ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Silver Swords [TaoKacha]

    ลำดับตอนที่ #20 : Special Chapter III The one

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 566
      2
      24 ต.ค. 55





                    “เดินทางปลอดภัยนะพี่เต๋า”

     

                    องค์ชายคชาโบกมือพร้อมส่งยิ้มหวานลาคนรักซึ่งได้รับมอบหมายให้ออกไปช่วยราชการต่างเมืองแต่เช้าเช่นเคย แม้จะไม่ค่อยอยากห่างเท่าไหร่แต่ก็ไม่เคยตัดพ้อ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีวันออกนอกลู่นอกทางแน่ๆ

     

                พอจะไม่เจอกันที ก็ทำหน้าเหงาเป็นแมวยักษ์ถูกทิ้ง

    แถมกลับมาแต่ละครั้งก็ออกอาการหวงและคิดถึงจนทำลูกเป็ดเต็มวังขนาดนั้น ชาสบายใจได้

                ^////////^

     

                    ยืนคิดอยู่เพลินๆ ก็ได้ยินอีกเสียงเรียกที่แสนจะคุ้นหู

     

    “คชา” องค์รัชทายาทเดินตรงเข้ามาหา “เต๋าไปแล้วใช่ปะ ว่างมั้ย คุยกับพี่หน่อยดิ”

     

                    “มีเรื่องอะไรรึเปล่าพี่ต้น?”

     

                    คนเป็นน้องขมวดคิ้วอย่างติดกังวลนิดๆ เนื่องจากแต่ไหนแต่ไร พี่ชายแท้ๆของตนก็ไม่เคยมีท่าทีอยากจะคุยด้วยจริงจังขนาดนี้ จะมีปัญหาอะไรรึเปล่านะ?

     

                    “มีสิ ด่วนมาก” พูดพลางจูงมือน้องชายออกไปจากบริเวณที่มีทหารยืนประจำอยู่ “หาที่เงียบๆคุยกันแป๊บนึงสิ พี่มีเรื่องอยากปรึกษาแก”

     

                    “เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่ต้น?” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้น หลังจากถูกพี่ชายลากมานั่งหลบมุมกันสองคนบนเก้าอี้ยาวหลังต้นไม้

     

                    “คือ... แกรู้ใช่มั้ยว่าพี่มีคนที่ดูๆใจกันอยู่ คนที่แกเคยเห็น คนเดิม มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ” ต้นเอ่ยเสียงเครียด “ตอนนี้พี่มีปัญหานิดหน่อย...”

     

                    “ทะเลาะกันเหรอพี่ต้น?”

     

                    “แย่กว่านั้นอีกคชา...” ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “จริงๆแล้ววันนี้พี่มีนัดกับเขา แต่ต้องยกเลิกไป เพราะว่า...”

     

                    องค์ชายต้นเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ

     

                    “เพราะว่าวันนี้... ท่านพ่อท่านแม่จะส่งคนมาให้พี่ดูตัว...”

     

                    “ดูตัว!?” คชาก็ตกใจไม่แพ้กัน “หมายถึงให้อภิเษกกับพี่ต้นน่ะเหรอ?”

     

                    “ก็ใช่น่ะสิ ท่านพ่อท่านแม่อาจจะคิดว่าพี่ไม่ได้จริงจังกับคนนี้ ก็เลยพาอีกคนมาแนะนำ”

     

                    “แล้วคนที่ท่านพ่อท่านแม่หามาคือใครเหรอ?”

     

                    “ลูกสาวเพื่อนท่านพ่อน่ะสิ... เฮ้อ... ลำบากใจชะมัดเลย”

     

                    “แล้วทำไมพี่ต้นไม่ปฏิเสธไปล่ะ?”

     

                    “พี่จะปฏิเสธได้ยังไง ท่านพ่อบอกว่าเขาเดินทางมาจากต่างเมือง ตอนนี้ก็ใกล้จะได้เวลามาถึงแล้วด้วย พี่คงต้องไปออกรับก่อน ไม่ให้ท่านพ่อท่านแม่เสียหน้า”

     

                    “อ้าว แล้วพี่ต้นต้องแต่งกับเขามั้ยอ้ะ? แล้วคนที่พี่ต้นคบอยู่ล่ะ? พี่ต้นรักเขาปะ? แล้วคนนี้จะยังไงอ้ะ?”

     

                    “เฮ้อก็รักแหละ แต่จะยังไงพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะต้องรอดูสถานการณ์ก่อน ถ้าเป็นแกจะทำยังไงล่ะคชา?”

     

                    “ชาก็ไม่รู้” องค์ชายตัวเล็กทำหน้ายุ่ง “พี่ต้นลองเจอเขาก่อนก็ได้มั้ง สบายใจทางไหนมากกว่าก็แล้วแต่พี่ต้นจะตัดสินแล้วกัน”

     

                    “ขอบใจนะ งั้นเอาใจช่วยพี่ด้วยก็แล้วกัน” คนพี่ลุกขึ้นยืน ขยี้ผมน้องชายเบาๆ “ไว้จะกลับมาเล่าให้ฟัง”

     

                    ...

     

                    ...

     

                    ...

     

     

                    หญิงสาวร่างเล็กบอบบางถูกพาตัวมานั่งในท้องพระโรง ท่าทางนุ่มนิ่มเรียบร้อย แตกต่างจากผู้หญิงทั่วไปที่เคยพบเห็น ดึงดูดความสนใจจากองค์รัชทายาทได้ไม่น้อย แต่เขาก็ยังไม่แสดงอาการชอบพอเป็นพิเศษ

     

                    “นี่ลูกสาวลุงเอง ชื่อไมร่า” ชายที่ดูสง่างามแม้ยังสูงวัยกล่าวแนะนำ ต้นยิ้มรับ “นี่องค์ชายต้น องค์รัชทายาท ทักทายพี่เขาหน่อยสิไมร่า”

     

                    “เอ่อ... สวัสดีเพคะ...” เธอดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด

     

                    “ลูกเตรียมอะไรมาให้พี่เขาด้วยไม่ใช่เหรอ? เอาออกมาสิ”

     

                    “อ... อ่า... พายผลไม้เพคะ...” มือเล็กๆยื่นถาดพายให้อย่างสั่นๆ

     

                    “ขอบใจนะไมร่า ทำเองเหรอ?”

     

                    “คือ...” เด็กสาวอึกอัก เงียบไปครู่ใหญ่

                                   

                เอาแล้วไงไมร่า ต้องตอบว่ายังไงล่ะเนี่ย

                ทุกคนต้องคาดหวังให้เราทำเองแน่ๆ แต่จริงแล้วไม่ได้ทำเองง่ะ TT^TT

     

    “ว่าไงไมร่า?” องค์ชายทักขึ้น

     

    “อันที่จริง... ไมร่าไม่ได้ทำหรอกเพคะ แม่ครัวที่บ้านเตรียมไว้ให้” เสียงใสหัวเราะฝืนๆแก้เก้อ รีบหลบสายตาเป็นการใหญ่ “ขอโทษนะเพคะองค์ชายต้น”

     

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า เอามาฝากก็ดีแล้ว” ต้นอึ้งไปพักหนึ่ง หัวเราะตามน้ำ ก่อนจะหันไปยิ้มกับผู้ให้กำเนิดตน “น่าทานดีออก ท่านพ่อท่านแม่ว่ามั้ย?”

     

    “จ้ะ” องค์ราชินียิ้มตอบ “พาน้องเขาไปเที่ยวเล่นในสวนสิลูกต้น จะได้คุ้นเคยกันไงจ๊ะ”

     

    “ป่ะ ไมร่า” ลุกขึ้นนำเพื่อแสดงความเป็นมิตร

     

    “เพคะ”

     

                    “ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ เราไม่ดุหรอกน่า” คนโตกว่าส่ายหน้า “ไปนั่งเล่นริมสระน้ำก็แล้วกัน”

     

                    “เพคะองค์ชาย”

     

                    ...

     

                    ...

     

                    ...

     

     

                จะนั่งเกร็งแบบนี้อีกนานมั้ยเนี่ย จะกลัวอะไรขนาดนั้น -*-

                แต่เด็กคนนี้ มันต้องมีอะไรสักอย่างซ่อนอยู่สิ บอกไม่ถูกว่าอะไร แต่ในแววตามันฟ้อง

                อะไรล่ะ?

     

                    องค์ชายต้นนึกสงสัย เมื่อเด็กสาวที่นั่งหนีบไหล่อยู่ข้างๆเอาแต่เงียบ มองหน้าตนสลับกับบรรยากาศรอบๆด้วยท่าทางกังวล จนต้องเป็นฝ่ายเริ่มการสนทนาอีกครั้ง

     

                    “เป็นอะไรรึเปล่าไมร่า?”

     

                    “ป... เปล่าเลยเพคะ...”

     

                    “ไม่อยากออกมากับเราเหรอ?”

     

                    “เปล่าเพคะ”

     

                    “ดูท่าทางไม่สบายใจนะ ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้ มีอะไรก็พูดมาเถอะ” พยายามผ่อนคลายบรรยากาศ “ไม่ต้องพูดสุภาพทุกคำขนาดนั้นก็ได้”

     

                    “เพคะ...”

     

                    “ยังอีก” องค์ชายแกล้งดุ

     

                    “ขอโทษเพคะ”

     

                    “จะขอโทษทำไมเนี่ย เราไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นสักหน่อย แล้วก็ไม่ต้องเกร็งด้วย เราไม่ทำอะไรเธอหรอกไมร่า” ต้นเองก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก “จะเรียกเราว่าพี่ก็ได้ คิดซะว่ามาทำความรู้จักกันก่อน ไม่ต้องกลัว”

     

                    “เพคะองค์ชายพี่ต้น”

     

                    “เอ้อ... ว่าแต่ไมร่าอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ?”

     

                    “สิบเก้าปีเพคะ”

     

                    “เด็กกว่าน้องเราอีกนะเนี่ย อืม... เราอายุยี่สิบหก ห่างกันตั้งเจ็ดปี เอ่อ... แล้วชอบทำอะไรล่ะ หมายถึงเวลาว่าง ตอนอยู่ที่บ้านน่ะ”

     

                    “อันที่จริง... ไมร่าก็ชอบร้องเพลงอยู่เหมือนกัน”

     

                    “ก็ดีนี่ เราเองก็ชอบดูโอเปร่า ชอบฟังดนตรีเหมือนกัน งั้นน่าจะคุยกันรู้เรื่อง” องค์ชายเริ่มยิ้มออก “เธอชอบฟังเพลงแบบไหนล่ะ?”

     

                    “เอ่อ... ก็หลายแบบเพคะ...” ใบหน้าน่ารักแสดงอาการลำบากใจ นิ่งเงียบไปพักใหญ่

     

                    “มีที่ชอบเป็นพิเศษหรือเปล่า?”

     

                    “เอ่อ... ถ้าให้พูดตรงๆเนี่ย มันจะดีเหรอเพคะ?”

     

                    “จะมีอะไรที่ไม่ดีล่ะ ก็การร้องเพลงมันทำให้เธอมีความสุขไม่ใช่เหรอ?”

     

                    “ใช่เพคะ เพียงแต่ไมร่ากลัวว่าองค์ชายพี่ต้นอาจจะไม่ชอบเพลงของไมร่าสักเท่าไหร่ มันไม่ค่อยเหมือนเพลงของคนอื่นๆนะเพคะ ที่บ้านของไมร่ายังไม่ชอบฟังกันเลย”

     

                    “ทำไมล่ะ?” ยิ่งเด็กน้อยปิดบัง ก็ยิ่งทำให้อยากรู้อยากเห็นมากขึ้น “เพลงของเธอเป็นแบบไหนกันนะ?”

     

                มันจะดีจริงๆเหรอ?

                ไม่ดีมั้ง... เกรงใจอ่ะ - -“

     

                    “อยากรู้จริงๆนะเนี่ย จะแปลกสักแค่ไหนกันเชียว”

     

                เอาจริงๆเหรอ องค์ชายพี่ต้น -*-

    เอาเถอะ ถ้าไม่ชอบ ก็แค่ไม่ต้องแต่งงาน ก็ดีเหมือนกัน ไมร่าก็ขี้เกียจรีบ

     

                    “เอ่อ องค์ชายพี่ต้นเคยฟังเพลงในโบสถ์ใช่มั้ยเพคะ?”

     

                    “อ่าฮะ พวกเพลงฮีมน์ คานตาตา ริเควียม อะไรพวกนั้นป้ะ? ไมร่าร้องเพลงในโบสถ์เหรอ?”

     

                    “ก็ไม่เชิงเพคะ”

     

                    “ยังไงแล้วอะ เริ่มงง”

     

                    “ไม่ได้ร้องในโบสถ์ แต่ร้องตรงข้ามโบสถ์เพคะ”

     

                ตรงข้ามโบสถ์คืออะไรของเขา =_=???

     

                    องค์ชายต้นขมวดคิ้ว เพราะสิ่งที่เด็กสาวพูดมา ไม่ได้ช่วยให้เข้าใจมากขึ้นเลยสักนิด

     

                    “ก็...” ไมร่ายิ้มแห้งๆ “ไมร่าเคยได้ยินเพลงที่เขาร้องต้านศาสนา แล้วรู้สึกว่าวิธีร้องเขาแปลกดี ไมร่าก็เลยหัดดู”

     

                ต้านศาสนา?? ต้านศาสนา!? ต้านศาสนา!!!

     

                    “เฮ้ย!” อุทานด้วยความตกใจ แล้วขยับเว้นระยะห่าง เผลอทิ้งมาดของการเป็นองค์รัชทายาทไปจนหมด

     

                    “เฮ้ย!!! เอ้ยเอ้อๆ ทำไมเหรอเพคะ!?” เมื่ออีกฝ่ายเสียงดัง ร่างเล็กก็เผลอตื่นตกใจตามไปด้วย

     

                    “อ้าว ก็แกเป็นพวกหัวรุนแรงไม่ใช่เหรอ!?”

     

                    “โอ้ยไม่ใช่อย่างนั้นเพคะ” เสียงใสลนลานอธิบาย “แค่เลียนแบบเสียงร้องเขาเฉยๆ ที่มันจะแบบ มีคำรามๆในคออะไรนิดหน่อยอ้ะ มันแปลกดีเฉยๆ แต่ไมร่าไม่ได้ร้องด่าศาสนานะ ไมร่าแต่งเนื้อเพลงใหม่เอง บางทีก็เอาเพลงที่มีอยู่มาร้องใหม่แบบนั้น ที่บ้านไมร่าก็เป็นคริสเตียน ไมร่าจะไปว่าได้ยังไง พ่อแม่ตีตายเลย”

     

                    “จริงป่ะ?”

     

                    “จริงจริ๊งงง”

     

                    “ไหนลองร้องดิ๊!

     

                    “เอาจริงๆเหรอพี่? เอ๊ยเหรอเพคะ?”

     

                    “เอ้อ ร้องมาสิ”

     

    Jesu, dúlcis memória,
    Dans véra córdis gáudia:
    Sed super mel et ómnia
    Ejus dúlcis præséntia.

       

                เออ... ฟังยากไปหน่อย แต่เนื้อเพลงก็ปกติดี...

                แต่เฮ้ยร้องอะไรออกมาอ่ะ คำรามนิดหน่อยอะไร ไม่หน่อยแล้วมั้ง

                เด็กนี่คำรามทั้งประโยค เป็นทำนองอีกต่างหาก คอไม่พังเอาเหรอ???

                หน้าหวานๆ แต่ซ่อนร่างปิศาจไว้นี่หว่า =[]=!!!!!!!!

     

                    “อย่าเหวอสิเพคะองค์ชายพี่ต้น” เด็กสาวกลับมาทำเสียงอ่อนหวาน เขย่าแขนองค์รัชทายาทเพื่อเรียกสติ “ไมร่าบอกแล้วว่ามันไม่ดี”

     

                    “หา? เอ้อๆ ว่าไงนะไมร่า?”

     

                    “ฮึ้ยยย องค์ชายพี่ต้นอาจจะไม่คุ้น แต่เขาเรียกกันว่า Growl เคยได้ยินมั้ยเพคะ? G-R-O-W-L ง่ะ... วิธีนี้พวกซาตานิคเดธเมทัลแถวบ้านสอนไมร่ามา แต่ไมร่าไม่ได้ชั่วร้ายนะ อย่าตกใจสิเพคะ”

     

                    “ก็ไม่ได้ว่าแกชั่ว แค่รู้สึกว่าประหลาดดี” องค์ชายต้นถึงกับเกาหัว “คำพวกนี้ไม่เคยได้ยินเลยอะ นี่คือไปแอบศึกษามาจากสำนักใต้ดินโดยตรงเลยใช่มั้ย? ทำไมชอบแบบนี้อ่ะ? ไม่เข้ากับหน้าตาเลยนะ เพื่อนๆเป็นแบบนี้รึเปล่า? แล้วอยู่บ้านเก็บกดเหรอ?”

     

                    “เปล่าเก็บกด พ่อแม่แค่อยากให้เรียบร้อยเฉยๆเพคะ” -*-

     

                    “คือถ้าจะร้องแบบนี้ใส่หน้ากันแล้วล่ะก็ ไม่ต้องฝืนพูดเพคะแล้วก็ได้นะ พี่ไม่ถือ” -*-

     

                    “คือไมร่าก็ไม่ได้ตั้งใจขนาดนั้น ไมร่าแค่จำๆมาแล้วก็ดัดแปลงดู ถึงมันจะประหลาดไปสักนิด แต่มันก็เป็นความลับที่ไมร่าภูมิใจนะองค์ชายพี่ต้น แค่ร้องให้พ่อกับแม่ฟังไม่ได้ เพราะจะโดนดุ” กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ถูกดัดกลับมาให้หวานและสุภาพเช่นเดิม “แต่องค์ชายพี่ต้นอย่าบอกพ่อกับแม่นะว่าไมร่าแอบร้องอันนี้ให้ฟังอ้ะ กลับไปไม่อยากถูกบ่นอีก”

     

                    “เออๆ คือก็ดีอะนะ เป็นตัวของตัวเองดี” ชมด้วยความรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างชอบและสงสัย “เออ... แกร้องเพลงด้วยเสียงปกติๆได้มั้ย แบบที่คนปกติๆเขาร้องกันอะ?”

     

                    “ทำไมองค์ชายพี่ต้นต้องเน้นคำว่าปกติด้วยง่ะ ไมร่าก็ต้องร้องได้สิ ร้องได้ปกติมากด้วย” T^T

     

                    “ก็แค่อยากลองอะไรบางอย่าง” พูดด้วยรอยยิ้มกริ่ม “แกลองร้องเพลงเดิมแบบปกติๆประโยคนึง สลับกับใช้เสียง เสียงอะไรนะ กรง กราว กร้าว อะไรนั่นซิ สลับๆกันไปให้จบท่อนเลยนะ สร้างสรรค์แน่!

     

                    “หูย... มันสลับลำบากนะองค์ชายพี่ต้น เค้นเสียงมาจากคนละช่องกันเลย”

     

    “ลองทำให้ดูหน่อยสิ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถ้าแกยอมทำ พี่จะยอมเปิดเผยความสามารถลับๆของพี่เหมือนกัน เอามั้ย?”

     

                    “ก็ดีนะองค์ชายพี่ต้น ถือว่าแลกความลับกันก็แล้วกัน” ไมร่ายิ้มกว้าง “ไม่รู้จะทำได้มั้ยนะ ลองดู”

     

                    แม้ว่าจะร้องทั้งสองแบบได้ดี แต่เมื่อนำมาผสมกันแล้วกลับทำได้ไม่ง่ายเลย เธอพยายามเค้นและปั้นอยู่นานจนทั้งสองเสียงที่ควรจะสอดสลับกลับกลายเป็นว่าปะปนกันมั่วแทบไม่เป็นคำ ทำเอาคนสั่งนั่งหัวเราะท้องแข็ง

     

                    “ทำไม่ได้อ้ะ ขอไมร่าฝึกอีกสองวันได้มั้ย กลับมาอีกทีรับรองว่าสวยงาม แต่ไมร่ายอมทำตามแล้ว องค์ชายพี่ต้นอย่าลืมที่บอกไว้นะ ความสามารถลับอะไรนั่นอ้ะ”

     

                    “ก็ได้... พี่นะเว่ย...” ดวงตาคมจ้องมองหญิงสาวด้วยความภูมิใจ “บังคับม้าให้วิ่งถอยหลังได้”

     

                    “ม้าฮี้ๆเนี่ยนะองค์ชายพี่ต้น???”

     

                    “เออ เรียกซะน่าเกลียดเลย ม้าฮี้ๆ” ต้นทำหน้ายู่ “แต่พี่ทำได้จริงๆนะเว่ย ม้าพี่วิ่งถอยหลังได้หลายตัวละ บางตัวถอยหลังแบบซิกแซกได้ด้วยนะ แอบฝึกอยู่นานมากแต่ไม่กล้าเอาไปอวดใครไง ก็แบบ เป็นรัชทายาทใช่ปะ ต้องคุมทหารให้ท่านพ่อใช่ปะ ถ้าคนอื่นเห็นอาจจะว่าพี่ไร้สาระไง แล้วพอเอาไปอวดน้องชาย องค์ชายคชาอะ คชาก็ดูตื่นเต้นดีนะ แต่พอพี่จะถ่ายทอดวิชาลับให้ คชาก็ทำไม่ไหวอะ แค่ขี่ม้าปกติยังไม่คล่องเท่าไหร่เลย แต่พี่ก็ยังอยากถ่ายทอดนะเว้ย พี่ว่ามันยิ่งใหญ่มาก สอนแกแทนละกัน เอาปะไมร่า?”

     

                    “ตลกไปนะ แต่เรียนไว้ทำไรอะพี่ พ่อแม่ไมร่าไม่ให้ขี่ม้า” เจอองค์รัชทายาทโยนมาแบบนี้ เด็กสาวก็อึ้งไปเหมือนกัน

     

                    “เอาไว้เล่นๆไง สนุกนะ ตามมาเลยดีกว่า ไปคอกม้าพี่กัน ป่ะพี่สอน!

     

                    ร่างบอบบางถูกกึ่งดึงกึ่งลากออกจากบริเวณสระน้ำ แกล้งยื้ออยู่ไม่นานก็เป็นฝ่ายวิ่งตามองค์ชายไปพร้อมเสียงหัวเราะอย่างเริงร่าของทั้งคู่

     

                    ...

     

                    ...

     

                    ...

     

     

                    “เหนื่อยอะพี่ต้น ไมร่าทำบ้างไม่เห็นได้เลย กระโปรงขาดด้วยเนี่ย” ไมร่าบ่นอุบ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหญ้า หลังจากล้มเหลวในปฏิบัติการบังคับม้าท่าผาดโผน มือเล็กพลิกอวดรอยขาดบริเวณตะเข็บของกระโปรงตัวสวย

     

                    “เห็นมั้ยว่ามันเป็นทักษะที่ยิ่งใหญ่” คนโตกว่าหัวเราะ “แล้วกระโปรงแกเอาไงเนี่ย?”

     

                    “ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เดี๋ยวไมร่าแอบไปเย็บๆเอาทีหลัง” =*=

     

                    “ขอโทษละกัน เออ ว่าแต่แกจะเอาไง หมายถึงเรื่องแต่งงานอะ จะแต่งกับพี่ปะ?” ต้นกลับมาถามเสียงจริงจัง เมื่อนึกขึ้นได้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของการพบกัน และพาลนึกห่วงใครอีกคนที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการตัดสินใจครั้งนี้

     

                    “อ๋อ ไมร่าอะไรยังไงก็ได้พี่ แต่งก็ได้ไม่แต่งก็ได้ ไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว แล้วแต่พี่ต้นเลย” ทว่าเด็กสาวกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว

     

                    “ไม่ใช่อะไรก็ได้เว่ย เลือกมาดิ๊ เย็นแล้วเนี่ย กลับไปจะได้บอกผู้ใหญ่ถูก”

     

                    “โห่ ก็ถ้าพ่อแม่ส่งไมร่ามาให้ขนาดนี้ก็คือต้องแต่งป้ะ? ไมร่าจะไปค้านอะไรได้อะพี่ต้น?” เสียงใสบ่น

     

                    “ก็แล้วแต่แกดิ จะยอมไม่ยอมยังไงเดี๋ยวพี่ช่วยพูด ก็คิดดูดีๆว่าแกอยากจะอยู่กับพี่ปะ?”

     

                    “อืม...” เงียบไปพักใหญ่ “ก็อยากอยู่นะพี่ เวลาอยู่กับพี่ต้นไมร่าสนุกมากแถมยังเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ วันนี้เป็นวันที่ดีมากๆเลยแหละ ไม่คิดว่าองค์รัชทายาทของเนอร์วานาจะใจดีและเป็นกันเองขนาดนี้ เห็นหน้าพี่ต้นตอนแรกนึกว่าจะดุ ก็... ไมร่าว่านะ... คือ... เราน่าจะ...”

     

    เด็กสาวพูดเบาลงเรื่อยๆเพราะความเกรงใจ แทบไม่ได้เสียงคำที่เป็นใจความสำคัญ ทว่าคำคำนั้นก็ทำให้อีกคนยิ้มกว้าง

     

    “ไมร่าอยากได้แบบนั้น พี่ต้นพอใจรึเปล่า?”

     

    “พอใจสิ พอใจมาก เอาตามนี้เลยนะ” ลูบหัวคนตัวเล็กอย่างมีความสุข “เดี๋ยวพี่คุยกับพ่อแม่ไมร่าให้เอง ไม่ต้องห่วง ไปกันตอนนี้เลยมั้ย”

     

    “เย้ เอาเลยก็ได้”

     

    ^_______^

     

     

     

                    ...

     

     

                    ...

     

     

                    ...

     

     

     

                    “ฮ่าๆๆ ยินดีด้วยนะพี่ต้น”

     

                    องค์ชายคชานอนหัวเราะเสียงใส หลังจากได้ฟังเรื่องราวของเด็กสาวที่พี่ชายประทับใจนักหนา จนลงทุนเดินตามมาเล่าให้ฟังถึงที่พักตอนค่ำมืด แถมยังถือโอกาสที่เจ้าของบ้านตัวจริงออกไปช่วยราชการตามคำสั่งของตัวเองไม่อยู่ ยึดที่นอนข้างๆน้องชายหน้าตาเฉย

     

                    “ก็เออสิ แต่จะว่าไปนะเด็กอะไร ตลกชะมัด ทำให้พี่หัวเราะเหมือนแกเลยคชา ไม่สิ พี่ขำแกมากกว่าไมร่านิดนึง จะนอนทำไมต้องพันผ้าห่มไว้ทั้งตัวแบบนี้ด้วย เหมือนดักแด้เลยอะ ฮ่าๆๆๆ”

     

                    “โหย... พี่ต้นว่าชาเหรอ?” แกล้งพองแก้มใส่ “ก็ตอนเด็กๆที่นอนด้วยกัน พี่ต้นก็ชอบละเมอแย่งผ้าห่มชานี่ ถ้าคืนนี้พี่ต้นแย่งไปอีกชาก็หนาวสิ ชาแค่รักษาผ้าห่มของตัวเองไว้เองนะ ยังจะมาขำอีก... ใช่สิ นี่มันน้องคชา ไม่ใช่น้องไมร่านี่ ไปชวนมาอยู่ด้วยเลยก็ได้นะ ฮึ่ยยย ><

     

                    “ยังไงพี่ก็รักแกที่สุดล่ะน่า อย่าน้อยใจดิ” นิ้วเรียวบีบจมูกน้องอย่างหมั่นเขี้ยว เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากร่างเล็กในก้อนผ้าห่ม

     

                    “ได้น้องสาวคนใหม่แล้ว ชาก็ตกกระป๋องอะดิ โธ่!

     

                    “น้องสาวอะไร น้องชายชัดๆ ท่าถกกระโปรงวิ่งตามม้านี่ประหลาดสุดๆ ผู้หญิงคนอื่นเขาไม่ทำกันหรอกมั้ง ฮ่าๆๆ”

     

                    “เห็นปะ พี่ต้นเห่อน้องคนใหม่แล้วนะ เอาผ้าห่มพี่ต้นมานี่เลย ชาแย่งคืนบ้างงงง”

     

                    แขนบางลอดดุ๊กดิ๊กออกมาจากเปลือกดักแด้ของตัวเอง มือเล็กดึงผ้าห่มจากตัวพี่ชาย ยื้อกันอยู่สักพัก คนพี่ก็แกล้งปล่อยให้ผ้าหลุดออกจากตัวอย่างง่ายดายจนคนออกแรงเสียหลักหงายลงไปนอนแผ่กับเตียงนุ่ม

     

                    “แกล้งชาอยู่เรื่อยเลย ><

     

                    องค์ชายต้นขยี้หัวกลมๆด้วยความเอ็นดู แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ

     

                    “แกว่าพี่ตัดสินใจถูกมั้ย?”

     

                    “ก็ดีแล้วนี่ ท่านพ่อท่านแม่ก็ไม่ว่าอะไร ทางบ้านไมร่าเขาก็เห็นดีด้วย พี่ต้นไม่เห็นต้องกังวลเลย”

     

                    “ก็ตอนแรกพี่คิดว่าท่านพ่อท่านแม่อยากรีบได้ทายาทนี่นา... แต่พี่ว่ายังไงไมร่าก็เด็กไปนะ เป็นพี่น้องกันเนี่ยดีสุดแล้ว”

     

                    “แบบนี้ก็ดีแล้วนี่ ทุกคนก็ดูมีความสุขดี แต่ถ้าพี่ต้นอยากมีความสุขกว่านี้ก็รีบไปง้อคนของพี่ต้นด้วยนะ เดี๋ยวจะไม่ทันเอา แล้วนี่เขาไม่รู้เรื่องที่ไปดูตัวใช่มั้ย?”

     

                    “ยังไม่ได้บอก แต่คิดว่าพรุ่งนี้จะไปหาแต่เช้า ไปเล่าทุกอย่างให้ฟัง แล้วก็...” พี่ชายยิ้มออกมานิดหนึ่ง “จะชวนเขาเข้ามาในวังด้วย ท่านพ่อท่านแม่จะได้รู้สักทีว่าพี่มีตัวจริงแล้ว”

     

                    “หูย... ถึงกับยกให้เป็นตัวจริงเลยอ้ะ ชาอยากรู้จักเขาจริงๆจังๆซะแล้วสิ”

     

                    “ได้รู้จักแน่ๆ แล้วรับรองว่าแกต้องชอบ เขาทั้งน่ารัก ฉลาด นิสัยดี มีเสน่ห์ เข้าสังคมเก่งด้วย ขนาดพี่เองยังหลงรักเขาตั้งแต่ครั้งแรกเลย”

     

                    “เป็นเอามากนะเนี่ยพี่เรา” เสียงหวานแซว “เดี๋ยวนี้มีความรักนะ~

     

                    “แกนี่ไม่มีเลยสินะ ความรักเนี่ย” คนเป็นพี่แซวกลับ “เต๋าจะไปธุระที ก็ยืนร่ำลากันตั้งนานสองนาน มีกอดมีหอมด้วย คิดว่าพี่ไม่รู้ไม่เห็นเหรอคชา”

     

                อุตส่าห์แอบๆแล้วนะ พี่ต้นยังเห็นอีกเหรอ

                >//////<

     

                    “ก็มันคิดถึงนี่นา พี่ต้นใช้งานพี่เต๋าไปที่ใกล้ๆง่ายๆเหมือนบ้างสิ ชาอยากอยู่กับพี่เต๋าเยอะๆ ไม่อยากให้ไปค้างคืนที่อื่นเลยอ้ะ ถ้าคนอื่นมายุ่งกับพี่เต๋าชาจะทำไงเล่า >_<

     

                    “เข้ามาเยอะแยะก็ไม่เห็นเต๋าจะเล่นด้วยสักคน ไม่ต้องห่วงหรอกน่า” ต้นหัวเราะ “อีกอย่างที่ช่วงนี้พี่ใช้งานเต๋าหนักเนี่ย เป็นเพราะว่าท่านลอร์ดโมเชต์ใกล้จะเกษียณอายุราชการ แล้วตอนนี้เต๋าคือคนที่พี่วางใจมากที่สุด ทั้งเรื่องฝีมือและความซื่อสัตย์ โดยรวมนั่นแหละ พี่เลยต้องเตรียมการไว้... ให้เต๋าพร้อม...”

     

                    “อ่า...” คชามองหน้าพี่ชายงงๆ ตั้งใจฟังต่อ

     

                    “ถ้าพี่อยากได้เต๋ามาเป็นมือขวาของพี่ต่อจากท่านลอร์ด แกจะว่ายังไง?”

     

                    “ชาเหรอ... ชาก็ไม่ว่าไงหรอก เรื่องแบบนี้แล้วแต่พี่เต๋าดีกว่า ชาเคารพการตัดสินใจของพี่เต๋าอยู่แล้ว หน้าที่การงานพี่เต๋าชาไม่ก้าวก่ายหรอก แต่ถ้าพี่เต๋าเหนื่อย ชาจะช่วยทำให้หายเหนื่อยเอง” คนน้องส่งยิ้มบางๆให้ ก่อนจะเข้าไปกอดอ้อนพี่ชาย “แต่พี่ต้นอย่าใช้งานพี่เต๋าหนักไปนะ เดี๋ยวพี่เต๋าเครียด”

     

                    “หมั่นไส้จริงๆเลย น้องคนนี้ เอ้อ... แล้วพี่มานอนบนเตียงแบบนี้ เต๋าจะไม่ว่าอะไรใช่มั้ย?”

     

                    “ไม่ว่าหรอก พี่ต้นเป็นพี่ชายนี่ ไม่ได้นอนด้วยกันมาหลายปีแล้วด้วย อีกอย่าง...พี่เต๋าก็จะกลับมาพรุ่งนี้เช้า ตอนนี้พี่ต้นนอนเถอะ นอนได้ แต่อย่าละเมอแย่งผ้าห่มชาอีกนะ”

     

                    “ก็ได้... แกก็อย่าละเมอมาจุ๊บพี่ละกัน รักกันนักนี่ ชารักพี่เต๋านะ รีบกลับมาหาชานะ อย่างนู้นอย่างนี้” จะนอนแล้วยังไม่วายหยอกให้น้องหน้าแดงเล่น “ก่อนนอนท่องไว้ นี่พี่ต้นไม่ใช่พี่เต๋า ต้นไม่ใช่เต๋า ต้นไม่ใช่เต๋า”

     

                    “ห้ามแซวนะ พี่ต้นนอนเลย ชาง่วงแล้ว!

     

    องค์ชายตัวเล็กโวยวายด้วยใบหน้าขึ้นสีเรื่อ รีบหลับตาขดตัวในเปลือกผ้าห่มดักแด้ของตัวเองเพื่อหยุดบทสนทนาชวนเขิน ไม่นาน ทั้งสองคนก็เข้าสู่ห้วงนิทรา

     

     

    ...

     

    ...

     

    ...

     

     

    เวลาล่วงเลยไปถึงกลางดึก เจ้าของตัวจริงเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยความตื่นเต้น เผลอยิ้มเมื่อนึกถึงร่างเล็กๆที่ป่านนี้คงนอนหลับปุ๋ย

     

    แอบขโมยจูบสักทีดีกว่า :)

                   

                    แต่เมื่อประตูห้องนอนเปิดออก กลับเห็นร่างของผู้ชายอีกคนนอนอยู่ข้างๆองค์ชายตัวเล็กของเขา

     

                ใคร!?

     

                    อารมณ์ที่สดใสกลับกลายเป็นความกังวล เขาเพ่งผ่านแสงไฟสลัวอย่างพิจารณา เมื่อเห็นใบหน้าของผู้บุกรุกชัดๆและท่าทางการนอนที่ดูไม่มีอะไรเกินเลย ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ยอมหอบข้าวของออกไปนอนด้านนอกแต่โดยดี

     

                ปล่อยให้พี่น้องเขาอยู่ด้วยกันสักคืนแล้วกัน

     

                   

                    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

                    องค์รัชทายาทลุกขึ้นจากเตียงตั้งแต่เช้ามืดด้วยความแจ่มใส ปล่อยให้น้องชายหลับสบายต่อไปในม้วนผ้าห่มนุ่มๆ ส่วนตัวเองกำลังรีบออกไปเตรียมตัวเพื่อทำเรื่องสำคัญกับคนสำคัญ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบกับร่างสูงที่ขดตัวหลับอยู่บนเก้าอี้รับแขก

     

                เจ้าของบ้านนี่หว่า!?

                เฮ้ย!!!

     

                    “เต๋า เต๋า” ต้นสะกิดปลุก “ไปนอนข้างในเถอะ”

     

                    “ขอรับ...” ชายหนุ่มลุกขึ้นอย่างงุนงง

     

                    “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ขอโทษที มาแอบนอนบนเตียงนาย ทำไมไม่ปลุกล่ะ?”

     

                    “อ๋อ ไม่เป็นไรขอรับ” น้องเขยยิ้มอย่างเป็นมิตร “แล้วองค์ชายต้นจะไปแล้วเหรอ?”

     

                    “เรารีบ ต้องไปง้อคน” องค์ชายต้นออกอาการเขินนิดๆ เมื่อสังเกตเห็นแววตาสงสัยของคู่สนทนา “นายเข้าไปนอนต่อข้างในเถอะน่า คชายังหลับอยู่เลย ถ้าอยากรู้อะไรก็ไปถามจากคชาเอานะ เราไปล่ะ”

     

                     เต๋าอมยิ้มอย่างรู้ทัน ก่อนจะลุกตรงไปหาคนรักด้วยท่าทางสดชื่น พอได้เห็นท่าทางการนอนชัดๆก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา

     

    จะเอาผ้าพันตัวไว้ทำไมเนี่ยคชา ไม่อึดอัดหรือไง

     

    เขาขยับเข้าใกล้ มือใหญ่ค่อยๆคลี่ม้วนผ้าห่มออกจากร่างบอบบางที่หันหลังให้ ร่างนั้นดิ้นเล็กน้อย ก่อนจะบ่นขึ้นทั้งๆที่ยังหลับตา

     

    “อย่าแย่งผ้าห่มชาสิพี่ต้น เอาคืนมาเลยนะ”

     

    “ไม่ต้องห่มหรอก กอดไม่ถนัด” ไม่พูดเปล่า วงแขนอบอุ่นยังเข้าไปสวมกอดจากด้านหลัง ตามด้วยการไล่จูบเบาๆบริเวณซอกคอ

     

    “อื๊อ... จูบไม่ได้นะ... อย่าละเมอแบบนี้สิ... ปล่อยชา... พี่ต้น...” เสียงหวานโวยวายเมื่อได้รับสัมผัสแปลกๆ ดิ้นแรงขึ้น แต่ก็ถูกกอดรัดแน่นขึ้นจนขยับตัวหนีไม่ได้ แถมริมฝีปากซุกซนนั่นก็ยังไม่หยุดแกล้งสักที “ห้ามจูบนะ ไม่เอานะ พี่เต๋าไม่ให้”

     

    “ใครไม่ให้นะ?” เสียงทุ้มกระซิบหยอก หัวใจพองโต

     

    “พี่เต๋าไม่ให้” องค์ชายตัวเล็กออกอาการงอแง “หยุดแกล้งชานะ นอนดีๆเลย”

     

    “ก็หยุดดิ้นแล้วหันมาดูดีๆก่อนสิ”

     

    มือแกร่งจับใบหน้าหวานให้หันมอง ทันทีที่เห็นคนที่คุ้นเคย อาการขัดขืนก็ละลายหายไปหมด แม้ภายในห้องจะยังไม่สว่างนัก แต่เต๋าเห็นได้ชัดเจนว่าคนในอ้อมกอดตัวเองกำลังซ่อนยิ้มด้วยความเขินจัด

     

    “พี่เต๋ามาได้ยังไงอ้ะ”

     

    “เด็กดีของพี่...” เต๋าตอบไม่ตรงคำถาม ก้มลงคลอเคลียใกล้ๆแก้มเนียน “สรุปว่าจูบได้รึยัง?”

     

    “ได้แล้ว ><

     

    องค์ชายคชาเงยหน้ารับมอบจูบนุ่มนวลจากริมฝีปากอุ่น แขนบางโอบกอดร่างสูงแน่น รั้งให้ลงนอนข้างๆกัน แล้วตามไปซุกซบทั้งรอยยิ้ม

     

    “จูบเสร็จแล้ว เช้าอยู่เลย นอนต่อนะ กอดกัน ><

     

    “อีกทีได้มั้ย?” ชายหนุ่มอ้อน ปลายนิ้วเกลี่ยไล่สัมผัสแก้มนิ่ม “นะ... ชาจูบพี่บ้าง จูบเสร็จให้นอนต่อเลย”

     

    “อื้อ...”

     

    ร่างบางขยับขึ้นประทับจูบเบาๆ ก่อนจะกลับไปซุกตัวหลับตาในอ้อมกอดอ่อนโยนเหมือนเดิมด้วยใบหน้าแดงเรื่อ มือใหญ่ลูบผมนิ่มเรื่อยๆราวกับจะกล่อม จนอีกฝ่ายค่อยๆเคลิ้มไปอีกครั้งทั้งรอยยิ้ม

     

    ฝันดีแน่ๆเลยคชา



     [End]




     

    ***********************************************
     


    สวัสดีค่ะ :)

    เห็นว่าวันนี้เป็นวันที่ 23 ต.ค. ก็เลยเอาตอนพิเศษตอน 3 มาเสิร์ฟนิดหน่อย

    หวังว่าเพื่อนๆจะมีความสุขกันนะคะ ^_^




    เรื่องคู่ขององค์รัชทายาทเนี่ย เราจะไม่เปิดเผยตัวตนก็แล้วกันเนอะ

    ให้เพื่อนๆจินตนาการได้ตามใจไปก่อนเลยค่ะ แล้วแต่ชอบเลย ฮ่าๆๆๆ

    ถ้าองค์ชายต้นพาเข้าวังเมื่อไหร่ ก็คงจะได้รู้จัก "ตัวจริง" กันสักที



    ขอบคุณที่ยังแวะมาอ่าน Silver Swords ค่ะ 



    ***********************************************



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×