NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HONGZAN "หงส์ซาน" (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #28 : หงส์ซาน #26 บอดี้กินหมอ [100%] ***

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.91K
      162
      11 ส.ค. 60



    หงส์ซาน #25 บอดี้กินหมอ 

    คำเตือน : เนื้อหาบางส่วนถูกตัดออก 






    หมอขยับปากเบาๆ พอๆ กับผมที่ทำแบบเดียวกัน ปากเราแนบสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ ผมใช้มือข้างที่เจ็บจับท้ายทอยหมอตรึงให้หน้าแหงน กดปากแนบสนิทมากขึ้น


    ผมขยับดันหมอแนบโซฟา มอบรสจูบจาบจ้วงให้ นานมากทีเดียวที่ไม่ได้สัมผัสหมอแบบนี้ 

     

    แผ่นหลังหมอแนบติดโซฟา โดยมีเรือนร่างผมคร่อมอยู่ด้านบน จูนกันไม่ยากอยู่แล้วเพราะเคยๆ กันอยู่

     

    “ขึ้นไปข้างบน”


    ขออภัย เนื้อหาส่วนนี้ถูกตัดออก 1



     

    ผมหอบหายใจแรง คร่อมอยู่เหนือร่างหมอ หมอขยับ ผลักผมออกเบาๆ เบ้หน้าพลิกตัวตะแคงข้าง

     

    “รอบเดียวพอนะ เจ็บ”

     

    ผมหัวเราะหึๆ ไม่พูดอะไร ถอดดึงคอนด้อมเปี่ยมไปด้วยน้ำขุ่นๆ ขยับลุกเอามันไปทิ้งถังขยะไม่ห่าง หมอยังนอนไม่ขยับอยู่กับที่ 

     

    “รู้ว่าแรงเยอะ แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้”

    หมอพูดเสียงเบา ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

     

    “คิดแล้วใช่ไหมว่าไม่น่าเลย คบกับผู้หญิงดีกว่าอีก”

     

    หมอพลิกตัวนอนหงาย

     

    “เปล่า ตรงกันข้าม ฉันรู้สึกดีสุดๆ ไปเลยต่างหาก”

    พูดจบหมอก็รั้งผมลงไปจูบเบาๆ และผมก็ตอบรับด้วยการจูบตอบดีๆ เช่นกัน

     

    ผมถอนปากออกมองหน้าหมอ

     

    “คุณเหมาะจะเป็นรุกมากกว่ารับนะ ถ้าชอบแนวนี้จริงๆ ทำไมไม่ไปหาหนุ่มๆ น่ารักสักคนนอนด้วย แบบหงส์ซานก็ได้”

     

    หมอยกยิ้ม

     

    “ก็ใช่ แต่ระหว่างหมาพันธุ์เล็กๆ กับหมาพันธุ์ใหญ่ๆ ฉันชอบเลี้ยงหมาพันธุ์ใหญ่ๆ มากกว่า”

     

    “ผมไม่ใช่หมา และไม่ยอมให้คุณเลี้ยงด้วย” ผมตอบกลับฉุนๆ

     

    หมอยิ้มอีกที โอบวงแขนมารอบลำคอผม ผมเกลี่ยเส้นผมออกจากหน้าหมอให้เบาๆ มันเปียกราวกับอาบน้ำมาเลย

     

    “ซันไรส์ นายมันก็เหมือนหมานั่นแหละ แต่เป็นหมาป่า ไม่ชอบให้ใครมาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ รักอิสระ ดุดัน กล้าหาญ ชีวิตของนายไม่ได้เป็นของนาย แต่เป็นของจ่าฝูงอย่างไป่หลง”

     

    ผมจ้องหน้าเขา

     

    “แล้วอะไรที่คุณชอบในตัวผม”

     

    “ฉันชอบนายที่เป็นนายนั่นแหละ ไม่ได้อยากจับใส่ปลอกคอสักหน่อย แต่ให้รู้ว่ามีฉันเป็นเจ้าของก็พอ”

     

    “ผมไม่ใช่หมา” ผมเตือนอีกที

     

    หมอหัวเราะ ตวัดขามารอบเอวผม

     

    “ไม่เจ็บรึไง”

     

    “เจ็บสิ ไม่ลองมาโดนบ้าง”

     

    ผมส่ายหัว

     

    “และอย่าคิดให้ผมโดนด้วย”

     

    หมอยิ้ม จูบผมอีกรอบเบาๆ

     

    “เดี๋ยวก็ตื่นอีกรอบหรอก”


    หมอเบ้หน้า “พักยกก่อน เจ็บจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหงส์ซานถึงได้เดี้ยงทุกครั้งที่โดนไป่หลงทำ” 


    ผมพยักหน้าเห็นด้วย


    เขามองตาผม น้องผมกระตุกขึ้นมาอีกครั้งจริงๆ หมอรีบผลักผมออกห่างทันที 

    รีบไปอาบน้ำก่อนมันจะตื่นเต็มที่เลย ตอนนี้ไม่มีแรงแม้แต่จะใช้มือแล้ว” 


    ผมหัวเราะหึๆ ลุกขึ้นยืนตระหง่านอยู่เหนือเขา

     

    หมอกวาดมองมารอบๆ

     

    “หุ่นนายดีมากจริงๆ ขนาดมีผ้าพันแผลยังดูดี”

     

    “อย่ากระตุ้นกันด้วยคำพูดดีกว่า”

     

    หมอเลิกคิ้ว สีหน้ากรุ้มกริ่มให้ผมเดาไม่ออกว่าหมอคิดอะไร 



    “ในตู้มีผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าไซส์นายแขวนไว้ริมขวาสุด ส่วนพลาสติกกันน้ำอยู่ข้างล่าง ในกระเป๋าเครื่องมือใหญ่ ฝากหยิบน้ำเย็นๆ มาให้ด้วยขวดหนึ่ง”


    ผมเดินเปลือยไปเปิดตู้เสื้อผ้า ภายในนั้นมีเสื้อผ้าของหมอแขวนเรียงกันไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย กลิ่นหอมสะอาดๆ ลอยคลุ้ง ผมมองไปยังริมฝั่งขวาสุด ดึงเอาชุดที่แขวนไว้ออกมาดู มันเป็นเสื้อยืดกางเกงผ้าสไตล์ลำลอง ไซส์และยี่ห้อที่ผมชอบเด๊ะๆ

     

    “อ้อ”

    หมอพูด ผมหันไปมอง


    “มีชั้นในด้วย อยู่ในลิ้นชักแถวล่างแถบขวามือชั้นบนสุด”

     

    ผมเลิกคิ้ว เปิดลิ้นชักชั้นที่หมอบอกออกดู ในนั้นมีชั้นในของหมอทั้งหมดพับเรียงกันไว้อย่างเป็นระเบียบ แต่มีชิ้นหนึ่งอยู่ในซองพลาสติก มีตัวหนังสือเขียนด้วยเมจิกสั้นๆ 

     

    ‘สำหรับนาย ซันไรส์

     

    ผมหัวเราะหึๆ มองรอยยิ้มกว้างที่ถูกวาดไว้บนนั้น หยิบมาแกะออกดู

     

    มันไซส์และยี่ห้อที่ผมใช้ประจำจริงๆ

     

    ผมเหลือบมองคนที่นอนหงายบนเตียง หมอยักคิ้วให้สองที

     

    ผมหัวเราะในลำคอ พาดชุดไว้บนพนักเก้าอี้ หยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอว เดินผ่านหมอลงไปข้างล่าง

     

    “อย่าลืมน้ำนะ”

    หมอตะโกนเตือนมาตามหลัง ผมไม่ได้ตอบรับ เดินลงไปข้างล่าง ลูกๆ ของหมอพากันวิ่งกรูเข้ามาหา

     

    พวกมันดุกับทุกคน ยกเว้นกับผมและเจ้านายมันเองนั่นแหละ (และน่าจะแม่บ้านอีกคน) ผมลูบหัวพวกมันตัวละที เดินไปคุ้ยหาพลาสติกปิดแผลสำหรับอาบน้ำ ได้มาหนึ่งชิ้น จัดการสวมใส่ที่แขน เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำมาหนึ่งขวด

     

    หันมองไปที่ถาดอาหารหมา

     

    จริงๆ ไม่ห่วงเท่าไหร่หรอก เพราะมีคนดูแลให้อาหารตลอด ผมเดินไปยังชั้นวางอาหารของพวกมัน ไล่มือตามซองขนมที่วางเรียงกันเป็นแผง พวกมันส่ายหางดิ๊กๆ สังเกตเห็นว่ามีซองหนึ่งที่พวกมันดูจะดี๊ด๊ามากเป็นพิเศษให้เดาเอาว่าพวกมันน่าจะชอบที่สุด

     

    ผมหยิบมาฉีกซอง ป้อนพวกมันตัวละชิ้น จนหมดก็ทิ้งลงถังขยะ ถือน้ำเย็นเดินขึ้นชั้นบนไป

     

    หมอนอนเอาแขนพาดตาไว้ พอผมไปก็ลดแขนลง

     

    “ทำไม เสียใจที่เสียความบริสุทธิ์รึไง”

     

    หมอยกยิ้ม

     

    “เปล่า กำลังเสียใจที่ทำได้แค่รอบเดียวต่างหาก”

     

    ผมส่ายหัว โยนน้ำให้ หมอรับไว้ได้ทัน หมุนเปิดฝา ยกดื่มอึกๆ ผมไม่ได้สนใจหมออีกเดินเข้าห้องน้ำไป ใช้เวลาอาบไม่นานก็เดินออกมา หมอหลับไปแล้ว ผมหยิบเสื้อผ้าที่พาดไว้มาใส่ เดินไปใกล้หมอ จับแขนเขย่าปลุก

     

    “ลุกอาบน้ำก่อน ค่อยมานอนต่อ”

     

    หมองัวเงียลุกนั่ง เบ้หน้านิดๆ ผมกอดอกยืนมอง

     

    “ต้องให้อุ้มไหม”

    ผมถามเป็นเชิงเย้า

     

    “ไม่ต้อง ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”

    หมอลุกจากเตียง เดินอย่างมั่นคงตรงไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป

     

    ผมพ่นลมหายใจแรง กัดกราม ก้มมองบางสิ่งด้านล่าง คีบหัวคิ้ว

     

    ใจเย็นสิวะลูกพ่อ

     

    พักใหญ่ๆ หมอก็เดินพันผ้าเช็ดตัวออกมา เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อยืดกางเกงขาสั้นมาใส่

     

    ผมยกนาฬิกามอง

     

    “คงได้เวลาที่ผมต้องกลับ”

    ผมก้มหยิบเสื้อผ้าตัวเอง แต่หมอยึดจับชายเสื้อผมไว้

     

    “ค้างด้วยกันสักคืนสิ”

     

    ผมส่ายหัว

     

    “ผมต้องกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ”

     

    “แต่นายบาดเจ็บอยู่นะ”

     

    “มันไม่ได้แย่ขนาดทำให้ผมทำงานไม่ได้หรอกนะ และถ้าผมไม่บอก ก็ไม่มีใครรู้ว่าผมบาดเจ็บ”

     

    หมอจ้องตาผม

     

    “ฉันไม่อยากนอนคนเดียว”

     

    ผมจ้องตาเขากลับนิ่งๆ

     

    “เอาลูกๆ ของคุณขึ้นมานอนด้วยสิ”

     

    หมอพ่นลมหายใจออกแรง

     

    “ถ้านายไม่นอนนี่ ฉันจะตามไปนอนด้วยที่ห้องของนาย”

     

    ผมพ่นลมหายใจแรงบ้าง หันกลับไปเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ จ้องกลับด้วยสีหน้าซีเรียส

     

    “หมอวันนี้คุณรับผมได้แค่รอบเดียวนะ แต่ความต้องการของผมมันไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้หรอกนะ มันอันตรายเกินไปสำหรับหมอ”

    ผมจับมือเขามาวางบนเป้าที่กำลังตุง หมอก้มมอง

     

    ผมไม่ได้ต้องการขู่เขา แต่ผมพูดจริง กลิ่นตัวหมอหลังอาบน้ำยิ่งทำให้ผมรู้สึกอึดอัด

     

    หมอยิ้ม โอบวงแขนมารอบลำคอผม

     

    “ได้อาบน้ำ เรี่ยวแรงกลับมาขึ้นเยอะ ขอพักข้างล่างก่อน แต่นี่ยังทำงานไหว”

    หมออ้าปากนิดๆ แลบลิ้นให้ดู

     

    ผมกัดกราม ไม่อดทนอะไรอีกต่อไป รวบจับหมอโยนขึ้นเตียง

     

    “โอ๊ย เบาๆ สิ”

    หมอเบ้หน้า

     

    ผมจับสองมือหมอตรึงกับที่นอน ไม่พูดอะไรก้มปิดปากหมอไว้ทันที






    พลังของหมอนั้นเหลือร้าย ผมตื่นอีกทีก็สายของวัน ตื่นสายกว่าหมออีกต่างหาก ลืมตาขึ้นมาก็เห็นหมอเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว ในสภาพผ้าเช็ดตัวพันเอว


    อยากบอกว่าเมื่อคืน ผมสอยหมอไปอีกหนึ่งยกเพราะอารมณ์พาไป (ผมไม่ได้บังคับหรอกนะ หมออนุญาตของหมอเอง)  


    ผมลุกจากที่นอน เดินเปลือยไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ใช้เวลาไม่นานก็อาบเสร็จ ออกไปกะจะใส่ชุดเดิมตัวเอง แต่ผมมองหาไม่เจอ ผมขมวดคิ้ว หมอไม่อยู่ด้วย ผมจำต้องหยิบชุดเดิมมาสวม เดินลงไปชั้นล่าง 


    หมอไม่ได้อยู่ในห้องรับแขก ผมกวาดมองไปรอบๆ ได้ยินเสียงเครื่องซักผ้าดังเบาๆ ผมเดินไปดู เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้ากำลังทำงานอยู่ และเท่าที่มอง เสื้อผ้าสี่ห้าชิ้นที่กำลังถูกปั่นอยู่นั้นเป็นของผมทั้งหมด


    ผมถอนหายใจแรง แม้กระทั่งเสื้อสูทผมหมอยังจับปั่นเข้าไปด้วย


    เนื้อผ้าเสียหมด


    ผมละความสนใจจากเสื้อผ้า เดินหาหมอต่อ ได้ยินเสียงเห่าแบบดีใจของพวกเด็กๆ ดังมาจากแถวๆ หน้าบ้าน ผมเดินไปดู เห็นหมอกำลังคุยอยู่กับแม่บ้านตรงประตูรั้วเล็ก เธอยื่นถุงผักและขนมปังให้หมอ หมอรับมาถือ แม่บ้านบอกลา ขึ้นจักรยาน ปั่นจากไป หมอปิดประตูลง เดินย้อนกลับมาโดยมีลูกๆ ของหมอพากันวิ่งล้อมหน้าล้อมหลัง  


    “ฝากด้วย”

    หมอยื่นสิ่งของที่อยู่ในมือทั้งหมดให้ผม


    ผมถอนหายใจอีกรอบ รู้ดีว่าหมอหมายถึงอะไร หิ้วของทุกอย่างเข้าครัวไป หยิบผ้ากันเปื้อนลายหวานแหววของแม่บ้านมาสวม รื้อผักจากถุงมาล้างทำความสะอาด 

     

    แค่เห็นวัสดุ ผมก็รู้แล้วว่าควรจะทำอะไร หมอเดินมานั่งบนเคาน์เตอร์บาร์ข้างๆ มอง

     

    หิวพอกันครับ ผมทำเมนูง่ายๆ แต่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร ไม่ถึงยี่สิบนาทีทุกอย่างก็ออกมาเรียบร้อยสวยงาม ผมหยิบอาหารสองจานเดินไปยังโต๊ะกินข้าว หมอเดินตามมานั่งฝั่งตรงข้าม ผมรินน้ำใส่แก้วสองใบ วางไว้เคียงจาน 


    หมอตักกินทันที 


    “อร่อย”

    ไม่ต้องบอกผมก็พอจะเดาออก

     

    “เจ็บไหม”

    ผมถามอีกรอบ เพราะเมื่อคืนผมเล่นหมอค่อนข้างหนัก

     

    “ไหว”

    หมอบอกยิ้มๆ ใช้เวลาไม่นานเราก็อิ่ม


    ไม่เกินชั่วโมงเสื้อผ้านายก็น่าจะแห้ง แต่รีดเองนะ ได้เสื้อผ้าแล้วค่อยกลับละกัน หมอบอกเองโดยไม่ต้องให้ผมถาม 

     

    ดีแล้วล่ะ เพราะถ้าไปทั้งที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือด อาจไม่โสภาเท่าไหร่


    ผมอาสาทำความสะอาดจานชาม ในขณะที่หมอ ไปฝังตัวนอนคว่ำบนโซฟา โดยมีลูกๆ คร่อมขี่อยู่ด้านหลัง รายนั้นหัวเราะร่วน 


    ผมเดินออกไปหา กอดอกมอง 

    ถามอะไรหน่อยได้ไหม” 


    หมอเงยหน้ามอง

    “เอาสิ” 

    แล้วพลิกหงาย พี่เชฟ เจ้าหมาพันธุ์เยอรมันเชฟเฟิร์ดที่คอยจังหวะอยู่กระโดดคร่อมขี่พ่อมันเองทันที หมอหัวเราะร่วน จับหน้าหมาบีบบี้เข้าหากันจนหน้าหล่อๆ ของมันเบี้ยวไปหมด หมอหัวเราะขบขันยิ่งกว่าเดิมกับผลงานตัวเอง


    “อะไร” หมอเงยหน้าถามอีกรอบเพราะผมยังไม่ได้ถาม


    คุณเตรียมตัวยังไงสำหรับเมื่อคืน เพราะก่อนหน้านี้ผมจำได้ว่าไม่เคยเข้าได้เลย แต่เมื่อคืนมันเข้าได้” 

     

    หมอเลิกคิ้วสูง ดันหมาออกลุกนั่งดีๆ

     

    “มันน่าแปลกใจขนาดนั้นเลยเหรอ”

     

    “ใช่”

     

    “มันมีอุปกรณ์และยาที่ใช้สำหรับเตรียมพร้อมเรื่องพวกนี้อยู่ ฝึกบ่อยๆ มันก็ได้เอง”


    ผมไม่ได้ถามต่อว่าฝึกแบบไหน พอจะเดาๆ ออกบ้างอยู่หรอก ผมส่ายหัวไปมา ได้ยินเสียงกริ่งดังหน้าบ้าน หมอหันไปมอง ลุกขึ้นเดินออกไป พักหนึ่งก็เดินกลับเข้ามาใหม่พร้อมซองสีน้ำตาลในมือ 


    ผมมองอย่างไม่ไว้ใจ รับมาถือไว้ ตรวจสอบดูด้วยตัวเอง ผมเทสิ่งที่อยู่ภายในลงบนโต๊ะ 

    มันคือกระเป๋าเงิน มือถือและพวงกุญแจ ของสามสิ่งที่หมอมีติดตัวก่อนโดนจับไป มีกระดาษแผ่นเล็กๆ แนบติดมาด้วย 

     

    “ของนายคุณหมอปัญญาอ่อน เพิ่งรู้ว่าซันไรส์เป็นของนายนะเนี่ย”

     

    ลอร่า

     

    ผมหน้าตึง เพราะสิ่งที่ห้อยอยู่กับกุญแจหมอคือพวงกุญแจรูปหัวใจอีกชิ้น โดยมีรูปหมอกับผมอยู่คู่กันเหมือนอย่างที่หมอเคยให้ผม

     

    หมอยิ้มแหะ ยักไหล่ไม่แก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ผมถอนหายใจแรงหมดข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้นเหมือนกัน

     

    ผมคร่าเวลาด้วยการเดินเล่นไปรอบๆ ผมเคยมาบ้านหมอก็จริง แต่ก็ไม่เคยสำรวจอะไรแบบละเอียดมากนัก ผมไล่ดูตั้งแต่ประกาศณียบัตรการแพทย์ รูปถ่ายตั้งแต่สมัยยังเด็ก

     

    ท่าทางแสบน่าดู ติดการ์ตูนตั้งแต่เด็กๆ เลยด้วย ไม่น่าเชื่อว่าคนแบบนี้จะจับมีดผ่าตัดได้

     

    ผมหยิบรูปถ่ายของหมอกับผมตอนดูพระอาทิตย์ขึ้นมาดู คว่ำมันลง ก่อนชะงักเพราะแรงกอดจากทางด้านหลัง

     

    มือนั้นซุกซนลอดผ่านชายเสื้อเข้ามาที่หน้าท้อง ลูบไล้หมุนวน รู้สึกถึงแรงจูบเบาๆ ที่แผ่นหลังด้วย

     

    “อย่ามากระตุ้นกันดีกว่าหมอ หากคุณไม่อยากเจ็บตัวอีกรอบ ผมมันพวกตื่นง่าย”

     

    “คิดว่าฉันไม่รู้รึไง”



    ขออภัย เนื้อหาส่วนนี้ถูกตัดออก 2 


    ได้ยินเสียงมือถือดังเบาๆ ผมถอนตัวออก เดินไปหยิบมากดรับ คนโทรมาคือเจ้านาย เจ้านายถามถึงหมอเพราะหงส์ซานเป็นห่วง ผมเหลือบมองคนที่ยังนอนคว่ำหน้าหมดแรง รายงานแค่ว่าหมอปลอดภัย และกำลังพักผ่อนอยู่ ผมพูดคุยกับเจ้านายอยู่พักใหญ่ ตอนแรกคิดว่าจะโดนเรียกตัวกลับ แต่เจ้านายให้พักได้หนึ่งวัน 

     

    ผมกดวางสาย หันไปมองเจ้าของเรือนร่างเปลือยเปล่าตรงหน้า ผมโยนมือถือทิ้ง คร่อมทับเรือนร่างนั้นอีกครั้ง

     

    “รอบเดียวไม่พอหรอกนะหมอ”

    ผมจับหมอพลิกหงาย หมอยิ้ม

     

    “ฉันรู้”

     

    แล้วปากของเราก็แนบชิดกันอีกครั้ง




    To be Con...

    สักคนละเม้นท์ -,.- (ปล. มีไรท์ทอล์กด้านล่างค่ะ)  



    ปกฉบับปรับปรุงให้ดีขึ้นอีกนิด (ยังไม่ไฟนอลนะคะ)


     


    (>>จองหนังสือ คลิกที่นี่<<) 


                                                                                                                   

    อีบุ๊ค(e-book) หงส์ซาน (จบแล้ว เนื้อหาเหมือนหนังสือทุกอย่าง)

    (ราคา 339.- จากราคาปก 480.- เนื้อหานิยายมี 27 ตอน+ตอนพิเศษอีก 3 ตอน)

    [>>ดาวน์โหลดอีบุ๊คที่นี่ค่ะ<<]


    +++++++++++++++++++++++++++++++++


    ไรท์ทอล์ก 

     #เอาบุญมาฝากค่าา

    ได้ทำสามบุญวันเดียวกันเลย

    1. ไถ่ชีวิตโคกระบือหนึ่งตัว (เป็นวัวท้อง ไถ่หนึ่งได้สองชีวิต) 23,000.-

    2. สร้างตู้บริจาคถวายวัดหนึ่งตู้ 4,000.-

    3. ให้ทุนการศึกษาเด็กหนึ่งคน 1,500.-


    ทุกบุญนี้บอกตามตรงว่าเกือบไม่ได้ทำ ดีแต่ว่ามีเพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมสมทบทุนมา


    บุญที่ถือว่าได้มาแบบฉิวเฉียด คือบุญทุนการศึกษาเด็กน้อย เพราะพี่เขาโทรมาบอกตอนสี่ทุ่ม กำลังจะก้มกราบแทบเท้าพระอินทร์อยู่รอมร่อ พี่เขาถามมาว่ายังอยากทำอยู่ไหมทุนการศึกษาเด็กด้อยโอกาส ถ้าจะทำก็ให้โอนมาช่วงเช้านะ เพราะเขาจะมอบให้เด็กตอนเที่ยง อิไรท์ปาดเหงื่อง้างกระเป๋าตังค์ดู 


    พี่คะ หนูอยากทำมาก แต่งบหนูหมด T^T จำต้องตอบปฏิเสธไป แต่ก่อนจะวางสาย นึกอะไรออก เลยบอกพี่เขาไปว่า งั้นเอางี้พี่ เกิดมีคนโอนเงินมาให้คืนนี้ พรุ่งนี้จะรีบโอนไปให้ทันที พี่เขาบอกโอเค ไม่พร้อมก็ไม่ต้องทำ เพราะไม่อยากให้เดือนร้อนตัวเอง แค่อยากทำบุญก็เกิดแล้ว ไรท์รับปากไป ปิดมือถือ ล้มตัวลงนอนอีกรอบ หลับตา 


    แต่ก่อนที่สติจะด่ำดิ่งลงสู่ห้วงนิทรา ไรท์ตั้งจิตอธิษฐานไปว่า "ขอให้มีใครสักคน โอนเงินเข้าบัญชีมาให้สักก้อนโต ๆ จะได้นำเงินนั้น ไปเป็นทุนการศึกษาให้เด็กได้" แล้วหลับไปอีกรอบ  


    ไรท์ตื่นอีกทีตีสองเพื่อลุกขึ้นมาสวดมนต์นั่งสมาธิตามปกติ ตีห้าเดินไปเปิดคอมเพื่อเช็คบัญชีเผื่อมีคนโอนเงินมา 


    ว้าววว มีคนโอนเงินเข้ามาจริง ๆ ด้วย!!


    คนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ร้ายของไรท์เอง >////<

    โอนมาในระหว่างที่ไรท์หลับ สงสัยจะได้ยินกระแสจิตไรท์ (เวอร์ไปละ จริง ๆ มันก็ค่าขนมประจำเดือนของไรท์ที่ผู้ร้ายให้มาทุกเดือนนั่นแหละ = = แต่ไรท์ลืม เพราะเขาโอนมาให้ไม่เป็นเวลา) 

    ไรท์รีบกดโอนเงินไปให้พี่เขาทันที 1,500.- (ที่เหลือก็สมทบทุนไถ่โคกระบือไป) 


    นี่ยังไม่ได้บอกผู้ร้ายนะเนี่ยว่าเงินที่เขาโอนมาให้ เอามาทำบุญหมดเลย


    เขาเป็นคริสเตียน ถ้าทำบุญเกี่ยวกับศาสนาพุทธ เขาไม่ค่อยสนับสนุนหรอก แต่ก็ไม่ห้ามนะ ให้เกียรติกันอยู่ อยากทำก็ทำ แต่ห้ามเอาเงินเขาไปทำแค่นั้นแหละ (บู้ววววว)


    ถ้าวันไหนชวนเฮียแกไปปล่อยนกปล่อยปลา ไถ่ชีวิตโคกระบือ เฮียจะขมวดคิ้วแล้วถามกลับมาว่า "จะไถ่ไปทำไม พระเจ้าสร้างมันให้มาเป็นอาหารคนนะ"

    ไม่เถียงค่ะ แต่อิฉันเป็นพุทธที่กินมังสะวิรัสค่ะ == ;

    เขาชอบกินเนื้อวัวเป็นอาหารหลัก แต่เวลาไปเดท เขาต้องงดกิน เพราะถ้าวันไหนกิน งดจูบ งดทำกิจกรรมสำรวจร่างกายทุกพื้นที่ไปหนึ่งวัน ช่วงแรก ๆ เฮียแกพยายามตบตาว่าไม่ได้กิน แต่ทางนี้เซ้นท์ดีไง แค่ได้กลิ่นก็รู้แล้วว่ากินมา (อีกอย่างเฮียโกหกไม่เก่งด้วย พิรุธตลอด)


    มีครั้งหนึ่งพากันไปกินเบอร์เกอร์คิง(มันมีเบอร์เกอร์เวจจี้สำหรับคนกินมังสะวิรัสด้วย อร่อยมาก ลองไปชิมกันได้) เขาสั่งเบอร์เกอร์เนื้อมา แล้วมาบอกว่าเนี่ยเบอร์เกอร์ปลา กินแล้วจูบได้ 

    ค่ะ = =

    ตาไม่ได้บอดสี เนื้อแดงขนาดนี้ ปลาสี่ขาที่ร้องมอ ๆ น่ะสิ

    ก็แล้วแต่นะ ถ้าวันนี้เฮียกินเนื้อวัวก็อดกินเนื้อคนไปละกัน โฮะ ๆ ๆ ๆ หลัง ๆ เฮียแกเลยกินน้อยลง แทบจะเดือนละครั้งได้ (บางเดือนไม่แตะเลย)

    แต่ถ้าเป็นบุญที่เกี่ยวกับเด็กกำพร้า เด็กด้อยโอกาส คนพิการ คนที่มีชีวิตน่าสงสารทั้งหลายแหล่ คนยากคนจนเฮียจะกลายร่างเป็นสายเปย์ขึ้นมาทันที เห็นที่ไหนเมื่อไหร่ ควักจ่ายก่อนเลย (ไรท์เลยชอบทำตัวปัญญาอ่อน เป็นง่อยขาง่อยใส่เขาบ่อย ๆ ค่าขนมจะได้มารัว ๆ ฮ่า ๆ - แต่เอาจริง ๆ แล้วไรท์อ้อนเขาไม่บ่อยนักหรอก เพราะเวลาเขามา เขาจะให้ไรท์ถือกระเป๋าเงินแล้วบอกว่า "เงินผมก็คือเงินคุณ" พอรู้ว่าเป็นเงินตัวเอง ต่อมงกทำงาน ใช้จ่ายเขียมจนโดนว่าอยู่บ่อย ๆ ใช้จ่ายกินเองใช้น้อยมาก ๆ บางวันแค่ 20 บาทก็อยู่ได้ทั้งวัน ที่เหลือก็เอาไปลงทุนเพิ่ม ทำบ้านให้แม่แล้วก็ทำบุญ - ,. -)

    เอาเป็นว่าไม่ว่าจะทำบุญแบบไหน ถ้าทำด้วยใจบุญเกิดทั้งนั้น มีทรัพย์บริจาคทรัพย์ ไม่มีทรัพย์ บริจาคความเมตตาและปรารถนาดีต่อผู้อื่น หรืออย่างน้อย ๆ อารมณ์ดีใส่คนรอบข้างบ้าง แค่นี้บุญก็เกิดแล้ววว

    ผู้ร้าย : "ยิ้มอะไรคนเดียว"

    ไรท์ : "บริจาคยิ้มอยู่"

    ผู้ร้าย : " = = ; " หันหลังเดินไปหยิบมือถือมาต่อสายถึงโรงพยาบาลศรีธัญญาทันที

    โมทนาสาธุค่าา



    ADD FAB เป็นแฟนคลับเรื่องนี้จิ้มน้องหงส์ได้เลย

    {ADD FAD}


    แฮทแท็กเรื่องนี้ #หงส์ซาน 




    ติดต่อ-ติดตามการอัพนิยายไรท์เตอร์ได้ที่นี่ค่ะ 

    เพจ : facebook.com/memew28

    เฟส : facebook.com/memewfc

    ทวิต : @Memew28

    เมล : Memew28(แอท)gmail.com

    instagram : Memew28

    Line : Memew28 



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×