คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
ในยามราตรีอันเงียบสงัด
คืนที่ไร้จันทร์ไร้ดาว หมู่เมฆสีเทาลอยละล่องบนผืนฟ้าสีหมึกบดบังแสงสว่างทั้งหลายจนหมดสิ้น ณ ตำหนักเทพอัศวินอันศักดิ์สิทธิ์ ยังมีชายคนหนึ่งยืนหลบอยู่ใต้เงามืดของกำแพงด้วยสีหน้าท่าทางเฉยชา สวมเครื่องแต่งกายปกปิดใบหน้า ผมสีดำแซมเงินตัดสั้น บุคลิกที่เห็นชัดว่าเป็นคนปราดเปรียวว่องไว
ท่าทางที่เมื่อมองผ่านๆคนที่ไม่รู้จักอาจจะคิดว่ามีมือลอบสังหารแฝงตัวเข้ามา แต่ไม่ใช่หรอก เขาคือหัวหน้าเทพอัศวินฮาเดส
...
เขาเป็นอัศวินแห่งความตาย
ไม่จำเป็นต้องกิน
ไม่จำเป็นต้องนอน
ไม่จำเป็นต้องเข้าห้องน้ำ
และบางที...ไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึก
แล้วเขาอยู่เพื่ออะไร?
ลมหนาวยามค่ำคืนพัดใบไม้ปลิวว่อน แต่ไม่อาจทำให้ลอเรน ฮาเดสรู้สึกถึงความหนาวเย็นบาดกระดูกสำหรับคนทั่วไปนั้นได้ เขาไม่ได้รับสิทธิ์ในการมีชีวิตอยู่อย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ฟื้นกลับมาเป็นอัศวินแห่งความตายแล้วด้วยซ้ำ
ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที เขาก็ผูกพันกับเพื่อนคนสำคัญอย่างเกรเซียสมาตั้งแต่เด็ก
มันกลายเป็นความรัก...รักมากด้วย
แต่ ณ บัดนี้ เกรเซียสกลับยืนอยู่ในจุดที่สูงเกินกว่ามือของเขาจะอาจเอื้อมไปถึง...จุดยืนของเทพอัศวินครีอุส
คนเดียวที่มีสิทธิ์อยู่ข้างกายเขากลับเป็นหัวหน้าของเทพอัศวินกลุ่มโคลด์บลัด
แลนซ์ เทอร์มิส...
คนๆเดียวที่อยู่ข้างกายเกรเซียส ทำในสิ่งที่คนอย่างลอเรน ฮาเดสทำไม่ได้ คอยแอบช่วยเหลืออย่างที่เขาทำไม่ได้ แม้แต่เป็นของเล่นแสนสนุกอย่างที่เขาเป็นให้ไม่ได้ หรือจะคอยแขวะกันต่อหน้าและปลอบโยนกันลับหลังอย่างที่เขาไม่มีโอกาสได้ทำ
ทั้งที่เมื่อก่อนเขาสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ทุกอย่าง...
แล้วเขามาทำอะไรที่นี่กันนะ?
“หัวหน้าเทพอัศวินฮาเดส..”
เขาเบิกตากว้างแล้วหันขวับแทบไม่ทัน ก่อนจะถอนหายใจเฮือกเมื่อเห็นชัดว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เขายืดหลังตรงแล้วจึงเอ่ยถามว่าเทพอัศวินหนึ่งเดียวที่มีเส้นผมยาวสีชมพูว่า “เจ้ามีธุระอันใดหรือหัวหน้าเทพอัศวินเนเฟล”
โผล่มาก็ไม่เคยให้ซุ่มให้เสียงกันบ้างเลย ถึงเป็นศพเดินได้แต่เขาก็ตกใจเป็นนะ...
“ข้าแค่เบื่อเท่านั้น..” เนเฟลพูดด้วยเสียงเนือยๆเหมือนผี “ก็เลยคิดว่าจะไปนอนที่ป่าสนดูเสียหน่อย แล้วก็เลยมาเห็นเจ้ายืนอยู่คนเดียว..”
“อย่างน้อยเทพอัศวินฝ่ายเฮมิชก็ไม่สมควรแสดงความเป็นห่วงเทพอัศวินฝ่ายโคลด์บลัดหรอกนะ ท่านหัวหน้าเทพอัศวินเนเฟล”
ฮาเดสเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่คนฟังอย่างเนเฟลสีหน้ายังราบเรียบยิ่งกว่า มองทางไหนก็มองไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ข้าคิดว่าหัวหน้าเทพอัศวินฮาเดสภักดีต่อหัวหน้าเทพอัศวินครีอุสมากกว่าหัวหน้าเทพอัศวินเทอร์มิสเสียอีก..”
“หืม” ฮาเดสขมวดคิ้วเล็กน้อย ใช่ นั่นเป็นความจริงทั้งในชีวิตจริงและบทบาทที่ได้รับเลยทีเดียว แต่เขาสาบานว่าไม่ได้จงเกลียดจงชังอะไรเทอร์มิสหรอก จริงๆ นะ
แต่ก็นั่นล่ะ คำพูดของเนเฟลทำเอาเขาพูดไม่ออกไปพักใหญ่ และนิ่งไปนานเพราะกำลังตรึกตรองอย่างจริงจังว่าการที่เทพอัศวินฝ่ายโคลด์บลัดที่ฟังแต่คำสั่งของหัวหน้าเทพอัศวินครีอุสจำเป็นต้องสนิทชิดเชื้อกับเหล่าเทพอัศวินฝ่ายเฮมิชหรือไม่
ฮาเดสคิดวนไปเวียนมาอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งอีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงขึ้นมาก่อน
“มาด้วยกันสิ..”
“ว่าไงนะ?”
ยังไม่ทันตั้งหลักให้ดี มือขาวซีดของเนเฟลก็คว้าข้อมือเขาไป ไม่ช้าก็รู้สึกเหมือนฝ่าเท้าลอยอยู่บนอากาศเพราะถูกคนใช้วิชาก้าวข้ามเมฆาลากไปด้วย น่าแปลก...ทั้งที่เมื่อสวมอาภรณ์แห่งมังกรนั้นเขามีแรงเยอะกว่าและทักษะเหนือกว่าคนตรงหน้าเป็นไหนๆ แต่ทำไมเขาไม่สะบัดมือออกหรือแสดงความไม่ยินยอมบ้างสักหน่อยเล่า
อาจเพราะมันน่าเบื่อที่ต้องยืนนิ่งเป็นท่อนไม้ต่อไปอีกทั้งคืนก็ได้
ตึก
ไม่ช้าทั้งคู่ก็มายืนอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ของต้นสนต้นหนึ่ง ทิวทัศน์ข้างหน้าดำมืด ต้นไม้แต่ละต้นโบกสะบัดเหมือนปีศาจร้ายในยามราตรี ต้นสนที่พวกเขายืนอยู่ไหวเอนเล็กน้อย
ฮาเดสตัดสินใจยืนเอนตัวพิงลำต้น ส่วนเนเฟลนั่งลงบนกิ่งไม้อย่างเคยชินแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า
“ฟ้าปิดหรือเปล่านั่น..” เขาพึมพำถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาเหมือนพร้อมจะขาดใจตายทุกวินาที พอฮาเดสพยักหน้าเขาก็ถอนหายใจเล็กน้อย “ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีแสงนั่นแหละดีแล้ว..”
“หัวหน้าเทพอัศวินเนเฟล ท่านมีธุระอะไรกับข้า” ฮาเดสตัดสินใจถามอีกครั้ง
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...
“หัวหน้าเทพอัศวินเนเฟล” เขาย้ำอีกรอบ “หากท่านไม่มีธุระ ข้าก็ขอตัว”
“ลอเรน..”
ฮาเดสหรือลอเรนที่เตรียมจะโดดลงจากต้นไม้ชะงักกึก แล้วก้มหน้ามองคนเรียกด้วยสีหน้างุนงง เพราะร้อยวันพันปีคนที่เรียกเขาอย่างนี้คงมีแต่เกรเซียสกับพิ้งกี้เท่านั้น เขาเพิ่งทำความรู้จักกับเหล่าเทพอัศวินทั้งสิบสององค์ได้ไม่นานเท่าใดนัก และในบรรดาคนเหล่านี้หากไม่นับรวมเกรเซียสล่ะก็ เนเฟลแห่งฝ่ายเฮมิชเป็นคนแรกที่เรียกชื่อจริงของเขา
ลอเรนนิ่งไปพักหนึ่ง
“ทำไมหรือ...เดมอส”
เดมอส เนเฟลยิ้มจางที่มุมปาก
“ข้าอยากอยู่ที่นี่..กับเจ้า..”
“ข้าคิดว่าคนเป็นเทพอัศวินเนเฟลนั้นรักสันโดษเสียอีก” ลอเรนเปลี่ยนมานั่งลงข้างๆเดมอสแทน ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ใช้วิชาพรางตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมเหมือนทุกที
“ใช่ ข้าเป็นอย่างนั้น..” เดมอสพยักหน้าช้าๆ “แต่เทพอัศวินไม่จำเป็นต้องมีตัวตนที่แท้จริงเหมือนที่คนอื่นอยากให้เป็นทุกประการเสมอไป ข้ารักสันโดษจริง แต่ไม่ใช่ว่าข้าชอบอยู่คนเดียวไปตลอดกาล ทว่าสถานะของข้าไม่อนุญาตให้ค้าคบค้าสมาคมกับคนมากมาย และการไปไหนมาไหนโดยถูกสายตาจับจ้องมันบังคับให้เทพอัศวินต้องกลายเป็นหุ่นที่โลดแล่นตามบทบาทที่ได้รับ นั่นทำให้ความเป็นส่วนตัวที่หาได้ยากยิ่งคือสิ่งล้ำค่าสำหรับพวกเราเหล่าเทพอัศวินทุกๆคน..”
แล้วเดมอสก็นิ่งไปอีก แล้วจึงหันหน้ามาเอียงคอถามลอเรน
“เจ้าต้องการฟังเรื่องของข้าไหม..”
“เจ้าว่ามาเถอะ” ลอเรนบอกสั้นๆหากแต่เงี่ยหูฟังอย่างสนอกสนใจ
“ถ้าอย่างนั้น เจ้ารู้ไหม..” เดมอสเกริ่นช้าๆ ด้วยน้ำเสียงคล้ายคนใกล้ตาย “ว่าการมาเป็นเทพอัศวินน่ะคือสิ่งที่ต้องตรึกตรองตัดสินใจอย่างใหญ่หลวงนัก ผมของข้าแต่เดิมไม่ใช่สีซากุระ มันเป็นสีน้ำตาลเปลือกไม้ ท่านอาจารย์ของข้าต้องให้ข้ากัดสีผม มันเจ็บมาก แต่แน่นอนว่าข้าก็รู้ว่าเรื่องแค่นี้ไม่ใช่ความเจ็บปวดที่สุดของการเลือกเดินบนทางสายนี้..
แต่สีที่สกัดจากดอกซากุระมันแพงเกินไป ท่านก็เลยวานให้ท่านอดีตหัวหน้าเทพอัศวินเคเรสเพาะพันธุ์ต้นเชอรี่ขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับข้าคนเดียว แล้ววานให้อดีตหัวหน้าเทพอัศวินเทมเพสช่วยปรุงน้ำยาย้อมสีผมให้ มันเป็นสีที่ใกล้เคียงกันมาก และข้าก็ชอบมากด้วย..”
“ข้าไม่เคยนึกถึงเรื่องเส้นผมของเจ้ามาก่อน” ลอเรนยอมรับ “ข้าเคยคิดว่ามีแต่หัวหน้าเทพอัศวินเทมเพสเสียอีกที่ต้องย้อมสีผม”
“ซีโอ..” เดมอสแก้ให้ “ตอนนี้ข้าเองก็ต้องพึ่งซีโอในการช่วยทำน้ำยาเหมือนกัน แต่เรื่องต้นเชอรี่ข้าอ่านวิธีการปลูกจนเข้าใจแล้ว เลยย้ายมาปลูกในห้อง..”
“ห้องเจ้าหรือ?” ลอเรนถาม “ต้นเชอรี่เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ไม่ใช่หรือ”
เดมอสยิ้มให้เขาอีกรอบ
“มันเป็นพันธุ์พิเศษที่ไอร์เมอร์ช่วยปรับปรุงพันธุ์ให้ แล้วก็ต้องขอบคุณจอร์โกกับชาคส์ที่เป็นเดือดเป็นร้อนรดน้ำให้ในช่วงที่พระสังฆราชให้ข้านอนค้างที่ห้องสมุด..”
“แล้ว...เกรเซียสล่ะ”
ลอเรนถามเบาๆ สีหน้าของเขาเศร้าสร้อยและแววตาก็หม่นลงอย่างเห็นได้ชัด
“เกรเซียสหรือ ข้าไม่ค่อยเห็นเขานอกเหนือจากสถานะเทพอัศวินครีอุสเท่าไหร่ และข้าก็ไม่ค่อยปรากฏตัวให้ใครเห็นบ่อยๆด้วยจึงไม่มีโอกาสคุยกับเขาบ่อยนักเพราะเขาเองก็มีเรื่องต้องจัดการไม่น้อย..” เดมอสว่า แล้วหันมามองลอเรนด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดาความรู้สึก
“เจ้าชอบเขาหรือ ลอเรน..?”
ลอเรนไม่ได้ตอบ ไม่ได้พูด ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสีหน้า ไม่ได้ขยับตัว ไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง เขานิ่งเงียบ และสำหรับคนรอคำตอบอย่างเดมอสนั้น ความเงียบของลอเรนนั้นคือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด
ทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรกันอีกแม้แต่คำเดียว หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง สาม สี่ ห้า หก...ต่างคนต่างเงียบอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งแสงอาทิตย์แห่งเช้าวันใหม่ทอแสงจับขอบฟ้าเป็นสีเหลืองทอง
ในที่สุดเนเฟลก็กระดุกกระดิกตัวเอามือป้องแสง แม้ลอเรนจะมองไม่เห็นใบหน้าครึ่งบนของอีกฝ่ายเพราะเส้นผมปรกลงมาปิดเขาก็เดาได้ว่าคนข้างๆกำลังหยีตาเพราะไม่ถูกโรคกับแสงสว่าง
“เดมอส เจ้าไม่ง่วงนอนหรือ” ลอเรนถามอย่างเป็นห่วงเมื่อนึกขึ้นมาได้ “ต้องขอโทษด้วยที่อยู่เป็นเพื่อนข้าทั้งคืน เจ้าทำงานเอกสารไหวหรือเปล่า เดือนนี้เวรตรวจตราเมืองของหน่วยเจ้าด้วยนี่นา หากไม่พักผ่อนจะไม่ดีต่อสุขภาพนะ ต้องขอโทษด้วย ข้ารู้สึกผิดจริงๆ”
หากแต่เนเฟลตอบเสียงอ่อนแรงเช่นเคยโดยไม่หันหน้ามามอง และนั่นก็เล่นเอาลอเรนอึ้งไปครู่ใหญ่
“ใครว่าข้าไม่ได้นอน ข้านั่งหลับต่างหาก..”
“...”
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
สวัสดีค่ะรีดเดอร์สาวกLSKทุกๆ ท่าน
เรื่องนี้เป็นฟิคLSKเรื่องแรกเลย สาเหตุคือชอบคู่นี้มานานแล้ว และไม่ค่อยมีใครแต่ง (เนี่ยนะเหตุผล?)
เอาเป็นว่ารบกวนติชมเป็นกำลังใจด้วยนะคะ จะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป ^^
ความคิดเห็น