดสรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เมื่อก้าวเข้าไปในห้องนั้น มันมืดทึบเกือบจะพอกันกับของของเนเฟลด้วยซ้ำ แต่ที่นี่มืดในกรณีของกองเอกสารเป็นตั้งสูงบังหน้าต่างจนมิด ทางเข้าก็มีกองเอกสาร บนตู้เสื้อผ้าก็มีกองเอกสาร บนเตียงและใต้เตียงก็มีกองเอกสาร ทุกหนทุกแห่งในห้องเต็มไปด้วยกองเอกสาร...

     

    นี่อย่าบอกนะว่าช่วงนี้เทมเพสหลับคาโต๊ะทำงาน

     

    ฮาเดสอึ้งไปนิดแล้วจึงเริ่มใคร่ครวญว่าข้อสันนิษฐานของเขามีโอกาสเป็นจริงสูงลิ่วมากเพียงใด

     

    “หัวหน้าเทพอัศวินฮาเดส?”

     

    เอ๋ เสียงนี้มัน...

     

    “เทอร์มิส?”

     

    “หัวหน้าเทพอัศวินเทอร์มิส” เขาเอ่ยแก้ให้ทั้งที่ท่าทางบอกชัดว่าไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญพลางมองคราบราสเบอร์รี่ตามตัวฮาเดสด้วยสายตาสแกนเรือนร่างอย่างสงสัย “แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ที่นี่ไม่มีคนนอก เจ้ามาทำอะไรที่นี่”

     

    “มาเอาเอกสารไปทำก่อนออกเดินทางน่ะ”

     

    เทอร์มิสพยักหน้าเข้าใจแล้วจึงชี้ไปที่กองเอกสารที่วางไว้ข้างเก้าอี้

     

    “เอกสารกองนั้นเป็นกองที่มีกำหนดส่งเร็วที่สุดในที่นี้ เจ้าน่าจะเหมาะสมที่สุดที่จะทำแล้วล่ะเพราะเรื่องนั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับเจ้าชายปีศาจที่ต้องเขียนรายงานต่อพระราชา เหมือนข้าจะเคยเปรยกับเจ้าไปแล้วรอบหนึ่งใช่ไหม เอาเป็นว่าหากมีเวลาเหลือมากพอเจ้าก็ค่อยมาเอาที่เหลือไปจัดการให้เสร็จก็แล้วกันนะ”

     

    “อืม เข้าใจแล้ว”

     

    ฮาเดสเดินไปหยิบงานมาหอบไว้อย่างว่าง่าย ขณะที่กำลังจะเดินออกไปเทอร์มิสก็ร้องเรียกขึ้นมาก่อน

     

    “ฮาเดส”

     

    “มีอะไรหรือ”

     

    “นับตั้งแต่พรุ่งนี้ ข้าขอฝากครีอุสด้วย”

     

    เขาถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ...นี่มันไม่สมควรจะเป็นคำพูดที่ออกจากปากหัวหน้าเทพอัศวินเทอร์มิสเอาเสียเลย

     

    “เขาเป็นคนที่ชอบหาเรื่องใส่ตัว และแม้จะไม่ทำอะไรก็จะมีเรื่องวุ่นวายแวะเวียนมาหาเขาเองอยู่เรื่อย เจ้าที่เป็นเพื่อนเล่นแต่เด็กของเขาก็น่าจะเข้าใจในความจริงข้อนี้ดี” เทอร์มิสถอนหายใจ “มันอันตรายที่จะปล่อยให้เขาไปไหนมาไหนตามลำพัง แม้ตำแหน่งของเขาจะสูงส่งเพียงใดหากแต่จิตใจของเขากลับเด็กยิ่งกว่าที่คนภายนอกจะรับรู้  เจ้าคิดว่าจริงหรือไม่”

     

    “ข้าทราบดี” ฮาเดสตอบเสียงเบาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ก็ใครใช้ให้เกรเซียสก่อเรื่องเก่งปานนั้นล่ะ

     

    ทำไมเขาจะไม่รู้สักเกรเซียสล่ะว่าเป็นศูนย์กลางดึงดูดความวุ่นวายมากเพียงใด

     

    “อีกอย่างหนึ่ง จุดอ่อนของเขา...เขาไว้ใจคนง่ายเกินไป และหากมีใครใช้เทพอัศวินทั้งสิบสองเป็นข้อต่อรองอะไรด้วยล่ะก็ข้าคิดว่าเขาอาจจะด่วนวู่วามตัดสินใจได้ง่าย”

     

    มากเลยล่ะ...

     

    “และก็ต้องขอโทษจริงๆ ที่ข้าทำให้เจ้าลำบากใจ”

     

    “เอ๋”

     

    “ข้าไม่ควรเสนอให้พาเนเฟลไปด้วยเลยจริงๆ” เทอร์มิสทอดถอนใจอย่างที่แทบไม่เคยทำให้ใครเห็น ถึงตรงนี้ฮาเดสค่อยจับความรู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าเหนื่อยมามากเพียงใดตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคราวที่เกรเซียสไปเป็นเจ้าชายปีศาจที่แคว้นกัลซินด์

     

    “ไม่หรอกนะ เทอร์มิส” ฮาเดสแย้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณเจ้าในเรื่องนั้น ข้าพูดจริงๆ นะ”

     

    “ขอบคุณที่เข้าใจนะ” คู่สนทนาหยักยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย หากแต่สีหน้ากลับยังดูอ่อนล้า “แต่มันจำเป็นที่ต้องให้เทพอัศวินที่เป็นผนึกรองไปกับเกรเซียสด้วย เพราะเป้าหมายในครั้งนี้อยู่นอกตัวเมืองลีฟบัด ข้าจึงยังกังวลอยู่บ้างเรื่องที่เกรเซียสยืนยันจะไปกับคนจำนวนน้อยที่สุด”

     

    “ไม่ต้องห่วงหรอกเทอร์มิส” ฮาเดสกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ข้ารู้จักเขาดี และข้าขอรับรองว่าจะปกป้องคุ้มครองเขาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเขาเองก็เป็นคนสำคัญของข้าเหมือนกัน” และแล้วฮาเดสก็หยุดชะงักไปเหมือนลังเลที่จะพูดต่อแต่สุดท้ายก็เอ่ยเสริมเบาๆ เสริมว่า “คนสำคัญมากด้วย”

     

    เทอร์มิสจ้องหน้าเขาครู่หนึ่งด้วยสายตา...เอ่อ ถ้ามองไม่ผิด เป็นสายตา...สงสาร?

     

    นี่เขาถึงกับทำให้คนอย่างเทอร์มิสทำสายตาเศร้าแบบนี้ได้ด้วยหรือนี่

     

    “เจ้าไปเถอะ ข้าต้องรอที่จะหารือกับเทมเพสเพิ่มเติมเรื่องการรักษาความปลอดภัยในเมืองช่วงที่พวกเจ้าไม่อยู่อีกสักหน่อย” เทพอัศวินแห่งการลงทัณฑ์ยังคงทำสีหน้าแปลกๆ ส่งมาอยู่ดี เหมือนว่าเขาจะกลับมาอยู่ในโหมดแลนซ์ไปชั่วขณะยังไงยังงั้น

     

    “ถ้าเช่นนั้น ข้าลาล่ะนะ เทอร์มิส”

     

    ฮาเดสไม่เข้าใจ ตัวเขาเองทำอะไรที่กระทบกระเทือนจิตใจผู้อื่นขนาดนั้นลงไปเชียวหรือ?

     

    แต่แล้วเขาก็ส่ายหน้าไล่ความสับสนออกไป

     

    ไม่เอาแล้ว...ไม่อยากคิดอะไรให้วุ่นวายอีกแล้ว

     

    เพียงแค่นี้ก็หนักหนาแทบจะเกินกว่าที่ความรู้สึกของเขาจะทนรับได้แล้วนะ...

     

    แต่ก็ไม่รู้ทำไมนะถึงรู้สึกใจหายชอบกล...อยู่ๆ ก็รู้สึกไม่อยากให้พรุ่งนี้มาถึงเอาเสียเลย

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
    ฮัลโหลค่ะทุกท่าน ^^
    ดีใจจริงๆ เลยที่ยังมีรีดเดอร์ติดตามเรื่องนี้อยู่ เป็นปลื้มมากค่ะ//ปาดน้ำตา กระซิกๆ
    ขอโทษที่หายไปนานนะคะ พูดได้อย่างหน้าไม่อายเลยว่า"ขี้เกียจ"ค่ะ YwY
    ตอนนี้วางพล็อตทุกอย่างไว้เสร็จสรรพแล้ว แต่ช่วงปิดเทอมมันไม่มีอารมณ์พิมพ์เลยจริงๆ ขอโทษค่ะ T^T
    เอาล่ะ ต้องรีบปั่นอีกซักหน่อยซะแล้ว เจอกันบทหน้านะจ๊ะ >[ ]<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×