ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Silver Swords [TaoKacha]

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9

    • อัปเดตล่าสุด 31 ม.ค. 55


     

                เมื่อกลับถึงบ้าน เต๋าทรุดตัวลงนั่งกับพื้นราวกับคนหมดแรง เนื่องจากระหว่างขี่ม้ากลับบ้าน มีแต่เรื่องราวขององค์ชายตัวเล็กวนเวียนอยู่ในหัว สัมผัสจากริมฝีปากนุ่มๆก็ยังติดอยู่ที่แก้ม

     

                แย่ไปกว่านั้น เหมือนทุกๆมุมในบ้านจะมีภาพของคชาในอิริยาบถต่างๆซ้อนขึ้นมา ไม่ว่าจะสลัดอย่างไร ภาพเหล่านั้นก็ไม่หายไปจากใจเสียที

     

              เราทำเรื่องที่ถูกต้องแล้ว... แต่ทำไมรู้สึกปวดใจแบบนี้นะ...

     

                เขาล้มตัวลงนอนกับพื้นเย็นๆ หลับตาแน่น หวังจะลบความทรงจำทุกอย่างทิ้ง แต่ก็ไม่มีประโยชน์

     

                องค์ชายคชายังอยู่ในใจของเขา แต่ไม่ได้อยู่ข้างกายเขาอีกต่อไป

     

     

                ...

     

     

                ...

     

     

                ...

     

     

     

    ที่ห้องอาหารภายในพระราชวัง ราชวงศ์ทั้งสี่แห่งอาณาจักรเนอร์วานากำลังรับประทานมื้อเย็นร่วมกัน ในจานของคชาเต็มไปด้วยอาหารที่ครอบครัวตักให้

     

    “ทานเยอะๆนะลูก ของโปรดลูกทั้งนั้น” องค์ราชินีส่งไก่อบนุ่มๆให้องค์ชายอีกชิ้น

     

    “ขอบคุณฮะท่านแม่” คนตัวเล็กยิ้มหวานให้แม่ ก่อนจะจิ้มชิ้นเนื้อนั้นเข้าปากอย่างจะเอาใจ

     

    “เอ้านี่ กินไปอีกเยอะๆเลยคชา จะเอาอะไรอีกมั้ย เดี๋ยวพี่ตักให้” องค์ชายต้นก็ห่วงน้องไม่แพ้กัน

     

    “ขอบคุณฮะพี่ต้น แต่พี่ต้นทานบ้างเถอะ ในจานชาเยอะจนจะทานไม่หมดแล้ว” >_____<

     

    “ก็เห็นไปลำบากอยู่ตั้งเกือบครึ่งเดือน พี่ก็อยากให้แกทานอะไรอร่อยๆเยอะๆไง รู้ตัวบ้างมั้ยว่าโทรมลงตั้งเยอะ แล้วนี่นอนไม่หลับใช่มั้ย ดูสิ ตาบวมหมดแล้ว เจ้าคนนั้นน่ะ...ชื่ออะไรนะ...เต๋าใช่มั้ย?”

     

    “อื้ม... พี่เต๋า...” แค่ได้เรียกชื่อ น้ำตาที่แห้งไปพักใหญ่ก็ทำท่าจะกลับมาอีกรอบ

     

    “เอ้อ เจ้าคนชื่อเต๋านั่นก็น่าจะดูแลแกให้มันดีๆหน่อย แย่จริง” องค์รัชทายาทบ่น

     

    “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกพี่ต้น พี่เต๋าดูแลชาดีมากแล้วนะ ทำอะไรให้ชาตั้งหลายอย่าง” คชารีบแก้ต่างให้

     

    “เอาเถอะๆ ดีก็ดี ทานเยอะๆแล้วกัน แล้วคืนนี้ก็รีบเข้านอนซะ จะได้สดชื่นขึ้น”

     

    องค์ชายตัวน้อยยิ้มบางๆให้กับความหวังดีของผู้เป็นพี่ แล้วทานอาหารในจานต่ออย่างซึมๆ

     

    ทำไมพี่ต้นต้องพูดถึงพี่เต๋าด้วยนะ... แค่นี้ชาก็คิดถึงจนจะร้องไห้อยู่แล้ว...

     

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

     

    ดึกแล้ว ในห้องส่วนตัวที่มีเตียงนุ่มๆและผ้าห่มอุ่นๆ ร่างบางยังคงพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็อดนึกถึงช่างหนุ่มไม่ได้

     

    ป่านนี้พี่เต๋าจะนอนหรือยังนะ...

    พี่เต๋าจะคิดถึงชาบ้างไหม...

     

    องค์ชายเริ่มกอดและซบหน้าลงกับหมอนข้าง

     

    ถ้าพี่เต๋าอยู่... ชาก็จะได้ทำแบบนี้...

     

    “พี่เต๋า...” เรียกด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

     

    น้ำใสๆคลอปริ่มดวงตากลม ก่อนจะค่อยๆหยดลงบนหมอนจนเปียกซึมเป็นวง

     

    “รู้สึกเจ็บๆยังไงไม่รู้... ถ้าพี่เต๋าอยู่ พี่เต๋าจะยังกอดชาเอาไว้จนหายใช่ไหม...”

     

    คนตัวเล็กเริ่มสะอื้นนิดๆ

     

    “ชาขอโทษ... พี่เต๋าอุตส่าห์บอกให้ชาเข้มแข็งแท้ๆ... ชาทำไม่ได้... ชาหยุดร้องไห้ไม่ไหวจริงๆ”

     

    คชาร้องไห้เบาๆอยู่พักหนึ่ง จึงตัดสินใจออกไปหาท่านแม่ เผื่อจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    องค์ราชินีลุกมาเปิดประตูห้องบรรทม โอบไหล่องค์ชายพาไปนั่งคุยที่เก้าอี้มุมห้อง เนื่องจากกลัวว่าพระราชาจะตื่นถ้าได้ยินเสียงดัง เพราะท่านไม่ได้นอนหลับสนิทแบบนี้มานานแล้ว

     

    “ท่านแม่... ชานอนไม่หลับ...”

     

    “เป็นอะไรไปจ๊ะ ไม่คุ้นที่เหรอลูก”

     

    “ไม่รู้... มันไม่เหมือนเดิม... ชา...” เสียงเริ่มเศร้าลง

     

    “เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ... เล่าให้แม่ฟังได้มั้ย...” พูดจบก็โอบกอดลูกชายหลวมๆ แสดงความเป็นห่วง

     

    “กลับมาครั้งนี้... เตียงนอนชามันไม่อุ่นเหมือนเดิม... ชาไม่อยากนอนคนเดียวอีกแล้ว...”

     

    “ชายังกลัวอยู่เหรอลูก... ไม่เป็นไรนะ... ลูกปลอดภัยแล้วนะ...”

     

    “มันไม่ใช่แบบนั้น... คือ... ชา... พี่เต๋า...”

     

    “เต๋า...หมายถึงคนที่ช่วยชาเอาไว้เหรอ... ทำไมล่ะลูก?”

     

    “ก็... พอไม่มีพี่เต๋า ชาก็รู้สึกแย่ไปหมด ชาไม่รู้ว่าชาเป็นอะไร พี่เต๋าบอกให้เข้มแข็งแต่ชาก็ทำไม่ได้... ชา... ชาคิดถึงพี่เต๋า...” เสียงหวานระบายความรู้สึก น้ำตาเริ่มคลอเอ่อ

     

    “เขาดีกับชามากเหรอลูก?”

     

    “อื้ม... พี่เต๋าใจดี อ่อนโยนกับชามากๆ รู้สึกดีจนชาไม่อยากให้พี่เต๋าจากไปไหน แต่ตอนนี้พี่เต๋ากลับไปแล้ว... ไม่มีพี่เต๋ามานอนกอดชาแล้ว...” แขนบางโอบกอดผู้เป็นแม่แน่น ปล่อยให้น้ำตาอุ่นๆหยดลงมา “ขอชานอนกับท่านแม่ได้มั้ย... คืนนี้ชาไม่อยากอยู่คนเดียวเลย... ชาเป็นอะไรก็ไม่รู้...”

     

    “ได้สิจ๊ะ”

     

    องค์ราชินียิ้มปลอบพร้อมกับซับน้ำตาให้องค์ชายด้วยความสงสาร ก่อนจะลุกไปสั่งให้นางสนมช่วยจัดเตรียมเครื่องนอนเพิ่มอีกชุด

     

    ถึงลูกจะยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่แม่คิดว่าแม่รู้นะ

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

                เช้าวันรุ่งขึ้น หลังรับประทานอาหารเสร็จ องค์ชายคชาก็เข้าไปอ้อนพี่ชาย ซึ่งปัจจุบันรับหน้าที่ดูแลเรื่องการรบและกำลังทหารหลวงแทนผู้เป็นพ่อ

     

                “พี่ต้น... สอนชาฟันดาบหน่อยได้ไหม...”

     

                “อะไรนะ? คชาจะฟันดาบ???” องค์รัชทายาทประหลาดใจ

     

                “ก็... ก็พี่เต๋าทำดาบประจำตัวให้ชา ชาเลยอยากฝึกใช้ให้เก่งๆ เผื่อจะช่วยพี่ต้นได้บ้างไง”

     

                “แล้วจะไหวเหรอ?”

     

                “ไหวสิ พี่ต้นช่วยสอนชาหน่อยนะ ชาอยากทำได้จริงๆ” คชายืนยัน

     

                “เอางั้นก็ได้ เรียนรู้ไว้แค่ป้องกันตัวละกัน ไปเอาดาบมาสิ เดี๋ยวพี่จะพาไป”

     

                ไม่นานนัก องค์ชายตัวน้อยพร้อมดาบเงินเล่มใหญ่ในมือก็เดินตามพี่ชายออกจากเขตตำหนัก

     

                “วังของเรามีม้าขนาดนี้เชียวเหรอพี่ต้น” เสียงใสถามอย่างตื่นเต้นเมื่อเดินผ่านโรงม้าขนาดใหญ่ ซึ่งภายในมีม้าอยู่หลายร้อยตัว

     

                “ใช่ คชาไม่เคยเข้ามาตรงนี้เลยใช่มั้ย?”

     

                “อื้ม...”

     

                “เดี๋ยวพี่จะพาเราไปเดินดูในเขตทหารนี่ก่อน แล้วค่อยมาเรียนดาบกัน ดีมั้ย?”

     

                “แล้วแต่พี่ต้นเลย” องค์ชายเล็กยิ้มกว้าง

     

                องค์รัชทายาทจึงเริ่มพาน้องชายสำรวจสถานที่ โดยมีทหารจำนวนมากมองตามอย่างสนใจ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าองค์ชายเล็กในระยะใกล้

     

                “ตรงนี้เป็นที่พักของพวกทหาร ท่านพ่อสร้างไว้ห้าสิบโรง โรงหนึ่งก็นอนกันร้อยคนได้”

     

                “โห... คนเยอะจัง... แล้วพี่ต้นต้องดูแลเขาทุกคนเลยเหรอ...”

     

                “เปล่า เราแบ่งทหารเป็นกอง แต่ละกองก็จะมีหัวหน้ากองที่จะรับคำสั่งจากพี่แล้วก็คอยดูแลลูกน้อง อย่างช่วงสงครามแบบนี้ เวลาออกลาดตระเวนหัวหน้าก็จะนำคนของตัวเองไป ถ้ามีอะไรผิดปกติถึงมารายงานพี่ แล้วพี่จะสั่งการต่อ”

     

                “โห... พี่ต้นเก่งจัง” คชาชื่นชม “ชาไม่เคยรู้เรื่องกองทัพมาก่อนเลย น่าสนใจจัง”

               

                “คชาแค่คอยดูแลท่านพ่อท่านแม่ก็ดีอยู่แล้ว ถ้าอยากรู้เรื่องเฉยๆพี่จะสอน แต่ถ้าคิดจะมาช่วยรบเป็นจริงเป็นจังล่ะก็อย่าเลย มันอันตราย พี่ไม่อยากให้แกมาเสี่ยง”

     

                “ทำไมล่ะ” เสียงหวานถามเศร้าๆ

     

                “เถอะน่า” องค์รัชทายาทยิ้มให้น้อง “อย่างน้อยถ้าพี่ต้องตายในสงคราม ท่านพ่อท่านแม่จะได้เหลือลูกชายอีกคนไง ถ้าแกกับพี่เป็นอะไรไปพร้อมๆกัน ท่านพ่อท่านแม่คงใจสลาย”

     

                “อย่าพูดแบบนี้สิพี่ต้น ชากลัวนะ” คชาหน้าเสีย

     

                “ช่างเถอะ พี่ก็พูดไปเรื่อย” ต้นตบบ่าปลอบ “นี่ไง ตรงนี้แหละที่พวกทหารใช้ซ้อมรบ คชาเรียนดาบที่นี่ก็ได้ รอเดี๋ยว พี่จะไปเรียกครูฝึกออกมาให้”

     

                ไม่นานนัก องค์ชายต้นก็กลับมาพร้อมครูทหารวัยกลางคน

     

                “ท่านธาเลส ช่วยสอนน้องเราด้วย ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานเลย”

     

                องค์ชายคชาเดินเข้าไปค้อมหัวแสดงความเคารพผู้เป็นอาจารย์ แล้วหยิบดาบที่เต๋าทำให้ขึ้นมา

     

                “นี่เหรอองค์ชายเล็กแห่งอาณาจักรเนอร์วานา อยู่มาตั้งนานเพิ่งมีโอกาสได้พบ เป็นเกียรติแก่กระหม่อมอย่างยิ่ง” ครูสอนดาบกล่าว “เริ่มจากการจับดาบก่อนก็แล้วกันนะองค์ชาย จับให้มั่นคง แต่ไม่ต้องเกร็ง แล้วลองแกว่งดาบไปมา”

     

                ถึงตัวจะเล็กแต่คชากลับทำตามคำบอกได้อย่างถูกต้องคล่องแคล่ว จนทั้งครูฝึกและพี่ชายประหลาดใจ

     

                “องค์ชายเล็กมีพื้นฐานดี ไม่ทราบว่าเคยฝึกที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?” ธาเลสถาม

     

                “เราเคยเรียนมานิดหน่อยจากคนที่ช่วยชีวิตเราไว้” เสียงใสตอบ

     

                “หมายถึงเจ้าคนชื่อเต๋านั่นน่ะเหรอ?” องค์รัชทายาทขมวดคิ้ว “เจ้านั่นบอกว่าเป็นแค่ช่างทำอาวุธ ทำไมถึงรู้ทักษะการต่อสู้ได้นะ?”

     

                “ชาก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พี่เต๋าดูเก่งและแข็งแรงมาก ถ้าพี่ต้นได้เห็นตอนพี่เต๋าสอนชา พี่ต้นต้องถูกใจแน่ๆ แล้วพี่เต๋าก็คงชื่นชมพี่ต้นอยู่ไม่น้อย ชาจำได้ พี่เต๋าเคยพูดว่าพี่ต้นฝีมือดีด้วยล่ะ” เมื่อได้เอ่ยถึงพี่ชายคนพิเศษก็เผลอยิ้มออกมา

     

                “อย่างนั้นเหรอ...” ต้นยิ่งสงสัยหนัก “คชาฝึกไปก่อนนะ พี่จะไปคุยธุระสักหน่อย เดี๋ยวมา”

     

                หลังจากองค์ชายตัวน้อยพยักหน้า ผู้เป็นพี่ก็ปลีกตัวออกไป

     

              เจ้าคนชื่อเต๋านี่ดูน่าสงสัยจริงๆ

              ทำไมถึงสนิทสนมกับคชา? ทำไมถึงรู้วิชาการต่อสู้?

    แล้วที่สำคัญคือ... เราเคยพบเจ้านั่นมาก่อนใช่ไหม??

    จะเป็นอันตรายหรือเปล่า???

               

                รัชทายาทตรงเข้าไปยังที่ทำการงานปกครองส่วนกลาง ก่อนจะออกคำสั่ง

     

                “หาประวัติคนให้เราที ชื่อเต๋า อ้างว่าเป็นช่างทำอาวุธ เป็นคนพาองค์ชายคชากลับมาส่งเมื่อวานนี้ ค้นทะเบียนราษฎร์ ดูที่อยู่ปัจจุบัน แล้วก็สืบเรื่องในอดีตของเขามารายงานเราอย่างละเอียดด้วย” 




    ********************************




    สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน

    ก่อนอื่นต้องขอโทษที่หายไปนานโดยไม่บอกกล่าวนะคะ

    พอดีว่าเจอมรสุมนิดหน่อย มันเพิ่งจะคลี่คลายแหละ

    ขออนุญาตไม่เล่ารายละเอียดน้า แต่ช่วงนั้นเขียนอะไรไม่ออกจริงๆ


    เอาเป็นว่าขอโทษอีกครั้งนะคะ  =/l\=


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×