NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HONGZAN "หงส์ซาน" (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #7 : หงส์ซาน #6 ฟื้นตัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20.92K
      301
      1 ก.ย. 60

    Hongzan : หงส์ซาน 

    ตอนที่ 6 ฟื้นตัว

    ...

    ...

    ...

    สามวันผ่านไปไวเหมือนนาฬิกาตาย น่าเบื่อมากกก กับการนั่งๆ นอนๆ โดยทำอะไรไม่ได้แบบนี้ ผมได้รับการยกเว้นไม่ต้องไปเตรียมน้ำล้างหน้าให้ป๊ากับม้ามันตามประเพณี แต่ผมว่าไปเตรียมน้ำล้างหน้าน่าจะดีกว่าต้องมานอนเป็นลิงป่วยอยู่แบบนี้นะ


    พี่หมอกันต์ก็ดีแสนดี อยู่โยงเฝ้าตลอด ไม่รู้ว่าแกเป็นหมอที่ขยันหรือขี้เกียจที่สุดในโลกกันแน่


    “ฮ่าๆๆ โง่บรม”


    ผมกลอกตาขึ้นฟ้า มองคนที่นั่งอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นแล้วหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ยังเก้าอี้ในสวน หลังจากมานี่ได้สามวัน (ไม่นับวันแต่ง) นี่เป็นวันแรกที่ผมได้ก้าวออกจากห้อง ย้ายก้นเจ็บๆ จากเตียงมานั่งแหมะอยู่ในสวนริมบ่อ มีปลาคาร์ปฝูงใหญ่เป็นเพื่อน เพราะพี่หมอแกอ่านการ์ตูนเพลินไปแล้ว 


    เป็นหมอภาษาอะไร ชอบอ่านการ์ตูน ผมว่าคนตระกูลหยางต้องคิดให้ดีกว่านี้นะเนี่ย ที่ยอมให้พี่หมอมาเป็นหมอประจำตระกูล รักษาผิดขึ้นมาทำไง 


    ผมเลิกสนใจพี่หมอหันกลับมาสนใจปลาคาร์ปตรงหน้าต่อ บ้านไอ้(ผัว)ซังกะบ๊วยมันใหญ่กว่าบ้านผมประมาณเท่าหนึ่ง แต่อยู่กันแค่ในหมู่พี่น้องมันเท่านั้น พื้นที่ของแต่ละครอบครัวค่อนข้างกว้างขวาง ได้ทั้งความเป็นส่วนตัวและส่วนรวม ผมให้อาหารจนปลาคาร์ปอิ่ม ทิ้งอาหารผมให้ลอยตุ๊บป่อง 


    ผมมองไปทางซันไรส์ รายนั้นกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่เหมือนกัน แต่เป็นหนังสือวิชาการนะ ผมมองไปทางพี่หมออีกที 


    ผมว่าสองคนนี้น่าจะสลับหนังสือกันอ่านนะ = =; 


    ซันไรส์ไม่ได้อยู่เพื่อเป็นบอดี้การ์ดผมหรอกครับ แต่อยู่เพื่อควบคุมไม่ให้ผมหนีมากกว่า ซึ่งถ้าซันไรส์เผลอ ผมจะหนีจริงๆ


    “พี่หมอ” 

    ผมเรียกคนที่กำลังนั่งอ่านการ์ตูนอยู่                       


    “ฮ่าๆ ไอ้บ้าเอ๊ย ทำไมแกโง่งี้วะ”


    “เอ่อ พี่หมอครับ” 

    ผมเรียกอีกรอบ


    “ฮ่าๆ หะ น้องหงส์เรียกพี่หมอเหรอครับ”


    ผมคันปากยิบๆ


    “ไม่ต้องเรียกผมน้องหงส์ก็ได้ เรียกหงส์เฉยๆ ก็พอ”


    พี่หมอโบกมือไหวๆ


    “เรียกแบบนี้แหละ พี่หมอชอบ มีอะไร”


    ผมขยับ แต่พี่หมอรีบดีดตัวเข้ามาหาก่อน


    “ผมเดินได้แล้ว ให้ผมไปหาก็ได้”


    “ไม่เป็นไร พี่หมอเป็นหมอใจดี”

    เอ่อ มีใครเขาชมตัวเองกันบ้างวะ = =;


    “คือพี่หมอช่วยอะไรผมอย่างได้ไหม”


    “ยกเว้นให้พาหนีออกจากบ้าน พี่หมอช่วยได้ทุกเรื่อง”


    ผมอ้าปากค้าง มองอีกคนตาโต พี่หมอหัวเราะ บุ้ยปากไปยังคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ เพิ่งสังเกตเห็นว่าหนังสือที่ซันไรส์อ่านเป็นหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์


    “ถ้ามีหมอนั่นคุม ต่อให้หายตัวได้ก็ถูกจับกลับมาอยู่ดี พี่ว่าน้องหงส์อย่าคิดหนีดีกว่า อยู่กับไป่หลงไปนั่นแหละดีแล้ว สบายออก งานก็ไม่ต้องทำ เงินก็มีให้ใช้ พี่หมอยังต้องทำงานเลย”


    ผมหน้าบูด


    “ถ้าพี่หมอมาใช้ชีวิตโดยไม่ได้ทำงาน พี่หมอจะไม่พูดแบบนี้เลย ผมอยากทำงาน อยากทำหน้าที่ลูกผู้ชาย อยากให้อาป๊าอาม้าภูมิใจ ในฐานะลูกชาย ไม่ใช่….” 

    ผมเม้มปากแน่น รู้สึกขอบตาร้อนผ่าว ผมหันหน้าหนี พี่หมอลูบหัวผมเบาๆ


    “ในโลกนี้ไม่มีใครได้ทุกสิ่งที่ต้องการหรอกนะ แต่ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่มีก็พอ ไม่ว่าน้องหงส์จะอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร น้องหงส์ก็ทำให้ป๊าม้าดีใจไม่ใช่เหรอ”


    ผมปิดปากเงียบ


    ผมรู้ แต่ผมจะดีใจมากถ้าได้ทำหน้าที่การงานแบบลูกผู้ชาย ไม่ใช่ดีใจบนศักดิ์ศรีอันล่มสลายของตัวเองแบบนี้


    “อยากทำงานจริงๆ เหรอ” 

    พี่หมอก้มถาม มือยังไม่ละไปจากหัวผม ผมมองตาวาว พี่หมอยิ้มกว้าง


    “ดูแลไป่หลงก็เป็นงานอย่างหนึ่งนะ”


    ผมถอนหายใจแรง 


    “พี่หมอกลับไปอ่านการ์ตูนปัญญาอ่อนของพี่หมอต่อเถอะ”


    “อ้าว หาเรื่องละเด็กนี่” พี่หมอโยกหัวผมแรง “นี่น่ะคลายเครียดนะ ลองอ่านไหม”


    ผมเบ้ปาก พี่หมอหัวเราะ


    “หนังสือคือคลังปัญญานะ ไม่ว่าจะแนวไหน อ่านแล้วจะฉลาด ถ้าไม่ฉลาดก็จะรอบรู้”


    ผมโบกมือไหวๆ


    “ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ ผมขอไปเดินเล่นหน่อยละกัน”


    “เดินไหวเหรอ”


    “ไหว”


    “ม่ะ เดี๋ยวพี่หมอไปเป็นเพื่อน”


    “ไม่ต้องหรอก ผมอยากเดินคนเดียวเงียบๆ”


    “งั้นไปกับซันไรส์”


    ซันไรส์เงยหน้าจากหนังสือ ปิดลง ลุกยืน


    “ไม่ต้องไปด้วยหรอก เห็นไหมว่าฉันเดี้ยง จะเอาแรงที่ไหนมาหนี”


    “ผมมีหน้าที่ดูแลคุณหงส์ทุกฝีก้าว”


    ผมจิ๊ปาก จำใจลุก รู้สึกเคล็ดขัดยอกเล็กน้อย ผมเดินเป๋ๆ ไปตามทางเดินในสวน ซันไรส์เดินตามมาห่างๆ เย็นมากแล้ว คงใกล้เวลาที่หมอนั่นจะกลับบ้านแล้ว


    ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วัน แต่เป็นช่วงเวลาที่หัวใจผมทำงานหนักมาก หลังจากคืนแรกที่มันฟัดผมจนเยิน ทำโทษต่อตอนเช้า หลังจากนั้นมันก็ไม่มาแตะต้องอะไรผมอีกเลย ถือว่าเป็นพระคุณละนะ แต่มันจะต้องลากผมไปนอนกอดด้วยทุกคืน


    ผมไม่ชิน และไม่ชอบด้วย ถ้ามันเป็นเหมยก็ว่าไปอย่าง 


    เสียงฝีเท้าของซันไรส์เบากริบ ตามมาก็เหมือนไม่ตาม ในเวลาไม่กวนประสาทผม ซันไรส์ก็เงียบ แต่อย่าให้เปิดปากนะ เห่าแบบหมาผู้ดี กัดนิ่มๆ แต่เลือดเจิ่งนอง


    ผมเดินเล่นต่อไม่สนใจคนด้านหลัง กระทั่งเดินมาถึงขอบกำแพงสูงลิบพร้อมระบบป้องกันภัยระดับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกายังอาย ผมมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจ เผื่อมีช่องทางหลบหนี ยกเว้นกำแพงสูงๆ กับกล้องถี่ยิบ ถัดมาคือต้นไม้หลากหลายชนิด บ้านร่มรื่นเพราะต้นไม้เยอะนี่แหละ


    ได้ยินเสียงฝีเท้าดังเบาๆ ผมไม่ได้หันไปมองเพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร แต่แปลกใจนิดหน่อยตรงที่ซันไรส์ทำเสียงนี่แหละ สงสัยจะเผลอล่ะมั้ง 


    “น่าจะปลูกต้นสนหรือยูคาลิปตัสนะ จะได้ปีนแล้วโหนดีดออกไปนอกรั้วได้” 

    ผมพูดขำๆ ถ้ามีจริงผมยังไม่รู้เลยว่ามันจะปีนขึ้นไปโหนได้จริงๆ หรือเปล่า ดีไม่ดียังไม่ทันถึงยอดกิ่งอาจหักลงมาก่อนก็ได้  


    “ฝันไปเถอะว่าจะหนีพ้น”


    ผมสะดุ้งเฮือกกับเสียงกระซิบนั้น รีบหันไปมอง  


    ไอ้บ๊วยครับ 


    “มาตั้งแต่เมื่อไหร่”


    “เมื่อกี้”


    ผมมองไปด้านหลัง ซันไรส์อันตรธานหายไปแล้ว ผมไม่พูดกับมันอีก เบี่ยงหลบหวังเดินกลับไปหาพี่หมอตามเดิม 


    ไม่อยากอยู่ใกล้มันครับ


    แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวมันก็คว้าผมเซกลับไปเผชิญหน้าตามเดิม ผมเงยหน้า มองกลับตาขวาง


    “เมื่อไหร่จะเลิกดื้อกับเฮียสักที”


    “ความดื้อกับผู้ชายเป็นของคู่กัน”


    มันส่ายหัว


    “ดีขึ้นรึยัง”


    “จะแย่เพราะแรงฉุดเมื่อกี้นี่แหละ ปล่อย”


    มันไม่ปล่อย ซ้ำยังรวบจับเอวผมแน่นขึ้นดึงเข้าไปไว้ในอ้อมแขน ก้มหอมแก้มผมฟอดใหญ่ คลอเคลียไปมา ผมหดคอหนี


    “ทำอะไรประเจิดประเจ้อ”


    “หอมแก้มเมียตัวเองผิดตรงไหน”


    “อั๊วไม่ใช่เมียเฮีย” 

    ถึงจะเข้าพิธีแต่งงาน ถึงจะจดทะเบียนสมรสแล้ว ถึงจะโดนสวนทวารแล้วก็เถอะ 


    มันขมวดคิ้วไม่พอใจใส่ แต่แค่เดี๋ยวเดียวก็กลับมาสงบนิ่งตามเดิม


    “พรุ่งนี้เฮียว่าง จะพาไปเที่ยว อยากไปไหนหรือเปล่า”


    ผมตาวาว อยากออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างเหมือนกัน ก่อนนิ่งคิด แต่ไปกับมันเนี่ยนะ


    “อั๊วอยากไปเที่ยว แต่ขอไปคนเดียว”


    มันส่ายหัว


    “อยากไปไหน จะพาไปทุกที่ แต่เฮียต้องไปด้วย”


    “นี่!!” ผมถามฉุนๆ “ถามจริงเหอะ ทำไมต้องมาตามตอแยอั๊วด้วย เราแต่งงานกันเพราะเหตุจำเป็น ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้กับอั๊วก็ได้ เสร็จเรื่องแล้วเราก็ต้องหย่ากันอยู่ดี”


    “ฟังเฮียให้ดีนะอาหงส์”


    ผมนิ่งฟังอย่างตั้งใจ


    “เฮียไม่มีทางหย่ากับลื้อเด็ดขาด”


    ผมตาโต


    “จะเก็บอั๊วไว้ทำไม เฮียจะได้แต่งงานใหม่ มีทายาทสืบสกุลไง”


    มันจ้องผมตาเขม็ง มองแบบมองจริงๆ


    “หงส์ดูไม่ออกจริงๆ เหรอว่าเฮียคิดไงกับหงส์”


    “คิดว่าไง คิดว่าเป็นตัวนำโชคไง แต่งงานเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ”


    ใบหน้านั้นนิ่งขรึมลง นิ่งแบบนิ่งจริงๆ


    “ไปเตรียมตัวกินข้าว เฮียไปอาบน้ำก่อน” 

    แล้วมันก็หันหลัง เดินกลับเข้าบ้านไป ผมยืนหงุดหงิดอยู่กับที่ พอมันหายไปไอ้น้ำยาล้างจานก็โผล่เข้ามา วิกเซอร์จะตามติดบ๊วยมันมากกว่า


    ซันไรส์เดินเข้ามาใกล้ มองตาผม พ่นลมหายใจใส่ 


    มึงมาพ่นของเสียตรงนี้ เดี๋ยวเกิดภาวะเรือนกระจกจนแสงทำร้ายกูขึ้นมาทำไง


    “ขี้เหร่แล้วยังโง่อีก” 


    ผมบอกแล้วว่าอย่าให้มันเปิดปาก มันเป็นหมาที่เห่าและกัดอย่างผู้ดี ฟังแล้วเจ็บลึก


    “นายมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน”


    “เจ้านายก็ตาต่ำ” 

    มันส่ายหัวไปมา ขยับออกไปยืนห่างๆ


    อ๊ากกกก ไอ้บ้า!!


    มาด่าแล้วจากไปเนี่ยนะ




    พี่หมอกันต์มาตามให้ไปอาบน้ำเพื่อกินข้าว มื้อนี้จะเป็นมื้อแรกที่ผมจะร่วมโต๊ะกับทุกคนในครอบครัวหลังจากนอนเดี้ยงมาหลายวัน เข้าห้องไปก็ไม่เห็นไอ้บ๊วยอยู่ในห้องแล้ว ก็ดี เพราะผมไม่อยากเห็นหน้ามันนักหรอก


    ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดอยู่บ้านตามปกติ พยายามเดินให้เป็นปกติที่สุดไปยังโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ภายในบ้าน พี่น้องมันมากันบ้างแล้ว ส่วนมันยืนคุยโทรศัพท์อยู่ พอเห็นผมมันก็กดวางสาย เดินเข้ามาหา จับมือผมจูงไปนั่งข้างๆ มัน 


    ตอนแรกผมว่าจะเลือกนั่งห่างๆ มันหน่อย แต่โดนบังคับแบบนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้ว  


    ผมนั่งกินข้าวเงียบๆ พูดคุยแบบถามคำตอบคำ ผมไม่อยากสร้างสัมพันธ์ใดๆ กับใครทั้งสิ้น เพราะเวลาแยกจากจะได้ไม่เสียใจ จริงๆ ตามประเพณีวันพรุ่งนี้ผมกลับบ้านได้ 


    ผมชะงัก หันขวับไปมองคนตัวสูง


    หรือว่ามันจงใจหยุดเพื่อให้โอกาสผมได้กลับบ้าน


    ทุกคนคงรู้ว่าผมยังไม่ชิน และคิดว่าผมยังไม่หายดี หลังกินมื้อเย็นจึงปล่อยให้ผมกลับไปพักผ่อน ผมรีบตรงไปหาไอ้บ๊วยมันทันที


    “เฮีย อั๊วอยากกลับบ้าน พรุ่งนี้กลับได้แล้วไม่ใช่เหรอ”


    “กลับไปเยี่ยม ไม่ใช่กลับบ้าน”


    ผมหน้าบูด แต่ก็ยังดี


    “ได้ใช่ไหม”


    มันพยักหน้า


    “ตั้งใจจะพาไปอยู่แล้ว ถ้าอยากไปเที่ยวไหนก็บอก”


    “สภาพนี้ จะมีอารมณ์ไปเที่ยวที่ไหนได้ กลับบ้านไปให้อาหารปลาคาร์ป พวกมันคงคิดถึงอั๊วแย่”


    “ไป่หลง น้องหงส์ที่รัก” 

    ยังไม่ทันที่บ๊วยมันจะขยับปากพูดอะไร เสียงพี่หมอก็ดังแทรกเข้ามาก่อน ผมว่าคำเรียกมันชักจะยาวกว่าเดิมละ “พี่หมอกลับก่อนนะครับ เราดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องการหมอแล้ว”


    ง่ะ ไม่มีพี่หมออยู่เป็นเพื่อน ผมคงเหงาน่าดู


    “อย่าทำหน้าเศร้าแบบนี้สิ เหงาเหรอ ซันไรส์ไง อยู่เป็นเพื่อน”


    ผมเบ้ปาก พี่หมอหัวเราะหึๆ แล้วไอ้ซังกะบ๊วยก็หันไปกระซิบกระซาบถามอะไรสักอย่าง ผมฟังไม่ออก


    “เบาๆ หน่อยละกัน เตรียมพร้อมเยอะๆ จะได้ไม่ระบม”


    อะไรบมๆ


    มันถามต่ออีก


    “อะไรวะ แค่รอบเดียวก็พอมั้ง หลายรอบเดี๋ยวได้เดี้ยงอีก ฉันรู้ว่าแกเป็นพวกติดลมบนแล้วลงยาก แต่นึกสงสารเด็กมันหน่อย”


    พูดเรื่องอะไรกัน


    สงสารเด็ก’?


    ผมรู้เลาๆ มาว่าไอ้ซังกะบ๊วยมันรักเด็กครับ เป็นพ่ออุปถัมภ์ให้เด็กหลายคนเลย ตอนนี้ที่ส่งเสียอยู่ก็เกือบสามสิบรายแล้ว


    เหอะ แต่ผมไม่เชื่อหรอก มันคงทำเพื่อหวังถ่ายรูปลงนิตยสารสังคมไฮโซมากกว่า


    “กลับละ ถ้าทนไม่ไหวก็ลุกขึ้นไปเตะบอล” 

    แล้วพี่หมอก็หัวเราะร่วนในขณะที่ไอ้บ๊วยทำหน้าหงิก


    พูดไรกันให้กูได้ยินบ้าง


    สงสัยจะเรื่องเด็กในอุปถัมภ์จริงๆ


    ( ต่อ 40%)


    ผมเดินเข้าห้องก่อน ดีใจที่พรุ่งนี้จะได้กลับบ้าน โดดขึ้นเตียง ดึงเอาผ้าห่มมากอด ได้ยินเสียงเปิดประตูตามด้วยปิด ผมปิดเปลือกตาลง ได้ยินเสียงเดินมุ่งตรงมาที่เตียง สติผมค่อยๆ ด่ำดิ่ง รู้สึกถึงแรงยุบที่เตียง ผมสาวสติตัวเองลึกลงไปอีก


    สติผมถูกดึงกลับมานิดๆ เพราะคนตัวโตมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เดี๋ยวมันก็ต้องกอดผม ซึ่งผมไม่แยแสสัมผัสจากมันหรอก พยายามดับสวิตซ์ตัวเองอีกรอบ แผงอกมันทาบลงมากับแผ่นหลัง


    หลับสิวะหลับ


    ลมหายใจมันอยู่เหนือขึ้นไป


    พุธโธ ธัมโม สังโฆ


    มือมันกระชับกอดผมแน่นยิ่งกว่าเดิม


    อิติปิโสภะคะวา


    “หลับแล้วเหรอ” 

    มันกระซิบถาม ผมแกล้งหลับเสีย หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ไม่อยากเสวนากับมัน ก่อนสะดุ้งเฮือกเพราะมือที่ลูบอยู่แถวๆ หน้าท้อง แต่ยังทำเป็นนอนนิ่ง สะดุ้งมากขึ้นเมื่อปากมันเริ่มสำรวจซอกคอผมเบาๆ


    หลับซะลูกเอย จงหลับๆ ผมสั่งตัวเอง ขนบนตัวเริ่มพากันลุกเกลียว


    “หลับแล้วจริงๆ เหรอ”


    ใช่ หลับแล้ว เห็นไหม กรนฟี้ๆ เลย


    ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ แล้วมือที่หน้าท้องก็เลื่อนสูงขึ้นมาอีก


    อย่านะ!


    อย่านะ!!


    ผมตาโตในจินตนาการ พอมือมันสัมผัสหัวนมผมเท่านั้นแหละ ไฟฟ้าช็อตขั้นรุนแรง ตัวผมเกร็งไปหมด


    ไอ้บ๊วยมันเกิดอารมณ์เต็มร้อยแล้วล่ะครับ น้องมันชนอยู่ด้านหลัง


    “เบาๆ หน่อยละกัน เตรียมพร้อมเยอะๆ จะได้ไม่ระบม”


    ดะ เดี๋ยวนะ


    “อะไรวะ แค่รอบเดียวก็พอมั้ง หลายรอบเดียวได้เดี้ยงอีก ฉันรู้ว่าแกเป็นพวกติดลมบนแล้วลงยาก แต่นึกสงสารเด็กมันหน่อย”


    เดี๋ยวๆ!


    ผมนึกย้อนถึงคำพูดของพี่หมอ อะไรเบาๆ อะไรเตรียมความพร้อมเยอะๆ แล้วอะไรจะได้ไม่ระบม คำพูดของพี่หมอจะไม่ย้อนกลับมาเลย ถ้าไอ้นั่นของคนด้านหลังจะไม่แข็งปั๋งจนชนบั้นท้ายผมอยู่แบบนี้


    “แค่รอบเดียวก็พอมั้ง หลายรอบเดียวได้เดี้ยงอีก ฉันรู้ว่าแกเป็นพวกติดลมบนแล้วลงยาก แต่นึกสงสารเด็กมันหน่อย”


    เด็กที่ว่าหมายถึงผมสินะ!!


    ตายละขืนนอนนิ่งอยู่แบบนี้ พรุ่งนี้ได้ระบมไปพบป๊าม้าไม่ได้แน่ๆ ผมรีบกลายร่างเป็นจอมยุทธในหนังจีนกำลังภายในกระโจนพรวดเดียวลงไปยืนอยู่ข้างเตียง


    “อ้าว ตื่นแล้วเหรอ”


    คือกูยังไม่ได้หลับ จึงยังไม่ตื่น แต่ของมึงอ่ะ ตื่นแล้ว ตื่นจนตั้งโด่เลย


    มันมองหน้าผม ก่อนก้มมองด้านล่างของตัวเอง มันตุงจนเห็นเป็นแท่งตั้งตรงคล้ายเวลาที่เราเอาผ้าคลุมของสูงๆ ยิ่งชุดนอนหลวมๆ ยิ่งเห็นเด่นชัด


    ผมหันรีหันขวาง อยู่ในห้องไม่รอดแน่ๆ จะวิ่งออกนอกประตู รับรองได้ว่ากว่าจะถึงหน้าประตู มันต้องจับผมได้ก่อนแน่ๆ แหล่งหลบภัยที่ใกล้ที่สุดตอนนี้ก็คือ...


    ผมกระโจนอีกพรวดวิ่งเข้าหาตู้เสื้อผ้าทันที


    ครับ ตู้เสื้อผ้าจริงๆ = =


    พอเปิดได้ก็มุดตัวเข้าไป ดึงประตูปิด ลงกลอน จริงๆ อยากเข้าห้องน้ำ แต่ไกลไป ไกลพอๆ กับประตูนั่นแหละ


    ได้ยินเสียงหัวเราะขบขันจากคนด้านนอก ผมผลักๆ เสื้อผ้าไปไว้มุมๆ แล้วยัดตัวเองลึกขึ้นไปอีก


    เสียงหัวเราะเงียบไปแล้ว


    ยอมแพ้หรือเปล่า ผมพยายามเงี่ยหูฟัง


    ข้างนอกเงียบสนิท ผมขยับไปด้านหน้า หารูแล้วเพ่งมอง บนเตียงว่างเปล่า ผมพยายามมองไปรอบๆ


    สงสัยจะออกไปแล้ว


    ผมขยับไปยืนอยู่ตรงจุดเดิม ยืนนิ่ง คิดว่าจะเอายังไงดี นอนในนี้เลยไหม อบอุ่นปลอดภัยดี เสื้อผ้าหอมดีด้วย น่าจะทำให้หลับสบายขึ้น


    ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงไขกุญแจดังกริ๊ก แล้วไอ้ล็อคที่ผมเห็นราง ๆ ผ่านความมืดก็ถูกขยับเคลื่อน ประตูตู้เสื้อผ้าที่ผมใช้เป็นหลุมหลบภัยชั่วคราวถูกเปิดออกดังผ่าง คนเปิดยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า ถ้าเป็นสมัยเด็ก ผมคงกรีดร้องโวยวายด้วยความสนุกสนานจากการเล่นซ่อนแอบกับพวกพี่ๆ หรือพี่เลี้ยง ตู้เสื้อผ้าคือหลุมหลบภัยที่ผมชอบเข้าไปหลบเป็นประจำ


    แต่ผมเป็นเด็กที่ไม่รู้จักจำจริงๆ เพราะเล่นทีไร โดนจับได้ทุกที


    ครั้งนี้ก็เหมือนกัน


    คนจับได้ยืนยิ้มขบขัน ผมรีบจับบานประตูไว้ ยื้อจะปิด แต่มันจับไว้เหมือนกัน ดึงไว้ไม่ให้ผมปิด


    “ปล่อยสิวะ จะเปลี่ยนบรรยากาศมานอนในตู้เสื้อผ้า”


    มันโคลงหัวไปมา จับข้อมือผมดึงออกจากตู้ ปิดประตู ดันหลังผมติดกับตู้ ใช้ร่างตัวเองทาบทับ ผมพยายามดันมันออก


    “ปล่อย!


    “อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นหน้าตู้เสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเฮียจัดให้”



    ผมตาโต


    “ไม่ใช่ๆ!! อั๊วจะนอนที่นี่ นอนคนเดียว เฮียกลับไปนอนที่เตียงเลย กลับไป กลับไป!!” 

    ผมไล่มันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่มันหาได้สนใจไม่ กระแซะใกล้เข้ามาอีก


    “หงส์” 

    มันเรียกผมเสียงแผ่ว เสียงเรียกนุ่มนวลแบบนั้นหยุดการดิ้นรนผมลง ผมเงยหน้ามอง มันมองตาผม ไม่พูดอะไร ยกมือขึ้นเกลี่ยผิวแก้ม สัมผัสนั้นร้อนวูบ พุ่งดิ่งเป็นธนูไฟปักลงกลางใจดังปัก ฤทธิ์ของธนูไฟมีผลทำให้หัวใจผมไหวด้วยจังหวะแปลกๆ


    พี่หมอกันต์


    พี่หมอครับ ผมคงเป็นโรคหัวใจ มันถึงได้เต้นในจังหวะแปลกๆ แบบนี้


    พี่หมอช่วยผมด้วย!!


    “นอนกับเฮียมันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นนะ”


    มึงลองมาเป็นกูดูไหม เดี้ยงไปสามวัน กูนอนกับมึงวันนี้ ไม่ต้องนอนให้พี่หมอหยอดข้าวต้มไปอีกสามวันรึไง


    “อภิมหาโลกาวินาศของโลกเชียวละ ปล่อย!” 

    ผมพยายามดันมันออก


    “ลื้อนี่ชอบดื้อกับเฮียจริงๆ นะอาหงส์”


    ใช่ กูเป็นเด็กดื้อ เป็นเด็กไม่ดี เพราะงั้นส่งกูไปอยู่บ้านเมตตา บ้านเด็กกำพร้า หรือส่งกลับบ้านเกิดไปเลยก็ได้!!


    “แต่หงส์คงไม่ลืมนะที่เฮียเคยบอกไว้”


    จำอะไร จำไม่ได้ ความจำถดถอย อากาศเมืองไทยไม่ค่อยดี


    “ว่าเฮียชอบปราบเด็กดื้อ”


    (ขออภัย เนื้อหาส่วนนี้ถูกตัดออก)

     

    (or)

    (Get E-Book)



    (ต่อ 80%)


    เป็นไปตามคาดครับ


    พี่หมอถูกเรียกตัวกลับมาด่วน รายนั้นโวยวายใหญ่ที่มันไม่ยอมบันยะบันยังกับผมบ้าง ดีแต่ว่าร่างกายผมเริ่มปรับสภาพได้ และตรงนั้นขยายยืดหยุ่นมากพอ มันจึงไม่ฉีก แต่ระบมจนเดินไม่ได้จริงๆ


    “อย่าบ่นน่า เด็กมันยั่ว”


    “ยั่วตอนไหน!!” 

    ผมแหวเสียงขุ่น เขวี้ยงหมอนข้างตัวใส่ เจ้าตัวรับไว้ได้ วางลงที่เดิม


    “กี่รอบ” 

    พี่หมอก็ช่างกล้าถาม = [ ] =


    “หนึ่งหน้าตู้เสื้อผ้า อีกหนึ่งริมกำแพง อีกสองที่เตียง พอดีสลบก่อนเลยอดต่อรอบห้า” 

    ไอ้บ้านี่ก็กล้าตอบ


    ครับ นั่นแหละคือสกอร์ที่มันเก็บ และทำให้ผมไม่อาจลุกขึ้นได้จนมันต้องโทรตามพี่หมอกลับมาหาผมด่วน


    “เครื่องน้องเขาพังกันพอดี”


    มันจิ๊ปาก


    “รักษาไป จะลงไปเอาสมุนไพรมาให้”


    พี่หมอส่ายหัว หันกลับมามองผม หันไปหยิบยามาเตรียมฉีด


    “ยาบำรุง จะได้หายเร็วๆ”


    ผมถอนหายใจแรง


    “ผมจะฟ้องหย่า


    พี่หมอชะงักมือที่กำลังจะฉีดเข้าแขนผม


    “ใจเย็นๆ ละกันน้องหงส์ มันกำลังหลงน้องหงส์”


    “หลงบ้าหลงบอ มันทำรุนแรงกับผม”


    “เราไม่มีอารมณ์ร่วมเลยเหรอ”


    ผมหน้าร้อนผ่าวไปกับคำถามนั้น พี่หมอยิ้ม


    “ไป่หลงมันพรานหญิง สาวๆ นี่ศิโรราบคาบแก้วมาแล้วนักต่อนัก พี่ว่ามันทำให้น้องหงส์มีความสุขได้แน่ๆ เพียงแต่ช่วงแรกๆ ร่างกายน้องหงส์ยังไม่ชิน ทำไปนานๆ ความเจ็บจะลดลงและหายไปในที่สุด อดทนเอาหน่อย”


    “ไม่” 

    ผมค้านหัวชนฝา


    พี่หมอไม่พูดอะไร ขยับเข็มฉีดยาในมืออีกรอบ 


    “อยู่นิ่งๆ ขอพี่หมอฉีดยาก่อน 

    ผมยอมให้พี่หมอฉีดยาดีๆ พี่หมอเคยมือเบาแค่ไหน ตอนนี้ก็ยังเสมอต้นเสมอปลาย พอเรียบร้อยก็ถอดหัวเข็มฉีดยาโยนลงถังขยะ เก็บสำรับสำหรับฉีด หยิบยาทามาวางแทนที่ 


    “ต่อไปก็ทายา” 

    พี่หมอจับผ้าห่มไว้ทำท่าจะดึงออก ผมรีบยึดไว้ทันที


    “ผมทาเองได้”


    “ให้พี่หมอทาดีกว่า พี่หมอเป็นหมอ ทาได้ดีกว่า เรานอนนิ่งๆ ไป”


    ผมหน้าร้อนผ่าว แต่ก็ยอมนอนนิ่งๆ ดึงผ้าห่มสูงขึ้นมาปิดหน้า อายจนไม่รู้ว่าอายอะไรมากไปกว่านี้แล้ว 


    “เอาล่ะ เรียบร้อย สองวันก็หาย”


    ผมรีบดึงกางเกงขึ้นมาสวมตามเดิม


    “จริงๆ เล้ย ไป่หลงนี่” 

    พี่หมอบ่นใส่เพื่อนตัวเองหงุมหงิม ถอดถุงมือออก เก็บยาเข้ากระเป๋า นำมันวางไว้ที่พื้นห่างๆ


    มือพี่หมอสวยดี ยาวเป็นลำเทียนเลย มือหมอเป็นแบบนี้ทุกคนไหมฮึ


    ผมขยับปรับท่านอนดีๆ เสียดายครับ อดกลับบ้านเลย


    “พี่หมอไม่มีแฟนเหรอ” 

    ผมหาเรื่องคุย พี่หมอฉีกยิ้มกว้าง ผสานมือรองต้นคอ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ในท่าสบายๆ


    “ยังไม่เจอคนถูกใจเลย”


    “ครอบครัวพี่หมอเป็นคนจีนหรือเปล่า ปกติถูกผู้ใหญ่จับคู่ให้นี่ ไม่มีเหรอ”


    “ไม่ บรรพบุรุษพี่เป็นฝรั่งเศส”


    ผมตาโต


    “เราเป็นหมอฝรั่ง แต่คงกลายพันธุ์หมดแล้ว ผสมไทยมั่ง จีนมั่ง อเมริกัน แขก ญี่ปุ่น มั่วไปหมด มารุ่นพี่เอาเลือดไปตรวจ น่าจะเจอมากกว่าสิบสัญชาติ”


    ผมหัวเราะ


    “ถ้าขี้เกียจหาเอง ทำไมไม่ให้ผู้ใหญ่หาให้” 

    ผมว่าผู้ใหญ่ก็ตาถึงนะ ยกเว้นเคสผม เพราะเหมยหนีไป


    “พี่หมอเป็นคนของประชาชน เกิดพี่แต่งงานไป ใครจะอยู่ดูแลสาวๆ ที่กำลังเปล่าเปลี่ยวล่ะ”


    ผมหัวเราะ ผมชอบอยู่กับพี่หมอก็งี้แหละ ยกเว้นเวลาแกสิงการ์ตูน ลืมผมประจำ


    “วันนี้ไม่พกการ์ตูนมารึไง”


    “พกสิ ซันไรส์กำลังหิ้วมาให้”


    พูดถึงซันไรส์ รู้สึกคันปากยิบๆ


    “เออ พี่หมอ พี่หมอรู้หรือเปล่าว่าน้ำยาล้างจานมีแฟนหรือเปล่า”


    “น้ำยาล้างจาน ใคร?


    “ซันไรส์ไง ชื่อคล้ายน้ำยาล้างจานซันไลท์ วิกเซอร์คนน้องผมเรียกน้ำยาขัดส้วมเพราะชื่อคล้ายวิกซอล”


    พี่หมอหัวเราะเสียงดังจนน้ำตาเล็ด


    “เข้าใจเปรียบนะ แล้วฉายาไป่หลงล่ะ”


    “ซังกะบ๊วย” 

    ผมตอบทันที ก่อนรีบตะครุบปากแน่น พี่หมอหัวเราะเสียงดังกว่าเดิมลงไปทุบที่นอนตุบๆ 



    “ถ้ามันได้ยินคงปรี๊ดแตก”


    ผมเบ้ปาก ไม่สน รู้ก็รู้ไปดิ ไม่เรียกมันไอ้บรมห่วยแตกก็ดีเท่าไหร่แล้ว


    “แล้วของพี่หมอล่ะ มีไหม”


    ผมส่ายหัว


    “ไม่มี” ก่อนชะงัก “แต่มีแอบนินทาในใจนิดหน่อย”


    “อะไร”


    “หมอปัญญาอ่อน”


    พี่หมออ้าปากขำก๊าก ซันไรส์หิ้วถุงการ์ตูนเดินเข้ามาภายใน พี่หมอหยุดหัวเราะลงกึกหันไปมอง มันวางถุงการ์ตูนไว้ข้างๆ พี่หมอ ยื่นบิลให้


    “ครั้งหน้าไปซื้อเองนะ ใช้อะไรไร้สาระ”


    พี่หมอยักไหล่

    “เวลาผู้ชายตัวโตๆ มาดเท่ๆ ใส่สูทเต็มยศไปยืนเลือกการ์ตูนญี่ปุ่นในร้านท่ามกลางสาวๆ นักเรียนมอปลาย พี่ว่ามันน่าดูพิลึกนะว่าไหม” 


    ผมนึกภาพตาม ยิ้มแหยง

    “มั้ง”


    ว่าแต่ที่ถามค้างไว้เมื่อกี้พี่หมอยังไม่ได้ตอบเลย แต่คงตอบไม่ได้แล้วล่ะ เพราะซันไรส์อยู่ รายนั้นซื้อหนังสือมาด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ได้อ่าน หยิบมือถือมากดอะไรยิกๆ เสียบหูฟังใส่หู แล้วนั่งนิ่งไขว่ห้าง เข้าสู่โหมดโลกส่วนตัวไป ผมเคยสงสัยว่าซันไรส์ฟังอะไร สงสัยจะเพลง


    พอซันไรส์เข้าภวังค์ ผมก็สะกิดพี่หมอ


    “พี่หมอยังไม่ได้ตอบผมเลย”


    “ตอบอะไร” 

    อ้าว เป็นโรคความจำเสื่อมรึไง


    “ก็เรื่องที่ผมถามเมื่อกี้”


    “เรื่องไหน” 

    พี่แกขมวดคิ้ว นี่ลืมจริงๆ เหรอเนี่ย


    “เรื่อง” 

    ผมเหลือบมองซันไรส์ พอเห็นว่ารายนั้นไม่ได้เอะใจอะไรก็หันกลับมามองพี่หมอต่อ พยักหน้าบุ้ยปากนูนๆ ไปทางเป้าหมาย


    “นั่นน่ะ มีแฟนรึยัง”


    พี่หมอทำปากอ๋อ แต่ไม่มีเสียง ขยับหน้าเข้ามาใกล้


    “อยากรู้ไปทำไม”


    “แค่อยากรู้เฉยๆ อาชีพนี้ต้องอยู่ดูแลเจ้านายตลอด มีเวลาพักผ่อนบ้างไหม เอาเวลาไหนไปหาแฟน ถ้ามีเมีย เมียคงน้อยใจแย่” 

    ผมกระซิบกระซาบ พี่หมอหัวเราะ


    “ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านเหรอเรา”


    ผมส่ายหัว

    “อยากรู้เฉพาะบางคน”


    พี่หมอหัวเราะร่วน

    “ไม่มีหรอก”


    ผมพยักหน้าหงึกๆ


    “เบื่อหรือเปล่า อ่านสักเล่มสิ” 

    พี่หมอหยิบหนึ่งในการ์ตูนออกใหม่ให้ ผมรับมาพลิกดูปกหน้าปกหลัง ใช่ว่าผมจะไม่เคย เด็กๆ ก็ชอบอ่านอยู่หรอก โตมาก็เลิกๆ เพราะมีอย่างอื่นน่าสนใจมากกว่า 


    ผมแกะพลาสติกออก เปิดอ่านหวังฆ่าเวลา อ่านไปอ่านมาชักเพลินแฮะ


    เสียงมือถือดังเบาๆ ผมหันไปมอง ไกลครับ ซันไรส์ที่นั่งฟังมือถืออยู่หันมามอง เป็นฝ่ายลุกขึ้นเดินไปหยิบมาให้ ผมรับมามองเบอร์ กดรับ


    “อาหงส์ ไม่กลับมาเยี่ยมบ้านเหรอลูก” 

    ม้าผมเองครับ 


    “อยากกลับเหมือนกันม้า แต่เอ่ออั๊วป่วย เป็นไข้ หมอยังไม่ให้ออกจากบ้าน”


    “เป็นอะไรมากไหม เดี๋ยวม้าไปหา”


    “ไม่ต้องหรอกม้า อั๊วได้หมอดูแลแบบใกล้ชิดแล้ว อั๊วคิดถึงป๊ากับม้า หายดีแล้วจะรีบกลับไปเยี่ยม ตอนแรกว่าจะกลับวันนี้แหละ มาป่วยเสียก่อน” 

    แต่ผมไม่ได้บอกสาเหตุที่ป่วยไปหรอก


    “บ้านอีดูแลลื้อดีไหมอาหงส์”


    ผมยิ้ม อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ ว่าน้องคนสุดท้องมักไม่ได้รับการใส่ใจเท่ากับพวกพี่ๆ แต่หลังจากผมได้แต่งเป็นสะใภ้ตระกูลดังม้าก็ใส่ใจผมมากขึ้น


    น้อยใจนะ แต่ก็เข้าใจป๊ากับม้า สำหรับคนจีน เรื่องงานเป็นสิ่งสำคัญ เพราะงานคือครอบครัวและครอบครัวคืองาน แยกกันไม่ค่อยออกหรอก กงสีล้วนๆ


    “แล้วอาหลงไปไหน”


    “อยู่บ้านนี่แหละม้า” 

    ไม่ต้องไปถามหามันหรอกม้า ก็เพราะมันนั่นแหละทำให้ผมไม่ได้กลับบ้านแบบนี้


    “หายแล้วกลับมาเยี่ยมบ้านมั้งนะ ม้าคิดถึง”


    ผมยิ้มออกมาทันที


    “ครับ”


    ประตูห้องนอนเปิดออก ตัวต้นเหตุเดินหน้านิ่งเข้ามา


    “แค่นี้ก่อนนะม้า อั๊วอยากพักผ่อน” 

    ผมกดวางสาย เมินหลบคนที่มองมา ในมือมันยกถาดที่มีกากับถ้วยชาเข้ามาด้วย คงเป็นสมุนไพรจีนอย่างที่มันบอก


    พี่หมอลุกจากผมไปนั่งข้างๆ ซันไรส์ ผมว่าสองคนนี้สลับกันนิดหน่อยนะ พี่หมอที่น่าจะเรียบร้อยกลับนั่งกางขาอ่านการ์ตูน ท่าทางดูห่ามนิดๆ ในขณะที่ซันไรส์นั่งไขว่ห้างเปิดเพลงฟังด้วยท่าทีเรียบร้อย


    ผมเคยสงสัยว่ามันไม่เบื่อบ้างรึไง นั่งเฉยๆ ได้ตั้งนานสองนาน


    ผมละสายตาจากสองคนนั้นมามองคนที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เปลี่ยนสายตาเป็นจิกกัดขวางเขวี้ยงทันที



    To be Con...



    ไรท์ทอล์ก : ช่วงนี้กำลังติดเรื่อง ทาสแค้น (พี่หมอน้ำฝน) อยู่ สนุกมากกก อ่านถึงเล่มสองละ อัพน้องหงส์เสร็จไปลุยอ่านต่อ ใครอยากฟินกับไรท์ก็เข้าไปส่องได้ (NC หลังไมค์ ล่างสุดนะ)>>https://goo.gl/hrk2Sl  

    (เจอกันเมื่อเม้นท์ชน 530 - ไม่ปั่นนะขอรับ) 


    อะพี่หมอกัน >////< หล่อเบาๆ 


    v


    ส่วนนี่หล่อแบบทะลวงจมูก นมหมอ นมหมอ (อ้ากกกกกก สติแตกไปแล้วเรียบร้อย)





    ข่าวดี!!!! น้องหงส์มีอีบุ๊ค(e-book) พร้อมให้โหลดแล้วค่าา ราคา 339.- จากราคาปก 480.- เนื้อหานิยายมี 27 ตอนจบค่ะ มีตอนพิเศษอีก 3 ตอน (อีบุ๊คจบแล้ว) 

    ดาวน์โหลดได้ที่เมพเลยน้าา 

    [>>ดาวน์โหลด หงส์ซานอีบุ๊ค<<]


    ปล. 1. ปกนี้เป็นปกชั่วคราวนะคะ 

    ปล. 3. เวอร์ชั่นหนังสือจองได้ทุกช่องทางด้านล่างค่ะ กำลังร่างใบประกาศจองอย่างเป็นทางการอยู่ 


    ADD FAB เป็นแฟนคลับเรื่องนี้จิ้มน้องหงส์ได้เลยค่า

    {ADD FAD}



    #หงส์ซาน 



    Follow and Contact writer Memew here 

    เพจ : facebook.com/memew28

    ทวิต : @Memew28

    เมล : Memew28(แอท)gmail.com

    instagram : Memew28


    Line : Memew28 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×