ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic LSK] Impossible...Unloveable เนเฟลxฮาเดส

    ลำดับตอนที่ #2 : จูบ

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 54


      

    ตลอดทั้งเช้าวันต่อมา ฮาเดสก็วุ่นอยู่กับการช่วยเทมเพสจัดการเอกสารตั้งเบ้อเร่อจนไม่มีเวลาพัก ซึ่ง...โอเค เขาไม่ต้องการจะพักอยู่แล้ว ส่วนช่วงบ่ายเขาก็แวะไปหาไอซอทเพื่อจะถามถึงงานส่งของ (กิน) ที่เขาถูกขอร้องให้ทำบ่อยๆ เขาเคาะประตูห้องแล้วรอครู่หนึ่งไอซอทจึงแง้มประตูออกมาเล็กน้อยพอให้เห็นตัว

     

    “มีธุระอะไรหรือฮาเดส” เจ้าของห้องถามขณะที่มือยังถือที่ตีไข่ที่มีครีมช็อกโกแล็ตเยิ้มค้างไว้อยู่

     

    “ไม่หรอก ข้าแค่อยากจะมาถามว่ามีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่”

     

    “เช่นนี้นี่เอง” ไอซอทพยักหน้า “ขอบใจมาก โปรดรอสักครู่”

     

    ประตูปิดลงพร้อมเสียงกุกกักก๊อกแก๊กโครมครามเหมือนระเบิดลงจากด้านใน ฮาเดสยืนรออย่างอดทนตามคำขอ จากนั้นประมาณสิบนาทีบานประตูก็เปิดออกอีกครั้ง ถุงขนมสิบถุงถูกยื่นให้ตรงหน้าเขา  ซึ่งตัวเขาเองก็รับมาหอบไว้ด้วยความเต็มใจ

     

    “ขอโทษที่ให้รอ”

     

    “เดี๋ยวนะ” ระหว่างที่เก็บถุงขนมของตนเองเข้าไปในกระเป๋าฮาเดสก็พิจารณาหาตราสัญลักษณ์ว่าถุงขนมของเทพอัศวินคนไหนหายไปพลางๆ “ของเฮฟเฟตัสล่ะ”

     

    “อ๋อ” ไอซอททำสีหน้าเข้าใจ “ไม่ต้องหรอก เขาอยู่ไหนห้องข้าน่ะ ขอตัวนะ ข้าต้องไปทำช็อคโกแล็ตมูสพายให้เขาก่อน รบกวนด้วยล่ะหัวหน้าเทพอัศวินฮาเดส”

     

    ประตูปิดโครมตรงหน้าเขา ฮาเดสกำลังสงสัยว่าตัวเองอาจจะมาผิดเวลาหรืออะไรประมาณนั้น

     

     

     

     

    เขาเดินอย่างไม่รีบร้อนไปเรื่อยๆ เป้าหมายแรกคือห้องของใครสักคนในกลุ่มโคลด์บลัด แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทุกคนหายไปไหนหมด แม้แต่พวกฝ่ายเฮมิชก็ดูเหมือนจะหายไปด้วยเหมือนกัน และรวมทั้ง...

     

    “หัวหน้าเทพอัศวินเทอร์มิส!” ฮาเดสใช้เสียงที่เบากว่าการตะโกนนิดหน่อยเรียกอีกฝ่ายที่กำลังจะก้าวยาวๆ อย่างรีบร้อนสวนทางกับเขาไป ฝ่ายถูกเรียกชะงักหยุดกึกแล้วหันมามอง เมื่อเห็นสภาพเขาถือห่อขนมสารพัดก็ทำสีหน้าเข้าใจแล้วตรงมาหา

     

    “มีเหตุจลาจลในเมือง อมนุษย์บุกเข้ามามากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ข้าเลยส่งอาร์เทมิส เอกอน กับอาร์เมลไปดูสถานการณ์” เทอร์มิสกระซิบแล้วก็ช่วยเขาถือถุงขนมทั้งหมดไว้แทน “แต่เมื่อครู่ม้าเร็วมาบอกว่าสถานการณ์เริ่มแย่ลง ข้าจะไปตามไอซอทและแจ้งครีอุสให้ออกคำสั่งกับเทพอัศวินของเขาก่อน ส่วนเจ้า ฮาเดส เจ้าเองก็ล่วงหน้าไปก่อน ทางตอนใต้ของเมืองเนเฟลจะต้านไม่อยู่แล้ว” แล้วหัวหน้ากลุ่มโคลด์บลัดก็ส่ายหน้าพึมพำเบาๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจให้เขาได้ยิน “ครีอุสนี่ก็จริงๆ เลย ทั้งที่การปราบอมนุษย์เป็นหน้าที่ของเขาแท้ๆ สงสัยยังพอกตัวอยู่แน่ๆ”

     

    ฮาเดสยืนฟังเงียบๆ แต่คิดในใจว่า...เจ้าอย่าพยายามไปขัดจังหวะไอซอทตอนนี้จะดีกว่ามั้ง

     

    ว่าแต่เนเฟลไปถึงนานแล้วงั้นหรือ? จริงสิ หน่วยลาดตระเวนเดือนนี้เป็นเวรของเนเฟลนี่นา

     

    และแล้วเขาก็ถอนหายใจ

     

    “ขอรับ” เขารับคำ “เทอร์มิส ข้าจะนำมันไปให้เนเฟลเอง”

     

    เขาหยิบถุงขนมของเนเฟลมาหย่อนใส่กระเป๋าแล้ววิ่งไปยังโรงม้าทันที

     

     

     

     

    กุบกับ กุบกับ

     

    “เร็วอีกนิดเถอะเจ้าม้า” ฮาเดสที่แทบจะเอนตัวแนบคอม้าที่กำลังควบอืดอาดในความคิดเขากระซิบกับมันเบาๆ...ให้ตาย...เขาคิด ถ้าเสกม้าโครงกระดูกจากความตายมาขี่แทนได้โดยพวกชาวบ้านไม่หัวใจวายเขาคงทำไปนานแล้ว

     

    แล้วเขาก็ได้ยินเสียงระเบิดกับเสียงคำรามอันเป็นเอกลักษณ์ของอมนุษย์จึงลงจากหลังอาชาแล้วกระโดดข้ามกำแพง ไต่ขึ้นไปบนหลังคาสูงแล้วกวาดตามองหาจุดเกิดเหตุอย่างไม่ยากเย็นเพราะฤทธิ์เดชอาภรณ์แห่งมังกรที่ตนสวมอยู่

     

    แล้วเขาก็พบจุดๆ หนึ่งที่ชุลมุนมากอย่างเห็นได้ชัด อมนุษย์กระจุกรวมกันอยู่ที่เดียวกันเหมือนกำลังห้อมล้อมอะไรบางอย่าง มีเสียงหลายเสียงปะปนกันไปทั้งเสียงต่อสู้ เสียงดาบตัดเนื้อ เสียงเลือดกระฉูด

     

    “เนเฟล” ฮาเดสพึมพำเบาๆ เมื่อเห็นร่างของคนคุ้นเคยหายตัวแวบไปแวบมาในหมู่อมนุษย์ราวกับเป็นวิญญาณ เขากวัดแกว่งดาบอย่างพลิ้วไหว หายตัวไป แล้วก็ตวัดดาบอีก เหล่าสัตว์ประหลาดล้มลงทุกวินาทีที่เขาเคลื่อนไหว เอาตามความจริงนะ นั่นนับว่าเป็นการต่อสู้ที่สวยงามและหาดูได้ยากจริงๆ

     

    ถ้าคุณดูจนจบได้โดยไม่โดนซาลาแมนเดอร์ที่อยู่แถวนั้นเผาหัวคุณเป็นเนื้อย่างมีเดียมแรร์ล่ะก็นะ

     

     

     

    ฮาเดสลอบยิ้มใต้หน้ากากสีดำที่ปิดใบหน้าครึ่งล่างไว้แล้วชักดาบเทพอัศวินฮาเดสออกมา มันเป็นการช่วยไม่ได้ที่เขาต้องจับดาบสู้แทนที่จะคืนร่างประมุขแห่งความตายควบคุมเหล่าอมนุษย์เหล่านี้ เขาทำไม่ได้หรอกในสถานการณ์ที่พวกชาวบ้านชาวเมืองแอบมองกันพรืดโดยไม่กลัวตายอย่างสมเป็นชาวเมืองลีฟบัดแบบนี้

     

    เขาจับดาบมั่นแล้วฝ่าเข้าไป คมดาบตวัดด้วยความสามารถขั้นพื้นฐานของเขาที่ผึกซ้อมตั้งแต่ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงบัดนี้...หนักแน่นเหมือนแผ่นดิน วูบไหวเหมือนสายน้ำ รวดเร็วเหมือนสายลม และดุดันบ้าคลั่งเหมือนเปลวไฟ ตามหลักแล้วฝีมือการฟันดาบของเขาโจษจันกันว่าเยี่ยมกว่าหัวหน้าเทพอัศวินเทอร์มิสเสียอีก และนั่นไม่ผิดแผกไปจากความเป็นจริงสักเท่าไหร่

     

     

     

     

    แต่ว่าทำไมอมนุษย์คราวนี้ถึงมีมากมายขนาดนี้กันนะ

     

    “พวกมันมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ คิดอย่างนั้นไหมหัวหน้าเทพอัศวินเนเฟล”

     

    “ข้าก็ว่าอย่างนั้น..”

     

    ทั้งฮาเดสและเนเฟลได้แผลมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ฮาเดสจะไม่มีเลือดในตัวให้ไหล แต่สำหรับเนเฟลมันก็อีกเรื่อง แม้ฮาเดสจะไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย แต่สำหรับเนเฟลมันไม่เป็นเช่นนั้น การต่อสู้ที่กินเวลาตั้งแต่บ่ายจรดค่ำไม่ใช่อะไรที่สนุกเลย ตรงกันข้าม...มันเป็นอะไรที่สูบพลังงานอย่างมาก

     

    เทพอัศวินฮาเดสอดบ่นออกมาเบาๆ ไม่ได้ว่า “ทำไมเทพอัศวินที่เหลือถึงไม่มาสักที น่าจะมาถึงได้ตั้งนานแล้วนี่นา” ...แต่ก็เป็นไปได้ว่าจะเจออมนุษย์ดักทางเอาไว้ ยังไงก็ช่วยไม่ได้นี่นะ ทางนี้เขากับเนเฟลคงต้องรับผิดชอบกำจัดให้หมดกันเองเสียแล้ว

     

    ฮาเดสเงยหน้ามองผืนฟ้าสีหมึกแล้วถอนหายใจ

     

    แบบนี้คงจะอีกนาน...

     

    คิดแล้วก็ส่ายหน้าปลงๆ พลางกะซวกดาบเข้าท้องอมนุษย์ตัวที่หกพันสามร้อยสี่สิบเก้าที่เขาจัดการได้ในวันนี้

     

     

     

     

     

    เที่ยงคืน...

     

    “กลับมาแล้วหรือ เนเฟลที่รัก ฮาเดสที่รัก”

     

    ครีอุสยิ้มอย่างสง่างามให้พวกเขาสองคนบริเวณใกล้ๆ อารามแสงสว่าง

     

    ทำไมครีอุสถึงเห็นเนเฟลน่ะเหรอ ก็พวกเขาสองคนเล่นพยุงกันมาแบบนี้ไม่เห็นก็ให้มันรู้ไป...

     

    เนเฟลปล่อยตัวฮาเดสแล้วทำความเคารพตามแบบอัศวินแล้วเริ่มต้นพรางตัว ฮาเดสจึงทำความเคารพ หัวหน้าเทพอัศวินครีอุส บ้าง

     

    “ด้วยพระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง พี่น้องเทพอัศวินทั้งสองท่านจึงได้กลับมายังสถานที่แห่งองค์เทพเจ้าแห่งแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์ได้โดยสวัสดิภาพ อา ข้าซาบซึ้งในพระมหากรุณาอันเปี่ยมล้นอย่างหาที่สุดมิได้ของพระองค์ยิ่งนัก ขอแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์จงสาดส่องคุ้มครองเหล่าพี่น้องเทพอัศวินที่รักยิ่งของข้าให้ปราศจากภัยแผ้วพานภยันตรายทั้งหลายทั้งปวงตลอดไปด้วยเทอญ”

     

    “ครีอุส ตรงนี้ไม่มีคนอื่นอยู่แล้วนะ อีกอย่างข้าคิดว่าแสงศักดิ์จะทำข้าตายรอบสองมากกว่าจะคุ้มครองข้า” ฮาเดสถอนหายใจแล้วพยักเพยิดไปทางเนเฟลที่แขนเสื้อชุดยูกาตะขาดรุ่งริ่ง “แล้วก็ช่วยรักษาเนเฟลด้วย แผลที่ไหล่ซ้ายเขาสาหัสเอาการ”

     

    “เข้าใจแล้ว” ครีอุสตอบรับด้วยการเอามือวางบนบ่าฮาเดสอย่างนุ่มนวลแผ่วเบาเสียจนถูกแตะหน้าแทบแดง...ที่ใช้คำว่าแทบแดงเพราะแน่นอนว่าเขาไม่มีเลือดในตัวให้หน้าแดงอยู่แล้ว จากนั้นครีอุสก็หันไปใช้คาถาฟื้นฟูพลังให้เนเฟล

     

    เนเฟลไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ แต่น่าแปลก...แม้ฮาเดสจะเห็นเพียงแค่หน้าครึ่งล่างของเนเฟลแต่เขากลับกำลังรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองเขา แต่กำลังเสมองไปทางอื่นด้วยท่าทีกึ่งไม่พอใจ

     

    ทำไมกันนะ บางทีคนๆ นี้ก็เข้าใจยากยิ่งกว่าเกรเซียสเสียอีกนะนี่...

     

    “เฮ้อ โชคดีจริงๆ ที่พวกเจ้าปลอดภัย แต่ว่าคนอื่นๆ ยังกลับมาไม่ครบเลยข้าจึงต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกเสียหน่อย ไปพักผ่อนเถอะนะพวกเจ้าทั้งสองคน” ครีอุสส่งยิ้มสว่างไสวมาให้อีกหน “อีกอย่างพวกโคลด์บลัดก็กลับมากันหมดแล้วยกเว้นเทอร์มิสคนเดียว ข้าคิดว่าจะอยู่รอหน่อยน่ะ”

     

    ฮาเดสตั้งท่าจะพูดว่าการพักผ่อนไม่ใช่อะไรที่จำเป็นกับเขาเลย แต่พอได้ยินเพื่อนวัยเด็กพูดถึงเทอร์มิสเขาก็พูดอะไรไม่ออก ทว่าเนเฟลที่อยู่ข้างๆ พูด ขอรับ.. คำเดียวเสร็จก็จับมือลากตัวเขาแล้วพาออกไปแทบจะทันที

     

    จะพาไปไหนนะ? อืม...เหมือนจะเป็นทางไปป่าสน

     

    “เนเฟล เจ้าเหนื่อยมากแล้วนะ กลับไปพักผ่อนที่ตำหนักเถอะ” ฮาเดสร้องบอก เนเฟลไม่ได้ตอบว่ากระไร แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขาไม่ได้ใช้วิชาก้าวข้ามเมฆา

     

    “เนเฟล?” ฮาเดสร้องเรียกอีกครั้ง แต่คราวนี้เนเฟลกลับเซเสียจนต้องเอามือยันกำแพงไว้

     

    เห็นอย่างนี้แล้วฮาเดสจึงเข้าไปช่วยพยุงอย่างเป็นห่วงพลางถามว่า “เจ้าเป็นอะไรไป”

     

    “เหนื่อย..” เสียงตอบเบาหวิวจากคนตรงหน้า “เมื่อคืนไม่ได้นอน..”

     

    “เอ๋?” ข้าจำได้ว่าเขาบอกข้าว่าเขานั่งหลับตอนอยู่กับข้าไม่ใช่หรือไงกันนะ หรือว่า... “เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้านั่งรอคำตอบจนรุ่งสางเลยน่ะ!

     

    เนเฟลแค่พยักหน้าโดยไม่พูดไม่จา

     

    ม...หมอนี่ช่างบ้าเกินบรรยายกว่าที่เขาคิดเป็นร้อยเท่าเลยจริงๆ

     

    ฮาเดสอึ้งไปชั่วครู่

     

    “ข้าขอโทษนะ” ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจแล้วกระซิบอย่างแอบสำนึกผิด “เดี๋ยวข้าไปส่งเจ้าที่ห้องแล้วกัน”

     

    “ข้าไม่ได้โทษเจ้า..” เนเฟลบอกแล้วก็เงียบไปอีก

     

     

     

    ฮาเดสพยุงเนเฟลไปที่ห้อง เขาไม่เคยเข้ามาที่ห้องของเนเฟลมาก่อน จึงอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองไปรอบๆ ซึ่งมีชั้นหนังสือมากมายที่ถ้าเอามารวมกันแล้วดูท่าจะยังมีพื้นที่มากกว่าห้องน้ำในห้องของคนๆ นี้เสียอีกกระมัง

     

    “นั่นต้นเชอรี่ที่เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังหรือเปล่าน่ะ” ฮาเดสเอียงคอมองต้นเชอรี่ต้นที่เล็กแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนตรงมุมห้อง มันสูงแค่ประมาณสี่ฟุต ใบสีเขียวเข้ม และมีผลดกสีชมพูอ่อนเต็มต้นสีเหมือนผมของเนเฟลไม่มีผิดคนทั่วไปจะจินตนาการเทพอัศวินเนเฟลที่มีผิวสีซีดๆ ผมสีซีดๆ เสื้อผ้าสีซีดๆ และทำตัวล่องไปลอยมานี่นะ

     

    “อืม นั่นแหละ..” เนเฟลตอบเสียงไร้เรี่ยวแรงอย่างที่ไม่รู้ว่าเขาพูดให้สมกับเป็นเทพอัศวินเนเฟลหรือว่าอิดโรยจริงๆ กันแน่ “เจ้าหรี่ไฟหน่อยนะ ข้าไม่ชอบแสงสว่าง..”

     

    เหมือนกันนั่นล่ะ...ฮาเดสคิดแล้วเอื้อมมือข้างที่ว่างอยู่หมุนปรับความสว่างในตะเกียงเล็กๆ ที่แขวนข้างประตูแล้วค่อยพยุงเนเฟลนั่งบนเตียง เนเฟลเอียงคอเล็กน้อยขณะถามคำถามเอื่อยๆ

     

    “พรุ่งนี้เจ้าจะทำอะไรเหรอ จะให้ข้าไปอยู่ที่ป่าสนเป็นเพื่อนอีกไหม..”

     

    “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลังเถอะ เจ้าสมควรพักได้แล้ว วันนี้เหนื่อยมามากพอแล้วล่ะนะ”

     

    ฮาเดสค่อยๆ ปล่อยตัวคนตรงหน้าพอให้มั่นใจว่าจะไม่เป็นลมหงายหลังไปเสียก่อนแล้วจึงพูดว่า “เช่นนั้น ข้าก็ไม่รบกวนเจ้าแล้วนะเนเฟล พักผ่อนเสียเถอะ” แล้วเขาก็ลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกไป

     

    แต่แล้วทันใดนั้นโดยที่เขาไม่คาดคิด ชายหนุ่มผู้มีผมสีชมพูสลวยก็เอื้อมมือมาจับมือเขาไว้

     

    ระหว่างที่ฮาเดสกำลังงง เนเฟลก็ออกแรงกระตุกหน่อยเดียวเขาก็เซถลาไปนั่งเกยตักอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย และขณะที่ยังไม่หายตกใจนั้นมือขาวซีดข้างหนึ่งของเนเฟลก็รั้งเอวเขาไว้ ส่วนอีกข้างก็ดึงหน้ากากของเขาออกแล้วกดท้ายทอยเขารับริมฝีปากที่ประกบลงมาในไม่กี่วินาที

     

    นั่นเล่นเอาคนถูกกระทำอย่างเขาช็อกค้างทำอะไรไม่ถูกไปเลย แต่เมื่อเขาเผลอเผยอปากอีกฝ่ายก็ได้โอกาสสอดลิ้นเข้ามา ลิ้นอุ่นควานหยอกเย้าไปทั่วโพรงปาก ฮาเดสพยายามจะดิ้นแต่ไม่ช้าก็ต้องเปลี่ยนมายึดไหล่เนเฟลอย่างช่วยไม่ได้

     

    พนันได้ว่าไม่เคยมีใครอีกแล้วนอกจากเขาที่รู้ว่าเดมอส เนเฟลจะเป็นคนที่จูบเก่งขนาดนี้แต่เขาไม่พนันนะ กฎของการเป็นเทพอัศวินระบุว่าห้ามพนันขันต่อระหว่างเทพอัศวิน เอ่อ ไม่ใช่เวลาจะมาพูดเรื่องนี้เสียหน่อย!

     

    “อื้อออ” ฮาเดสเริ่มหมดเรี่ยวหมดแรงขึ้นมากะทันหัน แปลกจริง ไม่ยักรู้มาก่อนว่าอัศวินแห่งความตายจะรู้สึกเหมือนหมดแรงได้กับเขาด้วย

     

    เนเฟลค่อยๆ ถอนจูบอย่างเชื่องช้าแต่ยังคงอ้อยอิ่งกับริมฝีปากบางนั้นราวกับยังจูบไม่พอ ฮาเดสถูกสวมกอดจากวงแขนขาวซีดทำให้ใบหน้าเขาแนบกับอกของอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้

     

    “เน...เนเฟล” เขาเริ่มพูดตะกุกตะกัก “จ...เจ้า...ทำ...ทำไม...ถึ...ถึง...ได้...”

     

    ฮาเดสรู้สึกว่าในตอนนี้ตัวเองพูดติดอ่างได้เยี่ยมกว่าเทพอัศวินไทรอนเสียอีก

     

    “ไม่ต้องกลัวหรอก..” เสียงแผ่วๆ กระซิบอยู่ข้างหู “ข้าไม่ทำอะไรคนที่ไม่ยินยอมอยู่แล้ว..”

     

    ฮาเดสฟังแล้วคิ้วกระตุกนิดๆ แสดงว่าจูบเมื่อครู่นี่เขายินยอม?

     

    “ก่อนที่เจ้าจะเอาดาบตัดหัวข้าหรืออะไรทำนองนั้น..” ชายผิวสีซีดเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรง “ข้าจะขอบอกไว้ตรงนี้ว่าถึงเจ้าจะไม่รักข้า ไม่ว่ายังไงข้าก็จะรอเจ้า ลอเรน..”

     

    คราวนี้เล่นเอาคนฟังชะงักกึก

     

    รอ? เดมอสบอกว่าจะรอเขางั้นหรือ?

     

    เหมือนกับที่ตัวเขารอเกรเซียสมาโดยตลอดหรือเปล่านะ?

     

    “ลอเรน..” เดมอสกระชับวงแขนอีกนิด “ข้าเข้าใจเจ้า ข้าเข้าใจความรู้สึกของคนที่รอดีพอๆ กับเจ้า เพราะฉะนั้น..” เขากระซิบข้างหูชายหนุ่มผมสีดำแซมเงิน “ก็ช่วยเข้าใจด้วยว่าข้าเองก็ทรมานไม่ต่างอะไรจากเจ้าเลย..”

     

    “คือ...ข้า...ข้าไม่รู้จะตอบเจ้ายังไง” ลอเรนตอบอู้อี้เพราะใบหน้าถูกกดซุกอยู่ที่แผ่นอกของเดมอส “ข้าไม่รู้จริงๆ ขอโทษนะ...อา นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าควรพักผ่อนได้จริงๆ แล้วล่ะ”

     

    เขาแกะมือเดมอสออกอย่างสุภาพแล้วถอยหลังออกมาสองก้าวจึงนึกอะไรขึ้นได้

     

    “เอ้อ ข้าเกือบลืมไป” ลอเรนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วหยิบถุงขนมถุงเล็กที่มีตราสัญลักษณ์ของเทพอัศวินเนเฟลออกมา “ไอซอทฝากลูกอมกับช็อกโกแลตสอดไส้ราสเบอรี่มาให้เจ้า”

     

    “ขอบคุณ..” เดมอสยื่นมือไปรับแล้วถามด้วยเสียงเนือยๆ ว่า “เจ้าเปิดดูงั้นหรือ..”

     

    ลอเรนชะงักกึกแล้วปฏิเสธอ้อมแอ้ม “เปล่าหรอก แต่ข้าเคยเห็นเครื่องดื่มที่เจ้าชอบวางไว้ใกล้ตัวตอนอยู่ในห้องสมุดน่ะ ข้าก็แค่เดาเท่านั้นเองว่าเจ้าชอบอะไร”

     

    เดมอสส่งยิ้มประหลาดที่เขาตีความหมายไม่ออกมาให้ แล้วก็พยักหน้าทำนองว่าอนุญาตให้ออกไปได้

     

    แต่พอลอเรนดันบานประตูออกไปได้ครึ่งตัว เดมอสก็ร้องเรียกเขาอีกครั้ง

     

    “นี่เจ้าน่ะ..”

     

    “อะไรหรือ”

     

    เดมอสยิ้มแล้วชี้นิ้วไปที่ต้นไม้ที่มุมห้องก่อนเอ่ยทิ้งท้ายประโยคที่ทำให้คนฟังปิดประตูปังแทบไม่ทัน

     

    “ข้าใช้ลิ้นผูกปมลูกเชอรี่ได้นะ เจ้าคิดว่าจริงหรือเปล่าลอเรน ให้ข้าพิสูจน์กับเจ้าอีกทีได้ไหม?”

     

     

    เดมอ! ที่เจ้าจูบไปน่ะเป็นอัศวินแห่งความตายนะ ทำไมเหล่าเทพอัศวินที่นี่ถึงเส้นประสาทตายด้านกับคำว่าประมุขแห่งความตายกันเสียจริงล่ะเนี่ย!

     

    ลอเรนเอนตัวพิงบานประตูด้านนอกอย่างเหนื่อยใจ

     

    คนพวกนี้มีจิตสำนึกกับการเป็นเทพอัศวินบ้างไหมน่ะหา!


    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
    กลับมาอีกครั้งกับตอนใหม่ที่ตัดฉับไปดื้อๆ คำถามที่ตั้งกับตัวเองก็คือ...
    มันเร็วไปมั้ยที่ขึ้นตอนสองก็ได้เรื่องเลยเนี่ย...
    อ่ะ เอาเป็นว่าช่วงนี้แถวบ้านกำลังอยู่ในช่วงระวังภัยพิบัติ
    เพราะฉะนั้นหากหายหน้าไปนานก็เดาได้ว่าน้ำท่วมไม่ก็ขี้เกียจอ่ะจ้า >w< <<เล่นง่ายเนอะ \(^O^)/


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×