คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : B r i g h t L o v e . two .
- B r i g h t l o v e -
myungsoo&sungyeol
part 2
ซองยอลประกาศกร้าวจะทำสงครามกับสามสาวนั่น จะยอมไม่ได้เเล้วเล่นวิธีสกปรกเเบบนี้ตอนเเรกก็จะไม่อะไรหรอกนะ เเต่ทำกันเเบบนี้ก็จะได้รู้กันว่าใครเป็นใคร
ถึงเเม้บนตึกจะปิดไฟมืดกลัวก็กลัวเเต่ด้วยความอยากรู้ว่าใครเป็นคนสาดน้ำใส่เขาจริงๆกันเเน่ร่างบางจึงเดินขึ้นไปบนตึกเเละเดินไปดูถังน้ำสีเเดงที่เขาเห็นเมื่อกี้
เเต่พอไปถึงก็ต้องแปลกใจเพราะถังน้ำนั้นได้หายไปแล้วเเต่กลับมีโบว์ผูกผมสีเเดงลายจุดขาวหล่นอยู่บนพื้น
"ต้องเป็นของยัยสามสาวนั่นเเน่ๆ"
ซองยอลพึมพำกับตัวเองก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋าพร้อมกับกระดาษแผ่นเล็กที่ตกลงมาหลังจากโดนน้ำสาดสำหรับเก็บไว้เป็นหลักฐานมัดตัวคนทำ
ในระหว่างที่นั่งรถประจำทางกลับบ้านซองยอลก็กดมือถือไปหาตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องเปียกกลับบ้านเเบบนี้
"ฮัลโหล"
'ว่าไง ไม่มีกูเเล้วเหงาจนต้องโทรหากูเลยหรอ' ปลายสายตอบทักทายมาอย่างน่าหมั่นไส้
. . . ป่าว กูจะโทรมาด่ามึง =_=
"เพราะมึงคนเดียว ทำกูเปียก"
'ห๊ะ อะไรงง'
"ก็เเฟนคลับมึงยัยสามสาวนั่นมันเอาน้ำมาราดใส่กู เปียกไปหมดเเล้วเนี่ย"
'อ้าว เเล้วทำอิท่าไหนไปปล่อยให้โดนราดน้ำได้ ฮ่าๆ เป็นลูกหมาตกน้ำเลยสินะ'
"นี่! ขำมากมั้ย?"
'ฮ่าๆๆ ได้ยินกูขำป่ะหล่ะ'
"ไปไกลๆเลย วางเเล้ว เบื่อคนเเถวนี้"
'ไปเเล้วหรอเพิ่งคุยเองนะ'
"เออ บาย"
ซองยอลกดตัดสายอย่างไร้เยื่อใย เเต่ยังไม่ทันที่จะเก็บมือถือลงกระเป๋าข้อความจากคนที่เขาบ่นว่าเบื่อเมื่อกี้ก็ส่งมาทำให้ร่างบางยิ้มได้ไม่หุบ
'myungsoo : กลับบ้านรีบไปอาบน้ำด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวจะกลายเป็นลูกหมาป่วย:)'
ไม่รู้ว่าอีกคนส่งมาเพราะจะเเกล้งว่าเขาเป็นลูกหมาหรือเพราะเป็นห่วงว่าเขาจะป่วยกันเเน่เเต่เขาก็ดีใจอยู่ดีนั่นเเหละ
^_____^
.
.
.
ซองยอลเเละมยองซูเดินเข้ามาโรงเรียนด้วยกันในตอนเช้า เเละเเน่นอนว่าต่างมีคนจับตามองสองคนนี้ เพราะเพิ่งประกาศไปว่าคบกันเป็นเเฟนเเล้วทำให้ทุกคนอยากรู้ว่าเป็นจริงหรือเปล่าเเต่ดูจากมือที่สองคนนั้นเดินจับกันเข้ามาในโรงเรียนก็พอจะอธิบายได้ว่าเป็นเรื่องจริง
"มยองซูเลิกจับมือได้เเล้วคนมองหมดเเล้วเนี่ย" ซองยอลหันไปกระซิบกับอีกฝ่ายเเต่เเทนที่มยองซูจะปล่อยก็กลับจับเเน่นขึ้น
"เขินอ่ะดิ"
"เออ! อายคนเค้าเว้ย"
พูดไม่ทันขาดคำตาเรียวก็หันไปเจอสามสาวที่มองมาทางเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ทำให้ซองยอลนึกขึ้นมาได้ว่าเขาจะต้องทำแผนเเก้เเค้นยัยพวกนั้น
ซองยอลเดินไปใกล้ๆหญิงสาวก่อนจะหันไปหามยองซูเเละเริ่มเเผนการ
"มยองซูมีอะไรติดหน้าอ่ะ"
"ไหนอ่ะ?" ร่างสูงยกมือขึ้นปัดใบหน้าของตัวเองเพื่อดูว่ามีอะไรติด
"มาเดี๋ยวเอาออกให้" ซองยอลยื่นหน้าเข้าไปใกล้ทำเป็นว่าเอาอะไรที่ติดอยู่บนหน้าของร่างสูงออก..ซึ่งที่จริงมันไม่มีอะไรเลย
ใบหน้าหวานเลื่อนเข้าไปใกล้จนเเทบจะติดกับอีกคนอยู่เเล้วซองยอลปัดไปปัดมาก่อนปากเรียวจะเป่าลมออกมาเบาๆเเละเอามือปัดผมให้ฝ่าย
"พี่ซองยอลอย่ามาเว่อร์หน่อยเลยค่ะ ไม่เห็นจะมีอะไรติดหน้าพี่มยองซูเลย" ซูจองที่ดูเหมือนจะอดทนไม่ไหวกับภาพบาดตาบาดใจพูดขึ้น
"เธออิจฉาฉันที่พวกเธอไม่มีโอกาสทำเเบบนี้มากกว่า" ซองยอลที่ได้ใจรู้ว่าพวกนั้นอิจฉามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสนุกมากเท่านั้น เเขนเรียวคล้องเเขนมยองซูเเนบเเน่นเพื่อเเสดงความเป็นเจ้าของ
"นี่จะเเก้เเค้นพวกนั้นให้อิจฉาใช่มั้ย" มยองซูยกมือป้องปากเเล้วหันมากระซิบกับเขา
"เงียบๆไปเหอะหน่า" ซองยอลพูดเสียงเบากับร่างสูงไม่ให้พวกนั้นได้ยิน
"เราไม่อิจฉาพี่หรอกค่ะเพราะเราไม่เชื่อว่าพี่คบกันจริง เน้อะพวกเรา" นาอึนหันไปถามความเห็นของเพื่อนอีกสองคน ก่อนทั้งสองคนนั้นจะพยักหน้าเห็นด้วย
"ก็เเล้วเเต่เธอนะก็คอยดูละกันว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
“อ้าวซองยอล มยองซู” อูฮยอนที่วิ่งมาจากหน้าโรงเรียนร้องเรียกชื่อร่างบางเหมือนไม่เคยเจอกัน - -
“จะตะโกนทำซาก” ซองยอลหันไปแขวะเพื่อนรัก
“ตื่นเต้นที่เจอคู่รักกำลังหวานชื่นไง”
“เหอะ”
“อ้าว พวกเธอนี่เองมาแสดงความยินดีกับซองยอลมยองซูตั้งแต่เช้าเลยหรอ” ร่างเล็กส่งยิ้มให้กับสามสาวแต่ดูเหมือนว่าจะเป็นรอยยิ้มอาบยาพิษซะมากกว่า
“พี่ยุ่งอะไรด้วยหรอคะ” ซูจองตอบอย่างทีอูฮยอนอยากจะยกหมัดขึ้นมาต่อยหน้าเธอถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิง
“พูดจาแบบนี้กับรุ่นพี่เธอคิดว่ามันเหมาะสมหรอไง..อ่อนี่แล้วจะบอกให้นะว่าถ้าพวกเธอใช้วิธีหมาลอบกัดกับฉัน ฉันก็จะไม่ออมมือกับพวกเธอแน่นอน”
“พี่พูดถึงอะไร” นาอึนถามด้วยใบหน้าใสซื่อกับคำพูดของเขา
“ก็นี่ไงหลักฐาน” มือเรียวหยิบโบว์สีแดงลายจุดสีขาวขึ้นมาจากกระเป๋าเป้ และแผ่นกระดาษที่เขียนด้วยลายมือที่ดูก็รู้ว่าเป็นลายมือของผู้หญิงหลักฐานที่เขาเก็บได้จากเมื่อวาน
“อะไรวะซองยอล” อูฮยอนถามอย่างสงสัย
“เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง”
“อะไรของพี่”
“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ เมื่อวานพวกเธอสาดน้ำลงมาใส่ฉันจนตัวเปียกไปหมด แต่ยังดีที่ทิ้งหลักฐานไว้ให้สะด้วย” ซองยอลแกว่งโบว์ไปมาตรงหน้าของพวกเธอ พร้อมชูกระดาษแผ่นนั้นให้ดู
“นี่ไม่ใช่ของพวกเรา ลายมือก็ไม่ใช่ด้วย”
“ใครมันจะไปยอมรับว่าตัวเองทำหล่ะจริงมั้ย ถ้าทำแล้วยอมรับแบบดื้อๆแบบนี้เขาก็เรียกว่าโง่แล้วหล่ะ”
“ซองยอลใจเย็น” มยองซูสะกิดร่างบาง เห็นท่าไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ดูซองยอลจะเอาเรื่องน่าดู สงสัยจะแค้นจริงๆ
“เมือวานพอเลิกเรียนพวกเราก็ไปเรียนต่อเราจะเอาเวลาที่ไหนไปแกล้งพี่” นาอึนเป็นฝ่ายอธิบาย
“เอาเถอะพวกเธอไม่รับก็ได้ แต่อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยไปง่ายๆหล่ะ ฉันไปดีกว่าอยู่ตรงนี้เเล้วรู้สึกร้อนๆเพราะไฟในตาของพวกคนแถวนี้มันลุก”
ซองยอลยกยิ้มเยาะเย้ยสามสาวเเล้วเดินคล้องเเขนมยองซูออกไปพร้อมกับอูฮยอนที่เดินขนาบข้างโดยซองยอลไม่ลืมที่จะกระเเทกไหล่หนึ่งในสามคนนั้นเป็นการท้าทายซึ่งอีกฝ่ายก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนโมโหควันออกหูอยู่ตรงนั้น
"เด็ดดีนี่"
หลังจากที่เดินพ้นสามคนนั้นมามยองซูก็เอ่ยชมคนข้างตัวที่ดูเหมือนจะลืมว่าเเขนของตัวเองยังคล้องเเขนเขาอยู่
"ก็รำคาญพวกนั้นต้องเอาสะให้เข็ด"
"น่าจะบอกตั้งเเต่เเรกนะจะได้ช่วยด้วย จับจูบตรงนั้นเลยดีป่ะ เขาจะได้เชื่อ"
"เพี๊ยะ!" มือบางยกขึ้นตีร่างสูง
"บ้าป่ะเเค่ครั้งที่เเล้วก็อายจะตายอยู่ล้ะ"
"ฮ่าๆๆ รักกูมากป่ะคล้องเเขนไม่ปล่อยเลยติดใจอ่ะดิ"
ซองยอลหันไปมองแขนตัวเองก่อนจะรีบกระเด้งตัวออกจากอีกฝ่ายทันที มยองซูที่เห็นปฏิกิริยาเว่อร์ของซองยอลก็ถึงกับขำกับความโก๊ะของอีกคน ตอนแรกตัวเองเป็นคนเอาแขนมาคล้องเองแท้ๆ แถมยังวางแผนแก้แค้นยัยพวกนั้นอีก
อีซองยอล เด็กประถมเก่งขึ้นเยอะเลยแฮะ * 0 *
.
.
.
วันนี้ในคาบเเรกเด็กนักเรียนชั้นปีสามทุกคนต่างมารวมตัวกันที่หอประชุมใหญ่ของโรงเรียนเพื่อประชุมชสำหรับการจัดงานละครเวทีของโรงเรียนที่เหมือนเป็นประเพณีว่ารุ่นพี่โตสุดอย่างนักเรียนชั้นปีสามก่อนจะจบนั้นจะต้องทำละครเวที ซึ่งเวลาก็ช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกินจากนักเรียนชั้นปีหนึ่งที่ดูพี่ๆเล่นละครเวทีก็ต่างตื่นเต้นและอยากทำกิจกรรมนี้บ้าง แต่พอตัวเองต้องทำจริงๆทุกคนก็ไม่ค่อยอยากจะทำเท่าไหร่เพราะต้องทำงานกันอย่างหนักแถมยังจะเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยอีก แต่ก็นี่แหละชีวิตตอนที่ไม่ต้องทำก็อยากทำ แต่พอถึงคราวที่จำเป็นต้องทำจริงๆก็กลับไม่อยากสะงั้น
“เอาหล่ะวันนี้เราจะมาพูดถึงคอนเซ็ปของละครเวทีนี้กัน” ประธานนักเรียนที่อยู่บนเวทีประกาศผ่านทางไมค์
“คอนเซ็ปของละครเวทีรุ่นเราจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับหนูน้อยหมวกแดงแต่จะเป็นหนูน้อยหมวกแดงที่ดัดแปลงไม่เหมือนเดิมก็คือ...”
“ห้าวววว~” ด้วยแอร์ที่เย็นฉ่ำและเก้าอี้นิ่มๆในหอประชุมทำให้ซองยอลหาวจนน้ำตาไหลไปหลายรอบแล้ว เขาแทบไม่ได้ฟังสิ่งที่ประธานนักเรียนพูดเลยซักนิด เพราะอะไรหน่ะหรอ เพราะเขาได้รับมอบหมายให้เป็นคนทำฉากหน่ะสิเพราะฉะนั้นเขาก็แค่ฟังฝ่ายออกแบบว่าจะให้ตกแต่งฉากยังไงแล้วก็ใช้แรงงานของตัวเองในการลงมือทำ เขาไม่ต้องฟังพวกคอนเซ็ปอะไรนั่นก็ได้
“ง่วงอ่ะ” ซองยอลหันไปพูดกับร่างสูงที่นั่งข้างๆซึ่งก็มีอาการไม่ต่างกันเท่าไหร่
“เออเหมือนกันนี่หาวจนลมเข้าท้องจะอืดหมดล้ะเนี่ย”
“เอ้อทำไมมึงไม่ไปลงสมัครเล่นละครเวทีวะ” ซองยอลถามมยองซูอย่างสงสัย
ก็เพราะมยองซูแสดงละครเก่งสิ นี่ไม่ได้ประชดนะ แต่หมายถึงปีที่แล้วมยองซูเป็นคนเดียวในปีสองที่ถูกเลือกให้ไปเล่นละครเวทีของรุ่นพี่ปีสามซึ่งปกติแล้วจะมีแค่นักเรียนปีสามเท่านั้นที่จะได้เล่นละครเวที แต่คงจะเป็นเพราะความหล่อเหลาของเจ้าตัวที่รุ่นพี่สาวๆนั้นกรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่ทำให้มยองซูถูกเสนอชื่อให้ไปเล่นละครซึ่งก็ได้เล่น แล้วเจ้าตัวก็เล่นออกมาได้ดีซะด้วยถึงแม้จะเป็นแค่ตัวประกอบแต่มยองซูก็ได้รับคำชมอย่างล้นหลามจากคนทั้งโรงเรียน
“ไม่เอาหว่ะ เหนื่อยขี้เกียจหาเรื่องใส่ตัว แค่ปีที่แล้วก็เหนื่อยพอล้ะ”
เสียงแสบแก้วหูที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านหลังซึ่งกำลังพูดถึงร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆเขา จากตอนแรกที่ง่วงซองยอลก็หูผึ่งขึ้นมาทันที ถ้าเขาจำไม่ผิดเสียงน่ารำคาญนั่นต้องเป็นเสียงของยัยสามสาวสยองที่ไม่รู้ว่าอะไรบังเอิญทำให้พวกเธอมานั่งอยู่ด้านหลังพวกเขา ตอนแรกก็ไม่เห็นจะเห็นเลยว่ามีสามคนนั้นนั่งอยู่ข้างหลัง
“พี่มยองซูหนิ”
“แกก็เรียกสิ”
“แกเรียกสิ”
“เห้ยนั่นข้างๆพี่มยองซูนั่นไอ่พี่หน้านกฮูกหนิ”
ห๊ะ?
คนที่แอบฟังอยู่ถึงกับตาโต
ใครคือพี่หน้านกฮูก?
ซองยอลหันซ้ายหันขวา ข้างมยองซูก็มีเขาคนเดียวหนิ เพราะมยองซูนั่งอยู่ริมสุดแล้ว นี่พวกสามสาวนั่นตั้งฉายาให้เขาเป็นพี่หน้านกฮูกหรอ!!!! คิดว่าตัวเองสวยมากสินะ เหอะ!.. คิดว่าฉันไม่ได้ยินหรอไง
สงสัยฟ้าจะเป็นใจให้ซองยอลซะแล้วสิที่ให้พวกเธอมานั่งข้างหลังเขา
มานั่งประชิดเป็นใจให้แก้แค้นขนาดนี้มีหรอจะพลาด
ซองยอลพยายามสะกดใจไม่ให้ตัวเองหันไปโวยวายกับสามสาวนั่น เพราะเขามีอะไรที่เด็ดกว่าการที่จะหันไปโวยวายแบบนั้น มันดูจะไม่สะใจใช่มั้ยหล่ะ?
“มยองซูง่วงมากๆเลยอ่ะจะทนไม่ไหวแล้ว” ร่างบางทำท่าหาวหันไปทางมยองซูก่อนจะวางหัวกลมๆลงบนไหล่ของอีกฝ่าย
“อะไรกูก็ง่วงนะ มานอนทับไหล่แบบนี้เอาเปรียบกันหนิ” มยองซูโวยวาย
“ก็นอนสิ ใครว่า”
“นี่แหนะ!” มยองซูโขกหัวตัวเองเบาๆกับหัวของซองยอลที่กำลังนอนอยู่บนไหล่ของตัวเอง เพื่อแกล้งอีกคนที่เอาเปรียบ
“มยองซู! คิดว่าหัวตัวเองเป็นหมอนนิ่มๆหรอไง” เงยหน้าโวยวายอีกคนบ้าง พร้อมเอาหัวตัวเองดันไหล่ของร่างสูงแล้วส่ายหัวไปมา “กล้าเอาหัวมาโขกหรอ ย้า!!!!”
“เด็กปัญญาอ่อนป่ะ ฮ่าๆ” ขำกับการกระทำของซองยอล
“อ้ายยยยยยยยอะไรกันเนี่ย”
“พี่ซองยอล!” ซูจองเรียกชื่อของคนที่นั่งข้างหน้าตัวเองขึ้นเมื่อทนไม่ไหวแล้วกับฉากคู่รักที่อยู่ตรงหน้า
แผนนี้ผ่าน! :P
“อ้าว พวกเธอนี่เองมีอะไรหรอ”
“ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ”
“ทนอะไรหรอ เธอพูดเรื่องอะไร * - *” แกล้งทำหน้าเหรอหราไม่รู้เรื่องอินโนเซ้นยิ่งทวีความโมโหให้ฝ่ายหญิงอย่างเห็นได้ชัด
“อ่อกูรู้ละฮ่าๆ” มยองซูพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าสามคนนั้นโมโหอะไรและทนอะไรไม่ไหวก็ที่เมื่อกี้เขาเล่นกับซองยอล ถึงว่ามันแปลกๆ อ่อ..ซองยอลรู้นี่เองว่าสามคนนั้นนั่งอยู่ข้างหลัง.. จะยั่วให้โมโหอีกหล่ะสิ
“พวกเธอนี่ท่าจะบ้าอยู่ดีๆก็มาโมโหใส่ฉัน”
“เห้ยๆดูดิๆ ยูรินิหว่า” อูฮยอนที่นั่งข้างๆสะกิดเรียกซองยอลที่นั่งอยู่ข้างๆให้เขาดูคนที่อยู่บนเวที
“ส่วนเรื่องนักแสดงเราก็ได้คัดเลือกไว้แล้วตัวเอกของละครเวทีครั้งนี้ก็คือ ควอนยูริ และ ปาร์คชานยอล” ยูริและชานยอลโค้งรับก่อนที่เสียงปรบมือจากนักเรียนทั้งหอประชุมจะปรบมือกันให้ทั้งสองคนกันอย่างพร้อมใจ ก็แน่อยู่แล้วยูริที่เรียกได้ว่าดาวน่ารักประจำโรงเรียน และชานยอลที่หล่อไม่แพ้ใครสูงยาวเข่าดีแถมยังอยู่ห้องคิงอีกด้วย
“ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ยว่ายูริได้เล่นเป็นนางเอกด้วย” อูฮยอนหันมาพูดกับซองยอล
“เขาไปคัดเลือกกันตั้งนานแล้ว มึงแหละตกข่าว” มยองซูตอบขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่บนเวที
“อ่อหรอ มึงคงจะคุยกันบ่อยสินะ” ซองยอลถามมยองซูด้วยความสงสัยปนน้อยใจ เหมือนอูฮยอนจะรับรู้ถึงความรู้สึกของเขามือเล็กแตะบ่าเขาเบาๆให้ใจเย็น
“เขาก็มาปรึกษากูเรื่องการแสดงบ่อยๆหน่ะ”
แต่เหมือนมยองซูจะไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกนั้นเลย
“จริงๆมึงก็คงอยากเล่นคู่กับยูริ” ซองยอลนั่งก้มหน้าแล้วพึมพำคนเดียวก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองเงียบๆว่ายูริแค่มาปรึกษามยองซู มยองซูก็ให้คำปรึกษาเท่านั้นเอง
.
.
"ซองยอลๆ" เปลือกตาสวยเปิดขึ้นก่อนจะกระพิบถี่ๆเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับบรรยากาศรอบตัวหลังจากที่ ไม่รู้ว่าตัวเองคิดเรื่องมยองซูจนเผลอหลับไปตอนไหนตื่นขึ้นมาอีกทีก็คือตอนที่มยองซูปลุกเขาเพราะการประชุมจบเเล้ว
"หลับจนอืดเลยนะ" ตื่นขึ้นมาก็ถูกมยองซูล้อทันที
"อย่างกะมึงไม่เคยเผลอหลับงั้นเเหละ"
"อย่างน้อยก็ไม่ได้หลับคอตกจนนอนทับไหล่คนอื่นจนชาไปข้างนึงอ่ะนะ"
"ก็คนมันง่วงนี่!"
มันเป็นเรื่องที่ซองยอลอยากจะแก้ไขมากที่สุดเรื่องหนึ่งคือเวลาเขาหลับคอจะตกเเล้วมันก็ชอบไปนอนซบไหล่คนข้างตัวจนบางทีเขาก็นึกอยากจะมัดหัวตัวเองไว้ตรงๆเวลาหลับจะได้ไม่ต้องอายเเบบนี้
"ตอนเเรกกูก็กะจะผลักออกอ่ะนะเเต่เเบบด้วยความที่เป็นคนดีเลยให้มึงนอนซบไหล่กูต่อไป"
"เเหม่คนดีสะจริงจริ๊ง เเหวะ!" ทำท่าอ้วกใส่ร่างสูงเเต่ก็โดนอีกคนเขกหัวไปหนึ่งทีเพราะหมั่นไส้
"อะไรๆเมื่อกี้เห็นนะเว้ยตอนยอลเเม่งหลับ มึงก็แอบมองซองยอลตลอด" ผู้คอยสังเกตการณ์อย่างอูฮยอนเล่าความจริง
อูฮยอนที่ถึงเเม้จะนั่งอยู่ด้านซ้ายของซองยอล เเละมยองซูนั่งอยู่ด้านขวาของซองยอล เเต่ดูเหมือนว่าหัวกลมๆของเพื่อนตัวดีนี้ช่างเลือกซบไหล่ได้เหมาะจริงๆ หลับได้ไม่นานก็เอียงหัวคอตกไปซบไหล่มยองซูซะล้ะ อีกคนก็เเอบลอบมองตลอดไม่ได้จะผลักออกเเบบที่ตัวเองบอกเลย เเต่ถึงยังไงอูฮยอนก็ไม่สามารถอ่านสายตาของมยองซูได้เลยว่าตกลงมยองซูคิดกับซองยอลยังไงเเต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกดีๆที่อีกฝ่ายมีให้กับร่างบาง
หลังจากเลิกประชุมต่างคนก็ต่างเเยกย้ายกันไปตามห้องเรียนเพื่อเรียนต่อตามปกติเรียนไม่กี่คาบก็ถึงถึงช่วงพักกลางวันซึ่งปกติเเล้วจะต้องลงไปกินข้าวกลางวันแต่เพราะวันนี้มีประเด็นของอีซองยอลที่จะต้องเล่าสู่กันฟังทำให้พวกเขามานั่งล้อมโต๊ะกันอยู่แบบนี้
“ทำไมมึงไม่บอกกูวะ แม่งทำงี้ได้ไง” อูฮยอนโมโหออกนอกหน้าจนเหมือนตัวเองเป็นคนโดนสาดน้ำสะงั้น - -
“ก็กะจะมาเล่าวันนี้นี่แหละ”
“แล้วไอ่โบว์นี่มันเกี่ยวอะไรอ่ะ” ดงอูถามพลางหยิบโบว์ขึ้นมาเล่นก่อนจะยกขึ้นมาเทียบกับหัวตัวเองแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเปิดกล้องหน้าส่องดู
นี่ตกลงเพื่อนเขานี่ปกติหรือเปล่า? =_=
“ก็กูโดนสาดน้ำจากชั้นสองของตึก แล้วพอเสร็จก็มีกระดาษแผ่นนี้ตกลงมา” ซองยอลหยิบกระดาษขึ้นมาให้เพื่อนๆดู “แล้วก็พอขึ้นไปดูชั้นบนก็เจอโบว์นี่ตกอยู่บนพื้น”
"เล่นกันงี้เลยอ่อวะ" โฮย่าเริ่มบ่นเพราะคิดเเค้นใจเเทนเพื่อน
"เเต่ซองยอลมันก็มีเเผนเอาคืนเเล้วเเหละ" มยองซูนึกถึงเมื่อเช้าที่ซองยอลเอาคืนพวกนั้นเเล้วก็ขำที่ซองยอลก็มีด้านร้ายๆเเซ่บๆกับเค้าด้วยปกติเห็นต๊องๆ
"โหวซองยอลมันคงหึงมึงสินะ"
ไม่พ้นที่จะเเซวกูนะโฮย่า -.-
"ไม่ลงไปกินข้าวกันหรอ" เสียงหญิงสาวที่เข้าเเทรกระหว่างบทสนทนาของหนุ่มๆทำให้ทุกคนในกลุ่มหันไปมองต้นเสียง
"อ่อพอดีมีเรื่องเม้าท์กันเลยไม่ได้ลงไปกิน"
"อ่อฉันเอาขนมมาให้กินหน่ะฉันทำเองเลยนะ" ยูริยิ้มให้ก่อนจะยื่นถุงขนมสีชมพูให้กับมยองซู
"ขอบใจนะ" มยองซูรับไว้
"เอ้ะ เเล้วนั่นโบว์ของซองยอลหรอ" ร่างบางที่กำลังจับโบว์เจ้าปัญหานั่นอยู่เลยถูกยูริถามขึ้น
"อ่อไม่ใช่หรอก ของพวกหมาลอบกัดเเถวๆนี้เเหละ"
"หมายถึง?" ยูริถามอย่างสงสัย
"อ่อไม่มีหรอกก็พวกรุ่นน้องที่มันชอบมยองซู"
"อ่อ"
"ดีนะที่ยูริไม่เป็นเเบบพวกนั้น" อูฮยอนเอ่ยชมยูริต่อหน้าทำให้เธอถึงกับเขินอายเล็กน้อย
"ฉันก็ไม่ได้ดีอะไรหรอกหน่า..อ่อมยองซูว่างๆนายไปเป็นคู่ซ้อมละครกับฉันหน่อยสิจะได้ขอคำเเนะนำจากนายด้วย"
"อืมได้สิตอนไหนหล่ะ"
"เย็นนี้ว่างมั้ย?"
"ก็..ก็ได้นะ"
"โอเคเยี่ยมเลย ซองยอลฉันขอยืมเเฟนนายหน่อยได้มั้ย?" เอ่ยขออนุญาตซองยอลที่นั่งอยู่ข้างๆมยองซู
"อ่อๆได้สิ ^_^" ตอบอีกฝ่ายพลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตรเเต่ไม่รู้ทำไมในใจเขาถึงรู้สึกหน่วงๆอย่างบอกไม่ถูก
"ขอบคุณนะ งั้นฉันไปเเละ อย่าลืมกินนะมันอร่อยมาก"
ทันทีที่ยูริเดินออกไปจากห้องซองยอลก็ถอนหายใจเบาๆกับตัวเองโดยที่มยองซูเเละคนอื่นไม่ได้สังเกตเห็น ทำไมเขาต้องมีความรู้สึกเเบบนี้นะ
..ตามความจริงเเล้ว
เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้สึกเเบบนี้ด้วยซ้ำ
ย้ำเตื่อนตัวเองว่าตัวเองก็เป็นเพียงเเค่เเฟนปลอมๆของมยองซูเท่านั้นไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะหึงหรือหวง
นั่นสินะ..
"ซองยอลกินมั้ย?" มยองซูเปิดห่อคุ้กกี้เเล้วยื่นมาให้เขาลองชิม
"ไม่เอาอ่ะ"
"กินหน่อยนะๆ อยากป้อนอ่ะๆ" ออดอ้อนร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆก่อนจะเอาหัวกลมๆซบลงบนแขนอีกคน
"ไม่อยากกินอ่ะกินไปเหอะ"
"ว้า กะจะป้อนซักหน่อย กินเองก็ได้" ว่าเเล้วร่างสูงก็หยิบใส่ปากตัวเองเเล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
อูฮยอนเอื้อมมือมาใต้โต๊ะเเล้วเเตะที่ต้นขาเขาก่อนจะกระซิบประโยคที่ทำให้เขายิ้มออกมาได้ "ซองยอล.. ยิ้มๆ! หน้าบึ้งเป็นตูดเเล้ว"
"ขอบใจนะ"
มยองซูนั่งหันหลังให้เขาแล้วหยิบขนมในห่อกินอย่างเอร็ดอร่อย ซองยอลก็ไม่รู้ว่าทำไมทุกครั้งที่มยองซูทำให้เขารู้สึกไม่ดีอย่างในตอนนี้ รู้สึกน้อยใจหรืออะไรก็ตามเเต่เจ้าตัวก็เหมือนจะรู้ว่าทำให้เขารู้สึกไม่ดี มยองซูก็จะมาอ้อนเขาด้วยวิธีต่างๆให้้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาได้ แต่ที่จริงแล้วเขาก็ไม่รู้เลยว่าอีกคนทำแบบนี้เพราะคิดว่าเขารู้สึกไม่ดีหรือเพราะมันเป็นเรื่องปกติของอีกคนกันแน่
.
.
.
ดูเหมือนว่าเย็นนี้ทุกคนกำลังจะยุ่งกับการเริ่มต้นการเตรียมงานละครเวที ทุกๆฝ่ายต่างนั่งรวมกลุ่มประชุมกันเพื่อวางแผนสำหรับงานละครเวทีนี้ ซองยอลเองก็เช่นกัน ตอนนี้เขา มยองซู อูฮยอน โฮย่า และดงอูกำลังนั่งฟังจงอินซึ่งเป็นหัวหน้าในฝ่ายดูแลฉากอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาต้องทำ
“เรื่องฉากฉันร่างไว้คร่าวๆแล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง วันนี้ก็ไม่มีอะไรบ้างแค่แบ่งกันว่าใครจะไปจัดการฉากไหน จะมีทั้งหมดหกฉาก ฉากเปิด ฉากบ้าน ฉากในป่า ฉากห้องนอน แล้วก็ฉากปิด แบ่งเลยละกันฉันจะแบ่งตามกลุ่มเพื่อนนะแล้วพวกนายก็ไปช่วยกันเอง”
“กลุ่มแบคฮยอนทำฉากเปิด กลุ่มเซฮุนทำฉากป่า กลุ่มซองยอลทำฉากบ้าน กลุ่มมินโฮทำฉากห้องนอน แล้วก็กลุ่มแทมินทำฉากปิด”
พอได้รับมอบหมายฉาก ทุกคนในฝ่ายฉากก็เริ่มวิจารณ์ถึงสิ่งที่ตัวเองจะต้องทำ
“ฉากบ้านแม่งกูว่ามีอะไรเยอะแยะสุดชัวร์” โฮย่าหันไปกระซิบกับดงอู
“เออหว่ะ”
“เอาหล่ะเดี๋ยวมาเอารายละเอียดที่จะต้องหาของมาทำ วันนี้พวกนายก็ไปซื้อของมาเตรียมละกัน”
จงอินหยิบรายละเอียดที่จดอยู่ในกระดาษเอสี่ขึ้นมายื่นแจกให้แต่ละกลุ่มไปรับผิดชอบ
“วันนี้ก็แยกย้ายได้แค่นี้แหละ”
ทันทีที่ซองยอลได้รับรายละเอียดทุกคนในกลุ่มต่างเข้ามารุมดูสิ่งที่ต้องไปซื้อกันวันนี้มีทั้งไม้ โฟม สี แปรงทาสี และอื่นๆอีกมากมาย นี่ขนาดงานของโรงเรียนแต่โรงเรียนไม่สนับสนุนให้อะไรซักอย่างเลยหรอเนี่ย พวกเขาต้องทั้งออกเงินจ่ายเองทั้งหมด แถมยังต้องเหนื่อยไปซื้อแล้วมาใช้แรงงานตัวเองทำงานอีกแค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
“เยอะชิบ” อูฮยอนบ่น
“เออนั่นดิแม่งกูนึกว่าจะสร้างบ้านอ่ะ”
“เอาเหอะยังไงก็ต้องทำหว่ะ รีบไปซื้อเหอะจะได้กลับบ้านนี่เหมือนฝนจะตกด้วย ถ้าตกแล้วจะซวย” ซองยอลจัดแจงให้ทุกคนรีบไปซื้ออุปกรณ์เพราะสังเกตเห็นถึงเมฆครึ้มบนท้องฟ้าที่กำลังลอยใกล้เข้ามา
“คือพวกมึงไปกันก่อนก็ได้ พอดียูรินัดกูให้ไปช่วยซ้อมละครอ่ะโทษที” มยองซูพูดแทรกขณะที่เพื่อนในกลุ่มกำลังลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเป้เตรียมออกไปซื้อของนอกโรงเรียน
“อ่อ.. ใช่สิกูลืมไปไม่เป็นไรเดี๋ยวพวกกูไปซื้อเองได้ มึงไปซ้อมให้ยูริเถอะ” ซองยอลตอบพร้อมยิ้มให้กับมยองซู
.. ยิ้มที่เขากำลังฝืนยิ้ม..
มันไม่เป็นไรจริงๆมยองซู
“เสร็จแล้วเดี๋ยวโทรหานะ” ร่างสูงหันมาพูดกับร่างบาง ก่อนจะยกมือถือขึ้นมาดูเพราะมีเสียงเตือนข้อความเข้าและถ้าซองยอลเห็นไม่ผิดเหมือนว่าเป็นข้อความของยูริที่ส่งเข้ามา มยองซูบอกขอโทษอีกครั้งแล้วคว้ากระเป๋าเป้เดินไปทางหอประชุมที่เป็นสถานที่นัดซ้อมสำหรับนักแสดง
“อือ”
ทำยังไงได้หากใจเขาไม่อยู่กับเรา
ถึงเราจะได้เป็นแฟนในนามแต่เราก็สามารถเอาใจของเขามาได้
แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร
หากเขาไม่ได้ให้ใจกับเรา
ระหว่างทางไปซื้ออุปกรณ์อูฮยอนที่รู้ว่าเขากำลังอยู่ในภาวะที่กำลังแย่ อูฮยอนจึงพยามสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานให้เขาได้คลายเศร้า แซวเขาบ้าง ล้อเขาบ้าง เล่นอะไรพิเรนร์ๆ มุขเสี่ยวๆแบบที่มันชอบเล่นทุกวัน ซึ่งมันก็เป็นสิงที่ช่วยเขาได้มากทีเดียว ตอนแรกที่ออกจากโรงเรียนเขาแทบจะไม่มีจิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว แต่พออูฮยอนมาเล่นด้วย พร้อมกองทัพเสริมอย่างโฮย่าและดงอูที่รู้ๆกันว่าบ้าๆบอๆ ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมามาก
โรงเรียนอยู่ห่างจากที่นี่ไม่มากนักทำให้ใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึงร้านนี้ขายอุปกรณ์ที่เรียกได้ว่ามีครบทุกอย่างสำหรับสิ่งที่เขาต้องการซื้อเพราะเป็นร้านสำหรับพวกวัสดุที่ใช้ในการประดิษฐ์พวกสิ่งของต่างๆรวมถึงเครื่องเขียนที่พวกเขามักจะแวะมาซื้อบ่อยๆอีกด้วย พวกเขาจึงสนิทสนมกับลุงเจ้าของร้านอยู่พอสมควร
“อ้าว หนุ่มๆวันนี้มาซื้ออะไรหล่ะ” ลุงฮันเจ้าของร้านทักทายขึ้นทันทีที่พวกเขาเปิดประตูเข้าร้านมา
“อ่อวันนี้มีออเดอร์มาเยอะเลยครับ พอดีต้องซื้อของไปทำฉาก” อูฮยอนหยิบกระดาษเอสี่แผ่นที่ได้มาจากจงอินเอามาให้คุณลุงดู
“อืม ไปเลือกได้เลยนะ มีพวกไม้ก็ไปทางด้านหลังสุดของร้าน สีก็นี่เลยตรงโซนนี้” อธิบายเสร็จโฮย่ากับดงอูก็ไปเลือกไม้ ส่วนอูฮยอนกับซองยอลก็มาเลือกสีกระป๋อง
“มึงว่ามยองซูมันชอบยูริป่ะวะ” ซองยอลถามขอความเห็นจากซองยอลขณะที่กำลังเลือกโทนสีให้ตรงกับที่จงอินได้เขียนไว้
“กูก็ไม่รู้หว่ะ” อูฮยอนดูไม่ออกจริงๆ ทั้งที่เขาเป็นคนที่มักจะดูคนออก แต่สำหรับมยองซูดูเหมือนว่ามันจะเข้าถึงยากจริงๆ อีกใจก็คิดว่ามันเองก็ชอบซองยอลอยู่เหมือนกัน แต่อีกใจก็เหมือนจะชอบยูริอยู่อีกเหมือนกันนั่นแหละ
“เห้อ” ถอนหายใจออกมาพร้อมความเหนื่อยใจที่อัดอั้นไว้
“มึงอย่าไปคิดมากเว้ย ตราบใดที่มันยังไม่ได้พูดออกมาตรงๆมึงก็ยังมีสิทธิ์”
“กูว่าบางทีกูก็คิดเข้าข้างตัวเองมากไปป่าววะ มึงก็ด้วยชอบพูดให้ความหวังกู”
“อ่าว ไอห่า กูพูดให้มึงไม่เศร้าแล้วยังจะมาด่ากูอีก”
=_= เศร้าแล้วมาพาลใส่กันแบบนี้เดี๋ยวปล่อยให้ร้องไห้ตาบวมเลยแม่ง
“ฮ่าๆ กูพูดเล่นหน่า ถ้าไม่มีมึงกูคงต้องอกแตกตายไปแล้วแน่ๆ”
“ทำเป็นตบหัวแล้วลูบหลังกูนะมึงอิเด็กประถม”
“อย่างน้อยกูก็ลูบหลังให้มึงตอนจบนะ ไม่ได้ตบแล้วหนี”
“มึง เอิ่ม..” - - จุด จุด จุด แทนความรู้สึกที่มีให้ต่อเด็กประถมอีซองยอล
เพราะเลือกของไปคุยไปแบบนี้ทำให้เวลาล่วงเลยไปเกือบชั่วโมงกว่าที่ทั้งสี่คนจะเลือกของกันเสร็จ พอเอาของมากองรวมกันก็เยอะจนแทบอยากจะร้องไห้ นี่ทำละครเวทีของโรงเรียนหรือจะทำไปประกวดรางวัลออสการ์? ไม่ใช่อะไรหรอกนะแต่ที่มันน่าเศร้าคือพวกเขาต้องควักเงินในกระเป๋าของตัวเองออกมาจ่ายเองหมดนี่หน่ะสิ..
“ลุงคร้าบบบบบลดให้หน่อยได้มั้ยฮะ มันแพงมากเลย T^T” อูฮยอนใช้ลูกอ้อนที่ใช้ทำบ่อยๆเวลาจะขออะไรจากใคร มือเล็กถูไปมาสองข้างพร้อมทำตาปริบๆ
..ในความคิดของซองยอล..
มันน่าถีบมากกว่าน่ารักนะ - -
“เอ้าๆ ก็ได้เดี๋ยวลดให้20%ละกัน”
“เย้! ขอบคุณนะฮะลุงนี่หน้าหล่อแล้วยังใจหล่ออีกนะครับ” ปากเรียวยกยิ้มกว้างแล้วกระโดดเต้นไปมาด้วยความดีใจ
เพื่อนสามคนหันมามองหน้ากันเหมือนรู้ใจ พร้อมส่ายหน้าไปมา
..อูฮยอนนี่มันสุดๆล้ะ
คิดเงินเสร็จก็แบ่งกันเอาของกลับบ้านไปคนละสองสามถุง แต่ถึงจะแค่คนละสองสามถุงแต่มันก็ไม่ได้เบาอย่างจำนวนถุงเลย บอกได้สองคำว่า หนัก มาก! อยากจะได้รถเข็นมาเข็นกลับบ้านเลยจริงๆ ออกมาจากร้านทั้งสี่คนก็รับรู้ด้วยความรู้สึกเลยว่าฝนจะต้องตกในไม่ช้านี้อย่างแน่นอนดด้วยความมืดครึ้มของท้องฟ้า ทำให้ต่างรีบพากันเดินไปที่ป้ายรถประจำทางอย่างทุลักทุเลเอียงซ้ายทีขวาทีเพราะความหนักของสิ่งที่อยู่ในถุง
“หนักชิบเลยมึงบอกตรงๆ” โฮย่าวางถุงลงบนพื้นทันทีที่เดินมาถึงป้าย
“นี่กูนึกว่าหิ้วหินอ่ะ” ดงอูหันมาบ่น
“เห้ย อะไรวะรถมาแล้วอ่ะเพิ่งวางของเองเนี่ยนะ เห้อ” เห็นรถวิ่งมาไกลๆแต่ก็พอมองเห็นได้ว่าเป็นรถสายที่กลับบ้านของเขา โฮย่าที่เพิ่งวางของลงบนพื้นก็ต้องหยิบมันขึ้นมาอีกครั้งทั้งๆที่พักมือได้ไม่ถึงสิบวิ
ถึงตอนเช้าโชคจะเข้าข้างซองยอลให้ได้แกล้งสามคนนั้นแต่พอตกเย็นกลับกลายเป็นว่าซองยอลจะดวงตกสะแล้ว อูฮยอน ดงอู โฮย่า ต้องขึ้นรถสายเดียวกันเพราะอยู่ทางเดียวกัน แต่บ้านเขาเป็นคนเดียวที่อยู่อีกทางนึง ทำให้สามคนนั้นขึ้นรถไปแล้วเหลือเพียงซองยอลที่ยืนอยู่คนเดียวที่ป้ายรอรถประจำทาง ดีที่ยังมีที่นั่งพักและยังมีหลังคาไว้เผื่อบังฝนหากมันตกลงมา
“ถ้ามยองซูอยู่ด้วยก็คงจะมีเพื่อนคุย..” ซองยอลพูดกับตัวเองเมื่อพาลนึกถึงอีกคนที่คงกำลังซ้อมละครให้ยูริอยู่ หากมยองซูมาด้วยเขาคงมีเพื่อนกลับบ้าน
เปาะ..
แปะ..
เปาะ..
แปะ..
คนที่ไม่มีอะไรทำอย่างอีซองยอลยื่นมือออกไปรับหยดน้ำที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้า แต่มือเรียวก็ต้องรีบชักกลับและหนีไปนั่งทางด้านในสุดของที่รอรถประจำทางเพราะจากหยดน้ำไม่กี่หยดมันก็ตามมาด้วยฝนที่เทลงมาราวกับกำลังรับรู้ว่าหัวใจของเขามันก็กำลังจะร้องไห้เหมือนกับฝนที่ตกลงมา
คิดถึง..
ทั้งๆที่เพิ่งจากกันไม่ถึงหนึ่งวัน
หรือเขาคงจะรักมยองซูจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว
ซองยอลนั่งเหม่อลอยมองดูฝนที่ตกลงมาอย่างไม่เกรงใจใคร มันหนักขึ้นเรื่อยๆจนหลังคาที่มีอยู่ไม่อาจบังฝนได้ทำให้น้ำสาดเข้ามาโดนร่างบางเปียกไปหมด ไม่นานนักรถก็มาจอดเทียบป้าย เสื้อผ้าที่เปียกปอนทำให้ซองยอลต้องบิดมันก่อนจะขึ้นรถเพราะกลัวว่าน้ำมันจะหยดลงบนรถ บิดเสร็จจนแห้งหมาดๆมือบางก็หยิบถุงของแล้วก้าวขึ้นรถไป ภายในรถมีคนไม่มากเหลือที่นั่งหลายแถวคงจะเป็นเพราะฝนตกหนักทำให้ไม่มีใครคิดจะออกมานอกบ้าน ซองยอลเลือกที่จะนั่งด้านหลังสุดของรถริมหน้าต่างเพราะเป็นมุมที่เขาชอบมากที่สุด รู้สึกเป็นส่วนตัวและนั่งริมหน้าต่างยังทำให้มองวิวด้านนอกได้อีกด้วย
ซองยอลวางถุงลงบนพื้นเพราะถ้าวางบนเบาะข้างๆตัว เบาะมันก็จะเปียกเพราะถุงนั้นชุ่มไปด้วยน้ำฝนจากเมื่อกี้ แต่ด้วยความทุลักทุเลถุงที่หนักเกินกำลังทำให้ถังสีหลุดกลิ้งออกจากถุง
“อ้ะ” ซองยอลรีบวางถุงที่เหลือบนพื้นก่อนจะลุกขึ้นเอื้อมไปเก็บกระป๋องสีที่ไหลไปที่นั่งด้านหน้า
แต่ยังไม่ทันที่จะยื่นมือออกไปเก็บก็มีมือของใครบางยื่นมาเก็บก่อน
“ขอบคุ..” กำลังจะเอ่ยคำขอบคุณแต่พอเงยหน้าขึ้นก็ต้องแปลกใจที่ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหนที่ช่วยเขาเก็บแต่เป็นคนที่เขารู้จักดี.. คนที่เขากำลังคิดถึง
“มยองซู..มาได้ไง” ก็มยองซูซ้อมละครให้ยูริไม่ใช่หรอ แล้วมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง
“พอดีมาส่งยูริที่บ้านอ่ะ แล้วบ้านอยู่แถวนี้” ร่างสูงตอบ ดูเหมือนว่ามยองซูจะเปียกไม่มากนัก คงจะเป็นเพราะเสื้อกันฝนที่อยู่ในมืองของอีกคน
“อ่อ..”
ทำไมพอได้ฟังคำตอบแบบนี้แล้วหัวใจมันถึงปวดแบบนี้นะ
ซองยอลกลับไปนั่งที่เดิมพร้อมกับมยองซูที่เดินตามมาขอนั่งด้วย
“ทำไมเงียบจัง” ร่างสูงถามคนข้างกาย
“เหนื่อยหน่ะ” ซองยอลปล่อยคำโกหกออกไปคำโต ทั้งที่จริงแล้วที่เขาไม่พูดเพราะกลัวถามอะไรไปแล้วสิ่งที่ได้กลับมามันจะมาย้อนทำให้เขาเจ็บปวดมากกว่าเดิม
“หนาวหรือป่าว.. มึงตัวเปียกหมดเลย” เสื้อผ้าของร่างบางที่ยังไม่แห้งสนิททำให้อีกฝ่ายถามขึ้น
“ไม่มากหรอก” ซองยอลส่งยิ้มกลับไปให้ร่างสูง พยามยิ้มให้สดใส พยามยิ้มให้เหมือนเดิม ถึงแม้มันจะยากแค่ไหนก็ตาม
“แต่มึงปากซีด” มยองซูใช้นิ้วของตัวเองแตะที่ริมฝีปากของอีกคน ร่างบางมองหน้าร่างสูงเพราะงงกับการกระทำของมยองซู ดวงตาคมมองตาเรียวสวยคู่ที่กำลังจ้องมองตัวเองอยู่ก่อนจะซองยอลจะเบือนหน้าก้มลงหลบสายตาของอีกฝ่าย
“ถ้าเหนื่อยก็นอนเหอะ เดี๋ยวจะป่วย”
มยองซูเอ่ยประโยคที่ทำให้ซองยอลรู้สึกชื้นใจขึ้นมา อย่างน้อยอีกคนก็ยังห่วงเขา ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาวางหัวลงบนไหล่ของร่างสูง แต่ดูเหมือนตอนแรกมยองซูก็หันมามองแต่ก็ปล่อยให้ซองยอลนอนซบไหล่ ร่างสูงหันไปค้นอะไรในกระเป๋าซักพักก่อนจะหยิบเสื้อหนาวไหมพรมสีดำที่เจ้าตัวใช้เป็นประจำมาคลุมไหล่ของซองยอลพร้อมเอาแขนโอบไหล่ร่างบางไว้
“จะได้ไม่หนาว”
“ขอจับมือได้มั้ย” ซองยอลเอ่ยถาม
“อืมได้สิ”
ถึงแม้มือที่สอดประสานกันและเสื้อไหมพรมพร้อมอ้อกอดของมยองซูจะช่วยบรรเทาความหนาวได้แต่มันก็ทำได้เพียงแค่บรรเทาความหนาวของร่างกาย แต่ภายในใจของเขากลับหนาวเหน็บ เหมือนไร้ทางไปมีแต่เพียงความมืดและหนาวเย็น การกระทำของมยองซูทำให้สับสนกับสิ่งที่เป็นอยู่ มันเป็นอะไรระหว่างเพื่อนสนิทกับคนรัก อีกทางก็ไปกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แล้วก็กลับมาทำให้เขามีความหวัง
..ถ้าจะไปก็ปล่อยฉันไว้ตรงนี้เถอะ
..ถ้าไม่รักก็อย่ามาให้ความหวังกัน
รีบจากไปก่อนที่ฉันจะเจ็บจนทนไม่ไหว
ซองยอลเหม่อมองออกไปทางหน้าต่างมองหยดน้ำฝนที่เกาะอยู่บนกระจกใสด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ ก่อนดวงตาคู่สวยจะหลับลงอย่างเหนื่อยล้า
ซองยอลแค่อยากจับมืออีกคน เพราะความรู้สึกที่เริ่มก่อขึ้นในใจ เขารู้สึกกลัว..กลัวว่าอีกคนจะหายไป
ทั้งที่อยู่ใกล้กันแต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่ามันยิ่งห่างออกไป
อยากให้แน่ใจว่าอีกคนจะไม่ไปไหน
ถ้าอยากจะไปขอเพียงแค่บอกเขา ปลดปล่อยให้เขาได้ตัดความรู้สึกนี้ออกซักที
แล้วเขาจะปล่อยมือคู่นี้ให้ไปตามที่อยากไป ..
TALK : เอามาลงเเล้วน้าตอนสอง เรื่องนี้เคยลงในบอร์ดใหญ่ไปเเล้วเเต่เอามาลงที่นี่อีก ก็คือจริงๆเเต่งจบหมดเเล้ว 555555555555 เเต่จะทะยอยเอามาลงให้ เเล้วจริงๆมันก็มีเเค่สี่ตอนเองเพราะเป็นช็อตฟิค เล่นตัวไปงั้นเเหละเอามาลงทีละตอน 5555555555555555 เรื่องดำเนินอย่างรวดเร็ว พาร์ทนี้กำลังดราม่าเลยขอจบด้วยการดราม่าทำให้รีดเดอร์ค้างเล่นๆ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันน้ะ เม้นด้วยก็จะขอบคุณมากๆนะจ้ะเพราะอยากรู้ความคิดของคนอื่นว่าเรื่องมันสนุกหรือเปล่าหรือว่าเป็นยังไงบอกกันได้เน้อ :D
ความคิดเห็น