NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HONGZAN "หงส์ซาน" (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #13 : หงส์ซาน #11 ปั่นหัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19.33K
      214
      10 ก.ย. 60

    หงส์ซาน 11 ปั่นหัว 





     

    เนื้อหาบางส่วนถูกตัดออก 



    “ตูม!!! 

    เสียงโดดน้ำดังตูมของหงส์ซานดึงภวังค์ที่กำลังคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา ย้อนกลับมาตรงหน้าอีกครั้ง ผมเหลือบมอง เห็นรายนั้นกำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำ ก่อนกลับมามองคนที่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า น้ำบางส่วนหยดติ๋งลงพื้น

     

    “ไปเล่นน้ำกัน”

    เขาชวนอีกรอบ ราวกับไม่ได้ยินคำปฏิเสธของผมก่อนหน้า

     

    “ผมไม่ชอบเล่นน้ำ การลงน้ำสำหรับผมมีความหมายเพียงช่วยชีวิตคนเท่านั้น”

     

    “หมายถึง ถ้ามีใครสักคนจมน้ำป๋อมแป๋มขึ้นมา นายจะยอมลงไปในน้ำใช่ไหม”

     

    ผมไม่ตอบด้วยคำพูด แต่ตอบด้วยสายตาว่า ‘ใช่

     

    เขายิ้ม ไม่พูดอะไร เคลื่อนตัวถอยไปด้านหลังช้าๆ หงส์ซานว่ายน้ำไปโน่นแล้ว คงจะว่ายไปสำรวจเล่นแถวๆ นี้ ผมหันกลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง เห็นมุมปากได้รูปยกยิ้ม

     

    หวังว่าเขาคงจะไม่แกล้งตกน้ำเพื่อให้ผมลงไปช่วยหรอกนะ ถ้าเป็นงั้น ผมจะนั่งมองเฉยๆ เพราะเขาว่ายน้ำเก่ง

     

    หมอทิ้งตัวลงน้ำในลักษณะหงายหลังลง ร่างกายสมส่วนจมดิ่งลงไปใต้น้ำ ผมมองตามนิ่งๆ ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร

     

    และบอกกับตัวเองไว้ว่าผมจะไม่วิ่งเต้นไปกับการป่วนของเขาเด็ดขาด แค่วันนี้ในห้อง ก็ทำให้ผมปวดหัวหนึบแล้ว

    ...

        

    ..

    .

    หลังจากผมหิ้วกระเป๋าเข้ามาเก็บไว้ในห้อง วิกเซอร์เลือกที่นอนด้านในสุดติดกับกำแพงด้านขึ้นฝั่ง ผมต้องเลือกระหว่างนอนกลางกับนอนริม แต่ไม่ว่าจะทางไหน ผมก็ต้องนอนติดใครอีกคนที่ผมชักไม่อยากเข้าใกล้เขาเท่าไหร่แล้วตอนนี้

     

    พอวางกระเป๋าเรียบร้อยวิกเซอร์ก็ออกไปทันทีเพราะต้องพาเจ้านายนั่งเรือไปทำธุระเรื่องงานต่อ ปล่อยหน้าที่ดูแลหงส์ซานให้กับผมเพียงคนเดียว ใจจริงผมอยากสลับหน้าที่กับวิกเซอร์ แต่เจ้านายเลือกเขา ผมก็ต้องรับหน้าที่คุ้มกันหงส์ซานแทน

     

    นายเก่งกว่าวิกเซอร์นะ ซันไรส์

    ครั้งหนึ่งเจ้านายผมเคยพูดเมื่อผมขอเลือกสลับหน้าที่กับวิกเซอร์

     

    ฉันอยากให้นายดูแลคนสำคัญของฉัน

     

    ผมจำต้องจำนนต่อเหตุผล

     

    ความรักทำให้คนตาบอด ผมเห็นจริงด้วย

     

    ยังไม่ทันที่ผมจะถามหมอว่าอยากเลือกเตียงไหน หมอก็วางกระเป๋าลงบนเตียงด้านที่ติดกับระเบียงทางออกไปแพน้ำ ปล่อยพื้นที่ว่างตรงกลางสุดให้กับผม

     

    ผมวางกระเป๋าลงโดยไม่พูดอะไร

     

    “ซันไรส์”

     

    ผมหันไปมองคนเรียก หมอลุกเดินเข้ามาใกล้ หน้าผมยังนิ่ง แต่คิ้วขมวดมองด้วยสายตาปรามว่าให้เขาเลิกล้อเล่น ไม่ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรอยู่ก็ตาม

     

    “กลัวฉันเหรอ”

     

    “ไม่มีอะไรทำให้ผมกลัว แม้แต่ความตาย”

     

    “เยี่ยม”

    เขาขยับเข้ามาใกล้อีกนิด

     

    ใช่ ผมไม่ได้ ‘กลัว’ เขา แต่ ‘ไม่ชอบ’ ให้เขามาล้อเล่นแบบนี้ เขาขยับเข้ามายืนจนชิด ตวัดวงแขนโอบรอบลำคอผม ส่วนสูงเราไม่ได้ต่างกันมาก หัวเขาอยู่ที่ปากผม แต่ถึงอย่างนั้น ระยะใกล้แบบนี้เขาก็ต้องแหงนหน้าสบตาผม และผมก็ต้องก้มหน้าลงมองตอบเขา ผมยังยืนนิ่งไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่เขากำลังจะทำ

     

    เขาเลื่อนมือมาเกลี่ยริมฝีปากผมแผ่วเบา ดวงตานั้นจ้องนิ่งมา ผมจับมือนั้นไว้ บังคับให้หยุดนิ่ง

     

    “ไหนว่าไม่กลัว แล้วห้ามทำไม”

     

    “ไม่กลัว แต่ไม่ชอบ”

     

    เขายกยิ้ม

     

    “เหรอ”

    แล้วดึงมือออก ตะปบท้ายทอยผม กดหัวผมลงไปกดจูบแน่น

     

    สองครั้งแล้ว

     

    สองครั้งที่ผมพลาดท่าให้เขาทำแบบนี้ได้ ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงจับหักคอจริงๆ แต่เพราะเขาคือเพื่อนสนิทของเจ้านาย คือทายาทแพทย์ประจำตระกูล การฆ่าเขาไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด

     

    แต่ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่ยอมให้เขาทำแบบนี้

     

    ได้ยินเสียงเรียกของหงส์ซานดังมาจากแพข้างๆ หมอไม่สนใจเสียงเรียกนั้น บดปากบังคับให้ผมเปิดแยกกลีบปาก ผมขืน

     

    แรงขยับอย่างมีเทคนิคนั้นทำเอาผมเผลอตัวเปิดปากขึ้น ลิ้นอุ่นร้อนฉกเข้ามาทันที ตวัดเกี่ยวพันลิ้นผมไป

     

    ใช่ ผมน่าจะรังเกียจ

     

    แต่ตรงกันข้าม ลิ้นเชี่ยวชาญนั้นกำลังทำให้ผมเคลิบเคลิ้ม

     

    เสื้อที่เราทั้งคู่ใส่มาเป็นเสื้อเชิ้ต มือหนึ่งของหมอยังกดแน่นอยู่ที่ท้ายทอยผม อีกข้างกำลังเลาะปลดกระดุมเสื้อผม

     

    และให้ตาย!!

    ผมกำลังทำสิ่งเดียวกัน!!

     

    “พี่หมอ”

    ได้ยินเสียงเรียกดังใกล้เข้ามาอีก ฟังเหมือนอยู่ระเบียงแพ หมอดูท่าจะไม่สนใจอะไร กดปากผมแน่นขึ้น

     

    ได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา

     

    การให้หงส์ซานมาเห็นเราในสภาพแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่

     

    ผมรีบผลักหมอออกแรงจนร่างนั้นล้มโครมลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น ตามมาติดๆ ด้วยประตูที่เปิดออกดังผลัวะ หงส์ซานมองมาด้วยสีหน้าตระหนก

     

    “เป็นไรครับพี่หมอ ล้มเหรอ”

    หงส์ซานรีบเข้ามาพยุงหมอลุก เขาหัวเราะ

     

    “ไม่มีอะไร จะเล่นน้ำเลยเหรอ”

    เรื่องเนียนเปลี่ยนเรื่องนี่ขอให้บอก

     

    “น้องน้ำกวักมือเรียกไหวๆ จะอดใจรอไงไหว”

    ถ้าหงส์ซานจะสังเกตสักนิด คงเห็นบางสิ่งที่ฟ้องว่าหมอกำลังมีอารมณ์ ไม่ต่างกับผมตอนนี้ ผมเลือกที่จะเดินออกมาเงียบๆ ก่อนหงส์ซานจะสังเกตเห็น

     

    จูบเมื่อกี้มันปั่นป่วนอารมณ์ผมสุดๆ และเป็นครั้งแรกที่ผมถูกกระตุ้นจากผู้ชายจนต้องเข้าไปช่วยตัวเองในห้องน้ำอย่างแสนทุเรศ (ห้องน้ำหงส์ซาน รายนั้นไม่กลับเข้ามาอีกแน่ๆ)

     

    ถึงงั้น ผมก็ยังรู้สึกไม่คลี่คลาย

     

    แม้กระทั่งตอนนี้...

     

    ผมมองลงไปในน้ำที่เริ่มนิ่งสงบลงจากแรงกระเพื่อมเมื่อกี้

     

    หงส์ซานกำลังสนุกอยู่กับการมองวัยรุ่นแพอื่นกระโดดน้ำด้วยท่าพิสดาร รายนั้นลอยคอมองอยู่ไม่ห่าง สีหน้าดูชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด หันกลับมามองหน้าแพตัวเอง ผืนน้ำยังคงนิ่งเรียบ ผมยกนาฬิกามอง เริ่มจับเวลา

     

    หนึ่งนาทีผ่านไป...

     

    สองนาทีผ่านไป...

     

    สามนาทีผ่านไป...

     

    กระทั่งถึงนาทีที่ห้า ต่อให้อึดขนาดไหนก็ไม่มีทางกลั้นใจได้นานขนาดนั้น ผมวางหนังสือลง เลิกถอดเสื้อออก กระโจนลงไปในน้ำ

     

    น้ำมันใสจนสามารถเห็นอะไรได้ในระยะไกลพอควร ผมดำลงไปในน้ำที่ลึกขึ้น มองหา ไม่มีร่างของเขาคนนั้น น้ำมันเย็น แต่ใจผมร้อน ผมถีบตัวขึ้นเหนือผิวน้ำเพื่อกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด มุดลงไปใหม่ มองหาไปรอบๆ ก่อนรู้สึกถึงบางสิ่งที่จับมาบนบ่า ผมรีบพลิกหันไปมอง จนเห็นร่างของหมอตรงหน้า

     

    ร่างนั้นขยับเข้ามาชิด สองมือโอบรอบหัวผมไว้ ขยับตัว แนบปากลงมา

     

    ผมเคยผ่านการฝึกเปลี่ยนถ่ายลมหายใจใต้น้ำมาก่อน ต่อให้ต้องเอาปากประกบผู้ชาย(เราไม่เรียกการจูบ เพราะเหมือนกับเม้าท์ทูเม้าท์ธรรมดา) ต่อให้ต้องรับลมหายใจจากเพื่อนร่วมฝึก แต่นั่นคือการฝึก ไม่มีความรู้สึกใดๆ แอบแฝง

     

    ตอนนี้ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ

     

    แต่ไม่ใช่...

     

    ความหงุดหงิด ความเป็นห่วง ความโมโห มันผสมปนเปไปกับความโล่งใจที่เห็นหมอยังมีชีวิตอยู่ งุนงงด้วยว่าเขาโผล่มาได้ไง นี่เขาดำน้ำได้นาน หรือว่าจริงๆ แล้วไม่ได้ดำน้ำอยู่อย่างที่ผมคิด

     

    รสจูบใต้น้ำสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้ผมพอควร เขาถอนปากออก ยิ้มให้จนเห็นฟันขาวและฟองน้ำผุดเป็นทาง จับคอเสื้อผม ลากพาลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ ผมโผล่หน้าขึ้นไปกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด

     

    หมอยิ้มพราย

     

    “ถ้าอยากตาย ให้บอกกันดีๆ ผมจะได้หาวิธีที่ง่ายกว่านี้ให้”

    ผมเฉือนเขานิ่มๆ ด้วยคำพูด

     

    เขายิ้มกว้าง

     

    “ฉันเป็นหมอนะ ชอบผายปอดคนจนเป็นนิสัย”

    เราลอยคอห่างกันไม่มาก พูดกันเบาๆ ก็ได้ยิน

     

    “ในที่สุด ก็ยอมลงมาเล่นน้ำด้วยกัน สนุกใช่ไหม”

     

    ใช่ สนุกมาก!!

     

    ผมทำหน้าไม่พอใจใส่ ขยับตัวหวังว่ายน้ำหนี แต่เขายึดจับข้อมือผมแน่น

     

    “ทำไมไม่ชอบเล่นน้ำ สนุกดีออก”

     

    ผมถอนหายใจใส่เขา

     

    “การลงน้ำมันทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาฝึกงาน การลงน้ำแต่ละรอบมันคือความทรมาน ความอัปยศ และมันไม่เคยสนุกเลยสักครั้ง”

     

    “นั่นมันช่วงฝึก แต่นี่นายจบหลักสูตรแล้วนะ สนุกได้แล้ว”

     

    “ผมขอตัว”

    ผมเลือกจะไม่พูดอะไร ดึงมือกลับ

     

    “พี่หมอ!

    หงส์ซานว่ายน้ำกลับมาพอดี สีหน้าท่าทางเปี่ยมไปด้วยความสุข ผมขึ้นจากน้ำ

     

    “อ้าว ซันไรส์ ยอมลงมาล้างจู๋ในน้ำแล้วเหรอ”


    ในชีวิตนี้ถ้าจะมีใครทำให้ประสาทผมเสียได้ นอกจากหมอกันต์ก็มีหงส์ซานนี่แหละ ผมจะขึ้นแบล็กลิสต์ให้สองคนนี้เป็นคนที่ผมอยากฆ่าที่สุด  


    (40%)




    #หงส์ซาน


    “พวกนั้นโดดน้ำกันโคตรเก่งพี่หมอ เราไปโดดบ้างไหม”

    ผมถามคนตัวสูง พี่หมอส่ายหน้า

     

    “พี่หมอหิวแล้วครับ เราไปกินข้าวกันเถอะ”


    เอาสิ พี่หมอเลี้ยงนะ เพราะพี่หมอแพ้” พี่หมอฉีกยิ้มอารมณ์ดี เราพากันปีนขึ้นแพ ผมเดินดุ่มๆ เข้าห้องตัวเองไปอาบน้ำ ล้างตัว เกือบบ่ายสองแล้ว มิน่าหิวไส้จะขาด (แต่ห่วงเล่นเลยคิดว่าไม่หิว) ผมออกไปรอพี่หมอที่ระเบียงแพ นั่งบนเก้าอี้ชายหาดที่เขาวางไว้ให้ เคลิ้มๆ กำลังจะหลับ พี่หมอก็เดินเข้ามา ซันไรส์ด้วย 

     

    “นี่เมนูครับน้องหงส์ สั่งเลย”

     

    ผมเลียปากแผล็บๆ รัวปากสั่ง

     

    “สั่งเยอะขนาดนี้ กินหมดเหรอครับน้องหงส์”

     

    “สั่งสำหรับเราสามคนไง”

    ผมหักคอทุกคนจิ้มน้ำพริก พี่หมออ้าปากค้างไม่ว่าอะไร ไอ้น้ำยาล้างจานก็ไม่คัดค้าน

     

    ผมนั่งคุยน้ำลายแตกกับพี่หมอกันเกือบชั่วโมงอาหารถึงมา เกือบแปลงร่างเป็นก็อดซิลล่าไปอาละวาดในครัวแน่ะ พออาหารมาถึงผมก็ซัดแหลก กินเร็วเป็นพายุ พออิ่มก็มานั่งพุงยื่น ซันไรส์โทรเรียกให้เขามาเก็บสำรับพร้อมจ่ายเงิน แน่นอนพี่หมอจ่าย ฮ่าๆ

     

    อิ่มจังตังค์อยู่ครบ

     

    นั่งคุยกับพี่หมอได้แค่ยี่สิบนาทีหนังตาผมก็เหมือนโดนภูเขาสิบลูกโถมทับ มันปิดลงเรื่อยๆ

     

     

     

     

     

    ผมลืมตามอง ขมวดคิ้ว เมื่อกี้นอนอยู่บนผ้าใบ แต่ไหงมานอนบนเตียงได้ ผมพยายามประมวล คิดได้อย่างเดียวครับ พี่หมอคงอุ้มมา (เพราะไอ้น้ำยาล้างจานมันคงไม่อุ้มผมมาให้เมื่อยหรอก มันไม่แอบเขี่ยผมตกน้ำก็บุญโขแล้ว)

     

    ได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวดังแว่วมาให้ได้ยิน ผมหันไปทางต้นเสียง

     

    ใครมาใช้ห้องน้ำ

     

    ผมกวาดมองไปรอบๆ ก่อนมาชะงักอยู่ยังแม็คบุ๊คคุ้นตา

     

    แม็คบุ๊คของไอ้บ๊วย

     

    นี่มันกลับมาแล้วเหรอ

     

    เสียงน้ำหยุดลง พักหนึ่งก็เห็นมันเดินพันผ้าขนหนูออกมา ผมแก้มร้อนที่เห็นเรือนร่างกึ่งเปลือยนั้น รีบเมินหลบเสีย

     

    “ตื่นแล้วเหรอ”

     

    ยังมั้ง เห็นนั่งหัวโด่อยู่นี่

     

    “เฮียหิวแล้ว กินอะไรไปรึยัง”

     

    “กินแล้ว พี่หมอเลี้ยง”

     

    มันเลิกคิ้วสูงมอง

     

    “พอดีแข่งว่ายน้ำ ใครแพ้เลี้ยง พี่หมอแพ้”

    ผมบอกด้วยท่าทีภาคภูมิใจ มันยกยิ้ม

     

    “ลิงนี่เนอะ ส่วนใหญ่จะว่ายน้ำเก่ง”

     

    ผมดีดตัวลุกขึ้นงิ้วใส่ทันที แปรสภาพหมอนหนุนมาเป็นอาวุธประหัตประหาร เขวี้ยงมันใส่คนที่ยืนกึ่งเปลือยอยู่แถวๆ หน้าห้องน้ำ

     

    มือหนึ่งที่ไม่ได้ยกผ้าเช็ดหัวปัดหมอนผมออก มันหัวเราะหึๆ มองมาด้วยสีหน้าว่าอ่อน ผมหยิบหมอนอีกใบเหวี่ยงใส่ รายนั้นรับได้อีก หมอนบนเตียงตัวเองหมด ผมรีบโดดไปยังเตียงว่างอีกอัน (จริงๆ แล้วเป็นแค่ฟูกเท่านั้น) คว้าจับหมอน กะจะเขวี้ยง แต่ก็ต้องหน้าหงายเพราะแรงอัดจากอะไรบางอย่าง ผมก้มมอง

     

    อาวุธที่ผมใช้ทำร้ายมันเมื่อกี้นี้มาอัดก๊อปปี้หน้าผมแทน ผมมองมันอย่างเดือดดาล เขวี้ยงอาวุธในมือใส่ใหม่ คราวนี้มันทิ้งผ้าเช็ดหัว รับหมอนด้วยสองมือ โยนตุบด้วยท่าส่งวอลเลย์กลับมาอัดหน้าผม ผมไม่ยอมแพ้หยิบหมอนขึ้นมา เหวี่ยงใส่อีกรอบ

     

    คราวนี้มันได้ผลครับ หมอนใบย่อมพุ่งใส่หน้ามันเต็มๆ อย่างใจ ผมยกยิ้มอย่างมีชัย

     

    ก่อนยิ้มหาย...


    หมอนใบนั้นร่วงหล่นลงไปนอนแหมะที่พื้น แต่มันไม่ได้ร่วงแค่ตัวมันเอง ดันเกี่ยวเอาผ้าเช็ดตัวรอบเอวไอ้บ๊วยร่วงตามลงไปด้วย 

     

    เคยเห็นรูปปั้นกรีกโบราณไหมครับ ดูดียังไง มันก็มีสภาพเหมือนกัน เพียงแต่รูปปั้นของกรีก ไอ้นั่นจะไซส์มินิ ตามความเชื่อที่ว่า ผู้ชายไอ้นั่นยิ่งเล็กยิ่งเป็นคนฉลาด

     

    แต่ผมว่าความเชื่อนั้นเอามาใช้กับคนยุคนี้ไม่ได้หรอก ตรงข้าม ไอ้นั่นยิ่งใหญ่เขาว่าสมองยิ่งฉลาดด้วยซ้ำ

     

    เจ้าตัวดูจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อน ยืนจังก้า โชว์ความล่ำ และเอิ่มนั่นแหละ อย่าให้ผมบรรยายเลย

     

    “หน้าด้าน”

    ผมต่อว่าไป

     

    “คิดว่าหงส์อยากเห็นของเฮียซะอีก”

     

    “ใครอยากเห็น จะออกไปนั่งเล่นนอกห้อง”

    ผมหาทางเลี่ยง จะเดินออกไปนอกแพ แต่ถูกจับข้อมือไว้ ร่างทั้งร่างถูกกอดแน่น

     

    น้ำเย็นๆ จากตัวเขาน่าจะทำให้ผมเย็นตามไปด้วย แต่เปล่าเลย มันกลับทำให้ผมรู้สึกร้อนไปหมด

     

    “จะหนีเฮียไปไหน”

     

    “ใครหนี แค่จะไปนั่งเล่น ปล่อยไอ้หน้าด้าน”

    ผมด่าไปเบาๆ มันหัวเราะหึๆ ก้มหน้าลงมางับหูผม

     

    “นี่เรามาฮันนีมูนกันนะ”

     

    “เฮียก็ฮันนีมูนของเฮียไป อั๊วมาเล่นน้ำ”

     

    ได้ยินเสียงหัวเราะอีกรอบ มันจับหน้าผมแหงนเงย มอบจูบอุ่นๆ ลงมา

     

    ผมดิ้นพอเป็นพิธี

     

    (ขออภัย เนื้อหาส่วนนี้ถูกตัดออก -NC จุดที่ 1)


     

    แค่รอบเดียวครับ เพราะมันหิวข้าว ไม่ได้ทำให้ผมระบมแบบครั้งก่อนๆ พอออกไปก็เห็นพี่หมอนั่งอ่านการ์ตูนเล่นรอที่แพตัวเอง พี่หมอมองมาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม

     

    “ฉันสั่งอาหารไว้ให้แกละ อีกไม่เกินสิบนาทีก็คงมา ขืนรอแกมาสั่งเอง กว่าจะได้กินคงอีกนาน”

    พี่หมอหันไปบอกเพื่อน

     

    ไอ้บ๊วยไม่ว่าอะไร ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ชายหาดหน้าแพตัวเอง ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ซันไรส์หยิบเครื่องดื่มมาเสิร์ฟทั้งผมทั้งของไอ้บ๊วย

     

    ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก อากาศดีมากจริงๆ

     

    “หงส์”

     

    ผมหันไปมองคนเรียก บ๊วยมันพยักหน้า

     

    “มานั่งกับเฮีย”

     

    ผมรีบส่ายหัวพรืด มันถอนหายใจเบาๆ

     

    “มา อย่าให้ต้องบังคับ”

     

    “แค่ออกคำสั่งก็บังคับกันแล้ว”

     

    “ถ้าบอกแล้วทำตามเลย เขาไม่เรียกบังคับหรอก มาเร็ว”

     

    “ไปทำไม นั่งนี่แหละ สบายดี ต่างคนต่างนั่ง”

     

    “เฮียอยากให้หงส์มานั่งกับเฮีย”

     

    “อั๊วไม่อยากนั่งกับเฮีย”

     

    มันจ้องหน้าผมนิ่ง

     

    “แต่เฮียอยาก”

     

    ผมหน้าร้อนไปกับคำนั้น

     

    “ไกลๆ กันนั่นแหละดีแล้ว”

    ผมพูดอย่างไร้เยื่อใย

     

    “หงส์”

    มันเรียกมาเสียงเย็น

     

    “ไม่เห็นรึไง ที่นั่งเล็กนิดเดียว เดี๋ยวเก้าอี้พังกันพอดี”

     

    “ไม่พังหรอก มา”

    มันพูดเสียงเข้มขึ้น ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสีย ก่อนร้องเหวอ เพราะแรงฉุดให้ลุกขึ้น มันลากผมลงไปนั่งแหมะบนตักมันเองได้สำเร็จ

    (80%)

    “ทำบ้าอะไรของเฮีย มันนั่งสบายไหมถามจริง”

    ผมถามฉุนๆ มันมองหน้าผมแล้วยิ้ม

     

    “สบายดีออก”

     

    “สบายตรงไหน”

    ผมตอกกลับฉุนๆ มันไม่พูดอะไร กอดผมไว้นิ่งๆ ผมพยายามจะลุกอยู่พักก็ต้องยอมแพ้ พี่หมอนั่งหัวเราะตลอดเวลาอย่างอารมณ์ดี ไม่เกินสิบนาทีอาหารก็มาจริงๆ พอเห็นแล้วท้องก็ร้องอีกรอบ

     

    “หิวตามเลยว่ะหลง”

     

    “มากินด้วยกันสิ สั่งมาตั้งเยอะแยะ”

     

    “หึๆ รอคำนี้แหละ”

    แล้วพี่หมอก็เหาะจากแพตัวเองมานั่งเก้าอี้ผมทันที

     

    “พี่หมอขอยึดเก้าอี้น้องหงส์ก่อนชั่วคราวนะครับ คิดว่าช่วงนี้น้องหงส์คงไม่ได้ใช้ไประยะหนึ่ง”

     

    ผมมองตาขวาง พี่หมอหัวเราะร่วน

     

    จริงๆ ก็อิ่มหมีพีมันมาก่อนหน้านั้นแล้ว อันนี้กินเพราะความอยากล้วนๆ

     

    แสงของดวงตะวันเลือนหายลงไปเรื่อยๆ ผู้คนบางส่วนกำลังเล่นน้ำกันอยู่ บางส่วนนั่งเล่น บางส่วนกินข้าวกันเหมือนกับเรานี่แหละ

     

    อาหารอร่อย แต่มันจะไม่อร่อยก็ตรงที่นั่งสำหรับกินข้าวนี่แหละ

     

    “อายเขาไหม”

     

    “อายทำไม ขืนพูดอีกรอบ จะเมคเลิฟโชว์คนอื่นตรงนี้”

     

    ผมหุบปากลงฉับ

     

    หน้าด้านอย่างมันทำจริงแน่ๆ

     

    “แกะปูให้เฮียหน่อย”

    มันกระซิบบอกเสียงเบา เสียงมันเบาก็จริง แต่ไหงมีอำนาจเขย่าหัวใจผมได้หนักหน่วงขนาดนี้ก็ไม่รู้ มันเต้นตึกตัก แถมยังทำให้หน้าร้อนๆ ตัวร้อนๆ วูบๆ วาบๆ ยังไงบอกไม่ถูก

     

    หรือว่าผมกำลังจะเข้าสู่วัยทองวะ

     

    “กินเอง ขี้เกียจแกะ ให้ซันไรส์หรือวิกเซอร์แกะให้ก็ได้”

     

    “หงส์”

    มันเตือนเสียงเรียบ ผมจ้องมันตาขวาง หยิบขาปูขนาดเท่านิ้วโป้งมาถือ เขากะเทาะไว้ให้แล้ว เรามาแยกเปลือกและแกะเนื้อกินเท่านั้น ผมจิ้มน้ำจิ้มนิดหน่อยเพิ่มรสชาติ เอาไปป้อน มันอ้าปากรับ เคี้ยวตุ้ยๆ สีหน้าดูมีความสุข ผมพยายามเมินหลบทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

     

    พี่หมอค้ำคางมองอย่างโจ่งแจ้ง

     

    “อิจฉา”

     

    “อยากได้สักคนไหมล่ะ จะให้ป๊าหาให้”

     

    พี่หมอเบ้หน้า

     

    “ไม่ละ จีบเองดีกว่า”

     

    ไอ้บ๊วยเลิกคิ้วสูง มองตาเพื่อน

     

    “เจอคนถูกใจแล้วเหรอ”

     

    50% กำลังแหย่ดูท่าทีอยู่”

     

    ไอ้บ๊วยหัวเราะหึๆ ไม่พูดอะไร

     

    “เฮียอิ่มแล้ว”

    มันบอกเสียงเบา

     

    ดี กูจะได้หมดภาระป้อนเด็กทารกไซส์ไจแอนท์สักที


    กำลังจะลุก แต่มันยึดเอวผมกดให้นั่งตามเดิม กระดิกนิ้ว ซันไรส์เดินหายไปพักหนึ่งก็เดินออกมาพร้อมไวน์ขวดใหญ่และแก้วทรงสูงสามใบ โคตรจะไม่เข้ากับบรรยากาศแพริมน้ำเลย 


    น้ำสีดอกกุหลาบถูกรินใส่แก้วทรงสวย ซันไรส์ยื่นให้ไอ้บ๊วยก่อน แต่บ๊วยมันยื่นมาให้ผมแทน ผมรับมาถือ อยากกินเหมือนกัน แก้วที่สองเป็นของมันเอง ซันไรส์รินอีกแก้ว ยื่นให้พี่หมอต่อ พี่หมอรับไปถือ สงสัยพี่แกกลัวแก้วตกถึงได้กุมมือซันไรส์แบบนั้น ริมฝีปากมีรอยยิ้มเย้านิดๆ ยกดื่มช้าๆ ตามองซันไรส์

    “อร่อย”

     

    ผมกำลังจะยกดื่มบ้าง แต่ถูกปลายแก้วของไอ้บ๊วยชนปรามไว้ ผมมองงงๆ มันเอียงแก้วตัวเองนิดๆ ให้รู้ว่าต้องการชนแก้วกับผม

     

    “เดี๋ยวแก้วแตก”

    ข้ออ้างผมควายมาก

     

    มันมองมาด้วยสายตาว่าเลิกทำตัวเป็นคิง(ลิง+ควาย)ได้แล้ว ผมหน้าบูด ชนแก้วมันอย่างจำใจ 


    มันยกดื่ม ในขณะที่ตาไม่ยอมเคลื่อนไปจากดวงตาผม


     โอ๊ย ผมจะละลายไปกับสายตานั้นแล้ว ผมเมินหน้าหนีไปทางอื่นขณะยกดื่ม แต่มันจับคางผมบังคับให้หันไปมองตามเดิม  

     

    มึงบังคับหน้ากูได้ แต่บังคับตากูไม่ได้ 

    ผมหลุบตาลงต่ำหลบหนีมันซะเลย ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ มันดึงผมไปหอมแก้มเบาๆ กระซิบข้างหู

     

    “เฮียชอบเวลาหงส์หน้าแดง”

     

    ผมตาโต

     

    “ใครหน้าแดง แสงสะท้อนไวน์แล้ว”

    ผมเถียงข้างๆ คูๆ มันหัวเราะหึๆ ต่อให้ต้องนั่งบนเก้าอี้มีชีวิตที่ไม่ได้สุขสบายเท่าเก้าอี้ตัวเอง แต่มันก็มีความสุข ผมมองสภาพแวดล้อมที่กำลังเปลี่ยนไป ไฟเริ่มผุดขึ้นทีละดวงตามแพต่างๆ พอๆ กับดวงดาวบนท้องฟ้า ผมอาศัยได้แผงอกกว้างของมันรองหัวดูดาวไป  


    ได้ยินเสียงหัวเราะของผู้คนดังเคล้าความเงียบมาเป็นระยะพอๆ กับเสียงโดดน้ำดังตูม  

     

    กระทั่งดวงดาวพากันทอแสงเต็มไปหมด ผมมองตาค้างเลย มันสวยมากจริงๆ ต่อให้ไม่ได้ไปมัลดีฟเมืองนอก การได้นั่งดูมัลดีฟเมืองไทยนี่ก็ดีเหมือนกัน

     

    เรานั่งคุยกันจนถึงสองทุ่มกว่าๆ หนังตาผมก็พากันหย่อนคล้อยแล้ว ผมหาวหวอด บ๊วยมันก้มมอง

     

    “ง่วงแล้วเหรอ”


    พี่หมออ้าปากหาวบ้าง “งั้นฉันไปนอนก่อนละ พรุ่งนี้ไกด์จะพาเราไปดูพระอาทิตย์ขึ้นต้องตื่นแต่เช้ามืด” 


    บ๊วยมันพยักหน้า ผมดีดตัวลุกก่อน เดินเข้าห้องไป ผมเลือกที่นอนริมแพก่อนเลยครับ ดึงผ้าห่มมาคลุม ม้วนตัวเองเป็นขนมปังไส้คน บ๊วยมันเดินเข้ามา ปิดไฟกลางห้องมาเปิดไฟใกล้ๆ หัวเตียงแทน ผมทำเป็นหลับเฉยเสีย กลัวมันจะอยากทำอะไรต่ออีก

     

    “หงส์”

    หัวใจผมเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ

     

    “หงส์ อย่าเพิ่งนอนสิ”

     

    “ง่วง พรุ่งนี้ต้องตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันแต่เช้ามืด”

     

    “หงส์”

    มันทิ้งตัวลงมาคร่อมตัวผมไว้ทั้งผ้าห่ม ผมลืมตามองมันตาขวาง

     

    “จะนอน”

     

    มันล้วงมือหาชายผ้าห่ม กระชากดึงแรงจนผมหลุดออกมาจากขนมปังได้

     

    “เอามาเฮีย อั๊วจะนอน”

     

    มันกักผมไว้ในอ้อมแขน จ้องตา

     

    “รอบเดียวมันไม่พอสำหรับเฮียหรอกนะ”

     

    “ไม่ทำ เดี๋ยวพรุ่งนี้เดินไม่ได้อีก”

     

    “ถ้าเดินไม่ได้ เดี๋ยวเฮียอุ้มไป”

     

    “ไอ้คนมักมากเอ๊ย ปล่อยสิวะ!”

    ผมพยายามกางมือใส่หน้ามัน ถีบยันท้องมันไว้ มันจับขาผมข้างนั้นยกสูง มืออีกข้างจับมือข้างที่ดันหน้าออก


    เฮ้ย ปล่อย ผมดิ้นแด่วๆ หวังดึงตัวออก ผมตาโตเมื่อมองไปยังด้านล่างเห็นส่วนนั้นของมันตื่นแล้วเรียบร้อย อะไรมันจะตื่นง่ายขนาดนั้น

     

    ไม่ๆ เฮีย หงส์อยากนอน” 


    (ขออภัย เนื้อหาส่วนนี้ถูกตัดออก -NC จุดที่ 2)  




    To be Con...

    คนชอบเอ็นซีคงฟินกันถ้วนหน้า แต่สำหรับคนอ่อนเอ็นซี ขออภัยด้วยนะค่าาาา พรุ่งนี้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน >//< 

    เจอกันเมื่อเม้นท์ชน  1410)





    (จองหนังสือหงส์ซาน จิ้มที่นี่


    อีบุ๊ค(e-book) น้องหงส์มีพร้อมให้โหลดแล้วค่ะ ราคา 339.- จากราคาปก 480.- เนื้อหานิยายมี 27 ตอนจบค่ะ มีตอนพิเศษอีก 3 ตอน (อีบุ๊คจบแล้ว) ดาวน์โหลดได้ที่เมพเลยน้าา 

    [>>ดาวน์โหลด หงส์ซานอีบุ๊ค<<]


    ปกนี้เป็นปกชั่วคราวนะคะ 

    ADD FAB เป็นแฟนคลับเรื่องนี้จิ้มซันไรส์เลยค่าาได้เลยค่า

    {ADD FAD}





    แฮทแท็กเรื่องนี้ #หงส์ซาน 




    ข่าวประชาสัมพันธ์

    สำหรับคนอ่านเรื่อง Feel คนเจ้าอารมณ์ ไรท์แยกเอาเฉพาะตอนพิเศษคู่นาคินทร์อนุชาที่เขียนขึ้นมาใหม่มารวมกันไว้ในเล่มเดียวแล้วนะคะ (เป็นอีบุ๊คค่ะ) ราคา 99.- บาท ส่วนฉบับหนังสือนี่ขอดูยอดคนจองก่อนว่ายอดถึงให้ตีพิมพ์เป็นรูปเล่มได้ไหม ใครอยากได้เป็นเล่ม หลังไมค์นะคะ 

     4 ตอนที่เขียนขึ้นมาใหม่ค่ะ

    1. เคียงข้าง (นาคินทร์เล่า NC) 

    2. นาคินทร์แปลงร่าง (อนุชา NC) 

    3. มีกันและกัน (อนุชา) 

    4. ลอยกระทง (นาคินทร์ NC) 



    ดาวน์โหลดได้ที่นี่ค่ะ https://goo.gl/U8z4gl

    อันนี้ฉบับสมบูรณ์ (นาคินทร์อนุชา ฉบับสมบูรณ์) https://goo.gl/qnjxxj

    อันนี้เรื่องเต็มๆ ค่ะ Feel คนเจ้าอารมณ์รวมทุกคู่ 1-4 (แต่ไม่มีตอนพิเศษที่เขียนขึ้นมาใหม่) 

    https://goo.gl/5TJsnd


    เวอร์ชั่นหนังสือ : https://goo.gl/VEcdSD



    ถ้าใครยังไม่เคยอ่านไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ 

    https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1438026





    Follow and Contact writer Memew here 

    เพจ : facebook.com/memew28

    ทวิต : @Memew28

    เมล : Memew28(แอท)gmail.com

    instagram : Memew28

    Line : Memew28 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×