ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Silver Swords [TaoKacha]

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 22 ธ.ค. 54








                 คชาได้เข้าไปพักในบ้านหลังย่อมตามคำร้องขอ ถึงอยู่ตามลำพังทว่าเขาก็ไม่กล้าทำอะไรมากนัก ได้แค่กวาดสายตามองไปรอบๆบ้านที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกไม่มากนัก ภายในบ้านมีแค่โต๊ะอาหารตัวเล็กๆ หีบเสื้อผ้าใบใหญ่ ด้านข้างมีอาวุธแขวนเรียงราย และเตียงไม้แคบๆที่มีผ้าห่มบางๆกองอยู่

     

                ไม่นานนัก ชายหนุ่มเจ้าของบ้านก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับจานกระเบื้องที่มีอาหารกลิ่นหอมยั่วจมูกปริมาณมากกว่าปกติ วางลงบนโต๊ะ เรียกความสนใจจากอีกคนได้ทันที

     

                “หอมจัง ท่านเต๋า”

     

                “อืม” ร่างสูงตอบรับอย่างเย็นชา

     

                “ขอเราทานบ้างได้มั้ย?”

     

                “...”

     

                “ขอเถอะนะ เราหิวแล้ว”

     

                “...”

     

                “นะท่านเต๋า... แบ่งให้เราบ้าง... จะให้เราทำอะไรก็ได้...”

     

                “...”

     

                “โกรธเหรอ? เราขอโทษ...”

     

                เต๋าถอนหายใจเบาๆอย่างเอือมระอา ก่อนจะผลักจานไปตรงหน้าคนตัวเล็ก

     

                “น่ารำคาญชะมัด ไม่รู้จักคำว่ารอหรือไง ไม่ได้พูดซักคำว่าจะไม่ให้กิน”

     

                “ใจดีจัง ขอบใจมากนะท่านเต๋า”

     

                คชายิ้มกว้างก่อนจะตักข้าวเข้าปาก แล้วตักอีกคำไปจ่อที่ริมฝีปากอีกฝ่าย

     

                “ทำอะไรของนาย?”

     

                “ก็... ทานข้าวด้วยกันไง...”

     

                “ฉันกินเองได้” ว่าแล้วก็กระชากช้อนในมือมาป้อนเข้าปากตัวเอง ทำเอาอีกคนใจเสีย

     

                “เราขอโทษ...”

     

                ทั้งสองนั่งกินอย่างเงียบๆจนหมด ก่อนที่เจ้าของบ้านจะออกปากสั่งให้ผู้อาศัยไปล้างจานและเก็บอุปกรณ์ทำอาหารที่กองอยู่นอกบ้าน คชาทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย แต่เมื่อออกไปพบหม้อโลหะที่แขวนบนราวไม้เหนือเตาหินรูปทรงไม่คุ้นตาก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก ต้องกลับเข้าไปเรียกเจ้าของบ้านออกมา

               

                “ท่านเต๋า... เราต้องทำยังไงบ้าง...” คนตัวเล็กถามเสียงสั่นเพราะกลัวโดนว่าอีก

     

                “ก็แค่ถอดหม้อออกมา แล้วก็ล้าง ทำไม่เป็นหรือไง” เต๋าดุอย่างที่คชานึกไว้ แต่ก็ช่วยยกหม้อออกมาให้

     

                “แล้ว... ล้างยังไง...” เสียงหวานถามเบากว่าเดิม

     

                “แค่นี้ยังทำไม่เป็นอีก ก็แค่เอาลงไปในน้ำ ถูให้สะอาด รู้จักมั้ยน้ำน่ะ!” พูดจบก็กลับเข้าไปในบ้านทันที

     

    คชาพยักหน้า ก่อนจะลนลานทำตามที่อีกฝ่ายบอกด้วยความไม่ถนัดเอาเสียเลย สักพักใหญ่ๆจึงกลับเข้ามาพร้อมเสื้อที่เปียกโชก ดวงตากลมจ้องมองร่างสูงที่ขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างสบายใจ ร่างบางเดินซึมๆไปยืนข้างเตียง สะกิดปลุกเบาๆ

     

                “ท่านเต๋า... จะให้เรานอนที่ไหน...”

     

                “พื้นไง”

     

                “แต่... เราไม่เคย...”

     

                “มาอาศัยคนอื่นอยู่ก็อย่าทำเรื่องมาก ถ้านอนไม่ได้ก็ออกไปซะ”

     

             คนตัวเล็กยอมลงไปนอนที่พื้นข้างเตียง ขดตัวเพราะอากาศที่เย็นเกินไป ไม่นานนักก็ผล็อยหลับ

     

     

                ...

     

                ...

     

                ...

     

     

                “ตื่นได้แล้ว จะนอนไปถึงไหนกัน” เต๋าตะโกนปลุกอย่างไม่สบอารมณ์

     

                “อือ...” ได้ยินเพียงเสียงครางรับ จากร่างที่นอนกอดตัวเองอยู่บนพื้นเย็น

     

                มือแกร่งดึงแขนบางออกจากเจ้าตัว ก่อนจะฉุดให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล แต่ร่างนั้นก็ซุกเข้าหาไออุ่นจากอก

     

                “ท่านเต๋า... เราหนาว... ปวดหัวด้วย...”

     

                “อย่าสำออยน่า...”

     

    พูดจบชายหนุ่มก็ดันร่างเล็กออกจากตัว จ้องมองอย่างดุๆ แต่เมื่อเห็นใบหน้าอ่อนเพลีย นัยน์ตาและริมฝีปากแดงจัด ท่าทางเหมือนจะร้องไห้ ก็อดสงสารไม่ได้

     

    “เออๆ อย่าร้องไห้ ออกไปล้างหน้าล้างตาซะ จะกลับมั้ยบ้านน่ะ จะพาไปส่ง”

     

    คชายืนสั่นนิดๆอยู่ข้างถังไม้ขนาดใหญ่หน้าบ้าน มือนุ่มค่อยๆวักน้ำขึ้นลูบหน้า แต่จู่ๆก็ได้ยินเสียงกุบกับเหมือนฝีเท้าม้ามาจากที่ไกลๆ จึงชะโงกหน้าออกไปดูอย่างใคร่รู้

     

    ทว่าเมื่อเห็นธงสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ของกลุ่มคนที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามา ความกลัวก็แล่นขึ้นในใจ

     

    “คนพวกนั้น!!!

     

    ร่างเล็กที่ยังอ่อนแอรีบวิ่งเข้าบ้านอย่างเงียบที่สุด เกาะแขนขอความช่วยเหลือจากเจ้าของบ้านที่สาละวนอยู่กับการจัดเตรียมสัมภาระสำหรับเข้าเมือง

     

    “ท่านเต๋า ช่วยเราด้วย” คชาขอร้องเสียงเครือ

     

    “อะไรของนาย” ช่างหนุ่มขยับหนีอย่างติดรำคาญ

     

    “พวกมันมาที่นี่ มันต้องตามมาจับตัวเรากลับไปแน่ๆ ท่านเต๋า พาเราหนีหน่อยนะ”

     

    “หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้ แล้วก็เลิกเพ้อเจ้อซะที”

     

    “เราไม่ได้เพ้อเจ้อนะ เชื่อเราเถอะ พวกกบฏจะจับตัวเรากลับไปเป็นเชลย มันใกล้เข้ามาแล้ว เรากลัว ท่านเต๋าช่วยเราเถอะนะ ได้โปรด เรายินดีตอบแทนท่านทุกอย่าง แต่ได้โปรด เชื่อเรา ช่วยเราเถอะ ท่านเต๋าช่วยคชานะ” ร่างบางสั่นหนักขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาค่อยๆพร่างพรูออกมาจนชายหนุ่มเริ่มเชื่อ

     

    “เอาล่ะ งั้นฉันจะพานายไปซ่อนตัว แต่ห้ามร้องไห้อีก ไม่งั้นฉันจะส่งตัวนายให้พวกมันทันที ตกลงไหม?”

     

    “ตกลง” เสียงหวานกลั้นสะอื้น ก่อนที่เจ้าตัวจะตามร่างสูงไปอย่างรีบเร่ง

     

     

                ...

     

                ...

     

                ...

     

     

    ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งขี่ม้ามาหยุดที่หน้าบ้าน ชายนายหนึ่งก้าวลงจากม้า ก่อนจะเคาะประตูเรียกให้เจ้าของบ้านมาเปิดรับ

     

    “มีธุระอะไร?” เต๋าถาม

     

    “พวกเรามาตามหาคน ท่านพอจะเห็นองค์ชายเล็กแห่งอาณาจักรเนอร์วานาหรือไม่?”

     

    “คนอยู่แต่ในป่า จะไปรู้จักพวกเชื้อพระวงศ์ได้ยังไงกัน”

     

    “งั้นท่านพอจะเห็นผู้ชายตัวเล็กๆ ผิวขาว อายุราวยี่สิบ สวมเสื้อกำมะหยี่สีน้ำเงิน ผ่านมาทางนี้บ้างหรือไม่”

     

    คุณหนูขี้แยนั่นไม่ได้เพ้อเจ้อ... เป็นองค์ชายจริงๆด้วย...

     

    ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ไม่เลย”

     

    “แต่พวกชาวบ้านว่ากันว่าองค์ชายวิ่งหนีออกนอกเขตเมืองไป น่าจะเข้ามาในป่านี้”

     

    “แต่ก็ไม่ได้มาที่บ้านนี้”

     

    “พวกเราจำเป็นต้องค้นหาทุกบริเวณอย่างละเอียด จึงต้องขอตรวจค้นบ้านของท่านด้วย”

     

    “งั้นก็เชิญ”

     

    ทันทีที่เจ้าของบ้านอนุญาต ชายคนดังกล่าวก็เข้าไปสำรวจภายในบ้าน กำลังอีกสองนายก็แยกย้ายลงสำรวจบริเวณรอบๆ ซึ่งเป็นลานสำหรับตีดาบ ทำอาหารและซักล้าง คอกม้าขนาดเล็ก รวมถึงเพิงที่ทำเป็นห้องน้ำอย่างง่ายๆ ไม่นานนักกลุ่มชายฉกรรจ์ก็กลับมาพูดคุยกัน ก่อนจะกล่าวกับช่างหนุ่ม

     

    “ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ พวกเรามั่นใจแล้วว่าองค์ชายไม่ได้อยู่ที่นี่”

     

    “ไม่เป็นไร ว่าแต่ท่านจะตามหาองค์ชายไปทำไมหรือ” เสียงทุ้มถามหยั่งเชิง

     

    “อยู่ๆองค์ชายก็หายตัวไปน่ะ”

     

    “หายไปได้ไง?”

     

    “ก็นั่นน่ะสิ ตามหาตัวกันให้วุ่น”

     

    “งั้นก็ขอให้พบตัวเร็วๆนะ เออ ทำไมพวกท่านไม่ไปตามหาทางทิศตะวันตกล่ะ มันมีต้นน้ำ มีหมู่บ้านอยู่ องค์ชายอาจจะหลงไปอยู่ที่นั่นก็ได้”

     

    “ทางตะวันตกเหรอ?” ชายคนนั้นครุ่นคิด “มีหมู่บ้าน มีต้นน้ำด้วยเหรอ ไม่คุ้นเลย แต่พวกเราจะลองไปดูก็แล้วกัน ยังไงก็ขอบใจท่านมาก” กลุ่มกำลังกบฏหันเลี้ยวไปยังป่าอีกด้านตามคำของช่างหนุ่มเจ้าของพื้นที่ที่ลวงให้ไปให้พ้นเขตที่ตนอยู่อาศัย

     

    “นี่เหรอพวกกบฏ ท่าทางไม่ฉลาดเลยแฮะ”  

     

     

                ...

     

                ...

     

                ...

     

     

    ร่างสูงเดินเข้าไปในคอกม้า ลูบหัวม้าคู่ใจสีดำสนิทที่กำลังเล็มกองหญ้าแห้งขนาดใหญ่ ก่อนจะรื้อหญ้าด้านหนึ่ง เพื่อเปิดทางให้คนที่ขดตัวซ่อนตัวอยู่ออกมา

     

    “ขอบคุณนะท่านเต๋า พวกนั้นไปแล้วใช่มั้ย?” คชาถามทั้งๆที่ยังปวดหัวจนน้ำตาจะไหล

     

    “อืม... ออกมาได้แล้ว ลุกไหวมั้ย” มือขาวดึงร่างเล็กให้ลุกขึ้น “เฮ้ย! ทำไมผื่นขึ้นทั้งตัวขนาดนี้”

     

    “อะไรเหรอ?”

     

    “ก็เนี่ย แดงทั้งตัวเลย อย่าบอกนะว่าแพ้หญ้า” ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอา

     

    “เราก็ไม่รู้เหมือนกัน...”

     

    “มานี่ก่อนเหอะ เข้ามาในบ้านก่อน สภาพไม่ไหวแล้วนายน่ะ”

     

    วงแขนแกร่งประคองร่างที่อ่อนแรงเข้าไปนั่งที่ปลายเตียง ก่อนจะยกอ่างน้ำพร้อมผ้าผืนเล็กเข้ามาให้

     

    “เอ้านี่ เช็ดตัวซะ เสร็จแล้วจะได้กินข้าวกินยา ทำเองเป็นใช่มั้ย”

     

    “เอ่อ...” คชาลังเล

     

    “เฮ้อ ทำอะไรเองเป็นบ้างเนี่ย สรุปว่าเป็นองค์ชายจริงๆใช่มั้ย แล้วต่อไปจะดูแลบ้านเมืองไหวเหรอ” เสียงทุ้มบ่น พลางหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ องค์ชายตัวเล็กเผลอยิ้มบางๆให้กับความใจดีของคนตรงหน้า

     

    “ขอบคุณนะท่านเต๋า... ขอบคุณที่ดูแลชา...”

     

    “อือ ไม่เป็นไร แค่ไม่อยากให้มาตายในบ้าน” แม้จะพูดจาไม่ดีนัก แต่คำขอบคุณอย่างจริงใจและสรรพนามน่ารักที่คชาพูดก่อนหน้านั้น ก็ทำให้ชายหนุ่มเช็ดตัวเบามือลง และเผลอยิ้มออกมาเช่นกัน

     




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×