NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HONGZAN "หงส์ซาน" (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #16 : หงส์ซาน #14 ภูเขาไฟระเบิด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 17.03K
      189
      14 มิ.ย. 60



    หงส์ซาน #14 ภูเขาไฟระเบิด


    ผมจ้องมองดวงตาของคนที่อยู่เหนือร่างผมขึ้นไป กัดกรามแน่น ผมเพิ่งสังเกตว่าห้องไม่ได้ปิดม่านตรงหน้าต่าง แสงจากไฟหน้าแพจึงสาดเข้ามาให้เห็นภาพภายในได้อย่างชัดเจน

     

    ใครเป็นคนเปิด

     

    ไม่ใช่ผมหรือวิกเซอร์แน่ๆ

     

    “เล่นอะไรของคุณ”

    ผมถามออกไปเสียงเบา

     

    แต่ให้ตาย เสียงผมมันแปร่งพร่ายังไงพิกล

     

    ร่างกายผมร้อนไปหมด รู้สึกเลือดกำลังวิ่งพล่าน ศูนย์รวมของเลือดทั้งหมด ไปกระจุกรวมกันอยู่ที่ส่วนกลางลำตัวจนตอนนี้มันตั้งชันจนเห็นเป็นภูเขาฟูจิลูกย่อมๆ แล้ว

     

    “ไม่ได้เล่น แต่เอาจริง”

     

    “คุณเอายาอะไรให้ผมกิน”

    ผมถามกลับเสียงนิ่ง ทั้งที่พอจะรู้อยู่แล้ว

     

    “ยานอนหลับไง”

     

    ผมร้องหึในลำคอ กัดกราม จ้องนิ่งอยู่ยังใบหน้าของคนด้านบน

     

    “ใช่ หลับสนิทเลย”

    ผมตอบประชด พยายามบังคับร่างกายไม่ให้รู้สึกเกินกว่านี้

     

    “ถ้าเกิดคนที่กินน้ำกระป๋องนี้เป็นวิกเซอร์ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น”

     

    “ฉันรู้ว่าพวกนายถือคำสั่งเป็นประกาศิต เมื่อฉันบอกว่ากระป๋องนี้สำหรับนาย ฉันมั่นใจว่าวิกเซอร์ต้องไม่กิน”

     

    “ไม่กินอะไร หมอนั่นเกือบกินไปแล้วถ้าผมไม่แย่งคืน!

    ผมตอกกลับเสียงหนัก

     

    “อ้าว เหรอ ว้า คิดไปไม่ถึงจริงๆ วิกเซอร์ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้นนะ ออกจะเคร่งคำสั่ง”

     

    “น้องผมรวนหมดเพราะคนอย่างคุณนั่นแหละ”

     

    “จริงเหรอ”



    ขออภัย เนื้อหาส่วนนี้ถูกตัดออก (จุดที่ 1) 


    ...

    ...

    ...

    ...

    ...

    ... 

    หมอขยับเปลี่ยนท่าจนหนังสือการ์ตูนที่วางอยู่บนอกหล่นตกพื้น แต่ยังนอนนิ่งอย่างไม่รู้สึกตัว

     

    ผมไม่ได้อยากสนใจ แต่มันก็อดไม่ได้ถ้าเห็นอะไรมันไม่อยู่กับที่กับทาง ผมขยับลุกอย่างแผ่วเบาตรงไปหยิบหนังสือที่หล่น นำมันไปวางไว้บนอกคนหลับอีกที

     

    เวลานอนก็ดูไร้พิษสงดีอยู่หรอก แต่เวลาตื่นก็ปีศาจดีๆ นี่เอง 

     

    หมอขยับปรับท่าอีกนิดหน่อยแล้วนิ่งสงบลง กลีบปากที่ปิดสนิทเผยอเปิดเล็กน้อย เพิ่งสังเกตว่าจมูกหมอมันเป็นสันก็จริง แต่แอบมีงอนตรงปลายนิดๆ (แสดงว่าเป็นพวกดื้อรั้น) หน้าผากมน ผมยาวปรกคิ้วหมดแล้ว

     

    ผมขมวดคิ้ว


    แล้วนี่ผมจะมายืนพิจารณาหมออยู่ทำไมกัน ผมละสายตาจากปีศาจปัญญาอ่อนตรงหน้า เดินกลับไปนั่งที่เดิม 

     

    ...

    ...

    ...

    ...

    ... 

    #หงส์ซาน

     

    ผมตื่นอีกทีตอนสิบโมง คุ้ยหาขนมกินเล่นที่ซื้อเตรียมมากิน พี่หมอนอนคอพับโดยมีหนังสือการ์ตูน(ปัญญาอ่อน)วางอยู่บนอก ไร้เงาของซันไรส์ คงหลบเข้าไปนอนในห้อง อากาศที่นี่ดีสุดๆ ผมยืดตัวสูดลมหายใจเข้าปอดอีกรอบ เห็นบางแพเขามีฟูกมาปูนอนรับลม ผมหันมองเข้าไปภายในห้อง ลุกขึ้นเดินหา ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าที่นี่ก็มีเหมือนกัน พับซ่อนไว้ในตู้

     

    ผมรีบลากมันออกมาปู อยากเล่นน้ำหรือพายเรือเล่นนะ แต่รอพี่หมอตื่นก่อนละกัน ผมนอนคว่ำ หันหน้าเข้าหาน้ำ หยิบมือถือมากดเล่น สลับกับมองวิวมองน้ำ น้ำที่นี่ราบมาก ไม่มีคลื่นเหมือนทะเล ยกเว้นเวลาเรือแล่นเข้ามาใกล้ๆ จะมีคลื่นนิดหน่อย แต่ก็ไม่มาก เพราะส่วนใหญ่เขาจะดับเครื่องก่อนเรือถึงแพ

     

    ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ก็มีใครสักคนมาคร่อมร่างผมไว้ ผมรีบพลิกหันไปมอง ตาโตเมื่อเห็น

     

    ไอ้บ้วยครับ

     

    “ไหนว่ากลับมาหลังเที่ยง”

    ผมยกมือถือดูเวลา สิบเอ็ดโมง มันยิ้ม เกลี่ยเส้นผมที่ระตาผมออกให้แผ่วเบา

     

    ให้ตายหัวใจผมเผลอเต้นแรงไปกับสัมผัสอันอ่อนโยนนั้นด้วย

     

    “พอดีอยากกลับมากินข้าวกับเมีย”

     

    ผมหน้าบูดขึ้นมาทันที ผลักคนตรงหน้าออกแรง

     

    แต่ให้ตายเถอะไอร่อนแมน!

     

    มันไม่ขยับเลยสักนิด ร่างแกร่งแค่กระตุกเพราะแรงผลักของผมเท่านั้น

     

    “ปล่อย ไม่อายชาวบ้านชาวช่องเขารึไง”

    ผมผลักอีกรอบให้ขยับ แต่มันไม่ขยับครับ

     

    “อายทำไม สามีพาภรรยามาฮันนีมูน”

    ฟังดูเพราะขึ้นเยอะ แต่ความหมายมันก็แบบเดียวกันนั่นแหละ

     

    “ปล่อยสิวะ”

    ผมผลักอีกรอบ รู้สึกไอแดดจะแรงไปจนรู้สึกหน้าร้อนๆ ยังไงพิกล ผมต้องรีบหลบรังสียูวีก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวฝ้าขึ้น

     

    มันไม่ขยับ ผมจึงใช้วิธีกระเถิบตัวขึ้นสูงหวังหนีไปด้านบน มันขยับแขนมากั้นช่วงไหล่ผมไว้ ผมจะพลิกหนีไปด้านข้าง มันตามมากั้นไว้ได้อีก ผมขยับตัวลงต่ำหวังมุดหนีลงไปด้านล่างแทน มันหยุดผมไว้ด้วยเข่าครับ แทรกลงมาตรงกลางระหว่างขาพอดี

     

    ผมเสียววูบเลย เพราะส่วนนั้นของผมชนเข้ากับขามันเบาๆ ผมรีบเขยิบขึ้นไม่ให้ถูก ขยับพยายามพลิกซ้ายพลิกขวาพลิกหน้าพลิกหลังอีกรอบ แต่ไม่ว่าจะหลบไปทางไหนมันก็กั้นเอาไว้หมด

     

    ผมหยุดดิ้น มองมันตาขวาง

     

    “หาเรื่องรึไง รึอยากโดนต่อย”

    ผมขู่อย่างนักเลง

     

    “เอาสิ ถ้าหงส์ต่อยเฮียได้ เฮียจะปล่อย”

     

    ท้ามาก็รับคำท้าทันที

     

    ผมยกหมัดจะต่อย แต่มันรับหมัดผมไว้ได้ กำแน่นในมือในลักษณะขยุ้ม

     

    “ปล่อย”

    ผมพยายามดึงหมัดกลับ มันเปลี่ยนจากกำมือผมมาเป็นจับข้อมือผมไว้แทน กดตรึงไว้เหนือหัว

     

    “เหลืออีกข้าง ต่อยมาสิ”

    มันท้าอีกรอบด้วยน้ำเสียงเนิบๆ เอียงหน้าให้ทำดีๆ 

     

    คือ...มึง กูไม่ได้โง่นะ ขืนต่อยไปก็โดนยึดหมัดไว้อีกรอบน่ะสิ คราวนี้ละ ท่าโคตรส่อต่อการโดนล่วงละเมิดทางเพศเลย

     

    ผมไม่ต่อยแต่ใช้วิธีดันมันออก ดิ้นขลุกขลักยึกยักไปมา ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ผมมองมันตาขวางยิ่งกว่าเดิม มันเลื่อนมือมาเกลี่ยแก้มผมเบาๆ สงสัยไอร้อนจากแดดข้างนอกมันจะแผดเผาแรงขึ้นจนผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งร่างตอนนี้ ผมเมินหลบตาที่มองมาอย่างเชื่อมหวานนั้น

     

    “เฮียไม่อาย แต่หงส์อาย”

    ผมอ้อมแอ้มบอก หวังว่าความอ่อนลงบ้างของผมจะทำให้มันใจอ่อน

     

    “แต่เฮียชอบเวลาหงส์อาย น่ารักดี”

     

    โว้ย!! แบบไหนมันก็ไม่ยอม

     

    ผมกำหมัดหวังต่อยอีกหมัด แต่มันรับไว้ ไม่ได้เอาไปตรึงไว้เหนือหัวอย่างที่คิดไว้ตอนแรกหรอกครับ ตรึงไว้แถวๆ ข้างไหล่นั่นแหละ ผมมองตาขุ่น มันจ้องหน้าผมนิ่ง มองและมองอยู่อย่างนั้น

     

    “จะมองหาซากฟอสซิลรึไง”

    ผมว่าเสียงขุ่น ร่างกายร้อนวูบวาบยิ่งกว่าเดิม มันไม่สนเสียงนกเสียงกาของผม ก้มหน้าลงมาจูบซับที่หน้าผาก เกลี่ยต่ำลงมาตามแนวสันจมูก จุมพิตที่ปลายจมูกแผ่วเบา เกลี่ยปากคลอเคลียไปมาสลับกับเกลี่ยไซ้ด้วยปลายจมูกมันเอง มาจบลงที่ปากแนบปาก มันวางเอาไว้เฉยๆ ครับ ไม่ได้ขยับ ไม่ได้ล่วงล้ำ

     

    แต่ให้ตายเถอะ TT

     

    ผมไม่ได้ขัดขืนมันเลยสักนิด

     

    “ปล่อย”

    ผมกระซิบท้วง มันเลื่อนปากไปที่แก้มเกลี่ยเบาๆ แล้วฝังปลายจมูกลงจนแก้มผมบุ๋ม

     

    ตัวผมเห่อร้อนไปหมด ผมว่ามันไม่ได้มาจากรังสียูวีข้างนอกหรอก น่าจะมาจากมันนี่แหละ มันเลื่อนปากกลับมาแนบปากผมต่อ คราวนี้มาแบบฟูลออฟชั่นครับ ปาก ฟัน ลิ้น แถมน้ำลายอีกด้วย มันคงกลัวผมปากแห้ง

     

    ผมครางปรามในลำคอ แต่เพียงเดี๋ยวเดียวเท่านั้นก็ต้องโอนอ่อนผ่อนตามขยับปากตอบรับทุกการรุกเร้า มันไม่ได้จูบแบบปลุกอารมณ์หรอก จูบธรรมดา ปากแนบปาก ลิ้นแนบลิ้น ฟันกระทบกระทั่งกันนิดหน่อยเหมือนเพื่อนทักทายกันด้วยการชนไหล่

     

    เพียงชั่วเดี๋ยวเดียว ผมก็ไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน นอนนิ่งๆ ให้มันชิมจนหนำใจ มันถอนปากออก

     

    จูบมาซะนาน ปากชาไปหมด

     

    ผมเลียริมฝีปาก ตามันยังไม่หยุดมองตาผม มันทิ้งตัวลงไปนอนหงาย จับผมพลิกขึ้นไปนอนเกยอยู่บนตัวมันแทนที่ ผมร้องเหวอจะลุก แต่มันรัดเอวผมไว้แน่น ใช้ขาเกี่ยวขาผมไว้กันดิ้นรนขัดขืน

     

    “เล่นบ้าอะไร”

     

    “เขาเรียกสวีท”

     

    “สวีทบ้าสวีทบอ เขามีไว้สำหรับคนรักกัน อั๊วไม่ได้รักเฮียสักหน่อย”

     

    มันยกยิ้ม จ้องตาผมไม่หลบไปไหน

     

    “เดี๋ยวก็รัก”

     

    “รู้ได้ไง อั๊วไม่ใจง่ายขนาดนั้นหรอก ปล่อย!!

    ผมพยายามจะดึงตัวออก แต่มันไม่ปล่อย มองตาผมนิ่งอยู่ตามเดิม

     

    “บ้า ประสาท โรคจิต ชอบกินพวกเดียวกัน”

    ผมด่าใส่มันเบาๆ ฟังดูหึ่งๆ เป็นยุงตอมหูยังไงพิกล มันหัวเราะรับฟังเฉย ขยับพลิกนอนตะแคงข้าง ตัวมันบังผมจากแพอื่นๆ ที่จะมองมามิด ดีว่าแพเราเป็นแพริมสุด อีกด้านเป็นป่า


    ขออภัย เนื้อหาส่วนนี้ถูกตัดออก (จุดที่ 2) 



    “สกปรก”

     

    “ของเมียมันสกปรกตรงไหน”

     

    คะ คือ ขนาดผมยังขยะแขยง นี่มันไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง

     

    “ทุเรศว่ะ”

    ผมก้มหน้าด่าใส่อกมันแทนด่าใส่หน้าตรงๆ เผื่อหน้าอกมันจะมีสปีกเกอร์ส่งผ่านเสียงด่าผมขึ้นไปยังสมองมันบ้าง ได้ยินเสียงหัวเราะพออกพอใจของมันดังกลั้วอยู่ด้านบน

     

    ผมหยุดด่าเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาใกล้

     

    “เจ้านายครับ อาหารพร้อมแล้วครับ”

    เป็นเสียงของวิกเซอร์

     

    ผมเงยหน้าจากอกไอ้บ๊วย ส่วนตัวมันเองพลิกหันไปมอง ขยับลุก ผมจึงถือโอกาสนั้นลุกหนีออกมายืนห่างๆ กวาดมองไปรอบๆ

     

    ไม่มีใครสนใจมองมาที่ผมกับไอ้บ๊วยหรอกครับ ยกเว้นพี่หมอกับซันไรส์

     

    ซันไรส์มองมาด้วยสายตานิ่งเรียบติดจะเย็นชาผสมชิงชังตามเดิม ในขณะที่พี่หมอ

     

    เอิ่ม

     

    มองมาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม

     

    พี่แกนั่งอยู่บนผ้าใบตัวเอง หันหน้ามาทางผมกับบ๊วย ค้ำคางตั้งศอกบนเข่านั่งดูเฉย เหมือนดูหนังหรือการแสดงอะไรสักอย่าง อาหารวางอยู่เต็มโต๊ะข้างๆ

     

    พี่หมอไม่พูดไม่แซวอะไรทั้งนั้น ถึงตอนนี้ก็ยังมองผมไม่วางตา

     

    ผมโคตรอาย ไม่คิดว่าพี่หมอจะตื่นแล้ว

     

    หรือว่าตื่นเพราะเสียงผมครางเมื่อกี้

     

    “หนะ หน้าด้านว่ะ พี่หมอ”

    ผมอ้อมแอ้มต่อว่า

     

    มันด่าได้ไม่เต็มปากครับ เพราะเรามาทำกันกลางแจ้งให้เขาเห็นเอง แต่มันไม่ใช่ความผิดผมนะ คนผิดคือไอ้บ๊วยต่างหาก

     

    บ๊วยมันไม่สนใจว่าเพื่อนตัวเองจะมองยังไง เดินหน้านิ่งไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พี่หมอ ผมยังยืนอยู่ที่เดิม ทำตัวแทบไม่ถูก

     

    “ครางดังๆ หน่อยก็ไม่ได้ พี่หมอจะได้ฟังด้วย”

     

    ผมจะบ้าตาย เพราะหน้าด้านหน้าทนแบบนี้นี่เองถึงเป็นเพื่อนสนิทกันได้ ผมไม่สนใจพี่หมออีก เดินตึงๆ จนแพไหวไปยังโต๊ะอาหาร ทิ้งตัวลงนั่ง จ้องหน้าคนร้ายที่มาพรากลูกๆ ออกจากอกพ่ออย่างผมตาขวาง

     

    “ไม่ล้างมือรึไง”

    ผมถามไอ้หื่นข้างตัว เพราะเอ่อ..มือนั้นเพิ่งจะ

     

    มันหันมามอง ยกยิ้ม ซันไรส์เดินหน้านิ่งเข้ามาหาพร้อมทิชชู่เปียก มันรับไปถือ เช็ดเบาๆ ผมจิ๊ปาก ลงมือตักอาหารกิน

     

    ไอ้บ๊วยมันเรียกสมุนมันมานั่งกินด้วยกัน เพราะหลังจากนี้เราจะไปนั่งเรือชมวิวรอบเขื่อนกัน 

     

    พี่หมอเป็นคนคุยสนุก เขาทำให้ผมหายเหงาไปได้มากโข หลังจบมื้อเที่ยง เรานั่งเล่นรอไกด์ พอบ่ายโมงสิบนาทีไกด์ก็โผล่ นั่งเรือมากับคนขับร่างผอมเกร็ง ผิวดำเมี่ยมตามประสาคนตากแดดแทบจะตลอดเวลา เราจะไปชมเขาสามเกลอแล้วก็ส่องสัตว์ครับ โอกาสเจอมีประมาณ ใน 10 แต่ถึงไม่เห็นก็ถือว่าไปนั่งเรือชมวิวเล่นละกัน เราทุกคนถูกบังคับให้สวมเสื้อชูชีพ รูปขบวนตามเดิมคือผมนั่งคู่กับบ๊วย พี่หมอกับซันไรส์ ส่วนวิกเซอร์นั่งคู่กับไกด์ หลังสุดเลยคือคนขับเรือตัวดำ

    เสบียงติดตัวมีแค่น้ำเปล่าคนละขวดเท่านั้น เรือพาแล่นเอื่อยๆ ไปตามลำน้ำใสสะอาด บ๊วยมันไม่นั่งเฉย ดึงเอาผมไปนั่งอิงอกมันด้วย ลำบากแต่ขัดขืนไม่ได้ วงแขนข้างหนึ่งโอบมารอบเอวผม นี่ถ้าผมเป็นผู้หญิงและรักมันจริงคงมีความสุขพิลึก

     

    แสงแดดยามบ่ายลอดผ่านหลังคามากระทบผิว ดีแต่ว่าเรือกับน้ำเย็นๆ ทำให้ความร้อนไม่ได้ทำร้ายเรามาก พอใกล้ริมตลิ่งเขาก็ชี้ชวนให้ช่วยกันสอดส่ายสายตามองหาสัตว์ป่าที่จะออกมากินน้ำให้เห็น ผมยกตัวจากอกไอ้บ๊วยซึ่งมันก็ยอมดีๆ พยายามเพ่งตามองหา

     

    “นั่นครับ นกเงือก นกที่ถือว่าเป็นมาตรวัดความอุดมสมบูรณ์ของป่า”

    ไกด์คนเก่งของเราชี้ชวนให้ดู

     

    ผมพยายามเพ่งมองไปยังต้นไม้ต้นหนึ่ง ใบแทบไม่มีเหลือติดต้น ลำต้นสูงชะลูด แผ่กิ่งออกไปทุกทิศทุกทาง ตั้งอยู่โดดเด่นท่ามกลางต้นไม้ใบเขียวสด บนนั้นมีนกอยู่จริงๆ รูปร่างพิลึกกึกกือยืนตาปรือๆ อยู่บนกิ่งแถวๆ กลางต้น ไกด์อธิบายเล่าถึงที่มาที่ไป รวมถึงการขยายเผ่าพันธุ์ของมัน ผมฟังหูซ้าย ย้ายไปหูขวา พี่หมอนี่ทำตัวเป็นช่างภาพ National Geographic ลุกขึ้นเดินไปถ่ายรูป เห็นซูมแล้วซูมอีกจนนกแทบจะมาแปะอยู่หน้ากล้องรอมร่อ ผมว่าถ้าอยากได้ภาพชัดๆ ไปเสิร์ซ Google เอาง่ายกว่านะ ผมนั่งมองเฉย พอๆ กับไอ้บ๊วย

     

    หลังจากหนำใจจากนก เขาก็พาเรือขับวนไปรอบๆ ผ่านภูเขาหินผาตั้งตระหง่าน สวยงามจนผมอ้าปากค้าง วิญญาณช่างภาพพี่หมอออกฤทธิ์อีกรอบ ถ่ายรูปแชะๆ ผมยังอดใจไม่ไหวหยิบมือถือออกมาถ่ายเลย บ๊วยก็ทำด้วยเหมือนกัน ภูเขาที่นี่มันเป็นภูเขาหิน มีต้นไม้แซมอยู่บนหัวเหมือนผมคน 


    ที่เขาบอกกุ้ยหลินเมืองไทยเพราะแบบนี้แหละมั้ง สวยจริงๆ

     

    เขาพาเราไปยังแลนด์มาร์กอีกที่ของเขื่อนเชี่ยวหลานนั่นก็คือเขาสามเกลอ เป็นภูเขาหินรูปร่างแปลกๆ สามลูกตั้งเรียงกัน คนขับพาเรือวนไปจอดยังมุมที่สวยที่สุด เขาบอกว่าจริงๆ มาดูช่วงเช้าจะเห็นหมอกปกคลุม จะสวยกว่านี้ ยิ่งมีพระอาทิตย์สาดแสงลงมานี่สวรรค์ชัดๆ เลย แต่พอดีเรามากันบ่ายจะเย็นแล้ว แสงสาดไปคนละทิศ แต่มันก็ยังสวยอยู่ดี

     

    ผมนี่มองตาโตแล้วโตอีก เรือพาวนอ้อมไปอีกด้าน ทำให้แสงสาดเข้ามาในเรือ ผมยกกล้องขึ้นส่องเพื่อหามุมสวยๆ ในการถ่าย วาดกล้องไปเรื่อยๆ

     

    กระทั่งมาหยุดอยู่ยังใบหน้าของคนข้างๆ แทนที่จะมองวิวมองภูเขา มันกลับมานั่งมองผมนิ่งๆ เท่านั้น

     

    หน้าผมเห่อร้อนขึ้นมาแบบไม่ทราบสาเหตุลดกล้องลงมอง

     

    “มองทำไม ไม่มีภูเขาบนหน้าอั๊วสักหน่อย”

    ผมอ้อมแอ้มถาม

     

    “เฮียมองภาพที่สวยที่สุดอยู่”

     

    ผมหันไปมองด้านหลัง เผื่อจริงๆ แล้ววิชั่นของมันคือด้านหลังผม มันก็สวยหมดแหละ ผมขยับตัวเบี่ยงหลบ แต่มันก็ยังตามมามองผมอยู่เหมือนเดิม ผมชักไปไม่เป็น

     

    “ละ เลิกมองได้แล้ว”

    ผมห้ามอย่างตกประหม่า

    “ภูเขาน่ะ มองไป แก่แล้ว อีกหน่อยก็เข้าโลง คงไม่มีโอกาสได้มามองอีก”

     

    มันอมยิ้ม ยกมือค้ำคางตั้งศอกกับเข่ามอง

     

    “นั่นน่ะสิ หงส์ท่ามกลางภูผาสวยๆ แบบนี้คงไม่มีให้เห็นบ่อยๆ”

     

    “หงส์ที่ไหน ที่นี่มีแต่นกเงือก”

     

    มันไม่ตอบ มองมาด้วยสายตาระยิบระยับ

     

    ผลักคนตกน้ำนี่ผิดกฎหมายเมืองไทยไหมครับ

     

    แต่ถ้าผมทำแบบนั้นจริง ซันไรส์หรือวิกเซอร์คงกระโดดมาเตะก้านคอผมตกน้ำตามลงไปด้วย

     

    ผมรีบหันหลังให้ มองวิวอย่างอื่นต่อ แต่รู้สึกหลังคอมันร้อนๆ ยังไงพิกล ผมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเสีย  


    To be Con..


    สกิลจีบเมียตัวเองเหนือชั้นจริง ๆ เฮียไป่หลงของเรา >//<




    (>>จองหนังสือ คลิกที่นี่<<) 

    อีบุ๊ค(e-book) หงส์ซาน (จบแล้ว เนื้อหาเหมือนหนังสือทุกอย่าง)

    (ราคา 339.- จากราคาปก 480.- เนื้อหานิยายมี 27 ตอน+ตอนพิเศษอีก 3 ตอน)

    [>>ดาวน์โหลดอีบุ๊คที่นี่ค่ะ<<]


    ADD FAB เป็นแฟนคลับเรื่องนี้จิ้มพี่หมอเวอร์แบ๊วเลย

    {ADD FAD}


    แฮทแท็กเรื่องนี้ #หงส์ซาน 




    ติดต่อ-ติดตามการอัพนิยายไรท์เตอร์ได้ที่นี่ค่ะ 

    เพจ : facebook.com/memew28

    เฟส : facebook.com/memewfc

    ทวิต : @Memew28

    เมล : Memew28(แอท)gmail.com

    instagram : Memew28

    Line : Memew28 



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×