คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : chapter 1
หน้าร้อนตอนอายุสิบสี่ โอเชี่ยน ยังจำได้ดี ในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งพวกเขาทั่งคู่ยืนอยู่บนดาดฟ้าของโรงพยาบาล เด็กสาวมีบทสนทนาเล็กๆกับนรัส พ่อของเธอ เรื่องความแตกต่างระหว่างสติปัญญากับสามัญสำนึก หัวข้อที่ฟังดูเครียดเลยล่ะ แต่พ่อของเธอกลับไม่เคยทำให้เธอรู้สึกเคลียดเลยสักครั้งเมื่อพวกเขามีบทสนทนากัน
"อืม ก็อย่างเช่น ลูกอาจเป็นหมอที่ฝีมือเก่งกาจแต่ดันสูบบุหรี่ไงล่ะ" เสียงของพ่อเธอในชุดกราวน์สีขาว ชายวัยกลางคนรูปร่างผมเอ่ยขึ้นหลังจากครุ่นคิดมาชั่วครู่
"หืมมม "
โอเชี่ยนเหมือนเธอจพไม่เข้าใจ แต่แล้วเธอก็ยิ้มออกมาให้พ่อของเธอ เมื่อมองดูเขาพูดจบก็หยิบไฟแช็คขึ้นมาจุดบุหรี่สูบอย่างไม่รู้ตัว เขาปล่อยควันออกมาน้อยๆ
"คุณพ่อกำลังพูดถึงตัวเองใช่ไหมคะ?" เธอถามและหัวเราะเล็กๆ
"นั่นสินะ" พ่อของเธอยักไหล่ เขาใช้นิวดันกรอบขยับแว่นและยิ้มอย่างเก้อๆออกมาเช่นกัน
"แต่หนูคิดว่ามันเหมือนกับการที่รู้ว่ามะเขือเทศเป็นผลไม้ แต่ไม่เอามันใส่ในสลัดวิปปิงครีมผลไม้ซะอีก" เธอเอี้ยงคอเล็กน้อยครุ่นคิด ปล่อยให้ผมสีดำขลับต้องลมที่ปะทะมา
"อืม... นั่นไม่เพราะโอเชี่ยนเกลียดมะเขือเทศไม่ใช่เหรอ"พ่อของเธอเอื้อมมือไปหยีหัวลูกสาวอย่างเอ็นดู เขาดูเป็นเด็กหนุ่มขี้เล่นไม่เปลี่ยนแม้อายุของเขาจะเข้าวัยสี่สิบแล้วก็ตามเถอะนะ พวกเขามีกันแค่สองคนพ่อลูกนี่นะ
"เรื่องนั้นมันก็จริงค่ะ แต่ก็ไม่มีใครทำเรื่องโหดร้ายกับของหวานแบบนั้นได้ลงหรอกนะคะ หรืออย่างน้อยก็ไม่มีใครเอามะเขือเทศแต่งหน้าเค้กหรอก มันคงรสชาติ อึ่ย หน้าดูเลย"ก็พูดพลางกอดแขนตัวเองและทำหน้าหย่น
"น่าน---น่ะสินะ"
รอยยิ้มและบทสนทนาเล็กๆ นั่นเป็นครั้งล่าสุดที่เธอเห็นซึ่งก็เมื่อสองปีก่อน และก็กลายเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเธอก็ไม่สามารถเห็นเขาอีกเลย ตลอดกาลจากนั้นถึงวันนี้ก็ครบสองปีพอดีที่พ่อเธอจากไป ก็นะคนที่ตายไปแล้วก็หายไปพร้อมๆกับรอยของพวกเขายิ้มด้วยนั่นแหละ พ่อเธอก็ด้วยเช่นกัน แต่ความจริงก็มีบาดแผลเล็กๆในบทสนทนานั้นนิดหน่อย เธอชอบมะเขือเทศ แต่เกลียดของหวานต่างหากล่ะ... การที่พ่อไม่รู้เรื่องที่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย นั่นเพราะพ่อไม่มีเวลาต่างหาก ไม่ใช่พ่อไม่เคยสนใจ แต่ถึงจะพยายามคิดอย่างนั้น โอเชี่ยนก็น้อยใจและแอบเหงาลึกๆอยู่ดี แต่การแสดงความรู้สึกเพื่อทำให้คนอื่นไม่สบายใจก็ไม่ใช่สิ่งที่เด็กสาวชอบทำอีกนั้นแหละ
"โอเชี่ยน" เสียงเรียกชื่อของเธอแทรกเข้ามาในโสตประสาทครั้งแรก นัยย์ตาสีหม่นหันหน้าจากหน้าต่าง เด็กสาวผมยาวดำขลับกำลังพริ้วไหว ราวเส้นไหมตกอย่างอิสระลงไปอย่างเป็นระเรียบ จังวะที่เอียงเสี้ยวหน้า ริมฝีปากเปล่งสีระเรื่ออ่อนขยับถามพลางคิ้วขมวดมุ้นอย่างสงสัย เธอเปล่งเสียงสั้นๆ
"ฮะ ?" โอเชี่ยนมองนัชชา เด็กสาวร่างสูงผมสั้นประบ่าที่กำลังจ้องมองเธออยู่มาได้สักครู่และเรียกชื่อคนตรงหน้ามาแล้วสามรอบ
"คิดอะไรของเธออยู่น่ะ นั่งเหม่อซะนานเลย"นัชชาถามหน้ายุ่ง
"กำลังคิดว่าเย็นนี้จะทำอะไรกินดี" เธอตอบนัชชาด้วยสีหน้าจริงจัง ที่ดูออกไปทางเรียบเฉยเสียมากกว่า
หืม....
"คน-ขี้-โกหก"นัชชาหลี่ตาจนเป็นเส้นตรง เธอพูดเสียงเน้นเต็มพยางค์ และก็ถอนหายใจ
"อะไร--?"โอเชี่ยนขมวดคิ้ว
"ก็เธอโกหกที่ไรก็วกเข้ามาพูดเรื่องง่ายๆที่คนอื่นอาจคิดจริง แค่ความจริงเธอไม่เคยสนใจจริงๆ อย่างเช่นเรื่องอาหารไงล่ะ" เด็กสาวผมปะบ่าอธิบาย "แต่ก็สมเป็นเธอแล้วล่ะนะ ที่โกหกฉันไม่ได้เรื่อง"
"รู้ดี"โอเชี่ยนถอนหายใจและเก็บหนังสือเขากระเป๋าถือนักเรียนของเธอ
"ไม่ใช่ รู้ดี แต่ รู้ทัน ต่างหากล่ะ"นัชชาชูนิ้วขี้ขึ้นและแกว่งไปมาพลางเชิดหน้า เธอลุกขึ้นจากโต๊ะเรียนและหันไปเก็บของใส่กระเป๋าของตัวเองบ้าง
"จริงสิ! อีกอย่างก่อนกลับเราต้องแวะไปสตูดิโอก่อนด้วย"เธอพูดคิดได้สะบัดตัวหันมามองโอเชี่ยนจนกระโปรงจีบรอบที่คลุมเข่ากระพรือพริ้วหมุนไปด้วย และตกลงแนบกับขาเรียวอีกครั้ง นัชชาเป็นคนค่อนข้างไม่อยู่กับที่และก็ขี้ลืมค่อนข้างมากเสียด้วย
"จริงด้วยสิ เกือบลืมแหนะ"โอเชี่ยนนึกขึ้นได้เช่นกัน เลยทำให้นัชชาประหลาดใจ
"หืม..คุณหนูมหาสมุทร...วันนี้เป็นอะไรไป? .."นัชชาชาจ้องหน้าเพื่อนรักเขม้น ยื่นหน้าไปใกล้พลางสำรวจ
"เป็นอะไรล่ะ?"คนถูกจ้องขมวดคิ้วสงสัยคำถาม
" เกือบลืมแหนะ? คำพูดนั่นที่ฉันไม่เคยได้ยินจากปากเธอเลยสักครั้ง โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่เธอต้องทำทุกวันเป็นกิจวัตรน่ะนะ"นัชชามองเพื่อนอย่างกังวลระคนแปลกใจ "ความจริงเธอก็เหม่อมาตั้งแต่เมื่อเช้านะ"เธอเพิ่มเติม
"ต้องมีอะไรแน่ๆ"
"เปล่าหนิ" โอเชี่ยนสั่นหัวและตอบสีหน้าเรียบ "อีกอย่างนั่งนิ่งสักห้านาทีเป็นไหม ที่สำคัญก็เลิกเรียกชื่อฉันว่ามหาสมุทรได้แล้ว ฉันไม่ชอบมัน" เธอเพิ่มเติมด้วยน้ำเสียงตำหนิ
"รู้น่ามันดูไม่เป็นกุลสตรีใช่ไหม?"เธอเว้นวรรค
"แต่เรื่องไม่มีปัญหาน่ะ ให้มันจริงเถอะ"นัชชาเลิกคิ้ว ขึ้นเสียงสูง และตีสีหน้าเข้ม เธอเป็นเพื่อนสนิทกับ โอเชี่ยนตั้งแต่เล็กนอกจากสนิทยังเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เติบโตมาด้วยกันด้วย นัชชาเป็นลูกสาวของน้องชายคนละแม่ของ โอเชี่ยนแน่นอนล่ะ เธอพอรู้จักนิสัยเพื่อนคนนี้ว่าเป็นเช่นไร 'คนที่เก็บความรู้สึกเก่งพอๆกับการ เก็บกดเลยล่ะ หรือมันความหมายเดียวกันหว่า ?' ช่างเถอะการคิดเรื่องวุ่นวายซับซ้อนคิดจนคิ้วขมวดและอาจทำให้เกิดสาเหตุแห่งรอยย่นก็ไม่ใช่นิสัยของนัชชาอีกนั่นแหละ
"ที่พูดมาเมื่อกี้ต้องการที่จะเลี่ยงคำถาม? ถึงฉันไม่ฉลาดก็ไม่ตกหลุมเธอหลายรอบหรอกนะ"
"คิดมากไปแล้ว แต่ก็นะ เธอน่ะมันช่างสอดรู้เรื่องฉันอยู่แล้ว"
"ไม่ใช่สอดรู้ ฉันเรียกมันว่ามิตรภาพต่างหากล่ะ"
"มิตรภาพนะมิตรภาพ"โอเชี่ยนย้ำและยิ้มเครียดกับความมุทะลุของอีกฝ่าย แต่เพราะนิสัยแบบนี้แหละ พวกเธอถึงได้มีกันมาจนทุกวันนี้...
"เอ้า คิดอะไรอีกแล้วน่ะ ฉันเกลียดมากเลยที่เธอทำหน้าอมทุกข์ ถึงตอนนี้เธอจะไม่ได้ทำหน้าตาน่าเกลียดอยู่แบบนั้นก็นะ แต่ไม่ว่ายังไงเราเป็นเพื่อนกันมีปัญหาอะไรก็อย่าเก็บไว้คนเดียวล่ะเข้าใจไหม ?" เธอพูดเร็วๆในตอนแรก แต่ลดเสียงลงตอนท้ายประโยคอย่างอ่อนโยน มองเพื่อนด้วยสายตาจริงจังก่อนที่เธอจะเลื่อนมือไปสอดประสานระหว่างนิ้วกับมือของโอเชี่ยนที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างแผ่วเบา และสักพักเธอก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายกระชับตอบ
"อืม"โอเชี่ยนขานรับเบาๆ เธอไม่เคยกล่าวคำขอบคุณออกมาเป็นคำพูดได้เลยสักครั้ง
ท้องฟ้าสีส้มแดงที่ฉายบนท้องฟ้าและหอระหังที่สูงตระหง่านเหนือโบสถ์ ที่กำลังสะท้อนแสง ทั้งสองเดินออกมาจากตึกเรียน ที่นี่ถูกตกแต่งด้วยสถาปัตสไตล์วิ คตอเรียนเกือบทั้งหมด ที่เน้นพื้นที่สีเขียว และมีอาคารหลักทั้งหมดห้าตึก ซึ่งแบ่งการใช้งานอย่างชัดเจน ตึกเรียน สองตึก อาคารศิลป์ และตึกห้องสมุดที่ตั้งอยู่ใกล้กับโบสถ์ที่อยู่ส่วนหลัง นักเรียนของที่นี้ก็มีเพียงสามร้อยกว่าคนเท่านั้นเพราะเกิดจากการขัดเข้าและขัดออกที่ค่อนข้างรุนแรงและเข้มงวดเลยล่ะ
และพวกเธอทั้งคู่เดินมาที่ตึกหอศิลป์ ภายนอกอาคารที่ถูกตกแต่งในสไตล์สถาปัตวิคตอเรียน ตรงหน้าตึกมีวงเวียนน้ำพุที่ตกแต่งรอบๆด้วยพุ่มกุหลาบ ทางเดินมีรูปปั้นเทพเจ้ากรีกครึ่งตัวที่สลักอย่างปราณีตพวกเธอเดินผ่านโถงทางเดินไม้โอ้คที่ถูกขัดจนขึ้นเงา นัชชาขอแยกไปที่ห้องศิลปะซึ่งอยู่อีกปลีกของอาคาร ขณะที่สตูดิโอบัลเล่ต์ของโอเชี่ยนอยู่ที่ชั้นสามของตึก เธอต้องเดินขึ้นบันไดวนที่ราวจับมีการแกะสลักอย่างอ่อนช้อย และตรงหัวสุดของบรรไดคือรูปสลักสิงห์ที่ดูดุร้าย โอเชี่ยนเดินเลี้ยวขวาตรงไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งอยู่ในสุดติดด้านหลังของฮอลล์
ล็อคเกอร์ที่ถูกจัดไว้ข้างหน้า และห้องแต่งตัวที่มีกระจกและโต๊ะเครื่องแป้งขนาดยาว เธอเห็นร่างหนึ่งในชุดซ้อมบัลเล่ต์สีขาวบางกำลังก้มใส่รองเท้าผ้าซาติน โอเชี่ยนเดินผ่านไปที่ล็อคเกอร์ของเธอ เธอก้มลงไปเปิดกระเป๋าตัวเองและจังหวะที่เงยขึ้นมาเธอดันสบตากับเด็กสาวคนนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ โอเชี่ยนหายใจผิดจังหวะไปนิดหน่อย เธออาจจะไม่เคยเห็นเด็กสาวที่สวยขนาดนี้มาก่อนก็ได้
เด็กสาวคนนั้นขมวดคิ้ว ปอยผมสีดำขลับของเธอที่คลอเคลียปกไหล่สยายยาวมาตามแผ่น ใบหน้าอันไร้ที่ติ คือคำชมที่โอเชี่ยนคิดได้ในเซี้ยววินาที ดวงตาเรียว จมูกโด่งที่รับกับรูปหน้า ริมฝีปากที่อิ่มใส ผิวพรรณที่ขาวเปล่งประกายแบบคนยุโรป มันทำให้เธอคิดไปถึง บริโทมาร์ทอัศวินสตรีรูปงามที่หลุดออกมาจากบนกวีที่อ่อนช้อยของเอ็ดมันด์ สเปนเซอร์ที่เธอเคยอ่าน "มีอะไรรึเปล่า?" เธอคนนั้นพูดพร้อมกับเอามือปัดผมทั้งหมดนั่นไปข้างหลัง และมือเธอค้างไว้ที่ไหล่
โอเชี่ยนไม่ได้ตอบเธอแค่ส่ายหัว เธอกลบเกลื่อนด้วยใบหน้านิ่งๆ เด็กสาวหันกลับเขาที่ล็อกเกอร์
เด็กใหม่ ?...โอเชี่ยนคิดเพียงแค่คิ
"โอเชี่ยน ก่อนเข้าสตูดิโอ อาจารย์มารีเรียกพบน่ะ"ก่อนที่
"ตอนนี้เหรอ?"เธอถาม
"อืม ตอนนี้ได้น่าจะดี"เด็กคนนั้นว่
"งั้นไปเดี๋ยวนี้แหละ"เธอขานรับ และปิดล็อคเกอร์ของตัวเอง จังหวะที่ก้าวออกไป โอเชี่ยนเหลือบมอง เธอเห็นเด็กใหม่กำลังเกล้าผมขึ้
"To the back, fondu, to the back, pile, fourth, fourth and one and the fifth, to the back..."
เสียงบัลเล่ต์มิสเทรส มิสโจแอน ชาวอเมริกันสั่งดัง ขณะที่เธอสั่งนักเรียนบัลเล่ห์
"you're not working hard enough..."เธอตำหนิเด็กสาวคนหนึ
"Sorry ma'am"เด็กคนนั้นขอโทษด้วยท่
โอเชี่ยนในชุดฝึกบัลเล่ต์สี
เธอมอง มิสโจแอนเดินไปคุยกับเด็กใหม่
"วันนี้ก็ซ้อมหนักเหมือนเดิ
"ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้
"คะ?"
"ไปด้วยกันไหมคะ? ดื่มชาพรุ่งนี้ตอนพักเที่ยง ฉันอยากทำความรู้สึกกับโอเชี่
"นั่นเรื่องของเธอ ใช่เรื่องของฉันเหรอ?" รุ่นพี่ของโอเชี่ยนอีกคน เด็กสาวหน้าแรงที่กำลั
"กัส" เเอนเรียกชื่อคนข้างๆปนดุซึ่
"เอาแต่เป็นแบบนี้อยู่เรื่อย"
"ไม่เป็นไรค่ะ "โอเชี่ยนรีบปฏิเสธและยิ้มให้
"ทาสีเคลือบเล็บให้ฉันสิ"กั
"เฮ้อ เก่งจังเลยนะเรื่องหนีความรับผิ
"ขอโทษนะคะ โอเชี่ยน แต่หวังว่าพรุ่งนี้จะเจอกันนะ"
"ขอคิดดูก่อนนะคะ"เธอตอบปฏิ
โอเชี่ยนเก็บกระติกน้
"ได้ข่าวว่าเธอเคยได้ไปที่
"ที่ยุโรปน่ะเหรอ?!"
"ใช่"
เธอได้ยินเสียงซุบซิบของนักเรี
เดอะรอยอลเหรอ...? โอเชี่ยนคิดหันไปมองเด็กคนนั้
ท้องฟ้ามืดเวลาสิบเก้านาฬิกา เด็กนักเรียนคนอื่นทะยอยกลับบ้
เธอหลับตาและซึมซับกั
"And whilst he slept, she ouer him would spred
Her mantle, colour'd like the starry skyes,
And her soft arme lay vnderneath his hed,
And with ambrosiall kisses bathe his eyes;
เด็กสาวหน้าแดงระเรื่อ เธอหยุดอ่านระบายลมหายใจลึกด้วยความสุขใจ เธอรู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมาจากปกติเล็กน้อย ดวงตาสีใสสะท้อนกับแสงไฟ และสูดกลิ่นกระดาษที่อบอวลไปด้วยความรู้สึกอย่างที่ชอบทำ เธอกำลังจิตนาการซุกซนที่เกิดขึ้นบนเตียงและรอยยิ้มที่ริมฝีปากก็คลี่ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ โอเชี่ยนเริ่มอ่านมันต่อด้วยความเขินอาย
"And whilest he bath'd, with her two crafty spyes,
She secretly would search each daintie lim,
And ..."
จังหวะนั้นนั่นเองที่หางตาเธอเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ยืนมองเธออยู่นานตลอดเวลาที่เด็ก สาวอ่านหนังสือนั่นก็ได้ ผมห้างม้าเป็นเงางาม และใบหน้านวลด้านข้างที่ต้องแสง คำกลอนอีโรติกที่เธอกล่าวสะดุด กึก อยู่ที่ลำคอ และสีแดงของเลือดฝาดต่างหากที่วิ่งจากลำคอขาวมาระเรื่ออยู่เต็มหน้าประจานความอับอาย โอเชี่ยนรู้สึกขายหน้า เธอเกือบทำหนังสือในมือหลุด
'มายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ บ้าจริง! ทำไมเธอถึงได้ไม่รู้สึกตัวกันนะ' เธอพับหนังสือลงและทำตัวไม่ถูก เธอคิดอย่างเดียวว่าพยายามหนีจากที่ตรงนั้น หรือเธอจินตนาการไปแวบหนึ่งว่าตอนนี้เธอหมุดพุ่มกุหลาบด้านข้างอยู่เสียด้วยซ้ำ
"ทำไมไม่อ่านต่อละ ?"เด็กสาวคนนั้นเดินออกมาจากเงา โอเชี่ยนจำได้ดีเลยล่ะ เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาวันนี้ แย่... เธอคนนั้นตรงมาที่เธอด้วยสีน้าฉงนปนเสียดายและเธอยังพูดต่อ"เสียงของเธอก็เพราะด้วย"
"ฉันคิดว่าฉันขอตัว"คำชมเรื่องน่าอายไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสักนิด โอเชี่ยนบอกปัดและรวบเอาของของเธอขึ้นมากอดกับอกเตรียมจะเดินหนี แต่เด็กสาวคนนั้นขยับก้าวมาขว้างทางของโอเชี่ยนได้ทันท้วงที ทำให้โอเชี่ยนต้องถอดหลังไปหนึ่งก้าวอย่างตกใจ เพื่อจะได้ไม่ชนอีกฝ่าย
"And throw into the well sweet rosemaryes,
and fragrant violets, and pances trim, and euer with sweet nectar she did sprinkle him..." เธอเป็นคนต่อให้จนกระทั่งจบท่อน น้ำเสียงสูงๆต่ำๆ ที่ลงจังหวะได้อย่างไพเราะราวพิณที่กังวานใต้เงาแสงจันทร์ และสำเนียงอังกฤษที่มีเสน่ห์ เธอก็ฉีกยิ้มให้กับโอเชี่ยนอย่างเป็นมิตร ราวเทพธิดาแห่งท้องทะเล
"แฟรี่ควีน เล่มสาม โดยเอ็ดมันด์ สเปนเซอร์ที่เขียนให้ควีนวิคตอเรีย แคนโต 2 สตานซาสามสิบหก ฉากที่วินัสกำลัง..." เธอเว้นวรรคเล็กน้อยและพูดต่อ "ทำโรแมนติก....กับอโดนิส" และเธอก็สยายยิ้มเมื่อเห็น อีกฝ่ายหน้าแดงระเรื่อกับคำพูดของเธอ โอเชี่ยนกัดริมฝีปากล่างเมื่อเธอรู้สึกถูกต้อนจนจนมุม
"โรสแมรี่ความทรงจำ, ไวโอเล็ตเรื่องความต้องการ...เรื่องอย่างว่า และแพนเซียความคิดที่เกี่ยวกับความตาย ช่างเป็นฉากรักที่อ่อนหวานน่าดูเลยนะ"
เด็กสาวแปลกหน้าหัวเราะเบาๆหลังพูดจบ ขณะที่โอเชี่ยนกำลังคิดว่ามันมีเรื่องให้น่าขำเสียเต็มประดาขนาดนั้นเลยหรือไง เธอก้าวไปอีกทาง เธอคนนั้นก็เดินตามมาขว้างทางเธออีกครั้ง
"ฉันไม่คิดนะว่าจะมีใครมาอ่าน บทกลอน'เรื่องอย่างว่า'ในที่โล่งแจ้งกลางสวนแบบนี้น่ะนะ โดยเฉพาะใกล้ๆรูปปั้นพระแม่มาเรีย" เธอหันไปมองรูปสลักปูนสีขาวอ่อนช้อยในใบหน้ายิ้มที่เปลี่ยนไปด้วยความอ่อนโยน โอเชี่ยนมองตามในหน้าของโยนของรูปปั้นปูนทำให้เธอประหม่าและรู้สึกละอายใจ แต่ 'ขายหน้า' ก็ยังเขียนชัดมากกว่าคำอื่นๆในหัวเธออยู่ดี
"ขอทาง"เธอพูดเสียงเข้ม แต่คนตรงหน้ากลับทำราวกับไม่สนใจที่เธอพูดเลยสักนิด
"นี่ถ้าใครรู้เข้า..."กลับกันเด็กสาวเกริ่นด้วยรอยยิ้มแกมเจ้าเล่ห์ โอเชี่ยนทำมุมคิ้วเลิกสูง อ้าปากค้างแสดงตกใจและความไม่พอใจในคราวเดียวกัน 'ใบหน้าไร้ที่ติ'ที่เธอชม เธอขอกลับคำ! เพราะเธอเห็นรอยตำหนิบนใบหน้าเธอคนนี้แล้ว นั่นก็คือลักยิ้มเล็กๆตรงข้างซ้ายที่มันทำให้เด็กสาวใบหน้าสวยตรงหน้าดูยียวนกวนประสาทและบ่งบอกความอภิรมย์บนใบหน้าได้อย่างหน้าทึ่งเลยล่ะ
"อยากทำอะไรก็ทำ" จนสุดท้ายโอเชี่ยนก็คว้านหาคำพูดในลำคอออกมาได้ การจัดการกับอารมณ์และควบคุมตัวเองได้ดี มีความมั่นสงบเยือกเย็นซึ่งพยายามวางมาตอนจนถูกเรียกว่า เจ้าหญิงแห่งมหาสมุทรที่แสนสงบ และวันนี้ดูเหมือนว่ามันจะพังไม่เป็นท่าไปแล้วก็ตาม แต่เธอก็จะไม่ยอมให้มันพินาศไปมากกว่านี้ เลยเลือกที่เดินหนีมากกว่า ปกติเธอไม่ใช่คนที่หนีปัญหาหรอก แต่เธอแค่เป็นคนหนีอะไรที่อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาต่างหากล่ะ!
"ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย..แต่ก็ยังว่าล่ะนะ..เด็กสาววัยนี้ก็สนใจเรื่องอย่างนี้เป็นทะ..ธรรมดา ฉันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจเสียหน่อย.." เด็กสาวพูดพร้อมด้วยมีริ้วระเรื่อบางๆบนแก้ม แต่เงามืดที่กินใบหน้าเธอทำให้คนอีกคนไม่เห็น เลยกลายเป็นว่า การหยีหยวนคือคำอธิบายอาการของคนตรงหน้าที่โอเชี่ยนเข้าใจไปเอง และเธอก็ไม่ชอบคนแบบนี้เสียด้วยสิ เธอก้าวขาจะเดินหนี "เดี๋ยวซิ" แต่เด็กสาวขว้าข้อศอกของโอเชี่ยนได้ทัน
"นี่เธอ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียไปสิ ทำไมเธอดูเป็นขี้โมโหและไร้มารยาทขนาดนี้กันนะ"
ไร้มารยาท คือคำที่สะกดอารมณ์โอเชี่ยนได้ดีที่เดียว เธอเกลียดที่มีคนพูดถึงเธอแบบนี้ เธอเลยหยุดและหันกลับมาอย่างพยายามที่จะสงบที่สุด
"เธอต้องการอะไร?"
"ฉันชื่อ พู่กลิ่น ยินดีที่ได้รู้จัก เธอล่ะ?"เด็กใหม่แนะนำตัวด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง
โอเชี่ยนลังเล เธอชักไม่แน่ใจว่าจะบอกชื่อเธอดีหรือไม่ เธอรู้สึกอับอายจนไม่รู้ต้องทำยังไง เธอพลาดเองนั่นแหละที่มาอ่านฉากอย่างว่าในสวนที่ศักดิ์สิทธ์แบบนี้ เธอรวบรวมสติอยู่อึดใจหนึ่ง
โอเชี่ยนกลั้นอาการถอนหายใจและฝืนยิ้มเหี้ยมออกมา ยังไงเสียเธอก็ต้องเจอเด็กสาวคนนี้อีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว เพราะยังไงดูเหมือนว่าพวกเธอต้องใช้สตูดิโอเดียวกันนานเลยล่ะ แค่คิดโลกทั้งใบของเธอก็แทบฟัง แต่สุดท้าย
"โอเชี่ยน ชื่อของฉัน" เธอพูดออกไปในที่สุด และทันทีที่ถูกปล่อยเธอเธอก็ใช้จังหวะนั้นได้เริ่งฝีเท้าเดินหนีออกมาจากตรงนั้น จังหวะเดียวกันที่นัชชาเดินออกมาจากอาคารทันที ไม่มีปี่มีขลุ่ย โอเชี่ยน รีบฉวยข้อมือของเพื่อนแล้วดึงให้เร่งฝีเท้าเดินจ้ำอ้าวตามทางคดเคี้ยวของเขาวงกตกุหลาบขนาดเตี้ย กระทั้งเดินขึ้นพื้นอิฐทางเดินกว้างซึ่งเป็นทางออกไปทางประตูโรงเรียนทันที
"ประหลาดคนจังแฮะ" พู่กลิ่นมองแผ่นหลังโอเชี่ยนตาม เธอพรึมพรัมเบาๆและเธอก็เดินหายไปที่ข้างตึก
"นี่รีบอะไรขนาดนี้ เป็นอะไรไปเนี่ย! โอเชี่ยน! โอเชี่ยน "
ขณะที่นัชชามองท่าทางเพื่อนอย่างประหลาดใจ ถ้าหากมามองไม่ผิดเธอเห็นแก้มของเพื่อนเธอกำลังแดงเปล่งเลยล่ะ เธอหันกลับไปมองทางที่คนผมยามเพิ่งเดินจากมา แต่ก็ไม่เห็นจะมีใครที่ยืนอยู่ตรงนั้นเลยสักคน นัชชาถอนหายใจ ไม่รู้ว่าไปเจอเรื่องอะไรมาแต่เห็นนิ่งๆแบบนี้ เด็กคนนี้ เป็นคนที่เข้ากับคนไม่เก่งและขี้อายได้เรื่องเลยล่ะ ไม่สิ ถ้าจะถูกให้ถูกทักษะการปฏิสัมพันธ์ที่เรียกว่าไม่ได้เรื่องเลยต่างหากล่ะ
ความคิดเห็น