คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : จุดที่ 3 : จุดหมายปลายทาง
ชีวิตของรองก็ธรรมดาเหมือนที่ผ่านมาไม่มีอะไรโดดเด่นแม้แต่น้อย
รองเป็นคนปลีกวิเวกไม่หน่อย ถ้าหากมองจากบุคคลภายนอก
โดยปกติรองชอบเป็นคนทำอะไรคนเดียว
ไม่ใช่เพราะปิดกั้นตัวเองแต่อาจเป็นเพราะโลกของรองมักอัดแน่นไปด้วยครอบครัวมากกว่าคำว่าเพื่อนๆ
ครอบครัวของรองเป็นครอบครัวที่อบอุ่นจนพวกคุณไม่อยากเชื่อเลยล่ะ
ไปเที่ยวด้วยกัน อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ล้วนแต่ทำเป็นครอบครัว
มันอบอุ่นจนกระทั่งคนรอบข้างถูกดันออกไปเป็นคนนอก เวลารองไปไหนก็ไม่เคยรู้สึกว่ามีความสุขเท่ากับอยู่กับครอบครัว....
แม้ตอนนี้ครอบครัวของรองจะไม่อยู่แล้วก็ตามที...
แม้จะเหงาเวลาอยู่คนเดียว แต่รองก็ต้องยอมรับว่าถ้าเทียบระหว่างอยู่คนเดียวกับการอยู่คนอื่น
อยู่คนเดียวสบายใจกว่าเป็นไหนๆ
รองเป็นลูกคนสุดท้าย คุณคงรู้นะว่าหมายถึงว่าอย่างไร?
รองได้รับความดูและเอาใจใส่จากครอบครัวอย่างเต็มที่
ยิ่งเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัว และมีหัวหน้าครอบครัวที่เป็นผู้หญิง...
ทำให้แม่และพี่สาวของรองเอาใจรองมากที่สุด รองอยากจะทำอะไร เอาแต่ใจแค่ไหน เรียกร้องอะไร รองมักได้ตามความต้องการเสมอ
และนั่นเป็นสิ่งที่คนนอกให้กับรองไม่ได้....
เคยมีคนบอกรองมาว่าคนเรามักมีหน้ากากอยู่หลายใบ หน้ากากเวลาอยู่กับครอบครัว หน้ากากตอนอยู่กับเพื่อน หน้ากากตอนอยู่กับแฟน หน้ากากตอนอยู่กับคนนอก หรือแม้แต่หน้ากากตอนทำงาน
สำหรับรองนั้นรองไม่เคยมีหน้ากากตอนอยู่กับครอบครัว เมื่อเราเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ จะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ การโดนบังคับให้ใส่หน้ากากในเวลาส่วนตัวเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายและน่ารำคาญอย่างมากถึงมากที่สุด
เพราะอย่างงั้นนั่นเอง รองมักทำกิจกรรมยามว่างด้วยการอยู่คนเดียวเสมอ
กินข้าวคนเดียว
ดูหนังคนเดียว
กินบุฟเฟ่ต์คนเดียว
ไปเที่ยวคนเดียว
หรือแม้แต่ถีบเรือเป็ดแข่งกับจระเข้จิ๋วในสวนรองก็เคยมาแล้ว...
เพราะงั้นชีวิตของรองก็มักไม่มีสีสันอะไรแปลกแตกต่างจากเดิม แต่ก็มีบางสิ่งที่ต่างจากเดิมเล็กน้อย
เฉกเช่นวันนี้...
ตารางงานใกล้เข้ามาเต็มที ไม่ใช่ว่ารองไม่เคยพบกับผู้ว่าจ้างมาก่อน ออกจะมีหลายครั้งด้วยซ้ำที่รองมักไปเซ็นสัญญารีวิวให้กับทางบริษัทอย่างจริงจัง และโดยส่วนมากก็แค่เซ็นเอกสารเล็กน้อยไม่ค่อยได้ทำอะไรที่แปลกแยกไปจากเดิม
ไม่รู้สิ ตอนนี้รองอาจจะพึ่งรู้สึกกลัว
คงจะเหมือนเจ้าสาวกลัวฝนก่อนเข้างานวิวาห์
แต่น่าเสียดายนี่ไม่ใช่งานวิวาห์ แต่เป็นงานถ่ายแบบขา สำหรับช่างถ่ายขาโดยเฉพาะก็เท่านั้น
ตอนแรกรองก็คิดอย่างนั้น....
จนกระทั่งข้อความเปลี่ยนสถานที่การทำงานอย่างกะทันหันเมื่อ 1ชั่วโมงก่อนหน้า
จากสตูดิโอเล็กๆ แห่งหนึ่ง มันกลับถูกเปลี่ยนเป็นบริษัทชั้นนำด้านแฟชั่นในประเทศ
นั่นทำให้รองเริ่มรู้สึกประหม่าและอยากปฏิเสธแทบจะทันที
แต่ด้วยอำนาจเงินมัดจำที่อุดปากรองอยู่ ทำให้รองรู้สึกถึงความยากของการปฏิเสธโดยเฉพาะเงินจำนวนมากทีกลืนเข้าไปแล้วต้องคายออกมา
ให้ตายซิ...ทำอะไรไม่รู้จักคิดเลยน้าคนเรา
รองถอนหายใจกับตัวเองในลำคอ
ตึก ตึก
เสียงของรองเท้าหนังคุณภาพคุ้มราคา ที่ก้าวเข้าบริษัทที่รองไม่คิดว่าจะเข้ามาเหยียบ แม้เสียงรองเท้ากระทบพื้นมันไม่ได้ดังถึงเพียงนั้นแต่มันดังก้องมากในหัวของรอง
ให้ตายเถอะ ขาหยุดสั่นทีเถอะ มันก็แค่งาน.....
“ขอโทษนะครับ ผมมาพบคุณคูเปอร์” รองพยายามควบคุมไม่ให้เสียงตัวเองสั่นพร้อมก้มหน้าหลบสายตาพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่จ้องมองมา
บริษัทแฟชั่นชั้นนำระดับโลกนี่มันดีจริงๆ ขนาดพนักงานประชาสัมพันธ์ยังงานดีขนาดนี้....
“ได้นัดไว้รึเปล่าคะ” พนักงานสาวเอ่ยเสียงหวานก็จริง แต่ดวงตากลับมองเหมือนกำลังประเมินราคาสินค้า
ชายสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบต้นๆ รูปร่างหน้าตาธรรมดาแต่กลับอยากพบกับผู้จัดการแผนกออกแบบผู้เปรียบเสมือนเสาค้ำทองคำของบริษัท และนั่นไม่รวมถึงเป็นผู้ถือหุ้มรายใหญ่คนหนึ่งของบริษัทนี้
คุณคูเปอร์ โอแวน ชายหนุ่มเชื้อสายฝรั่งเศส อังกฤษ และเสี้ยวสวิตเซอร์แลนด์ ผมสีทองที่ประกายเหมือนทองคำขาว ดวงตาสีฟ้าอ่อนที่งดงาม เหมือน...
เหมือนกับปีศาจสัญชาติยุโรป รูปร่างหน้าตาดีแต่เย็นชาและเข้มงวดเหมือนลุงหนวดจิ๋ม ถ้าไม่ใช่ว่าคุณคูเปอร์ไม่มีเชื้อสายเลยสักหยดสักหยดเลยละก็เธอก็คิดว่าเป็นลูกหลานแท้ๆ เป็นแน่
งดงามแต่โหดร้าย
เหมือนตุ๊กตาของเทพเจ้ากรีกเปื้อนเลือด
แค่คิดถึงคูเปอร์ เธอก็คิดถึงเธอก็ขาสั่นจนฉี่แทบราดแล้วล่ะ
แม้คุณคูเปอร์จะเปรียบเสมือนขาทองคำชั้นดี ที่ชะนีทั้งหลายสมควรไปเกาะ แต่เมื่อคุณไปเกาะขานั้นก็จะพบว่ามันแข็งเป็นน้ำแข็งหมื่นปีที่เคลือบด้วยพิษของดอกไฮเดรนเยีย เธอยอมปล่อยและไปเกาะ ขาโต๊ะทำงานขอเธอเหมือนเดิมจะดีกว่า....
ครั้งที่แล้วมีพนักงานแผนกประชาสัมพันธ์เผลอปล่อยนักข่าวให้ขึ้นไปพบ ป่านนี้ยังหางานใหม่ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ....
“ครับ ชื่อรอง นัดไว้ตอนหกโมงเย็น” ชายคนหนึ่งก้มหน้าหลบสายตาเหมือนพวกนักข่าวจอมลวงโลก
ไม่ได้การล่ะ ต้องเป็นนักข่าวแน่ๆ
สัญญาณนักสืบของเธอกำลังกรีดร้องและจ้องไปยังคนตรงหน้าและคิด..
จะคลาดสายตาไปไม่ได้เด็ดขาด เปลวไฟในตาของเธอลุกโชติช่วงต่อให้ตาเธอแห้งยิ่งกว่าทะเลทราย หมอนี่ก็ไม่มีวันคลาดสายตาเธอแม้แต่วินาทีเดียว เธอเอาตำแหน่งพนักงานรักษาความปลอดภัยเป็นประกัน (?)
ขณะเดียวกัน...
แย่แล้ว เสียงกรีดร้องของหัวใจผมดังลั่น
พนักงานสาวสวยเธอกำลังมองผมเหมือนเมดูซ่าที่พร้อมจะแช่แข็งผมเป็นหิน หรือว่าเธอรู้ว่าผมคือเซคคัน ชายแท้ที่ทำตัวเหมือนพวกวิตถาร รีวิวสินค้าของพวกสตรี
อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เขาก็ยังไม่เคยรีวิวผ้าอนามัยแบบสอดนะ แต่บอกไว้ก่อนว่าผ้าอนามันแบบเย็นเย็นไข่มากทีเดียว
แม้แต่ตอนนี้เธอยังจ้องผมไม่หยุดเลยล่ะ เหงื่อกาฬที่ไหลออกมาเหมือนสายน้ำเพราะหญิงสาวเอาแต่จ้องไม่ไปไหน ถึงขนาดว่าแม้จะกดหมายเลขโทรศัพท์แต่ก็ไม่ล่ะสายตาไป
พี่ใหญ่ได้โปรดมอบความกล้าให้ด้วย
แม้เสียงในใจของรองจะดังก้องไปทั่วทั้งโลก แต่มันไม่มีทีท่าจะส่งไปถึงหญิงสาวได้แม้แต่น้อย
ตอนให้ตาฉันจะบอดฉันก็ไม่ยอมคาดสายตาแน่ เจ้านักข่าว
ตาจ้อง ปากยิ้ม มือกดปุ่มโทรศัพท์ต่อสายตรงไปหาคุณคูเปอร์
“สวัสดีค่ะ คุณคูเปอร์มีคนชื่อรองมาขอพบคุณค่ะ” ขอเพียงรอคำยืนยันหล่อนก็พร้อมเสมอที่จะเรียกพนักงานรปภ.ลากเจ้านักข่าวซังกระบวยนี้ออกจากบริษัท
“ให้เข้าขึ้นมา” เรียบ นิ่ง เฉียบขาด ช่างสมกับเป็นคูเปอร์ยิ่งนัก
แต่...
เอ๊ะ
เอ๊ะ
เอ๊ะ??????????
คนๆ นี่เป็นแขกของคุณคูเปอร์ หน้าตาธรรมดาคนนี้เนี่ยนะ
อะแฮ่ม ไม่สิ
เธอเอาน้ำมะพร้าวมาล้างหน้าก็พบเข้ากับเทพบุตรน้อยเหมือนเทวาจากสวรรค์ ในฐานะเธอเป็นพนักงานที่ดีก็มีหน้าที่ส่งคุณผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลาเหมือนเทพบุตร (?) ขึ้นไปสู่จุดหมายปลายทาง เธอนอบน้อมเก็บหูเก็บหางแทบจะอุ้มชายตรงหน้าให้ไปเกยบนห้องอยู่รอมร่อ
เนี่ยละหนา เหมือนอำนาจบังตาต่อให้เป็นก้อนกรวดก็สามารถมองให้เห็นเป็นเพชรเม็ดโต
“ขออภัยที่ให้รอนะคะ เชิญตามดิฉันมาทางนี้ค่ะ” แย้มยิ้มจนปากแทบฉีกไปถึงหู ก้มหัวต่ำจนหัวแทบติดเข่า
แต่เอ๊ะ......ทำไมชายคนนี้ถึงดูกลัวเธอ????
โอ้พระเจ้า....
ผีปากฉีกล่ะ
พี่ใหญ่ บริษัทแฟชั่นชั้นนำเลี้ยงผีปากฉีกเป็นพนักงานประชาสัมพันธ์ละครับพี่!!!!!
นี่ละหนอคนเรา เมื่อสติแตกต่อให้รอยยิ้มธรรมดาก็กลายเป็นผีได้เช่นกัน.... (?)
พี่สาว : พี่หวังว่าเธอจะตั้งสติได้นะ งานใหญ่ใจต้องนิ่งนะน้องรัก
|
ความคิดเห็น