“เป็นเอกฮยอง!”
นักเทควันโดไทยที่นั่งพักผ่อนอยู่ในห้องพักนักกีฬาหันหน้ากลับไปตามเสียงเรียกและพบกับหนุ่มหน้าหวานเชื้อสายเกาหลีที่กำลังวิ่งมาทางเขา แถมพอเข้ามาถึงเจ้าตัวก็พุ่งเข้าโถมตัวกอดทันทีแบบไม่ทันให้ได้ตั้งตัว
“แดฮุน แข่งเสร็จไปแล้วนะ ไม่ต้องกอดเหมือนยังแข่งกันอยู่ก็ได้ พี่จะหายใจไม่ออกแล้ว” คนถูกกอดพูดปนหัวเราะ และนั่นทำให้คนกอดหน้างอง้ำถอยหลังออกห่างแทบจะทันที
“ฮยองใจร้าย!”
ลีแดฮุนหน้าแดงมองค้อนใส่ ใบหน้าขาวผ่องขึ้นสีปรี๊ดจนดูแวบเดียวก็รู้ว่าเขินขนาดไหน
เป็นเอกถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยกมือขึ้นยีหัวเด็กน้อยตรงหน้า
“ทำตัวเป็นเด็กๆ จริงน้า ว่าแต่มาได้ไงล่ะเรา เพิ่งแข่งเสร็จตะกี้เอง โค้ชไม่กักตัวไว้หน่อยเหรอ”
แดฮุนเอียงคอเล็กน้อยเหมือนจะงงเหมือนกันว่าตัวเองมาได้ยังไงเหมือนกัน
“อ๋อ ผมขอโค้ชมาหาฮยองไงฮะ” เด็กน้อยตรงหน้าตอบกลับมาตาแป๋ว แต่แล้วสีหน้าก็สลดลง “คือ...ตอนแข่งตะกี้ผมเตะโดนเข่าฮยองไป ฮยองเจ็บมากรึเปล่าครับ”
เป็นเอกยิ้ม ที่แท้เจ้าเด็กน้อยคนนี้ก็เป็นห่วงเขานี่เอง
ช่างเป็นเด็กที่...น่ารักจริงๆ
“อื้ม เจ็บมากๆ เลยล่ะตอนนี้ โอ๊ย จะล้มแล้วๆ”
“หวา ฮยอง!”
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในสามวินาที เป็นเอกแกล้งเซล้มไปอีกทาง พอหนุ่มน้อยหน้ามนตกใจรับกระวีกระวาดยื่นมือเข้าไปช่วยก็ถูกเขาก็ดึงตัวล้มลงมาบนพื้นด้วยกันแบบไม่เกรงใจทันที
ทั้งคู่กอดกันกลมกลิ้งไปด้วยกันบนพื้นด้วยบรรยากาศโรแมนติกซะยิ่งกว่าหนังเกาหลี
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะหนึ่ง
และหลังจากนั้น...
“ฮยองแกล้งผมเหรอ!!!”
แดฮุนที่ตอนนี้เป็นฝ่ายถูกทับอยู่ด้านล่างร้องโวยวายพลางดิ้นไม่หยุดให้พ้นจากการเกาะกุมแต่ไม่เป็นผล และนั่นทำให้เป็นเอกอดไม่ได้ที่จะหัวเราะชอบใจ
“เราน่ะชนะพี่มาได้ยังไงกันน้า ดิ้นให้หลุดแค่นี้ยังทำไม่ได้เลย”
“ฮยองแกล้งผม!” แดฮุนยังคงโวยวายคำเดิมด้วยใบหน้าแดงก่ำอย่างน่ารัก “นี่ ปล่อยผมนะ ถ้าโค้ชเชเข้ามาเห็นจะว่ายังไง”
“อืม นั่นสิ ถ้าเป็นอย่างนั้นจะบอกโค้ชเชว่ายังไงดีน้า” เป็นเอกแกล้งลากเสียงครุ่นคิด จากนั้นก็ดีดนิ้วเป๊าะ “งั้นบอกว่าอย่าเพิ่งรบกวนความสุขเล็กๆ น้อย ๆ ของเราก่อนก็แล้วกันเนอะ”
“อย่าพูดจาให้คนเค้าเข้าใจผิดอย่างนั้นเชียวนะ!”
“เข้าใจผิดเหรอ...” สีหน้าของคนที่คร่อมทับอยู่เปลี่ยนไปแบบฉับพลัน “แดฮุนบอกว่าเข้าใจผิดเหรอ...”
เป็นเอกลุกขึ้นจากตัวของหนุ่มน้อยชาวเกาหลีที่ช็อกค้างไปครู่หนึ่งกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างปุบปับของเขา นักเทควันโดทีมชาติไทยหันหลังกลับไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม “อืม ปล่อยให้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“ฮยอง...” เสียงเบาๆ ร้องเรียกอย่างตกใจ แดฮุนรีบผุดลุกจากพื้นไปนั่งคุกเข่าข้างๆ เป็นเอก “ผมขอโทษ ฮยองอย่าโกรธผมเลยนะ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
จากนั้นดวงตาของเขาก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ และหลังจากนั้นไม่นานหยดน้ำใสๆ ก็ไหลพรูออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“เฮ้อ จริงๆ เลยน้า” สุดท้ายเป็นเอกนั่นแหละที่ทนทำเป็นเมินต่อไปอีกไม่ได้ เขาคว้าตัวแดฮุนเข้าไปกอดโยกไปโยกมาอย่างตั้งใจจะปลอบ “อย่าขี้แยนักสิเด็กน้อย แบบนี้ใครกันแน่ที่ต้องมาเป็นห่วงใครล่ะหือ”
“ฮยองโกรธผม...ฮยองเกลียดผมแล้ว...”
“ใครจะเกลียดแดฮุนลงล่ะ อย่าร้องไห้นะครับเด็กดี”
เป็นเอกใช้มือเกลี่ยน้ำตาบนใบหน้าขาวจัดที่แดงเรื่อๆ อย่างทะนุถนอม
“จะว่าไปหน้าซูบลงไปเยอะเลยนะ ช่วงที่ลดน้ำหนักมาแข่งรุ่นนี้คงลำบากน่าดูเลยล่ะสิ”
เขาตั้งใจจะเปลี่ยนเรื่องเนียนๆ ไปก่อน...อย่างน้อยที่สุดก็จนกว่าคนตรงหน้าจะหยุดร้อง
แล้วก็ดูท่าจะได้ผล แดฮุนฟังแล้วขมวดคิ้วเหมือนกำลังเรียบเรียงคำพูด
“ใช่ฮะ เพราะโอลิมปิกไม่มีแข่งรุ่นหกสิบสามกิโลที่ผมลงตอนแข่งเอเชี่ยนเกมส์ ผมก็เลยต้องลดน้ำหนักลงมาตั้งห้ากิโลแน่ะ จะกินอะไรเลยต้องระวังไปหมด ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาเนี่ยลำบากสุดๆ เลยล่ะ”
พูดพลางทำตาใสชูมือห้านิ้วประกอบไปพลางด้วย จะหาใครที่น่ารักขนาดนี้ไม่ได้อีกแล้วจริงๆ นะเนี่ย
“เอางี้มั้ย” เป็นเอกจับบ่าของเด็กน้อยตรงหน้าแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู “ไว้แข่งเสร็จเราไปหาอะไรกินด้วยกันก่อนกลับประเทศดีมั้ยครับ ถือว่าชดใช้กับที่แดฮุนลดน้ำหนักมาตลอดหนึ่งปีเลยไง”
“ตกลงครับฮยอง!”
“ฮ่าๆ แต่ห้ามร้องอีกนะเข้าใจเปล่า ไม่งั้นพี่ไม่พาเด็กขี้แยไปกินข้าวจริงๆ ด้วย” เป็นเอกหัวเราะร่า ส่วนแดฮุนก็พุ่งตัวหมับเข้ากอดเขาอีกครั้ง
“ผมจะไม่ร้องแล้วครับฮยอง! เพราะฉะนั้น...เพราะฉะนั้นผมจะเข้ารอบชิงให้ได้ ฮยองจะได้มีสิทธิ์ลุ้นเหรียญทองแดง ส่วนผมก็จะพยายามคว้าเหรียญทองมาให้ได้ เรามาพยายามด้วยกันนะครับ!!”
“แน่นอนอยู่แล้ว” เขาเอ่ยเบาๆ “ต้องอย่างนี้สิถึงจะสมเป็นแดฮุนของพี่”
...
แต่ผลของการแข่งขันหลังจากนั้นกลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แม้ลีแดฮุนจะส่งเป็นเอกเข้ารอบชิงเหรียญทองแดงได้อย่างที่พูดจริงๆ แต่ตัวเขาเองกลับแพ้ต่อนักกีฬารัสเซียด้วยแต้มที่ทิ้งห่างในรอบชิงชนะเลิศ ส่วนเป็นเอกก็พ่ายต่อนักกีฬาโคลัมเบียด้วยคะแนนที่เฉียดฉิวและชวดเหรียญทองแดงไปอย่างน่าเจ็บใจเป็นที่สุด
หลังการแข่งขันทั้งสองคนก็เดินเที่ยวด้วยกันในกรุงลอนดอน แต่ไม่ได้ไปร้านอาหารด้วยกันเหมือนที่ตกลงกันไว้เพราะกว่าจะปลีกตัวออกมาได้ก็ดึกไปโข และจะหลีกเลี่ยงความเป็นจริงไม่ได้เลยว่านี่เป็นการเที่ยวที่เงียบสงัดสุดๆ เพราะต่างคนต่างทุกข์ใจและครุ่นคิดเกี่ยวกับผลการแข่งขันของตัวเอง
แต่ก็ไม่ถึงกับว่า...ไม่ได้ใส่ใจกับคนข้างกายเลย
“แดฮุน เสียใจมากรึเปล่า”
“แล้วฮยองล่ะครับ เสียใจมั้ย”
คำถามและคำตอบที่กลายเป็นคำถามอีกต่อทิ้งช่วงห่างกันเพียงเสี้ยววินาที เป็นเอกอึ้งไปแล้วหยุดเดินเสียดื้อๆ ทำให้คนข้างๆ ที่กำลังจะก้าวนำไปก่อนชะงักเท้ากะทันหัน
แดฮุนหันกลับมามองเขางงๆ
“ฮยอง?”
“ตอบพี่ก่อนสิ”
“ผม...” เจ้าเด็กตัวสูงตอบอ้อมแอ้ม “ก็แหงอยู่แล้วนี่นา แถมแพ้ขาดแบบนั้นยิ่งทำให้ผมรู้สึก...ด้อยกว่ามากเลย”
“อย่างนั้นเหรอ แต่พี่ว่าไม่เป็นไรหรอกน่า” เป็นเอกปลอบก่อนจะฉุดมือแดฮุนให้นั่งลงด้วยกันบนม้านั่งข้างสะพานแห่งหนึ่งที่ทั้งคู่ดินเลียบกันมาเมื่อครู่ “ก็เพราะลดน้ำหนักมาแรงถึงตกไปเยอะเลยไม่ใช่เหรอไง ครั้งหน้าเอาใหม่นะ แล้วถ้าอีกฝ่ายเตะสวิงหัวมาก็แบ็คคิกสวนกลับเลยจะดีกว่า เพราะแบบนั้นจะก้มหลบได้แล้วก็ทำแต้มได้ในครั้งเดียว ส่วนถ้าทางโน้นช็อปคิกมาล่ะก็...”
บทสนทนาไหลรื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในช่วงการแข่งขันโอลิมปิก ทั้งคู่โต้ตอบกันเรื่องเทควันโดอย่างกระตือรือร้นและสนอกสนใจอย่างมาก บนม้านั่งที่ฉากหลังเป็นแม่น้ำอันสงบนิ่งและด้วยแสงไฟสลัวจากเสาไฟ เป็นเอกแทบจะรู้สึกว่าเขาไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว
แดฮุนช่วยผ่อนคลายความเครียดในใจเขาลงได้เยอะมาก
นี่เป็นเพราะความสามารถส่วนบุคคล...หรือเพราะเป็นความชื่นชอบส่วนบุคคลกันแน่นะ
นับวัน...เริ่มจะยั้งใจไม่อยู่เข้าทุกที
“แดฮุน”
“ครับฮยอง”
“ถ้าได้เจอกันอีกครั้งหน้า...” เขาลากเสียงยาวแล้วเอ่ยต่ออย่างอ่อนโยน “พี่จะไม่เบี้ยวแล้วจริงๆ จะพาแดฮุนไปกินข้าวด้วยกันให้ได้เลย อย่าลืมทวงสัญญานะ”
“อื้ม แน่นอนสิครับ” เด็กน้อยข้างกายยิ้มแป้นตอบ “ผมอยากกินข้าวกับฮยองที่สุดเลยล่ะ”
“น่ารักแบบนี้ตลอดสิน่า”
ฟอด
“ฮยองงงงง!!!”
เสียงใสๆ ร้องดังลั่นแทบจะได้ยินกันทั่วลอนดอน มือบางลูบแก้มของตัวเองที่ถูกชิงหอมไปเมื่อครู่
“ทำไมล่ะ ถ้าไม่พอใจจะเอาคืนก็ได้นะ” เป็นเอกถามด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่มก่อนจะทำแก้มป่องพองลมข้างหนึ่งประกอบ นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าของแดฮุนแดงเถือกมากขึ้นไปอีก
“ฮยองแกล้งผมอีกแล้ว!”
“โถ ไม่รักก็ไม่แกล้งหรอกรู้มั้ย”
“นั่น...นั่นผมก็รู้อยู่แล้วน่า!”
คนพูดใช้น้ำเสียงติดจะสะบัดๆ นิดหน่อยอย่างเคืองๆ ไม่ทราบเหมือนกันว่าโกรธหรืออาย
แต่คำเฉลยในเรื่องนั้นก็ตามมาในอีกไม่กี่วินาทีเล่นเอาคนฟังยิ้มกว้างอย่างควบคุมไม่อยู่
“เพราะผมเองก็รักฮยองเหมือนกันนี่ครับ”
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
เป็นฟิคที่เร่งด่วนที่สุดในชีวิตไรเตอร์เลยค่ะ สำนวนภาษาเลยออกมาแปลกๆไปบ้างก็ขออภัยด้วย
ที่พิมพ์ออกมาได้นี่เพราะลีแดฮุนแท้ๆ เห็นหน้าเข้าไปทีเดียวจำฝังลึกเลยค่ะ ประมาณว่า...คนอะไรน่ารักขนาดนี้เนี่ย >///<
คู่นี้จิ้นมาตั้งแต่ดูโอลิมปิกแล้วค่ะ ยิ่งพอมาเห็นว่า โอ้ว มีคนจิ้นแบบเดียวกับเราเยอะเลย ทีนี้ก็ลั้ลลาสุดๆค่ะ แล้วก็กลายเป็นฟิคนี้อย่างที่เห็น ฮี่ๆ
แก้ไข: โอ๊ะ ขอบคุณมากๆที่มาแนะนะคะ เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่าใช้'ฮยอน'แทน'ฮยอง'ไป ขอบคุณรีดเดอร์ที่มาบอกนะคะ >< (ช่วงนี้เพื่อนเป่าหูเรื่องดาราเกาหลีบ่อยไปนิดค่ะก็เลยสับสนเล็กน้อย...แฮะๆ)
เราก็กำลังเขียนฟิคเอกฮุนอยู่เหมือนกันนะ^^
ยังไงก็รักกันไปนานๆนะ
ปล.ฝากเพจเอกฮุนบนเฟสด้วยนะ AkeHoon Forever จ้าาา
แต่...ฟิคเรื่องนี้น่ารักอ่ะ เอกฮุนๆๆๆๆๆๆ
ขอแก้นิดนึงนะค่ะ ผู้ชายเรียกพี่ชายว่า ฮยอง 형 ค่ะ ไม่ใช่ฮยอนน๊า ^^