NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HONGZAN "หงส์ซาน" (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #14 : หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19.14K
      218
      10 ก.ย. 60


    วิกเซอร์หรือซันไรส์ (ดูไม่ออก = =; บางทีสองพี่น้องนี้ก็หน้าตาเหมือนกันจนเกินไป) 


    หงส์ซาน #12 หวานหยดจนมดต่อย



    ไม่รู้ว่าเพราะร่างกายผมมันเคยชิน หรือว่ามันไม่ได้ตะบี้ตะบันโหมทำผมแรงแบบอยู่บ้าน พอได้ยินเสียงเคาะปลุกจากซันไรส์ผมถึงได้สะดุ้งลืมตาตื่นพอๆ กับไอ้บ๊วย มันมาปลุกให้อาบน้ำเตรียมตัวนั่งเรือไปดูพระอาทิตย์ขึ้นครับ บ๊วยให้ผมไปอาบก่อน ผมรีบลุกจากเตียงเข้าห้องน้ำไป พอออกมามันก็เข้าต่อ

     

    “เจ็บไหม”

    มันถามก่อนเดินออกจากห้อง กระดากที่จะบอก แต่ผมส่ายหัว มันยิ้ม พาผมเดินออกจากห้องไป ที่ท่าเรือ มีเรือวิ่งเข้ามาจอดรอแล้ว ไม่รู้ว่ามายังไง ถึงได้เงียบขนาดนี้ เห็นแพอื่นเตรียมตัวลงเรือเหมือนกัน สงสัยจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเหมือนกัน พี่หมอยืนเท้าสะเอวสูดลมหายใจเข้าปอดอยู่

     

    ไอ้บ๊วยก้าวลงเรือนำไปก่อน ยื่นมือมารับผมเป็นคนที่สอง การถูกมันประคบประหงมนี่ทำให้รู้สึกเสียศักดิ์ศรีแต่มันปะปนมากับความรู้สึกดีๆ ยังไงบอกไม่ถูก พี่หมอก้าวตามลงมาติดๆ ตามด้วยซันไรส์และวิกเซอร์

     

    ผมกับไอ้บ๊วยนั่งอยู่หัวเรือ ถัดไปเป็นพี่หมอที่บอกให้ซันไรส์มานั่งข้างตัวเอง คงไม่อยากนั่งคนเดียวล่ะมั้ง วิกเซอร์นั่งอยู่หลังสุด เขาใช้วิธีพายเรือครับ ออกไประยะหนึ่งค่อยติดเครื่อง เรือแล่นผ่านผิวน้ำที่ยังมืดอยู่ตรงไปเรื่อยๆ แม้จะมืดก็ยังเห็นวิวรอบด้านได้ มันสวยจริงๆ ผมยกมือถือขึ้นมากดถ่าย

     

    สักพักเรือก็พาวิ่งมาถึงกลางน้ำ ตรงหน้าคือช่องว่างระหว่างภูเขา เขาบอกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นตรงกลางนี้ มีเรือคนอื่นมาจอดคอยเหมือนกัน ผมมองอย่างลุ้นระทึก กระทั่งแสงแรกค่อยๆ โผล่นำขึ้นมาก่อน ตามด้วยดวงตะวันลูกกลมๆ มันโผล่สูงขึ้นมาเรื่อยๆ ผมทั้งมองทั้งถ่ายรูป มันสวยมากจริงๆ

     

    “ไป่หลง น้องหงส์หันมานี่”

     

    ผมกับไอ้บ๊วยหันไปตาม พี่หมอถือกล้องไว้ ผมฉีกยิ้มทันที ไอ้บ๊วยกอดไหล่ผมไว้ ผมรีบดันตัวหนี

     

    “อย่าเพิ่งเล่นตัวครับน้องหงส์ เดี๋ยวพระอาทิตย์จะหนีไปไกล มุมนี้สวยสุด”

     

    ผมอยากถ่ายกับพระอาทิตย์สวยๆ เหมือนกัน แต่อยากถ่ายคนเดียวมากกว่า

     

    พี่หมอถ่ายไปหลายแชะ ก่อนสลับคู่กัน พี่หมอกับเพื่อน พี่หมอกับผม แม้กระทั่งซันไรส์ก็ได้ถ่ายด้วย แต่ต้องสั่งสอนวิธีเข้ากล้องของซันไรส์ใหม่นะ เพราะหน้านิ่งได้ใจในขณะที่พี่หมอฉีกยิ้มกว้าง มันดูสว่างไสวจนพระอาทิตย์ยังอาย

     

    กระทั่งดวงตะวันสูงลิ่วขึ้นไป เรือก็พาเรากลับ

     

    มื้อเช้า เรากินกันที่แพ เป็นข้าวต้มปลาง่าย ๆ บ๊วยมันทำงานเสร็จแล้วละครับ วันนี้มันจะอยู่เที่ยวกับผมทั้งวัน

     

    ซึ่งผมไม่ได้ต้องการเลย 

    จริงๆ นะ (แต่เอ๊ะ ทำไมเสียงผมมันดูแผ่วๆ ลง)

     

    หลังจากเติมพลังให้ท้องกันคนละชามสองชาม พี่หมอก็ชวนพายเรือคายัคเล่น ต่อให้ว่ายน้ำเก่งขนาดไหน เขาก็บังคับให้ใส่ชูชีพไว้ ผมจำต้องหยิบเสื้อชูชีพสีส้มแปร๋นมาสวม ก้าวลงเรือนำไปก่อน กำลังจะจ้วงพายก็ต้องชะงักเพราะมีใครอีกคนก้าวตามลงมานั่งด้านหลัง

     

    “ขึ้นมาทำไม จะพายคนเดียว”

     

    มันไม่ฟังเสียงฟ้าเสียงฝนอะไรทั้งนั้น นั่งได้ก็รับไม้พายมาถือ พี่หมอหัวเราะ ก้าวขึ้นเรือตัวเอง โดยมีซันไรส์กับวิกเซอร์อยู่บนฝั่ง ต่อให้เคืองขนาดไหน ผมก็ออกแรงพาย

     

    หนัก ผมหันไปมองคนด้านหลัง

     

    “ช่วยกันพายสิ นั่งอยู่เฉยๆ ทำไม”

     

    มันยิ้ม ยกไม้พายมาช่วยกันพาย ฟรีสไตล์ครับ เราพาเรือล่องห่างจากฝั่งไปเรื่อยๆ ได้ยินเสียงไม้พายจ้วงน้ำดังมาเป็นระยะ ก่อนได้ยินเสียงแชะเบาๆ ผมหันไปมอง เห็นบ๊วยมันกำลังกดถ่ายหน้าผมตอนเหลียวไปมองพอดี

     

    “ถ่ายไร”

    ผมถามฉุนๆ

     

    “ถ่ายลิงกลางน้ำ”

     

    ผมจิ๊ปาก ยกมือถือผ่านหน้ามันบ้าง แต่ไม่ว่ามุมไหนมันก็ดูดีไปหมด

     

    “จะถ่ายไปทำไมวะ เปลืองเมม”

    ผมจะลบ แต่มันดึงข้อมือไว้ แย่งมือถือผมไป กดทำอะไรยิกๆ แล้วส่งคืน ผมรับมาดู อ้าปากค้าง เพราะมันเล่นถือวิสาสะเปลี่ยนหน้าจอรูปปลาคาร์ปผมเป็นหน้ามันซะเอง

     

    “ถ้าหงส์เปลี่ยนคืนหรือลบภาพออกจากเครื่อง เฮียจะปล้ำแปดยกรวดไม่ให้ลุกได้เลย”

     

    ผมถลึงตามอง แค่สี่รอบนี่ก็สามวันแล้วกว่าจะลุกได้ โดนไปแปดยกไม่นอนเป็นผักไปเป็นอาทิตย์เลยเหรอ


    พระอาทิตย์สาดแสงแรงกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนเราต้องยอมแพ้ พากันพายกลับ ผมแกล้งพายเรือไปชนเรือพี่หมอเบาๆ ได้ยินเสียงวิกเซอร์ตะโกนเชิญไอ้บ๊วยมาจากฝั่ง บ๊วยพาเรือเข้าชิดแพแล้วก้าวขึ้นไป วิกเซอร์ยื่นมือถือให้ สงสัยจะคุยกันเรื่องงาน ผมเลิกสนใจมันหันมาพายเรือเล่นต่อ


    แข่งกันไหม” พี่หมอชวน ผมตาวาว 

     

    “แข่งกันไหม”

    พี่หมอชวน ผมตาวาว

     

    “เอาสิ”

     

    กำลังจะเริ่มไอ้บ๊วยมันก็เบรกไว้ พอรู้ว่าเรากำลังจะแข่งกันก็ยกยิ้ม

     

    “ฉันแข่งด้วยสิ สามคนนี่แหละ ใครชนะสามารถสั่งคนแพ้ให้ทำอะไรก็ได้”

    มันยืนกอดอกพูด

     

    ผมตาวาวยิ่งกว่าเดิม

     

    “อะไรก็ได้เหรอ”

    ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง มันเหลือบตามามองผม

     

    “ใช่”

     

    “รวมถึงเรื่องหย่าด้วย”

     

    มันเลิกคิ้วมอง นิ่งคิดไปนิด จุดรอยยิ้มข้างมุมปาก

     

    “ได้สิ ถ้าคิดว่าหงส์ทำได้”

     

    ผมตาวาว

     

    “ได้”

     

    “เตือนไว้ก่อนนะหงส์ แพ้ขึ้นมา ต้องทำตามห้ามปฏิเสธ ห้ามเถียง ห้ามร้องขอด้วย”

     

    “ได้ เฮียเองก็เหมือนกัน ถ้าอั๊วชนะขึ้นมา เซ็นใบหย่าทันที”

     

    มันกระตุกยิ้ม

     

    “ได้สิ”

     

    “น่าสนุก”

    พี่หมอพูดยิ้มๆ

     

    ซันไรส์ไปเอาเรือมาเพิ่มอีกลำ เป้าหมายคือทุ่นที่อยู่ห่างออกไปลิบๆ นู่น

     

    ผมตั้งท่า งานนี้ตายเป็นตาย ยังไงผมก็ต้องทำให้มันหย่ากับผมให้ได้

     

    “เตรียมตัว”

    ซันไรส์เป็นกรรมการ

     

    “เริ่ม!!

    พอสัญญาณมา ผมก็จ้วงเรือแบบไม่คิดชีวิต เป้าหมายคือชีวิตที่เป็นอิสระ แรกๆ เรือของเราเคียงไปด้วยกันครับ สักพักผมก็จ้วงพายหนีนำ หัวใจผมเต้นแรง

     

    อิสระอยู่แค่เอื้อมเท่านั้น!!

     

    แต่ก่อนที่เรือผมจะพุ่งพรวดเข้าเส้นชัย อยู่ๆ ก็มีเรือปริศนาพุ่งเป็นจรวดเข้าเส้นชัยนำผมไปก่อน

     

    ผมอ้าปากค้าง มองเรือที่เลยเขตแดนไปไกล ก่อนเจ้าตัวจะเบรก พาเรือตีโค้งพายกลับมาจอดเทียบข้างๆ ช้าๆ สีหน้ายังคงราบเรียบ

     

    ผมจ้องหน้าผู้ชนะอึ้งๆ ปากได้รูประบายยิ้มกว้าง

     

    “เฮียชนะ”

     

    เถียงอะไรไม่ออก ผมได้แต่กัดฟัน ฮึดฮัด 


    ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น!!

     

    ผมสะบัดหน้า พาเรือจ้วงกลับ เจอพี่หมอพายมาสมทบ

     

    “น้องหงส์พายเร็วจัง พี่หมอสู้ไม่ได้เลย”

     

    ผมหน้าบึ้ง เร็วขนาดไหนก็แพ้อยู่ดี ไอ้บ๊วยพายเรือผ่านเราสองคนไปบนฝั่ง ส่งเสียงหัวเราะหึๆ มาหลอกหลอน ผมอยากบินไปบีบคอมันจริงๆ

     

    “น้องหงส์คงไม่รู้ว่าสมัยเรียน ไป่หลงเป็นแชมป์กีฬาทางน้ำเกือบทุกชนิดนะ”

     

    ผมอ้าปากค้าง

     

    กูงูดินไปแข่งกับมังกรชัดๆ

    ผมหน้าบึ้งอย่างเสียรู้ พี่หมอหัวเราะ ชวนผมพายเรือเล่นปลอบใจ

     

    พอแดดเปรี้ยงพวกเราก็ต้องยอมแพ้เพราะร้อนเกิน เลือกไปนั่งเล่นกระทั่งมื้อเที่ยง เรากินดื่ม นั่งเล่นนอนเล่นกันแบบสบายๆ

     

    แน่นอนว่าต่อให้เพื่อนมันอยู่ บ๊วยมันก็ยังไม่ลืมว่าเรามาฮันนีมูนกัน กอดได้กอด หอมได้หอม จูบได้จูบ บังคับป้อนบ้างละ ที่นั่งมีผมแทบไม่ได้สัมผัส ตักมันคือพื้นที่อิสระของผมยามนี้ เถียงได้เหรอครับ เมื่อคำสั่งของมันคือทำตามที่มันสั่งทุกอย่างห้ามเถียง

     

    อ๊ากกกกกก

     

    กูจะฆ่าเมิงงงงงงง

     

    ก่อนอื่น ผมขอฆ่าตัวตายก่อน ข้อหาไม่รอบคอบ

     

    ไก่ย่างมื้อกลางวันอร่อยสุดๆ ผมนั่งแทะปีกไก่จนปากมันเลื่อม ไอ้บ๊วยหยิบทิชชู่มาเช็ดให้เบามือ ผมหน้าร้อนผ่าว ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หลังมื้อเที่ยง เราจะไปถ้ำเขาทะลุกัน

     

    หลังจากเตรียมตัวเสร็จ ไกด์ประจำกรุ๊ปเราก็มารับ เราต้องไปเริ่มต้นกันที่อุทยาน นั่งเรือจากนั่นสองชั่วโมง ต่อด้วยเดินเท้ากันอีกสองชั่วโมง จึงจะถึงที่หมาย

     

    วิวข้างทางเวลาที่เรือเคลื่อนผ่านมันสวยจริงๆ ครับ สวยจนผมแทบหลงลืมทุกอย่าง พอถึงที่หมายก็ลงจากเรือเพื่อเดินเท้าผ่านเส้นทางที่เป็นป่า มีคนเดินสวนเรากลับบางส่วน สีหน้าแต่ละคนดูมีความสุข ยิ้มให้ด้วย แต่ยิ้มให้ไอ้บ๊วยข้างหลังผมเยอะกว่า

     

    เหอะ อย่าไปหลงเสน่ห์มันพี่สาว เห็นหล่อๆ แบบนี้ มันเป็นโรคจิต ชอบกินเด็ก หื่นสุดๆ กินตัวผู้ได้ด้วย

     

    สองกิโล จะว่าไกลก็ไกล ใกล้ก็ใกล้ ไกด์เดินนำ ตามด้วยวิกเซอร์ ผม ไอ้บ๊วย พี่หมอ ตบท้ายด้วยซันไรส์ ผมใส่รองเท้าแบบรัดข้อมา(มันเป็นรองเท้ากึ่งผ้าใบ ลุยน้ำได้ เดินป่าได้) พอๆ กับทุกคนที่มา เสื้อยืดกางเกงขาสั้น เดินเซๆ ก้าวตามวิกเซอร์ไปติดๆ มีเซหัวจะทิ่มก็หลายรอบ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ดีแต่ว่าบ๊วยมันช่วยประคองผมไว้ ผมดึงแขนออก พยายามพยุงตัวดีๆ ก้าวเดินอย่างมั่นคงด้วยตัวเอง

     

    เป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องให้ใครมาประคับประคองหรอก

     

    “เหวอ!!”

    ผมไถลอีกรอบตอนก้าวผ่านรากไม้แล้วมันลื่น ไอ้คนด้านหลังก็มือไว คว้าเอวผมไว้ได้ทัน จับผมพยุงดีๆ

     

    “เดินช้าๆ ก็ได้ ไม่ต้องรีบ”

     

    ผมดันตัวออกอีกที สงสัยว่าผมจะเหนื่อยจากการเดิน หัวใจถึงได้ไหวแรงขนาดนี้ ผมเดินหน้าร้อนตัวร้อนเช็ดเหงื่อที่ไหลพลั่กๆ ออกจากหน้า

     

    สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ไอ้บ๊วยที่มัวแต่ห่วงว่าผมจะล้มเสียหลักเซไปชนกับต้นไม้ข้างทาง

     

    คิดว่าผมจะช่วยไหมล่ะ?


    ผมหันไปมองแล้วยืนหัวเราะเยาะมันตรงนั้นแหละ มันมองมาตาขวาง พยุงตัวยืนดีๆ ผมรีบหันหลัง ก้าวเดินต่อ 

     

    จริงๆ เคยมีคนสอนผมไว้นะว่าอย่าหัวเราะคนล้ม เพราะพอผมเดินต่อไปได้อีกแค่สี่ห้าก้าว ก็เสียหลักไถลลื่นกลิ้งหลุนๆ ลงไปนั่งแหมะที่พื้น คราวนี้ไม่มีใครพุ่งมารองรับอย่างทุกครั้ง ผมเงยหน้ามอง 


    พ่อสุภาพบุรุษที่เคยช่วยเหลือผมมาตลอด ตอนนี้มันยืนนิ่งครับ หนำซ้ำยังกอดอก มองมาด้วยสายตาเยาะเย้ย ไม่ได้หัวเราะ แต่สายตามันกำลังขบขันและเย้ยหยันผมอย่างเห็นได้ชัด

     

    ผมรีบดีดตัวลุก ก้าวฉับๆ นำไปอีกรอบ

     

    อายดิ เล่นล้มกลิ้งต่อหน้ามันขนาดนั้น


    (40%)




    เหงื่อไหลไคลย้อยกันพอประมาณ ได้ยินเสียงบ่นว่าเหนื่อยจากพี่หมอ แต่ก็สนุก ไม่ต้องพูดถึงสองพี่น้องนั้นนะครับ เหมือนพากันมาเดินเล่นในสวนหลังบ้าน ไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยกันเลยสักนิด 

     

    กำลังขาถดถอยลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็มาถึง ผมฉีกยิ้มดีใจ เราถ่ายรูปกับป้ายถ้ำพอเป็นพิธี แล้วเตรียมตัว เราต้องใส่ชูชีพอีกรอบตามคำแนะนำของไกด์ ใส่ไฟฉายไว้ที่หัว รูปขบวนเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ไกด์นำหน้าตามเดิมต่อด้วยวิกเซอร์ ไอ้บ๊วย ผม พี่หมอปิดท้ายด้วยซันไรส์

     

    พอก้าวเข้าไปในถ้ำ ผมก็ต้องตาโตเพราะความสวยงามของมัน

     

    มันสวยเอาจริงๆ เย็นด้วย

     

    บรึ๋ย!

     

    ยิ่งเดิน ยิ่งเย็นและยิ่งมืด เส้นทางไม่ได้สบายเลย เราต้องลัดเลาะไปตามเส้นทางเล็กๆ น้ำสูงตั้งแต่ข้อเท้ายันหน้าอก ต้องค่อยๆ ไต่เลาะไปตามร่องหิน น้ำเชี่ยวบ้าง เบาบ้าง และตลอดระยะเวลา บ๊วยมันก็คอยประคองช่วยเหลือผมตลอด บางจุดมีอุ้มเลย

     

    อย่างตอนนี้ก็เหมือนกัน ผมกำลังจะไถลผ่านร่องหินที่มีหินก้อนใหญ่เบียดบีบเข้าหากัน น้ำไหลหลากเสียงดังจนน่ากลัว บ๊วยมันยื่นสองแขนมาทางผมเหมือนพ่อยื่นแขนหวังอุ้มลูก คืออยากทำดื้อกับมันเหมือนกัน แต่คำสั่งยังค้ำคอ อีกอย่างกลัวลื่นหัวแตกด้วย ผมจึงยื่นมือเข้าหามัน แทนที่มันจะปล่อยเลย กลับกอดผมแน่น จับสองขาผมรัดรอบเอวตัวเอง

     

    “ปล่อยได้แล้ว ทำอะไรทุเรศ อายคนอื่นบ้าง”

     

    “อายทำไม มีแต่ค้างคาว”

     

    ผมกรอกตาขึ้นฟ้า ลืมไปว่ามันหน้าด้านขนาดไหน วิกเซอร์ก้าวห่างออกไปอีก มันจึงยอมปล่อยผมลง ก้าวนำไปเดี๋ยวเดียวก็หันมามอง พอผมเดินตามมันก็หันกลับไปเดินต่อ

     

    มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ กับความห่วงใยที่มันมีต่อผม

     

    ยิ่งมันห่วงใยผมมากเท่าไหร่ หัวใจผมยิ่งอ่อนแอลงมากเท่านั้น

     

    ผมกำลังจะก้าวผ่านก้อนหิน มันยื่นมือมาให้อีกรอบ ผมมอง อยากทำเก่งปัดมือมันออกเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนใจเป็นวางมือลงบนมือนั้น มันกำมือผมแน่น ยึดไว้ด้วยกล้ามแขนอันแข็งแรง ผมออกแรงดีดตัวข้ามก้อนหินไปอยู่ในน้ำผืนเดียวกับมัน มันยิ้ม ปล่อยมือผมลง ก้าวตามวิกเซอร์ไปติดๆ

     

    ผมกัดปากแน่น 

    ไม่อยากจะยอมรับเลย แต่รอยยิ้มมันเมื่อกี้ ดูดีสุดๆ

     

    “เฮ้ย!

    ได้ยินเสียงพี่หมอร้องดังอยู่ด้านหลัง ผมรีบหันไปมองทันที เพราะคิดว่าพี่หมอคงเดินพลาดล้มหัวฟาดพื้น ไฟทุกดวงส่องจ้าไปยังจุดเดียวกัน


    พี่หมอล้มจริงๆ ครับ ลงไปนั่งหงายท้องอยู่ในน้ำที่สูงประมาณเอว รองรับร่างไว้ด้วยซันไรส์ที่นั่งอยู่ในท่าเดียวกัน บนหน้าอกเปียกๆ มีกบตัวเบ้อเร่อเกาะอยู่ 

     

    ผมหัวเราะออกมาทันทีกับภาพที่เห็น คนปัดออกให้คือซันไรส์ มันขยับลุกยืน พยุงพี่หมอให้ลุกตาม

     

    “ตกใจหมด คิดว่าโดนค้างคาวบินมากัดคอซะอีก”

     

    ผมยังหัวเราะไม่หยุด กระทั่งรู้สึกถึงบางสิ่งหยุ่นๆ กระโดดมาเกาะแหมะกลางหน้าพอดี ผมนิ่งค้างไปชั่วครู่ก่อนร้องโหยหวนออกมาเป็นผีป่าช้าแตก จะปัดมันออก มันก็กระโดดดึ๋งจากหน้าผมขึ้นไปนั่งบนหัว ผมร้องว้ากออกมาอีกรอบ มันกระโดดจากหัวลงไปเกาะที่หลัง

     

    มึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของกูรึงายยยยย

     

    เสียงร้องโหยหวนของผมดังก้องไปทั่วทั้งถ้ำ กระทั่งไอ้บ๊วยมันโดดเข้ามาช่วยจับกบตัวนั้นโยนทิ้งไปไกลนั่นแหละ ผมตัวสั่นสยิว ไม่ได้กลัวกบ แต่แบบ….

     

    พี่หมอยืนหัวเราะร่วน ผู้คนที่เดินตามมาโผล่หน้าเข้ามาดู โคตรอาย ผมรีบหนีความจริงด้วยการก้าวนำไอ้บ๊วยไปก่อน

     

    ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ จากคนด้านหลัง ผมเบรกกึกหันไปมอง พี่หมอกับซันไรส์ยังอยู่ที่เดิม

     

    “หยุดหัวเราะไปเลย”

     

    มันเลิกคิ้วสูง พยุงหน้าหล่อๆ ของมันให้ดูดีขึ้นไปอีก

     

    “สงสัยมันจะคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าชายมากระโดดเกาะเจ้าหญิงหวังจุมพิต”

     

    “คิดได้ปัญญาอ่อนมาก ปีศาจเสียมากกว่า โดดเกาะมาได้เต็มหน้าเลย”

    ผมลูบหน้าลูบปากตัวเอง


    ถูกปากด้วยเหรอเมื่อกี้” มันถามด้วยน้ำเสียงซีเรียส

     

    “เต็มๆ เลย ขยะแขยง”

    ถ้าเห็นยังพอทน แต่นี่โดดโป๊ะเข้าเต็มหน้าเลย บ๊วยมันขยับเข้ามาชิด จับท้ายทอยผม ตรึงให้หน้าแหงน ใช้มือดันคางผมให้เงยขึ้น แล้วทาบปากลงมา ผมตาโต

     

    ทำบ้าอะไรของมันเนี่ย!!!

     

    มันบดเบียดริมฝีปาก แทรกลิ้นเข้ามาด้วย ทำอยู่พักใหญ่ก็ปล่อยปากออก

     

    “หงส์จะมีเจ้าชายได้เพียงคนเดียวเท่านั้น คือเฮีย”

     

    ผมอ้าปากพะงาบๆ

     

    “ประสาท”

    ผมรีบหันหลัง เดินรุดๆ นำไปก่อน ใช้หลังมือปาดปากตัวเองไปเบาๆ

     

    ผมระมัดระวังการเดินให้มากขึ้น ดีไม่มีกบเจ้าชู้ตัวไหนมากระโดดใส่หน้าหรือปากผมอีก (โดยเฉพาะมนุษย์กบ น่ากลัวมาก โดนแล้วมีผลทำให้หน้าร้อนครับ) ระยะถ้ำทำเอาเดินกันเป็นชั่วโมง สนุกปนเหนื่อยดี

     

    สวยงามขนาดไหน การได้ออกมาจากถ้ำก็ทำให้รู้สึกดี ผมรีบสูดเอาอากาศภายนอกเข้าปอด ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีพอควร

     

    เราเดินกลับออกมา กว่าจะกลับถึงที่พักก็ค่ำมากแล้ว เราจัดการสั่งอาหารเพื่อกินกันริมน้ำก่อนอาบน้ำ พออาบเสร็จกันครบหมดทุกคนอาหารก็มาพอดี

     

    ท้องฟ้ายามค่ำคืนสวยงามเสมอ พอกินข้าวอิ่มพี่หมอก็ขอตัวเข้าไปพักผ่อนต่อ ผมจะเข้าไปนอนบ้าง แต่บ๊วยมันดึงข้อมือผมไว้ แม้แต่ซันไรส์กับวิกเซอร์ก็หายไป

     

    “เฮียยังไม่ง่วง”

     

    “ไม่ง่วงก็นั่งดูดาวไป จะนอน”

     

    “ดูเป็นเพื่อนเฮียหน่อย”

     

    “ไม่”

     

    “หงส์”

     

    ลืมไปว่ากูต้องทำตามคำสั่งมึง ผมจิ๊ปาก แต่ลูกผู้ชายสัญญาต้องเป็นสัญญา ถ้ายังไม่สัญญาปฏิเสธหน้าด้านได้

     

    ผมเดินหน้ามุ่ยไปยังเก้าอี้ชายหาด

     

    แต่คิดเหรอครับว่าผมจะได้นั่งเก้าอี้ตัวเอง

     

    หวังไปเถอะ มันดึงผมลงไปนั่งบนตักมัน

     

    “มันนั่งสบายไหม”

    ผมบ่นหงุมหงิม มันหัวเราะหึๆ โอบกอดผมไว้

     

    “หงส์ร้องเพลงเป็นไหม”

     

    “ถ้าจะให้ร้องให้ฟัง แนะนำว่าอย่า ไม่งั้นขี้ไม่ออกแน่ๆ

     

    มันหัวเราะหึๆ

     

    “ทุเรศขนาดนั้นเลยเหรอ”

     

    “ควายออกลูกยังไง ก็อย่างนั้น ไล่ตามคีย์ไม่เคยทัน”

     

    มันหัวเราะเสียงดัง

     

    “เห็นครางออกเพราะ คิดว่าจะร้องเพลงเพราะด้วย”

     

    ผมหน้าร้อนผ่าว

     

    “ครางมันไม่ต้องอาศัยจังหวะนี่หว่า”

    ผมพูดเบาๆ ไม่หวังให้มันได้ยิน

     

    “อะไรนะ”

     

    “เปล๊า ไม่มีอะไร”

     

    “อยากฟังหงส์ร้องเพลง”

     

    “ร้องได้แต่เพลงชาติ จะฟังไหมล่ะ”

     

    “งั้นเฮียร้องให้ฟัง”

     

    “ไม่อยากฟัง”

     

    “ฟังหน่อยละกัน เฮียเพิ่งหัดร้องมาเมื่อคืน”

     

    ผมมองหน้างงๆ

     

    “เอาเวลาไหนไปหัดก็ในเมื่อ

    ผมหยุดคำไว้ เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ค่อนคืนไปแล้ว

     

    พอรู้ว่าโดนหลอกผมก็เมินหลบเสีย

     

    “ตามใจ ถ้าร้องไม่ได้เรื่องจะผลักตกน้ำ

     

    มันหัวเราะหึๆ




    อยากรู้จัก อยากให้เธอรู้จัก อยากเป็นคนรักเธอ อยากให้เธอได้หันมอง แบบว่าฉันคนธรรมดา ไม่ใจร้าย ถ้าลองได้คบจะดูแลเธออย่างดี

     

    อื้อหือ หน้าตาอย่างมัน ผมคิดว่าจะร้องเพลงแนวเก่าๆ โบราณๆ ซะอีก เอาซะคึกคักเชียว มันเล่นร้องเพลงของพี่เอก สุรเชษฐ์ซะด้วย (ชื่อเพลง 'ที่รัก(เธอ)' ครับ ไปหาเปิดฟังกันได้ เพราะมาก)

     

    มันยิ้มนิดๆ

     

    ความรู้สึก เธอคือคนพิเศษ อยากให้ลองรักดู อยากให้รู้ว่ารักเป็น ก็เลยร้องมาเป็นทำนอง ชา ดี ดา

    ถ้าได้เป็นแฟนจะดูแลเธออย่างดี

    เพราะคิดว่ารักเธอหมดตัว เธอคงต้องใจอ่อน ถ้างั้นฉันถามเธอสักครั้ง

     

    ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน ขยับความสัมพันธ์ มารักกับฉันนะเธอ

    มันไม่ร้องเปล่า กระชับกอดผมแน่นขึ้น ท่อนล่างผมแนบติดกับมันไปเรียบร้อย แต่ผมพยายามเอนท่อนบนหนี

     

    ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจ เต้นตรงกัน เธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉัน ที่รัก เธอ

    มันเขย่าขาตามเนื้อเพลงจนตัวผมเด้งดึ๋งๆ ผมหัวเราะออกมาเบาๆ หน้าร้อนผ่าว อยากต่อยมันสักหมัด แต่เกรงใจ กลัวมันร้องไม่จบเพลง ผมจะยอมเป็นผู้ฟังที่ดี จะจำใจฟังมันร้องจนจบเพลงละกัน

     

    ลองคิดดู หากเธอยังว่างอยู่ เชิญเธอลองพิสูจน์ เธอจะรักฉันรับรอง ก็ตัวฉันเป็นคนตรงๆ ไม่รวนเร ก็จะไม่เขวไม่มองใครนอกจากเธอ

     

    เพราะคิดว่ารักเธอหมดตัว เธอคงต้องใจอ่อน ถ้างั้นฉันถามเธอสักครั้ง

     

    ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน ขยับความสัมพันธ์ มารักกับฉันนะเธอ ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจ เต้นตรงกัน เธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉัน ที่รัก เธอ


    รู้สึกว่าทั้งหน้าทั้งตัวผมมันร้อนไปหมดจนอยากโดดน้ำสักตูมสองตูมให้คลายร้อน มันเล่นร้องไปยิ้มไป มึงจะยิ้มบ่อยไปไหม ทำหน้านิ่งๆ ขรึมๆ แบบที่กูเห็นแรกๆ ดีกว่านะ กูรวนได้ง่ายดี ทำหน้าแบบนี้รวนลำบาก 

     

    มันขยับริมฝีปากเข้ามาใกล้

     

    “ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจเต้นตรงกัน เธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉันที่รักเธอ” 

    ประโยคท้ายมันพูดชิดติดริมหูผมเลย

     

    มึงกำลังจะขอกูคบเหรอ กูว่ามึงข้ามขั้นไปไกลมาก เล่นแต่งงานกับกูก่อน ซั่มกูจนเยิน แล้วถึงมาขอคบเนี่ยนะ

     

    แล้วคำว่ารักนั้นล่ะ มันร้องตามเนื้อเพลง หรือมีความหมายตามคำพูด

     

    “เพราะไหม”

     

    “งั้นๆ พี่เอก สุรเชษฐ์ร้องเพราะกว่า”

     

    มันหัวเราะหึๆ

     

    “เฮียไม่เคยร้องเพลงให้ใครฟังเลยนะ หงส์เป็นคนแรกที่เฮียร้องให้ฟัง”

     

    ภูมิใจดีไหม

    ผมทำเมินมองไปที่อื่น หูเหมือนมีควันพุ่งออกมาเป็นทาง มันกระชับกอดผมแน่นขึ้น

     

    มีแสงจากฟากฟ้าพุ่งลงมาเป็นทางอย่างเห็นได้ชัดตรงหน้า ผมตาโต

     

    “ดาวตก!

    ผมรีบหลับตาอธิษฐานทันที 


    สาธุขอให้ผมมีอิสระ มีความสุข หลุดพ้นจากบ่วงทุกข์นี้เร็วๆ เถอะ

     

    “ไม่ขอรึไง”

    ผมถาม เพราะเห็นมันยังนั่งนิ่ง

     

    “ขอทำไม เฮียได้ในสิ่งที่เฮียต้องการอยู่แล้ว”

     

    “อะไร”

     

    “หงส์ไง”

     

    ผมนิ่งไป เลือกเสหลบ ความสับสนวิ่งชนหัวใจ ดวงตาที่มองมาดูจริงจังจนน่าตกใจ ผมไม่ถามต่อ ไม่อะไรทั้งนั้น

     

    คงเพราะผมกลัว กลัวจะต้องก้าวต่อ ผมขอหลบๆ หลีกๆ แบบนี้ไปก่อนละกัน

     

    “เคยเล่นน้ำตอนกลางคืนไหม”

     

    “บ้า ใครจะไปกล้าเล่น น่ากลัวจะตาย”

     

    “วันนี้เรายังไม่ได้เล่นน้ำด้วยกันเลย เฮียอยากเล่นกับหงส์ เราเล่นน้ำกัน”

     

    “นี่มันดึกแล้ว หนาว”

     

    “ไม่หนาวหรอก มาเถอะ”

    มันดันผมลุก ลากพาไปริมแพ

     

    “ไม่เอาเฮีย มันมืด น่ากลัวออก เดี๋ยวพวกผีใต้น้ำมาลากลงไปหรอก”

     

    มันหัวเราะร่วน

     

    “เชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ”

    จริงๆ ไฟตรงแพมี แต่มันก็น่ากลัวอยู่ดี มันหย่อนตัวนำร่องลงน้ำไปก่อน

     

    มันเอาจริงแฮะ ลอยคอ พยักหน้าเรียก

     

    “เร็วหงส์”

     

    ผมเม้มปากแน่น กลัวก็กลัว อีกใจก็อยากลองเล่นดู อีกใจ(นิดเดียวจริงๆ ครับ แค่ 0.0001% อยากลงไปเล่นกับมัน)

     

    ผมตัดสินใจหย่อนขาลงน้ำ มันเย็นกว่าตอนกลางวันก็จริง แต่ก็ไม่ได้เย็นมาก ผมทิ้งตัวลงน้ำเบาๆ ลอยคออยู่ไม่ห่างแพนั่นแหละ มันจับผมให้เกาะหลังมันไว้

     

    “อยู่กับเฮียไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”

     

    “เพราะเฮียน่ากลัวที่สุด เป็นตัวกินตับที่น่ากลัวยิ่งกว่าผี” 

    ผมต่อให้ มันหัวเราะร่วน พาผมลอยคอไปเรื่อยๆ มันยึดจับแขนผมไว้เป็นตัวประกัน ผมเลยโอบสองขารอบเอวมันซะเลย

     

    ดีแฮะ ไม่ต้องว่ายเอง มันว่ายน้ำลงไปในส่วนที่ลึกขึ้น

     

    “แน่ใจนะว่าไม่มีผี”

     

    “ถ้ามีเดี๋ยวเฮียจะจับมันยิงเป้า”

     

    ผมศอกใส่หน้าอกกว้างไปที

     

    “ยิงไปก็ไม่เข้า มันตายแล้ว”

     

    รายนั้นหัวเราะร่วน 


    วิวกลางคืนท่ามกลางสายน้ำกว้างใหญ่สวยงามมากจริงๆ เห็นภูเขาหินเป็นทิวกั้น ต้นไม้ตะคุ่มๆ แสงสว่างจากเรือนแพ ดาวเต็มฟ้า ผืนน้ำที่สะท้อนทั้งดวงดาวและแสงไฟจนดูสว่างไสวไปหมด

     

    “หงส์”

    มันเรียกเสียงนุ่ม

     

    “ครับ”

    โอ้โห ผมก็ตอบรับมันซะเพราะเลย

     

    “ไว้ใจเฮียนะ”


    ผมมองมันงงๆ มันปลดแขนผมที่เกาะคอมันออก ผมจำต้องปล่อยขาด้วย มันลากผมไปด้านหน้า ช้อนตัวผมนอนหงายในท่าอุ้มเจ้าหญิง 

     

    “ดาวทั้งหมดบนท้องฟ้าน่ะ เฮียยกให้หงส์คนเดียวเลย”

    โอ้โห โคตรใจดีเลย แต่ได้ข่าวว่าดาวเป็นของธรรมชาติไม่มีใครเป็นเจ้าของได้หรอก


    เพราะนอนหงายอยู่กลางน้ำที่ไม่มีหลังคาแพหรือสิ่งใดมากั้น วิชั่นขวางอย่างเดียวคือตัวมันนี่แหละ มันทำให้ผมเห็นดาวได้ชัดยิ่งกว่าเดิม 

     

    “สวย”

    ผมพูดตามจริง มันขยับพาผมหมุนเป็นวงกลม น้ำท่วมตัวผมอยู่ครึ่งหนึ่ง เวลาถูกวาดเป็นวงกลมแบบนี้มันทำให้รู้สึกดีพิลึก ผมกางแขนออกอย่างรู้สึกสบาย

     

    “หงส์”

    มันเรียกผมเสียงเบา ผมลดสายตาจากดวงดาวสบตามัน มันไม่พูดอะไร ก้มลงมาแนบจูบแผ่วเบา ผมขยับเปลี่ยนจากนอนหงายมาเป็นทิ้งตัวลงประคองร่างกลางน้ำด้วยตัวเอง

     

    เพราะเราว่ายออกมาอยู่ในจุดที่มืดมาก ผมจึงไม่กลัวว่าคนจะเห็น และบรรยากาศมันก็เป็นใจเหลือเกินให้ผมต้องยอมโอนอ่อน

     

    รสจูบของมันนุ่มนวลสุดๆ ผมขยับปากตอบรับด้วยจังหวะผะแผ่วไม่แพ้กัน โอบสองแขนรอบลำคอแกร่ง

     

    "I love you"

    ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วข้างใบหู ยังไม่ทันที่ผมจะได้ประมวลผลอะไรมันก็ย้ายปากจากหูมาจูบใหม่


    เมื่อกี้ผมได้ยินอะไรผิดหรือเปล่า


    มันรักผมเนี่ยนะ


    รักตั้งแต่เมื่อไหร่


    ตอนไหน


    แล้วรักได้ยังไง 


    มันไม่เปิดโอกาสให้ผมได้สัมภาษณ์อะไร บดเบียดปากผมมากขึ้น 


    ผมไม่รู้ว่าเราจูบกันนานแค่ไหน หากถามดวงดาว ดวงดาวอาจตอบได้ 

     

    แต่ดาวดวงไหนล่ะ เพราะมันหลายล้านดวงเหลือเกิน


    มันจูบจนปากผมชาช้ำถึงได้ค่อยๆ คลายปล่อย ยกมือเกลี่ยแก้ม สัมผัสนั้นนุ่มนวลสุดๆ มันฝังปากลงบนหน้าผากผมอีกรอบเบาๆ   

     

    “เรากลับกันเถอะ”

     

    ผมพยักหน้าเห็นด้วย ผมไม่ได้ว่ายกลับเอง แต่เกาะหลังมันเหมือนเดิม (อันนี้ไม่ใช่ผมเกาะเองนะครับ มันจับผมไปเกาะเองต่างหาก)


    หวังว่าคืนนี้ ผมจะได้นอนเร็วเหมือนเดิมนะครับ

     

    “หงส์”

     

    เหอะ ฝันไปเถอะ






     

    เพราะวันนี้ไม่ต้องแหกขี้ตาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ไหน เราจึงไม่ต้องตื่นเช้ากันมาก ผมลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ โดยมีตัวกินตับโอบกอดอยู่ข้างๆ ท้องพากันร้องจนน่าเกลียด มันสะลึมสะลือมอง

     

    “หิวแล้วเหรอ”

     

    “เสียงก็อดซิลล่าจากญี่ปุ่นบุกไทยมั้ง”

    ผมตอบกวนๆ มันหัวเราะหึๆ จุ๊บขมับผมเบาๆ ตบหน้าขาจนผมสะดุ้ง

     

    “ไปอาบน้ำได้แล้วป่ะ”

     

    ผมรีบลุกจากที่นอน วิ่งไปคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปทันที ออกไปก็เห็นมันนั่งเปลือยอยู่ข้างเตียงโดยมีแมคบุ๊กอยู่บนตักแล้ว

     

    “หน้าด้าน”

    ผมว่าไปตรงๆ มันเงยหน้ามอง ผมหยิบผ้าเช็ดตัวมาโยนให้มันกันอุจาด มันยกยิ้มมุมปาก กดปิดโน๊ตบุ๊กวางไว้บนเตียง

     

    “ของหงส์ทั้งนั้น”

     

    กูไม่อยากรับเว้ย!!

     

    มันหัวเราะ เดินเข้าห้องน้ำไป ผมออกไปข้างนอกก่อน เห็นพี่หมอนั่งเล่นรอเหมือนเคย แต่ไม่ได้อ่านการ์ตูน มองวิวเฉยๆ หันมามองเมื่อผมออกไป

     

    “อรุณสวัสดิ์ครับน้องหงส์ นอนหลับฝันดีไหม”

     

    “ไม่ได้ฝันเลย”

    ผมตอบตามตรง นั่งบนเก้าอี้ตัวเอง ซันไรส์เดินเข้ามาพร้อมข้าวต้มอย่างรู้หน้าที่ ผมซัดแหลกทันที กินไปได้แค่ครึ่งชามไอ้บ๊วยก็เดินออกมา ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเอง ไม่ได้เรียกให้ผมไปนั่งด้วย ช่วงเช้าของวันนี้ไอ้บ๊วยมันติดงานครับ ปล่อยให้ผมฟรีสไตล์ จะกลับมาพาเที่ยวอีกทีตอนบ่าย พอกินข้าวต้มหมดมันก็ไป


    ส่วนผมหลังกินอิ่มก็มานอนตีพุงเล่นหน้าแพ เราเล่นน้ำกันจนชุ่มฉ่ำพอใจแล้ว วันนี้จึงไม่ได้ตื่นเต้นที่จะลงน้ำมาก นอนเล่นพักผ่อนไปละกัน แดดร่มลมตกสักหน่อยค่อยไปเล่นน้ำก็ได้


    ผมหลับไปง่ายๆ ทั้งอย่างนั้น


    To be Con...

    ตอนนี้ทำเอาไรท์จิกหมอนขาดไปสองใบครึ่ง เหลือไว้อีกครึ่งเอาไว้หนุนนอนคืนนี้ >////<  ตอนหน้าซันไรส์เล่านะคะ 

    กับตอนที่ชื่อว่า : คุณหมอจอมป่วน  


    ตัวอย่างตอนต่อไปค่ะ (น้ำจิ้มแซ่บ ๆ) 


    ผมปิดสวิตซ์ตัวเองลง ก่อนลืมตาพรึบเพราะรู้สึกว่ามีบางสิ่งเคลื่อนที่มาคร่อมร่างผมไว้ 

     

    แม้จะมืด แต่สายตาผมก็มองเห็นได้ถนัดชัดเจน 

     

    “จะทำอะไรของคุณ วิกเซอร์เขาหูตาไว”

    ผมพูดเสียงเบาหวังให้เขาได้ยิน แต่ไม่ให้น้องชายที่นอนอยู่ได้ยิน

     

    “ไวขนาดไหนก็คงเอาชนะยานอนหลับที่ฉันให้ดื่มไปก่อนนอนไม่ได้หรอก”




    (>>จองหนังสือ คลิกที่นี่<<) 

    อีบุ๊ค(e-book) หงส์ซาน 

    (ราคา 339.- จากราคาปก 480.- เนื้อหานิยายมี 27 ตอน+ตอนพิเศษอีก 3 ตอน)

    [>>ดาวน์โหลดอีบุ๊ค<<]




    ไรท์ทอล์ก : เนื่องจากว่าเขียนนิยายมาหลายเรื่อง สิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นงานหนักของคนเขียนเลยก็คือพยายามสร้างสรรค์เนื้อหายังไงไม่ให้ซ้ำกับเรื่องอื่นๆ ที่เขียนมาแล้ว ทั้งสถานที่ ชื่อตัวละคร แนวเรื่อง บุคลิกและความรู้สึกของตัวละคร ตอนเขียนเรื่องหงส์ซานคิดอยู่ว่าจะให้พวกเขาสองคนไปเที่ยวที่ไหนกันดี ตอนแรกจะพาตัวละครไปมัลดีฟอย่างที่ตั้งใจไว้นั่นแหละ ปัญหาคือไม่เคยไป กลัวเขียนให้มันอินยาก เลยมาจบที่เขื่อนเชี่ยวหลานแทน (ไรท์ชอบเมืองไทยด้วย)

    จริง ๆ ไรท์ก็ไม่เคยไปหรอก ก่อนเขียนก็ Google อยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ ไล่อ่านรีวิวของพวกที่เขาไปเที่ยวมาแล้วเพื่อหาข้อมูลมาเขียน ซึ่งผิดถูกยังไงไรท์ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ใจอยากไปเที่ยวสถานที่จริงสักครั้งก่อนเขียน แต่เนื่องด้วยมันอยู่ทางใต้ ซึ่งไรท์ไม่เคยไป เพื่อนพ้องน้องพี่ที่จะชวนไปด้วยกันได้ก็ติดงานกันหมด ทางออกเดียวก็กูเกิ้ลนี่แหละ

    วันนี้ไรท์ไปอ่านเจอบทความของนักเขียนท่านหนึ่งที่ไรท์แอบปลื้มอยู่ แม้จะเป็นบทความสั้น ๆ แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยสาระและทัศนะคติอันน่านับถือ 

    หันกลับมามองผลงานตัวเอง ใจหนึ่งห่อเหี่ยว มองแล้วรู้สึกว่าผลงานตัวเองนี่ยังเด็กนัก อีกใจก็กระตุ้นให้รู้สึกฮึดสู้ ถ้าอยากเก่งให้ได้แบบนั้นก็ต้องพยายามให้มากขึ้นกว่าเดิม 


    เอาละ เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วย  


    ปล. ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ โดยเฉพาะสมาชิกไอดี PN ¨ ❤  เม้นท์ให้ย้าวยาว อยากบอกว่าวนอ่านหลายรอบมาก อยากปริ้นแล้วอัดกรอบมาแขวนติดกำแพง อ่านแล้วมีความสุขมาก ไอดี Paii'z Vichayaporn กับคอมเม้นท์เรียกเสียงหัวเราะ ฮามากกับคำว่า จะหื่น ๆ หน่อย และอีกหลายคอมเม้นท์ที่ไรท์เวียนกลับไปนั่งอ่าน รีดเดอร์อ่านนิยาย ไรท์นั่งอ่านคอมเม้นท์ เนื้อหาต่างกัน แต่มีความสุขเหมือนกัน 

    ขอบคุณที่มาสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ไรท์เตอร์ตัวเล็ก ๆ คนนี้นะคะ ทุกคนสุดยอดจริง ๆ


    ADD FAB เป็นแฟนคลับเรื่องนี้จิ้มพี่หมอเวอร์แบ๊วเลย

    {ADD FAD}





    แฮทแท็กเรื่องนี้ #หงส์ซาน 




    ข่าวประชาสัมพันธ์

    สำหรับคนอ่านเรื่อง Feel คนเจ้าอารมณ์ ไรท์แยกเอาเฉพาะตอนพิเศษคู่นาคินทร์อนุชาที่เขียนขึ้นมาใหม่มารวมกันไว้ในเล่มเดียวแล้วนะคะ (เป็นอีบุ๊คค่ะ) ราคา 99.- บาท ส่วนฉบับหนังสือนี่ขอดูยอดคนจองก่อนว่ายอดถึงให้ตีพิมพ์เป็นรูปเล่มได้ไหม ใครอยากได้เป็นเล่ม หลังไมค์นะคะ 

     4 ตอนที่เขียนขึ้นมาใหม่ค่ะ

    1. เคียงข้าง (นาคินทร์เล่า NC) 

    2. นาคินทร์แปลงร่าง (อนุชา NC) 

    3. มีกันและกัน (อนุชา) 

    4. ลอยกระทง (นาคินทร์ NC) 



    ดาวน์โหลดได้ที่นี่ค่ะ https://goo.gl/U8z4gl

    อันนี้ฉบับสมบูรณ์ (นาคินทร์อนุชา ฉบับสมบูรณ์) https://goo.gl/qnjxxj

    อันนี้เรื่องเต็มๆ ค่ะ Feel คนเจ้าอารมณ์รวมทุกคู่ 1-4 (แต่ไม่มีตอนพิเศษที่เขียนขึ้นมาใหม่) 

    https://goo.gl/5TJsnd


    เวอร์ชั่นหนังสือ : https://goo.gl/VEcdSD



    ถ้าใครยังไม่เคยอ่านไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ 

    https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1438026





    Follow and Contact writer Memew here 

    เพจ : facebook.com/memew28

    ทวิต : @Memew28

    เมล : Memew28(แอท)gmail.com

    instagram : Memew28

    Line : Memew28 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×