คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 15 [100%]
วันรุ่งขึ้น องค์ชายคชาออกมารอทานอาหารเช้ากับครอบครัวตามปกติ พระราชากับพระราชินียังไม่เสด็จลงมา สองพี่น้องจึงอยู่ด้วยกันตามลำพัง
“เออ... เมื่อคืนไม่ได้อยู่ห้องเหรอคชา?”
แย่แล้ว โดนดุแน่เลย
T_______T
ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อได้ยินคำถามจากองค์รัชทายาท สีหน้าตื่นตระหนก พยายามคิดเรียบเรียงคำตอบให้ดูดีที่สุด อึกอักอยู่นาน จนพี่ชายต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“เป็นอะไรเนี่ย ท่าทางแปลกๆนะเรา” ต้นขมวดคิ้ว “เมื่อคืนพี่นอนไม่หลับ กะจะชวนแกคุยเล่นสักหน่อย แต่เข้าไปหาที่ห้องแล้วไม่เจอเลย”
“เอ่อ... คือ... ชา...” องค์ชายเล็กพยายามเบี่ยงประเด็น “พี่ต้นไม่สบายใจอะไรเหรอ?”
“เปล่านี่ ก็แค่อยากหาเพื่อนคุยเฉยๆ” คนเป็นพี่ยังไม่มีท่าทีว่าจะโกรธ “ไปนอนห้องท่านแม่เหรอ พี่ก็กะว่าจะตามไปอยู่ แต่เห็นว่าดึกมากแล้วก็เกรงใจ กลัวท่านพ่อท่านแม่จะตื่น ก็เลยนั่งเขียนนั่นเขียนนี่อยู่คนเดียวนั่นแหละ”
ห้องท่านแม่?
หมายความว่า... พี่ต้นยังไม่รู้เหรอ???
“ชา... เอ่อ...”
ถ้าไม่สารภาพก็จะไม่โดนดุใช่มั้ย?
“ชา... ชาไป...”
“ไปไหน?”
“ชา...”
กลัวโดนดุจัง...
แต่ก็ไม่กล้าโกหกพี่ต้น...
จะทำยังไงดีล่ะ
T________T
“เอ้า ว่าไงคชา?”
ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ดูซิว่าคชาจะยอมพูดความจริงรึเปล่า
“คือ... ชาขอโทษ...” คชาก้มหน้า ก่อนจะยอมสารภาพเสียงอ่อย “เมื่อคืนมีทหารมาบอกว่าพี่เต๋าฟื้นแล้ว ชาก็เลยตามไปเยี่ยมพี่เต๋าอีกทีนึง ชาขอโทษที่ขัดคำสั่งพี่ต้นนะ”
เมื่อเห็นว่าพี่ชายเงียบไป คนน้องก็ใจเสีย กลัวจะโดนโกรธ
“พี่ต้น... ชาขอโทษนะ...” เสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้
“รู้ใช่มั้ยว่าที่พี่ห้ามแกออกไปไหนมาไหนดึกๆเพราะกลัวแกเป็นอันตรายอีก” รัชทายาทถอนหายใจ “เอาเถอะ อย่างน้อยก็ยังดีที่ไม่โกหกพี่ แต่ทีหลังอย่าทำอีกล่ะ”
“อื้อ... ชาขอโทษ...” กล่าวด้วยน้ำตาคลอ
“เฮ้ย ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้ดุอะไรซักหน่อย” คนเป็นพี่รีบปลอบ “พี่ไม่ได้โกรธแกสักนิด แค่เป็นห่วงเฉยๆ”
“อื้ม...” องค์ชายตัวเล็กพยายามกลั้น “ชาจะบอกพี่ต้นก่อนทุกครั้งนะ แต่ครั้งนี้ชาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ชาดีใจเลยรีบออกไปหาพี่เต๋า ไม่ทันได้คิดก่อน ชาขอโทษ”
“เอาเถอะๆ เลิกขอโทษได้แล้ว ไม่เป็นไร” ต้นยิ้มบางๆให้ “เต๋าฟื้นก็ดีแล้ว ไว้ดีขึ้นเมื่อไหร่บอกให้มาพบพี่หน่อยนะ มีเรื่องต้องคุยด้วยเยอะแยะเลย”
“คุย...???” คชาเริ่มกังวลเมื่อนึกถึงเรื่องในอดีตของทหารหนุ่ม “พี่ต้นจะคุยอะไรกับพี่เต๋าอ้ะ?”
“หลายเรื่อง”
“พี่ต้นจะลงโทษพี่เต๋าเหรอ พี่เต๋ายังไม่หายเจ็บเลยนะ”
พอเห็นน้องชายเริ่มงอแง ก็แกล้งตีหน้าขรึมใส่
“เถอะน่า...”
“แต่พี่เต๋าเขาช่วยชาไว้นะพี่ต้น อย่าทำพี่เต๋าเลยนะ”
“งั้นพี่ลงโทษแกแทนนะ”
“ก... ก็ได้”
องค์รัชทายาทนึกขำท่าทางหวั่นๆของน้องชายแต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ เพราะเขาตั้งใจจะสะสางเรื่องคาใจกับอดีตหัวหน้ากองในความปกครองของตนให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ความจริงบางส่วนถูกเปิดเผยจากปากของคนร้ายแล้ว เหลืออีกส่วนเล็กๆอีกเพียงส่วนหนึ่ง เรื่องนี้ก็จะจบ
ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดี เรื่องของสองคนนี้ก็คงไม่มีอะไรน่ากังวลอีก
เต๋าเสี่ยงชีวิตเพื่อคชามากขนาดนั้น ไม่มีทางคิดร้ายกับคชาแน่ๆ
ส่วนคชาก็แสดงออกชัดเจนว่ารู้สึกยังไงกับเต๋าตั้งแต่วันที่กลับเข้าวังมา
ขอพี่คุยเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนนะคชา
อีกไม่นานพี่ก็จะปล่อยให้แกสองคนรักกันแล้วล่ะ :)
...
...
...
ช่วงบ่าย หลังจากออกไปช่วยราชการองค์รัชทายาทตามคำสั่งพระบิดา องค์ชายคชาก็รีบไปเยี่ยมคนเจ็บ ในใจยังรู้สึกกังวลกับสิ่งที่พี่ชายของตนต้องการพูดคุยกับเต๋า แต่พยายามทำตัวสดใสเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องกังวลตามไปด้วย
ยังเขินเรื่องเมื่อคืนอยู่ แถมเครียดเรื่องที่พี่ต้นจะพูดอีก
ถามมาทั้งวัน พี่ต้นก็ไม่บอกอะไรสักคำ เอาแต่สนใจงาน
ไม่รู้จะบอกพี่เต๋ายังไง ไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนดี แต่ก็อยากมาเยี่ยมอ้ะ
ก็อยากให้พี่เต๋าหายเร็วๆนี่นา > <
“พี่เต๋า ชาเอาผลไม้มาฝากด้วยล่ะ” พูดพลางยื่นจานใบใหญ่อวดคนที่นั่งเอนตัวอยู่บนเตียง “น่าทานมั้ย”
“อื้ม ขอบคุณมากนะ” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง “คชาทำเองเหรอ?”
“ให้คนครัวช่วยเตรียม ชาทำไม่เป็น แค่จัดใส่จานเฉยๆ” องค์ชายหัวเราะเขินๆ “แต่ว่าชาตั้งใจให้พี่เต๋านะ”
“ไปนั่งทานด้วยกันมั้ยล่ะ”
“อื้อ...”
ร่างสูงค่อยๆลุกขึ้นไปนั่งที่โต๊ะอาหาร โดยมีองค์ชายตัวเล็กเข้าไปช่วยประคองเดินช้าๆเพราะกลัวว่าจะล้ม ทั้งๆที่เดินเองได้ แต่เต๋าก็มีความสุขที่มีอีกคนมาใส่ใจแบบนี้ จึงยอมก้าวตามการนำของคชาแต่โดยดี
ร่างบางลากเก้าอี้อีกตัวมาติดพี่ชายก่อนจะนั่งลง หยิบลูกแพร์ชิ้นหนึ่งขึ้นมาป้อนอย่างเอาอกเอาใจ
“งั้นพี่ป้อนคชาบ้าง เอานี่ละกันนะ”
มือขาวหยิบองุ่นผลหนึ่งมาป้อนบ้าง ริมฝีปากชมพูเรื่อเปิดรับผลไม้นั้นอย่างขัดเขิน พอปลายนิ้วแกร่งสัมผัสถูกกลีบปากนุ่มด้วยความบังเอิญ ก็ถึงกับก้มหน้างุดเพราะความอาย
พอเห็นท่าทางน่ารักแบบนั้นคนตัวโตกว่าก็อดเขินตามไม่ได้ รู้สึกว่าหลังจากเปิดเผยความในใจ ความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไปนิดหน่อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดี
“ถ้าเจ็บแล้วมีคนดูแลแบบนี้ ก็คุ้มเหมือนกันนะ” เสียงทุ้มหยอก
“ไม่เห็นจะดีเลย” องค์ชายขมวดคิ้ว “พี่เต๋าอย่าเจ็บอีกนะ ชากลัวพี่เต๋าเป็นอะไรไป”
ชายหนุ่มกุมมือปลอบ “ไม่เป็นอะไรแล้วน่า อย่าคิดมาก แผลแค่นี้เดี๋ยวก็หาย”
จริงสิ... ถ้าพี่เต๋าหายดี...
พี่ต้น...
“ถ้าหายดีแล้ว พี่ต้นบอกให้พี่เต๋าไปพบด้วยล่ะ” เมื่อพูดเรื่องนี้ เสียงหวานก็เบาลงเพราะความกังวล
“องค์รัชทายาท...” เต๋าเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วฝืนพูดพร้อมรอยยิ้ม “อ๋อ... ได้สิ”
“พี่เต๋าอยากไปวันไหนก็บอกชานะ ชาอยากไปเป็นเพื่อน” ซ่อนความเป็นห่วงไว้ไม่มิด “แต่ต้องพักผ่อนให้หายดีก่อนนะ พักนานๆเลยก็ได้”
คชาคงกลัวว่าเราจะถูกลงโทษสินะ
แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด พร้อมจะรับผิดชอบแล้วล่ะ
“อย่าคิดมากเลยนะ ไม่มีอะไรหรอก” มือขาวลูบผมนุ่ม หวังจะให้สบายใจขึ้น “ชาช่วยป้อนผลไม้พี่ต่อหน่อยสิ กำลังอร่อยเลย”
“อื้อ...” องค์ชายตัวเล็กฝืนยิ้มหวาน ขยับเข้าไปใกล้กว่าเดิม แล้วป้อนต่อตามคำขอ ไม่นานนัก บรรยากาศก็ค่อยๆผ่อนคลายลงเหมือนเดิม
ไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น จะไม่มีวันลืมช่วงเวลาดีๆแบบนี้เลย
...
...
...
เวลาผ่านไปราวหนึ่งสัปดาห์ เต๋าพาร่างกายที่ฟื้นตัวมากแล้วมาพบองค์รัชทายาทตามคำสั่ง นั่งรออยู่ด้านนอกสักพักองค์ชายต้นก็ส่งคนมาตามให้เข้าไปในห้องทำงาน องค์ชายคชาเดินตามเข้าไปด้วย แต่กลับถูกพี่ชายกันท่าไว้
“ขอชาเข้าไปด้วยไม่ได้เหรอพี่ต้น” เสียงหวานอ้อน
“ไม่ได้ ต้องคุยธุระกัน” คนพี่อธิบาย “แกรออยู่ข้างนอกเถอะ ไปหาอะไรทำก่อนก็ได้”
“ชาเข้าไปฟังเฉยๆก็ได้ ไม่รบกวนหรอก นะพี่ต้นนะ”
“คชา...”
“เชื่อองค์รัชทายาทเถอะนะองค์ชาย” เต๋าก็ช่วยห้าม
ใบหน้าน่ารักแสดงความผิดหวัง แต่ก็ต้องยอมรับ เดินกลับไปนั่งรอที่โถงด้วยความกระวนกระวายใจ
อีกด้านหนึ่ง องค์รัชทายาทสั่งให้เต๋านั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม คนมีความผิดติดตัวสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เพื่อเรียกกำลังใจตัวเอง
แม้องค์ชายต้นจะไม่ใช่ผู้ปกครองของคชาโดยตรง แต่ก็เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในกองทัพ เขาในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาย่อมต้องจงรักภักดีและเชื่อฟังคำสั่ง ถึงจะเตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่พอคิดว่าคนทำผิดอย่างตนไม่สมควรได้รับโอกาสให้ใกล้ชิดกับองค์ชายอีกก็อดใจหายไม่ได้
“เป็นไงบ้าง?” ต้นเริ่มถาม
“ก็ดีขึ้นมากแล้วขอรับ”
“ดี... ที่เราเรียกนายเข้ามาวันนี้ เพราะอยากจะถามอะไรนิดหน่อย”
“ขอรับ” ร่างสูงนั่งเกร็งด้วยความกังวล
“รู้จักกับบารอนโซฮานใช่มั้ย?”
“ขอรับ”
“เคยร่วมงานกับเขารึเปล่า?”
“ไม่บ่อยนัก กระหม่อมมีโอกาสช่วยท่านบารอนดูแลการรบบ้าง ตามโอกาสที่ได้รับคำสั่ง”
“อย่างงั้นเหรอ?” รัชทายาทนิ่งไปพักหนึ่ง “เคยมีเรื่องบาดหมางกันบ้างมั้ย?”
“อันที่จริง...” เต๋าพยายามครุ่นคิด “ไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน เว้นแต่ช่วงแรกๆที่กระหม่อมเข้าไปช่วยงานท่านบารอน คงโกรธจัดที่กระหม่อมคัดค้านแผนงานที่ท่านเสนอต่อที่ประชุม หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดคุยกันโดยตรงอีก กระหม่อมก็ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายลงมาเท่านั้น”
ว่าแล้วเชียว...
มิน่าล่ะ คนอัตตาสูงอย่างบารอนโซฮานถึงเลือกนายเป็นแพะรับบาป
“เขาให้ช่วยงานอะไรบ้างล่ะ?” ยังถามต่อเพื่อไม่ให้รู้สึกถึงความผิดปกติ
“ช่วงหลังก็แค่งานทั่วๆไป ประเภทจัดเตรียมกำลังพลให้ หรือไม่ก็ร่วมคัดเลือกทหารใหม่ แค่นั้นขอรับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะ”
ต้นแกล้งจิบน้ำด้วยท่าทางผ่อนคลาย อีกฝ่ายยังมองตามอย่างไม่วางใจนัก
“สงสัยอะไร ช่วยแบ่งเบาภาระบารอนโซฮานก็ดีแล้ว เรื่องเก่าๆก็อย่าไปถือสากันเลย เรียกมาคุยแค่นี้แหละ นายคงไม่รู้ว่าเขาจะเกษียณปลายเดือนนี้แล้ว เห็นว่าพวกทหารไม่ชอบหน้ากันเยอะ แต่ยังไงเขาก็เป็นคนสำคัญของกองทัพเรา มีคนบอกว่านายเคยทะเลาะกับเขาหนักเลยนี่ จะไปแล้วก็ไม่อยากให้มีเรื่องติดใจ ถ้าได้เจอก็ขอโทษเขาอีกสักครั้งแล้วกัน”
เรียกมาถามแค่นี้เหรอ???
นึกว่า...
“หมดธุระแล้วหรือขอรับ?”
“อืม ไปรักษาตัวให้หายก่อนไป”
“แล้วเรื่องความผิดของกระหม่อม...”
“เอาไว้คุยทีหลังก็ได้ เจ็บหนักไม่ใช่เหรอ เราไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นสักหน่อย ยังไงนายก็ช่วยชีวิตน้องเราไว้นี่” ยิ้มเพื่อให้ทำนอนใจ “เอ้อ ว่าแต่นายพอจะรู้บ้างมั้ยว่าตอนนั้นบารอนโซฮานเก็บข้อมูลแผนรบลับกับทะเบียนอาวุธของกองทัพไว้ที่ไหน เราอยากเอาข้อมูลมาศึกษาหน่อย ช่วงนี้เจ้าตัวไม่อยู่ ถามใครก็ไม่มีใครรู้ นายเคยช่วยงานเขานี่ จำได้บ้างมั้ย?”
“เอ่อ... กระหม่อมไม่เคยเห็นนะ เท่าที่เคยรู้จัก บารอนโซฮานไม่ค่อยให้ใครยุ่งเกี่ยวกับเอกสารของท่านเท่าไหร่ พระองค์รอถามจากเจ้าตัวจะดีกว่า”
“ไม่รู้เรื่องจริงๆเหรอ?”
“ขอรับ”
“เฮ้อ น่าเสียดาย” รัชทายาทแกล้งถอนหายใจ “แต่ก็ดี ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยก็แสดงว่านายไม่ได้เกี่ยวข้องกับการก่อกบฏจริงๆ”
“อะไรนะขอรับ?”
“นายโชคร้ายมากที่โดนใส่ความเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ เป็นจังหวะที่นายหายไปจากกองทัพพอดี เลยโดนโยนบาปให้ จริงๆแล้วเรื่องนี้หาคนผิดได้แล้วนะ บารอนโซฮานนั่นแหละ เป็นต้นเหตุทั้งสงครามหัวเมืองและสงครามที่ผ่านมาเลย แย่หน่อยที่ครั้งนี้กบฏแพ้ ถูกพวกนั้นซัดทอดจนเขายอมจำนนสารภาพทุกอย่าง ตอนนี้ก็ถูกสั่งประหารไปแล้ว เราแค่หลอกถามเพื่อยืนยันเท่านั้น ขอโทษด้วยที่เคยเข้าใจผิด” องค์ชายต้นชี้แจง “แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าทำไมตอนนั้นนายถึงหนีออกไปจากกองทัพ?”
“คือ... อันที่จริง...” เต๋าทำใจอยู่พักหนึ่ง “ถ้าองค์รัชทายาทจำได้ ตอนนั้นกระหม่อมได้รับมอบหมายให้ร่วมอารักขาพระอนุชาในวันที่ข้าศึกบุกเข้ามาในวัง...”
“อืม... แล้วยังไงต่อ?”
“แต่พระอนุชาก็ยังถูกลอบทำร้ายด้วยธนู ขณะที่กระหม่อมจะเข้าไปช่วยพระอนุชาที่บาดเจ็บสาหัส ก็หันไปเห็นน้องชายของกระหม่อมที่เป็นพลทหารถูกดาบฟันจนล้มลงเหมือนกัน สุดท้ายแล้วทั้งสองคนที่ควรปกป้องก็ตายไปต่อหน้าต่อตา แบบนี้กระหม่อมยังมีเกียรติพอจะเป็นทหารได้อีกเหรอ?”
ทั้งองค์รัชทายาทและอดีตหัวหน้ากองต่างก็เงียบไปพักใหญ่
“เราเข้าใจความรู้สึกของนาย แต่การที่หายไปจากกองทัพโดยพลการ ยังไงก็มีความผิด”
“เรื่องนั้นกระหม่อมรู้ดี และพร้อมจะรับโทษทุกอย่าง”
“โทษน่ะมันมีอยู่ แต่ที่เราสั่งให้ไปประจำอยู่ในตำแหน่งต่ำสุดอย่างตอนนี้ก็เหมือนลงโทษนายอยู่ไม่ใช่หรือไง แล้วความชอบที่นายทำเอาไว้มันช่วยหักล้างความผิดไปได้หมดแล้ว ทั้งช่วยชีวิตคชา ทั้งยิงปืนมาโดนคนที่จะทำร้ายเรา ถึงจะบังเอิญก็เถอะ เอาเป็นว่าเราจะเว้นโทษที่หนีออกจากกองทัพให้ก็แล้วกัน นายไม่มีความผิดติดตัวแล้ว”
จริงเหรอ???
เต๋ายังคงนิ่งอึ้งกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น จนองค์ชายต้นต้องเดินมาตบบ่า
“หลังจากนี้ก็แล้วแต่ว่านายจะเอายังไงต่อไป จะกลับบ้านหรือจะอยู่ทำงานที่นี่ก็ได้ ตามสบาย เราไม่ขัดข้องอยู่แล้ว”
“เอ่อ... ขอรับ...”
“ท่าทางจะงงจริงๆนะเนี่ย แต่ได้ยินไม่ผิดหรอก ตัดสินใจเอาเองแล้วกัน” รัชทายาทหัวเราะ “เอ้อ แล้วก็อยากจะคุยเรื่องคชาด้วยสักหน่อยได้มั้ย?”
“เอ่อ...ได้ขอรับ...” พอเป็นเรื่องนี้ก็รู้สึกไม่อยากคุยขึ้นมา เพราะกลัวว่าจะถูกสั่งห้ามไม่ให้พบกันอีก
“คชาน่ะยังเด็ก ใครทำดีด้วยหน่อยก็ดีใจ ทุ่มให้เขาหมด แยกแยะไม่ค่อยได้หรอกว่าใครจริงใจไม่จริงใจ เราก็ไม่อยากห้ามหรอกนะ แต่ถ้าคิดจะคบหากันจริงๆ เราก็ไม่อยากให้น้องเราต้องเสียใจทีหลัง” ต้นกลับมาจริงจังอีกครั้ง “รักคชาจริงๆใช่มั้ย?”
เต๋าพยักหน้ารับ รอฟังประโยคถัดไปอย่างตั้งใจ
“ขอโทษที่ก้าวก่าย เราไม่มีสิทธิ์จะห้ามหรอกนะ แต่เห็นว่าน้องเราให้ความสำคัญกับนายขนาดนั้น ถ้าไม่รักก็รีบบอกตอนนี้ อย่าให้ถลำลึก มันจะเจ็บนาน เราสงสารน้อง”
“กระหม่อมรักองค์ชายคชาจริงๆ ไม่เคยคิดล้อเล่นกับความรู้สึกขององค์ชายสักนิด" ชายหนุ่มยืนยันหนักแน่น
เมื่อได้ยินคำพูดที่น่าพอใจ รัชทายาทก็มีท่าทีผ่อนคลายลง
“ดี” พูดด้วยรอยยิ้มเล็กๆ “แต่ถ้าทำให้คชาเสียใจเมื่อไหร่... นายตายแน่...”
ชายหนุ่มเริ่มยิ้มออก เมื่อรู้สึกได้ถึงความเป็นมิตร
“งั้นก็ไม่ตายหรอกขอรับ”
“จะตายก็เพราะพูดประโยคเมื่อกี้นี่แหละ” ต้นหัวเราะ “อยู่กับคชาแล้วนายดูอ่อนโยนลงมากเหมือนเป็นคนละคนกับที่เคยรู้จัก ส่วนคชาก็ติดนายแจ พอบอกว่าจะเรียกนายมาคุยก็กลัวนายจะถูกลงโทษ ปกป้องใหญ่เลย ถามจริงๆเถอะ ความสัมพันธ์ไปถึงขั้นไหนแล้ว ทำไมมันดูลึกซึ้งจัง”
ถ้าตอบไปจะโดนอะไรมั้ยเนี่ย...
พ้นโทษทางทหารมาได้ ถ้ามาถูกประหารเพราะเรื่องถึงเนื้อถึงตัวองค์ชายก็ตลกไปนะ
“ก็... แค่กอดกัน แล้วก็... เอ่อ... มีจูบบ้างนิดหน่อย”
“อ้าว ทำไมแค่นั้นล่ะ คชาไม่น่ารักเหรอ?”
“น่ารักขอรับ น่ารักจนไม่กล้าล่วงเกินมากกว่านั้น” พูดไปก็เริ่มเขิน “แล้วก็เป็นคนที่จิตใจดี บางทีก็ชอบทำอะไรตลกๆ ตอนนั้นมีลูกเป็ดมานอนเจ็บอยู่หน้าบ้านยังขอเก็บมาเลี้ยงเลย ดูแลดีเหมือนเป็นแม่เป็ดซะเอง”
“คชาก็เป็นแบบนี้แหละ ตอนเด็กๆเคยขอเอาหมาป่วยมาเลี้ยงในวัง พอมันตายก็ร้องไห้ใหญ่เลย เรานี่ก็ทำอะไรไม่ถูก สงสารทั้งน้องทั้งหมา แล้วยังมีตอนที่คชาเรียนดนตรีครั้งแรก ตอนนั้นนะ.............................”
...
...
...
ทั้งสองคนคุยกันอย่างถูกคอจนเวลาล่วงเลยไปพักใหญ่จึงออกมาจากห้อง องค์ชายคชาที่นั่งรออยู่นานเห็น จึงรีบเข้าไปหาอย่างร้อนใจ
“พี่ต้น พี่เต๋า คุยกันว่ายังไงบ้างเหรอ?”
ท่าทางตื่นเต้นขององค์ชายตัวเล็กทำเอาพี่ชายทั้งสองคนเกือบหลุดขำ แต่องค์รัชทายาทก็ยังอยากหยอก
ก็น้องมันน่ารักน่าแกล้งนี่หว่า
“ประหารชีวิต”
ได้ยินอย่างนั้น คชาก็หน้าถอดสี
“ไม่เอานะพี่ต้น” เสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้
“เฮ้ย พี่ล้อเล่น” รู้สึกตัวว่าเล่นแรงไปจึงรีบดึงตัวมาปลอบ “ไม่ประหารหรอก เขาเป็นคนรักของแกนี่ ใช่มั้ย?”
“ อื้ม...”
เดี๋ยวสิ พี่ต้นบอกว่าพี่เต๋าเป็นคนรักเหรอ???
> <”
“ทำไมถามแค่นี้ต้องทำหน้าแดงด้วยล่ะคชา เขินเหรอ?” คนพี่ยังไม่เลิกแหย่ เต๋าก็แอบยิ้มตามไปด้วย
“ยังไม่แดงซะหน่อย” เสียงใสรีบเปลี่ยนเรื่อง “สรุปว่าพี่ต้นคุยอะไรกับพี่เต๋าอ้ะ?”
“ไม่รู้ จำไม่ได้ ไปถามคนรักของแกเอาเองแล้วกัน” พูดจบก็เดินกลับเข้าไปทันที ปล่อยให้น้องยืนเขินจนทำอะไรไม่ถูกอยู่อย่างนั้น จนอีกคนต้องเข้าไปเรียกสติ
“คชา...” จับข้อมือเล็กอย่างทะนุถนอม “อยากรู้เรื่องก็มานั่งคุยกันมา”
“อื้ม...”
ร่างสูงนำคนรักหมาดๆออกไปนั่งด้านบนเก้าอี้ยาวนอกอาคาร องค์ชายยังก้มหน้าหลบอย่างอายๆ
“คชา...”
เสียงทุ้มทักขึ้นอีกครั้งแต่คนตัวเล็กก็ยังไม่พูดอะไร จึงถือโอกาสเข้าไปหอมแก้มเบาๆ แล้วกระซิบถาม ทำเอาพวงแก้มแดงระเรื่อนั่นร้อนผ่าวจนเจ้าตัวจะละลาย
“เขินเหรอ?”
แกล้งกันแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่ชาจะรู้เรื่องเล่า!!!!
>//////////////////////////<
**************************************************************
อัพครบ 100% แล้วค่ะ แหะๆๆๆ
ดีใจนะที่ยังมีคนอ่านอยู่ ขอบคุณทุกคนนะคะ เขินจัง
แต่เขินน้อยกว่าองค์ชายชาชานิดนึง ><"
ความคิดเห็น