ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Antho The Avengers] Thor*Loki [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #12 : My King & Your King :: Chapter 4

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 57


     

     

     

    ...ก๊าซซซซซซซซซซซซ...

     

    ...กี๊ซ!!!!!!!!!!!!...

     

    เสียงตัวบิลสไลม์แหกปากคำรามต้อนรับอรุณของเช้าวันใหม่ ปลุกผู้คนที่หลับใหลในดินแดนแห่งแอสการ์ดให้ลุกขึ้นมาทำงานทำการอย่างที่ควรจะเป็น รวมถึงบรรยากาศภายในพระราชวังแอสการ์ดที่กลับมาคึกคักอีกครั้งด้วยบรรดานางกำนัลและเหล่าทหารที่เดินไปมากันให้ขวักไขว่ หลายต่อหลายคนต่างมีสีหน้าแปลกๆพลางลอบกระซิบกระซาบกันอย่างที่จับใจความได้เพียงบางคำ

     

    ‘เสร็จไปแล้วล่ะ’

     

    ‘3วันแล้วนะ’

     

    ‘คดีฆาตกรรมคาอกในห้องปิดตาย!!’

     

    เหล่านี้ล้วนเป็นถ้อยคำกระซิบกระซาบที่นอกจากจะฟังไม่ได้ศัพท์แล้วยังพยายามจะเอาไปยัดเยียดใส่รูหูชาวบ้านของเหล่าคนในวังทั้งหลาย ทว่าสำหรับผู้ที่รู้จริงซึ่งจัดได้ว่ามีจำนวนน้อยแล้ว กลับเลือกที่จะปิดปากเงียบเสียมากกว่า...

     

    แอ๊ด..

     

    บานประตูห้องนอนของรัชทายาทแห่งแอสการ์ดค่อยๆถูกปิดแง้มออกแผ่วเบาเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วันที่ผ่านมา ก่อนที่วงหน้าหวานของหญิงสาวผู้เป็นญาติห่างๆกันจะค่อยๆชะโงกเข้ามามองซ้ายทีขวาที เมื่อเห็นว่าน่าจะปลอดภัยจากตากุ้งยิงแล้ว ร่างบางก็รีบจรดปลายเท้าเข้ามาในห้องอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้

     

    หากเห็นได้ชัดว่าความเงียบที่ว่านั้นก็อาจยังไม่เพียงพอสำหรับการจะลักลอบเข้ามาในห้องนอนของชายผู้ได้รับสมญานาม เทพเจ้าแห่งสายฟ้า!?

     

    “นั่นใคร?”

     

    เสียงทุ้มถามกร้าว เรียกดวงตาของหญิงผู้บุกรุกให้ตวัดมองไปยังเตียงขนาด 12 เสาที่ตั้งอยู่กลางห้อง มันคงเป็นโชคดีของเธอที่แม้รอบๆเตียงจะเต็มไปด้วยเศษผ้าขาดวิ่นเต็มไปหมด แต่ว่า..อย่างน้อยที่สุดก็ยังดีที่มีผ้าม่านสีขาวผืนหนึ่งที่โอบล้อมรอบเตียงซึ่งช่วยขวางกั้นระหว่างสายตาของเธอกับภาพ NC-18 บนเตียงนั้นได้

     

    “ข้าเอง”

     

    เสียงหวานเอ่ยตอบ พลางวางถาดอาหารลงกับโต๊ะใกล้ๆ ในถาดอาหารนั่นมันมีตั้งแต่ไข่ดิบ หอยนางรมสด กระเทียมโทน ไปจนถึงเหล้าดองงู ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศด้วยกันทั้งสิ้น และอาหารเหล่านี้ก็ไม่ได้ถูกปรุงด้วยฝีมือใครอื่น แต่เป็นฝีมือของพระนางฟริกก้าผู้แทบอดใจทนรอให้ลูกชายที่รักทั้งสองของนางกินอาหารมื้อนี้แทบไม่ไหวแล้ว

     

    “เจ้าเองเหรอ ซิฟ”

     

    เสียงห้าวอ่อนลงเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ร่างสูงลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่งพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปากหาว ขณะที่มืออีกข้างนั้นยังคงถูกใช้แทนหมอนให้แก่คนที่สลบเหมือดแบบแทบข้ามวันข้ามคืน

     

    “พระนางฟริกก้าฝากให้ข้าเอาอาหารมาให้พวกเจ้า..” ซิฟตอบพลางนิ่วหน้ามองเศษผ้าเตี่ยวขาดๆบนพื้น ก่อนจะตัดสินใจย้ายสายตาไปที่เงาของร่างสูงที่เห็นผ่านผ้าม่านแทน “แล้วพระนางก็ฝากให้ข้ามาถามเจ้าว่า เจ้าอยากได้เครื่องดื่มเกลือแร่อย่างพวก M Sport สักขวดหรือสองขวดมั้ย? หรือถ้าเจ้าไม่อยากได้..เจ้าคิดว่าโลกิจะอยากได้หรือจำเป็นต้องได้ในตอนนี้รึเปล่า?”

     

    “หืมม์?”

     

    ธอร์เลิกคิ้วขึ้นสูง แน่ล่ะว่าสำหรับตัวเขาแล้ว..กิจกรรมในร่มที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ทำให้เสียเหงื่อจนถึงกับต้องบำรุงกำลังด้วยเครื่องดื่มเกลือแร่เลยสักนิด แต่ว่า...สำหรับอีกคนหนึ่งที่ไม่เพียงแต่เสียเหงื่อไปมาก แต่ร่างกายยังดูจะสูญเสียของเหลวไปในปริมาณค่อนข้างสูงแล้ว บางที.......

     

    “โลกิ.....”

     

    มือแกร่งที่ช่วยอุทิศแทนหมอนให้แก่ผู้เป็นน้องชายมาตลอดคืน รวบร่างที่เดิมก่อนจะถูกเผด็จศึกก็ดูจะซูบผอมอยู่แล้วให้เข้ามาอยู่ในวงแขน เวลานี้นอกเหนือจากความซูบผอมแต่เดิมแล้ว วงหน้าที่ขาวซีดยังดูอิดโรยเหมือนคนที่กรำศึกหนักติดต่อกันมาเป็นระยะเวลานาน และทั้งที่กำลังหลับอยู่..แต่ลมหายใจที่ระบายออกมานั้นกลับยังคงสั่นเทาอย่างน่าสงสาร

     

    “ตื่นสิ โลกิ”

     

    ธอร์เขย่าร่างน้องชายต่างสายเลือดเบาๆ ที่จริงเขาเองก็จำไม่ค่อยได้แล้วเหมือนกันว่าอีกฝ่ายได้พักผ่อนล่าสุดในเวลาไหน ในเมื่อเท่าที่จำได้ก็คือตอนตี 3 ของเช้าวันนี้เขาก็ยังถูกปลุกเร้าด้วยเท้าขาวๆที่พยายามถีบใส่ของอีกฝ่าย จนอดไม่ได้ที่จะกินตั้งแต่หัวจรดหางอีกรอบ

     

    คิดพลาง คนที่เพิ่งได้เรียนรู้วิธีปราบพยศน้องชายมาหมาดๆ และได้ทดลองใช้วิธีนั้นหลายต่อหลายครั้งอย่างสนุกสนานก็แอบยิ้มกริ่มน้อยๆ

     

    “ตื่นสิ น้องข้า”

     

    ครั้งนี้ไม่รู้เป็นเพราะเขย่าแรงขึ้น หรือเพราะคำว่า น้องข้า ที่หลุดออกมาจากปากกันแน่ แต่เจ้าของแพขนตาสีดำสนิทก็ยอมลืมตาขึ้นในที่สุด พร้อมด้วยคำโต้ตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

     

    “ข้า..ไม่ใช่น้องของท่าน..!!”

     

    “อ้อ นั่นสินะ ข้าลืมไป” ธอร์แย้มรอยยิ้มจางๆ หากว่าเป็นก่อนหน้านี้เขาคงนึกโมโหกับถ้อยคำอีกฝ่าย แต่ว่าเมื่อเป็นบนเตียงที่เป็นสถานที่ที่เขาเป็นต่อที่สุดนี่ล่ะก็... “ถ้างั้นข้าควรเปลี่ยนคำถามใหม่เป็น..เจ้าพร้อมจะเริ่มรอบต่อไปรึยังล่ะ คู่นอนของข้า?”

     

    ได้ผลชะงัด!!

     

    เทพผู้ได้ฉายาว่าเลี้ยงฟาร์มหมาไว้ในปากถึงกับอับจนคำพูด วงหน้าที่ว่าซีดแล้วยิ่งซีดเป็นสองเท่า ร่างกายที่อ่อนปวกเปียกจนแทบไม่รู้สึกถึงกระดูกพยายามจะตะเกียกตะกายหนีออกจากอ้อมอกของบุรุษที่จากนี้ไปขอตราหน้าว่ามักมากที่สุดในแอสการ์ด

     

    แต่แน่ล่ะว่าไอ้เรื่องที่โลกิจะโชว์เสต็ปพลิ้วลัลล้าหนีหายไปง่ายๆนั้นได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ไปเสียแล้ว โดยเฉพาะเมื่อในตอนนี้แม้จะไมพูดถึงสะโพกที่ทำท่าจะปวดร้าวเป็นการถาวรแล้ว แต่เพียงแค่ธอร์กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ร่างโปร่งก็กลับหมดทางหนีทีไล่ในทันที

     

    “ธ...ธอร์...” โลกิกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ในสภาพที่อยู่ใกล้แบบที่อกแนบอก ล่างแนบล่างแบบนี้ มันก็ทำให้เขายิ่งกว่าขวัญผวา “ทะ..ท่านคงไม่ได้พูดจริงหรอกใช่มั้ย?”

     

    “นั่นสินะ...” หนุ่มผมทองยิ้มหวานให้กับคนในอ้อมแขน จริงอยู่ว่าธอร์อาจจะไม่รู้ว่าจะจัดการกับน้องชายหัวดื้อยังไง แต่ถ้าเป็นการจัดการกับคู่นอนหัวดื้อแล้วล่ะก็..เขาคนนี้ก็มีความเชี่ยวชาญอยู่มาก “ถ้าเจ้าลองออดอ้อนข้าดีๆ ข้าอาจจะยอมปล่อยให้เจ้านอนต่อก็ได้นะ”

     

    ไปตายซะ ไอ้โรคจิต!!

     

    ประโยคที่ได้แต่ดังอยู่ในใจของคนที่พยายามกล้ำกลืนโทสะเอาไว้ หากว่าเป็นเวลาปกติแล้วก็ไม่มีวันซะล่ะที่โลกิผู้เริ่ดเชิดหยิ่งคนนี้จะออดอ้อนใคร แต่ว่า..กับสภาพร่างกายที่ทั้งเจ็บ ปวด ช้ำ เมื่อย เหนื่อย และทำท่าว่าจะตายมิตายแหล่ของเขานี่...ให้ยังไงก็ไม่เอาอีกแล้ว!!!

     

    และเพราะเหตุนั้น..ในสภาพที่อ้าปากขึ้นแล้วหุบปากลงอยู่หลายรอบ ในที่สุดโลกิก็สามารถเรียงร้อยถ้อยคำออกมาเป็นคำพูดได้สำเร็จ!!

     

    “ท่านพี่ ข้าง่วงแล้ว..ได้โปรดให้ข้านอนเถอะ..นะ”

     

    ประโยคเด็ดกับการปรือตาอันแสนจะน่ารักของผู้เป็นน้องชาย ทำเอาคุณพี่เกือบเผลอตอบสนองด้วยการกล่อมให้หลับแบบคาอกอีกรอบ แต่ว่า..ถึงธอร์จะถนัดในการใช้กล้ามเนื้อลายมากกว่าสมอง แต่ชายหนุ่มก็ยังพอมีสตินิดๆพอจะดูออกว่า ถ้าไม่ปล่อยให้โลกิได้นอนพักต่อจริงๆแล้วล่ะก็..คำว่า ตายคาอก ที่เคยได้ยินกันมานั้นก็อาจจะกลายเป็นเรื่องจริงก็เป็นได้

     

    ดังนั้นเอง คุณพี่ชายจึงได้แต่แอบถอนใจเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าหงึกให้แล้วประคองร่างเปลือยที่ถูกลิ้มรสมาทุกตารางนาโนเมตรให้กลับลงไปนอนบนเตียงอีกครั้ง และถึงว่าจะเสียดายนิดหน่อยที่โลกิดันเหนื่อยมากจริงๆจนเพียงแค่หัวถึงหมอนก็ผล็อยหลับไปอีกรอบอย่างง่ายดาย แต่ว่า...นี่ก็อาจจะเป็นเรื่องดีแล้วก็ได้

     

    “......พวกเจ้าจะทำอะไรช่วยเกรงใจลูกตากับหูของข้าหน่อยได้มั้ย?”

     

    เสียงหวานทะลุขึ้นกลางปล้อง อย่างคนที่ได้เห็นและได้ฟังมามากพอจนเหลืออด จริงอยู่ว่าซิฟไม่ใช่พวกกีดกันทางเพศ แต่ว่าสำหรับหญิงสาวที่ไม่ได้ฝักใฝ่ใน Y แล้ว กับสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินตรงหน้า..มันก็อาจจะมากเกินไปก็ได้

     

    “ขอโทษที ข้าลืมตัวไปหน่อย” ธอร์หัวเราะเบาๆ “เอาเป็นว่า บอกให้ท่านแม่ช่วยเตรียม M Sport ไว้สัก 2-3 ลังก็แล้วกัน แต่ไว้รอให้ข้ากลับมาก่อน ค่อยให้คนเอาเข้ามาให้ก็ได้”

     

    “กลับมาก่อน?” ซิฟทวนคำเสียงสูง “เจ้าจะไปไหนงั้นเรอะ ธอร์?”

     

    “ข้ามีเรื่องที่ต้องสะสางบนดาวโลกนิดหน่อย.....”

     

    เสียงห้าวดูจะแฝงไว้ด้วยความจริงจัง ยามเมื่อชายหนุ่มก้มลงมองคนที่ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกมือขึ้นช่วยปัดเส้นผมสีดำออกจากหน้าผากเถิกของผู้เป็นน้องชาย

     

    “ในเมื่อทั้งตัดสินใจทำไปก็แล้ว เลือกไปก็แล้ว...ถ้าอย่างนั้นก็ถึงเวลาที่ข้าควรแสดงความเป็นลูกผู้ชายด้วยการสะสางเรื่องนี้ให้เสร็จสักที”

     

    ถ้อยคำที่เป็นปริศนาแต่สำหรับคนที่เป็นเพื่อนร่วมรบกันมานานกับคนที่แกล้งทำเป็นหลับแล้ว ประโยคที่ได้ยินนั่นมันก็ทำให้พวกเขา 2 คนต่างก็เข้าใจกันไปคนละทิศละทาง

     

    นี่คิดจะฟันข้าแล้วทิ้งงั้นเรอะ!!?

     

    โลกิคำรามกร้าวในใจ เกือบแล้วที่จะลุกขึ้นมาตะโกนด่าใส่พี่ชาย ถ้าไม่ใช่เพราะแอบรู้สึกหน่อยๆว่าการทำแบบนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้ดูเคะแตกกว่าเดิมแล้ว แต่ยังเป็นการแสดงออกเหมือนกับว่าเขาหึงธอร์ยังไงยังงั้น

     

    ทั้งๆที่...ข้าน่ะ..ข้าไม่มีทางหึงธอร์ซะหน่อย!!

     

    โดนกดไปหลายรอบก็ยังแก้นิสัยซึนไม่หาย ร่างโปร่งแอบเชิดคางน้อยๆทั้งที่อยู่ในท่านอน ขณะที่อีกคนที่ไม่ต้องแกล้งหลับกลับเอ่ยถามออกมาด้วยอาการตกใจไม่แพ้กัน

     

    “นี่เจ้า..เจ้าตัดสินใจแน่แล้วเหรอ ธอร์?” ซิฟถามอย่างคนที่ดูจะเข้าใจไปในทิศทางที่ถูกต้องกว่า “นั่นน่ะคือผู้ที่เจ้าเฝ้าคิดถึงมาตลอดเลยนะ”

     

    “คิดถึงมาตลอด คิดถึงมาก...” ธอร์ยอมรับด้วยน้ำเสียงทอดถอน แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม.. “แต่ก็ไม่เท่ากับความคิดถึงที่ข้ามีให้แก่โลกิ”

     

    มือแกร่งละจากเรือนผมสีดำนุ่มลงมายังลาดไหล่เปลือยที่เต็มไปด้วยรอยจูบสีแดงก่ำ มันล้วนแล้วแต่เป็นร่องรอยที่บ่งบอกถึงสิ่งที่คนคนนี้ได้เผชิญมาตลอด 3 วันอันตราย...บนเตียง

     

    “ถ้าหากทำแบบนี้แล้ว โลกิจะยอมกลับมาอยู่แอสการ์ด กลับมาอยู่กับข้าและท่านพ่อท่านแม่ ข้าก็คิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว”

     

    “นี่หมายความว่าเจ้าจะยอมเสียสละความสุขส่วนตัวของเจ้าเพื่อโลกิอย่างนั้นเหรอ ธอร์!?” ซิฟถามเสียงสูง “เจ้าไม่เห็นจำเป็นต้องทำแบบนั้นเลยสักนิด!! เรื่องคราวนี้ก็ถือว่าให้มันผ่านไปก็สิ้นเรื่อง คิดซะว่าแค่เรื่องชั่วข้ามคืน One Night Stand หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องเสียสละตัวเองด้วยการจริงจังกับผู้ชายด้วยกันหรอก!!”

     

    อ้าวอีนี่..!! จะยุให้พี่ชายฟันข้าแล้วทิ้งงั้นเรอะ!!?

     

    โลกิเถียงกลับในใจดุเดือด!! หากว่าไม่ใช่เพราะร่างกายอ่อนล้าจนแม้แต่จะลืมตายังแทบไม่ไหวล่ะก็..เขาคงได้กระโดดงับหัวผู้หญิงที่ช่างแนะนำคนนี้ไปแล้ว!!

     

    “...มันไม่ใช่การเสียสละตัวเอง”

     

    ดูเหมือนคนเพียงคนเดียวที่ยังเยือกเย็นอยู่ในห้องนี้ได้ก็คือคนที่เคยขึ้นชื่อเรื่องความใจร้อนที่สุด ร่างแกร่งยังคงยิ้มบางๆพลางใช้ปลายนิ้วสัมผัสเรือนกายของผู้เป็นน้องชายอย่างสนุกสนาน

     

    “เชื่อข้าเถอะ ซิฟ...ข้าไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้เพื่อโลกิหรือท่านพ่อท่านแม่ ข้าน่ะ..ตัดสินใจอย่างนี้เพื่อตัวข้าเองต่างหาก”

     

    ...เพราะนี่อาจเป็นครั้งแรกที่นับตั้งแต่โลกิเปลี่ยนไป ที่ธอร์รู้สึกเหมือนกับได้เข้าถึงใจของผู้เป็นน้องชายอีกครั้ง...

     

    และหากว่ามีแต่การทำเช่นนี้ที่จะเหนี่ยวรั้งตัวเจ้าให้อยู่เคียงกายข้าไปตลอดกาลได้ ถ้าอย่างนั้นข้าก็ยินดีจะทำมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าตราบจนวันสุดท้ายของชีวิตพวกเรา!!

     

    ความคิดที่เหมือนจะโรแมนติค แต่หากว่าโลกิได้ยินก็อาจจะกรี๊ดสลบได้ แต่ก็คงเป็นโชคดีที่ถึงจะเป็นจอมเวทย์อันดับ 1 แห่งแอสการ์ด แต่โลกิก็ยังไม่สามารถใช้มนต์ใดในการรับฟังความคิดของพี่ชายต่างสายเลือดผู้กำลังก้มหน้าลงมาจูบเบาๆบนริมฝีปากช้ำอย่างนุ่มนวล

     

    “เดี๋ยวข้ากลับมานะ หวังว่าตอนนั้นเจ้าจะพักฟื้นพอแล้ว.....คู่นอนของข้า”

     

    OMG!!! 

     

    ครั้งนี้โลกิถึงกับอุทานออกมาเป็นอักษรย่อในใจ.............

     

     

    +++++++++++++++

     

     

    หลายชั่วโมงต่อมา...ด้วยเวทมนต์ของแอสการ์ดผสมผสานกับความช่วยเหลือจากมหาเศรษฐีโทนี่ สตาร์ค ที่ช่วยส่งยานอวกาศอพอลโลที่ 13.75 มารับครึ่งทาง ก็ทำให้เทพเจ้าสายฟ้า ธอร์เดินทางมาถึงดาวโลกอีกครั้งในที่สุด

     

    มันเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ xxx ปีของการมีชีวิตอยู่ของธอร์ ที่ชายหนุ่มได้กลับมาเหยียบบนดาวดวงนี้อีกครั้ง ต่างกันก็แต่การมาครั้งแรกของเขานั้นมันเป็นการมาอย่างไม่เต็มใจแม้แต่น้อย เป็นการมาเพราะถูกผู้เป็นบิดาเตะส่งมาเพื่อให้ลดอาการเกรียนลงบ้าง ซึ่งมันก็โชคดีเหลือเกินที่กลับได้ผลเกินคาด

     

    สำหรับการมาเยือนโลกครั้งที่ 2 มันเกิดจากความเต็มใจของตัวเขาเอง แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วปลายทางที่จะต้องไปเยือนนั้น จะเป็นดาวโลกหรือดาวหมูหมากาไก่สักดวงก็คงไม่ทำให้ธอร์รู้สึกแตกต่างอะไรมากนัก ด้วยเพราะเป้าหมายในการมาครั้งนั้น คือการมาตามจับไอ้น้องชายตัวดีที่คอยแต่หาเรื่องมาให้ปวดหัวปวดตับได้ตลอด

     

    ทว่า..กับการมาเยือนดาวโลกครั้งที่ 3 นี้ มันกลับเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจของตนเองอย่างแท้จริง...ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้พบกับหญิงสาวชาวมนุษย์ผู้ที่ได้สอนให้เขาได้เข้าใจถึงอารมณ์หลายสิ่งหลายอย่าง...

     

     

    ...หอดูดาว รัฐอริโซน่า สหรัฐอเมริกา...

     

    มันเป็นเวลายามค่ำคืน ท้องฟ้าประดับประดาด้วยดวงดาวที่ต่างแข่งขันกันเปล่งประกายสุกสว่าง แม้แต่ดาวหางฮัลเลย์ยังอุตส่าห์เลือกเวลามาผ่านโลกในเวลานี้ ตามด้วยเสียงดังจากที่ไกลๆ ‘อ๊ะ! ดูสิดาวตก’ ที่ช่วยเพิ่มอารมณ์หลายๆอย่างให้แก่ชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังยืนอยู่ด้วยกันตามลำพังบนหอดูดาว...

     

    “คุณ..ต้องการอย่างนั้นจริงๆน่ะเหรอ?”

     

    เสียงหวานเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นก่อน ภายหลังจากที่ธอร์ได้บอกจุดประสงค์ในการมาให้รับรู้ และทำให้ทั้งเขาและเธอต่างก็รู้สึกพูดไม่ออกด้วยกันทั้งสิ้น...เพราะมันช่างเป็นเรื่องที่สุดแสนจะเหลือเชื่อ...

     

    “ใช่ ข้าตัดสินใจแล้ว”

     

    ชายหนุ่มผมทองผงกศีรษะเนิบๆ ร่างสูงยืนหยัดเผชิญหน้ากับผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ได้สอนให้เขารู้จักกับคำว่ารัก มีเพียงเธอคนนี้..ที่เขาให้คำสัญญาว่าสักวันจะกลับมาหา มันเป็นคำสัญญาที่เกือบเทียบเท่าได้กับคำขอแต่งงานของชาวแอสการ์เดี้ยน แต่ว่า..น่าเสียดายที่สุดแล้ว....

     

    “ข้าจำต้องผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้า..เจน ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”

     

    ศีรษะที่เคยตั้งตรงอย่างหยิ่งทระนงในฐานะของว่าที่ราชาองค์ต่อไปแห่งแอสการ์ด ในเวลานี้กลับยอมก้มลงเพื่อขออภัยแก่สตรีเพียงหนึ่งเดียวที่มีความสำคัญต่อเขา สำหรับธอร์แล้ว..เจนคือคนสำคัญที่ไม่เพียงแต่จะอยู่เคียงข้างในเวลาที่เขาเป็นแค่คนธรรมดา แต่เธอยังเป็นคนที่คอยมอบกำลังใจให้ในเวลาที่เขาสิ้นหวังถึงขีดสุด ทั้งความร่าเริง ความมั่นใจในตัวเองของหญิงสาวชาวมนุษย์ผู้นี้ที่ทำให้ธอร์ประทับใจอย่างที่ไม่เคยมีสตรีนางใดจะทำได้มาก่อน และมันทำให้ครั้งหนึ่งเขาเคยตัดสินใจที่จะอยู่กินกับหญิงสาวผู้นี้ไปจนตลอดชีวิต!

     

    หากเทียบกันแล้ว..สิ่งที่โลกิสร้างความประทับใจให้แก่ธอร์ในระยะหลังมานี้ กลับเป็นความประทับใจที่ชวนให้นึกอยากจับเจ้าตัวแสบมาพาดเข่าแล้วตีก้นสักร้อยครั้ง เอาให้นั่งไม่ลงไปสักเดือนจะดีที่สุด!!

     

    มันเริ่มตั้งแต่ตอนที่โลกิดันรู้ด้วยความบังเอิญว่าตนเองไม่ใช่ลูกชายที่แท้จริงของเสด็จพ่อ แล้วหลังจากนั้นจะด้วยความติสแตก หรือด้วยความเกรียนที่แอบซ่อนอยู่ในหัวเถิกๆนั่น แต่มันก็ทำให้โลกิลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองกลายเป็นฝ่ายร้าย ไหนจะแกล้งส่งนักฆ่ามาฆ่าเขาที่โลกจนเขาเกือบหวิดตาย ไหนจะไปสมคบคิดกับพวกชิทอรี่ยกพลบุกโลกอีก เหล่านี้มันล้วนแล้วแต่เป็นพฤติกรรมจองล้างจองผลาญที่ทำให้ธอร์ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฝ้าคิดอยู่อย่างเดียวคือต้องตามจับตัวน้องชายกลับมาให้ได้เท่านั้น

     

    แม้จะไม่ใช่คนฉลาดหรือมองการณ์ไกลอะไรมากมายนัก แต่ธอร์ก็ยังรู้ว่าหากเขาเลือกเจนมาเป็นคู่ชีวิตแล้วล่ะก็..อนาคตข้างหน้าคงจะเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนหวาน แอสการ์ดคงจะมีแต่เสียงหัวเราะสดใส และชีวิตของเขาก็คงจะสงบสุขในทุกวิถีทางที่ควรจะเป็น

     

    หากในทางตรงข้าม..หากว่าเขาเลือกโลกิแล้วล่ะก็ ธอร์แทบไม่กล้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ ถึงจะร่วมหอลงโลง จนข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกจนไหม้คาหม้อไปแล้วก็ตาม แต่เทพเจ้าสายฟ้าก็ยังไม่กล้าฟันธงว่าไอ้น้องชายตัวแสบคนนี้แค่ตกเป็นเคะสัก 3 -4 คืน หรือต่อให้เป็น 3 – 4 ปีเลยด้วยเอ้า..แต่โลกิจะกลับมาเป็นคนว่านอนสอนง่ายได้จริงหรือ แน่ล่ะว่ามันคงเป็นไปไม่ได้..แล้วเขาก็คงต้องใช้เวลาหลังจากนี้ชั่วชีวิตในการจับตามองโลกิทุกฝีก้าว เพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่หนีไปไหน และให้แน่ใจยิ่งกว่าว่าในสมองที่ดูผ่านๆก็เหมือนจะฉลาดนั่น ไม่ได้กำลังคิดวางแผนอะไรร้ายๆไว้

     

    แล้วนั่นจะทำให้อนาคตของเขากลายเป็นอะไรอย่างอื่นไปได้..นอกเหนือจากฝันร้ายอย่างแท้จริง

     

    “ข้าไม่ค่อยเก่งในเรื่องการใช้หัวคิดเท่าไหร่ แต่สำหรับเรื่องนี้ต่อให้ข้าใช้หัวแม่เท้ามาคิด ข้าก็ยังคิดออกว่าหากข้าเลือกโลกิ ชีวิตหลังจากนี้ก็คงจะไม่มีวันได้สงบสุขอีกเลย”

     

    เสียงห้าวทุ้มกลับเจือไว้ด้วยความขบขันปนทอดถอน มันเป็นเสียงของคนที่เหมือนจะปลงตกและยอมรับได้แล้วโดยสิ้นเชิง

     

    “แต่ข้าก็คงจะเป็นคนที่บ้ามากจริงๆ เพราะถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม...ข้าก็ยังต้องการจะเลือกอนาคตบัดซบที่จะมีร่วมกับโลกิ มากกว่าอนาคตอันสงบสุขที่ไม่มีน้องชายคนนี้อยู่ร่วมในชีวิตของข้า!!”

     

    นั่น..คือประโยคที่แทบจะดับความหวังทั้งมวลของเจนให้หมดไป หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากกลั้นสะอื้น สำหรับเธอที่เคยเต็มไปด้วยความดีใจที่ได้พบกับธอร์อีกครั้งแล้ว..ก็ไม่เคยคิดเลยว่าการได้พบกันอีกเป็นครั้งที่สองนี้ จะเป็นการพบกันเพื่อที่เขาจะได้บอกเลิกกับเธอ

     

    และยังเป็นการบอกเลิก..ที่หากว่าคำสารภาพของเขาเป็นจริงแล้วล่ะก็ มันก็เป็นเพราะธอร์ตัดสินใจที่จะรับโลกิมาเป็นคู่ชีวิต และเพราะอย่างนั้นในฐานะสุภาพบุรุษคนหนึ่ง จึงจำเป็นที่เขาจะต้องมาบอกและมาขออภัยจากเธอ..ผู้ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยได้ให้คำสัญญาไว้

     

    “ธอร์...คุณแน่ใจแล้วจริงๆเหรอคะ? โลกิน่ะ..เขาน่ะเป็นผู้ชาย เป็นน้องชายของคุณนะ!!?”

     

    “เขาเป็นน้องชายบุญธรรมน่ะ”

     

    ธอร์รีบแก้ต่างให้กับตัวเอง

     

    “อีกอย่างถึงโลกิจะเป็นผู้ชาย แต่ข้าจำได้ว่าโทนี่ กระต๊าก หรือ สตาร์ค อะไรสักอย่างนี่แหละก็เคยบอกข้าว่ามีหลายประเทศในดาวโลกที่อนุญาตให้เพศเดียวกันแต่งงานกันได้ ในเมื่อแม้แต่ดาวที่ล้าหลังในหมู่ดาวนพเคราะห์อย่างโลกก็ยังมีแนวคิดที่เปิดกว้างในเรื่องเพศอย่างนี้ ข้าเองก็ควรจะรณรงค์ให้ชาวแอสการ์เดี้ยนได้มีทัศนคติที่เปิดกว้างด้วยเช่นกัน”

     

    “ธอร์....”

     

    ...คุณดริฟท์ได้สีข้างถลอกมากๆเลย 

     

    ร่างบางกลั้นสะอื้น ขณะพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองหลุดความคิดที่มีออกไปเป็นคำพูด เพราะบางทีถึงจะพูดหรือไม่พูดออกไป มันก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อคนที่จงใจดริฟท์ได้ขนาดนี้ ถึงจะพูดแทงใจดำไปสักเท่าไหร่ก็คงไม่ทำให้สะเทือนหนังหน้าได้อยู่ดี

     

    “ข้าขอโทษ เจน...” เทพเจ้าผมทองมองหญิงสาวผู้พยายามจะกลั้นน้ำตาอย่างเข้มแข็ง แล้วชายหนุ่มก็ได้แต่ทอดถอนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น กับสิ่งที่ตนได้เลือก “ข้าอยากบอกเจ้าว่าหากไม่มีเรื่องของโลกิ ข้าก็คงจะยังรักษาคำสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้า เพราะจนถึงตอนนี้ความรู้สึกที่ข้ามีให้เจ้าก็ไม่ได้แตกต่างไปจากครั้งแรกที่เราได้พบกัน แต่ว่า...........”

     

    ร่างแกร่งเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ความมืดยามค่ำคืนที่ชวนให้คิดถึงเส้นผมสีดำของน้องชายผู้ที่ป่านนี้คงจะนอนกัดฟันกลั้นเสียงโอดครวญอยู่บนเตียง ดังเช่นทุกครั้งในวัยเด็กที่โลกิมักจะเงียบเสมอยามเมื่อได้รับบาดเจ็บหรือบาดแผลใดๆ มันจะเป็นเพราะความหัวดื้อหรือเพราะความทระนงก็แล้วแต่..แต่มันก็เป็นนิสัยที่ทำให้เขาแทบไม่อาจคลาดสายตาจากน้องชายบังเกิดเกล้าคนนี้ได้เลยแม้แต่น้อย

     

    และในเวลานี้ก็ไม่เพียงแต่จะไม่อยากคลาดสายตา แต่ยังไม่อยากคลาดโอกาสที่จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอีกด้วย...

     

    “ความรู้สึกนั้นไม่อาจเทียบได้เลยกับความรู้สึกที่ข้ามีให้แก่น้องชายของข้า..ให้แก่โลกิ”

     

    มันเป็นจริงตามนั้น สำหรับธอร์แล้ว..บางทีโลกิอาจจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต เป็นคนที่อยู่เคียงข้างกันมาแต่ครั้งเยาว์วัย เป็นคนที่เติบโตขึ้นมาด้วยกัน เคยผลัดกันเล่าความฝันให้ฟังในวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน..เขาก็จะมีน้องชายคนนี้ที่คอยติดตามเคียงข้างเหมือนดังเงา..เคยคิดว่าจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป เคยคิดว่าไม่มีใครอีกแล้วที่จะเข้าใจน้องชายผู้เงียบขรึมคนนี้มากไปกว่าตน แต่ว่า..สุดท้ายแล้วสิ่งเหล่านั้นก็กลับพังทลายเพียงเพราะเรื่องไร้สาระที่ว่าโลกิไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันกับเขาคนนี้!!

     

    “ในครั้งนั้น..หากท่านพ่อไม่ได้ขัดขวางไว้ ตัวข้าก็คงกระโดดลงจากสะพานไบฟรอสต์ตามโลกิไปแล้ว แต่ถึงข้าจะยังคงมีชีวิตอยู่ต่อ ก็กลับรู้สึกเหมือนกับแค่หายใจพ่นก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ทิ้งไปวันๆ ข้าไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองได้มีชีวิตอยู่เลย จนกระทั่งได้ทราบข่าวว่าโลกิยังมีชีวิตอยู่”

     

    รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา ยามเมื่อหวนคิดถึงความสุขที่แทบล้นทะลักออกมายามที่ได้ยินข่าวของน้องชายผู้หายสาบสูญ

     

    “ตอนนั้นข้ารีบมาที่โลกเพื่อจะใช้ทุกวิถีทางในการพาโลกิกลับบ้าน แต่ถึงสุดท้ายแล้วข้าจะสามารถพาเขากลับไปแอสการ์ดได้ แต่ข้าก็ไม่เคยรู้สึกว่าได้เข้าถึงจิตใจของเขาจริงๆ..ไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นจนกระทั่งข้าได้ตัวเขาบนเตียงของข้า..มีแค่เวลานั้นที่ข้ารู้สึกผ่อนคลายเหมือนกับข้าได้โลกิกลับคืนมาแล้วจริงๆ และเพราะอย่างนั้นแม้ว่าจะเป็นการผิดต่อเจ้า..แต่ข้าก็คงทำได้แค่ขออภัยต่อเจ้าเท่านั้น..เจน”

     

    เจน ฟอสเตอร์ยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาลวกๆ จริงอยู่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันน่าเศร้ากับการถูกสลัดรักจากเทพเจ้า แถมยังเป็นการสลัดรักเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้กลับไปหาผู้ชายอีกคนเสียด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มั่นใจ..ว่าเธอเข้มแข็งพอ..เกินพอที่จะมองส่งผู้ชายที่เธอรักพร้อมทั้งรอยยิ้ม

     

    บางทีลึกๆลงไปแล้ว..ในฐานะสาววายคนหนึ่ง เจนอาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้ว่าเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้น เธออาจจะรู้ตั้งแต่ตอนที่เธอได้เห็นหุ่นกระป๋องขนาดยักษ์ที่โลกิส่งมาเพื่อไล่ล่าฆ่าธอร์ ท่ามกลางฝุ่นควันจากการต่อสู้ ท่ามกลางความเงียบที่เกิดขึ้นจากการที่ธอร์เลือกจะเดินเข้าไปหาเจ้าหุ่นกระป๋องนั่นตามลำพัง เจนก็ได้มองเห็นหลายสิ่งหลายอย่างผ่านทางฟิลเตอร์สาววายที่มีอยู่ในหัวใจ

     

    ทำไม..ทั้งที่ถูกอีกฝ่ายหลอกลวงว่าพ่อตาย แต่เทพเจ้าสายฟ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์ร้อนที่สุดกลับยังคงมีท่าทางใจเย็น และยังคงเลือกที่จะเจรจาด้วยความละมุนละม่อม ในสายตาที่ธอร์มองผ่านหุ่นกระป๋อง..มันเหมือนกับว่าเขากำลังพูดคุยกับคนสำคัญ..กับใครสักคนที่ไม่อยากให้โกรธเคือง

     

    แล้วทำไม..ทั้งที่หุ่นกระป๋องสามารถฆ่าธอร์ได้ในทันที แต่สิ่งที่โลกิผู้ควบคุมกระป๋องทำ กลับเป็นการเลือกที่จะนิ่งฟังธอร์พูดจนจบ ทั้งที่โลกิอาจจะใช้จอยสติ๊กในมือเพื่อควบคุมให้หุ่นกระป๋องพ่นไฟใส่ธอร์ก็ยังได้ แต่โลกิก็กลับแค่สะบัดหลังมือตบ..เหมือนว่าลึกๆลงไปแล้วก็ไม่อยากให้พี่ชายต่างสายเลือดคนนี้ต้องถึงแก่ความตาย

     

    แล้วทำไม..ทั้งๆที่อยู่ท่ามกลางเหตุการณ์อันตรายแบบนั้น แต่ฟิลเตอร์สาววายที่เธอมีกลับทำให้เธอรู้สึกอยากจะร้องกรี๊ด แล้วตะโกนขึ้นฟ้าว่า ‘กิ๊วก๊าว พี่น้อง!!’ เพื่อเป็นการประกาศให้โลกรู้ถึงรังสีเหนือม่วงของจริงที่เธอได้เห็นกันแบบจะๆ

     

    แล้วก็คงเพราะแบบนี้..มันถึงทำให้เจนรู้สึกว่าตนเองอาจจะยอมรับเรื่องนี้ได้ดีกว่าที่คิดไว้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วในฐานะอดีตคนเคยรักกัน เธอก็มีคำพูดหนึ่งที่อยากจะเตือนธอร์

     

    “ฉันรู้ว่าคุณตัดสินใจแล้ว ธอร์...แต่ว่าคุณแน่ใจแล้วจริงๆเหรอ นิสัยของโลกินั้นซับซ้อนซ่อนเงื่อนเพื่อนทรยศเอามากๆ บางทีแม้ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตอันยาวนานของคุณ..ก็อาจจะไม่ทำให้คุณเข้าใจเขามากขึ้นอยู่ดี”

     

    เทพเจ้าแห่งสายฟ้าตอบคำถามนั้นด้วยรอยยิ้มน้อยๆ กับมือที่ยกขึ้นชี้ไปยังเหล่าดวงดาวบนท้องฟ้า

     

    “เจ้าเองก็สนใจในดาราศาสตร์ไม่ใช่เหรอ? ถึงเจ้าจะรู้ว่าต่อให้ใช้ทั้งชีวิตก็คงไม่มีวันทำความเข้าใจดวงดาวทั้งหมดได้ แต่ถึงจะรู้อย่างนั้นเจ้าก็ยังคิดจะตัดใจจากการเรียนรู้เกี่ยวกับหมู่ดาวหรือไม่ล่ะ เจน?”

     

    “แน่นอนอยู่แล้วว่าฉันไม่มีทางตัดใจ”

     

    เมื่อเจอคำตอบของธอร์แบบนี้ เจนก็ได้แต่เผยรอยยิ้มทั้งน้ำตา

     

    “ในฐานะนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง ฉันยินยอมที่จะทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อที่จะศึกษาวิเคราะห์ในเรื่องที่ฉันสนใจ”

     

    “งั้นคำตอบของข้าก็เป็นเช่นเดียวกัน..แม้ข้าจะไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์เต็มตัว แต่ข้าค้นพบว่าความคิดที่จะได้ศึกษาโลกิไปจนชั่วชีวิตนั่น มันไม่ได้ทำให้ข้ารู้สึกไม่ดีเลยสักนิด”

     

    ...หรือที่จริงแล้วมันทำให้ข้าออกจะคันไม้คันมือเอามากๆซะมากกว่า...แถมยังทำให้ข้ารู้สึกเร่าร้อนไปด้วยกับแค่ความคิดที่ว่าจะได้ศึกษาน้องชายตัวแสบที่ขยันโกหกในทุกเรื่อง แต่เมื่อมาอยู่บนเตียงด้วยกันแล้วกลับทำได้แค่ครางอร๊างหวานๆให้ข้าฟังเท่านั้น..

     

    ความคิดที่ชวนให้นึกถึงร่างโปร่งที่ป่านนี้ก็คงจะยังนอนพะงาบๆอยู่บนเตียง โลกิน่าจะตื่นแล้ว และก็คงจะหิวแล้วด้วย..แต่ว่าจากคำสั่งที่เขาให้ไว้กับคนรับใช้ก่อนออกมา ก็คงไม่มีทางที่โลกิจะได้กินข้าวมื้อต่อไปจนกว่าเขาคนนี้จะได้เป็นผู้ป้อนให้ด้วยตัวเอง..ที่จริงถ้าได้ป้อนแบบเมาท์ทูเมาท์ก็คงไม่เลวเลยทีเดียว...

     

    เจนมองเทพเจ้าต่างดาวผู้ไม่เพียงแต่กำลังแผ่รังสีเหนือม่วงออกมาเท่านั้น แต่ยังมีรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยรังสีสุดหื่นอย่างที่ทำให้เธอนึกสงสารโลกิอยู่รำไร แต่นั่นก็แค่นึกเท่านั้นล่ะนะ..เพราะเธอยังไม่ลืมหรอกว่าเป็นเพราะโลกิที่ทำให้ธอร์ตัดสินใจทิ้งเธอไป และเพราะอย่างนั้น..ถ้าจะขอแก้แค้นสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรสินะ?

     

    “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ธอร์ และฉันขออวยพรให้คุณสนุกกับการได้ศึกษาโลกิไปจนชั่วชีวิต” เจน ฟอสเตอร์เอ่ยด้วยเสียงหวาน “บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้พบกัน เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากมอบบางสิ่งบางอย่างให้คุณ มันเป็นของที่พ่อของฉันที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ให้มาตั้งแต่ยังเด็ก แต่ว่าพอฉันโตขึ้นมาฉันก็เลือกเส้นทางของนักดาราศาสตร์ ทำให้ของสิ่งนี้ไม่จำเป็นสำหรับฉันอีกต่อไป ถ้ายังไงมันอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิทยาศาสตร์มือใหม่อย่างคุณก็ได้นะคะ”

     

    ‘ของ’ ที่ว่านั่นก็คือ กล้องจุลทรรศน์รุ่นที่แพงที่สุดในสมัยเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน จริงอยู่ว่าถึงมันจะผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว แต่เพราะยี่ห้อที่ดีเป็นตัวรับประกันความทนทาน บวกกับการเก็บรักษาไว้อย่างดีก็ทำให้มันยังดูเหมือนใหม่..และพร้อมสำหรับการใช้งาน

     

    “สำหรับนักวิทยาศาสตร์แล้ว..การได้ใช้กล้องจุลทรรศน์ในการมองสิ่งที่น่าสนใจในระดับเซลล์เนี่ย มันก็ถือเป็นความสนุกอย่างนึงเหมือนกัน” เจนยิ้มหวานเป็นสองเท่า “เพราะฉะนั้นเชิญใช้สิ่งนี้ในการศึกษาโลกิ..น้องชายสุดที่รักของคุณ แล้วทำบันทึกการวิจัยค้นคว้าออกมาให้โลกได้รู้ตามสบายเลยนะคะ ธอร์!!”

     

     

    +++++++++++++++++

     

     

    หลายชั่วโมงต่อมา...แอสการ์ด 

     

    ...ครั้งหนึ่งโลกิเคยเชื่อว่าตนเองเป็นเทพที่เยือกเย็นเหนือกว่าผู้ใด เขาเคยเชื่อว่าตนเองเป็นผู้ที่มีความอดทนในการรอคอยบางสิ่งบางอย่าง มีความชั่วร้ายเลือดเย็นที่ไม่แสดงออกมาซึ่งหน้า และ..ไม่เคยเสียการควบคุมจนถึงกับหลุดปากผรุสวาทด่าทอใครมาก่อน

     

    ครั้งหนึ่งโลกิเคยเชื่อเช่นนั้นจริงๆ..จนกระทั่งวันนี้...!!

     

    “ไอ้ XXX ธอร์!! ปล่อยข้า!!”

     

    เสียงโซ่กระทบกันดังแกร๊งกร๊าง ร่างโปร่งผู้กำลังแผดเสียงคำรามพยายามอย่างหนักในการจะดิ้นให้หลุดออกจากพันธนาการบนเตียง แต่ถึงว่าโซ่ที่เคยมัดข้อมือล่ามไว้กับพนักหัวเตียงจะถูกคลายออกแล้ว แต่กลับน่าแค้นใจยิ่งกว่าที่โซ่เส้นนั้นกลับถูกนำมาใช้มัดบนร่างเปลือยของเขา แถมมันยังไม่ใช่การมัดแบบธรรมดา แต่เป็นการมัดไขว้สลับซับซ้อนอย่างผู้เชี่ยวชาญในสาขา SM ที่ไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้คนถูกมัดต้องรู้สึกเจ็บ แต่จากตำแหน่งที่โซ่พาดผ่านบนเรือนร่าง ยังบังคับให้ชายหนุ่มต้องแอ่นอกขึ้นราวกับจะเสนอตัวให้ลิ้มลองยอดอกสีอ่อน และที่น่าแค้นใจที่สุดคงไม่พ้นตำแหน่งที่โซ่พันลงมาถึงต้นขา บีบบังคับให้โลกิจำต้องแยกขาออกกว้าง..เชื้อเชิญ..เชิญชวนให้สอดแทรกกายเข้ามาในช่องทางที่ยังคงเอิบอาบด้วยน้ำรักจากพี่ชาย

     

    “จุ๊ๆ พูดไม่เพราะเลยน้องข้า”

     

    ร่างสูงของพี่ชายต่างสายเลือดตอบกลับขณะกำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดวางข้าวของต่างๆในห้อง มันมีทั้งสิ่งที่โลกิเคยเห็นมาก่อนอย่างเห็นกล้องวีดีโอรุ่นล่าสุดที่ถูกตั้งเอาไว้ 8 ทิศ 8 ทางรอบเตียง มีทั้งกล้องที่ถ่ายลงมาจากมุมสูง กล้องที่จัดวางให้ถ่ายจากมุมเงย แล้วยังกล้องที่ติดไว้กับพนักเตียงโดยมีกำลังขยายอยู่ในระดับเซลล์ และนอกเหนือจากนั้นก็ยังมีกระดาษวางซ้อนกันเป็นตั้งอยู่บนโต๊ะข้างๆ ตามด้วยอุปกรณ์ประหลาดๆที่เขาได้ยินธอร์เรียกมันว่า กล้องจุลทรรศน์ นั่นอีก

     

    “เมื่อ 2-3 ชั่วโมงก่อนเจ้าตื่น ข้าไปพบเจนมา”

     

    ชื่อของหญิงสาวชาวโลกทำให้ร่างที่เคยดิ้นรนอย่างหงุดหงิดถึงกับหยุดชะงัก ดวงตากร้าวตวัดมองพี่ชายด้วยความรู้สึกที่ถึงจะย้ำแค่ไหนว่าไม่ใช่การหึงหวง แต่สายตาที่ลุกเป็นไฟนั่นมันก็ช่างตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง...และธอร์ก็รู้สึกชอบมากซะด้วยกับสายตาแบบนี้ของน้องชาย

     

    “หลังจากข้าได้ตัวเจ้าแล้ว..ข้าก็คิดอยู่หลายตลบ แต่สุดท้ายข้าก็ตัดสินใจว่าช่างหัวมันเรื่องรัชทายาทคนต่อไปของแอสการ์ด ช่างมันว่าใครจะคิดยังไง ช่างหัวมันไปให้หมดทั้งเรื่องที่เจ้าเป็นผู้ชาย..ในเมื่อสิ่งสำคัญที่สุดจริงๆมีเพียงแค่การที่เจ้าจะถูกผูกมัดให้อยู่กับข้าตลอดไป โลกิ..”

     

    ประโยคที่ทำให้คนหน้าหนาเป็นนิจยังถึงกับหน้าแดงก่ำ โลกิอ้าปากขึ้นก่อนจะหุบลงแล้วอ้าขึ้นอีกครั้งอย่างคนที่ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี แม้ว่าถ้าเอาจากใจจริงแล้วมันจะชวนให้ตนนึกอยากยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วพูดเสียงอิ๊อรั๊งว่า ‘พูดอะไรน่ะ พี่!!’ ก็เถอะ แต่อันว่าคนมันซึนเดเระซะอย่าง เพราะงั้นสุดท้ายสิ่งที่โลกิพูดออกไปกลับเป็น...

     

    “ใครจะอยากถูกผูกมัดกับเจ้ากัน ข้าเกลียดเจ้ามาก ธอร์!!”

     

    “อา...ข้าก็เกลียดเจ้าเหมือนกัน น้องข้า”

     

    เสียงห้าวทุ้มตอบกลับด้วยความขบขัน เตียงใหญ่ไหวน้อยๆยามเมื่อร่างสูงทิ้งตัวลงเคียงข้าง..หรือจะพูดให้ถูกแล้วคือการทิ้งตัวลงทับบนร่างของโลกิ..

     

    “ข้าเกลียดเจ้ามาก โลกิ..เพราะฉะนั้นข้าจะลงโทษเจ้าด้วยการมัดเจ้าไว้กับเตียงข้าทุกๆวัน ลากเจ้าไปในทุกๆที่ที่ข้าไป ชำเราเจ้าในทุกที่ที่ข้าอยาก..นี่คือความเกลียดที่สุดเท่าที่ข้าจะให้เจ้าได้ น้องข้า”

     

    มัน..ช่างเป็นความเกลียดชังที่ทำให้ธอร์ก้มลงจุมพิตปลายจมูกเชิดๆของน้องชาย มันยังเป็นความเกลียดที่ทำให้เทพเจ้าแห่งสายฟ้าคลอเคลียริมฝีปากกับแก้มซีดๆของน้องชาย และมันคงเป็นความเกลียดที่สุดในจักรวาลเมื่อร่างกายของพวกตนกำลังเสียดสีกันอย่างเร่าร้อน..อย่างยากที่จะหยุดยั้งกับตัณหาที่มอดไหม้ระหว่างพวกเขาทั้งสอง!?

     

    “อะ..อา..ธอร์..”

     

    ร่างโปร่งครางเสียงสั่น มือที่ถูกมัดไขว้หลังจิกนิ้วเข้ากับฝ่ามือจนเลือดซึม หากเป็นไปได้โลกิก็อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเกลียดพี่ชายคนนี้จริงๆ แต่ว่า..ภายในอ้อมแขนนี้ก็สุดที่ชายหนุ่มจะคิดอะไรยากๆออกได้ นอกจากความจริงในใจล้วนๆ

     

    “ขะ..ข้า..ข้าจะไม่เป็นเมียน้อยของพี่หรอก....”

     

    เสียงหอบสั่นเผลอหลุดปากในสิ่งที่ตนคิดออกมา เรียกเสียงหัวเราะขบขันจากคนที่กำลังขบเม้มต้นคอขาวเนียนอย่างกระหาย..มันเป็นครั้งที่ร้อยเศษๆที่ธอร์นึกอยากขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เขาค้นพบวิธีที่จะกำราบน้องชายตัวแสบคนนี้

     

    “แน่นอน..ข้าไปที่โลกก็เพื่อบอกเลิกกับเจน ข้าบอกนางว่าตอนนี้ข้ามีเจ้าแล้ว และข้าก็ไม่ต้องการใครอื่นอีก เพราะว่า..คงไม่มีใครอีกแล้วในจักรวาลนี้ที่จะเป็นได้ทั้งคู่นอนของข้าและน้องชายของข้า” ธอร์ก้มลงจูบปากน้องชายแรงๆอย่างมันส์เขี้ยว “ซื้อ 1 แต่ได้ถึง 2 แบบนี้ คงไม่มีอะไรจะคุ้มสำหรับข้าไปมากกว่านี้อีกแล้วล่ะ น้องข้า”

     

    “อะ..ทะ..ท่านมันบ้าไปแล้ว!!”

     

    “อย่าลืมว่าคนที่ผลักดันให้ข้าบ้าได้ขนาดนี้ก็คือเจ้า โลกิ” ธอร์ยิ้มหวาน ก่อนจะเล่าต่อ “เจนเป็นผู้หญิงที่ใจกว้างมาก นางยอมรับคำขอเลิกจากข้าได้ด้วยดี และนางก็ยังมอบอุปกรณ์มากมายมาให้สำหรับให้ข้าศึกษาเจ้าโดยเฉพาะ..อ้อ วิธีใช้โซ่มัดแบบนี้ ข้าก็ได้มาจากหนังสือที่นางมอบให้ เจ้าถูกใจมั้ยล่ะ?”

     

    “ถูกใจก็บ้าแล้ว!!”

     

    โลกิคำรามลั่น เทพเจ้าผู้เคยเยือกเย็นในทุกสถานการณ์เวลานี้กลับกำลังลอบเหงื่อตกกับอุปกรณ์แปลกๆมากมายที่ตั้งรายล้อมอยู่รอบตัว และไม่ว่าเขาจะคิดเช่นไร..แต่อุปกรณ์เหล่านี้ก็ไม่น่าจะเป็นผลดีกับเขาอย่างแน่นอน

     

    “ปล่อยข้านะ ธอร์!!”

     

    “ไหนๆก็อยู่บนเตียงด้วยกันแล้ว เลิกเรียกชื่อข้าด้วยน้ำเสียงแบบนั้น แล้วลองกลับมาเรียกข้าว่า พี่ชาย หรือไม่ก็..ท่านพี่ ดีกว่ามั้ย น้องข้า?”

     

    เสียงห้าวทุ้มเอ่ยถามพลางเคลื่อนนิ้วลงมาตามร่างกายของน้องชายต่างสายเลือด แต่แน่ล่ะว่าคำตอบที่โลกิให้ในทันทีนั้นก็คือคำด่าทอที่ใกล้เคียงกับคำว่า ลงนรกไปซะ ในภาษาของชาวโลก กระนั้นแล้วต่อให้โลกิจะด่าทอรุนแรงมากกว่านี้ หรือจะซึนกว่านี้อีกสักแค่ไหน แต่ว่า..สำหรับนักวิทยาศาสตร์มือใหม่ที่กำลังสนุกสนานกับการทดลองในสิ่งใหม่ๆแล้ว เสียงด่าทอของโลกิก็คล้ายจะเข้าหูซ้ายแล้วออกหูขวาไปในทันที

     

    ...หลงเหลือก็เพียงเสียงครางแว่วหวานที่คละเคล้ากับเสียงของเตียงที่กำลังสะเทือนอย่างรุนแรง และแน่ล่ะว่า..เสียงของกล้องวีดีโอที่กำลังบันทึกเทปในทุกท่วงท่า ทุกอิริยาบถที่เกิดขึ้น...

     

    และไม่พลาดแม้แต่เสียงครวญของคนแสนซึนที่ยอมแพ้ใจตัวเองในที่สุด

     

    “อา..พี่ชาย..ระ..เร็วเข้า...ช่วยที...”

     

    หลังจากนี้เมื่อผ่านพ้นไปอีก 2 วัน และโลกิได้สติคืนมาอีกครั้ง และได้เห็นภาพของตนที่กำลังครวญกระเส่าอ้อนวอนธอร์อยู่บนเตียงผ่านทางจอพลาสม่าขนาดกว้างเท่าผนังห้องแล้ว ชายหนุ่มก็คงจะแทบด่าออกมาไม่เป็นภาษา

     

    แต่ว่า..สำหรับกับหญิงสาวอีกนางหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายปีแสงแล้ว เธอ..กำลังนั่งหัวเราะพอใจกับคำแนะนำที่ตนให้แก่ธอร์

     

    ‘อย่าลืมนะคะ การค้นคว้าที่ดีที่สุดคือการทดลองทำหลายๆครั้ง แล้วบันทึกเทปเอาไว้ เพื่อที่คุณจะได้เอากลับมานั่งวิเคราะห์ได้บ่อยเท่าที่คุณต้องการไงล่ะคะ ธอร์

     

     

     

    - - - - TBC. - - - -

     

     

     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×