คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : My King & Your King :: Chapter 3
...ธอร์...
...เทพเจ้าสายฟ้า...
...ราชาคนต่อไปแห่งแอสการ์ด...
...ผู้ชายที่ใช้กล้ามเนื้อลายมากกว่าสมอง...(?)
เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสรรพนามที่ใช้กล่าวขานถึงบุรุษผู้หนึ่ง ซึ่งมีฐานะที่สูงส่งเยี่ยงเทพสำหรับมนุษย์ และสูงส่งเยี่ยงรัชทายาทแห่งแอสการ์ด บุรุษผู้ซึ่งเป็นเหมือนผู้พิทักษ์ของดินแดนทั้งมวล...
และยังเป็นคนที่...กำลังคร่อมกายด้วยท่าทางชวนเสียววุ้ยอยู่เหนือเรือนร่างเปลือยเปล่าของน้องชายที่ adopted มา
“โลกิ....”
มันมีเพียงความเงียบระหว่างพวกเขา ไม่สำคัญว่าเสียงห้าวทุ้มนั้นจะฟังอ่อนโยนสักเพียงไร แต่ผู้ที่ถูกบังคับให้นอนอยู่ใต้ร่างก็ยังคงเลือกที่จะนิ่ง แกล้งทำเสมือนว่าตายไปแล้วมากกว่าต้องมาตอบกลับวาจาจากพี่ชายในเวลานี้
อย่างไรก็ตาม การที่มีนิสัยซึนตัวพ่อไม่ได้หมายความว่าจะช่วยยกระดับให้ความสามารถในการแสดงละครดีเยี่ยมไปด้วย ถึงโลกิจะอยากนอนตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้แค่ไหน แต่ในสภาพที่ผิวกายสัมผัสกับผิวกาย ในสภาพที่เสียงทุ้มๆนุ่มๆหูนั่นกำลังเรียกนามของตน มันก็ทำให้แพขนตาสีดำสนิทสั่นไหวน้อยๆ..เป็นเพียงปฏิกิริยาเล็กๆแต่ก็บอกชัดว่าร่างนี้ยังมีชีวิตอยู่ หาได้กลายเป็นศพที่ช็อคเพราะหัวใจวายไปแล้วไม่.........
“ไม่คิดจะตอบอะไรข้าสักหน่อยเหรอ?”
ธอร์เอ่ยคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรจริงจังนัก นั่นเพราะโลกิแกล้งทำตัวแข็งอย่างนี้ ทันทีที่เขาฉีกกระชากเสื้อของผู้เป็นน้องชายออกอย่างมันส์มือ และด้วยความที่แรงเยอะเกินไปบวกกับความที่ชักจะสนุกกับอาการกรี๊ดบ้านแตกของน้องชายต่างสายเลือด จึงทำให้จากเดิมที่ตั้งใจจะเหลืออย่างน้อยก็ผ้าเตี่ยวไว้ให้ แต่สุดท้ายก็ดันเผลอฉีกออกมาหมดเกลี้ยงซะงั้น
ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่......
“ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ข้าคงทำไปนานแล้ว...”
เทพเจ้าสายฟ้าพึมพำกับตัวเองอย่างแอบพึงใจนิดหน่อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใครจะคิดว่าน้องชายตัวแสบที่เหมือนกับมีชีวิตอยู่เพื่อปล่อยหมาออกจากฟาร์มในปากให้มาวิ่งเล่น จะถึงกับยอมหุบปากสนิทลงทันทีที่ตกอยู่ในสภาพโป๊เปลือยไปทั้งตัว ถ้ารู้ก่อนนี้ล่ะก็...เขาคงพร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้โลกิกลายเป็นชีเปลือยตลอด 24 ชั่วโมงไปนานแล้ว!!
“..............ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นลูกของลาฟฟี่ล่ะก็ ข้าคงคิดไปนานแล้วว่าความฉลาดของเจ้าต้องได้มาจากท่านแม่ของเราแน่ๆ โลกิ”
ถ้อยคำที่เป็นปริศนา อย่างที่ทำให้ผู้เป็นน้องชายถึงกับแอบลืมตาขึ้นข้างหนึ่งเพื่ออยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไรกันแน่ แต่เขาก็คงต้องผิดหวังแล้ว เมื่อทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกจากปากมา สติของธอร์ก็เหมือนจะลอยไปไกลสู่เหตุการณ์ก่อนที่ธอร์จะมาโลกมนุษย์เป็นครั้งที่ 2
หรือก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ เวลาที่แอสการ์ดได้รู้ว่าเจ้าชายจอมเกรียนของพวกเขายังมีชีวิตอยู่!!
...เขตพระราชวัง แอสการ์ด...
ข่าวการกลับมาเกรียนอีกครั้งของโลกิยังโลกมนุษย์ ถูกนำมาถ่ายทอดโดยบรรดาเหล่าจอมเวทย์ที่แอบยักยอกเงินในท้องพระคลังซื้อจานแดงติดทรูวิชั่น และได้เห็นเหตุการณ์ข่าวด่วนที่เข้ามาแทรกระหว่างการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีคนัดสำคัญเข้าพอดี
พวกเขาต่างก็ไม่รอช้า และรีบนำข่าวนี้มาให้แจ้งให้แก่โอดินรับทราบ...
“ข้าเข้าใจเรื่องทั้งหมดที่พวกเจ้าเล่าแล้ว”
โอดินถอนใจดังอุวะฮ่าฮ่าฮ่า มือยกขึ้นปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะด้วยความเสียใจต่อพฤติกรรมอันเลวร้ายของบุตรชายคนเล็ก เมื่อหันไปพยักหน้าให้กับบุตรชายอีกคนที่มีท่าทางเหมือนพร้อมจะเหวี่ยงค้อนแล้วกระโจนตามออกไปยังโลกได้ทุกเมื่อ ทันทีที่ชื่อของโลกิถูกเอ่ยออกมาจากเหล่าจอมเวทย์พวกนั้น
“ข้ายกเรื่องของโลกิให้เป็นหน้าที่ของเจ้า ธอร์...อีกเดี๋ยวข้าจะให้จอมเวทย์พวกนี้สร้างประตูมิติเพื่อส่งเจ้าไปยังโลกมนุษย์ ตอนนี้เจ้าควรจะรีบกลับห้องไปเก็บเสื้อผ้าสำหรับไปค้างข้างนอกสัก 3-4 วัน ทางที่ดีอย่าลืมเอาผ้าคลุมสีแดงไปหลายๆผืนเพราะมันเปื้อนง่าย แล้วก็สำหรับตะกร้อ อะแฮ่ม ที่ปิดปากน้องชายเจ้า สั่งทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมไปรับมาจากช่างตีเหล็กด้วยล่ะ”
“ครับ ท่านพ่อ”
หากเป็นวัยเยาว์กว่านี้ ธอร์คงไม่ลังเลยเลยที่จะกระโจนออกไปตามล่าตัวน้องชายตั้งแต่ สระ โ ในชื่อของโลกิถูกเอ่ยออกมา แต่หลังจากที่ผ่านเรื่องต่างๆมามากมาย รวมถึงเหตุการณ์สุดสะเทือนไตที่น้องบังเกิดเกล้าคนนั้นหายตัวไป ธอร์ก็ได้กลายมาเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะยอมฟังจอมเวทย์เล่าเรื่องจนจบ พอที่จะค่อยๆเดินอย่างมีมาดออกจากท้องพระโรงที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน และเยือกเย็นพอที่จะไม่หันไปว้ากใส่พ่อตัวเองกับคำถามแว่วๆที่โอดินแอบกระซิบกับเหล่าจอมเวทย์
“..ตกลงแมนซิตี้ชนะใช่มั้ย?”
ตึกตึก โครม ตึกตึก โครม..
เสียงฝีเท้าของรัชทายาทแห่งแอสการ์ดดังก้องไปตามทางเดิน ที่เหล่าผู้คนต่างก็พากันหลบวูบวาบ ไม่มีใครกล้าพอที่จะเสนอหน้าออกมาขวางทางของคนที่ทำท่าเหมือนกระทิงที่พร้อมจะขวิดได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องรอสัญญาณผ้าแดง และต่อให้ธอร์ไม่มีท่าทางแบบนั้น แต่อาการหัวเราะสลับกับหน้าบึ้งที่แสดงออกมา มันก็ทำให้คนที่มีสติดีๆต่างก็ไม่คิดจะเข้าใกล้เช่นกัน
แต่ในการนั้น...ย่อมไม่รวมถึงอีกคนหนึ่งในครอบครัวที่ดูสติไม่เต็มเต็งสักเท่าไหร่..........
“ธอร์”
เสียงหวานดังมาจากทิศทางหนึ่ง เรียกสายตาคู่สีฟ้าของรัชทายาทแห่งแอสการ์ดให้หันมองตาม เพื่อจะได้เห็น ฟริกก้า ราชินีแห่งแอสการ์ด มารดาของตนที่กำลังโบกมือหยอยๆมาให้จากห้องด้านตรงข้าม
“ท่านแม่ ข้ากำลังรีบ...”
ธอร์เอ่ยขึ้นแทบจะในทันทีที่ก้าวเข้ามายืนอยู่ในห้องเดียวกับผู้เป็นมารดา พลางหันไปมองอีกฝ่ายที่รีบไปวิ่งไปปิดล็อคประตูอย่างรวดเร็วด้วยความงุนงง
“แม่รู้ แม่ก็กำลังรีบเหมือนกัน”
ฟริกก้าตอบทันทีที่เลื่อนโต๊ะอีกสามตัวมาขวางประตูซ้ำเพื่อกันไม่ให้คนนอกเข้ามาได้
“แม่ได้ยินข่าวเรื่องโลกิแล้ว เขายังมีชีวิตอยู่..”
ราชินีแห่งแอสการ์ดยกกมือขึ้นปาดน้ำตาเบาๆ สำหรับนางแล้วถึงนั่นจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ความรักที่มีให้ก็เป็นเช่นเดียวกับที่นางมีให้แก่ธอร์ หรือ้าจะว่าไปแล้วความรักที่มีให้นั้นอาจเท่าเทียมกัน แต่สำหรับความสงสารแล้ว นางยังมอบให้แก่โลกิมากเสียยิ่งกว่าผู้เป็นลูกชายแท้ๆด้วยซ้ำ
ร่างบางหันไปขึงตาใส่ลูกชายคนโต ก่อนจะถามด้วยเสียงที่กร้าวที่สุดเท่าที่นางจะทำได้
“ธอร์ ลูกคิดจะทำยังไงกับโลกิ?”
“ข้าคิดจะทำยังไงกับโลกิ?”
ธอร์ทวนคำด้วยสีหน้าสงสัย จนกระทั่งเมื่อได้เห็นสายตาเหมือนหวาดกลัวแทนลูกชายคนเล็กของผู้เป็นมารดา มันก็ทำให้ชายหนุ่มเริ่มจะเข้าใจและเริ่มที่จะโมโหเล็กๆเช่นกัน
“แน่นอนอยู่แล้วว่าข้าจะต้องพาโลกิกลับมาบ้านให้ได้!! ท่านแม่คิดได้ยังไงกันว่าข้าจะทำร้ายน้องชายของข้า..”
“ที่แม่ต้องถามก็เพราะว่าตอนนี้โลกิคงไม่คิดจะยอมรับว่าเจ้าเป็นพี่ชายอีกแล้วน่ะสิ”
“ทะ..ท่านแม่!!”
วาจาที่สุดแสนจะเสียดแทงจิตใจหลุดออกมาจากริมฝีปากของมารดาบังเกิดเกล้า อย่างที่หากว่าคนที่กล้าพูดประโยคนี้เป็นคนอื่นแล้วล่ะก็ ก็คงได้หัวแบะเพราะค้อนในมือของเขาไปนานแล้ว
แต่เพราะว่าอีกฝ่ายคือ ฟริกก้า...ธอร์จึงได้แต่กำมือแน่น อยากที่จะโต้เถียงอะไรสักอย่าง แต่ก็นึกหาคำโต้ตอบออกมาไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะถึงจะไม่ถนัดการใช้สมองสักเท่าไหร่ แต่ถ้อยคำที่น้องชายไม่ยอมรับว่าเขาคนนี้เป็นพี่..ถ้อยคำที่โลกิพูดออกมาในครั้งสุดท้ายที่ได้พบกัน มันก็ทำให้ธอร์ยากที่จะทำใจเชื่อว่าการพบหน้ากันในครั้งนี้..จะจบลงด้วยดี
ฟริกก้าลอบสังเกตสีหน้าที่เต็มไปด้วยความลำบากยากใจของลูกชายคนโต ก่อนที่นางจะยิ้มออกมาอย่างพึงใจ เมื่อโอบกอดร่างแกร่งนั้นไว้อย่างนุ่มนวล
“อย่ากังวลไปเลย ลูกชายข้า ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย เจ้าจะต้องได้น้องชายของเจ้าคืนมา และแม่ก็จะต้องได้ลูกชายคนเล็กของแม่คืนมาเช่นกัน”
“..ท่านแม่พูดเหมือนมีแผนอะไรในใจ?”
“แม่เป็นแม่ของเจ้า ธอร์ แต่แม่ก็เป็นแม่ของโลกิเช่นกัน” ฟริกก้าหยักยิ้มที่มุมปาก ในความเป็นมารดาที่ใส่ใจต่อบุตรแล้ว จะมีใครอื่นอีกที่จะเข้าใจโลกิไปมากกว่านาง “ตั้งแต่เด็กแล้วที่โลกิมีนิสัยดื้อรั้น แถมยังซึนยิ่งกว่าสาวแว่นคนไหนๆ ถ้าแม่บอกว่ารักเขา เขาก็จะเข้าใจว่าแม่โกหก ถ้าแม่บอกว่าแม่เกลียดเขา เขาก็ดันจะยอมรับว่าเป็นความจริง ช่างเลี้ยงยากซะจริงๆเลยลูกชายคนนี้”
แม้ปากจะบอกว่าเลี้ยงยาก แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยวามสุขยามคิดถึงลูกชายคนเล็กที่ไม่เพียงแต่จะเป็นคนสำคัญสำหรับนาง แต่ยังเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับลูกชายคนโตของนางเช่นกัน และเพราะอย่างนั้นไม่ว่าจะต้องใช้เล่ห์กลมนต์คาถาแบบไหนก็อย่าหวังว่าฟริกก้าคนนี้จะยอมให้โลกิหนีออกจากแอสการ์ดไปอีกเป็นครั้งที่สอง!!
ขอเอาชื่อของราชินีคนไหนก็ได้แห่งแอสการ์ดเป็นเดิมพัน..!!
“ฟังแม่นะ ที่โลกิเกรียนแตกขนาดนี้ก็เพราะว่าเขารู้เรื่องที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับพวกเรา และเพราะเขาให้ความสำคัญกับพวกเรามาก จึงไม่อาจยอมรับได้ที่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นได้แค่คนนอก โลกิถึงได้พยายามที่จะพิสูจน์ตัวเองหลายต่อหลายครั้ง ปากเขาก็บอกว่าไม่ยอมรับแม่ ไม่ยอมรับพี่ชาย แต่ใจเขาน่ะคงอยากได้ยินพวกเรายังคงเรียกเขาว่าคนในครอบครัวมากกว่า”
ฟริกก้าวิเคราะห์อย่างมีประเด็น
“ที่จริงแล้วจะให้พวกเรายืนยันว่าโลกิเป็นลูกเป็นน้องอีกสักกี่ร้อยกี่พันครั้งก็ได้ แต่ด้วยนิสัยหัวดื้อ แต่ลึกๆลงไปกลับอ่อนไหวของน้องชายลูก บางทีคงต้องใช้เวลาหลายสหัสวรรษกว่าความรู้สึกของพวกเราจะเจาะสว่านผ่านกะโหลกเข้าไปถึงในสมองของเขาได้ ซึ่งแม่ไม่อยากให้เวลาต้องสูญเปล่าไปถึงขนาดนั้น”
ร่างบางออกเดินวนไปวนมาอย่างคนที่กำลังใช้ความคิดไตร่ตรองถึงแผนเป็นครั้งสุดท้าย
“มันมีอีกวิธีที่ง่ายกว่า ในเมื่อให้ยังไงพวกเราก็ไม่อาจทำให้โลกิมีสายเลือดเดียวกับพวกเราได้ ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกเราถึงไม่มอบสถานะใหม่ให้แก่เขา มอบสถานะที่จะทำให้เขาเรียกแม่ว่าแม่ได้ ให้เขาเรียกเจ้าว่า ท่านพี่ ได้...”
“ท่านแม่หมายความว่า.....”
เทพสายฟ้าแห่งแอสการ์ดชักเริ่มตามความคิดของผู้เป็นมารดาไม่ทัน ชายหนุ่มเลิกคิ้วน้อยๆด้วยความสงสัยปนกับความลุ้นระทึก เพราะหากจะมีสิ่งใดที่ทำให้น้องชายตัวแสบนั่นกลับมาเรียกเขาว่า ท่านพี่ ได้อีกครั้งล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นอะไรเขาก็พร้อมจะยอมทำทั้งนั้น.......................
หาก....แน่หรือ?
เพราะแผนที่ฟริกก้าคิดเอาไว้นั้น มันเกินกว่าความชั่วร้ายใดๆที่แม้แต่โลกิจะสามารถคิดออกมาได้!!
“ทำให้โลกิตกเป็นของลูกซะ ธอร์!!”
ฟริกก้าแย้มรอยยิ้มหวาน ยามเมื่อเผยแผนการสุดชั่วร้ายเท่าที่สมองของนางจะคิดออกมาได้ และคงไม่มีแผนอื่นใดที่จะสมบูรณ์แบบไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“แม่ไม่สนใจว่าลูกจะใช้วิธีอะไร แต่ทันทีที่จับตัวโลกิกลับมาได้ ลูกอาจจะวางยา อาจจะใช้กำลัง หรืออาจจะตีหัวลากเข้าถ้ำแม่ก็ไม่เกี่ยง ขอแค่ทำให้โลกิตกเป็นของลูกในทุกวิถีทางที่คู่ผัวตัวเมียจะเป็นกัน ทีนี้พอข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกแล้ว โลกิในฐานะคนของตระกูลเราจะหนีไปไหนพ้น!!”
ไม่ใช่แค่พูดเปล่า แต่ฟริกก้ายังยกกำปั้นขึ้นในท่าทางแห่งชัยชนะ จริงอยู่ว่าวิธีนี้อาจจะดูไม่ขาวสะอาดสักเท่าไหร่ แต่ประวัติศาสตร์ย่อมถูกจารึกไว้ด้วยฝีมือของผู้ชนะเสมอ และในเมื่อนางตั้งใจที่จะเป็นผู้ชนะในเกมส์นี้ ประวัติศาสตร์ที่จะถูกเขียนขึ้นก็ย่อมจะไม่มีการเอ่ยถึงแผนสุดชั่วช้านี้เช่นกัน!
“นะ..นั่นมันอาชญากรรมแล้วนะ ท่านแม่”
ธอร์ถึงกับอ้าปากค้างกับแผนการที่ผู้เป็นมารดาคิดออกมาได้ ซึ่งไม่ว่าจะคิดในด้านคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม หรืออะไรที่ลงท้ายว่าธรรมอีกก็แล้วแต่ มันก็ล้วนแต่ผิดเน้นๆ ผิดแน่นอนทั้งนั้น!!
“ลูกไม่เคยได้ยินประโยคที่ว่า อาชญากรรมทำเพื่อเธอว์ รึไงจ๊ะ ธอร์?”
ฟริกก้าย้อนถาม ก่อนจะมองค้อนลูกชายผู้แสนจะซื่อบื้อที่ส่ายหน้าหวือแทบจะในทันที
“ถ้างั้นลูกจะเอายังไงไม่ทราบ? ไหนลองบอกแม่ซิว่ายังมีวิธีไหนอีกที่จะเหนี่ยวรั้งน้องชายลูกให้อยู่ที่นี่ต่อได้” ร่างบางยกมือขึ้นท้าวเอว พลางยกนิ้วขึ้นจิ้มเกราะลูกชายอย่างไม่กลัวเจ็บ “ถ้าโลกิตกเป็นของลูก เขาก็จะต้องเรียกแม่ว่า ท่านแม่(สามี) แล้วก็เรียกลูกว่า ท่านพี่ อย่างที่พวกเราต้องการ แถมตามกฎหมายของแอสการ์ด ยกเว้นแต่ฝ่ายสามีจะทำผิดร้ายแรงแล้ว ผู้ที่อยู่ในฐานะภรรเมียย่อมอยู่ในความครอบครองของสามีทุกประการ ลูกจะได้มีสิทธิ์มีอำนาจเหนือโลกิในทุกด้านเลยนะ ธอร์!!”
คำว่า มีอำนาจเหนือโลกิ ทำให้จิตใจที่เคยคัดค้านสุดฤทธิ์ของธอร์ก็ยังถึงกับไขว้เขว หากว่าเขามีอำนาจเหนือโลกิล่ะก็ เขาก็จะสามารถขังน้องชายตัวแสบให้อยู่แต่ในห้องนอนทั้งวัน ไม่ให้วิ่งไปป่วนที่อื่นได้ ถ้าเขาเป็นสามีของโลกิ เขาก็จะสามารถผูกมัดให้ผู้เป็นน้องชายต้องอยู่ในระยะสายตามองเห็นได้ตลอดเวลา และถ้าโลกิดื้อมากๆล่ะก็ ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถจับโลกิมาตีก้นได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังจะสามารถมัดอีกฝ่ายไว้กับเตียง แล้ว............
จินตนาการที่ชักเตลิดไปไกล ทำให้ธอร์ต้องพยายามเรียกความคิดให้กลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มยกมือขึ้นโบกไม้โบกมือในลักษณะที่บอกว่าเป็นไปไม่ได้
“ท่านแม่ ท่านลืมอะไรไปรึเปล่า? ข้ากับโลกิเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่นะ ถ้าท่านแม่ให้เราลงเอยกัน แล้วความฝันของท่านแม่ที่อยากมีหลานๆล่ะ? แล้วบัลลังก์ของแอสการ์ดจากนี้ไปล่ะ?”
“แม่ไม่เห็นจะสน” ฟริกก้าตอบอย่างไม่แคร์ “จริงอยู่ว่าถ้าเป็นไปได้แม่ก็อยากเลี้ยงหลาน แต่หลานที่ว่าก็แค่เด็กที่ยังไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นก่อนที่จะคิดเรื่องสิ่งที่ยังไม่มี แม่ย่อมเห็นความสำคัญของลูกชายทั้งสองของแม่มากกว่า และถ้าการที่พวกเจ้าสองคนอยู่ด้วยกันทำให้พวกเจ้ามีความสุขล่ะก็..แม่ก็ไม่สนใจหรอกว่าจะได้มีหลานหรือไม่...ส่วนบัลลังก์แห่งแอสการ์ด หลังจากรุ่นเจ้าแล้ว ใครอยากได้ก็ยกให้คนนั้นไปก็แล้วกัน”
ช่างเป็น......คำพูดที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นเสียจนธอร์ถึงกับใจสั่นคลอน ชายหนุ่มเผลอคิดตามแผนของผู้เป็นมารดาอีกครั้ง แต่ว่าสุดท้ายแล้ว..มันก็ยังเหลือเรื่องที่น่ากลุ้มใจอยู่เรื่องนึงอยู่ดี
“แต่ว่า...โลกิเป็นผู้ชายนะ ท่านแม่!!”
...ย้อนกลับมา ณ ปัจจุบัน...
คำโต้เถียงที่ตนได้พูดกับผู้เป็นมารดาดูราวกับจะย้อนกลับมาในสมอง...ในเวลานั้นเทพเจ้าสายฟ้าแห่งแอสการ์ด แทบไม่เคยเชื่อเลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างชายกับชายจะเป็นไปได้จริงในทางพฤตินัย จริงอยู่ว่าฟิค Y ที่เจนเคยให้อ่านจะเขียนบรรยายฉาก XXX เอาไว้อย่างโจ๋งครึ่ม แต่ว่านั่นก็เป็นแค่หนังสือเท่านั้น ธอร์แทบไม่ได้ปักใจเชื่อกับเนื้อหา จนกระทั่งเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่น้องชายตัวปัญหาได้สอนให้เขารู้ด้วยร่างกาย ว่าความสัมพันธ์ระหว่างชายกับชายนั้น..มันยิ่งกว่าเป็นไปได้...
แต่ว่า..สำหรับตัวเขาที่เคยแต่หลงใหลในร่างกายของหญิงสาวแล้ว จะมีอารมณ์กับผู้ชายได้จริงหรือ?
คำถามที่ธอร์นึกถามตัวเองอยู่ในใจ เมื่อดวงตาสีฟ้าก้มลงมองร่างเปลือยเปล่าที่ยังคงแกล้งนอนนิ่งอยู่ด้านล่าง ปฏิกิริยาของโลกิเห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะขัดขืนเพราะต่อให้ขัดขืนยังไงก็ไม่มีทางสำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยนิสัยหัวดื้อที่มีแต่เกิด ก็อย่าหวังว่าโลกิจะยอมให้ความร่วมมือไปด้วย
คอยดูนะ ข้าจะแกล้งนอนแน่นิ่งตลอด เอาให้คิดว่านอนกับท่อนไม้ไปเลย!!
โลกิตะโกนด่าดุเดือดอยู่ในใจ ดวงตาสองข้างปิดแน่น ไม่อยากแม้แต่จะมองเจ้าคนที่คิดจะแย่งชิงทุกสิ่งไปจากเขา ทว่าชายหนุ่มย่อมไม่รู้เลยว่าการกระทำเช่นนี้กลับเป็นการเปิดโอกาสให้ธอร์ได้ใช้ดวงตาทั้งสองในการมองร่างกายอันเปลือยเปล่าอย่างสะดวกสบายแค่ไหน
โดยเฉพาะเมื่อนี่คือครั้งแรกที่รัชทายาทแห่งแอสการ์ดได้เห็นผิวกายที่เคยถูกซ่อนไว้ใต้เนื้อผ้าของผู้เป็นน้องชาย ดวงตาคู่สีฟ้าไล่มองจากลำคอขาวเนียน อาการกลืนน้ำลายน้อยๆของอีกฝ่ายที่ทำให้ผิวกายบริเวณนั้นสั่นไหวอย่างน่าเอ็นดู ร่างที่ควรจะนอนนิ่ง แต่ลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกกลับทำให้ยอดอกสีชมพูอ่อนที่ดูเด่นเหลือเกินบนผิวขาวซีดจางขยับไหว ทั้งร่างกายที่ไม่ได้แข็งแกร่งเทียบเทียมกับนักรบ แต่กลับดูผอมบาง..อาจจะยิ่งกว่าที่จอมเวทย์สมควรจะเป็น มันบ่งบอกถึงชีวิตอันยากลำบากในช่วงที่โลกิหายตัวไปจากที่นี่ แต่ก็..ช่างดูน่าสัมผัสเหลือเกินกับผิวกายที่ขาวซีดจนน่าจะมีรอยจูบสัก 3 ไม่สิ สัก 100 กว่ารอยประทับบนผิวกายนั้น...
ธอร์เผลอเลียริมฝีปากเบาๆ เมื่อก้มหน้าลงไปหายอดอกสีชมพูอ่อนที่ดูจะชูชันอย่างท้าทายอยู่ในที แค่เพียงปลายลิ้นแตะต้องกับความหวาน ร่างของผู้เป็นน้องชายก็ถึงกับสะท้านเฮือก ให้ชายหนุ่มยิ่งนึกสนุกพอจะแกล้งครูดไรหนวดบางๆลงบนผิวเนื้ออ่อนไหวบริเวณนั้น เรียกเสียงครางอืออาจากคนที่ดูจะไม่คุ้นเคยเลยกับการถูกรุกราน
“อ๊ะ..อา....”
โลกิหลับตาปี๋ สองมือขยุ้มกำผ้าปูที่นอนจนแทบขาด แม้ใจจะพร่ำบ่นว่าให้นอนแข็งเป็นท่อนไม้ แต่ร่างกายกลับเผลอสั่นสะท้านกับแค่เพียงการหยอกเย้านิดๆหน่อยๆจากผู้เป็นพี่ชายเสียนี่
“เจ้ารู้อะไรมั้ย น้องข้า?”
แว่วเสียงห้าวทุ้มดังในระยะที่ใกล้แสนใกล้ ริมฝีปากอุ่นๆยังคงเคล้าเคลียกับยอดอกสีชมพูอ่อน บรรจงใช้ฟันกัดเบาๆเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสีแดงหวาน ก่อนจะหันไปทำกับอีกข้างด้วยความพึงใจอย่างเหลือล้นเช่นเดียวกัน
“นี่...เป็นครั้งแรกที่ข้าคิดจะนอนกับผู้ชาย..”
ไม่ต้องให้บอก ข้าก็รู้!!
โลกิตะโกนเถียงกลับอยู่ในใจ ความฉลาด ความเยือกเย็น ดูจะหายไปไกลลิบเมื่อต้องตั้งสมาธิอยู่กับริมฝีปากเหลือร้ายที่ไม่ยอมละออกจากแผ่นอกของเขาเสียที
...และหากว่านี่คือลีลารักของเทพเจ้าสายฟ้าแห่งแอสการ์ดแล้วล่ะก็ โลกิก็แทบจะเป็นลมเมื่อนึกถึงเหล่าสตรีนับร้อยที่แทบไม่อยากออกห่างจากเตียงของพี่ชายเขา...
และถ้าความทรงจำไม่ทรยศกันล่ะก็..ดูเหมือนเวลาได้ผู้หญิงคนใหม่มา ธอร์จะชอบมากที่ได้เล่นรักมาราธอนอย่างนั้นสินะ..!?
“มันเป็นครั้งแรกของข้า เพราฉะนั้นอะไรๆก็คงจะติดๆขัดๆไปบ้าง” ธอร์หัวเราะเบาๆ ขณะใช้ปลายลิ้นดุนดันยอดอกหวานๆที่ยิ่งชิมก็ยิ่งอยากลิ้มรสอีกครั้งและอีกครั้ง “ส่วนเจ้าเองถ้าคิดจะนอนนิ่งเป็นตุ๊กตายางแบบนี้ต่อล่ะก็ ข้าก็คิดว่าครั้งแรกนี่คงจะจบไม่สวยสักเท่าไหร่”
เรื่องของข้า ข้าก็ไม่ได้อยากให้มันจบสวยอยู่แล้ว!!
ร่างที่ยังคงหลับตาแน่นเลือกจะสะบัดหน้าไปอีกทางแทนคำตอบ ให้ผู้เป็นพี่ชายได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
“ข้าไม่ว่าอะไรหรอกถ้าจะจบไม่สวย จะห่วงก็แต่เจ้านี่แหละ โลกิ นอกจากเจ้าจะเคยถูกกล่าวหาว่าเป็น Puny God แล้ว จบครั้งแรกนี่ไปอาจจะมีคนบอกว่าเจ้าเป็น Puny Partner ด้วยก็ได้นะ..”
แสลงง่ายๆที่แปลเป็นภาษาชาวบ้านว่าคู่นอนห่วยแตก มากพอจะเรียกสีเลือดให้ปรากฏบนใบหน้าขาวซีดของบุตรชายคนเล็กแห่งโอดิน ชายหนุ่มผู้ถึงกับลืมตาขึ้นแทบจะในทันที
“ใคร!? ใครมันจะกล้ามาว่าข้าแบบนั้น!!?”
โลกิแผดเสียงลั่นจนข้าวของในห้องกับสั่นระริก ขณะที่ธอร์ยังคงยิ้มกริ่มกับโทสะของผู้เป็นน้องชาย แล้วเขาผู้เคยแต่จับไม่ได้ไล่ไม่ทันกับน้องชายตัวแสบคนนี้ ก็เริ่มจะค้นพบว่าเมื่ออยู่บนเตียงนอนด้วยกันแล้ว..ชั้นเชิงในการเล่นรักของโลกิยังอยู่ห่างไกลจากเขาอีกหลายแสนปี
“นั่นสินะ ข้าก็แค่เป็นห่วงเท่านั้น เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่ข้าจะนอนกับผู้ชาย ถ้าเจ้าไม่ให้ความร่วมมือด้วยล่ะก็..”
ร่างหนาค่อยๆเลื่อนกายลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบที่ไม่ใช่แต่จะไม่มีไขมัน แต่ยังดูผอมเกินไปมาก สำหรับผู้ชายคนหนึ่ง...
“หลังจากนี้ข้าจะต้องขุนให้เจ้าอ้วนขึ้นกว่านี้สัก 4-5 โลซะแล้ว”
พึมพำกับตัวเองพลางค่อยๆไล้ปลายลิ้นตามขอบสะดือเล็กๆที่ดูน่ารักน่าชังเสียจนอยากขย้ำด้วยคมฟัน สองแขนแกร่งโอบรอบเอวของผู้เป็นน้องชายแน่น ซึมซับถึงร่างกายผอมที่สั่นไหวภายใต้การเล้าโลมของเขา
“ถ้าเจ้าไม่ให้ความร่วมมือล่ะก็..นอกจากเจ้าอาจจะถูกหาว่าเป็น Puny Partner แล้ว ข้ากลัว..ว่าเจ้าอาจจะเจ็บนะ น้องข้า..”
“คะ..ใครจะร่วมมือกับท่านกัน...”
ปากยังแข็ง แต่หางเสียงนี่สิสั่นระริกไม่หยุด โดยเฉพาะเมื่อธอร์ผู้ยังคงแกล้งเล่นกับแผ่นท้องของเขาด้วยปาก กลับเลือกที่จะเลื่อนมือลงมาสู่เป้าหมายใหม่..ที่กำลังรอรับความสนใจไม่แพ้กัน
“ข้าคิดว่านี่เป็นเรื่องที่น่าพิศวงมากจริงๆนะ น้องข้า”
คำพูดที่ธอร์รู้สึกเหมือนเป็นการพูดให้ตัวเองฟังเสียมากกว่า ก่อนหน้านี้เขาคงไม่มีทางเชื่อว่าตนจะเล่นสนุกกับการสัมผัสภายนอกร่างกายของผู้ชายคนหนึ่งด้วยความหฤหรรษ์แค่ไหน และคงจะยิ่งไม่มีทางเชื่อว่าตนจะกำลังมองส่วนกึ่งกลางลำตัวของผู้ชายคนหนึ่ง..แล้วคิดอยากที่จะหยอกล้อมันด้วยมือและลิ้นไปพร้อมๆกัน
“ยะ..หยุดนะ! ธอร์..!!”
เสียงทุ้มๆร้องโวยลั่นเท่าที่แรงจากกระบังลมจะช่วยส่ง ร่างโปร่งดึงข้อมืออย่างแรงจนได้ยินเสียงสายโซ่กระทบกันดังกังวาน เรือนกายท่อนล่างสั่นสะท้านอยู่ภายใต้สองมือแกร่งที่เกาะกุมไว้ บังคับรับสิ่งนั้นของเขาเข้าไว้ในปาก แล้วลงมือจัดการด้วยลิ้นอันเจนจัดจนแทบจะเป็นอาชญากรรมนั่น!!
“หยุดไม่ได้สิ” ธอร์กระซิบเบาๆ ดวงตาคู่สีฟ้ามองความตื่นตัวที่กำลังขยายขนาดอยู่ในมือ ก่อนจะก้มลงไปรับมันไว้ในปากอีกครั้งอย่างสนุกสนาน “ก่อนหน้านี้เจ้ายังไม่เห็นจะยอมหยุดให้ข้าเลยนะ โลกิ”
“ทะ..ท่าน..ท่านมันคนเจ้าคิดเจ้าแค้น..”
“ไม่มากเท่ากับเจ้าหรอกน่า น้องข้า” ยิ่งเห็นอาการสั่นด้วยแรงอารมณ์ที่คละเคล้ากับความโกรธของโลกิ มันก็ทำให้ธอร์ยิ่งสนุกมากขึ้นเท่านั้น “...ทีนี้ถ้าอยากให้เรื่องนี้เสร็จเร็วๆ ไหนลองบอกข้าซิว่าข้าควรทำยังไงต่อ?”
ไปตายซะ!!
ประโยคที่โลกิอยากตะโกนด่าออกไปมากที่สุด แต่เมื่อคิดแล้วก็คิดอีก การที่เขาช่วยแนะนำธอร์จะมีอะไรไม่ดีบ้างในสถานการณ์นี้?
ในเมื่อถึงยังไงก็ไม่มีทางรอดจากผู้ชายหื่นและโหดคนนี้ได้ ถ้าอย่างนั้นสู้เขายอมแนะนำบางอย่าง เพื่อทำให้ตัวเองเจ็บน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น...
...โลกิลอบมองไปยังท่อนล่างของธอร์ ก่อนจะกลืนน้ำลายเบาๆอย่างขยาด...
ใช่แล้ว..เขาควรจะต้องแนะนำอะไรบางอย่าง เพื่อให้ ‘มัน’ เข้ามาได้สะดวกและเจ็บน้อยที่สุดจริงๆ
“นะ..ในกระเป๋าเสื้อของข้า..”
“หืมม์?” ร่างสูงเอื้อมกายไปควานหาเศษผ้าที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเสื้อของน้องชาย ก่อนจะคว้าได้ตลับทรงกลมแบนๆอันหนึ่งมา “นี่เหรอ?”
โลกิพยักหน้าอย่างยากลำบาก เมื่อจากการเลื่อนกายขึ้นมาของธอร์ในครั้งนี้ ทำให้ร่างกายของทั้งคู่กลับมาตรงกัน และทำให้สองขาของเขาได้สัมผัสอย่างชัดเจนกับขนาดที่น่าสะพรึงกลัวนั่น
“ใช้มัน..มันเป็นครีม..”
ธอร์เลิกคิ้วน้อยๆ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าครีมที่ช่วยในการหล่อลื่นมีอยู่ในโลกใบนี้ อย่าว่าโง้นงี้เลย เอาเข้าจริงเขาก็เคยเอามาใช้เล่นสนุกกับผู้หญิงเหมือนกัน แต่ว่า..ไอ้ความคิดที่ว่าโลกิถึงขนาดพกครีมติดตัวตลอดเวลา กลับทำให้ธอร์รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“นี่เจ้านอนกับผู้ชายคนอื่นบ่อยแค่ไหนกัน?”
ด้วยความหงุดหงิดเป็นแรงส่ง นิ้วสองนิ้วป้ายครีมที่เป็นเจลใสขึ้นมาก่อนจะสอดใส่เข้าไปภายในช่องทางที่ไม่เคยมีใครล่วงล้ำมาก่อน
“ฮ้า!! อะ..!!”
ครีมช่วยทำให้การสอดแทรกนั้นไม่ถึงกับเจ็บ แต่มันก็อึดอัดมากพอสำหรับคนที่ไม่เคยมาก่อน ร่างโปร่งแอ่นกายน้อยๆตามสัญชาตญาณ หวังว่ามันจะทำให้ผ่อนคลายมากขึ้น น่าเสียดายที่การกระทำนั้นกลับทำให้นิ้วสองนิ้วยิ่งถลำลึกเข้าไปภายในกายมากขึ้น
“อ๊า..ธอร์!!!”
ผู้เป็นพี่แค่นหัวเราะเบาๆ นิ้วลื่นขยับเข้าออกท่ามกลางสัมผัสอุ่นร้อนที่บีบรัดจนแน่น มันคับมาก..แน่นจนการสอดใส่นิ้วที่สามยังเต็มไปด้วยความลำบาก แม้จะได้ครีมช่วยหล่อลื่นไว้ก่อนก็ตาม
“เจ้าชอบแบบนี้มั้ย โลกิ?” เสียงทุ้มกระซิบถาม..ล่อหลอก.. “เคยมีใครทำให้เจ้าแบบนี้รึเปล่า?”
“อา...อะ..ไม่..มะ...ไม่..”
ร่างโปร่งตอบด้วยเสียงครางเครือ มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับการถูกรุกราน และทั้งที่มันควรจะเต็มไปด้วยความขยะแขยง แต่พอคิดว่าทั้งสามนิ้วที่กำลังขยับเข้าออกอยู่ในตัวเขาเป็นของพี่ชายที่ตนเกลียดชัง มันก็ทำให้ส่วนกึ่งกลางลำตัวถึงกับแข็งขึงกว่าเดิม
“แค่นี้..น่าจะพอแล้วนะ”
ที่จริงแล้ว..ถึงนี่จะเป็นครั้งแรกกับผู้ชายด้วยกัน แต่ประสบการณ์ที่เจนจัดก็มากพอจะทำให้ธอร์รู้ว่าที่จริงแล้วมันยังไม่พอ..กับการเตรียมความพร้อมให้แก่น้องชายตัวปัญหา...แต่ว่ากับเรือนกายที่สั่นสะท้านอย่างยั่วเย้านี่ เขาเองก็ไม่อาจจะทนรอมากกว่านี้แล้วเช่นกัน
นิ้วเปียกลื่นทั้งสามถูกดึงออกมาอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงครางลั่นของคนที่ถูกรังแก แต่หากว่าการกระทำนั้นทำให้โลกิถึงกับครางออกมาแล้ว การกระทำต่อมาที่มือหยาบจับยกขาทั้งสองของเขาให้ยกขึ้นสูง ก่อนจะกดแทรกกายเข้ามาในช่องทางสีชมพูอ่อนนุ่ม ก็ทำให้โลกิถึงกับแทบสิ้นสติ!!
“ธอร์!!!!”
มันช่างน่าแปลกที่ในความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น โลกิกลับไม่ได้ร้องครางหรือตะโกนด่าอย่างที่ควรจะเป็น แต่ชายหนุ่มกลับเผลอตะโกนเรียกชื่อของพี่ชายออกมา..เหมือนในครั้งเมื่อนานแสนนานมาแล้ว ที่เมื่อได้พบกับความเจ็บปวดใดๆ ก็จะเป็นชื่อของพี่ชายคนนี้เสมอที่เขาเรียกหาก่อนใคร
“ไม่เป็นไรแล้ว น้องข้า”
เสียงห้าวปลอบประโลม หากเป็นตามปกติก็คงจะตามด้วยมือที่ขยี้เรือนผมสีดำของน้องชายเบาๆ แต่ในครั้งนี้การปลอบโยนที่เกิดขึ้นกลับถูกกระทำด้วยริมฝีปากที่กัดยอดอกสีชมพูหวานอย่างมันส์เขี้ยว
“!!!!”
ร่างโปร่งสะดุ้งทั้งตัว เจ็บ แต่ว่า...
“ไม่น่าจะเจ็บมากแล้วนี่นะ”
ธอร์หัวเราะเบาๆ เมื่อฉวยโอกาสที่น้องชายสะดุ้งกดแก่นกายลึกเข้ามาจนสุด แก่นกายอวบหนาที่ได้ครีมตลับนั้นชโลมจนชุ่มบดเบียดอยู่ภายในช่องทางผ่าวร้อนที่แม้จะไม่ได้ต้อนรับอย่างเต็มใจ แต่ในเวลานี้ก็ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าใครกันแน่ที่มีอำนาจเหนือใคร
“ท่านมัน...”
ประโยคที่ตั้งใจว่าจะด่า กลับเลือนหายไปแทบจะในทันทีที่เทพสายฟ้าเริ่มขยับกาย ครีมที่ช่วยหล่อลื่นทำให้ความเจ็บเลือนหายไปกว่าครึ่ง หรือต่อให้ยังเจ็บมากกว่านี้ แต่ว่า...
“อ๊า!! อะ..พี่..ธอร์...!!”
เสียงครางลั่นคละเคล้าไปกับเสียงโซ่ที่กระทบกันเกรียวกราว ร่างโปร่งผู้เคยนิยมการเล่นรักอย่างเชื่องช้า ค่อยๆเป็นค่อยๆไป กลับได้มาพบกับผู้ชายที่ชอบเล่นรักอย่างเร่าร้อนมากที่สุดคนหนึ่ง ความแรงที่ผลักกระแทกเข้ามาทำให้ร่างกายของโลกิถึงกับสั่นเยือก เตียงสั่นสะเทือนจากบทรักของเทพเจ้าสายฟ้าแห่งแอสการ์ด
“ข้ารู้ว่าเจ้าชอบสวมหมวกมีเขานี่แค่ไหน แต่ว่า....”
ธอร์กระซิบเสียงแหบพร่า ขณะทั้งผลักทั้งดันเข้ามาในร่างกายของน้องชายอย่างไม่รู้จักพอ หน้าท้องแกร่งสัมผัสกับหน้าท้องผอมบางครั้งแล้วครั้งเล่า ได้สัมผัสกับหยาดหยดสีขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนไปทั้งบนตัวของพวกเขา เลอะไปจนถึงผ้าปูเตียงที่รองรับร่างกายทั้งสองนี่ไว้
ธอร์จำไม่ได้แล้วว่าโลกิถูกบังคับให้เสร็จสมไปกี่รอบ เช่นเดียวกับที่เขาก็รู้ว่าด้วยสภาพที่ถูกบีบคั้นจนทำได้แค่ครวญครางแล้วหลั่งความสุขออกมาแบบนี้ โลกิก็คงจำไม่ได้เช่นกันว่าตนเองเสร็จไปแล้วกี่รอบ แต่ว่ามันจะเป็นสักกี่สิบรอบหรืออีกกี่ร้อยรอบก็ช่าง แต่ธอร์ก็ยังไม่รู้สึกว่าเพียงพอ..ยังอยากที่จะได้มากกว่านี้ อยากที่จะเฝ้ามองใบหน้ายามสุขสมของน้องชายอีกสักเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง...ไม่สิ ถ้าด้วยความกระหายในตอนนี้ล่ะก็ มันคงเทียบเท่ากับชั่วนิรันด์กาล!!
“จำคำของพี่ไว้ โลกิ เจ้าเป็นของพี่ และพี่จะไม่ยอมถูกเจ้าสวมเขาเด็ดขาด!!”
สิ้นคำพูดอันดุเดือดนั้น ร่างแกร่งก็กระแทกกายเข้าไปภายในช่องทางฉ่ำชื้นอีกครั้ง ก่อนจะหลั่งหยาดหยดอุ่นร้อนให้รินไหลลึกเข้าไปภายในตัวของน้องชาย
โลกิหอบหายใจรัวแรง รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ แต่เดิมเขาก็ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายบ่อยๆอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอกับบทรักรุนแรงที่เหมือนกับได้ออกกำลังกายหนักๆมาค่อนวันนี่อีก มันก็ทำให้จอมเวทย์แห่งแอสการ์ดแทบจะหมดสติไปตั้งแต่เมื่อสิบกว่าชั่วโมงที่แล้ว คงหมดสติไปนานแล้วถ้าไม่ใช่เพราะถูกพี่ชายต่างสายเลือดรบเร้าด้วยร่างกายจนได้แต่ประคองสติรับการลงโทษในแบบที่เขาไม่เคยคาดฝันว่าจะได้พบเจอมาก่อน..
“ฮ้า..ฮ้า...”
ร่างโปร่งหอบหายใจอย่างทรมาน ดวงตาทั้งสองข้างปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อน รับรู้ได้ถึงมือแกร่งที่แตะต้องใบหน้าของเขาเบาๆ ให้โลกิเผลอตัวเอียงแก้มไปซบกับความอบอุ่นนั้น..
“ข้า..ข้าเกลียดพี่..ธอร์”
เป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่เจ้าชายผู้ถูกย่ำยีจะหมดสติลง มันเป็นคำพูดที่ฟังรุนแรง แต่ก็ช่างเป็นความรุนแรงที่น้อยนิดเมื่อพิจารณาจากการที่โลกิยังคงเอียงซบหน้าลงกับมือหยาบของผู้เป็นพี่ชาย ร่างที่เปรอะไปด้วยรอยจูบ รอยขบกัดหรือแม้แต่ร่องรอยสกปรกต่างๆ ยังคงทอดกายอย่างวางใจในอ้อมแขนของคนที่ได้ทดลองทำแทบจะทุกสิ่งทุกอย่างกับร่างกายนี้ไปจนหมดสิ้นแล้ว...
แม้ว่าสำหรับผู้ที่ยังมองใช้ดวงตาคู่สีฟ้าจับจ้องมองใบหน้าสงบยามนอนหลับของผู้เป็นน้องชายแล้ว บางทีทุกสิ่งทุกอย่างที่ว่านั่น..อาจจะยังไม่ได้เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ
“ข้ารู้ว่าเจ้ารักข้า โลกิ”
เสียงห้าวเอ่ยด้วยความมั่นใจผิดจากเคย มันเป็นความมั่นใจอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งจะพึงมี ความมั่นใจของผู้ชายที่ได้ลิ้มรสเรือนร่างของอีกฝ่ายไปแล้ว ได้สัมผัสว่าในการขัดขืนที่แสดงออกนั่น ลึกๆลงไปโลกิเต็มไปด้วยอารมณ์ร่วมแค่ไหน และกับคนที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกขนาดนี้ในยามที่เขาสอดแทรกกายเข้าหานั้น มันก็ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้เลย
“...และข้าก็รักเจ้าเหมือนกัน น้องชายแสนซึนของข้า”
ริมฝีปากอุ่นทาบทับลงบนริมฝีปากที่บวมช้ำเบาๆ อาจบางทีคงต้องใช้เวลาในการปราบเกรียนน้องชายคนนี้อยู่บ้าง แต่ว่า....
ถ้ารู้ว่ากอดแล้วจะเป็นอย่างนี้ รู้งี้ข้าน่าจะกอดเจ้าให้รู้แล้วรู้รอดไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว!! น่าเสียดายเป็นบ้า!!!
---- TBC.----
ความคิดเห็น