ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปัญหาน่ารู้

    ลำดับตอนที่ #2 : กวางเรนเดียร์

    • อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 49


    พาหนะของซานตาคลอส

    เรามักพบกวางเรนเดียร์ (reindeer) ในประเทศและรัฐที่เรียงรายรอบมหาสมุทรอาร์กติก เช่น นอร์เวย์ แคนาดา ไซบีเรีย สวีเดน กรีนแลนด์ อะแลสกา เพราะภูมิประเทศแถบนี้หรือที่เรียกว่าทุนดรานั้น เมื่อถึงฤดูหนาวหิมะจะตกนาน 9 เดือนใน 1 ปี น้ำในทะเลสาบและแม่น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง และการมีฤดูร้อนที่นานประมาณ 2-3 เดือนซึ่นสั้นมาก ทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่ไม่ขึ้น จะมีก็เพียงต้นไม้ขนากเล็ก และมอสเท่านั้นที่ขึ้นได้

            และเมื่อถึงฤดูร้อนที่หิมะละลาย ดอกไม้จะเริ่มบาน แมลงจะออกบิน ดวงอาทิตย์จะขึ้นสูงทุกวัน กลางวันจะนานขึ้นๆ จนในที่สุดดวงอาทิตย์ก็จะยังปรากฏแม้เป็นเวลาเที่ยงคืน แล้วฤดูหนาวก็หวนกลับมาอีก นั่นคือกลางวันจะสั้นลงๆ จนในที่สุดก็ไม่มีกลางวันเลย

            นี่คือสภาพภูมิประเทศที่กวางเรนเดียร์อาศัยอยู่ แต่กวางชนิดนี้ก็ไม่ชอบอยู่ติดที่ เพราะเมื่อถึงฤดูหนาวฝูงกวางจะพากันอพยพลงใต้ ขณะอพยพย้ายถิ่น มักจะเดินเป็นขบวนอย่างรู้จุดหมาย โดยให้ตัวเมียเดินนำไปก่อน แล้วตัวผู้ก็จะเดินตาม ขณะอพยพศัตรูของมัน ซึ่งได้แก่ สุนัขป่า ก็อาจเฝ้าดูอยู่ใกล้ขบวน เพื่อจับกินกวางตัวที่อ่อนแอ ตัวที่พลัดฝูง หรือตัวที่เดินไม่ทันเพื่อน อนึ่งขณะอพยพเหล่ากวางจะทยอยเดินตามกันอย่างต่อเนื่อง คือไม่หยุดเดิน แม้เห็นรถไฟกำลังมา ดังนั้นรถไฟก็จะหยุดให้ฝูงกวางข้ามทางรถไฟจนหมด เพราะถ้ารถไฟไม่หยุด ฝูงกวางก็จะเดินพุ่งชนรถไฟเรื่อยๆ เมื่อฝูงกวางเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นสถานที่ที่อากาศอบอุ่นและมีอาหารอุดมสมบูรณ์ มันจะเริ่มผสมพันธุ์เพื่อให้ลูกกวางเกิดทันฤดูใบไม้ผลิ

            กวางเรนเดียร์มีลำตัวสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนกวางคาริบู (caribou) ซึ่งเป็นกวางเรนเดียร์อีกพันธุ์หนึ่งที่เลี้ยงกันมาในทวีปอเมริกาเหนือนั้น มีลำตัวสูงกว่าคือ 1.3 เมตร ถึงแม้จะสูงต่างกัน แต่กวางเรนเดียร์ทุกตัวก็มีคอหนา ลำตัวยาว ตีนมีสองกีบเหมือนตีนวัว ฉะนั้นเวลายืนบนหิมะกีบทั้งสองจะแยกออกเพื่อรับน้ำหนักตัวไม่ให้จมลงในหิมะ และกวางมักใช้กีบที่คมนี้คุ้นเขี่ยหาอาหารที่ฝังอยู่ใต้หิมะกิน ตามปกติกวางจะอ้วนท้วนสมบูรณ์ในฤดูร้อน ซึ่งเป็นเวลาที่อาหารอุดสมบูรณ์ และเมื่อถึงฤดูหนาวซึ่งเป็นเวลาที่ขาดแคลนอาหาร กวางจะผอม

            กวางเรนเดียร์ชอบใช้ชีวิตเป็นฝูง การยืนเป็นกลุ่มนอกจากจะทำให้ร่างกายอบอุ่นขณะพายุหิมะพัดแล้ว ยังช่วยให้สุนัขป่าไม่กล้าเข้ามาลอบฆ่ามัมด้วย ถ้ากวางตัวใดพลัดหลงฝูง กวางตัวนั้นก็มีสิทธิ์ถูกสุนัขป่าฆ่าทันทีเพราะสุนัขป่าจะวิ่งไล่ล่ามันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย จนกวางที่พลัดหลงฝูงนั้นหมดแรง และยอมให้สุนัขป่ากัดมันในที่สุด

            กวางเรนเดียร์ตามปกติเปลี่ยนสีขน เช่น ในฤดูร้อนขนที่ขึ้นดกตามตัวจะมีสีน้ำตาล ขนคอจะมีสีขาว และขนท้องก็ขาว แต่เมื่อถึงฤดูหนาว ขนตัวจะเปลี่ยนเป็นสีเทาเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศทึมๆ ของฤดูหนาว ชาวเอสกิโมและชาวแลปป์มักใช้ขนกวางทอเป็นเสื้อกันหนาวเป็นผ้าห่ม

    เพราะพบว่าขนเก็บกักความอบอุ่นได้ดี ส่วนหนังกวางนั้นนิยมใช้ทำเต็นท์ที่มีลักษณะเหมือนกระโจมอินเดียแดง ทั้งนี้เพราะหนังกวางทนพายุหิมะที่พัดไม่รุนแรงนักได้นอกจากนี้น้ำนมกวางก็ยังสามารถใช้เป็นเครื่องดื่มได้ด้วย

            ชาวแลปป์ชอบเลี้ยงกวางเรนเดียร์เป็นสัตว์เลี้ยง เหมือนกับที่ชาวอินเดียนิยมเลี้ยงวัว และชาวยุโรปนิยมเลี้ยงแกะ และมักมัประเพณีเชื่อกันว่าจำนวนกวางคือดัชนีชี้บอกฐานะของเจ้าของ เช่น ถ้าใครมีกวางน้อยกว่า 25 ตัว คนคนนั้นยากจน เขาจึงอาจต้องนำกวางที่ตนมีไปฝากเลี้ยงกับคนอื่นที่ร่ำรวยกว่า แล้วรับจ้างเป็นผู้ดูแลกวางทั้งฝูงให้ เพื่อให้รู้ว่ากวางตัวใดเป็นของตน เจ้าของกวางมักใช้วิธีทำเครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของที่หูกวางตัวนั้นๆ

            หน้าที่หลักอย่างหนึ่งของกวางเรนเดียร์คือ ลากเลื่อน เพราะกวางชนิดนี้แข็งแรงและชินกับสภาพอากาศ ดังนั้นหากเป็นการเดินทางระยะสั้น ความเร็วในการเดินทางอาจสูงถึง 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ถ้าเป็นการเดินทางไกล กวางอาจเดินได้ไกล 160 กิโลเมตรใน 1 วัน

            กวางเรนเดียร์เป็นสัตว์ที่ไม่ชอบต่อสู้กับสัตว์อื่น แต่ชอบต่อสู้กันเองขณะแย่งตัวเมีย กวางตัวผู้ที่มีเขาสวยจะขวิดกัน แล้วตัวชนะก็จะสร้างฮาเร็มส่วนตัวซึ่งมีตัวเมียหลายตัวเป็นสมาชิก แต่ถ้าการต่อสู้ไม่ยุติ มันก็จะสู้กันไปเรื่อยๆโดยไม่หยุดกินอาหาร จนบางครั้งเขากวางพันกันอย่างแยกจากกันไม่ได้ หากเหตุการณ์ที่ว่านี้บังเกิด กวางก็จะอดอาหารตายทั้งคู้

            ในหนังสือ Can Reindeer Fly? ของ โรเจอร์ ไฮฟิลด์ (Roger Highfield) ที่จัดพิมพ์โดยบริษัท Metro ISBN 1900512440 ราคา 13 ปอนด์ ไฮฟิลด์กล่าวถึงความเป็นวิทยาศาสตร์ของเทศกาลคริสต์มาส เช่นว่าซานตาครอสใช้กวางเรนเดียร์ลากเลื่อนไปเยือนบ้านนับพันล้านบ้านในคือวันคริสต์มาสเพียงคือเดียวได้อย่างไร

            แต่ถ้าพิจารณาความเป็นไปได้ เราก็จะเห็นว่า เรื่องซานตาครอสกับกวางเรนเดียร์นี้เป็นนิทานเพราะ

    (1)   เท่าที่ประจักษ์ ไม่มีกวางเรนเดียร์ชนิดใดพันธุ์ใดบินได้หรือเหาะได้

    (2)   โลกนี้มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีประมาณ 2,000 ล้านคน

    ซึ่งเด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กนับถือมุสลิม ฮินดู พุทธ คริสต์ ฯลฯ ดังนั้นถ้าพิจารณาเฉพาะเด็กที่นับถือคริสต์ศาสนาซึ่งซานตาครอสจะต้องไปเยี่ยม จำนวนจะลดลงเหลือประมาณ 380 ล้านคน ซึ่งจะกระจายอยู่ตามบ้านต่างๆประมาณ 92 ล้านบ้าน และถ้าบ้านเหล่านี้แต่ละบ้านมีเด็กนิสัยดีหนึ่งคน นั่นก็หมายความว่า

    (3) ซานตาครอสมีเวลา 31 ชั่งโมง ในการเดินทางไปเยี่ยมเด็กใน 92 ล้านบ้านทุกคน นั่นคือซานตาครอสต้องเยี่ยมบ้านให้ได้ 824 หลัง ใน 1 วินาที และถ้าเราประมาณว่าซานตาครอสใช้เวลา 1/1000 วินาที ในการจอดเลื่อนกระโดดจากเลื่อนลงทางปล่องไฟ เองของขวัญใสถุงเท้าเด็ก แล้วเองของขวัญที่เหลือวางใต้ต้นคริสต์มาส ปีนขึ้นปล่องไฟ แล้วขับเลื่อนไปบ้านถัดไป หากบ้านแต่ละบ้านอยู่ห่างกัน 1.25 กิโลเมตร ในคือวันคริสต์มาส ซานตาครอสต้องเดินทาง 1.25x92 ล้านกิโลเมตร = 115 ล้านกิโลเมตร ด้วยความเร็ว 1,040 กิโลเมตรต่อวินาที ซึ่งนับว่าเร็วประมาณ 3,000 เท่าของความเร็วเสียง

    (4) สำหรับประเด็นน้ำหนักของขวัญบนเลื่อน ถ้าเรากำหนดให้เด็กแต่ละคนได้ของขวัญคนละ 1 กิโลกรัม เลื่อนจะต้องบรรทุกน้ำหนักถึง 92 ล้านตัน และต้องลากด้วยกวาง 62 ล้านตัว

    (5) แล้วกวาง 62 ล้านตัวที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงถึง 1,040 กิโลเมตรต่อวินาที จะถูกอากาศเสียดสีจนร้อนลุกไหม้ และสิ้นใจตายในทันทีทันใดพร้อมกันนั้นก็จะมีเสียงโซนิกบูมเกิดขึ้นด้วย ภายในพริบตาตัวซานตาครอสเองก็จะถูกเผาไหม้จนตามไปด้วย

    ดังนั้นเรื่องเล่าที่ว่าซานตาครอสมีจริง กวางเรนเดียร์เหาะได้ และเด็กดีทุกคนได้รับของขวัญวันคริสต์มาสอีฟเป็นนิทาน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×