ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • Poison • [Fic Bleach]

    ลำดับตอนที่ #2 : Episode 0 : The girl in the blood

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 51


      
             ในวันที่อากาศสุดแสนจะเย็นสบาย ผู้คนมากมายเดินกันให้ควั่กเต็มทางเท้าพร้อมร่มหลากสีเพื่อป้องกันไม่ให้ใบไม้ลงบนร่างกายของตน ต่างคนต่างมีหน้าที่การงานของตัวเองทั้งนั้น ต่างไม่ใส่ใจรอบข้างแล้วก้าวฉับๆๆไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ ราวกับว่าถ้าช้าไปหนึ่งวินาทีก็อาจไปทำงานหรือไปเรียนสายได้
             เช่นเดียวกับเด็กหญิงคนหนึ่งที่นั่งมองเหล่าผู้คนอย่างเบื่อหน่าย ราวกับว่าเธอเห็นมันเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา กับเจ้ากิจวัตรประจำวันเดิๆของผู้คนทั้งหลายสุดๆ เธอถอนหายใจยาวๆก่อนจะปัดหิมะก้อนน้อยๆที่หล่นตุ๊บใส่เส้นผมสีแดงดั่งเลือดของเธอ
             เป็นอะไรน่ะเอมิ” เสียงของชายหนุ่มหน้าตาใช้ได้ถามขึ้นเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเด็กน้อยตีหน้าเบื่อหน่ายชนิดถ้าต้องทนนานกว่านี้ระเบิดแน่ “ทำหน้าเหมือนกับฮอลโลว์เลย”
             เอมิเบื่อ” เธอตอบสั้นๆ “เมื่อไหร่มันจะมา เมื่อไหร่มันจะตาย เมื่อไหร่จะได้กลับไปนอนเล่นต่อ”
             พอชั้นฆ่ามันตายเธอก็ได้กลับเองล่ะน่ะ” ชายที่อายุราวๆสิบหกตอบอย่างขอไปทีก่อนจะเสยผมสีเงินให้ออกไปพ้นๆใบหน้าเนื่องจากปลายผมกำลังสนุกกับการทิ่มตาเขาเสียแล้ว
             เร็วๆละพี่จิอากิ” เธอว่าก่อนจะกระโดดทีเดียวขึ้นไปนั่งบนเสาไฟจราจรอย่างหมดอารมณ์สุดฤทธิ์
          
             เบื้องล่างเด็กน้อยบนเสาไฟจราจรที่เปลี่ยนเป็นสีเขียว สิ่งมีชีวิตแปลกปลอมที่พวกฟ้องเธอเรียกว่า ฮอลโลว์ กำลังตรงมาหาพี่ชายของเธอที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เธอไม่ได้ตื่นเต้นหรือตกใจกับหน้าตาของมันเลยแม้แต่น้อยนิด เด็กหญิงเพียงแต่มองมันอย่างเบื่อเต็มที ในขณะที่พี่ชายของเธอยกดาบขึ้นฟันมันขาดเป็นสองท่อนในพริบตา
     
             สำหรับ ฮาเซกาวะ จิอากิ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ที่ 6 การมากำจัดฮอลโลว์ธรรมดาๆนั้น ช่างเป็นงานธรรมดาๆสำหรับเขาเหลือเกิน โดยงานจิปาถะเล็กนี้ถูกส่งมาให้เขาทำ แทนที่จะเป็นบรรดาลูกนองของเขา เพียงเพราะว่าเด็กหญิงผมแดงดั่งเลือดนามว่าเอมิเกิดเบื่อขั้นรุนแรงเท่านั้น... แต่การทำให้น้องสาวแท้ๆของเขามีความสุข สิ่งเล็กๆเพียงแค่นี้ นับเป็นเรื่องที่เขาย่อมทำให้น้องสาวได้อยู่แล้ว
             เสร็จแล้ว กลับกันเถอะเอมิ” จิอากิยิ้มให้น้องสาวผู้เบื่อขึ้นไปอีกเมื่อพบว่ามันจบง่ายเหลือเกิน ชายหนุ่มเรียกน้องสาวให้เดินตามเขาเข้าไปยังประตมิติที่เขากางไว้โดยที่เขาก้าวเข้าไปก่อนที่เอมิขะตามเข้าไป
             แต่ดูเหมือนงานง่ายๆสำหรับหัวหน้าหน่วยจะไม่ง่ายเหมือนเคย เมื่อเด็กน้อยที่เดินตามเขามาติดๆกลับถอยต่างเขาไปหลายสิบเมตร
             ร่างของเอมิลอยอยู่บนท้องฟ้าในกำมือใหญ่ผิดรูปของฮอลโลว์สีน้ำตาลสกปรก มือเล็กๆของเธอพยายามเอื้อมไปหยิบดาบที่อยู่บนหลังอย่างยากลำบาก
             แก” จิอากิหันหน้ามาหาฮอลโลว์อีกตัวที่เพิ่งโผล่มาอย่างเสียอารมณ์ ปลายดาบยาวสีแดงดั่งไฟจ่อไปที่คอของฮอลโลว์แต่กลับต้องชะงัก เมื่อคอของฮอลโลว์ที่เขาหมายฟันให้ขาดกลับกลายเป็นคอระหงของผู้เป็นน้อง
             พี่...จัดการมันไวๆ” เอมิพูดเรียบๆ “ข้าเบื่อจนจะแย่ตายแล้วนะ ไวๆไม่ได้รึไง กลับไปวิ่งไล่จับ เล่นซ่อนหาที่โซลโซไซตี้ยังสนุกกว่าเลย”
             จ้าๆ” จิอากิตีหน้าไม่รู้ร้อนให้เอมิ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความคิดโดยไม่ทันได้ระวังเบื้องหลังเลยแม้แต่น้อย
             สวัสดีครับ หัวหน้าฮาเซกาวะ” เสียงเยียบเย็นดังขึ้นเบื้องหลังจิอากิ
             มาทำอะไรละ งิ...” ไม่ทันได้ทักทายรองหัวหน้าหน่วยของเขาจบ ผู้มาใหม่กลับแทงดาบฟันวิญญาณของเขาเข้าไปยังหัวใจของจิอากิทันทีต่อหน้าเอมิที่ได้แต่จ้องมองอย่างแปลกใจ เมื่องินโผล่มาแทงพี่ชายของเธอ แต่กลับช่วยเธอจากฮอลโลว์
             นายทำอะไรพี่ชายชั้นหรอ” เอมิถามงินด้วยท่าทางไร้เดียงสาจนเขาแสยะยิ้มอย่างสมเพชไปทางจิอากิ
             ช่วยไง” เขาตอบกลับเรียบเบื้องหน้าจิอากิที่ไร้ซึ่งชีวิตอีกแล้ว
             ช่วยแล้วทำไมต้องแทงด้วยละ”
             กะอีแต่ฮอลโลว์ตัวเดียว เป็นหัวหน้าหน่วยแท้ๆ แค่นี้ทำไม่ได้ก็อย่าเป็นให้เสื่อมเสียวงตระกูลเลย”
             ตัวเดียวที่ไหน เนี่ยมันตัวที่สองนะ” เอมิยังคงเถียงงินที่ใช้มือขวาแบกเธอ แล้วมือซ้ายอุ้มศพของจิอากิไปด้วย
             แล้วทำไมพี่จิอากิไม่พูดอะไรละ”
             ก็...เขาตายแล้วจะให้พูดได้ไง”
             ตายมันคืออะไรหรอ” เอมิเอียงคอถามอย่างสงสัยเมื่องินพาเธอและร่างไร้ชีวิตของจิอากิข้ามผ่านประตูมายังโซลโซไซตี้
             มันคือการไร้ซึ่งตัวตนบนโลก” งินสบตาเอมิตรงๆ ด้วยสัญชาติญาณของเธอทำให้เธอถอยห่างผู้ที่ทำให้พี่ของเธออยู่ในสภาพที่เรียกว่าไร้ซึ่งตัวตนบนโลก
             “แกทำอะไรพี่ชายชั้น” เอมิแผดเสียงลั่นก่อนจะชักดาบฟันวิญญาณที่ยืดออกเรื่อยๆจนยาวกว่าส่วนสูงราวสองสามเท่าได้ ร่างของเด็กหญิงตรงเข้าใส่งินที่อยู่เฉยๆแต่ผู้ที่บาดเจ็บปางตายกลับกลายเป็นเธอที่รุกเสียเอง เลือดมากมายไหลหลั่งจากตัวเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แต่ทว่าความอดทนของเธอกลับใหญ่โตกว่าร่างกายนี้มากมายยิ่งนัก ดวงตาสีน้ำเงินจ้องงินตาไม่กระพริบ “เอาพี่ชั้นคืนมานะ”
             ดูเหมือนงินจะต้องการคืนพี่ชายให้เอมิจริงๆ เพราะเขาโยนร่างของจิอากิลงมากองตรงหน้าของเธอ
             ไว้เก่งขึ้นแล้วค่อยมาแก้แค้นไม่ดีกว่ารึไง คุณหนูเอมิ” งินยิ้มอีกครั้งก่อนจะหายไปกับสายลม ปล่อยให้เด็กหญิงผู้ไม่รู้เรื่องใดนั่งกอดศพพี่ชายตัวเองอย่างแปลกใจ ตกใจ และความรู้สึกอื่นๆสารพัด
     
             อยากเก่งขึ้นมั้ย?” เสียงหนึ่งถามขึ้น
             เธอเป็นใคร” เอมิมองไปรอบๆหาต้นตอเสียงที่ปรากฎว่านั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเธอเอง “อยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
             ข้าชื่อเบนิฮานะ” หล่อนตอบก่อนจะสางผมสีแดงที่สดกว่าผมของเอมิ ดวงตาสีเดียวกันจดจ้องเธอราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว “อยู่ตรงนี้มาตั้งแต่ท่านได้ดาบที่หลังมา”
             งั้นเจ้าก็คือคนตีดาบของข้าหรอ”
             ถูกและผิด ดาบของท่าน...คือข้า ข้าคือดาบของท่าน”
             หมายความว่าไง”
             ข้าเป็นดาบของท่านไงเอมิ...คำถามเดิม อยากเก่งขึ้นมั้ย”
             อือ...ข้าไม่รู้หรอกนะว่าความตายคืออะไร แต่ข้าต้องพาพี่ข้ากลับมา และต้องทำให้คนที่พาเขาไป หายไปซะเอง” เด็กหญิงตอบด้วยเสียงเด็ดเดี่ยว แววตาใสสื่อบริสทธิ์ที่เคยมีค่อยๆเปลี่ยนไป ดวงตากลมโตที่มันจะเบิกโพลงอย่างตื่นเต้นกลับกลายเป็นสายตาเย็นชาเกินกว่าที่เด็กอายุเท่านี้จะปั้นหน้าเช่นนี้ได้ ดูเหมือนคำตอบของเธอทำให้เบนิฮานะจางหายไป ก่อนที่ดาบสีเงินที่วางอยู่ข้างกายเธอ เปลี่ยนเป็นสีแดงเฉกเช่นเดียวกับเส้นผมและดวงตา
    ของเบนิฮานะ
            
             แล้วเจ้าจะต้องเก่งให้ได้เอมิ”
     
            
             ฮาเซกาวะซัง!” เสียงหนึ่งตะโกนลั่นเมื่อเห็นร่างเล็กแบกศพของพี่ชายตนเดินมายังหลังคฤหาสน์ตระกูลฮาเซกาวะด้วยแววตาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ แต่แผงไปด้วยความเย็นชาที่สัมผัสได้ “หะ...หัวหน้าเป็นอะไรไปครับ”
             ทว่าเด็กหญิงไม่ตอบสิ่งใดแก่รองหัวหน้าหน่วยที่ 5 อย่างคิระ เธอเดินต่อไปเรื่อยๆ โดยไร้น้ำตาใดๆทั้งสิ้น ก่อนจะบรรจงวางร่างของพี่ชายลงบนเนินช้าๆอย่างปราณีต น้ำตาที่กลั้นไว้แทบขาดใจก็พรั่งพรูไหลรินออกมาจนห้ามไว้ไม่ได้ ท่ามกลางความตกใจของผู้คนมากมาย
             ไม่ใช่เพียงการจากลาไปพักร้อน ไม่ใช่เพียงการบอกลาไปอีกโลก ไม่ใช่การจากลาเพื่อรอการกลับมา แต่มันคือการจากลาที่ไม่มีวันได้พับกันอีก เอมินั่งลงกอดร่าง ไร้ซึ่งตัวตนบนโลก” ของพี่ชายอย่างหมดอาลัยตายอยากก่อนจะกรีดเสียงร้องลั่นแล้วสะอื้นออกมาสุดเสียง
             ฮาเซกาวะซัง” คิระผู้ที่วิ่งตามมาติดๆนั่งลงปลอบเด็กน้อยอย่างสับสน “เกิดอะไรขึ้นหรอครับ”
             ...” ดูเหมือนเมื่อเธอเรียกสติกลับคืนมาได้ น้ำตาที่ยังคงไหลรินค่อยๆหายไปทีละนิดเช่นเดียวกับเสียงสะอื้นและแววตาเศร้าสร้อย เด็กหญิงลุกขึ้นแล้วเดินห่างออกไปจากจิอากิ “ฝากฝังพี่ให้ด้วยนะคิระคุง”
            
             พี่...” เอมินั่งมองดวงดาวนับพันบนท้องฟ้าด้วยหัวใจที่สับสน เธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรหากไร้ซึ่งพี่ชายที่คอยเป็นเหมือนเสาหลักของชีวิต ที่ขาดไปไม่ได้เด็ดขาด
             เฮ้ย เบาๆดิเดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยืนหร๊อก” เสียงของให้บางคนดังขึ้นด้านนอกกำแพงรั้วบ้านของเธอก่อนจะตามด้วยอีกเสียง
             นายนั่นแหละชิโร่ เบาๆหน่อยไม่เป็นรึไงยะ” แต่ทว่าเพราะเจ้าของบ้านกำลังสับสนและเสียใจ ทำให้เสียงเหล่านี้เล็ดลอดทะลุหูเธอไปเสียดื้อๆ ดวงตาสีน้ำเงินดุจดังท้องฟ้าที่เธอมองปิดลงช้าๆก่อนที่น้ำใสๆจะค่อยๆหลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น สภาพของเด็กหญิงคนหนึ่งที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดไม่ต่างอะไรกับสิ่งมีชีวิตที่แสนไร้ค่าเลยแม้แต่นิด
             ถ้าข้าไม่แก้แค้นให้ท่าน ท่านจะต่อว่าข้ามั้ย” เอมิเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่กลับทำให้แขกผู้ไม่ได้รับเชิญได้ยินเข้าเต็มหู “ท่านจะว่าข้ามั้ยถ้าข้าจะขอตายตามท่านไปน่ะ”
             มือเรียวชักดาบนามว่าเบนิฮานะออกมาทันทีก่อนจะจ่อมันที่คอเนียนขาวของตนเอง แต่ทั้งดาบกลับไปอยู่ในมือของเด็กชายคนหนึ่งที่มีผมสีขาวเจิดจรัดท่ามกลางแสงจันทร์ ดวงตาสีน้ำเงินอมเขียวจ้องมองเธออย่างตำหนิ
             เจ้าจะทำอะไร” เขาถามดื้อๆ
             ...” แต่เอมิยังคงเงียบเช่นเคย
             ทำไมตัวเจ้ามีแต่เลือด”
             ...”
             ทำไมเจ้าอยากตาย”
             ...”
             ทำไมเจ้าไม่ตอบละ” แต่แทนที่เธอจะตอบออกมาเป็นคำพูด น้ำตาที่กลั้นแล้วกลั้นอีกก็ล้นเอ่อออกมาจากดวงตาใสหนักกว่าครั้งเก่า ถ้าไม่มีเธอซักคน พี่ของเธอคงไม่ต้องตาย
             ชิโร่ทำผู้หญิงร้องไห้หรอ” เด็กหญิงน่าตาน่ารักอีกคน ที่สูงกว่าเด็กชายแต่เตี้ยกว่าเอมิโผล่ตามเขาขึ้นมาก่อนจะตำหนิเอาดื้อๆ
             เปล่าซะหน่อย”
             จังหวะที่เด็กชายหันไปคุยกับเด็กหญิงอีกคน เอมิจึงฉวยโอกาสชิงดาบของตนคืนมา ก่อนจะตั้งท่าเตรียมตัวรุกคนทั้งสอง
             บอกมาเจ้าต้องการอะไร” เอมิถามเสียงเย็นชาก่อนจะเช็ดน้ำตาออกด้วยแขนเสื้อที่เบื้อนเลือด ทำให้ใบหน้านวลที่เปรอะคราบน้ำตาเต็ไปด้วยเลือดสีแดงสดเช่นเดียวกับผมของเธอ
             เฮ้ยๆๆๆ ใจเย็นๆ” เด็กชายห้ามปราม แต่เธอก็ยังคงหันดาบใส่พวกเขาเช่นเดิม
             ถ้าไม่มีธุระก็ออกไปจากบ้านของข้า” เอมิยังคงเย็นชาเช่นเคย ก่อนจะตั้งดาบอันยาวเฟื้อยให้สูงกว่าเดิม “จงกรีดร้อง เบนิฮานะ”
             ทันใดนั้นร่างของผู้ไม่ได้รับเชิญทั้งสองคนก้อถูกปัดกระเด็นถอยห่างออกไปจากร่างของเอมิ
             เธอจะบ้ารึไง” แต่เด็กชายกลับวิ่งกลับมาหาเธอโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำให้ดวงหน้าเรียบเฉยเกิดสับสนอีกครั้งก่อนจะตั้งสติได้
            ข้าถามว่าเจ้าต้องการอะไร”
             ข้ากับโมโมะก็แค่กะจะใช้บ้านเจ้าเป็นทางผ่านเข้าเซเรย์เทย์แค่นั้น” เขาตอบเรียบๆพอๆกับคำถามของเธอ
             พูดตรงๆแบบนั้นเค้าก็รู้หมดสิชิโร่บ๊องเอ๊ย”
             “ไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง เค้าไม่ได้จะทำร้ายพวกเราซะหน่อย ใช่มั้ย?”
             ...งั้นก็ไปได้แล้ว” เอมิตวัดดาบเก็บก่อนจะกระโดดขึ้นบนหลังคาที่สูงกว่าเก่าแต่ดูเหมือนเด็กชายจะไม่เลิกง่ายๆ
             เจ้าชื่ออะไรหรอ” เขาถาม
             ทำไมต้องบอก”
             ข้าชื่อฮิซึกายะ โทชิโร่ เจ้าต้องบอกข้าแล้ว” เขาดันบอกชื่อตัวเองมาทำให้เด็กหญิงจำต้องบอก
             ฮาเซกาวะ เอมิ มีปัญหาอะไรมั้ย” เธอตอบเรียบๆแล้วกระโดดลงพื้นเข้าบ้านไป ปล่อยให้ทั้งโทชิโร่และโมโมะงงเป็นไก่ถูกตีตาแตก
             เขาเป็นอะไรของเค้าน่ะ เพี๊ยนๆไงไม่รู้” ฮินาโมริ โมโมะว่า
             ข้าว่าเขามีเรื่องเสียใจ ไม่ได้เพี๊ยนหรอก กลับกันเถอะ โชคไม่ดีแล้วมั้ง”
     
     
             แต่ถึงคืนนั้นเธอจะถูกขัดขวางการปลิดชีพตัวเอง ก็ใช่ว่าเธอจะยอมหยุดง่ายๆ ร่างของเธอขึ้นไปอยู่บนหลังคำบ้านสีดำใต้แผ่นฟ้ายามค่ำคืนอีกครั้ง และอีกครั้งที่มือน้อยๆกำดาบไว้แน่น ราวกับว่าถ้าเธอคลายมือออกเมื่อไหร่ ทุกอย่างทุกอย่างก็จะจบลงเมื่อนั้น ใบหน้านวลใต้แสงจันทร์ที่ปกติจะแย้มยิ้มสดใสไม่ก็ตีหน้าหงุดหงิดเมื่อไม่มีอะไรทำกลับกลายเป็นเรียบนิ่งเฉยจนผู้ที่รู้จักเธอย่อมแปลกใจ
             เบนิฮานะ เจ้าจะต่อว่าข้ามั้ยถ้าข้าไม่ขอเก่งขึ้นแล้วขอจบชีวิตลงตรงนี้” เด็กหญิงเอ่ยเอื้อนวาจาด้วยถ้อยคำเศร้าสร้อย “ข้าทำผิดมั้ยถ้าไม่แก้แค้นให้พี่”
             ทว่าคนที่เธออยากจะคุยด้วยกลับไม่โผล่ออกมาให้เห็นดังเมื่อวาน แต่คนที่อยากเห็นน้อยที่สุดกลับโผล่มาแทนที่
             ทำไมเธออยากตายจังละ” เสียงของเด็กชายตัวเตี้ยนามว่าฮิซึกายะ โทชิโร่ถามขึ้นเมื่อเขาเห็นเธออีกครั้ง
             ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีชีวิตอยู่”
             ทำไมจะไม่มีละ มีเยอะแยะจะตาย อย่างข้าน่ะ ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นยมทูตไง” เขาตอบอย่างไม่รู้ร้อนเช่นเคย
             แล้วข้าจะมีชีวิตไว้เพื่ออะไร ข้าน่ะเป็นยมทูตตั้งแต่เกิดแล้ว” เอมิตีหน้าไร้อารมณ์ก่อนจะหันหลังให้โทชิโร่ “พี่ข้าก็โดนฆ่าตาย ฆาตกรข้ายังเคยเห็นไม่กี่หน แถมฝีมือข้าไงๆก็คงสู้เขาไม่ไหว แล้วจะอยู่ไปเพื่ออะไร”
             ...รอวันที่เก่งขึ้นไง ข้าน่ะถูกสอนมาว่าคนเราเก่งขึ้นได้อยู่แล้วนะ” โทชิโร่เดินอ้อมไปนั่งจ้องเอมิ “ถ้าเจ้าตั้งใจพอ ข้าว่าต่อให้ศัตรูน่ากลัวแค่ไหนก็สู้ได้แหละน่า”
             อย่างอิชิมารุ งินน่ะรึข้าจะเอาชนะได้” เอมิเผยปากพูดออกมาอย่างสมเพชตัวเอง “กับยมทูตชั้นรองหัวหน้าหน่วย เด็กธรรมดาๆอย่างข้า เหอะ สมกันจริง”
             งั้นเจ้าก็ทำให้ได้สิ เก่งขึ้นให้ได้ ขนาดเด็กถนนลูคอนธรรมดาอย่างข้ายังตั้งใจจะเป็นหนึ่งในสมาชิก 13 หน่ยพิทักษ์เลย” เขาว่าต่อไปก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้ายามราตรีที่มีสีเดียวกับดวงตาเป็นประกายเย็นชาของเอมิ “เจ้าอยากเห็นดวงดาวส่งแสงสว่างกว่านี้มั้ย”
             ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ช่างมัน”
             ไหงงั้นล่ะ เอ้ารับไปสิ” เขาส่งจี้ห้อยคอรูปหยดน้ำสีเงินให้เธอที่รับมาอย่างซื่อๆ
             มันคืออะไร” เขาไม่ตอบด้วยคำพูด เด็กชายหยิบสร้อยอีกเส้นที่ลักษณะคล้ายกันแต่เหมือนมันจะเป็นกรอบที่กลับหัวของเจ้าสร้อยหยดน้ำที่เขาให้เธอมากกว่า มาวางลงบนหยดน้ำทำให้จี้ทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เอมิเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างแปลกใจเมื่อดวงดาวนับพันส่องแสงเป็นประกายสว่างใสกว่าเดิมหลายเท่า ก่อนจะก้มหน้าลงมามองโทชิโร่อย่างแปลกใจยิ่งกว่า เมื่อเด็กชายที่ตัวเตี๊ยกว่าเธอราวครึ่งฟุต บัดนี้สูงกว่าเธอครึ่งฟุตเสียแล้ว
             แปลกใจอะไร”
             ทำไมนายสูงขึ้น? ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นด้วย” เด็กหญิงค่อยๆสลัดคราบเย็นชาทิ้งไปแล้วถามโทชิโร่อย่างแปลกใจเป็นที่สุด
             ถ้าข้าใส่สร้อยนี้น่ะ มันจะทำให้ข้าตัวเล็กลง เด็กลงด้วย แม่ข้าว่าให้ข้าใส่มันไว้ แล้วถ้าสร้อยของข้า กับที่ข้าให้เจ้าประกบกันลงรอย ข้าก็จะกลายสภาพเป็นปกติได้หนึ่งชั่วโมง และดวงดาวก็จะเปล่งประกายชัดขึ้น”
             แล้วให้ข้าทำไม”
             สร้อยหยดน้ำน่ะ แค่กำมันแล้วร้องไห้ดวงดาวก็ชัดขึ้นได้ แต่กรอบอันนี้น่ะ เวลากล้าหาญแล้วดาวจะเปล่งแสง” เขาอธิบาย “ข้าก็แค่อยากให้เจ้ามีเพื่อนเวลาร้องไห้”
             ข้าไม่ใช่เด็กขี้แงซะหน่อย” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เอมิก็อดน้ำตาซึมไม่ได้ เพราะเธอนึกถึงคำพูดของจิอากิที่ว่า “หากเจ้าไม่มีความสุข จำไว้ว่าดวงดาวจะเคียงข้างเจ้า”
             เอาเถอะ อยากเจอข้าก็เจอกันที่ถนนลูคอนสาย 1” เขาโบกมือลา “ไปละ”
             ขอบใจ...โทชิโร่”
             “ฮะ? ยอมเรียกข้าแล้วหรอ” คนที่เธอคิดว่าหายไปแล้วกลับโผล่มาถามอีกครั้ง ทำให้ใบหน้านวลแดงระเรื่อขึ้นมาดื้อๆ ทำให้เขาอมยิ้มขึ้นมา “งั้นจำไว้อีกอย่างแล้วกัน ถ้าไม่รู้จะอยู่เพื่ออะไร ก็คิดซะว่าอยู่เพื่อรักษาสร้อยเส้นนั้นให้ข้าแล้วกัน”
             “บ้าเอ๊ย” เอมิบ่นพึมพำเบาๆก่อนจะกระโดดกลับเข้าบ้านเพื่อเข้าสู่นิทราอันเงียบสงบในค่ำคืนนี้ “ไว้...ว่างๆข้าจะไปหาแล้วกัน...ฮิซึกายะ โทชิโร่”
     
     
     
     ---------------------------------------
    into จบไปแล้ว อย่าลืมติชมด้วยน้าค้า
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×